Thomas à Kempis ผู้ประพันธ์ “แบบจำลองพระคริสต์

การสนทนาระหว่างพระเยซูคริสต์ กับศิษย์ของพระองค์ หนังสือที่ถูกยกย่องว่า เหมือนพระคัมภีร์มากที่สุด และ ถูกยกย่องว่า เป็นหนังสือ "ที่เลิศที่สุดในบรรดาหนังสือที่มนุษย์ประพันธ์ร้อยกรอง"การประจักษ์ก่อนการแยกนิกาย คริสตชนทุกนิกายอ่านได้
ตอบกลับโพส
ภาพประจำตัวสมาชิก
Holy
Defender of lawS
Defender of lawS
โพสต์: 10011
ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ ม.ค. 17, 2005 3:06 pm

ศุกร์ มี.ค. 26, 2010 7:50 pm

Thomas à Kempis

Thomas à Kempis ผู้ประพันธ์ “แบบจำลองพระคริสต์” เกิดที่ Kempen ในแขวง Cologne ในระหว่างปี คริสตศักราช 1379 ถึง 1380 และได้เสียชีวิตลงในวันที่ 25 กรกฏาคม ปี 1471
บิดามารดาของท่าน คือ  John และ Gertrude Haemerken ประกอบอาชีพเกี่ยวกับงานช่างฝีมือ  โดยที่สกุล Haemerken หรือ Haemerlein มาจากภาษาลาตินว่า Malleolus อันมีความหมายแปลว่า ค้อนเล็กๆ    คู่สามีภรรยา Haemerken ได้มีบุตรชายด้วยกัน 2 คน โดยคนโตคือ John และ คนรอง คือ Thomas ผู้นี้

เมื่ออายุได้ 13 ปี  Thomas ก็ได้ออกเดินทางไปศึกษาที่โรงเรียนสอนศาสนา Deventer ใน Holland ขณะที่ก่อนหน้านั้นในช่วง 10 ถึง 12 ขวบปีที่ผ่านมาของ Thomas  ได้มีพี่ชายเป็นผู้ให้การศึกษา สอนสั่งเขามาโดยตลอด    ในตอนแรกเริ่ม เมื่อมาถึงโรงเรียนแล้ว Thomas คาดหวังว่าจะได้พบกับพี่ชายของตน ณ ที่นี่ แต่เขาก็พบว่าพี่ชายของตนได้จากที่นี่ไปได้ร่วม 2 ปีแล้ว ร่วมกันกับคนอื่นๆ ของ Brothers of the Common Life เพื่อไปสร้างชุมชนใหม่ที่ Windesheim ซึ่งห่างออกไป 20 ไมล์ จาก Deventer   

Thomas ได้เข้าเรียนที่โรงเรียน Deventer แห่งนี้  ด้วยจดหมายแนะนำตัวที่ได้รับมาจากพี่ชาย โดยเขาได้รับการต้อนรับอย่างอบอุ่นจาก Florentius Radewyn อธิการผู้ใหญ่ของ Deventer ผู้ซึ่งให้ที่พักอันอบอุ่น พร้อมด้วยการดูแลอย่างดี
เนื้อหาเหล่านี้ เราได้รู้ผ่านปลายปากกาของ Thomas เอง  ซึ่งเขาได้บันทึกประวัติของเขาไว้ในยามอันชราภาพ  และจากชีวประวัติที่เขาได้บันทึกเอาไว้นี่เอง  ทำให้เราทราบได้ว่า ตลอด 7 ปีที่เขาอยู่ใน Deventer นั้น    Thomas ได้อยู่ในกลุ่มที่ดีที่สุดของ Redewyn  และได้รับการเอาใจใส่อย่างดีมาโดยตลอด  จึงเป็นไปไม่ได้เลยที่จะกล่าวว่า ช่วงเวลาหลายปีนั้น Thomas จะไม่ได้รับอิทธิพล ลักษณะนิสัยหลายๆ อย่างมาจากการใช้ชีวิตอยู่ที่นั่น 

“New Devotion”  ที่เป็นศูนย์กลางแนวคิดและหัวใจหลักสำคัญของโรงเรียน Deventer คือความพยายามในการรื้อฟื้น หลักข้อความเชื่อของคริสต์ศาสนาแบบดั้งเดิม ขึ้นมาในช่วงศตวรรษที่ 14 ทั้งหมดนี้ต้องขอบคุณ การวางรากฐานของสังฆานุกร Gerard Groote และการสืบสานงานต่อของ Florentius Radewyn  ที่ทำให้เกิดคณะ “Brothers and Sisters of the Common Life”  นี้ขึ้นมาได้

คณะนี้ไม่ได้ ถือสัตย์สาบานตน หากแต่ดำเนินชีวิตในความพอเพียง สมถะ ความบริสุทธิ์ และการนบนอบเชื่อฟัง  โดยครองตนอย่างดังกล่าว ให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ ตามสภาวะและฐานันดรภาพของแต่ละบุคคล บางคนทำสิ่งนี้ในบ้านตนเอง ขณะที่บางคนโดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับพวกนักบวช จะทำร่วมกับชุมชนที่ตนอยู่  แต่กระนั้นก็ดี พวกเขาถูกห้ามไม่ให้เรี่ยไรบริจาค และจำต้องหาเลี้ยงชีพตนเองจากน้ำพักน้ำแรงของตนเอง  ซึ่งสำหรับบรรดานักบวชแล้ว คือการสอนสั่งพระคัมภีร์ให้กับบรรดาเด็กๆ ผู้เยาว์วัย  โดยรายได้ทั้งหมดจะรวมไว้ในกองทุนกลาง  เพื่อให้อธิการผู้ใหญ่สามารถจัดสรร แบ่งปันและใช้ได้ตามความเหมาะสม  ขณะที่หัวใจหลักของคณะนี้ คือการใช้ชีวิตที่เปี่ยมด้วยคุณงามความดี ให้เป็นคริสตชนตัวอย่าง โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ในเรื่องความรักต่อพระเจ้า และต่อเพื่อนบ้าน  หรือกล่าวสรุปง่ายๆ ออกมาได้ 2 คำ คือ ถ่อมตน และ อุทิศตน 

Gerard Groote ได้แนวคิดในการก่อตั้งสาขาแห่งภาคีคริสตจักร เพื่อคอยเกื้อหนุนอย่างใกล้ชิดกับผู้อุทิศตนใหม่ แผนการนี้ถูกนำไปต่อยอดหลังท่านเสียชีวิตไปแล้ว โดยกลุ่ม Windesheim  ซึ่งเนื้อหาที่เกี่ยวข้องนี้ ทำให้เราเข้าใจชีวิตและลักษณะนิสัยของ Kempis ได้ดีมากยิ่งขึ้น ด้วยว่าท่านเป็นคนที่โดดเด่นที่สุดคนหนึ่งในคริสตจักรพรตนี้

ที่ Deventer นี่เอง  Thomas แสดงให้เห็นว่าเขาเป็นนักเรียนตัวอย่างยอดเยี่ยม ทั้งในเรื่องการจัดการทุกอย่างได้อย่างหมดจด และทักษะในการถอดความพระคัมภีร์  ซึ่งนั่นคือพันธะกิจแห่งความรักตลอดชีวิตของท่านนั่นเอง  นอกเหนือไปจากนั้น เขายังคัดลอกหนังสือและบทความมากมาย จากคุณพ่อท่านต่างๆ  โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ผลงานของ St. Bernard  อย่าง บทมิสซา สำหรับใช้ในที่ชุมชน รวมถึงหนังสือพระคัมภีร์อีก 4 เล่มใหญ่ด้วย

หลังสำเร็จการศึกษาที่ Deventer แล้ว ในช่วงฤดูใบไม้ร่วงปี 1399  Thomas ได้เดินทางต่อไปยัง Windesheim ที่ภูเขา St. Agnes  ใกล้ๆ กับ Zwolle ตามคำแนะนำของอธิการผู้ใหญ่ Florentius Radewyn ที่ได้แนะนำให้ Thomas ไปศึกษาต่อที่นั่น  ซึ่งเป็นสถานที่เดียวกับที่ John พี่ชายของตน เคยมาก่อนหน้านี้นี่เอง  สถานที่แห่งนี้พึ่งถูกก่อตั้งได้เพียงไม่กี่ปี และแม้แต่อาคารสำนักสงฆ์ก็ยังไม่ได้ถูกก่อสร้างขึ้นมาเลย และแน่นอน นั่นรวมถึง สวนหย่อม เงินทุน และ ผู้อุปถัมภ์ ที่ยังขาดแคลน ยังไม่มีไปด้วย 

ในช่วงที่เข้าพำนักที่นี่เป็นเวลา 9 ปี  John à Kempis ได้สร้างสำนักสงฆ์ และเริ่มต้นกิจการของโบสถ์ขึ้น  ขณะที่ Thomas เอง ก็ไม่ได้แต่งองค์เป็นนวกชน จนกระทั่งถึงปี 1406 ซึ่งเขตพรตถูกสร้างอย่างเสร็จสมบูรณ์  แต่เขาก็ยังไม่ได้ออกบวชเป็นพระสงฆ์อย่างเต็มตัว จนกระทั่งถึงปี 1413 อันเป็นช่วงเวลาที่โบสถ์พึ่งถูกสร้างเสร็จสมบูรณ์

จากบันทึกแห่ง Agentenberg ทำให้เราทราบถึงอุปสรรคในการใช้ชีวิตทางโลกของผู้คนที่อยู่ที่นี่  (The Chronicle of the Canons Regular of Mount St. Agnes", London, 1906)  ชีวิตอันเต็มไปด้วยอุปสรรค และความยากลำบาก  โดยเฉพาะอย่างยิ่ง สำหรับ Thomas ในการดำรงวิถีชิวิตแบบเรียบง่ายพอเพียง และชีวิตอันศักดิ์สิทธิ์    เขาเคยถูกเลือกเป็นรองอธิการถึง 2 ครั้ง และเคยขึ้นเป็นตัวแทนได้ครั้งหนึ่งอีกด้วย  ซึ่งการที่เค้าได้รับตำแหน่ง ได้รับการยกย่องให้เกียรติเช่นนี้ นั่นก็เป็นเพราะ เขาคอยรักและให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภาวะยากไร้เป็นประจำ สม่ำเสมอนั่นเอง  ขณะที่แม้จะมีภาระหน้าที่การงาน และความรับผิดชอบที่หนักหน่วง ประดาประดังเข้ามาใส่เขา  แต่สิ่งที่ดูเหมือนเป็นเครื่องผ่อนคลาย และให้ประสบการณ์ที่น่าจดจำของเขา มาจากตำรา ที่มีเนื้อหาฝ่ายจิตอย่าง  "De fideli dispensatore"

หน้าที่ของ Thomas ในฐานะรองอธิการ มีอันต้องยุติลง หลังพวกเขาถูกขับไล่ออกจากชุมชน ออกไปจาก Agnetenberg ในปี 1429  จากบทบัญญัติข้อห้ามที่ถูกบังคับใช้ในประเทศ โดย Martin V.    ได้เกิดปัญหาข้อพิพาทขึ้นระหว่างทาง Utrecht และบทข้อบังคับใช้ ที่มีต่อดินแดนแห่งนี้  ขณะที่ทางกลุ่มคริสตจักร มีอันต้องถูกขับออกไป  จวบจนปัญหาทั้งหมดได้ยุติลงในปี 1432  ชุมชนแห่งภูเขา St. Agnes ในขณะนั้น ได้พักอาศัยอยู่ร่วมกับคริสตจักรแห่ง Lunenkerk  ซึ่งพวกเขาก่อร้างสร้างตัวขึ้นมาใหม่ที่นั่น    เป็นเวลากว่าปีที่ Thomas ได้ใช้เวลาร่วมไปกับ John ผู้พี่ อยู่ในอารามแห่ง Bethany ใกล้ๆ กับ Arnheim  โดย Thomas ได้ถูกส่งตัวมาที่นี่ เพื่อให้ความช่วยเหลือและหนุนใจ John ผู้พี่ ผู้กำลังป่วยหนักอยู่ ณ ขณะนั้นนั่นเอง 
ภาพประจำตัวสมาชิก
Holy
Defender of lawS
Defender of lawS
โพสต์: 10011
ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ ม.ค. 17, 2005 3:06 pm

ศุกร์ มี.ค. 26, 2010 7:50 pm

ในปี 1448 เราพบหลักฐานเกี่ยวกับบทบาท หน้าที่ และการแต่งตั้งเป็นรองอธิการของ Thomas เพิ่มขึ้นอีกชิ้น  ซึ่งในฐานะของรองอธิการแล้ว เขาต้องมีหน้าที่หลัก ในการฝึกฝนอบรมและให้การดูแลนักพรตหน้าใหม่ ให้เดินไปในทางที่ถูกที่ควรด้วย  และในการนี้นี่เอง เขาก็ได้อุทิศหน้าที่ในที่นี้  ถ่ายทอดออกมาเป็นหนังสือ  "Sermons to the Novices Regular" (tr. London, 1907) ซึ่งก็ได้กลายเป็นผลงานที่มีประโยชน์อย่างยิ่งยวด ต่ออนุชนรุ่นหลัง ในการใช้เป็นแนวทาง การอบรมนักพรตหน้าใหม่ที่ยังเยาว์วัยอยู่

จากบันทึกชีวประวัติของ Thomas นี่เอง ทำให้เราทราบได้ว่า  Thomas มักจะเทศน์เป็นประจำในโบสถ์ที่อยู่ใกล้ๆ กับอารามสงฆ์  ซึ่งรูปแบบบทเทศน์ที่ใกล้เคียงกับที่เขาเคยทำ ก็ยังคงหลงเหลืออยู่  (“Prayers and Meditations on the Life of Christ" and "The Incarnation and Life of Our Lord", London, 1904, 1907)  Thomas เป็นเยี่ยงบุคคลสำคัญที่มีบทบาทมากอีกผู้หนึ่ง  ซึ่งนั่นรวมถึงความรัก และการทุ่มเทที่ท่านมีต่อพระเยซูคริสต์ อันถูกแสดงออกมาผ่านกิจการ และถ้อยคำวจีทั้งหลายของท่าน  โดยเฉพาะอย่างยิ่งการทนทุกข์ทรมานเป็นการส่วนตัว 

โดยรูปลักษณ์ภายนอกแล้ว  Thomas เป็นชายที่สูงกลางๆ มีผิวคล้ำออกสีแทน มีหน้าผากที่กว้าง และดวงตาที่คมวาว มีความอ่อนโยนและเป็นมิตรกับทุกคน  โดยเฉพาะอย่างยิ่ง กับผู้ที่ตกทุกข์ได้ยากแล้ว Thomas จะให้ความรักมากเป็นพิเศษ    กิจการที่เขาชอบทำเป็นประจำคือ การอ่านหนังสือ เขียนหนังสือ และสวดภาวนา  ในขณะที่ยามปกติทั่วไป ออกจะเป็นคนเงียบๆ และไม่ค่อยแสดงความเห็น หรือแสดงความสนใจต่อเรื่องสามัญทางโลกเสียเท่าไหร่นัก  แต่หากเป็นการพูดถึง พระ พูดเรื่องพระ หรือพูดเกี่ยวกับเรื่องทางจิตวิญญาณแล้ว  Thomas กลับหน้ามือเป็นหลังมือเลยทีเดียว คือแสดงออกซึ่งความสนอกสนใจ และกระตือรือร้นอย่างเห็นได้ชัด และในบางครั้ง เขาจะตัดบทสนทนา กล่าวขอตัวว่า  “ข้าพเจ้าต้องไปแล้ว มีใครบางคนรอสนทนากับข้าพเจ้า อยู่ในห้องของข้าพเจ้า”    เรียกได้ว่า Thomas ผู้นี้ เป็นดังแบบอย่างอันยอดเยี่ยมดีงาม ที่สามารถพบหาได้เพียงที่ Gertruidenberg นี้เท่านั้น    ซึ่งคติประจำใจที่ Thomas ได้ยึดถือ คือ "In omnibus requiem quaesivi et nusquam inveni nisi in een Hoecken met een Böcken"  (ในทุกที่ ข้าพเจ้าแสวงหาสถานที่พักพิง แต่หามีไม่ จากตรอกมุมเล็กๆ จนถึงกองหนังสือเล่มเล็กๆ ) 

2  ศตวรรษหลังการปฏิรูป  ในช่วงที่อารามสงฆ์ถูกทำลาย  ร่างของบรรดาผู้ศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลาย รวมถึง Thomas  ได้ถูกย้ายไปยัง Zwolle และถูกเก็บรักษาไว้ในสถานเก็บพระธาตุชั้นดีของ Maximilian Hendrik ผู้เป็น เจ้าชาย บิชอป แห่ง Cologne  ขณะที่ในปัจจุบัน ทั้งหมดถูกเก็บรักษาไว้ที่ Zwolle โบสถ์เทวดามีคาแอล พร้อมได้จารึกถ้อยคำเอาไว้ว่า  "Honori, non memoriae Thomae Kempensis, cujus nomen perennius quam monumentum"  (ขอเทิดทูน มิใช่เพียงในความทรงจำของ Thomas à Kempis ซึ่งนามของท่านยืนหยัดเหนือกว่าอนุสรณ์ใดๆ ) 
นอกเหนือไปจากนี้  ตัว Maximilian Hendrick เอง ก็แสดงความกระตือรือร้นเป็นพิเศษ ในการทำนุบำรุงรักษา พระธาตุของ Thomas และเทิดทูน ให้เกียรติท่านเป็นพิเศษด้วย    นอกจากนี้ Maximilian Hendrick ยังได้มีการรวบรวมเอกสาร และเนื้อหาที่จำเป็น เพื่อหาทางรับรอง ประกาศให้ Thomas เป็นบุญราศีด้วย  หากแต่ภายหลังปี 1688 ที่ Maximilian เสียชีวิตไปแล้ว  ก็ไม่มีความคืบหน้า ไม่มีใครสืบสานดำเนินการเรื่องนี้ต่อแต่อย่างใด

สำหรับส่วนของหนังสือ “จำลองแบบพระคริสต์” นี้  แม้ตอนแรกอาจจะมีข้อโต้แย้งบ้าง แต่ก็ถือว่าผลงานนี้มี Thomas เป็นผู้ประพันธ์ขึ้นมา  โดยผลงานชิ้นนี้ปรากฏขึ้นครั้งแรกในปี 1418 โดยไม่ปรากฏนามของผู้ประพันธ์แต่อย่างใด  แต่ก็ได้รับการตอบรับอย่างกว้างขวาง และถูกทำสำเนาคัดลอกออกมามากมาย  โดยเนื้อหาในหนังสือ  ได้ถูกระบุว่าเกิดจากการรวมผลงานของนักเขียนทางจิตวิญญาณหลายๆ ท่าน อันได้แก่  St. Bernard, St. Bonaventure, Henry de Kalkar, Innocent III, Jean Charlier de Gerson, และ John à Kempis      ในปี 1441 Thomas ได้ทำผลงานของตนได้สำเร็จ  และได้เซ็นลงชื่อในหนังสือ ซึ่งยังคงมีหลักฐานอยู่มาจนถึงทุกวันนี้  (Royal Library, Brussels, 5855-61)  ประกอบไปด้วยหนังสือ 4 เล่มของ “จำลองแบบพระคริสต์” และอีก 9 เล่มเล็ก 

เป็นเวลานานกว่า 200 ปี ที่ไม่มีใครพยายามจะเอาชื่อของ à Kempis ออกจากหนังสือ  จวบจนกระทั่งช่วงต้นศตวรรษที่ 17  มีการโต้เถียงกันอย่างรุนแรงและยืดเยื้อในประเด็นดังกล่าว และมีการกล่าวอ้างว่า Thomas ไม่ใช่ผู้ประพันธ์ “จำลองแบบพระคริสต์” ขึ้นมาจริง เนื่องจากไม่มีพยานรู้เห็นเหตุการณ์ ณ ช่วงเวลานั้น และไม่มีผลงานแม้แต่ชิ้นเดียว ทั้งตอนที่เขายังมีชีวิตอยู่ และหลังจากที่เขาเสียชีวิตไปแล้วถึง 30 ปี ที่จะกล่าวอ้างอิงพูดถึงผลงานชิ้นนี้เลย รวมถึงการอ้างอิงหลักฐานชิ้นอื่นๆ ที่กล่าวอ้างว่า ไม่เพียงพอที่จะสนับสนุนว่า Thomas เป็นผู้ประพันธ์ผลงานชิ้นนี้ขึ้นมาจริง    แต่ในทางตรงกันข้ามนี่เอง เรากลับพบหลักฐาน พยานมากมายที่ช่วยยืนยันให้กับ Thomas และเป็นหลักฐานอันมิอาจหักล้างลงได้  ซึ่งนั่นรวมถึงผู้คนที่เคยอยู่ในภาคีเดียวกับเขา ที่ต่างก็ยืนยันเป็นเสียงเดียวกันว่า Thomas เป็นผู้ประพันธ์ “แบบจำลองพระคริสต์” ขึ้นมาจริง  ซึ่งเมื่อรวมกับหนังสือที่มีลายเซ็นของเขา และหลักฐานทางภายในอื่นๆ แล้ว  เหตุดังนี้ ทำให้ Sir Francis Cruise ได้ทำการ พิจรนา และได้ข้อสรุปเรื่องนี้ออกมา 3 ข้อ ว่า

1.จำแนกสไตล์และเอกลักษณ์เฉพาะตัวของผลงาน “จำลองแบบพระคริสต์” เทียบกับผลงานอื่นๆ ของ Thomas à Kempis ทั้งการใช้คำ การเน้นคำ ทำตัวเอียง สำนวนโวหาร การเว้นวรรคตอน รวมไปถึงคำว่า “devotus” ที่ใช้เป็นหลัก พบว่าทั้งหมดมีความเหมือนกันอย่างมิอาจโต้แย้งได้
2.“จำลองแบบพระคริสต์”  แสดงออกอย่างเห็นได้ชัด ถึงรูปแบบทางจิตวิญญาณของฌานนิยม ของโรงเรียน Windesheim ที่ Thomas à Kempis ได้ศึกษามา
3.ผลงานชิ้นนี้เต็มไปด้วยเนื้อหาที่พูดอ้างอิงถึงพระคัมภีร์ และอ้างกล่าวถึงผลงานเขียนของพระชั้นผู้ใหญ่ที่มีชื่อเสียงหลายท่าน โดยเฉพาะ St. Augustine และ St. Bernard ซึ่งท่านทั้งหมดนี้ เป็นแรงบันดาลใจให้กับ Thomas à Kempis และคนอื่นๆ ในการศึกษาพระคัมภีร์ที่ Windesheim

ตัว “แบบจำลองพระคริสต์”  เอง เป็นที่รู้จักมากที่สุด ในต้นฉบับแรกสุด เป็นผลงานส่วนหนึ่งที่ มาจากผลงานการประพันธ์ของ Thomas à Kempis  ขณะที่ส่วนอื่นๆ มาจากบทอบรมสอนนวกชน และสามเณรใหม่ ที่ Thomas ในฐานะรองอธิการได้จัดทำขึ้นมา  ส่วนอื่นๆ มาจากบทความทางจิตวิทยาจากหนังสือต่างๆ และเนื้อหาอันเกี่ยวกับในเรื่องฌานนิยม รวมถึงเนื้อหาจำพวกบทสวด บทอุทิศถวายตน และบทเพลงสรรเสริญในภาษาลาตินด้วย  ส่วนผลงานที่ Thomas เป็นผู้รวบรวมมากกว่าเป็นผู้ประพันธ์เอง  คือ  "Life of (St.) Lydwine, Virgin" และฉบับที่สมบูรณ์ที่สุด ณ เวลานี้คือ  "Opera Omnia"  จัดจำหน่ายโดย  Nut of Antwerp, 1607;

Prior Pirkhamer ได้แสดงความเห็นต่อ Peter Danhausser ผู้จัดจำหน่าย ตีพิมพิ์ผลงานของ Thomas à Kempis เป็นเจ้าแรกในปี 1494 ว่า  “ไม่เคยมีผลงานชิ้นใดที่จะ ทรงเกียรติ เชิงศาสนา ประณีต และให้ประโยชน์กับคริสต์ศาสนิกชน ได้เท่ากับการทำให้ผลงานของ Thomas à Kempis ผู้นี้ เป็นที่รู้จัก ได้เลย”
Jeab Agape
~@
โพสต์: 8259
ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ ม.ค. 17, 2005 9:56 pm
ที่อยู่: Bangkok

อังคาร ต.ค. 04, 2011 8:01 pm

ขอบคุณครับ เพิ่มมีโอกาสเข้ามาอ่าน
ภาพประจำตัวสมาชิก
rosa-lee
โพสต์: 5937
ลงทะเบียนเมื่อ: ศุกร์ ม.ค. 29, 2010 2:37 pm

อังคาร พ.ย. 01, 2011 10:30 am

เพิ่งเข้ามาอ่านเหมือนกัลล์.... :s012:
เมจิ
โพสต์: 3257
ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ ส.ค. 22, 2011 6:44 pm

พุธ ก.ย. 26, 2012 4:48 pm

พึ่งอ่านค่า :s012: :s012:
ภาพประจำตัวสมาชิก
sunofgod
โพสต์: 2477
ลงทะเบียนเมื่อ: อาทิตย์ ก.ย. 18, 2011 8:17 pm

ศุกร์ ต.ค. 05, 2012 1:29 pm

:s015:
ตอบกลับโพส