** สิ่งไหนคือทางแห่งกางเขนที่แท้จริง **

[~@Little lamb@~]

สมมุตินะคะ สมมุติ.........

สมมุติว่า คุณทำงานในบริษัทแห่งหนึ่ง
แล้วเกิดผิดใจกับเพื่อนร่วมงานขึ้นมา
แต่คุณมีโปรเจคสำคัญที่ต้องทำร่วมกับเขา
โดยที่มีคุณเป็นหัวหน้าโปรเจคนี้

คุณจะทำอย่างไร...........?



ขอเหตุผลสนับสนุนคำตอบที่คุณเลือกด้วยนะคะ *sad

[Hannah]

เพราะพระองค์อ่อนสุภาพ และแสนดี เราจึงต้องชนะฝ่ายเนื้อหนัง เพื่อแสดงว่าเราเป็นบุตรของพรนะองค์

[Good Nanny]

เลือกข้อ 3
เพราะเราเห็นงานสำคัญกว่า

เจอเหมือนกันเพื่อนร่วมงานที่พูดยาก พูดจาชวนโมโหตลอดเวลา >:(
แต่คิดว่าจะอดทนเพื่อให้งานสำเร็จ

[Batholomew]

เลือกข้อ 3 ครับ

เพราะยังไงเสียงานก็ต้องมาก่อนความรู้สึกของตัวเองครับ
แต่ผมก็คิดว่าจะพยายามที่จะทำข้อ 4 ให้ได้ครับ

[Immanuel (MichaelPaul)]

เลือกข้อ4ครับ เพราะมันทำยากกว่าข้อ3 - -" จึงคิดว่าเป็นทางแห่งกางเขนที่แท้จริง เพราะพระองค์ทรงให้อภัยผู้ที่ทรมาณและตรึงกางเขนพระองค์ เราจึงควรทำตาม แม้จะรู้ว่ามันจะยากมากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก(สังเกต ก. ไก่จะรู้ว่ายากแค่ไหน)


ปล. วันนี้เหมือนจะมีหลักการอีกละ - -"

[Maria Magdalena]

i pick no.4 na ka eventhough it's damn hard *shock
just hope i can do like that^^ i'm tryin'

[พระเจ้าสถิตย์กับเราเสมอ]

ข้อ 4 ครับ

เพราะเมื่อเราให้อภัยเขาได้แล้ว เราก็จะเข้าใจเขาและไม่โกรธเขา......ทำให้เราสามารถทำงานต่อร่วมกับเขาจนเสร็จสมบูรณ์ได้อย่างมีความสุข และไม่เสียเพื่อนไป :)

[Divine Mercy]

สำหรับผมเลือกข้อ 3 ก่อนและจะพยายามทำข้อ 4 ด้วย
เหตุผลก็คือ เมื่อเราทำงานในองค์กรร่วมกัน สิ่งสำคัญที่สุดคือ งาน เป้าหมายคือผลสำเร็จ และในฐานะคริสตชนการให้อภัยเป็นสิ่งที่เราต้องทำแม้จะฝืนใจ เพราะเป็นสิ่งเดียวที่จะทำให้เราได้รับการอภัยจากพระเป็นเจ้าเช่นเดียวกัน

[:+: seraphim :+:]

:-\ เลือกข้อ 3 คะ เพราะความรับผิดชอบ และงานต้องมาก่อนสิ่งอื่นใด (อารมณ์)


;D ส่วนข้อ 4 จะต้องทำเป็นประการต่อไป และแม้ว่ามันจะยากก็คงต้องทำ เพื่อสะท้อนความรักของพระองค์ออกมา พี่เคยทำแบบเนี่ย โค-ตะ-ระ ฝืนใจสุดๆ ไอ้เรื่องรักศัตรูเนี่ย :P แต่แล้วบทสรุปสุดท้าย มีคนบอกว่า เพราะความเป็นคาทอลิกจึงมีแต่คำว่า รัก และ ให้อภัย เขาบอกว่าเป็นเพราะเราถูกหล่อหลอมมาให้เป็นแบบนี้ ยกความดีความชอบให้องค์พระผู้เป็นเจ้าคะ

[-*-St.GrEGoRY-*-]

ผมเลือกข้อ 3ก่อนครับเพราะเมื่อเราอดทนทำไปกว่างานจะเสร็จบางทีความรู้สึกไม่ดีต่อคนๆนั้นอาจจะลดลงไปด้วยจนอาจจะทำให้เราสามารถทำข้อ 4ได้ด้วยครับ

[Zion]

ข้อ4ฮะ

เพราะ เราต้องให้อภัยเสมอ


แต่ เรื่องทำงานด้วยกันไหม นี่อีกเรื่องนะ

เพราะไม่ใช่เราคนเดียวที่ผิดใจ :-\

ถ้าอีกฝ่ายไม่อยากทำกับเรา ก้คงต้องปล่อยเลยตามเลย :-[

[Junior Boy]

ข้อ4ฮะ

[yuki]

เลือกข้อ 3 ก่อนคับเพราะเมื่อเรื่องงานเข้ามาเปนหัวใจหลักก็จะทำให้เรื่องอื่นๆหมดความสำคัญไป แล้วเดี๋ยวเราก็ลืมไปเองแหละคับว่าเคยทะเลาะกัน *no1

[poloplow]

ข้อ 4 ครับ

สำหรับผมนะ ถ้ายังให้อภัยเค้าไม่ได้ เวลาทำงานจะไม่มีสมาธิ ;)

[Tawan]

ข้อ 4 พยายามให้อภัยเขาสุดความสามารถ แม้จะยากเย็นเหลือเกิน

จริง ๆ แล้ว เมื่อเกิดการผิดใจกัน ทั้ง 2 ฝ่าย ควรจะแยกออกห่างกันสักพักหนึ่ง แล้วไปนั่งคิด นอนคิด ดูว่า เหตุใดจึงต้องทะเลาะกัน ผิดใจกันเพราะอะไร คิดให้ดี ว่าอีกฝ่ายมีเหตุผลอะไรถึงต้องไม่เห็นด้วยทำให้ผิดใจกัน ปามานนั้น และพออารมณ์ ดี ๆ หน่อย ใจเย็นลง แล้ว ก็ไปเคลียกันให้ลงตัว อภัยให้กันซธ งานก็จะไม่เสียหาย และก็ยังได้มิตรมาเหมือนเดิม หรืออาจจะดีกว่าเดิมด้วย

เพราะฉะนั้น เราไม่ควรให้เรื่องเล็ก ๆ มาทำลายเรื่องที่สำคัญกว่า อภัยให้กันได้ก็อภัยให้กันเถอะค่ะ แล้วชีวิตของเรา โลกของเรา จะมีความสุขและสันติภาพ เพิ่มขึ้นอีกเยอะค่ะ ;D

[~@Little lamb@~]

ขอบคุณในทุก ๆ คำตอบคะ

แต่ยังมีอีกหลายคนที่ยังไม่ได้มาตอบ

รอ รอ รอ :D

[Buddy]

Number 3 because for Number 4, you can forgive but .. what about the project?

If you spend time trying to forgive, the project could be unfinished. Forgiving someone could take very long... It could take up your whole life to forgive someone... ... but if you are trying to finish the project, you'll gradually forgive as you can calm down and see something good in your colleague while you're working with him.... and the project will also finish... :)

[superjan]

เลือกข้อ 3

แจนคงไปคุยกับคนนั้นว่า ให้ช่วยกันทำงานก่อน จะเกลียด หรือ โกรธกันก็อีกเรื่องนึง เพราะงานต้องมาก่อน และถ้าคนนั้นไม่ยอมฟัง แจนก็จะตั้งใจทำงานให้ออกมาให้ดีที่สุด แบบแจนจะไม่สนคนนั้นเลย ทำให้เขารู้สึกละอายไปเลยว่า เราคนเดียวก็ทำงานออกมาดีได้ พี่จิงอย่าลืมว่า พี่จิงไม่ได้ทำคนเดียว แต่พระเจ้าก็ช่วยพี่จิงอยู่เสมอนะ :D

[Anonymous]

เอ้ย...มันไม่ใช่เรื่องของพี่
พี่สมมุติขึ้นมาเฉย ๆ จ๊า *gg

[NEVERLAND]

ไม่เห็นมีสักข้อเลยที่อยากเลือก เพราะหากทะเลาะกันเรื่องมันก็น่าจะจบไปแล้ว และเราก็ควรให้อภัยเค้า(จงรักศัตรูเหมือนรักตัวเอง---->แม้แต่ศัตรูยังอภัยแล้วเพื่อนจะไม่อภัยกันเลยเชียวหรือ)การทำงานเป็นกลุ่มย่อมมีบ้างทีขัดแย้งกัน แต่ถ้าทะเลาะกันเพราะเรื่องส่วนตัวก็ไม่น่าจะเอามารวมกับเรื่องงาน ในฐานะหัวหน้ากลุ่ม การทำงานเป็นกลุ่มต้องฟังเสียงส่วนมากและพยายามเป็นกลางอย่างที่สุดค่ะ

[~@Little lamb@~]

ไม่เห็นมีสักข้อเลยที่อยากเลือก เพราะหากทะเลาะกันเรื่องมันก็น่าจะจบไปแล้ว และเราก็ควรให้อภัยเค้า(จงรักศัตรูเหมือนรักตัวเอง---->แม้แต่ศัตรูยังอภัยแล้วเพื่อนจะไม่อภัยกันเลยเชียวหรือ)การทำงานเป็นกลุ่มย่อมมีบ้างทีขัดแย้งกัน แต่ถ้าทะเลาะกันเพราะเรื่องส่วนตัวก็ไม่น่าจะเอามารวมกับเรื่องงาน ในฐานะหัวหน้ากลุ่ม การทำงานเป็นกลุ่มต้องฟังเสียงส่วนมากและพยายามเป็นกลางอย่างที่สุดค่ะ

ก็ข้อ 4 งัยคะ ที่ให้อภัยเขา :D

[mind]

เจ๊ จิงๆ แอบโกรธใครอยู่ บอกมาซะดีๆ ฮิๆๆๆ ;D

[~@Little lamb@~]

5555555555555


จะไปโกรธคราย~~~~~~~~

โกรธคือโง่....แต่โมโหแล้ว ยอม บ้า *dirty

[:+: seraphim :+:]

5555555555555


จะไปโกรธคราย~~~~~~~~

โกรธคือโง่....แต่โมโหแล้ว ยอม บ้า *dirty

*no1 *no1 *no1

[Joseph]

ข้อ 4 ครับ :) พี่จะพูดเผื่อคนทั่วๆ ไป ปกติบุคลที่เป็นคริสต์ที่แท้จริงก็ต้องมีความรักความเมตตาอยู่ในจิตใจเพราะผลมาจากการใกล้ชิดพระเป็นเวลานานๆ ถ้าจิตวิญญาณเขาเติบโตพอการอภัยให้เพื่อนมนุษย์มันก็ไม่ใช้เรื่องยากอะไร แต่คนที่ทำงานร่วมกับเราอาจไม่พอใจเรา แต่ถ้าอยู่ในสภาพเช่นนี้ก็เท่ากับพระจัดสรรเพื่อชีวิตเราอาจเปลี่ยนแปลงจิตใจเขาได้ ลองพูดดีแล้วทำดีกับเขาดู ยังไงเราก็ต้องเห็นผลประโยชน์ของบริษัทมาก่อน เพราะเป็นความสัตย์ซื่อต่อหน้าที่ของเรา :)