ปัญหาเรื่องการกินเนื้อสัตว์...มีมลทินหรือไม่??

ถาม-ตอบพระคัมภีร์ เรื่องเสริมศรัทธา ความรู้ และสาระ บทความ ในคริสตศาสนา
ตอบกลับโพส
ภาพประจำตัวสมาชิก
~@Little lamb@~
Defender of lawS
Defender of lawS
โพสต์: 9396
ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ ม.ค. 17, 2005 3:00 pm
ติดต่อ:

อาทิตย์ เม.ย. 12, 2009 11:25 pm

เห็นว่า มีปัญหาเรื่องการกินเนื้อสัตว์  ทั้งขาจร และ คริสตชนใหม่
มีมลทินมั๊ย  บาปมั๊ย  อะไรต่าง ๆ มากมาย


ขอให้ยึดพระคัมภีร์บทนี้ แล้วอ่านทำความเข้าใจกันด้วยนะคะ
จะได้เข้าใจว่า การกินเนื้อสัตว์  ในพระคัมภีร์ เขียนไว้ว่าอย่างไำร


รม 14:13-20


(13)ดังนั้น เราจงเลิกตัดสินกันเถิด และจงเลิกคิดที่จะเป็นอุปสรรคให้พี่น้องสะดุดล้ม 
(14)ข้าพเจ้ารู้และแน่ใจในองค์พระเยซูเจ้าว่า ไม่มีสิ่งใดเป็นมลทินในตัวเอง แต่ถ้าใครคิดว่าเป็นมลทินก็เป็นมลทินสำหรับเขา 
(15)ถ้าอาหารที่ท่านกิน เป็นเหตุให้พี่น้องไม่สบายใจ ท่านก็ไม่ได้ประพฤติตนตามความรัก
อย่าใช้เรื่องอาหารมาทำลายพี่น้องคนนั้นที่พระคริสตเจ้าสิ้นพระชนม์เพื่อเขา  (16)อย่าให้สิทธิของท่านถูกตำหนิได้ 
(17)เพราะอาณาจักรของพระเจ้าไม่ใช่เรื่องการกินการดื่ม แต่เป็นความชอบธรรม สันติและความชื่นชมยินดีในพระจิตเจ้า
 
(18)ผู้ที่รับใช้พระคริสตเจ้าดังนี้เป็นที่พอพระทัยของพระเจ้าและเป็นที่เคารพนับถือของมนุษย์ 
(19)ฉะนั้น เราจงพยายามทำกิจการที่นำไปสู่สันติและเป็นแบบอย่างที่ดีให้แก่กันและกัน 
(20)อย่าทำลายงานของพระเจ้าด้วยเรื่องอาหาร อาหารทุกชนิดบริสุทธิ์อย่างแน่นอน
แต่การกินอาหารโดยทำให้ผู้อื่นไม่สบายใจเป็นความผิด
Dis volentibus

อาทิตย์ เม.ย. 12, 2009 11:29 pm

เป็นบุญของผู้ที่ได้อ่านพระคัมภีร์บทนี้
ภาพประจำตัวสมาชิก
Valkyrie Zero Number
โพสต์: 2081
ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ ส.ค. 27, 2007 4:11 am

จันทร์ เม.ย. 13, 2009 12:19 am

เป็นข้อพระคัมภีร์ที่ดีมากค่ะ
ภาพประจำตัวสมาชิก
Happiiloo
โพสต์: 181
ลงทะเบียนเมื่อ: ศุกร์ มี.ค. 27, 2009 11:35 pm

จันทร์ เม.ย. 13, 2009 2:16 pm

แจ่มแจ้งคับ

ช่วยหาเกี่ยวกับการ ทำร้ายสัตว์ หรือ ฆ่าสัตว์ ให้ด้วยได้ไหมครับ
Dis volentibus

จันทร์ เม.ย. 13, 2009 5:45 pm

- การฆ่าสัตว์เพื่อนำมาเป็นอาหารไม่ผิด

"ทุกครั้งที่ท่านปราถนา ท่านฆ่าสัตว์เเละกินเนื้อนั้นได้ในทุกเมือง
ตามที่พระยาห์เวห์ทรงอวยพรประทานให้ท่าน..." (ฉธบ 12:15)


เห็นได้จากเเบบอย่างของพระเยซู

พระเยซูเจ้าทรงเเสดงพระองค์ที่ฝั่งทะเลสาบทิเบเรียส
"...พอรุ่งสางพระเยซูเจ้าทรงยืนอยู่บนฝั่ง เเต่บรรดาศิษย์ไม่รู้ว่าเป็นพระเยซูเจ้า พระเยซูร้องถามว่า "ลูกเอ๋ย มีอะไรกินบ้างไหม"
เขาตอบว่า "ไม่มี" พระองค์จึงตรัสว่า "จงเหวี่ยงเเหไปทางกราบเรือด้านขวาซิ เเล้วจะได้ปลา"  บรรดาศิษย์จึงเหวี่ยงเเหออกไป
เเละดึงขึ้นไม่ไหว เพราะได้ปลาเป็นจำนวนมาก ศิษย์ที่พระเยซูเจ้าทรงรักกล่าวกับเปโตรว่า "เป็นองค์พระผู้เป็นเจ้านี่"
เมื่อซีโมนเปโตรได้ยินว่า "เป็นองค์พระผู้เป็นเจ้า เขาก็หยิบเสื้อมาสวม เพราะเขาไม่ได้สวมเสื้ออยู่ เเล้วกระโดดลงไปในทะเล
ศิษย์คนอื่นเข้าฝั่งมากับเรือ ลากเเหที่ติดปลาเข้ามาด้วย เพราะอยู่ไม่ห่างจากฝั่งนัก ประมาณหนึ่งร้อยเมตรเท่านั้น

เมื่อบรรดาศิษย์ขึ้นจากเรือมาบนฝั่ง ก็เห็นถ่านติดไฟลุกอยู่ มีปลาเเละขนมปังวางอยู่บนไฟ พระเยซูเจ้าตรัสกับเขาว่า
"จงเอาปลาที่เพิ่งจับได้มาบ้างซิ" ซีโมนเปโตรจึงลงไปในเรือ เเล้วลากเเหขึ้นฝั่ง มีปลาตัวใหญ่ติดอยู่เต็ม นับได้หนึ่งร้อยห้าสิบสามตัว
เเต่ทั้งๆที่ติดปลามากเช่นนั้น เเหก็ไม่ขาด พระเยซูเจ้าตรัสกับเขาว่า "มากินอาหารกันเถิด" ไม่มีศิษย์คนใดถามว่า "ท่านเป็นใคร"
เพราะรุ้ว่าเป็นองค์พระผู้เป็นเจ้า พระเยซูเจ้าทรงเข้ามาหยิบขนมปังเเจกให้เขา เเล้วทรงเเจกปลาให้เช่นเดียวกัน
นี่เป็นครั้งที่สามเเล้ว ที่พระเยซูเจ้าทรงเเสดงพระองค์เเก่บรรดาศิษย์ หลังจากที่ทรงกลับคืนพระชนมชีพจากบรรดาผู้ตาย (ยอห์น21:4-14)



- การทำำร้ายสัตว์หรือฆ่าสัตว์เพื่อความสนุก หรือเพื่อระบายอารมณ์เป็นสิ่งที่ไม่ถูกต้อง


พระเจ้าทรงมอบหน้าที่ให้มนุษย์ในการปกครองสรรพสัตว์ทั้งหลาย
การปกครองสิ่งสร้างด้วยความรักเเละความเมตตาของมนุษย์ จะสะท้อนภาพลักษณ์ของพระเป็นเจ้าด้วย

พระเจ้าตรัสว่า "เราจงสร้างมนุษย์ขึ้นตามภาพลักษณ์ของเรา ให้มีความคล้ายคลึงกับเรา
ให้เป็นนายปกครองปลาในทะเล นกในท้องฟ้า สัตว์เลี้ยง สัตว์ป่า เเละสัตว์เลื้อนคลานบนพื้นดิน" (ปฐก 1:26)


การ"ทำร้าย"สัตว์ เพื่อความสนุกหรือเพื่อระบายอารมณ์ จะส่งผลให้มโนธรรมเเข็งกระด้าง
(เช่น ขาด ความรัก, ความสงบ, ความเมตตา, ความใจดี, การรู้่จักควบคุมตนเอง, ความอ่อนโยน, ความอดทน ฯลฯ ซึ่งเป็นผลของพระจิตเจ้า)


พระคัมภีร์ภาคพันธสัญญาเดิืม(ปัญจบรรพ), พระคัมภีร์ภาคพันธสัญญาใหม่ ฉบับ คณะกรรมการคาทอลิกเพื่อพระคัมภีร์
ภาพประจำตัวสมาชิก
reccanohono
โพสต์: 1045
ลงทะเบียนเมื่อ: อาทิตย์ ส.ค. 03, 2008 7:06 pm
ที่อยู่: thailand

พฤหัสฯ. เม.ย. 16, 2009 2:20 pm

ขอบคุณพี่จิง และน้องเจนจ้า

ขอพระอวยพรค่ะ  : xemo026 :
ขม

ศุกร์ พ.ค. 01, 2009 4:01 pm

จากการศึกษาประวัติของนักบุญหลาย ๆ องค์ ทำให้รู้ว่านักบุญบางองค์ไม่กินเนื้อสัตว์ เพราะเป็นการทรมานตน รวมถึงการลดละความอยากกินในสิ่งที่ตนชอบ ซึ่งจะพบมากในคณะนักบวชที่เป็นฤาษีหรือชีลับ เท่าที่รู้ก็จากอารามกาแมว (เพราะจากที่เห็นกฎ) ส่วนที่ไม่กินเนื้อ น่าจะมาจากพระคัมภีร์พันธะสัญญาใหม่ โครินทร์ ที่เท่าไหร่จำไม่ได้ ที่บอกว่าไม่ให้กินเลือดและสัตว์ที่ถูกเชือดคออะไรสักอย่าง   ยังไงให้ผู้รู้ชาวคาทอลิกด้วยกันมาตอบละกัน
Joseph
โพสต์: 2182
ลงทะเบียนเมื่อ: พุธ เม.ย. 27, 2005 6:31 am

ศุกร์ พ.ค. 01, 2009 6:01 pm

เราไม่ได้อดอาหารแล้วจะเป็นผู้วิเศษกว่าคนอื่นนะครับ เราได้ห้ามสิ่งนู้นสิ่งนี้แล้วเราไม่กินมันไม่ได้ทำให้เราเป็นผู้ชอบธรรมกว่าคนอื่นนะครับ การกินอะไรหรือไม่กินอะไรไม่ได้บอกว่าเราเป็นคนดีหรือไม่ดี แต่ความรักในองค์พระผู้เป็็นเจ้า และรักเพื่อนมนุษย์นี่ซิเป็นตัวบอกว่าเราดีแค่ไหน
แก้ไขล่าสุดโดย Joseph เมื่อ ศุกร์ พ.ค. 01, 2009 6:02 pm, แก้ไขไปแล้ว 1 ครั้ง.
ภาพประจำตัวสมาชิก
Immanuel (MichaelPaul)
~@
โพสต์: 2887
ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ ม.ค. 17, 2005 8:49 pm
ที่อยู่: กรุงเทพมหานคร

ศุกร์ พ.ค. 01, 2009 7:31 pm

ขม เขียน: จากการศึกษาประวัติของนักบุญหลาย ๆ องค์ ทำให้รู้ว่านักบุญบางองค์ไม่กินเนื้อสัตว์ เพราะเป็นการทรมานตน รวมถึงการลดละความอยากกินในสิ่งที่ตนชอบ ซึ่งจะพบมากในคณะนักบวชที่เป็นฤาษีหรือชีลับ เท่าที่รู้ก็จากอารามกาแมว (เพราะจากที่เห็นกฎ) ส่วนที่ไม่กินเนื้อ น่าจะมาจากพระคัมภีร์พันธะสัญญาใหม่ โครินทร์ ที่เท่าไหร่จำไม่ได้ ที่บอกว่าไม่ให้กินเลือดและสัตว์ที่ถูกเชือดคออะไรสักอย่าง   ยังไงให้ผู้รู้ชาวคาทอลิกด้วยกันมาตอบละกัน
เอ่อ ผมว่าจากต้นกระทู้ก็น่าจะชัดเจนแล้วล่ะครับเรื่องการกินอาหารรวมไปถึงเลือดด้วย เพราะว่าสิ่งเหล่านั้นถือเป็นมลทิน (ตามพระคัมภีร์พันธะสัญญาเดิม ซึ่งชาวมุสลิมก็มีกฎนี้เช่นกัน)
ขอยกตัวอย่างพระวาจาบทนี้ครับ

"จงฟังและเข้าใจเถิด" มิใช่สิ่งซึ่งเข้าไปในปากจะทำให้มนุษย์เป็นมลทิน แต่สิ่งซึ่งออกมาจากปากนั่นแหละทำให้มนุษย์เป็นมลทิน (มัทธิว 15 :11)
ภาพประจำตัวสมาชิก
Ot@
~@
โพสต์: 989
ลงทะเบียนเมื่อ: อังคาร ม.ค. 18, 2005 10:44 pm

อาทิตย์ พ.ค. 03, 2009 9:12 am

ขม เขียน: จากการศึกษาประวัติของนักบุญหลาย ๆ องค์ ทำให้รู้ว่านักบุญบางองค์ไม่กินเนื้อสัตว์ เพราะเป็นการทรมานตน รวมถึงการลดละความอยากกินในสิ่งที่ตนชอบ ซึ่งจะพบมากในคณะนักบวชที่เป็นฤาษีหรือชีลับ เท่าที่รู้ก็จากอารามกาแมว (เพราะจากที่เห็นกฎ) ส่วนที่ไม่กินเนื้อ น่าจะมาจากพระคัมภีร์พันธะสัญญาใหม่ โครินทร์ ที่เท่าไหร่จำไม่ได้ ที่บอกว่าไม่ให้กินเลือดและสัตว์ที่ถูกเชือดคออะไรสักอย่าง   ยังไงให้ผู้รู้ชาวคาทอลิกด้วยกันมาตอบละกัน
อืม..ตอนนี้ผมก็ไม่ได้กินสัตว์บกมาร่วมเดือนแล้วครับ ::017::
ถูกกฏหรือผิดกฏผมไม่ทราบ แต่ว่าได้พลีกรรมแล้วรู้สึกดีมากๆเลยฮะ
ขอบคุณพระเจ้าที่ทรงประทานพละกำลังให้ผมผ่านการผจญต่างๆมาได้ ตอนนี้ก็ไม่รู้สึกอยากอะไรเลยครับ... กินเพื่ออยู่ ไม่ใช่อยู่เพื่อกินน๊ะจ๊ะ ::001::

เมื่อกี้เปิดพระคำภีร์ได้บทนี้นะครับ

ท่านมักพูดว่า "ข้าพเจ้าทำไรได้ทุกอย่าง" แต่ข้าพเจ้าขอบอกว่า "ทุกสิ่งมิใช่มีประโยชน์เสมอไป"
ข้าพเจ้าทำได้ทุกอย่างก็จริง แต่ทุกอย่างมิใช่ว่าจะเสริมสร้าง
จงอย่าให้ใครเสาะหาประโยชน์ส่วนตน
แต่จงเสาะหาประโยชน์เพื่อผู้อื่น เนื้อทั้งหลายที่มีขายในตลาดนั้น ท่านจงกินโดยไม่ต้องกังวลจนเกิดปัญหาด้านมโนธรรม
เพราะแผ่นดินและทุกสิ่งที่อยู่บนแผ่นดินเป็นของพระผู้เป็นเจ้า ถ้าคนต่างศาสนาเชิญท่านไปกินอาหารและท่านต้องการไป
จงกินอาหารทุกอย่างที่เขานำมาให้โดยไม่ต้องกังวลในมโนธรรม แต่ถ้าใครบอกท่านว่า เนื้อนี้ได้ถวายแต่รูปเคารพแล้ว จงอย่ากิน...

(โครินทร์ 10:19)
ขม

จันทร์ พ.ค. 04, 2009 11:42 am

ใช่แล้ว อดอาหารเป็นการพลีกรรมมันเป็นการเพิ่มเติมความรักของเราให้มีมากขึ้น  อันนี้แล้วแต่ความเคร่งครัดส่วนบุคคลแล้ว  อย่างที่ในสมุดบันทึกของแม่ชีลูซีอาบอกว่า

ซิสเตอร์ย้ำเตือนหลายครั้ง, "เราตกหลุมพรางของสิ่งที่เราคิดว่านำความสุขมาให้. เราแสวงหาความสะดวกสบาย. เรามองแต่สิ่งที่เป็นปัจจุบันแทนที่จะมองเห็นสิ่งที่จะติดตามมาในภายหน้า" .

"ดังนั้นมนุษยชาติส่วนใหญ่จึงเป็นเหยื่อของความเกียจคร้าน,แสวงหาความสุขชั่วคราว , และจมอยู่ในห้วงลึกของความผิดหวังและความเศร้า ," ซิสเตอร์ลูซีอาอ้างถึงข้อความบางตอนจากพระคัมภีร์. "ให้ลองพิจารณาดูโลกที่เราอาศัยสักหน่อย ! เรามองเห็นอะไรหรือ? ภาพที่ปรากฏต่อสายตาเรานั้นคืออะไร? สงคราม, ความเกลียดชัง, ความทะ ยานอยาก, การลักพาตัว, การปล้นสดมภ์, การแก้แค้น, การฉ้อฉล, การฆาตกรรม, ความไร้จิตสำนึก, ฯลฯ. แล้วโทษฑัณฑ์สำหรับบาปเหล่านี้ได้แก่ : อุบัติเหตุต่างๆ, ความเจ็บไข้, หายนะภัย, ทุพภิกขภัย, ความเจ็บปวดและความทุกข์ยากลำบากทุกชนิดซึ่งมนุษยชาติต้องคร่ำครวญร่ำไห้ทุกเมื่อเชื่อวัน."

จะได้รับความสุขได้อย่างไรเล่า? เราจะสัมผัสพระพรของพระเป็นเจ้าแม้ในขณะที่อยู่ในโลกนี้ได้อย่างไร -- และหลีกหนีการประจญของปีศาจไปพร้อมกันด้วย ?

โดยการหลุดพ้นจากความรักตนเอง, ซิสเตอร์ลูซีอากล่าว; โดยหลุดพ้นจากความโลภ, ความเย่อหยิ่ง, และความนับหน้าถือตา. เราต้องอาศัยความเชื่อ, การสวดภาวนา, ความสนิทสัมพันธ์กับองค์พระตรีเอกภาพ, การสวดสายประคำ, การรับศีลมหาสนิท. เราต้องกระทำสิ่งเหล่านี้. แต่เราก็ต้องอาศัยการสำนึกผิดกลับใจด้วย. เราต้องปรับเปลี่ยนตัวของเรา ณ. "พระแท่นแห่งการเนรมิตสร้าง"  

ปิดทีวีเสีย, ซิสเตอร์กระตุ้นเตือน. ปิดวิทยุ. และแทนที่ด้วยการสวดภาวนา และการชดเชยใช้โทษบาป.

เราทำสิ่งต่างๆดังกล่าวได้โดยควบคุมการกิน -- เลือกอาหารที่เราไม่ชอบ -- หรือโดยการออดทนในสิ่งที่ไม่สะดวกสบายโดยไม่บ่น. "นี่อาจจะเป็นคำพูดที่กระด้าง, เราไม่อาจยอมรับหรือเราไม่เห็นด้วย ," ซิสเตอร์กล่าวต่อ. "นั่นอาจดูขมขื่น, ดูเสียเกียรติ, เป็นสิ่งที่ตรงข้ามกับจิตใจ. แต่เราต้องรู้วิธีที่จะอดทนสิ่งต่างๆ, จงมอบการพลีกรรมของเราถวายแด่พระเป็นเจ้าและให้ทุกสิ่งผ่านเราไปเหมือนกับว่าเราตาบอด, เป็นใบ้, หูหนวก, เพื่อที่เราจะได้มองเห็นได้ดียิ่งขึ้ น,พูดดีขึ้น, พูดด้วยความมั่นใจขึ้นและสามารถได้ยินพระสุรเสียงพระเป็นเจ้า ."

เมื่อเราทำสิ่งเหล่านี้, และสวดภาวนา, เราจะเรียนรู้ถึงภารกิจของเราในชีวิตในได้กระจ่างชัดมากขึ้น.
ขม

จันทร์ พ.ค. 04, 2009 11:55 am

การถือสันโดษของชีลับ
>

การบำเพ็ญชีวิตอย่างเรียบง่าย ถือสันโดษ ภคินีจะประกอบอาหารรับประทานกันเอง หรือบางครั้งก็มีคนนำอาหารมาถวาย เช่นผู้มาขอให้สวดภาวนาให้ หรือเลี้ยงเนื่องในโอกาสวันคล้ายวันเกิด หรืองานฉลองเทศกาลต่างๆ

ในการปรุงอาหารจะปรุงอย่างเรียบง่าย ไม่เน้นรสชาติ เป็นการทรมานกายตามจิตตารมณ์ ไม่รับประทานเนื้อสัตว์บก ยกเว้นป่วย ซึ่งต้องบำรุงร่างกาย อย่างไรก็ตามอาหารที่ปรุงให้รสพิเศษที่เรียกว่าอร่อย คือในวันอาทิตย์และเทศกาลสำคัญ  การจ่ายตลาดจะมีคนนอกที่คุ้นเคยไปจ่ายให้ หรือร้านค้ามาส่งให้ที่อาราม
เรื่องที่อยู่อาศัย ภายในห้องส่วนตัวแต่ละห้องแคบๆเล็กเหมาะสำหรับอยู่คนเดียว เครื่องใช้ในห้องพัก มีเตียง ผ้าห่มนอน เสื่อ ผ้าคลุมเตียง ภคินีคณะ คาร์เมไลท์ไม่นอนฟูก นอนบนเสื่อ เพื่อทรมานกาย ยกเว้นกรณีเจ็บป่วยอนุโลมได้ เพราะพระธรรมวินัยบอกว่าให้เอาใจใส่พยาบาลและดูแลเป็นพิเศษ ต่อจากนั้นก็มีตู้เล็กๆไว้ใส่พระคัมภีร์ หนังสือเสริมศรัทธา และกล่องงานฝีมือ  ไม่มีพัดลมใช้ หากเป็นฤดูร้อน ถือเป็นการทรมานกายและพลีกรรม ได้อย่างหนึ่ง
chet-dare
โพสต์: 42
ลงทะเบียนเมื่อ: พฤหัสฯ. พ.ค. 07, 2009 8:28 am

พฤหัสฯ. พ.ค. 07, 2009 3:39 pm

อย่ากินสัตว์แปลกๆละกันครับ เดี๋ยวจะเป็นโรคแปลกๆครับ
ภาพประจำตัวสมาชิก
Edwardius
โพสต์: 1392
ลงทะเบียนเมื่อ: พฤหัสฯ. ต.ค. 12, 2006 3:02 pm
ที่อยู่: Lamphun, Thailand

พฤหัสฯ. พ.ค. 07, 2009 4:09 pm

ลาบป๋าดุก ส้าจิ๊นงัว คั่วแมงเ้ม่า

แมงมันทอด ยอดบะกอก น้ำพริกแมงดา

แก๋งจิ้นหมา ขากบปิ้ง งูสิงห์ยำ

ลำแต๊ๆ ลำแต๊ๆ เจ้า
ภาพประจำตัวสมาชิก
thanwa
โพสต์: 122
ลงทะเบียนเมื่อ: อังคาร ก.พ. 06, 2007 6:53 pm
ที่อยู่: หนองจอก
ติดต่อ:

เสาร์ พ.ค. 16, 2009 2:14 pm

ขม เขียน:
การถือสันโดษของชีลับ
>

การบำเพ็ญชีวิตอย่างเรียบง่าย ถือสันโดษ ภคินีจะประกอบอาหารรับประทานกันเอง หรือบางครั้งก็มีคนนำอาหารมาถวาย เช่นผู้มาขอให้สวดภาวนาให้ หรือเลี้ยงเนื่องในโอกาสวันคล้ายวันเกิด หรืองานฉลองเทศกาลต่างๆ

ในการปรุงอาหารจะปรุงอย่างเรียบง่าย ไม่เน้นรสชาติ เป็นการทรมานกายตามจิตตารมณ์ ไม่รับประทานเนื้อสัตว์บก ยกเว้นป่วย ซึ่งต้องบำรุงร่างกาย อย่างไรก็ตามอาหารที่ปรุงให้รสพิเศษที่เรียกว่าอร่อย คือในวันอาทิตย์และเทศกาลสำคัญ   การจ่ายตลาดจะมีคนนอกที่คุ้นเคยไปจ่ายให้ หรือร้านค้ามาส่งให้ที่อาราม
เรื่องที่อยู่อาศัย ภายในห้องส่วนตัวแต่ละห้องแคบๆเล็กเหมาะสำหรับอยู่คนเดียว เครื่องใช้ในห้องพัก มีเตียง ผ้าห่มนอน เสื่อ ผ้าคลุมเตียง ภคินีคณะ คาร์เมไลท์ไม่นอนฟูก นอนบนเสื่อ เพื่อทรมานกาย ยกเว้นกรณีเจ็บป่วยอนุโลมได้ เพราะพระธรรมวินัยบอกว่าให้เอาใจใส่พยาบาลและดูแลเป็นพิเศษ ต่อจากนั้นก็มีตู้เล็กๆไว้ใส่พระคัมภีร์ หนังสือเสริมศรัทธา และกล่องงานฝีมือ  ไม่มีพัดลมใช้ หากเป็นฤดูร้อน ถือเป็นการทรมานกายและพลีกรรม ได้อย่างหนึ่ง
ทำให้ผมนึกไปถึงสมัยผมเด็กๆ  บ้านผมจะอยู่ใกล้ๆ อารามชีลับ (ที่บ้านโป่ง)  ผมมักจะได้รับหน้าที่จากทางบ้าน  ให้หิ้วน้ำมันปรุงอาหาร (ที่บ้านสมัยก่อนทำการค้าซึ่งจะมีน้ำมันเป็นผลพลอยได้) ไปส่งให้กับอารามบ่อยๆ 

เวลาไปส่ง  ก็จะเข้าไปยังห้องเยี่ยม  ซึ่งจะมีสายเชื่อกกระดิ่ง ห้อยลงมาจากเพดาน  และมีตู้หมุนอยู่ที่บนฝาด้านหน้า พอเข้าไป  ก็จะสั่นกระดิ่ง  รอสักครู่  ก็จะมีเสียงซิสเตอร์ดังออกมาจากด้านใน  ผมก็จะบอกไปว่าเอาน้ำมันมาให้  ซิสเตอร์จะหมุนตู้ดังกล่าวให้ด้านที่เป็นช่องเปิดสู่ผม  ผมก็จะเอาโถน้ำมันใส่เข้าไป  แล้วก็หมุนกลับ  สักครู่ ซิสเตอร์เมื่อนำน้ำมันไปถ่ายใส่ภาชนะด้านใน  ก็จะนำเอาโถเปล่าใส่กลับคืนตู้และหมุนกลับมา เพื่อคืนโถเปล่าให้ผม...
ภาพประจำตัวสมาชิก
~_~Katty~_~
โพสต์: 95
ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ ธ.ค. 15, 2008 11:23 pm
ที่อยู่: 4 ซ.1 ถ.รถไฟ ต.วัดเกต อ.เมือง จ.เชียงใหม่ 50000
ติดต่อ:

พฤหัสฯ. พ.ค. 21, 2009 12:37 am

พระเจ้าทรงสอนให้เราเป็นคนดี : emo045 :
Like a Heaven
.
.
โพสต์: 1739
ลงทะเบียนเมื่อ: อาทิตย์ ต.ค. 28, 2007 5:58 pm
ที่อยู่: In the Christ

อาทิตย์ พ.ค. 24, 2009 1:11 am

มิน่าละ ผมซัดซะอิ่มหมีทุกมื้อเลย

บาปๆๆ ไม่เอาๆ : emo045 :
ขม

จันทร์ พ.ค. 25, 2009 3:58 pm

แม่ชีลูซีอายอดเยี่ยมและสอนเราได้ดีมากๆ สมกับที่เป็นหนึ่งในสามคนที่ได้รับการประจักษ์จากแม่พระที่ฟาติมา
ตอบกลับโพส