รบกวนพี่น้องช่วยแจ้งเรื่องเนื้อหาในหนังสือ ศาสนาเปรียบเทียบ

[taiyo]

คือในหนังสือศาสนาเปรียบเทียบซึ่งเป็นผลงานทางวิชาการของพระในศาสนาพุทธรูปหนึ่ง ดำรงตำแหน่งอุปนายกสภามหาวิทยาลัยมหามกุฏราชวิทยาลัย ในเนื้อหามีเรื่องที่ไม่ค่อยถูกต้องอยู่มากมาย อยากให้พี่น้องช่วยจัดการให้ทีครับ เพื่อเขาจะได้เข้าใจศาสนาคริสต์ได้ถูกต้อง เช่น

24. การลัก

            ในพระพุทธศาสนาแสดงว่า การลักทุกชนิดเป็นความชั่ว ในศาสนาคริสต์และอิสลามแสดงว่า การลักเพื่อพระเจ้าและเพื่อพระศาสนาเป็นความดี ลักเพื่อเหตุนอกนั้นเป็นความชั่ว
26. การพูดปด

            ในพระพุทธศาสนาแสดงว่าการพูดปดทุกอย่างเป็นความชั่ว ในศาสนาคริสต์และอิสลามแสดงว่า ถ้าพูดปดเพื่อพระเจ้าและพระศาสดาแล้วเป็นความดี พูดปดเพื่อเหตุนอกนั้นเป็นความชั่ว
37. อิสรภาพ

             พระพุทธเจ้าสอนให้ทำตนให้เป็นอิสระจากเครื่องผูกมัดคือกิเลส ไม่ให้เป็นทาสของสิ่งอื่น ไม่ให้เป็นทาสของเทวดาและของความกลัว พระเยซู พระโมฮัมหมัด สอนให้เป็นทาสของพระเจ้า
38. การบำเพ็ญประโยชน์

             พระพุทธเจ้าตลอดเวลา 45 ปี ได้เสด็จไปตามเมืองน้อยใหญ่เพื่อสั่งสอนคือโปรยธรรมให้แก่ประชาชน ใครประพฤติตามธรรมก็มีความสุขพระองค์ไม่ทรงหวังผลตอบแทน ไม่ต้องการลาภยศ ชื่อเสียง ถ้าหวังก็ไม่จำเป็นต้องสละราชสมบัติออกบวช การบำเพ็ญประโยชน์ของพระพุทธองค์จึงมีลักษณะที่บริสุทธิ์ที่สุด มีแต่ให้ไม่มีการหวังผลตอบแทน ส่วนพระเยซูและพระโมฮัมหมัดทรงหวังผลตอบแทนเป็นสิ่งต่างๆ เช่นลาภ ยศ สรรเสริญ อำนาจ เป็นต้น และไปอยู่กับพระเจ้าบนสวรรค์

41. ความชนะ

             ในพระพุทธศาสนาสอนให้ชนะใจตนเองประเสริฐที่สุด ในศาสนาคริสต์และอิสลามสอนให้ชนะคนอื่นเป็นต้นเพื่อพระเจ้า
50. ความบริสุทธิ์

             ในพระพุทธศาสนาสอนให้รู้จักกิเลส โทษของกิเลส ความบริสุทธิ์จากกิเลส ในศาสนาคริสต์และอิสลามไม่มีสอนอย่างนี้

อันนี้เป็นเพียงบางส่วนนะครับ ผมอ่านแล้วรู้สึกว่า ผู้เขียนนั้นยังไม่ค่อยเข้าใจหรือรู้คำสอนของศาสนาคริสต์เท่าที่ควร ผมไม่รู้ว่าจะทำอย่างไรดี จะปล่อยให้ผ่านไปก็กลัวว่าผู้อื่นได้อ่านแล้วจะเข้าใจศาสนาเราไปผิดๆ ก็เลยอยากให้พี่น้องในนี้ช่วยดำเนินการบางอย่างในหนังสือบทความทางวิชาการเล่มนี้ด้วยครับ

คืออยากจะลงลิงค์แต่กลัวมันจะบานปลาย ถ้าอยากจะอ่านส่วนอื่นด้วย ก็หลังไมค์ดีกว่านะครับ

[Zion]

อื้มมม งั้น การ ท่านพุทธทาสภิกขุ
เรียกตนว่าเป็น ทาสของพระพุทธเจ้า ก็ผิดหลักคำสอนของภิกษุรูปนี้สินะ :emotion_057:

[Immanuel (MichaelPaul)]

คือในหนังสือศาสนาเปรียบเทียบซึ่งเป็นผลงานทางวิชาการของพระในศาสนาพุทธรูปหนึ่ง ดำรงตำแหน่งอุปนายกสภามหาวิทยาลัยมหามกุฏราชวิทยาลัย ในเนื้อหามีเรื่องที่ไม่ค่อยถูกต้องอยู่มากมาย อยากให้พี่น้องช่วยจัดการให้ทีครับ เพื่อเขาจะได้เข้าใจศาสนาคริสต์ได้ถูกต้อง เช่น

24. การลัก

            ในพระพุทธศาสนาแสดงว่า การลักทุกชนิดเป็นความชั่ว ในศาสนาคริสต์และอิสลามแสดงว่า การลักเพื่อพระเจ้าและเพื่อพระศาสนาเป็นความดี ลักเพื่อเหตุนอกนั้นเป็นความชั่ว
26. การพูดปด

            ในพระพุทธศาสนาแสดงว่าการพูดปดทุกอย่างเป็นความชั่ว ในศาสนาคริสต์และอิสลามแสดงว่า ถ้าพูดปดเพื่อพระเจ้าและพระศาสดาแล้วเป็นความดี พูดปดเพื่อเหตุนอกนั้นเป็นความชั่ว
37. อิสรภาพ

             พระพุทธเจ้าสอนให้ทำตนให้เป็นอิสระจากเครื่องผูกมัดคือกิเลส ไม่ให้เป็นทาสของสิ่งอื่น ไม่ให้เป็นทาสของเทวดาและของความกลัว พระเยซู พระโมฮัมหมัด สอนให้เป็นทาสของพระเจ้า
38. การบำเพ็ญประโยชน์

             พระพุทธเจ้าตลอดเวลา 45 ปี ได้เสด็จไปตามเมืองน้อยใหญ่เพื่อสั่งสอนคือโปรยธรรมให้แก่ประชาชน ใครประพฤติตามธรรมก็มีความสุขพระองค์ไม่ทรงหวังผลตอบแทน ไม่ต้องการลาภยศ ชื่อเสียง ถ้าหวังก็ไม่จำเป็นต้องสละราชสมบัติออกบวช การบำเพ็ญประโยชน์ของพระพุทธองค์จึงมีลักษณะที่บริสุทธิ์ที่สุด มีแต่ให้ไม่มีการหวังผลตอบแทน ส่วนพระเยซูและพระโมฮัมหมัดทรงหวังผลตอบแทนเป็นสิ่งต่างๆ เช่นลาภ ยศ สรรเสริญ อำนาจ เป็นต้น และไปอยู่กับพระเจ้าบนสวรรค์

41. ความชนะ

             ในพระพุทธศาสนาสอนให้ชนะใจตนเองประเสริฐที่สุด ในศาสนาคริสต์และอิสลามสอนให้ชนะคนอื่นเป็นต้นเพื่อพระเจ้า
50. ความบริสุทธิ์

             ในพระพุทธศาสนาสอนให้รู้จักกิเลส โทษของกิเลส ความบริสุทธิ์จากกิเลส ในศาสนาคริสต์และอิสลามไม่มีสอนอย่างนี้

อันนี้เป็นเพียงบางส่วนนะครับ ผมอ่านแล้วรู้สึกว่า ผู้เขียนนั้นยังไม่ค่อยเข้าใจหรือรู้คำสอนของศาสนาคริสต์เท่าที่ควร ผมไม่รู้ว่าจะทำอย่างไรดี จะปล่อยให้ผ่านไปก็กลัวว่าผู้อื่นได้อ่านแล้วจะเข้าใจศาสนาเราไปผิดๆ ก็เลยอยากให้พี่น้องในนี้ช่วยดำเนินการบางอย่างในหนังสือบทความทางวิชาการเล่มนี้ด้วยครับ

คืออยากจะลงลิงค์แต่กลัวมันจะบานปลาย ถ้าอยากจะอ่านส่วนอื่นด้วย ก็หลังไมค์ดีกว่านะครับ

พอทราบไหมครับว่าใครแต่งหนังสือ และชื่อหนังสืออะไร

อืมเรื่องนี้เราจะดำเนินการกันยังไงดีเพราะเป็นเหมือนหนังสือสำหรับเรียนซะด้วยสิ

[lovejesus(cap)]

พึ่งรู้ว่าพระเยซูเจ้า ของเราหวังลาภ ยศ เหอๆๆๆ

ทั้งๆๆ ที่พระองค์ประกาศเทศสอน รักษาคนป่วยโดยไม่แยกชาย - หญิง แบกกางเขนขึ้นเขากัลวารีโอ   :undecided:

[ignatius]

ส่วนใหญ่เท่าที่เคยอ่าน หนังสือศาสนาเปรียบเทียบ..
จะเป็นของ เสถียรโกเสส ไม่ทราบว่า ที่ไปอ่านมาใครเขียนค่ะ สำนักพิมพ์อะไร พิมพ์ปีไหน

[อันตน]

ส่งเรื่องให้ศาสนาที่รักสันติดูสิ เผื่อเขาจะช่วยดำเนินการด้วยอีกแรง :evil:

[Immanuel (MichaelPaul)]

ส่งเรื่องให้ศาสนาที่รักสันติดูสิ เผื่อเขาจะช่วยดำเนินการด้วยอีกแรง :evil:

คิดเหมือนกันเลย อิอิ  :evil:

[Starry Night]

อยากได้ลิงค์อ่ะค่ะ
อยากอ่านทั้งหมดว่าเป็นยังไงบ้าง 

เค้าคงยังไม่ได้ศึกษาศาสนาอื่นๆมั้งละค่ะ
ก็ยังงี้ละค่ะ พวกที่ ทำให้ ศาสนาตัวเองดูดี 

ไม่ได้ว่าศาสนาพุทธนะค่ะ
แต่ว่าคนเขียน 

[taiyo]

เป็นผลงานของ สมเด็จพระญาณวโรดม (ประยูร สนฺตงฺกุโร) ครับผม เป็นอุปนายกสภามหาวิทยาลัย มหาวิทยาลัยมหามกุฏราชวิทยาลัย

สมเด็จพระญาณวโรดม , ศาสนาเปรียบเทียบโดยสังเขป: มหามกุฏราชวิทยาลัย, 2532.


หลังจากที่ผมคิดอย่างดีแล้ว ขออนุญาตลงลิงค์บทความที่นี่แล้วกันครับ แล้วพี่น้องช่วยชี้แจงทำความเข้าใจทางโน้นให้ถูกต้องด้วยนะครับ

http://www.yanavarodom.mbu.ac.th/index. ... &Itemid=39

แค่ประวัติพระเยซูก็ใช้ภาษาที่ส่อถึงทางอคติแล้วฮะ แต่ภาษาที่ใช้บรรยายศาสนาของผู้เขียน สวยหรูเหลือเกิน

[Immanuel (MichaelPaul)]

ไม่ทราบว่าทำเป็นหนังสือจำหน่ายหรือเปล่าครับ กำลังปรึกษาเพื่อนที่เป็นอิสลามอยู่ อิอิ 

[taiyo]

ไม่ทราบว่าทำเป็นหนังสือจำหน่ายหรือเปล่าครับ กำลังปรึกษาเพื่อนที่เป็นอิสลามอยู่ อิอิ 

นี่คือคำอธิบาย น่าจะเป็นบทนำ ผมไม่แน่ใจว่ามีขายหรือเปล่า แต่เท่าที่อ่าน มันเหมือนมีขายนะ ลองอ่านดูนะ

ศาสนาใหญ่ๆ ในโลก เช่น พระพุทธศาสนา คริสต์ศาสนา ศาสนาอิสลาม เป็นต้น ล้วนมีความสำคัญต่อชีวิตความเป็นอยู่ ของเหล่าชนผู้ เป็นศาสนิกนั้นๆ และต่อความเจริญความเสื่อมของสังคม และ ชุมชนเป็นอันมากเพราะเหตุนี้ศาสนาจึงเป็น จุดสนใจศึกษาค้นคว้าทั้งของบรรดานักการศาสนา ทั้งนักการศึกษาในวงการอื่นๆ การศึกษาค้นคว้าเกี่ยวกับศาสนานั้นได้กระทำติดต่อกันมาช้านานและด้วยวิธีการต่างๆ ตามความเหมาะสมแก่กาลเทศะและสถานการณ์ นั้นๆโดยแตกต่างกันออกไปตามพื้นฐานและความสนใจของตนๆ วิธีการศึกษาค้นคว้า ด้วยวิธีเปรียบเทียบเป็นวิธีหนึ่ง ที่ได้รับความนิยมมาก และถ้าศึกษากันอย่างละเอียดด้วยวิธีดังกล่าวตามหัวข้อที่มีในหนังสือเล่มนี้ ย่อมจะได้หนังสือเล่มใหญ่อีกหลายเล่ม และย่อมจะใช้เวลาเพื่อการนั้นอีกมากอีกประการหนึ่ง ย่อมไม่เหมาะที่จะนำติดตัวไปไหนมาไหนได้อย่างสะดวกส่วนศาสนาเปรียบเทียบเล่มนี้ทั้งสั้น(แต่กินความได้มาก)ทั้งเป็นการเพียงพอและเหมาะสม โดยเฉพาะสำหรับผู้ที่มีเวลาน้อยและใคร่จะรู้ในเวลาอันสั้น.

อ่านตรงที่ขีดเส้นใต้ เหมือนมีหนังสือให้ศึกษาเลยนะ

http://www.yanavarodom.mbu.ac.th/index. ... &Itemid=39

[taiyo]

ศาสนาเปรียบเทียบ
จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
ไปที่: ป้ายบอกทาง, ค้นหา
   วิชาศาสนาเปรียบเทียบ (Comparative religion) เป็นการศึกษาศาสนาทั่วโลกในด้านวิเคราะห์และตีความหมาย


[แก้] ประวัติความเป็นมาของหลักวิชา
วิชาศาสนาเปรียบเทียบในประเทศตะวันตก เกิดขึ้นเป็นครั้งแรกในประเทศอังกฤษ โดยการบุกเบิกสอนและทำวิจัยของ ศ.ดร. มักซ์ มึลเลอร์ (Max Mueller) นักปราชญ์ชาวเยอรมันผู้เชี่ยวชาญภาษาและวรรณคดีสันสกฤต ซึ่งมาปักหลักสอนอยู่ที่มหาวิทยาลัยอ๊อกซฟอร์ด ประเทศอังกฤษ โดยสังกัดอยู่กับวิทยาลัยไครซ์เชิร์ช ของมหาวิทยาลัยอ๊อกซฟอร์ด ยุคสมัยนั้นกระแสสังคมได้มองศาสนาว่าขัดแย้งกับหลักวิทยาศาสตร์ มักซ์ มึลเลอร์จีงได้พยายามศึกษาศาสนาในแนววิทยาศาสตร์ ในที่สุด ก็ได้แต่งหนังสือเล่มหนึ่งชื่อ Introduction to the Science of Religion นับเป็นครั้งแรกที่ชี้ให้คนทั่วไปเห็นว่าศาสนาต่างๆ นั้น สามารถศึกษาโดยใช้วิธีศึกษาตามแนววิทยาศาสตร์ ซึ่งตรงกันข้ามกับวิธีศึกษาโดยใช้ศรัทธา (Faith) นำหน้า วัตถุประสงค์ที่สำคัญอีกอย่างหนึ่งของการศึกษาวิชาศาสนาเปรียบเทียบ ก็คือเป็นวิธีที่ก่อให้เกิดความสมานฉันท์ระหว่างผู้นับถือศาสนาต่างกันภายในประเทศและทำให้อยู่ร่วมกันด้วยความสามัคคีและปรองดองได้ในที่สุด


[แก้] การศึกษาและวิจัยศาสนาเปรียบเทียบในประเทศไทย
หลักวิชาศาสนาเปรียบเทียบ ได้มีการบุกเบิกใช้สอนในประเทศไทยเป็นครั้งแรกในมหาวิทยาลัยสงฆ์ โดยอาจารย์สุชีพ ปุญญานุภาพ อดีตเลขาธิการ มหาวิทยาลัยมหามกุฏราชวิทยาลัย ท่านอาจารย์สุชีพ ปุญญานุภาพเริ่มบุกเบิกนำวิชาศาสนาเปรียบเทียบมาใช้สอนที่มหาวิทยาลัยสงฆ์แห่งนี้ตั้งแต่ปีพ.ศ. 2489 หนังสือเล่มแรกว่าด้วยศาสนาเปรียบเทียบสำหรับนักศึกษามหาวิทยาลัยจึงเป็นหนังสือที่อาจารย์ สุชีพ ปุญญานุภาพ เป็นผู้เขียนและจัดพิมพ์เผยแพร่ ก่อนหน้านั้น ก็มีท่านเสฐียรโกเศสซึ่งเขียนสารคดีศาสนาต่างๆ ไว้บ้างแล้ว หลังจากนั้น ก็มี สมเด็จพระญาณวโรดมซึ่งดำรงตำแหน่งเลขาธิการ มหามกุฏราชวิทยาลัย ถัดจากท่านร่วมสอนด้วย ต่อมาสาขานี้มีแพร่หลายไปยัง มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย ในวัดมหาธาตุ ซึ่งเริ่มเปิดเรียนไล่หลังมหามกุฏราชวิทยาลัย กล่าวคือเปิดเรียนเมื่อปี พ.ศ. 2490 โดยมีท่าน ศ.พิเศษ เสฐียร พันธรังษี เป็นอาจารย์สอนในรุ่นบุกเบิก

ส่วนในมหาวิทยาลัยของรัฐฝ่ายฆราวาส ผู้ที่บุกเบิกท่านแรกคือท่าน รศ.ดร.พินิจ รัตนกุล ซึ่งบุกเบิกก่อตั้งภาควิชามนุษยศาสตร์ คณะสังคมศาสตร์และมนุษยศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล หลักสูตรปริญญาโทเพื่อเน้นทำวิจัยทางศาสนาเปรียบเทียบโดยเฉพาะมาตั้งแต่ พ.ศ. 2518 ซึ่งนับเป็นครั้งแรกที่มีการกระตุ้นให้มหาวิทยาลัยรัฐฝ่ายฆราวาสเกิดการตื่นตัวศึกษาวิชานี้เพิ่มมากขึ้น ก่อนหน้าที่ท่านจะดำเนินการก่อตั้ง วิทยาลัยศาสนศึกษา มหาวิทยาลัยมหิดลเพื่อให้สาขาวิชานี้มีเปิดสอนอย่างแพร่หลายในระดับปริญญาตรีด้วย

ท่านรศ.ดร.พินิจ รัตนกุลได้ประกาศเจตนารมณ์เอาไว้ว่า

[อันตน]

เขาไม่เรียกศาสนาเปรียบเทียบ เขาเรียกศาสนากระทบกระเทียบ

[taiyo]

เจอแล้วครับ คาดว่า มีเป็นหนังสือครับ ตรงที่ขีดเส้นใต้

ประวัติสมเด็จพระญาณวโรดม (ประยูร สนฺตงฺกุโร) 
หน้า 6 จาก 6

ด้านวรรณกรรม
ได้เรียบเรียงและจัดพิมพ์หนังสือเรียนบ้างหนังสือธรรมบ้าง หนังสือท่องเที่ยวอิงธรรม (แบบใหม่) บ้างและหนังสือสำหรับวัยรุ่นบ้าง ผู้เฒ่าบ้าง เป็นต้น ดังนี้

๑. จาริกอินเดีย (กว่าพันหน้า)
๒.จาริกจีนใหญ่ (๔ เล่ม)
๓.จาริกตุรกี กรีซ อียิปต์
๔. จาริกอเมริกาใต้ ๕ ประเทศ
๕. ฉากัจฉา
๖. ๑ ใน ๘๔,๐๐๐
๗. PLAN OF LIFE (แบบชีวิต)
๘.เรียนพระพุทธศาสนาใน ๑๐ นาที
๙.พระพุทธศาสนาใน ๑๐ นาที
๑๐. พระพุทธศาสนากับเวลา ๑๐ นาที ภาษาอังกฤษ
๑๑. ศาสนาเปรียบเทียบ
๑๒. หลักธรรม
๑๓. การบวช
๑๔. พระใหม่
๑๕. พุทธภาษิต ๖ ภาษา (ไทย มคธ อินโดนีเซีย จีน อังกฤษ ฝรั่งเศส)
๑๖. ทางชีวิต (๘ เล่ม ราวร้อยเรื่อง)
๑๗. นานาสาระ
๑๘. พุทธศาสนาประวัติ ๒๐๐ ปี แห่งรัตนโกสินทร์ (รัชกาลที่ ๑

[Holy]

26. การพูดปด

            ในพระพุทธศาสนาแสดงว่าการพูดปดทุกอย่างเป็นความชั่ว ในศาสนาคริสต์และอิสลามแสดงว่า ถ้าพูดปดเพื่อพระเจ้าและพระศาสดาแล้วเป็นความดี พูดปดเพื่อเหตุนอกนั้นเป็นความชั่ว

เอ๊....การที่โป้ปดเพื่อยกศาสนาตัวเองและเหยียดหยามศาสนาอื่นๆ เรียกว่าเป็นความชั่วไหมครับ

[taiyo]

26. การพูดปด

            ในพระพุทธศาสนาแสดงว่าการพูดปดทุกอย่างเป็นความชั่ว ในศาสนาคริสต์และอิสลามแสดงว่า ถ้าพูดปดเพื่อพระเจ้าและพระศาสดาแล้วเป็นความดี พูดปดเพื่อเหตุนอกนั้นเป็นความชั่ว

เอ๊....การที่โป้ปดเพื่อยกศาสนาตัวเองและเหยียดหยามศาสนาอื่นๆ เรียกว่าเป็นความชั่วไหมครับ

อันนี้แรงกว่าครับ

23. การฆ่า

            ในพระพุทธศาสนาแสดงว่าการฆ่าคนฆ่าสัตว์โดยมีเจตนาเป็นความชั่วทั้งสิ้น แม้ว่าจะฆ่าเพื่อพระพุทธศาสนา พระพุทธองค์ก็ไม่ทรงสรรเสริญส่วนในศาสนาคริสต์และอิสลามแสดงว่าการฆ่าคน ฆ่าสัตว์ ถ้าเป็นฆ่าเพื่อพระเจ้าย่อมเป็นความดี ความชอบการฆ่าสัตว์เป็นอาหารและป้องกันตัวฆ่าสัตว์ที่ตนเห็นว่าเป็น สัตว์ร้ายเป็นการไม่ผิด ฆ่านอกนั้นจึงเป็นการผิด

----------------------------
เขียนมาได้

อยากจะให้ทางโน้นปรับเปลี่ยนเนื้อหาให้ถูกต้องง่ะครับ แต่ตัวผมก็เป็นคนธรรมดา ไม่รู้จักไปทำอย่างไร เลยมาแจ้งให้พี่น้องในนี้ได้ทราบ ไม่รู้ว่าหนังสือเล่มนั่นยังขายอยู่หรือเปล่า ก็หวังว่าพี่น้องในนี้ถ้าว่างๆก็ช่วยตรวจสอบให้ด้วยนะครับ เพื่อความเข้าใจที่ถูกต้องต่อศาสนาคริสต์ และศาสนาอื่นที่โดนกล่าวหา

[Holy Bible]

เขียนได้น่าเกลียดจัง (ทำไปได้) แต่ว่าเป็นพระสงฆ์ของพุทธเขียนก็อย่ามาเขียนเรื่องศาสนาอื่นๆสิ(ให้เขียนศาสนาพุทธอย่างเดียวไปเลย) บางครั้งการที่เราคิดว่าจะมาวิพากย์วิจารณ์ศาสนาอื่นนั้นเรามีความรู้เพียงพอแล้ว แต่ที่จริงไม่เลย แล้วเอามาสรุปตามใจชอบอย่างงี้มันได้ด้วยหรอ :huh:

[Immanuel (MichaelPaul)]

กรมการศาสนา กระทรวงวัฒนธรรม น่าจะช่วยได้นะครับ แต่ต้องมาเรียบเรียงคำพูดก่อนจะยื่นเสนอ

[Valkyrie Zero Number]

ไม่ค่อยไว้ใจพระของพุทธอยู่แล้ว นี่ก็อีกราย

คำว่า "ศาสนาพุทธเปิดกว้าง" เชื่อถือไม่ได้หรอก

หลังจากพิมพ์แล้วลบหลายที แค่นี้ละกันค่ะ ตอนนี้ทั้งเครียดและหัวเสียชนิดสามารถบรรยายคนประเภทแบบนี้ได้ชนิดลืมความเป็นคนเลยทีเดียว

[ยังไม่ไ้้้ด้ตั้ง]

ที่ดีที่สุดคือ เลิกก้าวก่ายซึ่งกนและกันคับ

[taiyo]

พระท่านนี้น่าจะระมัดระวังนะครับ ไม่สมควรจะเขียนหนังสือแบบนี้ พระท่านนี้ดำรงตำแหน่งสูงไม่ใช่เล่นเลยนะครับ เป็นถึงสมเด็จพระญาณวโรดม (ประยูร สนฺตงฺกุโร) อุปนายกสภามหาวิทยาลัย มหาวิทยาลัยมหามกุฏราชวิทยาลัย แต่การกระทำแบบนี้บอกตามตรง รับไม่ได้เลยครับ ผมได้อ่านที่แรก อึ้งอยู่พักใหญ่ ตอนแรกกะทำใจผ่านไป ไม่เอามาเป็นประเด็น จะทำเป็นไม่รู้ไม่เห็นแล้วกัน แต่พออ่านส่วนอื่นๆ ก็เห็นว่า มีการทำเป็นหนังสือด้วย ใช้สอน ศึกษา อีกต่างหาก ถ้าจะปล่อยไว้ไม่ทำอะไรเลยก็ไม่น่าจะดีแน่ ลองคิดดู ถ้าเอาไปสอนคนอื่นเนี่ย ในชั่นเรียน เป็นระยะเวลาหลายปี จะมีคนเข้าใจศาสนาคริสต์แบบผิดๆไปกี่พันกี่หมื่นคน ถ้าเป็นพระสอนพระและพระก็ไปสอนตามโรงเรียน สอนคนที่มาวัด มันจะเผยแพร่ความเข้าใจผิดๆไปกี่หมื่นกี่แสนคน เมื่อผมคิดได้ดังนี้จึงได้เอามาลง เผื่อให้พี่น้องที่รู้จักกับองค์กรต่างๆช่วยดำเนินการเรื่องนี้ให้ที เพราะผมเป็นเพียงคนธรรมดาคนหนึ่ง ไม่รู้จักคนในองค์กรที่พอจะบอกให้ช่วยดำเนินการได้ ก็ช่วยๆกันครับ

[Holy]

สมัยเรียนมหาวิทยาลัย ผมเรียนวิชาเลือกคือศาสนาเปรียบเทียบ

ในวิชานี้มี2ห้องอาจารย์2คน พระเจ้าอวยพรให้ผมได้เรียนกับอาจารย์ชาวฟิลิปปินส์ แม้แกจะเป็นคริสต์ แต่สอนทุกศาสนาอย่างเป็นกลางมาก ให้เวลาในรายละเอียดทุกศาสนาเท่าๆกัน และเป้นครั้งแรกที่ได้เรียนมุมมองความแตกต่างของศาสนาพุทธ หินยานกับมหายานอย่างเป้นกลาง

ในขณะที่อีกห้องเป็นพระภิกษุมาสอน ปรากฎว่าห้องนั้นโดนศาสนาอื่นศาสนาละคาบที่เหลือศาสนาพุทธล้วนๆ แถมแทบไม่ได้สอนมุมมองของมหายานเลย เอาของตัวเองอัดลงไปเต็มๆ

พอไปหาข้อมุลทำรายงาน หนังสือต่างประเทศ เวลาเทียบสาสนาเทียบอย่างเป้นกลางมาก

แต่พอหนังสือของคนไทย เล่มนี้ไม่ใช่พระเขียน แต่ผู้เขียนนั้นยกคำอุทิศให้พระครูท่านหนึ่ง ปรากฎว่า ยกศาสนาตัวเองเลิศหรู และตัดข้อมูลดีๆตลอดจนแทรกความเห็นส่วนตัวในด้านลบกับศาสนาอื่นโดยเฉพาะศาสนาคริสต์ จนอ่านแล้ว เป้นหนังสือศาสนาเปรียบเทียบว่ากรูดีคนเดียว นั่นเอง

แต่สิ่งนี้ไม่เกิดกับหนังสือของต่างประเทศ

จนที่สุด ผมได้เรียนประวัติศาสตร์ศิลป์ช่วงการเปลี่ยนแปลงศาสนาในอินเดียช่วงฮินดูและพพุทธ เป้นครั้งแรกที่ผมพบครูคนไทยจากศิลปากรที่ท่านพูดถึงการกลืนศาสนาในสมัยนั้น และวิพากษ์ทั้งศาสนาพุทธและฮินดูอย่างตรงไปตรงมา และเป้นคนเดียวในชีวิตที่ผมคิดว่าแกกล้าสอนแบบเป้นกลางไม่เข้าข้างใคร

เสียดายว่าแกไม่ใช่พระ และไม่ใช่ครูสอนศาสนา แต่เป้นครูสอนประวัติศาสตร์


แต่กล่าวโดยสรุป ผมเจอแกคนแรกและคนเดียวตั้งแต่เกิดมาในประเทศนี้ที่สอนศาสนาเชิงเปรียบเทียบอย่างเป็นกลางโดยไม่ยกตัวเองเสียเริ่ด

ดังนั้นผมทำใจไว้ก่อนว่า ถ้าเมื่อไหร่มีการเปรียบเทียบศาสนาในประเทศนี้ มีศาสนาเดียวที่ดูดีในเนื้อหาอยู่แล้วล่ะ

[Tarrin]

คนพวกนี้ มือไม่พายแถมยังเอาเท้ามาราน้ำอีก

[Lumen]

ทิฐิหนอ

[Immanuel (MichaelPaul)]

ผมคิดว่าเราน่าจะร่วมมือกันคิดหาวิธีนะครับในการที่จะ "หยุด" การสอนคำสอนของเราที่ผิดๆ โดยผ่านจากคนต่างศาสนาที่ "ดูเหมือน" จะเป็นผู้มีความรู้สูงส่ง แต่แท้จริงกลับไม่รุ้อะไรเลย (หรือรู้แต่แกล้งเขียนแบบนี้หว่า)

เริ่มแรกผมอยากให้หาวิธีดำเนินการไปยังกรมการศาสนาครับ แต่เข้าไปที่เว็ปแล้วยังไม่เห้นช่องทางร้องเรียนใด ๆ และไม่แน่ใจว่าร้องเรียนผ่านเว็ปแล้วจะได้รับการสนใจอย่างไรหรือไม่

[Lumen]

เชื่อว่าคนที่อ่านบทความนี้ด้วยใจที่เป็นกลาง ย่อมเข้าใจเจตนาที่เเท้จริงของผู้เขียนเอง
ส่วนเรา คริสตชนทั้งหลาย

...จงอธิบายด้วยความอ่อนโยน เเละด้วยความเคารพอย่างบริสุทธิ์ใจ
เพื่อเมื่อท่านถูกใส่ร้าย ผู้ที่กล่าวร้ายความประพฤติดีของท่านตามคำสอนของพระคริสตเจ้า
ก็จะต้องประสบความอับอาย... 1 เปโตร 3:16

[Buddy]

เขาไม่เรียกศาสนาเปรียบเทียบ เขาเรียกศาสนากระทบกระเทียบ

[Valkyrie Zero Number]

กำลังคิดอยู่ว่าหากเกิดสงครามครูเสดในยุคนี้ ตัวเองคงสมัครเข้าร่วมไม่อย่างรีรอ

หรือเพราะเราเกิดผิดยุคผิดที่เองนะ

ไม่รู้สิคะ เราถือว่าคนบางพวกพูดให้ตายก็ไม่รู้เรื่อง แต่เราควรจะปกป้องคนของเราเหมือนกัน เพราะหากปล่อยไว้ คนของเราจำนวนมากก็จะโดนเข้าใจผิดจนสายเกินแก้ (และคนที่ไม่เชื่ออยู่แล้วก็จะเป็นมารยิ่งกว่าเก่า หมดทางช่วยยิ่งกว่าเดิมซะอีก)

แต่ลงนามที่ไหนคะ จะได้ไปช่วยพูด (จะพยายามซอฟท์ แต่ถ้าไม่ได้ผลจะฮีทแล้ว)

[Ebenizer]

น่าจะลองทำเปนเมล์ส่งต่อไปให้เพื่อน ๆ ของเราดูกันนะคับ

เพราะว่าการเขียนในรูปแบบนี้ มันเปนเชิงลบซะมากกว่าเปนการศึกษานะคับ


ผมเคยอ่านเล่มที่เขียนโดยคุณเสถียรโกดกศ (เขียนถูกป่าวอ่ะคับ) ท่านก็เขียนได้เปนกลางนะคับ ไม่ได้ออกมาเหมือนกับพระรูปนี้เลย

ผมว่าปล่อยไป จะเป็นอันตรายกับคนที่อ่านนะคับ เพราะโดยปกติแล้วในสังคมไทยเรา ก็ค่อนข้างจะกระทบกระทเยบทางศาสนาอยู่บ่อย ๆ

(เคยเจอกรณีว่าเปนคริสต์แต่ต้องไปช่วยศาสนกิจของพุทธอ่ะคับ เพราะว่าเปนหัวหน้าห้อง) ซึ่งผมว่ามันเปนการไม่สมควรมาก ๆ อ่ะคับ

[Immanuel (MichaelPaul)]

เอาล่ะเรามาสรุปกันว่า
1. เราควรจะดำเนินการอย่างใดอย่างหนึ่งในกรณีนี้
2. การดำเนินการควรทำในรูปแบบใด (ยื่นหนังสือไปที่กรมโดยตรง หรือติดต่อผ่านทางอินเตอร์เน็ต)
3. ประมวลผลกระทบที่อาจจะเกิดขึ้น
4. หากไม่มีการดำเนินการใด ๆ จากกรมการศาสนาจะทำอย่างไรต่อไป

เรื่องนี้ผมซีเรียสพอสมควรนะเพราะเหมือนเป็นการสอนแบบฝังหัวเลย (หากเป็นหนังสือแบบเรียนศาสนาเปรียบเทียบ) จะทำให้ผู้ที่เรียนนั้นได้รับข้อมูลผิด ๆ และไปสอนกันต่อแบบผิด ๆ

ใครมีความคิดเห็นดี ๆ และวิธีดำเนินการใด แนะนำกันครับ