สิ่งสร้างของพระมีทั้งข้อดีและข้อเสีย

ถาม-ตอบพระคัมภีร์ เรื่องเสริมศรัทธา ความรู้ และสาระ บทความ ในคริสตศาสนา
ตอบกลับโพส
St.paul

พุธ มิ.ย. 01, 2005 7:38 pm

ทำไมพระเจ้าถึงไม่สร้างทุกสิ่งทุกอย่างบนโลกให้ดีหมดทำไมยังมีข้อดีและข้อเสียของบางอย่างแล้วทำไมไม่สร้างทุกอย่างให้มีแต่ข้อดีไม่มีข้อเสียล่ะครับ
claustrophobia

พุธ มิ.ย. 01, 2005 8:06 pm

มีความมึดก็ต้องมีความสว่าง
มีลูซิแฟร์ก็ต้องมีเทวดามีคาแอล
มีความสุขก็ต้องมีความทุกข์
มีความรักก็ต้องมีความเศร้าเสียใจ
มีดำก็ต้องมีขาว
*yes
Jeab Agape
~@
โพสต์: 8259
ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ ม.ค. 17, 2005 9:56 pm
ที่อยู่: Bangkok

พุธ มิ.ย. 01, 2005 8:16 pm

St.paul เขียน: ทำไมพระเจ้าถึงไม่สร้างทุกสิ่งทุกอย่างบนโลกให้ดีหมดทำไมยังมีข้อดีและข้อเสียของบางอย่างแล้วทำไมไม่สร้างทุกอย่างให้มีแต่ข้อดีไม่มีข้อเสียล่ะครับ
พี่ St.paul ฮะ ลองอ่าพระคัมภีร์ เก่า ปฐมกาล น้องเจี๊ยบจะก็อป มาให้อ่าน ดังนี้ฮะ

ปฐมกาล
( เป็นหนังสือเล่มแรก ฮะ )

1:1 ในปฐมกาลพระเจ้าทรงเนรมิตสร้าง {หรือ เมื่อพระเจ้าทรงเริ่มเนรมิตสร้าง} ฟ้าและแผ่นดิน
1:2 แผ่นดินก็ว่างเปล่า ความมืดอยู่เหนือน้ำ และพระวิญญาณของพระเจ้าปกอยู่เหนือน้ำนั้น
1:3 พระเจ้าตรัสว่า "จงเกิดความสว่าง" ความสว่างก็เกิดขึ้น
1:4 พระเจ้าทรงเห็นว่าความสว่างนั้นดี และทรงแยกความสว่างออกจากความมืด
1:5 พระเจ้าทรงเรียกความสว่างนั้นว่า วัน และความมืดนั้นว่า คืน มีเวลาเย็นและเวลาเช้าเป็นวันแรก
1:6 พระเจ้าตรัสว่า "จงมีภาคพื้นในระหว่างน้ำ แยกน้ำออกจากกัน"
1:7 พระเจ้าทรงสร้างภาคพื้นนั้นขึ้น แล้วทรงแยกน้ำที่อยู่ใต้ภาคพื้นออกจากน้ำที่อยู่เหนือภาคพื้น ก็เป็นดังนั้น
1:8 พระเจ้าจึงทรงเรียกภาคพื้นนั้นว่า ฟ้า มีเวลาเย็น และเวลาเช้า เป็นวันที่สอง
1:9 พระเจ้าตรัสว่า "น้ำที่อยู่ใต้ฟ้าจงรวมอยู่แห่งเดียวกันที่แห้งจงปรากฏขึ้น" ก็เป็นดังนั้น
1:10 พระเจ้าจึงทรงเรียกที่แห้งนั้นว่าแผ่นดิน และที่ซึ่งน้ำรวมกันนั้นว่า ทะเล พระเจ้าทรงเห็นว่าดี
1:11 พระเจ้าตรัสว่า "แผ่นดินจงเกิดพืช คือ ผักหญ้าที่มีเมล็ดและต้นไม้ที่ออกผล มีเมล็ดในผลตามชนิดของมันบนแผ่นดิน" ก็เป็นดังนั้น
1:12 แผ่นดินก็เกิดพืช คือผักหญ้าที่มีเมล็ดตามชนิดของมัน และต้นไม้ที่ออกผลมีเมล็ดในผลตามชนิดของมัน พระเจ้าทรงเห็นว่าดี
1:13 มีเวลาเย็นและเวลาเช้า เป็นวันที่สาม
1:14 พระเจ้าตรัสว่า "จงมีดวงสว่างบนฟ้า เพื่อแยกวันออกจากคืน ให้ดวงสว่างเป็นหมายกำหนดฤดู วัน ปี
1:15 และให้เป็นดวงสว่างบนฟ้า เพื่อส่องสว่างบนแผ่นดิน" ก็เป็นดังนั้น
1:16 พระเจ้าได้ทรงสร้างดวงสว่างขนาดใหญ่ไว้สองดวง ให้ดวงใหญ่ครองวัน ดวงเล็กครองคืน พระองค์ทรงสร้างดวงดาวต่างๆด้วย
1:17 พระเจ้าทรงตั้งดวงสว่างเหล่านี้ไว้บนฟ้า ให้ส่องสว่างบนแผ่นดิน
1:18 ให้ครองวันและคืน และแยกความสว่างออกจากความมืด พระเจ้าทรงเห็นว่าดี
1:19 มีเวลาเย็นและเวลาเช้า เป็นวันที่สี่
1:20 พระเจ้าตรัสว่า "น้ำจงอุดมด้วยฝูงสัตว์ที่มีชีวิต และนกจงบินไปมาข้ามฟ้าเหนือแผ่นดิน"
1:21 พระเจ้าทรงสร้างสัตว์ทะเลขนาดใหญ่ และสัตว์ที่มีชีวิตนานาชนิด ซึ่งแหวกว่ายอยู่ในน้ำ เป็นฝูงๆตามชนิดของมัน และนกต่างๆตามชนิดของมัน พระเจ้าทรงเห็นว่าดี
1:22 พระเจ้าจึงทรงอวยพระพรแก่สัตว์เหล่านั้นว่า "จงมีลูกดกทวีมากขึ้น จนเต็มน้ำในทะเล และให้นกทวีมากขึ้นบนแผ่นดิน"
1:23 มีเวลาเย็นและเวลาเช้า เป็นวันที่ห้า
1:24 พระเจ้าตรัสว่า "แผ่นดินจงเกิดสัตว์ที่มีชีวิตตามชนิดของมัน คือสัตว์ใช้งาน สัตว์เลื้อยคลานและสัตว์ป่าตามชนิดของมัน" ก็เป็นดังนั้น
1:25 พระเจ้าทรงสร้างสัตว์ป่าตามชนิดของมัน สัตว์ใช้งานตามชนิดของมัน และสัตว์ต่างๆที่เลื้อยคลานบนแผ่นดินตามชนิดของมัน แล้วพระเจ้าทรงเห็นว่าดี
1:26 แล้วพระเจ้าตรัสว่า "ให้เราสร้างมนุษย์ตามฉายาตามอย่างของเรา ให้ครอบครองฝูงปลาในทะเล ฝูงนกในอากาศและฝูงสัตว์ ให้ปกครองแผ่นดินทั่วไป และสัตว์ต่างๆที่เลื้อยคลานบนแผ่นดิน"
1:27 พระเจ้าจึงทรงสร้างมนุษย์ขึ้นตามพระฉายาของพระองค์ ตามพระฉายาของพระเจ้านั้น พระองค์ทรงสร้างมนุษย์ขึ้น และได้ทรงสร้างให้เป็นชายและหญิง
1:28 พระเจ้าทรงอวยพระพรแก่มนุษย์ ตรัสแก่เขาว่า "จงมีลูกดกทวีมากขึ้นจนเต็มแผ่นดิน จงมีอำนาจเหนือแผ่นดิน จงครอบครองฝูงปลาในทะเล และฝูงนกในอากาศ กับบรรดาสัตว์ที่เคลื่อนไหวบนแผ่นดิน"
1:29 พระเจ้าตรัสว่า "ดูเถิด เราให้พืชที่มีเมล็ดทั้งหมด ซึ่งมีอยู่ทั่วพื้นแผ่นดิน และต้นไม้ทุกชนิดที่มีเมล็ดในผลของมันแก่เจ้า เป็นอาหารของเจ้า
1:30 ฝ่ายสัตว์ทั้งหลายบนแผ่นดิน นกทั้งปวงในอากาศ และบรรดาสัตว์เลื้อยคลานบนแผ่นดินทุกสิ่งทุกอย่างที่มีลมปราณนั้น เราให้พืชเขียวสดทั้งปวงเป็นอาหาร" ก็เป็นดังนั้น
1:31 พระเจ้าทอดพระเนตรสิ่งทั้งปวงที่พระองค์ทรงสร้างไว้ ทรงเห็นว่าดีนัก มีเวลาเย็นและเวลาเช้า เป็นวันที่หก

@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@

พี่ลองอ่านที่ หนูทำตัวเข้มไว้ อะคับ ทุกวันที่พระเจ้าทรงสร้าง พระองค์ ตรัสว่า ดี และดีนัก ( วันสุดท้าย ฮะ )

ดังนั้นพระเจ้า ทรงสร้างทุกอย่างดีฮะ

สงสัยละซี ว่าทำไมโลกนี้ มีของ ชั่วๆเยอะ

ติดตามต่อไป ฮับ :D
Jeab Agape
~@
โพสต์: 8259
ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ ม.ค. 17, 2005 9:56 pm
ที่อยู่: Bangkok

พุธ มิ.ย. 01, 2005 8:17 pm

อ่านปฐมกาล บทที่ ๒ ฮับ

2:1 ฟ้าและแผ่นดิน และบริวารทั้งสิ้น ที่มีอยู่ในนั้น พระเจ้าทรงสร้างสำเร็จดังนี้แหละ
2:2 วันที่เจ็ด พระเจ้าก็เสร็จงานของพระองค์ที่ทรงกระทำมานั้น ในวันที่เจ็ดนั้นก็ทรงพักการงานทั้งสิ้นของพระองค์ที่ได้ทรงกระทำ
2:3 พระเจ้าจึงทรงอวยพระพรแก่วันที่เจ็ด ทรงตั้งไว้เป็นวันบริสุทธิ์ศักดิ์สิทธิ์ เพราะในวันนั้นพระองค์ทรงหยุดพักจากการงานทั้งปวง ที่พระองค์ทรงกระทำในการเนรมิตสร้าง
2:4 เรื่องฟ้าสวรรค์และแผ่นดินที่พระเจ้าทรงสร้างมีดังนี้ ในวันที่พระเจ้าทรงสร้างแผ่นดินและฟ้าสวรรค์
2:5 ต้นไม้ตามทุ่งนายังไม่เกิดขึ้นบนแผ่นดิน และพืชตามทุ่งนาก็ยังไม่งอกขึ้นเลย เพราะพระเจ้ายังมิได้ทรงทำให้ฝนตกบนแผ่นดิน ทั้งยังไม่มีมนุษย์ที่จะทำไร่ไถนา
2:6 แต่มีน้ำพลุ่งขึ้นมาจากแผ่นดิน ทำให้พื้นดินเปียกทั่วไป
2:7 พระเจ้าทรงปั้นมนุษย์ด้วยผงคลีดิน ระบายลมปราณเข้าทางจมูก มนุษย์จึงเป็นผู้มีชีวิต
2:8 พระเจ้าทรงปลูกสวนแห่งหนึ่งไว้ที่เอเดน ทางทิศตะวันออก และให้มนุษย์ที่พระองค์ทรงปั้นมานั้นอยู่ที่นั่น
2:9 แล้วพระเจ้าทรงให้ต้นไม้ทุกชนิดที่งามน่าดูและที่น่ากิน เป็นอาหารงอกขึ้นจากดิน มีต้นไม้แห่งชีวิตต้นหนึ่งอยู่ท่ามกลางสวนนั้น กับต้นไม้แห่งความสำนึกในความดีและความชั่วต้นหนึ่งด้วย
2:10 มีแม่น้ำสายหนึ่งไหลจากเอเดนรดสวนนั้น จากที่นั่นก็แยกออกเป็นสี่สาย
2:11 ชื่อแม่น้ำสายที่หนึ่งคือปิโชน เป็นแม่น้ำที่ไหลรอบแผ่นดินฮาวิลาห์ที่นั่นมีแร่ทองคำ
2:12 ทองคำที่เมืองนั้นเป็นทองคำเนื้อดี และมียางไม้ตะคร้ำและโมรา
2:13 ชื่อแม่น้ำสายที่สองคือกิโฮน ไหลรอบแผ่นดินคูช
2:14 ชื่อแม่น้ำสายที่สามคือไทกริส ไหลไปทางทิศตะวันออกของเมืองอัสซีเรีย และแม่น้ำสายที่สี่ชื่อยูเฟรติส
2:15 พระเจ้าจึงทรงให้มนุษย์นั้นอยู่ในสวนเอเดน ให้ทำและรักษาสวน
2:16 พระเจ้าจึงทรงบัญชาแก่มนุษย์นั้นว่า "บรรดาผลไม้ทุกอย่างในสวนนี้ เจ้ากินได้ทั้งหมด
2:17 เว้นแต่ต้นไม้แห่งความสำนึกในความดีและความชั่ว ผลของต้นไม้นั้นอย่ากิน เพราะในวันใดที่เจ้าขืนกิน เจ้าจะต้องตายแน่"
2:18 พระเจ้าตรัสว่า "ไม่ควรที่ชายผู้นี้จะอยู่คนเดียวเราจะสร้างคู่อุปถัมภ์ที่สมกับเขาขึ้น"
2:19 พระเจ้าจึงทรงปั้นบรรดาสัตว์ในท้องทุ่งและนกในท้องฟ้าให้เกิดขึ้นจากดิน แล้วทรงนำมายังชายนั้น เพื่อดูว่าเขาจะเรียกชื่อมันว่าอะไร ชายนั้นตั้งชื่อสัตว์ทั้งปวงที่มีชีวิตว่าอย่างไร สัตว์นั้นก็มีชื่ออย่างนั้น
2:20 ชายนั้นจึงตั้งชื่อบรรดาสัตว์ใช้งานและนกในอากาศและบรรดาสัตว์ป่า แต่ชายนั้นยังหามีคู่อุปถัมภ์ที่สมกับตนไม่
2:21 แล้วพระเจ้าจึงทรงกระทำให้ชายนั้นหลับสนิท ขณะที่เขาหลับสนิทอยู่ พระองค์ทรงชักกระดูกซี่โครงอันหนึ่งของเขาออกมา แล้วทำให้เนื้อติดกันเข้าแทนกระดูกอย่างเดิม
2:22 ส่วนกระดูกซี่โครงที่พระเจ้าได้ทรงชักออกจากชายนั้น พระองค์ทรงสร้างให้เป็นหญิง แล้วทรงนำมาให้ชายนั้น
2:23 ชายจึงว่า "นี่แหละกระดูกจากกระดูกของเรา เนื้อจากเนื้อของเรา จะต้องเรียกว่าหญิง {ตรงนี้ฮีบรูเล่นคำ} ถ้าจะให้คงรูปจะแปลเป็นอย่างนี้ก็ได้ "จะต้องเรียกว่า ชายา เพราะชายานี้ออกมาจากชาย" เพราะหญิงนี้ออกมาจากชาย"
2:24 เพราะเหตุนั้นผู้ชายจึงจากบิดามารดาของตนไปผูกพันอยู่กับภรรยา และเขาทั้งสองจะเป็นเนื้อเดียวกัน
2:25 ทั้งผู้ชายและภรรยาของเขาเปลือยกายอยู่และไม่อายกัน
Jeab Agape
~@
โพสต์: 8259
ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ ม.ค. 17, 2005 9:56 pm
ที่อยู่: Bangkok

พุธ มิ.ย. 01, 2005 8:27 pm

ปฐมกาลบทที่ ๓ นี่แหละ เป็นเหตุที่ทำให้ มีของไม่ดี ฮะ


3:1 ในบรรดาสัตว์ป่าที่พระเจ้าทรงสร้างนั้น งูฉลาดกว่าหมด มันถามหญิงนั้นว่า "จริงหรือที่พระเจ้าตรัสห้ามว่า 'อย่ากินผลจากต้นไม้ใดๆ ในสวนนี้'
3:2 หญิงนั้นจึงตอบงูว่า "ผลของต้นไม้ต่างๆ ในสวนนี้เรากินได้
3:3 เว้นแต่ผลของต้นไม้ที่อยู่กลางสวนนั้น พระเจ้าตรัสห้ามว่า 'อย่ากินหรือถูกต้องเลย มิฉะนั้นจะตาย'
3:4 งูจึงพูดกับหญิงนั้นว่า "เจ้าจะไม่ตายจริงดอก
3:5 เพราะพระเจ้าทรงทราบอยู่ว่า เจ้ากินผลไม้นั้นวันใด ตาของเจ้าจะสว่างขึ้นในวันนั้น แล้วเจ้าจะเป็นเหมือนพระเจ้า คือสำนึกในความดีและความชั่ว"
3:6 เมื่อหญิงนั้นเห็นว่า ต้นไม้นั้นน่ากิน และน่าดูด้วย ทั้งเป็นต้นไม้ที่มุ่งหมายจะให้เกิดปัญญา จึงเก็บผลไม้นั้นมากิน แล้วส่งให้สามีกินด้วย เขาก็กิน
3:7 ตาของเขาทั้งสองคนก็สว่างขึ้น จึงสำนึกว่าตนเปลือยกายอยู่ ก็เอาใบมะเดื่อมาเย็บเป็นเครื่องปกปิดร่างไว้
3:8 เวลาเย็นวันนั้น เขาทั้งสองได้ยินเสียงพระเจ้าเสด็จดำเนินอยู่ในสวน ชายนั้นกับภรรยาก็หลบไปซ่อนตัวอยู่ในหมู่ต้นไม้ในสวนนั้น ให้พ้นจากพระพักตร์พระเจ้า
3:9 พระเจ้าทรงเรียกชายนั้นและตรัสถามเขาว่า "เจ้าอยู่ที่ไหน"
3:10 ชายนั้นทูลว่า "ข้าพระองค์ได้ยินพระสุรเสียงของพระองค์ในสวนก็เกรงกลัว เพราะข้าพระองค์เปลือยกายอยู่ จึงได้ซ่อนตัวเสีย"
3:11 พระองค์จึงตรัสว่า "ใครเล่าบอกเจ้าว่าเจ้าเปลือยกาย เจ้ากินผลไม้ที่เราห้ามมิให้กินนั้นแล้วหรือ"
3:12 ชายนั้นทูลว่า "หญิงที่พระองค์ประทานให้อยู่กินกับข้าพระองค์นั้น ส่งผลไม้นั้นให้ข้าพระองค์ ข้าพระองค์จึงรับประทาน"
3:13 พระเจ้าตรัสถามหญิงว่า "เจ้าทำอะไรไป" หญิงนั้นทูลว่า "งูล่อลวงข้าพระองค์ ข้าพระองค์จึงได้รับประทาน"
3:14 พระเจ้าจึงตรัสแก่งูว่า "เพราะเหตุที่เจ้าทำเช่นนี้ เจ้าจะต้องถูกสาปแช่งมากกว่า สัตว์ใช้งานและสัตว์ป่าทั้งปวง จะต้องเลื้อยไปด้วยท้อง จะต้องกินผงคลีดินจนตลอดชีวิต
3:15 เราจะให้เจ้ากับหญิงนี้เป็นศัตรูกัน ทั้งพงศ์พันธุ์ของเจ้าและพงศ์พันธุ์ของเขาด้วย พงศ์พันธุ์ของหญิงจะทำให้หัวของเจ้าแหลก และเจ้าจะทำให้ส้นเท้าของเขาฟกช้ำ
3:16 พระองค์ตรัสแก่หญิงนั้นว่า "เราจะเพิ่มความทุกข์ลำบากขึ้นมากมาย ในเมื่อเจ้ามีครรภ์และคลอดบุตร ถึงกระนั้นเจ้ายังปรารถนาสามี และเขาจะปกครองตัวเจ้า"
3:17 พระองค์จึงตรัสแก่อาดัม {แปลว่า มนุษย์} ว่า"เพราะเหตุเจ้าเชื่อฟังคำพูดของภรรยา และกินผลไม้ที่เราห้าม แผ่นดินจึงต้องถูกสาปเพราะตัวเจ้า เจ้าจะต้องหากินบนแผ่นดินด้วยความทุกข์ลำบากจนตลอดชีวิต
3:18 แผ่นดินจะให้ต้นไม้และพืชที่มีหนามแก่เจ้าและเจ้าจะกินพืชต่างๆ ของทุ่งนา
3:19 เจ้าจะต้องหากินด้วยเหงื่ออาบหน้า จนเจ้ากลับเป็นดินไป เพราะเราสร้างเจ้ามาจากดิน เจ้าเป็นผงคลีดิน และจะต้องกลับเป็นผงคลีดินดังเดิม"
3:20 ชายนั้นเรียกภรรยาของตนว่าเอวา {ศัพท์นี้เหมือนคำที่แปลว่า มีชีวิตอยู่} เพราะนางเป็นมารดาของปวงชนที่มีชีวิต
3:21 พระเจ้าทรงทำเสื้อด้วยหนังสัตว์ให้อาดัมกับเอวาสวมปกปิดกาย
3:22 แล้วพระเจ้าตรัสว่า "ดูเถิดมนุษย์มาเป็นเหมือนผู้หนึ่งในพวกเราแล้ว โดยที่รู้สำนึกในความดีและความชั่ว บัดนี้ อย่าปล่อยให้เขายื่นมือไปหยิบผลต้นไม้แห่งชีวิตมากิน แล้วมีอายุยืนชั่วนิรันดร์"
3:23 เพราะเหตุนั้นพระเจ้าจึงทรงขับไล่เขาออกไปจากสวนเอเดน ให้ไปทำไร่ทำสวนในที่ดินที่ตัวถือกำเนิดมานั้น
3:24 พระองค์ทรงไล่ชายนั้นออกไป และทรงตั้งพวกเครูบ {หมายถึง ทูตสวรรค์ จำพวกหนึ่ง} ทางด้านทิศตะวันออกแห่งสวนเอเดน และตั้งกระบี่เพลิงอันหนึ่งที่หมุนได้รอบทิศไว้เฝ้าทางที่จะเข้าไปสู่ต้นไม้แห่งชีวิตนั้น

:) :) :) :) :) :) ;) ;) ;) ;) ;) ;) ;) ;) :D :D :D :D :D :D 8) 8) 8) 8) 8) 8) 8)

เพราะว่า เมื่อมนุษย์ไม่เชื่อฟัง เขาได้ตกมาตรฐานของพระเจ้า พระผู้สร้างฮะ

ผลกระทบทันทีเมื่อ มนุษย์ คู่แรก ทำบาป

๑ ผลกระทบต่อความสัมพันธ์กับพระเจ้า ความบาป ทำให้สัมพันธภาพที่ดีๆของเขากับพระเจ้าขาดสะบั้น

๒ ผลกระทบต่อธรรมชาติของเขา เมื่อทรงสร้าง พวกเขาไม่เพียงแต่ไร้เดียงสา แต่มีความบริสุทธิ์พุดผ่อง ตอนนี้ธรรมชาติเสื่อม มีความอาย ต้องหาใบไม้มาปกปิด

๓ ผลกระทบต่อร่างกาย เพราะพระเจ้าทรงเตือนแล้ว ว่าถ้าไม่เชื่อฟัง ต้องตายแน่ๆ ( ปฐก.๒.๑๗ )

๔ ผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม งูถูกสาป และสัตว์ทั้งปวง แผ่นดิน ก็ต้องคำสาป มนุษย์เหน็ดเหนื่อยใน
การทำมาหากิน

>>>: จำขี้ปาก เจ๊ พีพีมาฮับ ถ้าเจ๊ว่างอาจจะมีการลงรายละเอียด ฮับ 8)
Batholomew
~@
โพสต์: 12724
ลงทะเบียนเมื่อ: อังคาร ม.ค. 18, 2005 2:28 pm
ที่อยู่: Thailand

พุธ มิ.ย. 01, 2005 9:05 pm

เยี่ยมเลยน้องเจี๊ยบ
ภาพประจำตัวสมาชิก
~@Little lamb@~
Defender of lawS
Defender of lawS
โพสต์: 9396
ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ ม.ค. 17, 2005 3:00 pm
ติดต่อ:

พุธ มิ.ย. 01, 2005 10:57 pm

พี่ปอเคยสอนเพื่อนคนหนึ่งเมื่อสมัยพี่อยู่ปี1

เขาก็ถามคล้ายๆแบบนี้แหละว่า
ทำไมพระเจ้าไม่ทำให้คนรวยเท่ากัน
ทำไมต้องมีคนลำบาก มีคนสบาย ฯลฯ

พี่ปอตอบว่า

ถ้าหินทุกก้อนในโลกเป็นเพชรหมดเลย
เพชรมันจะยังมีค่ามั๊ย ?

หยิบไปเขวี่ยงทิ้งน้ำเลยยังได้ เพราะมันจะหาเอาที่ไหนก็ได้
เก็บใหม่เอาก็ได้....และมันก็กลายเป็นไม่มีค่าในที่สุด



ลูกแกะน้อยๆ คิดดูดีๆนะจ๊ะ


ถ้าทุกคนรวยเท่ากันหมด เราจะเห็นคุณค่า และ ความสวยงามของชีวิตมั๊ย?
เพราะในเมื่อทุกคนมีเหมือนกันหมด มีเท่ากันหมด

เรามีคนจน มีคนรวยเพื่ออะไร
พระเจ้าไม่ได้ให้มีเพื่อให้เราอิจฉากันแน่ๆ

คุณค่า และ ชีวิตคริสตชนอยู่ที่ไหน
อยู่ที่การที่เราได้รักเพื่อนพี่น้อง แม้จะต่ำต้อยกว่าใช่มั๊ย

ถ้าทุกคนรวย สบายกันหมด.........แล้วพวกเราจะทำดีกับใครดีจ๊ะ 8)
kendo

พฤหัสฯ. มิ.ย. 02, 2005 12:45 am

ข้อเสียในสายตามนุษย์อาจจะมีข้อดีแฝงอยู่ อย่างความยากจน ใครจะว่าดี .... แต่ทำไมพระเยซูผู้เป็นเจ้าของทุกอย่าง กลับเลือกเกิดมาเป็นคนจน แสดงว่าความยากจนต้องเป็นสิ่งที่ดี
ความทุกข์ยากลำบาก ทุกคนไม่อยากเจอ แต่ทำไม พระเป็นเจ้าจึงเลือกชีวิตที่มีแต่ความทุกข์บนโลก ทำไมชีวิตแม่พระ นักบุญ ชาวสวรรค์ ล้วนแต่มีชีวิตที่เจอแต่ความทุกข์ยากลำบากบนโลก แสดงว่าความทุกข์ต้องเป็นสิ่งดี
พระเจ้าสร้างทุกอย่างมาดีหมด แต่คนมาทำให้เป็นของเสีย
แก้ไขล่าสุดโดย kendo เมื่อ พฤหัสฯ. มิ.ย. 02, 2005 12:47 am, แก้ไขไปแล้ว 1 ครั้ง.
ภาพประจำตัวสมาชิก
Holy
Defender of lawS
Defender of lawS
โพสต์: 10011
ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ ม.ค. 17, 2005 3:06 pm

พฤหัสฯ. มิ.ย. 02, 2005 1:00 am

ตะกี๊เปิดพระคัมภีร์ได้บทนี้ลองอ่านดูเน้อ ทำไมเราต่างกัน

รม 12:3-13 ความถ่อมตนและความรัก
เดชะพระหรรษทานที่ข้าพเจ้าได้รับ ข้าพเจ้าขอกล่าวกับท่านแต่ละคนว่า อย่าคิดว่าตนเองเหนือกว่าผู้อื่น แต่จงคิดให้ถูกต้องว่าพระเจ้าประทานความเชื่อ ให้แต่ละบุคคลมากน้อยต่างกัน เพราะร่างกายของเรามีองค์ประกอบหลายส่วน และส่วนต่าง ๆ เหล่านี้ไม่มีหน้าที่เดียวกันฉันใด แม้เราจะมีจำนวนมาก เราก็รวมเป็นร่างกายเดียวในพระคริสตเจ้าฉันนั้น โดยแต่ละคนต่างเป็นส่วนร่างกายของกันและกัน เรามีพระพรพิเศษแตกต่างกันตามพระหรรษทานที่พระองค์ประทานให้ ผู้ได้รับพระพรที่จะประกาศพระวาจา ก็จงใช้พระพรนั้นมากน้อยตามส่วนความเชื่อของตน ผู้ที่ได้รับพระพรที่จะรับใช้ ก็จงรับใช้ ผู้ที่ได้รับพระพรที่จะสอน ก็จงสอน ผู้ที่ได้รับพระพรที่จะตักเตือน ก็จงตักเตือน ผู้ที่บริจาค ก็จงบริจาคด้วยความเอื้อเฟื้ออย่างจริงใจ ผู้ที่เป็นผู้นำ ก็จงทำหน้าที่ผู้นำด้วยความเอาใจใส่ ผู้ที่แสดงความเมตตากรุณา ก็จงแสดงความเมตตากรุณาด้วยใจยินดี จงรักด้วยใจจริง จงหลีกหนีความชั่ว จงยึดมั่นในสิ่งที่ดี จงรักกันฉันพี่น้อง จงคิดว่าผู้อื่นดีกว่าตน อย่าเฉื่อยชา จงมีจิตใจกระตือรือร้นในการรับใช้องค์พระผู้เป็นเจ้า จงชื่นชมยินดีในความหวัง จงมีความอดทนต่อความทุกข์ยาก จงพากเพียรในการภาวนา จงเห็นอกเห็นใจช่วยเหลือพี่น้องคริสตชนในยามขัดสน จงต้อนรับด้วยอัธยาศัยไมตรี

------------------------------------------------------------------------------

จำที่พระเยซูพูดได้ไม๊ "ท่านจะมีคนจนอยู่กับท่านเสมอ" ถ้ามีแต่คนรวยหมด คำว่า บริจาค และ แบ่งปัน คงไม่จำเป็นต้องมีในโลก

ปล.อ่านเรื่องที่เจี๊ยบยกมา สังเกตอย่างนึงไม๊ ก่อนหน้ากินผลไม้ อาดัมและเอวา"ไม่ตาย" ดังนั้นทั้งสองแก้ผ้าต่อหน้ากันโดยไม่คิดจะสืบพันธุ์ เพราะอะไร เพราะเมื่อไม่มีการตาย การเกิดก็ไม่จำเป็น แต่พอมีการเสื่อมสลาย ก็เลยต้องมีการเกิดใหม่ขึ้นมาทดแทนมิฉะนั้นเผ่าพันธุ์มนุษย์ก็คงสูญสิ้นและไม่มีโอกาสรับการอภัย ดังนั้นเมื่อเขาทั้งสองกินผลไม้และ"ต้องตาย" พระเจ้าจึงประทานให้มีการสืบพันธุ์เกิดขึ้นเพื่อเชื้อสายจะได้รับการไถ่กู้ในภายหลังได้ และในทางกลับกันถ้ามีการเกิดโดยไม่มีการตายก็ไม่ได้ เพราะคนจะล้นโลก ดังนั้นที่จริง การเกิดก็เป็นสิ่งที่ดี การตายก็เป็นสิ่งดี ยิ่งหลังการทรงไถ่ การตายของเราในโลกนี้ก็คือประตูผ่านไปรับชีวิตนิรันดรในสวรรค์

และนี่คือเหตุหนึ่งที่ว่าทำไมคริสตชนเราจึงมองว่าเรื่องเพศเป็นเรื่องที่ต้องทำให้ศักดิ์สิทธิ์ ไม่ใช่ปล่อยปละตามธรรมชาติ

สรุปพระเจ้าเป็น "ผู้ทรงความดี" อย่างแท้จริงอย่างที่พระเยซูเจ้าบอก
แก้ไขล่าสุดโดย Holy เมื่อ พฤหัสฯ. มิ.ย. 02, 2005 1:32 am, แก้ไขไปแล้ว 1 ครั้ง.
kendo

พฤหัสฯ. มิ.ย. 02, 2005 1:23 am

ขอบคุณ คุณholy ผู้เปี่ยมด้วยพระจิตเจ้า สำหรับการชี้ทางและไขปริศนา แก่ชาวเรา
ภาพประจำตัวสมาชิก
Holy
Defender of lawS
Defender of lawS
โพสต์: 10011
ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ ม.ค. 17, 2005 3:06 pm

พฤหัสฯ. มิ.ย. 02, 2005 1:33 am

kendo เขียน: ขอบคุณ คุณholy ผู้เปี่ยมด้วยพระจิตเจ้า สำหรับการชี้ทางและไขปริศนา แก่ชาวเรา
ยกความดีความชอบให้พระจิตเจ้าครับ :D
Buddy
โพสต์: 3057
ลงทะเบียนเมื่อ: พุธ มี.ค. 09, 2005 10:48 am
ที่อยู่: USA

พฤหัสฯ. มิ.ย. 02, 2005 2:08 am

ปล.อ่านเรื่องที่เจี๊ยบยกมา สังเกตอย่างนึงไม๊ ก่อนหน้ากินผลไม้ อาดัมและเอวา"ไม่ตาย" ดังนั้นทั้งสองแก้ผ้าต่อหน้ากันโดยไม่คิดจะสืบพันธุ์ เพราะอะไร เพราะเมื่อไม่มีการตาย การเกิดก็ไม่จำเป็น แต่พอมีการเสื่อมสลาย ก็เลยต้องมีการเกิดใหม่ขึ้นมาทดแทนมิฉะนั้นเผ่าพันธุ์มนุษย์ก็คงสูญสิ้นและไม่มีโอกาสรับการอภัย ดังนั้นเมื่อเขาทั้งสองกินผลไม้และ"ต้องตาย" พระเจ้าจึงประทานให้มีการสืบพันธุ์เกิดขึ้นเพื่อเชื้อสายจะได้รับการไถ่กู้ในภายหลังได้ และในทางกลับกันถ้ามีการเกิดโดยไม่มีการตายก็ไม่ได้ เพราะคนจะล้นโลก ดังนั้นที่จริง การเกิดก็เป็นสิ่งที่ดี การตายก็เป็นสิ่งดี ยิ่งหลังการทรงไถ่ การตายของเราในโลกนี้ก็คือประตูผ่านไปรับชีวิตนิรันดรในสวรรค์
And God has to protect the tree of eternal life too otherwise we can't be redeemed. ... If we happen to eat that eternal life tree while we sin, we'll be punished forever. .... Is what I understand correct?
ภาพประจำตัวสมาชิก
P
.
.
โพสต์: 1383
ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ ม.ค. 17, 2005 10:10 pm
ที่อยู่: เมืองไทย

พฤหัสฯ. มิ.ย. 02, 2005 2:20 am

ตอบบั้ดดี้

That's a great insight. And to answer your question, according to the mormon doctrine, your understanding is correct. Many people don't realize how the tree of life is kept from us out of love.

I don't know about mainstream christianity, though.
Buddy.

พฤหัสฯ. มิ.ย. 02, 2005 3:00 am

P'P,

I got that when I prayed over the Gen 3. It was when I first came here and curious about God's love... When I prayed, I was stuck with the question.... why God had to expell us while He tells us He loves us? .... Then I realized about the tree of eternal life... and reasons why we had to be expelled.

So, I just need anyone to confirm this na ka... because I got it during the prayer, not from any reading. .... Even though my spiritual director at that time didn't make any comment on this, I still need someone to confirm this.. :)
ภาพประจำตัวสมาชิก
P
.
.
โพสต์: 1383
ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ ม.ค. 17, 2005 10:10 pm
ที่อยู่: เมืองไทย

พฤหัสฯ. มิ.ย. 02, 2005 3:09 am

That's great! You're well in tune with the Spirit. :)

Like I said, according to mormon doctrine, you are absolutely right. The tree of life was kept from us out of love. If God let Adam and Eve partake a fruit from the tree of life, they would have to live forever in sin. And that's not what God had in mind. He wanted to give them (and us and everyone for that matter) a chance to redeem ourselves. And that can be done through Jesus Christ.

But as far as the teaching of the mainstream Christianity goes (Catholicism, Protestantism), I have no idea. Probably need to ask the catholics and the protestants here.

Great insight, Buddy! ;)
แก้ไขล่าสุดโดย Anonymous เมื่อ พฤหัสฯ. มิ.ย. 02, 2005 3:10 am, แก้ไขไปแล้ว 1 ครั้ง.
ภาพประจำตัวสมาชิก
Holy
Defender of lawS
Defender of lawS
โพสต์: 10011
ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ ม.ค. 17, 2005 3:06 pm

พฤหัสฯ. มิ.ย. 02, 2005 5:04 am

รม 8:28
เรารู้ว่า พระเจ้าทรงบันดาลให้ทุกสิ่งกลับเป็นประโยชน์แก่ผู้ที่รักพระองค์ :D
แก้ไขล่าสุดโดย Holy เมื่อ พฤหัสฯ. มิ.ย. 02, 2005 5:04 am, แก้ไขไปแล้ว 1 ครั้ง.
Jeab Agape
~@
โพสต์: 8259
ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ ม.ค. 17, 2005 9:56 pm
ที่อยู่: Bangkok

พฤหัสฯ. มิ.ย. 02, 2005 7:09 am

Holy เขียน: รม 8:28
เรารู้ว่า พระเจ้าทรงบันดาลให้ทุกสิ่งกลับเป็นประโยชน์แก่ผู้ที่รักพระองค์ :D


เวอร์ชั่น โปรเตสแตนต์ ฮับ


โรม


8:28 เรารู้ว่า พระเจ้าทรงช่วยคนที่รักพระองค์ให้เกิดผลอันดีในทุกสิ่ง คือคนทั้งปวงที่พระองค์ได้ทรงเรียกตามพระประสงค์ของพระองค์

พี่ๆ หนู อยากทำตัวหนังสือโตๆ มั่งจะทำอย่างไรฮะ :D
Buddy.

พฤหัสฯ. มิ.ย. 02, 2005 8:16 am

:-\

I don't understand... Could you say something direct to me? ..... True or false... yes or no... I have a hard time understand something that is implicit.

Is it true that God protects the tree of eternal life because he loves us and we wants to redeem us? ... He can't leave us die in sin.

I'm sorry na ka... but thanks so much for your reply and your understanding ka... :)
Buddy.

พฤหัสฯ. มิ.ย. 02, 2005 8:21 am

Oh.. I just got it!!!

At the prayer, ... I had a new meaning of God for me that He's the best fixer in the world, right? He can fix everything!! Is that what you mean by พระเจ้าทรงบันดาลให้ทุกสิ่งกลับเป็นประโยชน์แก่ผู้ที่รักพระองค์ ?? :D
Cho
โพสต์: 744
ลงทะเบียนเมื่อ: ศุกร์ เม.ย. 15, 2005 6:27 pm
ที่อยู่: Rayong

พฤหัสฯ. มิ.ย. 02, 2005 8:35 am

ขอบพระคุณพระจิตเจ้าข้า ที่ทรงเสด็จมาเพื่อลูกๆ เสมอ ...
ภาพประจำตัวสมาชิก
P
.
.
โพสต์: 1383
ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ ม.ค. 17, 2005 10:10 pm
ที่อยู่: เมืองไทย

พฤหัสฯ. มิ.ย. 02, 2005 8:45 am

Buddy. เขียน: :-\

I don't understand... Could you say something direct to me? ..... True or false... yes or no... I have a hard time understand something that is implicit.
Ha ha ha. Sounds like Khun Holy is a zen catholic.
;D
Jeab Agape
~@
โพสต์: 8259
ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ ม.ค. 17, 2005 9:56 pm
ที่อยู่: Bangkok

พฤหัสฯ. มิ.ย. 02, 2005 9:03 pm

P เขียน:
Buddy. เขียน: :-\

I don't understand... Could you say something direct to me? ..... True or false... yes or no... I have a hard time understand something that is implicit.
Ha ha ha. Sounds like Khun Holy is a zen catholic.
;D
Hee hi hi แท้จริงแล้ว พี่โฮลี่ ชอบไปซื้อหนังสือที่เซนทรัล งับ :-*
ภาพประจำตัวสมาชิก
Zion
~@
โพสต์: 3777
ลงทะเบียนเมื่อ: อังคาร ม.ค. 18, 2005 8:37 pm
ติดต่อ:

ศุกร์ มิ.ย. 03, 2005 7:25 pm

ไม่เคยมีสิ่งใดโลกนี้ผิดพลาด

มนุษย์ทั้งสิ้นที่โง่เขลา ต่างหากที่เห็น ว่าผิดพลาด

ผม รู้สึกได้ถึงพระพร ที่หลั่งรินมา ทั้งตัวผม และผุ้อื่น

วันนี้ปฐมนิเทศหอมา
ปรากฎว่า กางเกงพิธีเรายังไม่มี :o

เชื่อไหม ???

รูมเมทเรา เผอิญมี2ตัว :o
______
ซึนามิ คนตาย แต่เราก้เห็น การรวมใจของคนทั้งโลก
_____
::) ::) ::)

ที่เรา ขาดแคลน เพื่อให้พระเจ้าเติมเต็ม

ไม่มีคำว่า"โชค" ในพจนานุกรมของพระเยซูเจ้า
ตอบกลับโพส