คร่าวๆคือ เธอให้เหตุผลว่า คุณพ่อเสีย อยากทำบุญให้คุณพ่อ
แต่ คาทอลิกของเรา ทำได้แค่มิสซา รู้สึกอยากทำบุญให้คุณพ่อมากกว่านี้
บอกว่าศาสนาพุทธเติมเต็มชีวิตเค้า
ฟังแล้วก็เศร้าใจ
เสียดายเนอะ เป็นฟิลิปปืนส์-สเปนด้วย เป็นคริสตังนอนด้วย
ไปซะแระ
ดู True Vision มาลีวัลย์ เจมีน่า เลิกนับถือคาทอลิก ไปเป็นชาวพุทธอย่างเต็มตัว
คาทอลิกเราก็สามารถขอมิซสาได้นิครับ จริงๆมันไม่จำเป็นเลย น่าเสียดายๆจริงๆครับ คริตสตังนอนซะด้วย เหอ เศร้าใจ
-
- ~@
- โพสต์: 12724
- ลงทะเบียนเมื่อ: อังคาร ม.ค. 18, 2005 2:28 pm
- ที่อยู่: Thailand
เศร้าใจด้วย
- Deo Gratias
- โพสต์: 1100
- ลงทะเบียนเมื่อ: พฤหัสฯ. มี.ค. 16, 2006 11:53 pm
อีกแล้วเหรอเนี่ย
คนเหล่านี้คงยังไม่เข้าใจถึงพระคุณความรักของพระเจ้า
และความจำเป็นที่เราจะต้องพึ่งพาพระองค์
จุดอ่อนของคริสตชนไทย โดยเฉพาะคริสต์นอน (ส่วนหนึ่ง)
คือการพ่ายให้กับการไหลตามความเชื่อของสังคม
สาเหตุเนืองจากไม่เคยมีประสบการณ์กับพระเจ้าด้วยตัวเอง
พระเจ้าไม่เคยบังคับใคร และเช่นกันพระเจ้าก็จะทรงใช้สิทธิของพระองค์
ในการไม่ให้ผู้ที่ใช้สิทธิของเขาในการเลือกที่จะปฏิเสธพระองค์เข้าพระอาณาจักร
นี่เป็นเรื่องน่าเศร้าใจ พระเจ้าทรงเสียพระทัย
แต่มารแอบหัวเราะสะใจที่แยกมนุษย์ออกจากพระเจ้าได้สำเร็จ
ต่างกับที่คนต่างศาสนาเปลี่ยนมาเป็นคริสตชน
นั่นถือว่าเขาตอบรับการทรงเรียกจากพระเจ้า
เป็นเรื่องที่น่าชื่นชมยินดี แม้ทูตสวรรค์ก็ยังโห่ร้องเมื่อมีคนหนึ่งกลับใจ
แต่มารจะเจ็บใจเมื่อเห็นคนรับเชื่อหรือล้างบาป เพราะมันรู้ว่ามันแพ้แล้ว
การจะเข้าใจเรื่องนี้ต้องเข้าใจก่อนว่าศาสนาคริสต์ไม่เหมือนกับศาสนาอื่น
ที่เป็นตัวเลือกหนึ่งที่คนจะเลือกเอาอะไรก็ได้ตามใจชอบ(เหมือนเลือกร้านกินข้าว)
คนมีสิทธิเลือกก็จริง แต่ผลของการเลือกจะไม่เหมือนกันแน่นอน
คนเหล่านี้คงยังไม่เข้าใจถึงพระคุณความรักของพระเจ้า
และความจำเป็นที่เราจะต้องพึ่งพาพระองค์
จุดอ่อนของคริสตชนไทย โดยเฉพาะคริสต์นอน (ส่วนหนึ่ง)
คือการพ่ายให้กับการไหลตามความเชื่อของสังคม
สาเหตุเนืองจากไม่เคยมีประสบการณ์กับพระเจ้าด้วยตัวเอง
ถ้าจะบอกว่าคริสตชนเปลี่ยนศาสนาไปเป็นอื่นถือว่าเป็นสิทธิ์ ถูกต้อง!!MODDIE เขียน: เหอะๆ
เรื่องแบบนี้ ผมเฉยๆ นะ
สิทธิ์ ของเค้า
เหมือนคนที่เคยเป็นพุทธมาก่อน แล้วเปลี่ยนเป็นคริสต์ นั่นล่ะนะ
พระเจ้าไม่เคยบังคับใคร และเช่นกันพระเจ้าก็จะทรงใช้สิทธิของพระองค์
ในการไม่ให้ผู้ที่ใช้สิทธิของเขาในการเลือกที่จะปฏิเสธพระองค์เข้าพระอาณาจักร
นี่เป็นเรื่องน่าเศร้าใจ พระเจ้าทรงเสียพระทัย
แต่มารแอบหัวเราะสะใจที่แยกมนุษย์ออกจากพระเจ้าได้สำเร็จ
ต่างกับที่คนต่างศาสนาเปลี่ยนมาเป็นคริสตชน
นั่นถือว่าเขาตอบรับการทรงเรียกจากพระเจ้า
เป็นเรื่องที่น่าชื่นชมยินดี แม้ทูตสวรรค์ก็ยังโห่ร้องเมื่อมีคนหนึ่งกลับใจ
แต่มารจะเจ็บใจเมื่อเห็นคนรับเชื่อหรือล้างบาป เพราะมันรู้ว่ามันแพ้แล้ว
การจะเข้าใจเรื่องนี้ต้องเข้าใจก่อนว่าศาสนาคริสต์ไม่เหมือนกับศาสนาอื่น
ที่เป็นตัวเลือกหนึ่งที่คนจะเลือกเอาอะไรก็ได้ตามใจชอบ(เหมือนเลือกร้านกินข้าว)
คนมีสิทธิเลือกก็จริง แต่ผลของการเลือกจะไม่เหมือนกันแน่นอน
เท่าที่ผมเห็นจริง ๆ แล้วคนส่วนใหญ่ที่นับถือศาสนาพุทธก็ยังรู้สึกว่า ศาสนาพุทธยังไม่อาจจะเป็นที่พึ่งทางใจให้กับพวกเขาได้อย่างสมบูรณ์ เราจึงมักเห็นคนยังไปไหว้บรรดาสัตว์ที่เกิดมามีร่างกายแปลกประหลาด หรือต้นไม้ที่รูปลักษณ์ผิดธรรมชาติ หลายๆ คนก็ต้องพึ่งหมอดู และไสยศาสตร์ พอหวยจะออกเมื่อใด บรรดาสิ่งเหล่านี้ก็ดึงดูดผู้คนมิใช่น้อย
คนที่เข้าวัดฟังธรรมนั่งสมาธิจะมีสักกี่เปอร์เซนต์เมื่อเทียบกับประชากรชาวพุทธทั้งหมด
ในส่วนของศาสนาคริสต์ โดยเฉพาะคาทอลิกเอง ถ้าได้ศึกษาคำสอนมาอย่างดี ก็จะพบว่าหลักคำสอนของศาสนาคริสต์นั้นก็ไม่ได้ให้คนเชื่ออย่างงมงาย เพราะทุกสิ่งที่พระศาสนจักรสอนนั้นเป็นความจริงที่อาจจะเกินกว่าศาตร์ของโลกนี้จะพิสูจน์ได้ แต่หลักคำสอนทั่ว ๆ ไปสำหรับการใช้ชีวิตร่วมกันในสังคมก็จัดว่าชัดเจนและโดดเด่น โดยเฉพาะเรื่องความรักและความเสียสละ การไม่เห็นแก่ตัว โดยมีพระเยซูเจ้าทรงเป็นแบบอย่าง
ส่วนการพัฒนาจิตโดยใช้สมาธิภาวนานั้น ทางคาทอลิกก็มีการฝึกและศึกษามาเป็นเวลานานแล้วตั้งแต่สมัยแรก ๆ ของพระศาสนจักรเลยทีเดียว เริ่มตั้งแต่บบรรดาฤาษีที่ปลีกตัวไปแสวงหาความเป็นหนึ่งเดียวกับพระเจ้าในทะเลทราย เรื่อยมาจนถึงนักพรตที่เจริญชีวิตภาวนาในเขตพรต
คนที่รู้จักศาสนาคริสต์อย่างผิวเผินอาจจะยังไม่รู้ว่า เรามีขุมทรัพย์ซ่อนไว้มากมายในภาชนะดินเผา พอไปได้เห็นได้ยินคำสอนของลัทธิอื่น ก็พลอยตื่นตาตื่นใจ คิดว่าสิ่งเหล่านั้นไม่มีในศาสนาคริสต์
คนที่เข้าวัดฟังธรรมนั่งสมาธิจะมีสักกี่เปอร์เซนต์เมื่อเทียบกับประชากรชาวพุทธทั้งหมด
ในส่วนของศาสนาคริสต์ โดยเฉพาะคาทอลิกเอง ถ้าได้ศึกษาคำสอนมาอย่างดี ก็จะพบว่าหลักคำสอนของศาสนาคริสต์นั้นก็ไม่ได้ให้คนเชื่ออย่างงมงาย เพราะทุกสิ่งที่พระศาสนจักรสอนนั้นเป็นความจริงที่อาจจะเกินกว่าศาตร์ของโลกนี้จะพิสูจน์ได้ แต่หลักคำสอนทั่ว ๆ ไปสำหรับการใช้ชีวิตร่วมกันในสังคมก็จัดว่าชัดเจนและโดดเด่น โดยเฉพาะเรื่องความรักและความเสียสละ การไม่เห็นแก่ตัว โดยมีพระเยซูเจ้าทรงเป็นแบบอย่าง
ส่วนการพัฒนาจิตโดยใช้สมาธิภาวนานั้น ทางคาทอลิกก็มีการฝึกและศึกษามาเป็นเวลานานแล้วตั้งแต่สมัยแรก ๆ ของพระศาสนจักรเลยทีเดียว เริ่มตั้งแต่บบรรดาฤาษีที่ปลีกตัวไปแสวงหาความเป็นหนึ่งเดียวกับพระเจ้าในทะเลทราย เรื่อยมาจนถึงนักพรตที่เจริญชีวิตภาวนาในเขตพรต
คนที่รู้จักศาสนาคริสต์อย่างผิวเผินอาจจะยังไม่รู้ว่า เรามีขุมทรัพย์ซ่อนไว้มากมายในภาชนะดินเผา พอไปได้เห็นได้ยินคำสอนของลัทธิอื่น ก็พลอยตื่นตาตื่นใจ คิดว่าสิ่งเหล่านั้นไม่มีในศาสนาคริสต์
- ดานุ้งพุงระเบิด
- โพสต์: 518
- ลงทะเบียนเมื่อ: พฤหัสฯ. ส.ค. 31, 2006 3:57 pm
- ที่อยู่: อุบลราชธานี
ได้แต่ภาวนาให้เขากลับมาหาพระเหมือนเดิม
- ..Elizabeth..
- โพสต์: 58
- ลงทะเบียนเมื่อ: พฤหัสฯ. ก.พ. 05, 2009 10:26 pm
Deo Gratias เขียน: อีกแล้วเหรอเนี่ย
คนเหล่านี้คงยังไม่เข้าใจถึงพระคุณความรักของพระเจ้า
และความจำเป็นที่เราจะต้องพึ่งพาพระองค์
จุดอ่อนของคริสตชนไทย โดยเฉพาะคริสต์นอน (ส่วนหนึ่ง)
คือการพ่ายให้กับการไหลตามความเชื่อของสังคม
สาเหตุเนืองจากไม่เคยมีประสบการณ์กับพระเจ้าด้วยตัวเอง
ถ้าจะบอกว่าคริสตชนเปลี่ยนศาสนาไปเป็นอื่นถือว่าเป็นสิทธิ์ ถูกต้อง!!MODDIE เขียน: เหอะๆ
เรื่องแบบนี้ ผมเฉยๆ นะ
สิทธิ์ ของเค้า
เหมือนคนที่เคยเป็นพุทธมาก่อน แล้วเปลี่ยนเป็นคริสต์ นั่นล่ะนะ
พระเจ้าไม่เคยบังคับใคร และเช่นกันพระเจ้าก็จะทรงใช้สิทธิของพระองค์
ในการไม่ให้ผู้ที่ใช้สิทธิของเขาในการเลือกที่จะปฏิเสธพระองค์เข้าพระอาณาจักร
นี่เป็นเรื่องน่าเศร้าใจ พระเจ้าทรงเสียพระทัย
แต่มารแอบหัวเราะสะใจที่แยกมนุษย์ออกจากพระเจ้าได้สำเร็จ
ต่างกับที่คนต่างศาสนาเปลี่ยนมาเป็นคริสตชน
นั่นถือว่าเขาตอบรับการทรงเรียกจากพระเจ้า
เป็นเรื่องที่น่าชื่นชมยินดี แม้ทูตสวรรค์ก็ยังโห่ร้องเมื่อมีคนหนึ่งกลับใจ
แต่มารจะเจ็บใจเมื่อเห็นคนรับเชื่อหรือล้างบาป เพราะมันรู้ว่ามันแพ้แล้ว
การจะเข้าใจเรื่องนี้ต้องเข้าใจก่อนว่าศาสนาคริสต์ไม่เหมือนกับศาสนาอื่น
ที่เป็นตัวเลือกหนึ่งที่คนจะเลือกเอาอะไรก็ได้ตามใจชอบ(เหมือนเลือกร้านกินข้าว)
คนมีสิทธิเลือกก็จริง แต่ผลของการเลือกจะไม่เหมือนกันแน่นอน
Totally Agree ka!!