โบราณคดีและปฐมกาล(ตอนที่๓)

ถาม-ตอบพระคัมภีร์ เรื่องเสริมศรัทธา ความรู้ และสาระ บทความ ในคริสตศาสนา
ตอบกลับโพส
Jeremy
โพสต์: 211
ลงทะเบียนเมื่อ: พฤหัสฯ. ม.ค. 20, 2005 9:49 am

อาทิตย์ ม.ค. 30, 2005 12:49 pm

บทความสองตอนก่อน ได้ตรวจสอบหลักฐานทางโบราณคดีหลายอย่างที่ให้ความกระจ่างในส่วนของพระธรรมปฐมกาล ตอนนี้เราจะทำการสำรวจการค้นพบที่พิสูจน์ ถึงความจริงในมุมมองอื่นๆ ของเรื่องราวในพระธรรมปฐมกาล เริ่มด้วยการปกครองในระบบอาวุโสของอับราฮัม

อับราฮัมและเมืองเออร์

"และเทราพาบุตรชายของตนอับราฮัม,โลตหลายชาย........และพวกเขาพากันเดินทางจากเมืองเออร์แขวงเมืองแคนเดียไปยังแผ่นดินคานาอัน (ปฐมกาล๑๑ ข้อ๓๑) เป็นเวลา ๑ ศต.มาแล้ว นักวิจารณ์อิสระชาวเยอรมันทีโอดอร์ นอลดีกี ถามความมีอยู่จริงทางประวัติศาสตร์ของอับราฮัมและเมือง"เออร์แขวงเมืองแคนเดีย " เขาและคนอื่นๆ คิดว่าเรื่องราวของปฐมกาลและเชื้อสายของอับราฮัม เป็นเรื่องของนิยาย ในศต.เดียวกันนี้เช่นเดียวกัน ที่ให้ความกระจ่างถึงหลักฐานทางโบราณคดีหลายอย่าง ที่สนับสนุนเรื่องราวตามพระคัมภีร์ในเรื่องของอับราฮัม

ในปี๑๙๒๒ ลีโอนาโด วูดลี่ ขุดค้นเมืองเออร์ ทางตอนใต้ของประเทศอิรักและพบว่าเมืองนี้ เป็นเมืองใหญ่ เคยเจริญรุ่งเรืองเมื่อ ๒๐๐๐ ปีก่อน คศ. ตรงกับสมัยของอับราฮัม

โดยมีพื้นฐานตามการค้นพบของเขา วูดลี เขียนแผนที่เมือง แสดงถนนใหญ่มีต้นไม้สองข้างทางและวาดภาพที่อยู่อาศัยที่หรูหราภายในมีอ่างอาบน้ำ .ห้องเรียนที่ถูกขุดพบ มีแผ่นแกะสลักของนักเรียนที่มีการเรียนคณิตศาสตร์และการใช้ภาษาที่ยังเห็นได้ รวมทั้งพบชื่อของอับราฮัมที่ระบุเวลาได้ราว๑๐๐ ปีหรือ ๒๐๐ ปีหลังจากที่เขาตาย
Jeremy
โพสต์: 211
ลงทะเบียนเมื่อ: พฤหัสฯ. ม.ค. 20, 2005 9:49 am

อาทิตย์ ม.ค. 30, 2005 12:50 pm

เดอะ อินเตอร์เนชั่นแนล เอนไซโครพีเดีย ไม่ยอมรับทฤษฎีของนอลดีกี ที่บอกว่าอับราฮัมเป็นบุคคลในตำนาน เมื่อสรุปจากเอ็นไซโครพีเดียได้ความว่า"จากหลักฐานทางโบราณคดี มันปรากฎว่า อับราฮัมเป็นผลผลิตของวัฒนธรรมชั้นสูง เป็นลักษณะของผู้ปกครองอาวุโสของชนชั้นสูง ในสมัยนั้น การกระทำของเขาตรงกันข้ามกับภูมิหลังที่เป็นจริงของหลักฐานที่ไม่ปรากฎในพระคัมภีร์ ที่ให้เขาเป็นบุตรชายคนหนึ่ง มีชื่อเหมือนกันและเดินทางไปในดินแดนทั่วๆไปเหมือนกัน รวมทั้งอาศัยอยู่ในเมืองเดียวกัน กับบุคคลในสมัยเดียวกัน เขาเป็นคนยุคทองสัมฤทธิ์กลางที่เฉลียวฉลาดและไม่สอดคล้องกับความคิดทางประวัติศาสตร์ของชาวอิสราเอล ตามที่เคยจินตนาการกัน ..."

"ตอนนี้มีความกันดารอาหารในแผ่นดินและอับราฮัม ลงไปที่อียิปต์อาศัยที่นั่น"(ปฐมกาล๑๒ ข้อ๑๐) "ดังนั้นพวกเขาพาฝูงสัตว์และทรัพย์ที่เขาได้ มาในแคว้นคานาอันและลงไปอียิปต์ ยาโคบกับบรรดาพงศ์พันธุ์ของท่านไปกับเขา"(ปฐมกาล ๔๖ข้อ๖)

การปกครองในระบบอาวุโสและครอบครัวตามพระคัมภีร์บอกอะไรแก่เรา คัมภีร์ไบเบิลบอกเรื่องความมั่งคั่งของอับราฮัมในฝูงวัวและแกะ(ปฐมกาล๑๒ข้อ๑๖) ต่อมากล่าวถึงความอิจฉาของพี่น้องเกี่ยวกับเสื้อคลุมหลากสีที่ยาโคบให้แก่โยเซฟ (ปฐมกาล๓๗ข้อ๓) พระคัมภีร์บอกเกี่ยวกับฝูงแพะและแกะที่ยาโคบทำให้แพร่พันธุมากมายอย่างเฉลียวฉลาดโดยเลี่ยงความขัดแย้งกับพ่อตา(ปฐมกาล๓๐ข้อ๓๓-๔๓) นอกจากนี้ ที่คัมภีร์กล่าวไว้ ยังมีเครื่องดนตรีเช่นพิณ(ปฐมกาล ๓๑ข้อ๒๗)และอาวุธเช่นแล่งธนูและคันธนูที่ใช้เพื่อป้องกัน (ปฐมกาล๒๗ข้อ๓)สิ่งเหล่านี้เป็นการแต่งขึ้นหรือเป็นเรื่องปรัมปรา?.
Jeremy
โพสต์: 211
ลงทะเบียนเมื่อ: พฤหัสฯ. ม.ค. 20, 2005 9:49 am

อาทิตย์ ม.ค. 30, 2005 12:50 pm

จนถึงศต.ของเรา ได้มีการขุดค้นหลุมฝังศพของกษัตริย์หลายแห่งทางตอนใต้ของกรุงไคโรประมาณ๑๕๐ ไมล์ มีกำแพงด้านหนึ่งมีภาพเขียนที่สวยงามมาก ที่ต่อมาระบุอายุได้ประมาณปี ๑๙๐๐ ก่อนคศ. ซึ่งตรงกับเวลาที่ชาวเซไมต์เข้าสู่ประเทศอียิปต์เพื่อขายสินค้า มีภาพผู้ชาย หญิงและเด็ก บางคนแต่งการด้วยเสื้อผ้าหลากสี พวกเขาถือพิณ แล่งธนูและลูกธนู,หอก.ที่เดินทางร่วมไปกับพวกเขา มีแพะและลาที่ใช้บรรทุกอาหารและเพื่อขนย้าย, ภาพเขียนนี้แสดงถึงผู้คนในยุคสมัยเดียวกับอับราฮัม,อิสฮัก และยาโคบสวมใส่เสื้อผ้า, เลี้ยงสัตว์และใช้สิ่งของเครื่องใช้ตรงตามที่พรรณาตามบันทึกในคัมภีร์. สิ่งเหล่านี้เป็นการค้นพบที่น่าประทับใจที่สนับสนุนบันทึกตามพระคัมภีร์สมัยนั้น แม้แต่ในรายละเอียดเล็กๆ

รูปเคารพประจำบ้านของเลบาน

บางคนฉงนเกี่ยวกับเรื่องราวตามพระคัมภีร์เกี่ยวกับการกระทำที่ร้ายแรงของราเชล ที่ได้ซ่อนรูปเคารพประจำบ้านของเลบาน บิดาของเธอ,แม้แต่เรื่องอันตรายที่เธอนำรูปเคารพไปด้วย

เราอ่านในปฐมกาล บทที่๓๑ ได้ว่า "จากนั้นยาโคบลุกขึ้นและพาบุตรชายและภรรยาขึ้นหลังอูฐ....ตอนนี้เลบานไปตัดขนแกะและราเชลได้ขโมยรูปเคารพประจำครอบครัว ที่เป็นของบิดาไป.....และเลบานได้รับคำบอกเล่าในวันที่สามว่ายาโคบหนีไป ดังนั้นเขาได้พาพี่น้องไปพร้อมกับเขาและติดตามไปเป็นวันที่เจ็ดและไปทันเขาในภูเขากิเลอาด .....
Jeremy
โพสต์: 211
ลงทะเบียนเมื่อ: พฤหัสฯ. ม.ค. 20, 2005 9:49 am

อาทิตย์ ม.ค. 30, 2005 12:51 pm

"และเลบานกล่าวกับยาโคบว่า"เจ้าทำอะไร ที่ได้ขโมยไปไม่บอกให้เรารู้และพาบุตรสาวของเราไปและตอนนี้เจ้าไปจากเราแน่เพราะว่าเจ้าคิดถึงบ้านของบิดาของเจ้า แต่เหตุใดจึงขโมยรูปเคารพของเราไปเล่า"จากนั้นยาโคบ ตอบเลบานว่า "เพราะว่าเรากลัวและ บางทีท่านอาจแย่งบุตรสาวไปจากเราโดยใช้กำลัง" กับผู้ใดก็ตาม ที่ท่านพบว่ามีรูปเคารพอยู่ด้วย ก็อย่าให้มีชีวิตอยู่ ต่อหน้าพี่น้องของเรา ลองดูสิว่าเราได้เอาอะไรของท่านไปและท่านจงเอาคืนไป"

"เนื่องจากยาโคบไม่รู้ว่าราเชลขโมยรูปเคารพไป ...ตอนนี้ราเชลได้ลักพารูปเคารพของครอบครัว และใส่ไว้ใต้อานอูฐและนั่งทับไว้ ลาบานก็หาไปจนทั่วทุกกระโจมแต่ไม่พบ และราเชลได้พูดกับเลบานว่า"อย่าว่ากล่าวดิฉันที่ไม่ลุกขึ้นต้อนรับ เนื่องจากกริยาของสตรีที่เป็นอยู่ที่ดิฉัน " (ข้อ๑๗-๓๕)

(ยังมีต่อ)
ภาพประจำตัวสมาชิก
P
.
.
โพสต์: 1383
ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ ม.ค. 17, 2005 10:10 pm
ที่อยู่: เมืองไทย

จันทร์ ม.ค. 31, 2005 11:14 pm

รออ่านต่อครับ เพราะอับราฮัมเป็น figure สำคัญคนหนึ่งในนิกายผม (ในพระคัมภีร์มีหนังสืออับราฮัมด้วย) อาจจะมีความเห็นหลังจากคุณ watch เขียนตอนนี้จบครับ
spirit

อังคาร ก.พ. 01, 2005 2:49 pm

แวะมาติดตามอ่านค่ะ ขอบพระคุณมากๆที่สละเวลามาช่วยเพิมรอยหยักใน ขมอง *?
ภาพประจำตัวสมาชิก
~@Little lamb@~
Defender of lawS
Defender of lawS
โพสต์: 9396
ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ ม.ค. 17, 2005 3:00 pm
ติดต่อ:

อังคาร ก.พ. 01, 2005 11:04 pm

พยายามอ่านต่อไป +_+
ชักเยอะ หนูอ่านไม่ทน T-T
Jeremy
โพสต์: 211
ลงทะเบียนเมื่อ: พฤหัสฯ. ม.ค. 20, 2005 9:49 am

อังคาร ก.พ. 08, 2005 1:49 pm

ติดธุระ เสียหลายวัน ตอนนี้ พอมีเวลาแล้ว.... กลับมาเขียนต่อ จะพยายามเขียนและพิมพ์ ที่เหลืออีก 3 ตอน
------------------------------

ทำไมรูปเคารพประจำบ้านจึงมีความสำคัญ ? หลักฐานทางโบราณคดีให้คำตอบในเรื่องนี้ไว้ รูปเคารพประจำบ้านที่เรียกว่า
ภาพประจำตัวสมาชิก
~@Little lamb@~
Defender of lawS
Defender of lawS
โพสต์: 9396
ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ ม.ค. 17, 2005 3:00 pm
ติดต่อ:

อังคาร ก.พ. 08, 2005 10:21 pm

แหม..หายไปเสียหลายวันเลยนะคะ :D
ภาพประจำตัวสมาชิก
P
.
.
โพสต์: 1383
ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ ม.ค. 17, 2005 10:10 pm
ที่อยู่: เมืองไทย

พุธ ก.พ. 09, 2005 7:42 am

ขอบคุณครับที่เขียนต่อ ไม่ทราบเรื่องอับราฮัมจบหรือยังครับ (ไม่แน่ใจว่าต่อไปจะเป็นเรื่องโจเซ็ฟเลยหรือเปล่า)
Jeremy
โพสต์: 211
ลงทะเบียนเมื่อ: พฤหัสฯ. ม.ค. 20, 2005 9:49 am

พุธ ก.พ. 09, 2005 8:56 am

ผ่านเรื่องของ อับราฮามแล้วครับคุณP ต่อไปเป็นเรื่องของโยเซฟ ในอียิปต์ อยู่ในหนังสืออพยพ ของพระคัมภีร์เดิม อาจมีที่กล่าวโยงเรื่องอับราฮาม เพิ่มเติมบ้าง ในตอนท้ายๆ
------------------------------------------
คุณLL ผม ติดธุระเสียเกือบ 1 อาทิตย์ ตอนนี้กลับมาเขียนได้เรื่อยๆ หากไม่ว่างก็หยุด ชั่วคราว when I have to read many book for some examination .
Jeremy
โพสต์: 211
ลงทะเบียนเมื่อ: พฤหัสฯ. ม.ค. 20, 2005 9:49 am

พุธ ก.พ. 09, 2005 11:21 am

(ต่อ)

บางทีเราอาจทราบว่า การค้นพบของนักโบราณคดีมีความสอดคล้องกับเรื่องราวของอับราฮามและเชื้อสายของเขา ในเมโสโปเตเมียและคานาอัน,

แต่นักโบราณคดียืนยันไหมว่ามีหลักฐานทางโบราณคดีมากมายที่เกี่ยวกับวัฒนธรรมและวิถีชีวิตของชาวอียิปต์?

ไบเบิลบอกว่า หนุ่มโยเซฟถูกขายเป็นทาสและถูกพาไปอียิปต์ ตั้งแต่ยังหนุ่ม ถ้าเรื่องนี้เป็นเพียงเรื่องทางตำนานแล้ว แน่นอนเรื่องราวในไบเบิลคงต้องถูกปฏิเสธ ตั้งแต่เราได้ความรู้เกี่ยวกับประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมของอียิปต์มากกว่าแหล่งที่มีความเจริญรุ่งเรืองอื่นๆของตะวันออกกลาง ในสมัยนั้น

ชาวอียิปต์สร้างอนุสาวรีย์ไว้มากมาย หลายแห่ง สุสานฝังศพของพวกเขามีกำแพงที่เต็มไปด้วยภาพและข้อความขีดเขียนเกี่ยวกับการดำรงชีวิตประจำวัน ถ้าข้อความในไบเบิลเป็นเท็จแล้ว คงไม่ยากที่จะถูกเปิดเผยในภายหลังว่าเรื่องเหล่านั้นไม่จริง เนื่องจากจะต้องถูกค้นพบว่ารายละเอียดต่างๆไม่ตรงกับที่บันทึกไว้
Jeremy
โพสต์: 211
ลงทะเบียนเมื่อ: พฤหัสฯ. ม.ค. 20, 2005 9:49 am

พุธ ก.พ. 09, 2005 11:22 am

แต่เรื่องราวในไบเบิลก็ยังสอดคล้องกัน ในอียิปต์โยเซฟสิ้นสุดความเป็นทาส ในบ้านของพนักงานที่มีตำแหน่งสำคัญ ภรรยาของโฟติฟาร์ พยายามชักจูงโยเซฟ เมื่อโยเซฟวิ่งหนีไป เขาได้รับการปรักปรำจากภรรยาของโฟติฟาร์และถูกขังคุก . เรื่องต่างๆที่ประกอบกันนี้สะท้อนถึงธรรมเนียมของชาวอียิปต์ ตามที่พรรณนาบนฝาผนังในอนุสาวรีย์ -ที่มีภาพทาสชาวยิวจำนวนมากและเรื่องราวของภรรยาชาวอียิปต์ที่ไม่จริงจัง

เอ็นไซโครพีเดียเล่มหนึ่งกล่าวว่า "จากแหล่งข้อมูลทั้งในอียิปต์ทั้งในวรรณคดีและในชีวิตประจำวัน ,สตรีชาวอียิปต์อื่นๆบางคน ก็ไม่แตกต่างไปจากภรรยาของโฟติฟาร์" (ดิ อินเตอร์เนชั่นแนล สแตนดาร์ต ไบเบิล เอ็นไซโครพีเดีย เล่มที่๒ หน้า๑,๑๒๘)

เมื่อพระเจ้าเข้าแทรกแซงและแก้ฝันของฟาโรห์ ข้อเขียนในวรรณคดีในเวลานั้นบอกว่า การแก้ฝันเช่นนั้นเป็นเรื่องที่ทำกันทั่วไป) โยเซฟได้รับการแต่งตั้งให้อยู่ในลำดับสองรองจากฟาโรห์
แก้ไขล่าสุดโดย Jeremy เมื่อ พุธ ก.พ. 09, 2005 11:28 am, แก้ไขไปแล้ว 1 ครั้ง.
Jeremy
โพสต์: 211
ลงทะเบียนเมื่อ: พฤหัสฯ. ม.ค. 20, 2005 9:49 am

พุธ ก.พ. 09, 2005 11:23 am

ผู้ปกครองอียิปต์ชื่นชมความสามารถของเขา ที่กล่าวว่า" ตราบเท่าที่พระเจ้าได้แสดงเรื่องต่างๆ แก่โยเซฟนี้ ,ตอนนี้ไม่มีใครมีความเข้าใจและมีปัญญาเท่าโยเซฟ โยเซฟจะเป็นผู้ตรวจตราบ้านเมืองของเราและคนของเราทุกคนจะถูกปกครองตามคำบัญชาของโยเซฟ มีเพียงบัลลังค์เท่านั้น ที่เราสูงกว่า "

ส่วนฟาโรห์ก็กล่าวแก่โยเซฟว่า"ดูเถิด เราได้ตั้งเจ้าดูแลแผ่นดินอียิปต์ทั้งหมด" จากนั้นฟาโรห์ได้ถอดแหวนอันเป็นเครื่องหมายของเขาออกจากนิ้วของพระองค์และวางบนมืองของโยเซฟ และพระองค์ได้สวมเสื้อคลุมผ้าลินินอย่างดีและสวมสร้อมคอในแก่เขา และเขาได้ใช้รถพระที่นั่งลำดับที่สองและมีคนป่าวร้องนำหน้าเขาว่า "จงคุกเข่าลง" " ดังนั้นเขาจึงเป็นผู้ตรวจตราทั่วแผ่นดินอียิปต์(ปฐมกาล๔๑ข้อ๓๙-๔๓)

ตรงกำแพงด้านหนึ่งในสุสานของราชวงศ์อียิปต์ มีภาพแกะสลักพิธีมอบตำแหน่งให้กับนายกรัฐมนตรีคนใหม่. ผู้รับตำแหน่งสวมเสื้อคลุมสีขาวและสวมสร้อยคอทองคำ
Jeremy
โพสต์: 211
ลงทะเบียนเมื่อ: พฤหัสฯ. ม.ค. 20, 2005 9:49 am

พุธ ก.พ. 09, 2005 11:30 am

ตามที่เวอร์เนอร์ เคลเลอร์ กล่าวยืนยัน"การขึ้นสู่ตำแหน่งของโยเซฟเป็นผู้สำเร็จราชการของอียิปต์ ถูกนำมากล่าวไว้อีกครั้งในไบเบิลถูกต้องตรงกันกับพิธีการ เขาได้รับมอบอำนาจพร้อมกับเครื่องหมายของตำแหน่งที่สูงของเขา,เขาได้รับแหวน.ตราประทับของฟาโรห์, เสื้อคลุมมูลค่าสูงและสร้อยคอทองคำ .นี่คือความเป็นจริงที่ศิลปินชาวอียิปต์เขียนและแกะสลักพิธีการสำคัญในสุสาน .

ในฐานะผู้สำเร็จราชการ.โยเซฟนั่งรถพระที่นั่งลำดับที่สอง . นั่นอาจชี้ถึง"ในช่วงเวลาปกครองสมัยแรกสุดของฟาโรห์ฮิกสอส เนื่องจากเป็นช่วงเวลาการปกครองช่วงเดียวของ " ผู้ปกครองแผ่นดินต่างด้าว " (หมายความถึงโยเซฟ ที่เป็นชาวยิวมาปกครองแผ่นดินอียิปต์ -เพิ่มเติม)..........เคลเลอร์มีความเห็นว่า แต่เดิมในแถมลุ่มแม่น้ำไนล์ ยังไม่มีการใช้รถม้า ทำสงคราม และรถม้าที่ โยเซฟใช้ตรวจตราแผ่นดินอียิปต์ เป็นการใช้รถม้าครั้งแรกสุด .

เครื่องเทียมรถม้าในพิธีตลอดจนถึงตัวม้าในสมัยนั้น เทียบเท่ารถโร -สลอย์ ของผู้ปกครอง รถม้าคันแรกเป็นของผู้ปกครอง,รถม้าคันที่สองเป็นของหัวหน้ารัฐมนตรี(อ้างในหนังสือ ไบเบิลที่เป็นประวัติศาสตร์ ปี๑๙๘๐หน้า๘๙)
Jeremy
โพสต์: 211
ลงทะเบียนเมื่อ: พฤหัสฯ. ม.ค. 20, 2005 9:49 am

พุธ ก.พ. 09, 2005 11:30 am

จากเรื่องราวสั้นๆนี้ เราสามารถเห็นว่าโบราณคดีให้ความกระจ่างกับบันทึกในไบเบิล แม้ว่าคนสงสัยจะพูดเยาะเย้ยเกี่ยวกับความจริงในพระคำของพระเจ้า-เนื่องจากแนวทางการดำเนินชีวิตและบทบัญญัติของพระองค์นั้น ไม่ใช่เรื่องง่าย ที่จะถือปฎิบัติ-แต่ตอนนี้ คนจำนวนน้อยลงเรื่อยๆ ที่สงสัยเกี่ยวกับพื้นฐานทางประวัติศาสตร์

การค้นพบนั้นยังคงยืนยันพระคำของพระเจ้า เปาโลกล่าวว่า"จารึกทั้งหมดมีขึ้นจากการดลใจ ของพระเจ้าและเป็นประโยชน?เพื่อการสั่งสอน,เพื่อแก้ไขตักเตือน,เพื่อแนะนำในความชอบธรรม,ที่คนของพระเจ้าจะประสบความสำเร็จตลอดจนเพื่อการงานที่ดีทุกอย่าง"(๒ทิโมธี ๓ข้อ๑๖-๑๗)

ตอนหน้าจะเสนอข้อมูลทางโบราณคดีเพิ่มเติม ตอนอพยพออกจากอียิปต์ (ตอนที่๔) เพื่อยืนยันเรื่องราวในไบเบิล .
spirit

พุธ ก.พ. 09, 2005 11:50 am

เฮ้อ ยาวมาก อ่านจบก็จำไรไม่ได้ :-[ :'(
ภาพประจำตัวสมาชิก
P
.
.
โพสต์: 1383
ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ ม.ค. 17, 2005 10:10 pm
ที่อยู่: เมืองไทย

พุธ ก.พ. 09, 2005 12:24 pm

ขออนุญาตเสริมเรื่องตรงนี้นะครับ เพื่ออรรถรสของคนที่กำลังอ่าน Genesis ตามบทความของคุณ W

1. ประเพณีแถบนั้นในสมัยก่อน ถือว่า เป็นบาปอย่างยิ่งที่จะแย่งชิงภรรยาจากชายผู้อื่นไป และสิ่งที่"ชอบธรรม"กว่าคือ ฆ่าสามีเสียก่อน แล้วจึงจับภรรยาไป (เพราะนางเป็นผู้ไม่มีสามีแล้ว ไม่นับว่าคบชู้)

อันนี้พยายามอธิบายเรื่องที่อับราฮัม "โกหก" ว่าภรรยาคือน้องสาว (แม้ว่าจริงๆแล้วนางจะเป็นน้องสาวแบบลูกพี่ลูกน้องก็ตาม)

2. สิ่งที่น่าสนใจ และน่าตะลึง ในเรื่องของ Genesis คือ
- ซาราห์หัวเราะที่ได้ยินว่าพระเจ้าจะให้บุตรแก่นางและอับราฮัม (แต่ละคนตอนนั้นอายุมากแล้ว เป็นไปไม่ได้) แต่กลับไม่โดนลงโทษจากพระเจ้า
- อับราฮัม"โกหก" เสมอๆ ว่าซาราห์เป็นน้องสาว และเมื่อถูกจับได้ จึงได้บริวารข้าวสารมากมาย เพราะอีกฝ่ายหนึ่งกลัวบาปจะตกกับเขา
- เจค็อบ ขโมย birthright จากอีซอ ได้
- เจค็อบ ด้วยความช่วยเหลือจากผู้เป็นแม่ และการ"โกหก"ของเขา ได้ขโมยพรจากไอแส็คโดยการ"ปลอม"เป็นอีซอ แต่เมื่อไอแส็คทราบ เขากลับไม่โดนว่ากล่าวใดๆ พรที่ไอแส็คให้ไปก็ยังคงอยู่อย่างนั้น
- เจค็อบ ต่อสู้มวยปล้ำกับ the man
- อิสราเอ็ล (เจค็อบ) ให้พรกับอีแฟรมมากกว่าเมเน็สซ่า
- ยูดาห์ มีเพศสัมพันธ์กับลูกสะใภ้ม่ายของตนเอง และกล่าวว่า นางมีศีลธรรมมากกว่าเขาด้วยซ้ำ

เรื่องราวในช่วง Genesis ตรงนี้เป็นอะไรที่น่าสนใจมาก และหากอ่านผ่านๆอาจจะไม่เข้าใจว่า "พระเจ้าปล่อยให้เป็นอย่างนี้ไปได้อย่างไร" หรือ "ไม่น่าเชื่อว่านี่คือต้นแบบของเรา"

สำหรับคำอธิบายตรงนี้ ไว้ว่างๆเรามาแยกกระทู้คุยกันดีกว่าครับว่าทำไมจึงเป็นเช่นนั้น (สำหรับผู้สนใจนะครับ)
แก้ไขล่าสุดโดย Anonymous เมื่อ พุธ ก.พ. 09, 2005 12:32 pm, แก้ไขไปแล้ว 1 ครั้ง.
ภาพประจำตัวสมาชิก
P
.
.
โพสต์: 1383
ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ ม.ค. 17, 2005 10:10 pm
ที่อยู่: เมืองไทย

พุธ ก.พ. 09, 2005 12:46 pm

อีกเรื่องหนึ่งที่อยากกล่าวถึง (เห็นคุณ W จะขึ้นเรื่องโมเส็สแล้ว จึงอยากพูดอุ่นเครืองให้สำหรับผู้สนใจอ่านต่อนะครับ) คือ เรื่องเกี่ยวกับ 12 tribes of Israel

ผู้นำของกลุ่มคือ Patriach เช่น Patriach Abraham, Patriach Isaac, Patriach Jacob

Jacob มีลูกสิบสองคน จากภรรยาสี่คน คือ

Reuben, Simeon, Levi, Judah, Issachar, Zebulun, Dinah จากภรรยาชื่อ Leah
Joseph, Benjamin จาก Rachel
Dan, Nephtali จาก Bilhah
Gad และ Asher จาก Zilpah

Joseph มีลูกสองคนคือ Manasseh กับ Ephraim แต่ Ephraim ได้ birthright (ทำนองเดียวกันกับที่โจเซ็ฟได้ birthright)

ถ้ารวมลูกของ Jacob ทั้งสิบสองคน กับ ลูกของ Joseph สองคน จะได้เป็น 14

แต่แม้ว่าจะเป็นสิบสี่
1. หลังจาก Jacob แล้ว Joseph เลื่อนขึ้นเป็น Patriach แทน และมอบสิทธิ์ในการครองดินแดนกับลูกชายทั้งสอง
2. ในการแบ่งดินแดน (ภายหลัง) เผ่า Levi เป็นเผ่านักบวช ไม่ได้รับดินแดน แต่ให้อยู่ที่ไหนก็ได้

ก็คือ ดินแดนยังแบ่งออกเป็น 12 ส่วนอยู่ดี (จาก 14 คน)

-----

ทีนี้ มาดูคริสตศาสนา

หลังจากพระเยซูเสด็จจากไปแล้ว มีอัครสาวกเพิ่มขึ้น 2 คน รวมเป็น 14

แต่ว่า อัครสาวก Peter เลื่อนเป็นผู้นำศาสนจักร และอัครสาวก Judas แขวนคอตาย ดังนั้น จะว่าไปแล้วก็เหมือนกับมีอัครสาวก 12 เท่าเดิม

-----

อันนี้ผมแค่เล่าให้ฟังเฉยๆนะครับเผื่อเป็นแรงดึงดูดให้คนอ่านพระคัมภีร์เดิมมากขึ้น เพราะเรื่องนี้เป็นเรื่องที่น่าสนใจมากอย่างหนึ่งเกี่ยวกับที่เหตุการณ์เป็น parallel กัน
แก้ไขล่าสุดโดย Anonymous เมื่อ พุธ ก.พ. 09, 2005 12:47 pm, แก้ไขไปแล้ว 1 ครั้ง.
Jeremy
โพสต์: 211
ลงทะเบียนเมื่อ: พฤหัสฯ. ม.ค. 20, 2005 9:49 am

พุธ ก.พ. 09, 2005 1:39 pm

เรื่องการดำเนินชีวิต ของผู้คนตามปฐมกาล ที่คุณP ว่า เป็นสิ่งที่น่าแปลกใจและน่าตกใจ จริงๆ สำหรับผู้ที่เริ่มอ่านไบเบิล

ไบเบิลบันทึกเรื่องราวที่สะท้อนการดำรงชีวิต ของคนสมัยโบราณ หลายเรื่องน่าคิดสำหรับผู้คนยุคเรา

ตรงที่เกี่ยวกับวิหารพระบาละ ที่มีดกดื่นในสมัยพระคัมภีร์เดิม ยิ่งน่าบัดสีบัดเถลิง วิหารของพระบาละ ยังเต็มไปด้วยเลือดจากการบูชายัญของผู้ชายและหญิง

เรื่องเหล่านี้ ยิ่งน่าศึกษา ทั้งยังบอกการมาของพระคริสต์ในสมัยต่อมา

ถ้าจะเปิดเป็นกระทู้ ใหม่ ก็ดีครับ
ภาพประจำตัวสมาชิก
~@Little lamb@~
Defender of lawS
Defender of lawS
โพสต์: 9396
ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ ม.ค. 17, 2005 3:00 pm
ติดต่อ:

พฤหัสฯ. ก.พ. 10, 2005 1:38 am

ถ้าคนละเรื่องคนละส่วนกันก็แยกก็ได้มั๊งคะ
ถือว่าขึ้นพระธรรมใหม่ก็ได้มั๊งคะ
spirit

พฤหัสฯ. ก.พ. 10, 2005 2:15 am

~@Little lamb@~ เขียน: ถ้าคนละเรื่องคนละส่วนกันก็แยกก็ได้มั๊งคะ
ถือว่าขึ้นพระธรรมใหม่ก็ได้มั๊งคะ
*ok *ok
ภาพประจำตัวสมาชิก
~@Little lamb@~
Defender of lawS
Defender of lawS
โพสต์: 9396
ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ ม.ค. 17, 2005 3:00 pm
ติดต่อ:

พฤหัสฯ. ก.พ. 10, 2005 2:20 am

แหม คิ คิ LL2เนี่ย
เป้นฝ่ายสนับสนุนจริงๆเลย อิอิ
Jeremy
โพสต์: 211
ลงทะเบียนเมื่อ: พฤหัสฯ. ม.ค. 20, 2005 9:49 am

พฤหัสฯ. ก.พ. 10, 2005 11:04 am

ไบเบิลเป็นหนังสือเล่มเดียว กระมังที่บันทึกพฤติกรรม ของผู้คนอย่างตรงไปตรงมา เรื่องราวในพระคัมภีร์เดิม ก็ไม่สวยหรู น่าติดตามอ่าน อ่านไป งงไป ผสมความแปลกใจว่า การดำรงชีวิตของผู้คนยุคนี่ ช่างน่าปวดหัว ซะเหลือเกิน

หากกลับมามองเปรียบเทียบกับคนในยุคเรา ความคิดเรื่องต่างๆ (ที่มีในจิตใจ) คงไม่แตกต่างกัน เฉพาะการแสดงออกเท่านั้นที่แตกต่างกัน

หากเปิดกระทู้ใหม่ ตีความหมายพฤติกรรม ( ทางลบ) ของบุคคล สำคัญๆ และเด่นๆ ในพระคัมภีร์ แบบที่คุณP เกริ่นและที่คุณ LL สนันสนุน ก็เห็นด้วย

แต่ ช่วงนี้ต้องขออ่านกระทู้ไปก่อน ช่วงนี้ very busy very BUSY and very busy ! JA.
ตอบกลับโพส