พระเนตรของแม่พระ แห่งกวาเดอลูป
นักวิทยาศาสตร์หลายคนยืนยันว่า ในดวงพระเนตรของแม่พระบนพระฉายาลักษณ์ที่เกิดขึ้นและติดอยู่บนเสื้อคลุมของ ยวง ดิเอโก นั้นมีรูปคนสะท้อนอยู่หลายคน
วว 12:1
เครื่องหมายยิ่งใหญ่ปรากฏในสวรรค์ คือสตรีผู้หนึ่งมีดวงอาทิตย์เป็นอาภรณ์ มีดวงจันทร์อยู่ใต้เท้า มีมงกุฎดาวสิบสองดวงประดับศีรษะ นางมีครรภ์แก่ กำลังร้องครวญครางด้วยความเจ็บปวดจะคลอดบุตร
--->มหัศจรรย์พระเนตรของแม่พระ แห่งกวาเดอลูป....
การทดสอบทางวิทยาศาสตร์ครั้งต้น ๆ
การทดสอบวิทยาศาสตร์ครั้งแรกดำเนินการในปี ค.ศ. 1666 จิตรกรและนักวิทยาศาสตร์ของยุคนั้นจำนวนหนึ่งได้รับอนุญาตให้ตรวจวิเคราะห์ผ้าคลุมผืนนี้อย่างถ้วนถี่ ท่านเหล่านั้นประหลาดใจมากที่ตรวจพบว่าภาพวาดนี้ไม่มีการเตรียมพื้นฐานจึงไม่สามารถบอกได้ว่าพระฉายาลักษณ์วาดขึ้นด้วยสีหรือกาวน้ำ ยิ่งกว่านั้น ผ้าคลุมผืนนี้ทำด้วยเส้นใยที่เสื่อมคุณภาพเร็ว ซึ่งเมื่อคำนึงถึงภูมิอากาศชื้นที่สามารถกัดกร่อน แม้กระทั้งเหล็กได้แล้ว ผ้านี้ก็น่าจะเสื่อมโทรมไปแล้วภายในไม่กี่ปี แต่ว่าในขณะที่ทำการทดสอบทางวิทยาศาสตร์ครั้งต้นๆ นั้น เวลาได้ล่วงเลยไปแล้วถึง 135 ปี และเส้นใยผ้าก็ยังคงอยู่ในสภาพเดิม มีการตั้งข้อสังเกตนี้ในการวิจัยทางวิทยาศาสตร์ครั้งหลังๆ ทุกครั้ง และยังสร้างความงุนงงอยู่แม้กระทั้งทุกวันนี้ สุดที่จะอธิบายได้ผ้าผืนนี้ทำด้วยเส้นใยเป็นผืนเดียวในชนิดของมันที่ยังมีตัวตนอยู่หลังจาก 471 ปี
เมื่อปี 1751 มีการวิจัยโดยวิศวกรชื่อดังเจ็ดท่านนำโดยมีกอล คาเปรรา ท่านเหล่านั้นบันทึกว่า ดูเหมือนว่าพระฉายาลักษณ์จะไม่ได้วาดขึ้นโดยน้ำมือของมนุษย์ สีทั้งหลาย
การทดสอบวิทยาศาสตร์ครั้งแรกดำเนินการในปี ค.ศ. 1666 จิตรกรและนักวิทยาศาสตร์ของยุคนั้นจำนวนหนึ่งได้รับอนุญาตให้ตรวจวิเคราะห์ผ้าคลุมผืนนี้อย่างถ้วนถี่ ท่านเหล่านั้นประหลาดใจมากที่ตรวจพบว่าภาพวาดนี้ไม่มีการเตรียมพื้นฐานจึงไม่สามารถบอกได้ว่าพระฉายาลักษณ์วาดขึ้นด้วยสีหรือกาวน้ำ ยิ่งกว่านั้น ผ้าคลุมผืนนี้ทำด้วยเส้นใยที่เสื่อมคุณภาพเร็ว ซึ่งเมื่อคำนึงถึงภูมิอากาศชื้นที่สามารถกัดกร่อน แม้กระทั้งเหล็กได้แล้ว ผ้านี้ก็น่าจะเสื่อมโทรมไปแล้วภายในไม่กี่ปี แต่ว่าในขณะที่ทำการทดสอบทางวิทยาศาสตร์ครั้งต้นๆ นั้น เวลาได้ล่วงเลยไปแล้วถึง 135 ปี และเส้นใยผ้าก็ยังคงอยู่ในสภาพเดิม มีการตั้งข้อสังเกตนี้ในการวิจัยทางวิทยาศาสตร์ครั้งหลังๆ ทุกครั้ง และยังสร้างความงุนงงอยู่แม้กระทั้งทุกวันนี้ สุดที่จะอธิบายได้ผ้าผืนนี้ทำด้วยเส้นใยเป็นผืนเดียวในชนิดของมันที่ยังมีตัวตนอยู่หลังจาก 471 ปี
เมื่อปี 1751 มีการวิจัยโดยวิศวกรชื่อดังเจ็ดท่านนำโดยมีกอล คาเปรรา ท่านเหล่านั้นบันทึกว่า ดูเหมือนว่าพระฉายาลักษณ์จะไม่ได้วาดขึ้นโดยน้ำมือของมนุษย์ สีทั้งหลาย
รูปคนในพระเนตรของแม่พระ
ผู้เชี่ยวชาญจากลิมา
ในปี 1979 วิศวกรชาวเปรู ดร.โฮเซ่ อัสเต ตอนสมานน์ เดินทางมาเม็กซิโก เขามีพื้นฐานทางวิทยาศาสตร์ชั้นเยี่ยม ที่นครลิมา อันเป็นที่ที่เขาเกิด เขาศึกษาในวิทยาลัยเซนต์หลุยส์ทำคะแนนสูงสุดในชั้นเรียนเสมอ ต่อมาเขาสำเร็จการศึกษาในวิชาวิศวกรรมโยธาและสิ่งแวดล้อมจากมหาวิทยาลัยวิศวกรรมศาสตร์แห่งชาติของประเทศเปรู โดยการทำคะแนนได้สูงสุดอีกเช่นกัน ต่อจากนั้นเขาได้รับปริญญาที่สองในวิชาปรัชญาและย้ายไปอยู่ที่มหาวิทยาลัยคอร์เนลในสหรัฐ ศึกษาจนมีความเชี่ยวชาญในวิชาคอมพิวเตอร์ศาสตร์ เขาทำงานกับบริษัทใหญ่ๆ และสอนหนังสือในมหาวิทยาลัยที่มีชื่อเสียงมากที่สุดของอเมริกา สรุปว่าเขาเป็นนักวิจัยสมัยใหม่ที่มีคุณสมบัติเหมาะที่สุดคนหนึ่ง
ผู้เชี่ยวชาญจากลิมา
ในปี 1979 วิศวกรชาวเปรู ดร.โฮเซ่ อัสเต ตอนสมานน์ เดินทางมาเม็กซิโก เขามีพื้นฐานทางวิทยาศาสตร์ชั้นเยี่ยม ที่นครลิมา อันเป็นที่ที่เขาเกิด เขาศึกษาในวิทยาลัยเซนต์หลุยส์ทำคะแนนสูงสุดในชั้นเรียนเสมอ ต่อมาเขาสำเร็จการศึกษาในวิชาวิศวกรรมโยธาและสิ่งแวดล้อมจากมหาวิทยาลัยวิศวกรรมศาสตร์แห่งชาติของประเทศเปรู โดยการทำคะแนนได้สูงสุดอีกเช่นกัน ต่อจากนั้นเขาได้รับปริญญาที่สองในวิชาปรัชญาและย้ายไปอยู่ที่มหาวิทยาลัยคอร์เนลในสหรัฐ ศึกษาจนมีความเชี่ยวชาญในวิชาคอมพิวเตอร์ศาสตร์ เขาทำงานกับบริษัทใหญ่ๆ และสอนหนังสือในมหาวิทยาลัยที่มีชื่อเสียงมากที่สุดของอเมริกา สรุปว่าเขาเป็นนักวิจัยสมัยใหม่ที่มีคุณสมบัติเหมาะที่สุดคนหนึ่ง
หญิงสาวผิวดำ
ในคำบรรยายภาพของบุคคลต่างๆ ที่เห็นอยู่ในพระเนตรแม่พระนั้น ดร.อัสเต ตอนสมานน์ ยังได้ระบุเอกลักษณ์ของหญิงสาวผิวดำคนหนึ่งอีกด้วย สิ่งนี้ทำให้เกิดความตกตะลึกเป็นอย่างมากในหมู่นักวิชาการ เนื่องจากในขณะที่แม่พระประจักษ์นั้น ในประเทศเม็กซิกันยังไม่มีคนผิวดำสักคน อย่างไรก็ดี การวิจัยครั้งหลังๆ ได้ให้ความกระจ่างกับความลี้ลับนี้แล้ว ในพินัยกรรมของพระสังฆราชเขียนไว้ว่า ท่านมีทาสสาวผิวดำคนหนึ่งซึ่งท่านต้องการจะปลดปล่อยก่อนที่ท่านจะถึงแก่มรณภาพ
ถัดจากบุคคล
ในคำบรรยายภาพของบุคคลต่างๆ ที่เห็นอยู่ในพระเนตรแม่พระนั้น ดร.อัสเต ตอนสมานน์ ยังได้ระบุเอกลักษณ์ของหญิงสาวผิวดำคนหนึ่งอีกด้วย สิ่งนี้ทำให้เกิดความตกตะลึกเป็นอย่างมากในหมู่นักวิชาการ เนื่องจากในขณะที่แม่พระประจักษ์นั้น ในประเทศเม็กซิกันยังไม่มีคนผิวดำสักคน อย่างไรก็ดี การวิจัยครั้งหลังๆ ได้ให้ความกระจ่างกับความลี้ลับนี้แล้ว ในพินัยกรรมของพระสังฆราชเขียนไว้ว่า ท่านมีทาสสาวผิวดำคนหนึ่งซึ่งท่านต้องการจะปลดปล่อยก่อนที่ท่านจะถึงแก่มรณภาพ
ถัดจากบุคคล
มหัศจรรย์พระเนตรของแม่พระ แห่งกวาเดอลูป.... -->
*okขอบคุณมากเลยครับ