แบ่งปันอาทิตย์ที่19เทศกาลธรรมดา(2009)

ถาม-ตอบพระคัมภีร์ เรื่องเสริมศรัทธา ความรู้ และสาระ บทความ ในคริสตศาสนา
ตอบกลับโพส
Man of Macedonia
โพสต์: 973
ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ ธ.ค. 04, 2006 9:33 pm
ที่อยู่: Virtusian's House of Prayer,Thailand
ติดต่อ:

อาทิตย์ ส.ค. 09, 2009 1:18 am

บทอ่านที่1:หนังสือพงศ์กษัตริย์ฉบับที่หนึ่ง(1พกษ.19:4-8)
บทอ่านที่2:จดหมายนักบุญเปาโลอัครสาวกถึงชาวเอเฟซัส(อฟ.4:30-5:2)
บทอ่านที่3:พระวรสารนักบุญยอห์น(ยน.6:41-51)

สารวัดอัสสัมชัญ:บทสนทนาจากเจ้าอาวาส
(โดย คุณพ่อเปโตร สุรสิทธิ์ ชุ่มศรีพันธ์)

สวัสดีครับ พี่น้องที่รักทุกท่าน

มีนักคิดคนหนึ่ง ให้ความเห็นว่า
"การต่อสู้ที่น่ากลัว ไม่ใช่การต่อสู้ระหว่างสองฝ่าย ที่มีฝ่ายหนึ่งถูกและอีกฝ่ายหนึ่งผิด แต่เป็นการต่อสู้ระหว่างสองฝ่ายที่ต่างฝ่ายต่างคิดว่าตนเองถูก"

ไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร ที่ใครๆต่างก็คิดว่า ตนเองเป็นฝ่ายถูกเสมอไป บางครั้งเรื่องที่ปรากฎชัดเจนว่าตนเองผิด
มนุษย์เราก็สามารถหาเหตุผลต่างๆนานา เข้าข้างตนเอง เพื่อสนับสนุนว่า ควรหรือต้องทำความผิดนั้น

ตัวอย่าง เหตุผลง่ายๆที่มักใช้ประจำ ก็คือ "ก็ใครๆเขาก็ทำอย่างนี้กันทั้งนั้น" หรือไม่ก็ "เราก็ทำอย่างนี้มาเป็นสิบๆปีแล้วนี่" หรือไม่ก็ "ถ้าฉันไม่ทำ คนอื่นก็ทำ" เป็นต้น

เมื่อคิดว่าตนเองเป็นฝ่ายถูกเสียแล้ว ไม่ใช่เรื่องยากเลยที่จะวิจารณ์ว่าคนอื่นผิดอย่างไร
เดี๋ยวนี้ เราสามารถพบนักวิจารณ์ผู้เชี่ยวชาญได้ทั่วไป ทั้งในโทรทัศน์ วิทยุ หนังสือพิมพ์
ใครที่ไม่มีหลักคิดถูกต้อง มั่นคง มักจะเคลิบเคลิ้ม คล้อยตามไปโดยง่าย แล้วการต่อสู้ที่น่ากลัวก็เกิดขึ้น

พ่อพอจะรู้จักบางคน แสดงอารมณ์สนุกมากในเวลาที่วิจารณ์ใครต่อใคร แต่พอถูกคนอื่นวิจารณ์ตนเองบ้าง กลับเป็นเรื่องร้ายแรง จนรับไม่ได้ ทั้งๆที่ บางทีก็เป็นเรื่องเดียวกัน หรือเทียบเคียงกันได้ด้วยซ้ำ
เรื่องทำนองนี้ พอจะพิสูจน์ความจริงบางอย่างได้ว่า "บางครั้ง การวิจารณ์ไม่เกิดประโยชน์ใดๆ"

อย่างไรก็ตาม การยอมรับความจริง เป็นสิ่งจำเป็น เพื่อการปฏิบัติ หรือ การดำเนินชีวิตอย่างถูกต้อง
บ่อยๆความจริง ก็มาถึงเรา ผ่านทางคำวิจารณ์ของผู้คนรอบข้างนี่เอง
เพียงแต่ บางทีเราต้องตัดเอาอารมณ์ไม่พอใจของเราออกไปบ้าง เพื่อจะมองเห็นความจริง แต่เรื่องนี้ก็เป็นเรื่องของทัศนคติ
ใครมีทัศนคติที่ปิด ย่อมไม่อาจมองเห็นความจริงได้ ซ้ำร้ายกว่านั้นอีกก็คือ ตนเองยังคิดว่า มีทัศนคติที่เปิดอยู่แล้ว เสียอีก


เอาเป็นว่า ในสังคมทุกวันนี้ ใครๆก็อ้างตนเองว่า อยู่ฝ่ายความถูกต้อง รักความชอบธรรม ด้วยกันทั้งนั้น
ซึ่งว่าไปแล้ว ก็ไม่ใช่เรื่องเสียหายอะไร กลับเป็นเรื่องดีเสียอีกสำหรับสำนึกของคน
แต่ปัญหาอาจอยู่ที่ การเอาแต่วิจารณ์ว่าร้ายคนอื่น และอยู่ที่ทัศนคติที่ตนมี
บางทีเมื่อถึงเวลาอันเหมาะสม เราก็ควร "เลิกวิจารณ์กันเสียทีเถิด"
อย่างที่พระเยซูเจ้าทรงว่าไว้ในพระวรสารวันนี้ แล้วหันมาปรับทัศนคติเสียใหม่
ในความหมายของพระเยซูเจ้า ก็คือ"เราเรียนรู้ จากคำสอนของพระผู้เป็นเจ้า อย่ายึดเอาแต่สิ่งที่ตนเองคิด"

"ผู้ที่เชื่อในเรา ก็มีชีวิตนิรันดร"(ยอห์น 6:47)

พ่อรู้สึกว่า มนุษย์ทุกวันนี้ อยากจะยอมรับความเชื่อ เฉพาะสิ่งที่ตนอยากเชื่อ ไม่ใช่สิ่งที่พระเจ้า ประสงค์ให้เราเชื่อ
ถ้าความเชื่อนั้น เป็นที่พอใจหรือให้ประโยชน์ เราก็ยอมรับด้วยความชื่นชม
แต่ถ้าขัดใจ ความเชื่อนั้นก็พังทลายโดยง่าย แล้วก็เอาแต่วิจารณ์ต่อไปต่างๆนานา


สำหรับบางคน ความเชื่อ อาจเป็นทำนองเดียวกันกับการ "ติเรือทั้งโกลน"
คือยังไม่ทันเห็นอะไร ดั่งใจ หรือยังไม่ชัดเจน ก็เอาแต่บ่นว่าเสียแล้ว
ลืมไปว่า "พระปรีชาญาณของพระเจ้าสูงกว่าความฉลาดของมนุษย์เป็นไหนๆหรือมนุษย์เอาแต่มั่นใจตนเอง และขาดความวางใจในพระเจ้า"

อีกบางคน มองดูความเชื่อ เฉพาะส่วนที่เกี่ยวกับตัวเอง จึงได้แต่วิจารณ์ด้านลบที่มีผลกระทบกับตน
และไม่สนใจ ด้านบวกที่มีผลต่อคนอื่น เหมือนคนบ่นว่าฟ้าฝน เวลาที่ต้องการจะตากผ้า แต่ลืมไปว่าบ้านที่กำลังไฟไหม้ต้องการฝนแค่ไหน อะไรทำนองนั้น

ฉะนั้น "จงทำตามแบบฉบับของพระเจ้า จงดำเนินชีวิตในความรัก เป็นเครื่องบูชาอันหอมฟุ้ง ถวายแด่พระเจ้า"(เอเฟซัส 5:2)

หมายเหตุ
งวดนี้ ถ้าพี่น้องอ่านแล้วไม่เคลีย ก็ถามพ่อใหญ่ได้เลย วันที่ฉลองวัด ได้เลย(หางานให้พ่อหรือเปล่าเนี่ย) 55+
ภาพประจำตัวสมาชิก
PEACEABLE
โพสต์: 131
ลงทะเบียนเมื่อ: เสาร์ มิ.ย. 06, 2009 12:41 am

อาทิตย์ ส.ค. 09, 2009 1:25 am

ขอบคุณครับ........ขอพระเป็นเจ้าทรงอวยพรท่านครับ

รูปภาพ
" อาเวมารีอา เต็มอานิสงส์ พระอยู่แห่งนาง นางสมบุญยิ่งกว่านางทั้งหลาย ด้วยอุทรแห่งนาง พระองค์เจ้าเยซูสมบุญยิ่งกว่าทั้งหลาย "
แก้ไขล่าสุดโดย PEACEABLE เมื่อ อาทิตย์ ส.ค. 09, 2009 12:48 pm, แก้ไขไปแล้ว 1 ครั้ง.
Man of Macedonia
โพสต์: 973
ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ ธ.ค. 04, 2006 9:33 pm
ที่อยู่: Virtusian's House of Prayer,Thailand
ติดต่อ:

อาทิตย์ ส.ค. 09, 2009 2:21 am

แบ่งปัน

สวัสดีครับพี่น้อง,
ผมสังเกตว่า ในศาลาธรรมของพวกเรา ไม่ค่อยพบกระทู้แบ่งปันพระวาจาเท่าไหร่เลย
และพอมี กระทู้แบ่งปันพระวาจา ก็กลับไม่ได้รับการอ่านเท่าที่ควร เมื่อเทียบกับกระทู้อื่นๆ

ผมไตร่ตรองดู
อาจเป็นเพราะ ผมเองเป็นผู้โพส ก็เลยทำให้ขยาดที่จะอ่าน และผมเองก็ไม่ค่อยได้มีปฏิสัมพันธ์กับพี่น้องในกระทู้อื่นๆ
อาจเป็นเพราะ พี่น้อง มีสารวัด,บทอ่าน,และเข้าวัดสม่ำเสมอ จนเต็มอิ่มแล้วสำหรับการแบ่งปันในชุมชนวัดนั้น
อาจเป็นเพราะ พี่น้องติดตาม บทเทศน์,บทอ่าน ที่ปรากฎในเว็บไซต์อัครสังฆมณฑลกรุงเทพฯ

อย่างไรก็ตาม ผมเองก็เชิญชวน
ให้พี่น้องที่ว่าง มาช่วยกันแบ่งปันในแต่ละอาทิตย์ (อาจจะไม่ใช่ผมเป็นผู้ตั้งกระทู้)
เริ่มด้วย การพิมพ์สารวัดบ้าง,ข้อสังเกตยามรำพึงของตนเองบ้าง
เพื่อเป็นการแสดงออกขั้นพื้นฐานด้วยเครื่องมือพื้นฐาน นั่นคือ บทอ่านทั้ง 3 ของแต่ละอาทิตย์
อันเป็นการดำเนินชีวิตใน ปีพระวาจาและปีพระสงฆ์ อย่างมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น

สำหรับอาทิตย์นี้ ผมมีสิ่งที่แบ่งปันและเตือนใจพี่น้อง หลายประเด็น(ทั้งที่สืบเนื่องจากสารวัด และอื่นๆ) ดังนี้

(1)ท่าทีส่อความเหนือกว่า การไม่เคารพคุณค่าความเท่าเทียมของมนุษย์
...............บางครั้ง "การเลือกเชื่อ ในสิ่งที่เราอยากเชื่อ" อาจทำให้เราแสดงท่าทีไม่เหมาะสมในบางครั้ง ตัวอย่างเช่น ชั้นเชื่อของชั้นอย่างนี้ ชั้นทำของชั้นแบบนี้มานานแล้ว อย่ามายุ่งกับชั้น เป็นปัญหาโดยทั่วไปที่เราพบได้ ในชีวิตประจำของเรา ในชีวิตการทำงานอภิบาล ในชีวิตการทำงานศาสนสัมพันธ์ เราหลีกเลี่ยงไม่ได้เลยที่จะต้องพบเหตุการณ์แบบนี้ บ่อยครั้ง พี่น้องคริสตชนใหม่ หรือบุคคลที่กำลังเรียนคำสอน มีความร้อนรนดี เจตนาดีที่จะรักษาพระเกียรติมงคลของพระเจ้า แต่กลับไปแสดงท่าทีส่อความเหนือกว่า ข้อนี้เป็นสิ่งที่พวกเราต้องช่วยกันเตือนใจ พี่น้องอย่างตรงไปตรงมา ถ้าเตือนใจเองไม่สะดวกควรแนะนำให้ไปหาพระสงฆ์,ครูคำสอน หรือใครก็ตามที่พอจะแนะนำได้

(2)พระเยซูเจ้าทรงนำเสนอ"ความเป็นธรรมดาธรรมชาติ"มิใช่"ความพิเศษ"
...............(ขอยืมแนวคิดพ่อประจักษ์ บุญเผ่า มาใช้สักหน่อย) สินค้าในปัจจุบันขายความพิเศษ ความแตกต่าง ความเหนือกว่าสินค้าทั่วไป ทำให้คนต้องเลือกผลิตภัณฑ์นี้ เพราะมันดี แต่พระเยซูเจ้าทรงขายสินค้าโดยกลับบอกว่า นี่เป็นสินค้าธรรมดา เป็นสินค้าพื้นฐาน ไม่มีความพิเศษอะไร เป็นความเรียบง่าย ที่พระเยซูเจ้าทรงแสดงอย่างซื่อๆ เราควรมาทบทวนตัวเองว่า มุมมองของเราเป็นอย่างไร ถ้าเราเลือกสินค้า เพราะความเหนือกว่า ความพิเศษ ความแตกต่าง มันก็เป็นเพียงความหวือหวา เมื่อหมดความตื่นเต้นมันก็ดับไป สังเกตว่า หลายครั้งเรามุ่งมอง"ความไม่ธรรมดา"ของพระเยซูเจ้ามากเกินไป เราไม่หันมามองความเรียบง่ายที่แท้ตามความรู้สึกของเราจริงๆ ยกตัวอย่างเช่น เราลองมองพระเยซูเจ้าในแง่อาจารย์บ้าง แล้วเราลองเปรียบเทียบดูกับอาจารย์ที่สั่งสอนเรามา

(3)คิดอย่างเด็กเล็กๆ สงสัยอย่างซื่อๆ นั่นคือความเรียบง่าย.
..............บางครั้ง คำถามซื่อๆง่ายๆ เช่น "วัดน่ะไปทำไมนักหนา พระก็อยู่กับเราอยู่แล้ว?"ผมเห็นว่า แทนที่เราจะไปค้นหาสาเหตุว่า ทำไมเขาถามแบบนั้น ความเชื่อเขามีปัญหาหรือเปล่า หรือจะเป็น การยกบัญญัติพระศาสนจักรว่า"ต้องไปวัดทุกวันอาทิตย์และเสาร์แทนอาทิตย์ได้" หรือจะเป็นยกพระวรสารไปตอบเขา เราควรเชิญชวนให้เขาร่วมคิดไปกับเราเพื่อให้ได้คำตอบจะดีกว่า ทำไมเราไม่เร้าเขาให้คิดล่ะว่า ตกลงไปทำไมนะวัดเนี่ย ในเมื่อพระอยู่กับเรา? พระอยู่กับเราจริงหรอ?อยู่อย่างสมบูรณ์หรือไม่?เหตุใดต้องมีวัดล่ะถ้าอย่างนั้น การสนทนาแบบนี้เป็นเรื่องที่คุยเรื่อยๆได้ถ้ามีเวลา(คนเรามีเวลาเหลือเฟือ) แต่ต้องมีความใจเย็นพอสมควร บางครั้ง การชี้ให้เขาเห็นโดยไม่ใช้ อะไรมาบังคับ(ตัวอักษร,กฎหมาย,คัมภีร์) อาจทำให้เขาเข้าใจ เข้าถึงและพัฒนาได้ดีกว่า เหมือนที่พระเยซูเจ้าทรงทำและทรงสอน ผิดกับชาวยิวที่มักยกแต่บทบัญญัติ ที่เล่ามานี้ ผมเชิญชวนให้เรามีความสงสัยแบบนี้กันบ้าง เพราะบางครั้งคำถามเล็กๆ ก็อาจทำให้ผู้ที่จะอธิบายตอบไม่ถูกเหมือนกัน(แต่ผมชอบตอบนะ-ฮา)

(4)ทรงเป็นข้าว,เป็นหมั่นโถว,เป็นก๋วยเตี๋ยว,เป็นแฮมเบอร์เกอร์ ทรงชีวิต จากสวรรค์
...............เวลาเรากินข้าว เคยนึกถึงพระวรสารบทนี้กันบ้างมั้ย ในขณะที่เราหิว(อาหาร)เราถามตัวเองบ้างหรือเปล่าว่า ทำไมพระเยซูเจ้าทรงตรัสว่า เราเป็นปังทรงชีวิต นั่นเพราะเราขาดอาหารไม่ได้หรอก โดยเฉพาะอาหารพื้นฐานที่เราเคยชินต้องกิน หลายคนไปเมืองนอกยังต้องพกอาหารไทยไปด้วยกว่าจะปรับตัวได้ นักร้องอิสานบางคนมีปัญหาถึงขนาดกินอาหารที่ไม่คุ้นชินไม่ได้ เห็นมั้ยว่า อาหารพื้นฐานเป็นสิ่งจำเป็น ในยุคสมัยของพระเยซูเจ้ามีอาหารพิเศษมากมายให้พระเยซูเจ้าทรงเปรียบเทียบว่าเป็นสิ่งนั้น จริงๆแล้วถ้าพระองค์เปรียบเช่นนั้นอาจจะทำให้ยิ่งรู้สึกพิเศษก็เป็นได้ แต่พระองค์ถ่อมองค์ลงบอกเป็นเพียงปังเท่านั้นล่ะ แต่มีคุณสมบัติคือเป็นปังจากสวรรค์ ที่พระบิดาส่งมาให้ มนุษย์กิน นั่นคือความเรียบง่ายในวิธีคิดของพระองค์ พระองค์ทรงเรียกร้องให้เรากลับไปสู่ความเรียบง่าย ไม่ใช่ให้เรามุ่งเทิดทูนความถ่อมตนลงมาจากสวรรค์ของพระองค์ จนลืมการประกาศความจริงอันเรียบง่ายที่เป็นข่าวดี ให้ทุกคน(ทุกคนจริงๆ)เข้าใจว่า เยซูคนนี้เขาบอกว่าเขาเป็นอาหารสำหรับทุกคน เป็นอาหารที่ส่งตรงจากสวรรค์ ไม่เสียค่าบริการ กินฟรี ใครที่กินอาหารนี้จะทำให้วิญญาณมีชีวิต ชีวิตที่นับวันยิ่ง"เสียสละและรักเพื่อนพี่น้อง"

(5)แยกให้ออกระหว่างความรู้สึกที่เต็มเปี่ยม กับสิ่งที่พระเยซูเจ้าแสดง
..............."เรารักพระเยซูเจ้านั้น เป็นสิ่งที่น่าสรรเสริญ แต่เราต้องแสดงออกอย่างเหมาะสม" พระวรสารบอกเราเสมอถึงความอ่อนตามประสามนุษย์ของสานุศิษย์ ทั้งการที่สานุศิษย์กีดกันบางคนมิให้พบพระเยซูเจ้า การที่สานุศิษย์แสดงออกถึงความรักต่อพระองค์แต่ไม่เข้าใจวิธีการของพระองค์ เราเห็นอยู่บ่อยครั้ง เช่น หญิงที่ใช้น้ำมันหอมชโลมพระบาท ยิ่งไปว่านั้น พฤติกรรมรักพระ แล้วแสดงออกอย่างไม่เหมาะสมชัดเจนที่สุดในพวก ฟาริสี,สะดูสี เราน่ามาถามตัวเราเองดูว่า เราเป็นพวกนั้นหรือไม่ แน่นอนเราได้รับบำเหน็จของเรา(เช่นเดียวกับที่ยิวเหล่านั้นได้รับบำเหน็จของเขา) แต่เราต้องเป็นลูกศิษย์ติดตามพระองค์ การแสดงออกของเราจำเป็นต้องเหมาะสมหรือไม่ ตัวอย่างในพระคัมภีร์มีอยู่ เป็นตัวอย่างที่ยิ่งใหญ่ นั่นคือ แม่พระ-พระนางทรงเก็บเรื่องเหล่านั้นไว้ในพระทัย ฉะนั้นเป็นเรื่องที่เราต้องฝึกฝนตนเองอย่างยิ่ง บางครั้งเรานำข้อเขียนของท่านนักบุญที่อยู่ในอารามปิดมาใช้ดำเนินชีวิตข้างนอก บางครั้งมันก็ใช้ได้ แต่บางครั้งถ้ามันไม่เหมาะสมกับบริบทก็ควรละไว้เสีย หรือทำแบบเก็บไว้เงียบๆ เราต้องแยกบทบาทหน้าที่ให้ออกว่า เวลาไหนเราทำงานหรือเวลาไหนเราอ้อนพ่อ

(6)ใช้เครื่องมือพื้นฐานให้เป็นประโยชน์
..............."พระวาจาของพระเจ้า"ที่พระศาสนจักรเตรียมให้เรา ในแต่ละวัน เพียงพอสำหรับการดำเนินชีวิตไปในปีพิธีกรรมอย่างมีชีวิตชีวา เป็นความเรียบง่ายที่ไม่ต้องหา ไม่ต้องเตรียมการ เพียงพาตัวเองไปฟังพระวาจาจากพระนั้น ถ้าไม่สะดวกฟังก็อ่าน ในกรณีที่ได้ไปฟังย่อมได้บทเทศน์ดีดีจากพ่อ นำให้ชีวิตเราก้าวไปต่อไป หากเราไม่สบายอย่างหนักบทอ่านที่มีไม่สามารถบรรเทาใจเราได้ เราควรไปแก้บาป ถ้ายังไม่อยากอยู่ในรูปการแก้บาป ก็ไปปรึกษากับพ่อได้ทุกคน มากไปกว่านั้น กลุ่มองค์กรคริสตชนเช่น พลมารีย์ก็ช่วยท่านได้ จากนั้นท่านเตรียมจิตวิญญาณตัวเองด้วยสายประคำ เพื่อเป็นการหยุดพัก สงบเงียบภาวนา เมื่อฝึกฝนบ่อยๆจะเกิดความรู้สึกเหมือนเรารับประทานอาหาร วันไหนไม่รับประทานนี่ เกิดความรู้สึกในใจ(แต่ต้องไม่มากเกินไป จนมโนธรรมฟุ้งซ่าน) นั่นแหละ คือแง่มุมหนึ่งที่พระวรสารเชิญชวนให้เรารำพึงอาศัยพระศาสนจักร พร้อมกับพระศาสนจักร และในพระศาสนจักร

พี่น้องครับ,
เรากำลังผ่านครึ่งปี พิธีกรรมไปแล้ว ในปีนี้ เราก้าวเดินไปคืบหน้าแค่ไหนแล้วครับพี่น้อง
เครื่องมือเยอะแยะ ถืออยู่กับมือมากมาย ได้ใช้หรือยัง
รีบใช้นะครับ "งานมีมาก คนเก็บเกี่ยวมีน้อย"
อย่าลืม ภาวนาให้พระสงฆ์ด้วยนะครับ! คนเก็บเกี่ยวยิ่งมีน้อยๆอยู่(ฮา)


พระเจ้าอวยพรในความธรรมดาของทุกคน,
แก้ไขล่าสุดโดย Man of Macedonia เมื่อ อาทิตย์ ส.ค. 09, 2009 2:32 am, แก้ไขไปแล้ว 1 ครั้ง.
Jeab Agape
~@
โพสต์: 8259
ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ ม.ค. 17, 2005 9:56 pm
ที่อยู่: Bangkok

อาทิตย์ ส.ค. 09, 2009 8:55 am

พอดีเจี๊ยบอาจจะอิ่มแล้ว 5555

เพราะฟังเทศน์ อาทิตย์ หนึ่ง 5 วัน แล้วต้อง Devotion อีก 2 เวลา

มีกลุ่มเซลล์ อีก 1 ครั้งต่อสัปดาห์  อ่านพระคัมภีร์หลายเล่มเตรียมสอบทุกเปิดเทอม ( ตกต้องแก้ เสีย 30 บาท )

ขออภัยที่ไม่ค่อยได้อ่าน หรืออ่านแล้ว No comment อิอิ : xemo026 :
Man of Macedonia
โพสต์: 973
ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ ธ.ค. 04, 2006 9:33 pm
ที่อยู่: Virtusian's House of Prayer,Thailand
ติดต่อ:

จันทร์ ส.ค. 10, 2009 8:15 pm

Jeab Agape เขียน:
พอดีเจี๊ยบอาจจะอิ่มแล้ว 5555

เพราะฟังเทศน์ อาทิตย์ หนึ่ง 5 วัน แล้วต้อง Devotion อีก 2 เวลา

มีกลุ่มเซลล์ อีก 1 ครั้งต่อสัปดาห์  อ่านพระคัมภีร์หลายเล่มเตรียมสอบทุกเปิดเทอม ( ตกต้องแก้ เสีย 30 บาท )

ขออภัยที่ไม่ค่อยได้อ่าน หรืออ่านแล้ว No comment อิอิ : xemo026 :
อิ่มแล้วก็อย่าพึ่งกินเลย เดี๋ยวอ๊วก 555+
: xemo016 : : xemo016 : : xemo016 : : xemo016 : : xemo016 :
Jeab Agape
~@
โพสต์: 8259
ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ ม.ค. 17, 2005 9:56 pm
ที่อยู่: Bangkok

อังคาร ส.ค. 11, 2009 4:35 pm

Man of Macedonia เขียน:
Jeab Agape เขียน:
ขออภัยที่ไม่ค่อยได้อ่าน หรืออ่านแล้ว No comment อิอิ : xemo026 :
อิ่มแล้วก็อย่าพึ่งกินเลย เดี๋ยวอ๊วก 555+
: xemo016 : : xemo016 : : xemo016 : : xemo016 : : xemo016 :
แหมพี่ก็ : emo036 : บางทีถึงอิ่ม แต่เจอของอร่อย ก็ยังกินได้อีก อาจจะเรอนิดหน่อย : emo038 :
Man of Macedonia
โพสต์: 973
ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ ธ.ค. 04, 2006 9:33 pm
ที่อยู่: Virtusian's House of Prayer,Thailand
ติดต่อ:

พฤหัสฯ. ส.ค. 13, 2009 3:12 pm

Jeab Agape เขียน:
Man of Macedonia เขียน:
Jeab Agape เขียน:
ขออภัยที่ไม่ค่อยได้อ่าน หรืออ่านแล้ว No comment อิอิ : xemo026 :
อิ่มแล้วก็อย่าพึ่งกินเลย เดี๋ยวอ๊วก 555+
: xemo016 : : xemo016 : : xemo016 : : xemo016 : : xemo016 :
แหมพี่ก็ : emo036 : บางทีถึงอิ่ม แต่เจอของอร่อย ก็ยังกินได้อีก อาจจะเรอนิดหน่อย : emo038 :
: emo045 : : emo045 : : emo045 : : emo045 :
ตอบกลับโพส