/////Lord of the Earthquakes/////
โพสต์แล้ว: อาทิตย์ ส.ค. 30, 2009 2:47 am
ในประเทศเปรูมีงานเทศกาลอันโด่งดังประจำปี ตั้งแต่ช่วงปลายเดือนมีนาคม-สัปดาห์แรกของเดือนเมษายน คืองานแห่พระรูปพระเยซูคริสต์ที่พวกเขาเรียกว่า Senor de los Temblores หรือ The Lord of the Earthquakes (องค์พระผู้เป็นเจ้าแห่งแผ่นดินไหว)
เดิมประเทศเปรู มีชนพื้นเมืองชาวอินคา และนับถือพระอาทิตย์ และมีความเชื่ออย่างแรงกล้าว่า พวกเขาสืบเชื้อสายมาจากสุริยเทพ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง กษัตริย์ชาวอินคานั้น ถือว่าเป็นหน่อเนื้อโดยตรงของสุริยเทพ เทวสถานที่สำคัญที่สุดของอินคาก็คือ วิหารสุริยันที่สร้างบูชาองค์สุริยเทพนั่นเอง เมืองของอินคาทุกเมืองจะมีวิหารสุริยันอยู่
หลังจากสเปนเข้ามาครอบครอง ก็นำศาสนาคริสต์นิกายโรมันคาทอลิกเข้ามาด้วย ในช่วงศตวรรษที่ 16-17 มีการสร้างโบสถ์ สร้างวิหารของศาสนาคริสต์ขึ้นมามากมาย
จัตุรัสกลางคุซโก(Cusco)มีมหาวิหาร (La Cathedral) และโบสถ์คอมพาเนีย (La Compania) จัตุรัสแห่งนี้เดิมเรียกว่า จัตุรัสอวนไกย์ปาตามีไว้ใช้จัดงานสำคัญทางศาสนาและทางทหาร เริ่มสร้างมาตั้งแต่ปี1559 และใช้เวลาเกือบร้อยปีถึงจะสร้างสำเร็จมหาวิหารแห่งนี้ประกอบด้วยโบสถ์อยู่ทางด้านขวาซึ่งเป็นโบสถ์เก่าที่สุดในคุซโก ส่วนโบสถ์แม่พระอยู่ทางด้านซ้าย เดิมทีมหาวิหารประจำเมืองเคยเป็นพระราชวังของกษัตริย์อินคามาก่อน หน้าตาถอดเค้าไปทางเรเนซองส์
ทางขวาของวิหารคือโบสถ์อีกแห่งที่เป็นอนุสรณ์แห่งชัยชนะที่สเปนมีชัยเหนือชาวอินคา มหาวิหารแห่งนี้นับว่าเป็นแหล่งรวบรวมศิลปะในยุคอาณานิคมที่ใหญ่ที่สุดของเมืองและที่สำคัญ เป็นที่ประดิษฐ์สถาน ภาพ The Lord of the Earthquakes หรือ Senor de los Temblores เป็นภาพสีน้ำมันพระเยซูคริสต์ถูกตรึงไม้กางเขน สภาพอาจจะดูหม่นๆดำๆ ไปหน่อย เพราะถูกควันเทียนจากบรรดาผู้ที่แห่เข้าไปสักการบูชา
ที่ชาวอินคาเรียกขานกันแบบนั้นสืบเนื่องมาจาก ราวปี 1650 เกิดแผ่นดินไหวครั้งใหญ่ในคุซโกแถมเกิดขึ้นหลายระลอกและกินเวลานาน ยามนั้นชาวอาณาจักรอินคาที่เพิ่งเปลี่ยนศาสนา จากศาสนาบูชายัญมนุษย์เพื่อเอาใจเทพเจ้าเพื่อให้ภัยธรรมชาติสงบ มาเป็นศาสนา ที่มีพระเจ้ามาเป็นลูกแกะบูชายัญนิรันดร์เพื่อพวกเขาแล้ว
พวกเขาจึงพากันไปอธิษฐานกับพระเยซูคริสต์และถวายดอกไม้สดที่พระรูปทุกวัน และแล้วแผ่นดินไหวก็สงบลง คนไม่มีความศรัทธาคงจะคิดว่าเป็นความบังเอิญ แต่ชาวเมืองกุสโก้เชื่อว่าเป็นการอัศจรรย์จากพระเจ้าที่พวกเขาเพิ่งรับเชื่อพระองค์นี้ พระพร และปาฏิหาริย์ที่ประทานให้เพียงเพราะเขามีความเชื่อในพระองค์ โดยพวกอินคาไม่ต้องฆ่าเพื่อนมนุษย์เพื่อเอาใจทวยเทพให้ภัยสงบอีกแล้ว
เหตุการณ์นี้คงเป็นความทรงจำที่เลวร้ายมาก ดูจากภาพวาดที่ได้รับการอนุรักษ์ไว้ บรรยายถึงเหตุการณ์แผ่นดินไหวครั้งนั้น ชาวเมืองพากันเดินไปรอบจัตุรัส มือถือไม้กางเขน ปากก็สวดวิงวอนให้สถานการณ์แผ่นดินไหวสงบลง แต่เหตุการณ์นี้ ก็ทำให้ลูกหลานของอาณาจักรอินคา เชื่อว่าเป็นพลังปาฏิหาริย์ของ The Lord of the Earthquakes ที่ช่วยให้อาณาจักรอินคารอดพ้นจากภัยธรรมชาติมาได้
นอกจากนี้ ทั้งเมืองกุสโก้ ล้วนแต่มีภาพที่วาดเลียนแบบ The Lord of the Earthquakes อยู่ทุกวัด และทุกสถานที่สำคัญ และยังมีงานประจำปี ที่แห่รูปปั้นที่จำลองจากภาพวาดของพระคริสต์ผู้ช่วยเหลือพวกเขาจากแผ่นดินไหว ซึ่งเป็นพระเยซูคริสต์ผิวสีดำที่พวกเขาเรียกว่า El Negrito เพื่อเตือนถึงลูกหลานว่า พระเยซูคริสต์องค์นี้คือผู้ที่ช่วยพวกเขาให้รอดอย่างแท้จริง
บทอ่านจากหนังสือพงศ์กษัตริย์ฉบับที่ 1 1 พกษ 19:9ก,11-13ก
วันหนึ่ง เมื่อเอลียาห์มาถึงภูเขาโฮเรบ ภูเขาของพระเจ้า ท่านเข้าไปพักอยู่ในถ้ำ และพระวจนะของพระเจ้ามาถึงท่าน ตรัสว่า
เดิมประเทศเปรู มีชนพื้นเมืองชาวอินคา และนับถือพระอาทิตย์ และมีความเชื่ออย่างแรงกล้าว่า พวกเขาสืบเชื้อสายมาจากสุริยเทพ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง กษัตริย์ชาวอินคานั้น ถือว่าเป็นหน่อเนื้อโดยตรงของสุริยเทพ เทวสถานที่สำคัญที่สุดของอินคาก็คือ วิหารสุริยันที่สร้างบูชาองค์สุริยเทพนั่นเอง เมืองของอินคาทุกเมืองจะมีวิหารสุริยันอยู่
หลังจากสเปนเข้ามาครอบครอง ก็นำศาสนาคริสต์นิกายโรมันคาทอลิกเข้ามาด้วย ในช่วงศตวรรษที่ 16-17 มีการสร้างโบสถ์ สร้างวิหารของศาสนาคริสต์ขึ้นมามากมาย
จัตุรัสกลางคุซโก(Cusco)มีมหาวิหาร (La Cathedral) และโบสถ์คอมพาเนีย (La Compania) จัตุรัสแห่งนี้เดิมเรียกว่า จัตุรัสอวนไกย์ปาตามีไว้ใช้จัดงานสำคัญทางศาสนาและทางทหาร เริ่มสร้างมาตั้งแต่ปี1559 และใช้เวลาเกือบร้อยปีถึงจะสร้างสำเร็จมหาวิหารแห่งนี้ประกอบด้วยโบสถ์อยู่ทางด้านขวาซึ่งเป็นโบสถ์เก่าที่สุดในคุซโก ส่วนโบสถ์แม่พระอยู่ทางด้านซ้าย เดิมทีมหาวิหารประจำเมืองเคยเป็นพระราชวังของกษัตริย์อินคามาก่อน หน้าตาถอดเค้าไปทางเรเนซองส์
ทางขวาของวิหารคือโบสถ์อีกแห่งที่เป็นอนุสรณ์แห่งชัยชนะที่สเปนมีชัยเหนือชาวอินคา มหาวิหารแห่งนี้นับว่าเป็นแหล่งรวบรวมศิลปะในยุคอาณานิคมที่ใหญ่ที่สุดของเมืองและที่สำคัญ เป็นที่ประดิษฐ์สถาน ภาพ The Lord of the Earthquakes หรือ Senor de los Temblores เป็นภาพสีน้ำมันพระเยซูคริสต์ถูกตรึงไม้กางเขน สภาพอาจจะดูหม่นๆดำๆ ไปหน่อย เพราะถูกควันเทียนจากบรรดาผู้ที่แห่เข้าไปสักการบูชา
ที่ชาวอินคาเรียกขานกันแบบนั้นสืบเนื่องมาจาก ราวปี 1650 เกิดแผ่นดินไหวครั้งใหญ่ในคุซโกแถมเกิดขึ้นหลายระลอกและกินเวลานาน ยามนั้นชาวอาณาจักรอินคาที่เพิ่งเปลี่ยนศาสนา จากศาสนาบูชายัญมนุษย์เพื่อเอาใจเทพเจ้าเพื่อให้ภัยธรรมชาติสงบ มาเป็นศาสนา ที่มีพระเจ้ามาเป็นลูกแกะบูชายัญนิรันดร์เพื่อพวกเขาแล้ว
พวกเขาจึงพากันไปอธิษฐานกับพระเยซูคริสต์และถวายดอกไม้สดที่พระรูปทุกวัน และแล้วแผ่นดินไหวก็สงบลง คนไม่มีความศรัทธาคงจะคิดว่าเป็นความบังเอิญ แต่ชาวเมืองกุสโก้เชื่อว่าเป็นการอัศจรรย์จากพระเจ้าที่พวกเขาเพิ่งรับเชื่อพระองค์นี้ พระพร และปาฏิหาริย์ที่ประทานให้เพียงเพราะเขามีความเชื่อในพระองค์ โดยพวกอินคาไม่ต้องฆ่าเพื่อนมนุษย์เพื่อเอาใจทวยเทพให้ภัยสงบอีกแล้ว
เหตุการณ์นี้คงเป็นความทรงจำที่เลวร้ายมาก ดูจากภาพวาดที่ได้รับการอนุรักษ์ไว้ บรรยายถึงเหตุการณ์แผ่นดินไหวครั้งนั้น ชาวเมืองพากันเดินไปรอบจัตุรัส มือถือไม้กางเขน ปากก็สวดวิงวอนให้สถานการณ์แผ่นดินไหวสงบลง แต่เหตุการณ์นี้ ก็ทำให้ลูกหลานของอาณาจักรอินคา เชื่อว่าเป็นพลังปาฏิหาริย์ของ The Lord of the Earthquakes ที่ช่วยให้อาณาจักรอินคารอดพ้นจากภัยธรรมชาติมาได้
นอกจากนี้ ทั้งเมืองกุสโก้ ล้วนแต่มีภาพที่วาดเลียนแบบ The Lord of the Earthquakes อยู่ทุกวัด และทุกสถานที่สำคัญ และยังมีงานประจำปี ที่แห่รูปปั้นที่จำลองจากภาพวาดของพระคริสต์ผู้ช่วยเหลือพวกเขาจากแผ่นดินไหว ซึ่งเป็นพระเยซูคริสต์ผิวสีดำที่พวกเขาเรียกว่า El Negrito เพื่อเตือนถึงลูกหลานว่า พระเยซูคริสต์องค์นี้คือผู้ที่ช่วยพวกเขาให้รอดอย่างแท้จริง
บทอ่านจากหนังสือพงศ์กษัตริย์ฉบับที่ 1 1 พกษ 19:9ก,11-13ก
วันหนึ่ง เมื่อเอลียาห์มาถึงภูเขาโฮเรบ ภูเขาของพระเจ้า ท่านเข้าไปพักอยู่ในถ้ำ และพระวจนะของพระเจ้ามาถึงท่าน ตรัสว่า