กางเขนอันที่ใช้ตรึงพระเยซูเจ้า

ถาม-ตอบพระคัมภีร์ เรื่องเสริมศรัทธา ความรู้ และสาระ บทความ ในคริสตศาสนา
ตอบกลับโพส
กรอกสมบูรณ์
โพสต์: 1413
ลงทะเบียนเมื่อ: อังคาร ก.ย. 02, 2008 11:18 am
ที่อยู่: ต.กรอกสมบูรณ์ อ.ศรีมหาโพธิ จ.ปราจีนบุรี

อาทิตย์ ต.ค. 04, 2009 3:10 pm

ความจริงเกี่ยวกับกางเขนแท้ของพระเยซูเจ้า

จาก The Catholic Encyclopedia มีเรื่องราวการค้นพบกางเขนแท้ ในปี ค.ศ.326, พระนางเฮเลนา, พระมารดาของจักรพรรดิคอนแสตนติน ซึ่งทรงมีพระชนมายุ 80 พรรษา, ได้ทรงเดินทางไปที่เยรูซาเล็ม. ทรงปรับปรุงสถานที่บนเนินเขาที่ฝังพระศพของพระเยซูเจ้า และทรงทำลายสิ่งก่อสร้างที่ไม่เหมาะสมรอบๆ บริเวณนั้น. พระนางได้รับการเผยแสดงบางอย่าง ซึ่งทำให้พระนางมั่นพระทัยว่า จะทรงค้นพบอุโมงค์ที่ฝังพระศพขององค์พระผู้ไถ่และกางเขนของพระองค์. พระนางสั่งให้ทำการค้นหา โดยความร่วมมือของนักบุญ มาคารีอุส, พระสังฆราชของเมืองนั้น

ชาวยิวได้ซ่อนกางเขนไว้ในบ่อน้ำหรือร่องลึก และปิดด้วยก้อนหิน เพื่อไม่ให้คริสตชนมาพบและนำเอาไปสักการะ. มีชาวยิวที่ได้รับการคัดเลือกบางคนเท่านั้นที่รู้ว่าสถานที่นั้นอยู่ที่ไหน, และในบรรดาคนเหล่านั้นมีคนหนึ่งชื่อ ยูดาส ได้รับการดลใจจากสวรรค์, เขาได้ชี้จุดให้แก่คนที่กำลังขุดหา. ด้วยความช่วยเหลือของเขานี้ทำให้นักบุญเฮเลนา ชมเชยเขามาก. ยูดาสต่อมาได้กลับมาเป็นคริสตชนและได้เป็นนักบุญด้วย โดยมีชื่อใหม่ว่า ซีเรียคัส Cyriacus.

ระหว่างการขุดค้นนั้นเอง พวกเขาก็ได้พบกางเขนสามอัน. แต่ไม่สามารถจำแนกว่าอันไหนเป็นกางเขนของพระคริสต์ เพราะป้ายระบุโทษของพระเยซูเจ้า(titulus) ได้หลุดหายไป. ทั้งไม่มีวิธีการใดที่จะระบุได้ด้วย ท่านมาคารีอุสได้รับการดลใจ, ท่านนำกางเขนทั้งสามไปยังบ้านของสตรีสูงศักดิ์คนหนึ่งซึ่งเจ็บป่วยใกล้เสียชีวิต ท่านเอากางเขนไปสัมผัสสตรีผู้นั้น กางเขนสองอันไม่ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงใดๆ, ส่วนกางเขนที่ตรึงพระเยซูเจ้าทำให้สตรีผู้นั้นหายป่วยและสบายดีทันที

รูปภาพ

จากจดหมายของนักบุญเปาลีนุส เขียนถึง ซีวีรุส ได้เล่าเหตุการณ์นี้ว่า นักบุญเฮเลนา เองก็ได้ทรงพยายามหาวิธีพิสูจน์กางเขนที่แท้ด้วยเครื่องหมายของอัศจรรย์อย่างใดอย่างหนึ่ง. พระนางได้ลองนำศพของชายคนหนึ่งมายังจุดที่พบกางเขน. และให้สัมผัสด้วยกางเขนทั้งสามอัน ปรากฏว่ากางเขนอันที่สามได้ทำให้ชายคนนั้นที่ตายไปแล้วกลับฟื้นคืนชีพขึ้นมาได้. แต่จากอีกตำนานหนึ่งซึ่งอ้างอิงถึงนักบุญอัมโบรส กล่าวว่า ดูเหมือนป้ายระบุโทษของพระเยซูเจ้า(titulus)นั้น ยังคงติดอยู่กับกางเขน.

หลังจากการค้นพบอันยิ่งใหญ่นี้ นักบุญเฮเลนาและจักรพรรดิคอนแสตนติน ได้ทรงรับสั่งให้สร้างมหาวิหารอันสง่างามเหนืออุโมงค์ฝังพระศพนั้น และด้วยเหตุนี้ วิหารจึงได้นามว่า St.Constantinus. จุดที่ฝังพระศพอยู่ภายใต้ห้องโถงใหญ่ของวิหาร ส่วนกางเขนถูกตั้งไว้บริเวณพระแท่น เมื่อมีการปฏิสังขรณ์โดย de Vogue ในคราวที่วิหารถูกทำลายโดย Arculfus ซึ่งเป็นคนนอกศาสนา ในศตวรรษที่ 17, ก็ได้พบกางเขนอยู่ในบริเวณพระวิหารนี้ ท่านได้สร้างอาคาร 4 หลังบนสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ของเนินกอลโกธา หนึ่งในอาคารเหล่านี้คือ โบสถ์แห่งการค้นพบ “Church of the Invention” or “of the Finding”. อาจเป็นเพราะพระวิหารที่สร้างโดยจักรพรรดิคอนแสตนตินนี้เสียหายน้อยที่สุดในบรรดาอาคารทั้งหมดจากน้ำมือของผู้รุกรานเปอร์เซีย, จึงยังคงรักษาชื่อและความเป็นเอกลักษณ์ตามแบบของ Martyrium Constantinianum ไว้ได้

ชิ้นส่วนของกางเขนแท้ บางชิ้นยังคงอยู่ที่เยรูซาเล็มได้เก็บรักษาไว้ในกล่องเงิน. ส่วนที่เหลือนอกนั้นและตะปู ได้ส่งไปให้จักรพรรดิคอนแสตนติน และพระองค์ทรงรับสั่งให้วางชิ้นส่วนนี้ไว้ในอนุสรณ์สถานที่มีรูปปั้นของพระองค์ ซึ่งเป็นเสาใหญ่ในฟอรั่มอยู่ที่กรุงคอนแสตนติโนเปิล. ตะปูตัวหนึ่งถูกผูกติดกับหมวกเหล็กของจักรพรรดิและตะปูอีกตัวหนึ่งผูกติดกับบังเหียนม้า ที่ทำเช่นนี้ก็เพื่อให้เป็นไปตามที่ประกาศกเศคาริยาห์ในพระธรรมเก่าจารึกไว้ว่า “ในวันนั้น ลูกพรวนที่ผูกม้าจะเป็นเกียรติแด่พระเป็นเจ้า” (Zechariah 14:20) ตะปูตัวอื่นๆ ที่เหลือ ถูกใช้เป็นส่วนประกอบของมงกุฎเหล็กของกษัตริย์แห่งลอม บาดี และถูกเก็บรักษาเป็นสมบัติของ cathedral of Monza

ในการศึกษาทางวิทยาศาสตร์ของโบราณวัตถุ กางเขนแท้แสดงให้เห็นว่า ไม้กางเขนทำมาจากไม้สนชนิดหนึ่ง.ส่วนป้ายระบุโทษที่แขวนบนกางเขน titulus crucis ที่มีคำเขียนว่า “เยซูชาวนาซาเร็ท, กษัตริย์ของชาวยิว” จารึกเป็นภาษาลาติน, กรีก และ ฮีบรู (Matthew 27:37, Mark 15:26, Luke 23:38, and John 19:19) ทำมาจากไม้มะกอก

ทางวิทยาศาสตร์ได้ระบุอายุของป้ายนี้ว่า อยู่ในศตวรรษที่ 1 ตัวอักษรที่จารึกอยู่นั้นยังคงอ่านได้ชัดเจน (สิ่งที่น่าสนใจ ตัวอักษรลาตินและกรีกจะเขียนกลับกัน) แต่ป้ายส่วนที่เป็นตัวอักษรฮีบรูได้หายไปเพราะป้ายถูกแบ่งครึ่ง และส่วนที่ถูกแบ่งครึ่งส่วนที่สองนั้นได้หายไปในศตวรรษที่ 6. จากภาษาลาตินบนป้าย “Iesus Nazarenus Rex Iudeorum” จึงเป็นที่มาของอักษรย่อ “I.N.R.I.” ซึ่งใช้ติดอยู่ที่กางเขนที่อยู่ในหลายโบสถ์ในปัจจุบันนี้

โบราณวัตถุทั้งหมดที่กล่าวมานี้ คือ ป้าย และ กางเขนแท้ ปัจจุบันอยู่ที่ Basilica di Santa Croce in Gerusalemme ในกรุงโรม


รูปภาพ


เนื่องด้วยทาง Yahoo, Geocities ซึ่งเป็นผู้ให้บริการเนื้อที่สำหรับทำเวปไซต์ของพลังใจ ได้มีนโยบายที่จะปิดการให้บริการตั้งแต่วันที่ 26 ตุลาคม 2009 นี้ จึงทำให้เวปไซต์พลังใจต้องปิดตัวตามไปด้วยโดยปริยาย เลยขออนุญาตินำเนื้อหามาลงไว้ทั้งหมดเลยค่ะ เดี๋ยวเปิดเข้าไปดูอีกไม่ได้
http://uk.geocities.com/devoutlifej/cross.html
~ฮีUโปฟัuxaoxน้ๅโJ™~
โพสต์: 1653
ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ ก.ย. 10, 2007 9:22 pm
ที่อยู่: ไม่ใกล้ไม่ใกล้จากวัดอัสสัม-0-

อาทิตย์ ต.ค. 04, 2009 6:25 pm

ที่วัด ซางตาครู้่ส ก็มีพระธาตุของมหากางเขนนะคับ เอามาแห่วันฉลองวัด และ จูบวันพระตาย

ส่วนของจริงของแท้ ไม่มีใครรู้ครับ แต่้คนใชชุมชน เค้าเชื่อกันว่า เป็นของแท้
Like a Heaven
.
.
โพสต์: 1739
ลงทะเบียนเมื่อ: อาทิตย์ ต.ค. 28, 2007 5:58 pm
ที่อยู่: In the Christ

อาทิตย์ ต.ค. 04, 2009 6:45 pm

ขอบคุณครับ
ภาพประจำตัวสมาชิก
Andreas
~@
โพสต์: 3131
ลงทะเบียนเมื่อ: อังคาร ม.ค. 18, 2005 7:47 am
ที่อยู่: Bangkok
ติดต่อ:

อาทิตย์ ต.ค. 04, 2009 8:14 pm

~ฮิปโปฟันหลอหน้าโง่~ เขียน: ที่วัด ซางตาครู้่ส ก็มีพระธาตุของมหากางเขนนะคับ เอามาแห่วันฉลองวัด และ จูบวันพระตาย

ส่วนของจริงของแท้ ไม่มีใครรู้ครับ แต่้คนใชชุมชน เค้าเชื่อกันว่า เป็นของแท้
พระธาตุมหากางเขนที่ใช้แห่ ก็น่าจะเป็นพระธาตุของแท้ครับ แต่อาจจะเป็นเพียงแค่เศษไม้เท่านั้น เพราะต้องแบ่งกันไปทั่วโลก ทั้งคาทอลิกและออร์โธดอกซ์
รูปภาพ
พระธาตุมหากางเขนประดิษฐานอยู่ในพระวิหารคูหาศักดิ์สิทธิ์ กรุงเยรูซาเล็ม


รูปภาพ
พระธาตุมหากางเขนประดิษฐานอยู่ที่ Santo Toribio de Liébana  Spain


รูปภาพ
พระธาตุมหากางเขน ประดิษฐานอยู่ที่กรุงเวียนนา

รูปภาพ
พระธาตุตะปูที่ใช้ตรึงพระเยซูเจ้า ประดิษฐานอยู่ที่พระวิหาร Notre Dame de Paris.

รูปภาพ
พระธาตุมหากางเขนและตะปูที่ใช้ตรึงพระเยซูเจ้า ประดิษฐานอยู่ที่พระวิหาร Notre Dame de Paris.
แก้ไขล่าสุดโดย Andreas เมื่อ อังคาร ต.ค. 06, 2009 8:17 pm, แก้ไขไปแล้ว 1 ครั้ง.
ภาพประจำตัวสมาชิก
Valkyrie Zero Number
โพสต์: 2081
ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ ส.ค. 27, 2007 4:11 am

อาทิตย์ ต.ค. 04, 2009 10:11 pm

จะจริงหรือแท้ ก็ไม่ทำให้ศรัทธาของผู้คนเสื่อมหรือหายไปหรอกค่ะ เพราะพระองค์ไม่ได้ถูกตรึงอีกต่อไปแล้ว แต่ขึ้นสู่สวรรค์และมาสถิตอยู่ในใจพวกเราทุกคนค่ะ  : xemo023 :
วอ
โพสต์: 1153
ลงทะเบียนเมื่อ: พฤหัสฯ. พ.ย. 13, 2008 7:36 pm

อาทิตย์ ต.ค. 04, 2009 10:12 pm

โอ้โห ดีนะที่ชาวยิวไม่นำเอาไปเผาแล้วทำลาย ดีนะที่แค่เอาไปฝัง
ภาพประจำตัวสมาชิก
~_~Katty~_~
โพสต์: 95
ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ ธ.ค. 15, 2008 11:23 pm
ที่อยู่: 4 ซ.1 ถ.รถไฟ ต.วัดเกต อ.เมือง จ.เชียงใหม่ 50000
ติดต่อ:

จันทร์ ต.ค. 05, 2009 1:04 am

ขอบคุณที่ให้ความรู้ซึ่งกันและกันนะค่ะ
~ฮีUโปฟัuxaoxน้ๅโJ™~
โพสต์: 1653
ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ ก.ย. 10, 2007 9:22 pm
ที่อยู่: ไม่ใกล้ไม่ใกล้จากวัดอัสสัม-0-

จันทร์ ต.ค. 05, 2009 6:38 am

วอ เขียน: โอ้โห ดีนะที่ชาวยิวไม่นำเอาไปเผาแล้วทำลาย ดีนะที่แค่เอาไปฝัง
รู้สึกจะไม่ีได้ฝังนะ แต่ว่า ฝนตก ลมพัด เอย มันทำให้ดินมากลบๆๆๆๆๆๆ แล้วก็กลายเป็นฝังไปเลยยยยยยย
ภาพประจำตัวสมาชิก
(⊙△⊙)คุณxuู๓้uxoม(⊙△⊙)
โพสต์: 892
ลงทะเบียนเมื่อ: ศุกร์ ต.ค. 10, 2008 12:38 am

อังคาร ต.ค. 06, 2009 9:08 am

ของโบราณวัตถุ จริงๆ
ภาพประจำตัวสมาชิก
Léon
โพสต์: 766
ลงทะเบียนเมื่อ: เสาร์ มิ.ย. 13, 2009 8:43 pm
ที่อยู่: แผ่นดินโลก
ติดต่อ:

อังคาร ต.ค. 06, 2009 9:20 am

ขอบคุณสำหรับสาระค่ะ  : xemo026 :
ตอบกลับโพส