---+ คำพูดของคุณ มีผลต่อคนอื่นมากกว่าที่คิด +---

ถาม-ตอบพระคัมภีร์ เรื่องเสริมศรัทธา ความรู้ และสาระ บทความ ในคริสตศาสนา
ตอบกลับโพส
ภาพประจำตัวสมาชิก
Holy
Defender of lawS
Defender of lawS
โพสต์: 10011
ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ ม.ค. 17, 2005 3:06 pm

อาทิตย์ ต.ค. 11, 2009 4:55 am

ไต่ตามโค้งตะวัน
“คำพูดของคุณ  มีผลต่อคนอื่นมากกว่าที่คิด”


เรื่องจริงจาก  2  ชีวิตที่เหมือนและแตกต่าง

  จาก ประสบการณ์ชีวิตของท่าน  ท่านเคยรู้สึกเจ็บปวด  ผิดหวัง  เสียใจต่อคำพูดที่มากระทบใจบ้างหรือไม่?  และท่านเคยพูดกระทบใจผู้คนรอบข้างท่าน  หรือคนอื่น ๆ  มากน้อยอย่างไรบ้าง???

  ต่อไปนี้เป็นเรื่องจริง  2  เรื่องที่อาจช่วยให้เราหันกลับมาสำรวจตรวจสอบคำพูดของเราที่พูดกับคนอื่น  เพราะเป็นไปได้ว่า  คำพูดที่พูดไปนั้นอาจมีผลต่อชีวิตและอนาคตของผู้คนที่เราพูดด้วยมากกว่าที่ เราคิดก็เป็นได้



  นานมาแล้ว  ในหมู่ย้านชนบทเล็ก ๆ  แห่งหนึ่ง  เด็กช่วยมิสซาคนหนึ่งทำศีลมหาสนิทที่อยู่ในรูปของเหล้าองุ่นหกโดยไม่ได้ ตั้งใจ คุณพ่อผู้ประกอบพิธีมิสซาตบเด็กคนนี้และตะโกน  “ออกไป  และอย่ากลับมาอีก!”

  เด็กคนนี้เมื่อโตขึ้น  เขาเป็นทหารที่มีชื่อว่า  นายพลตีโต้  (Josip  Broz  Tito  :  7  หรือ  25  พฤษภาคม  1892 – 4  พฤษภาคม  1980)  เขาเป็นผู้นำเผด็จการคอมมิวนิสต์ในประเทศยูโกสลาเวีย


รูปภาพรูปภาพ



  ณ  โบสถ์ใหญ่ในเมืองแห่งหนึ่ง  เด็กช่วยมิสซาอีกคนหนึ่งทำศีลมหาสนิทที่อยู่ในรูปของเหล่าองุ่นหกโดยไม่ได้ ตั้งใจเช่นกัน  พระสังฆราชผู้ประกอบพิธีเดินมาหาเขาและกระซิบปลอบใจเขาว่า  “ไม่เป็นไรหรอก  วันหนึ่งเธอจะเป็นพระสงฆ์ที่ยิ่งใหญ่”

  เด็กคนนี้ เมื่อโตขึ้น  เขาเป็นพระสงฆ์คาทอลิก  เขาคือพระอัครสังฆราชฟูลตัน  ซีน  (Archbishop  Fulton  Sheen  :  8  พฤษภาคม  1895  -  9  พฤษภาคม  1979) พระคุณเจ้าเป็นนักเทศน์และนักเขียนที่ครองใจประชาชนเป็นล้าน ๆ  คนผ่านทางรายการโทรทัศน์และวิทยุทั่วประเทศสหรัฐอเมริกา

รูปภาพรูปภาพ
แก้ไขล่าสุดโดย Holy เมื่อ อาทิตย์ ต.ค. 11, 2009 5:06 am, แก้ไขไปแล้ว 1 ครั้ง.
ภาพประจำตัวสมาชิก
Holy
Defender of lawS
Defender of lawS
โพสต์: 10011
ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ ม.ค. 17, 2005 3:06 pm

อาทิตย์ ต.ค. 11, 2009 4:58 am

ย้อนมองตน  :  แล้วเราพูดให้กระทบใจใครบ้าง?

  เมื่อผมอ่านเรื่องราวจาก ชีวิตจริงทั้งสองเรื่องนี้แล้ว  อดคิดย้อนกลับมามองตนเองไม่ได้ว่ามีเหตุการณ์ใดในชีวิตที่ผมพูดกระทบใจคน อื่น  และผมพบว่ามีมากมายหลายเหตุการณ์ที่ผมพูดไปแล้ว  ผมรู้สึกเสียใจ  แม้ว่าในขณะนั้นผมพูดด้วยเจตนาดีก็ตาม  คำพูดเหล่านั้นก็ยังคงทำให้คนที่รับฟังรู้สึกเสียใจ  ไม่สบายใจ  ทุกข์ใจมากน้อยตามแต่กรณี

  ผมสังเกตว่า  ในการพูดกระทบใจคนอื่นนั้นเริ่มขึ้นเมื่อผมเห็นหรือได้ยินเหตุการณ์ต่าง ๆ  ที่เกิดขึ้น  แล้วเกิดความรู้สึกภายใน  เช่น  เป็นห่วงกังวล  อึดอัด  ลำบากใจ  ขัดเคืองใจ  ตามด้วยคำพูดที่ออกมาแบบอัตโนมัติ

  ในขณะเดียว กันผมก็สังเกตว่ามีคำพูดของคนอื่น  ที่ผมฟังแล้ว  ผมรู้สึกไม่สบายใจ  เสียใจเช่นเดียวกัน  บางครั้งผมก็พูดตอบโต้ออกไปทันทีทันใด  บางครั้งผมก็ฟังโดยไม่ได้พูดตอบและเสียใจ  ไม่สบายใจอยู่อย่างเงียบ ๆ

  ผม คิดใจว่า  ในสถานการณ์เช่นนี้  ผมจะมีทางเลือก  หรือทางออกอะไรบ้างที่จะช่วยให้ทั้งตนเองและคนอื่นสามารถสานความสัมพันธ์ต่อ ไปได้  อีกทางเลือกหนึ่ง  :  การพูดแบบสังเกตโดยปราศจากการตัดสิน

รูปภาพ

  เมื่อ ผมเรียนรู้เรื่องการสื่อสารด้วยความกรุณา  (Compassionate  Communication) ผมพบว่ามีเรื่องหนึ่งซึ่งสำคัญมากต่อความสัมพันธ์และความเข้าใจซึ่งกันและ กัน  นั่นคือ  “การสังเกตโดยปราศจากการตัดสิน”

  การสังเกตโดยปราศจาก การตัดสินคือ การพูดถึงเหตุการณ์ที่เราต้องการสื่อสารให้ผู้อื่นรับทราบอย่าง ตรงไปตรงมา  ชัดเจน  เฉพาะเจาะจง  ปราศจากคำตัดสิน  คำกล่าวโทษ  หรือรวมเอาคำที่มีอคติเข้าไปด้วย  เปรียบเสมือนกับการบันทึกภาพเหตุการณ์ด้วยกล้องวีดีโอ อย่างเช่น

ปกติเราอาจพูดว่า  “ทำไมคุณมาสาย”

ถ้า เราจะพูดแบบสังเกตโดยปราศจากการตัดสิน  เราอาจพูดแบบการบันทึกภาพด้วยกล้องวีดีโอ  “เรานัดประชุมเวลา  9  โมงเช้า  ผมเห็นว่าคุณมาเวลา  11  โมง”

  หรือเมื่อเราพูดว่า  “ทำไมคุณไม่ทำตามที่เราตกลงกันไว้”

  การพูดแบบสังเกตโดยปราศจากการตัดสินอาจพูดว่า  “เมื่อว่านนี้ผมได้ยินคุณพูดว่า  คุณจะเอาซอด้วงมา  วันนี้ผมไม่เห็นซอด้วงของคุณ”

  อีกตัวอย่างหนึ่ง  เราพูดว่า  “ชาวบ้านที่นี่ไม่ให้ความร่วมมือเลย”

  ถ้า พูดแบบสังเกตโดยปราศจากการตัดสินอาจพูดใหมได้ว่า  “ในวันที่เรานัดประชุมชาวบ้าน  90  ครอบครัว  ผมเห็นชาวบ้านมาร่วมประชุม  8  คน”

  แถมอีกเรื่องหนึ่ง  ถ้าเราพูดว่า  “เด็กพวกนี้นิสัยไม่ดี”

  เราอาจพูดแบบสังเกตโดยปราศจากการตัดสินได้ว่า  “ผมได้ยินเด็กคนหนึ่งในกลุ่มนี้พูดกับผมว่า  ‘ลุงแก่แล้วอยู่เฉย ๆ  เถอะ’”

  การ พูดแบบสังเกตโดยปราศจากการตัดสินเหมือนการบันทึกด้วยกล้องวีดีโอนี้  ช่วยให้เราเริ่มต้นการสนทนากันด้วยความสบายใจ  ลดความรู้สึกต่อต้าน  ลดการปกป้องตนเอง  หรือการพยายามอธิบายถึงการกระทำของตนเอง  เพราะไม่ได้รู้สึกว่ากำลังถูกกล่าวโทษ  ตำหนิ  วิจารณ์  หรือต่อว่า

  หัวใจของการสังเกตคือการแยกแยะระหว่างการสังเกต  ซึ่งแตกต่างจากการพูดด้วยคำตัดสินตีความ  กล่าวโทษในเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น

  การสังเกตโดยปราศจากการตัดสินเป็นเครื่องมือหนึ่งที่เราอาจใช้เพื่อเริ่มต้นการพูดคุยกันด้วยความกรุณา
แก้ไขล่าสุดโดย Holy เมื่อ จันทร์ ต.ค. 12, 2009 9:53 am, แก้ไขไปแล้ว 1 ครั้ง.
ภาพประจำตัวสมาชิก
Holy
Defender of lawS
Defender of lawS
โพสต์: 10011
ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ ม.ค. 17, 2005 3:06 pm

อาทิตย์ ต.ค. 11, 2009 5:05 am

ไตร่ตรอง  :  เราพูดแบบสังเกตหรือตัดสินผู้อื่น?

  เมื่อผมไตร่ตรองคำ พูดของผมแล้ว  ผมพบว่าในเหตุการณ์ณืมากมายที่เกิดขึ้นในชีวิต  ผมตัดสินตีความเสียเป็นส่วนใหญ่  เมื่อเห็นเช่นนี้แล้ว  ก็เกิดการตื่นรู้  เกิดการตระหนักรู้  เกิดความสำนึกในตนเอง  และอยากจะเปลี่ยนแปลงการพูดของตนเองให้แตกต่างจากเดิม  ให้เป็นคำพูดที่มีความกรุณามากขึ้น  มีสันติมากขึ้น  โดยที่ยังคงความจริงใจอยู่ด้วย

  น้อง ๆ  ที่ทำงานด้านสังคม  ทำงานด้านเยาวชนหลายคน  เมื่อได้เรียนรู้  “การสังเกตโดยปราศจากการตัดสิน”  แล้ว  พวกเขานั่งgงียบ  และเล่าว่าที่นั่งเงียบก็เพราะว่า  พวกเขาย้อนมองตนเองแล้ว  พบว่าส่วนใหญ่พวกเขาจะคุ้นเคยหรือเคยชินกับการตัดสิน  ตีความแทนการสังเกตโดยปราศจากการตัดสิน  ทั้งที่พวกเขามีเจตนาดีและไม่มีเจตนาจะตัดสินกล่าวโทษผู้อื่นแต่อย่างใด

รูปภาพ


ลงลึก  :  ท่านตัดสินเขาอย่างไร?

  ผม จำได้ว่าในการศึกษาพระวรสารเป็นหลุ่มครั้งแรกในชีวิตของผมเมื่อผมยังเรียน อยู่ในชั้นมัธยมศึกษาตอนต้นนั้น  เราไตร่ตรองและแบ่งปันในเรื่อง  “อย่าตัดสินผู้อื่น”  (มัทธิว  7:1-5)

  “อย่าตัดสินเขา  เพื่อท่านจะไม่ถูกพระเจ้าตัดสิน  ท่านตัดสินเขาอย่างไร  พระเจ้าจะทรงตัดสินท่านอย่างนั้น  ท่านใช้ทะนานใดตวงให้เขาพระเจ้าจะทรงใช้ทะนานนั้นตวงให้ท่าน

  เหตุไฉนท่านจึงมองดูเศษฟางในดวงตาของพี่น้องแต่ไม่สังเกตเห็นท่อนซุงในดวงตาของตนเลย

  ท่านจะกล่าวแก่พี่น้องได้อย่างไรว่า  ปล่อยให้ฉันเขี่ยเศษฟางออกจากดวงตาของท่าน

  ท่านคนหน้าซื่อใจคดเอ๋ย  จงเอาท่อนซุงออกจากดวงตาของท่านก่อนเถิด  แล้วจะได้เห็นชัดก่อนไปเขี่ยเศษฟางออกจากด้วงตาของพี่น้อง”


รูปภาพ

  การ กลับมาไตร่ตรองพระวรสารตอนนี้อีกครั้ง  ช่วยให้เกิดความตระหนักถึงการใช้คำพูดโดยปราศจากตัดสิน  เริ่มด้วยการขอความสว่างจากพระให้เรายอมรับตนเอง  ขอพระคุณที่จำเป็นเพื่อช่วยให้เราเห็นหนทางที่จะสร้างความเข้าใจให้เกิดขึ้น กับคนอื่นตามหนทางแห่งความรักของพระองค์

เติมเต็มความกรุณาให้แก่กันและกัน

  การ พูดแบบสังเกตโดยปราศจากการตัดสินนี้อาจเป็นวิธีการหนึ่งในอีกหลายวิธีการที่ ช่วยให้เราพอจะมีแนวทาง  พอจะมีตัวเลือกเพื่อสานสัมพันธ์  เพื่อสร้างสันติ  ลดความรุนแรง  เพื่อเติมเต็มความกรุณาให้แก่กันและกัน  ทั้งในครอบครัว  ในที่ทำงาน  สถานศึกษา  วัด  ชุมชน  และสังคมไทยอันเป็นที่รักของเรา

“ลิ้นของปราชญ์นำการักษามาให้”  (สุภาษิต  12:18)



แหล่งอ้างอิง
“Word  for  Today”  with  Bob  Gass
http://www.ucb.couk/word_for_today
http://en.wikipedia.org/wiki/Fulton_Sheen
http://en.wikipedia.org/wiki/Josip_Broz_Tito
  การสื่อสารด้วยความกรุณา  (Compassionate  Communication)  มีพื้นฐานมาจากการสื่อสารไร้ความรุนแรง  (Nonviolent  Communication)

นิตยสารคาทอลิกรายเดือนอุดมศานต์  ประจำเดือนตุลาคม  2552/2009  หน้าที่  54 – 56.  กรุงเทพฯ:
poloplow
โพสต์: 402
ลงทะเบียนเมื่อ: เสาร์ มี.ค. 11, 2006 11:01 pm

อาทิตย์ ต.ค. 11, 2009 3:24 pm

อ่านแล้วนึกถึงอดีตที่เคยพูดไม่ดีออกไปมากมาย

ต่อไปจะระมัดระวังคำพูดให้มากกว่าเดิมครับ
Memory
โพสต์: 390
ลงทะเบียนเมื่อ: อาทิตย์ ก.ย. 06, 2009 1:52 pm
ที่อยู่: Rayong

อาทิตย์ ต.ค. 11, 2009 5:02 pm

เท่าที่สัมผัสกับตัวเองน่ะ ส่วนใหญ่เวลาพูด ผมจะระมัดระวัง เพราะไม่อยากไปพาดพิงใคร หรือทำให้ใครเสีย พูดง่ายๆ ว่าไม่อยากมีเรื่องครับ อนึ่งเวลาผมไม่ชอบฟังคนอื่นพูดแบบไหน ผมก็จะไม่พูดแบบนั้น ผมจะเอาตัวเองเป็นบรรทัดฐานเสมอ แต่ถ้าผมพูดแบบไม่คิดก็ไม่คิดจริงๆ ผมไม่สนใจใคร แม้จะมานั่งคิดทีหลัง แต่ผมก็ไม่คิดจะไปแก้ไขมัน เพราะตอนนั้นเรารู้สึกแบบนั้นจริงๆ  ::044::
~ฮีUโปฟัuxaoxน้ๅโJ™~
โพสต์: 1653
ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ ก.ย. 10, 2007 9:22 pm
ที่อยู่: ไม่ใกล้ไม่ใกล้จากวัดอัสสัม-0-

อาทิตย์ ต.ค. 11, 2009 7:21 pm

อยากได้บทความแบบนี้มานานแย้วค๊าบบบบT^T

ของคุงเฮียปอป๊ออย่างยิ่งยวดดดดดดดดดดดดดดดดดดด
sinner
โพสต์: 2246
ลงทะเบียนเมื่อ: อาทิตย์ มี.ค. 08, 2009 1:24 pm

อาทิตย์ ต.ค. 11, 2009 8:38 pm

โดนเต็มๆ เรื่องนี้ : xemo023 :

แต่ไม่ได้ว่าใครหรอกนะ  จะเป็นเรื่องที่เป็นคนที่พูดจาตรงไปตรงมา

ไม่ได้ตั้งใจจะทำร้ายใคร  แต่บางทีก็ไปกระทบความรู้สึกคนอื่น

หรือบางทีพูดเล่น แต่ไปโดนจุดเค้า  ก็จะรู้สึกไม่ดีกับตัวเอง

ถ้าข้าพเจ้าทำใครเสียใจก็ขอโทษด้วยนะเจ้าคะ : xemo023 : ::040::
แก้ไขล่าสุดโดย sinner เมื่อ จันทร์ ต.ค. 12, 2009 10:15 am, แก้ไขไปแล้ว 1 ครั้ง.
Buddy
โพสต์: 3057
ลงทะเบียนเมื่อ: พุธ มี.ค. 09, 2005 10:48 am
ที่อยู่: USA

อาทิตย์ ต.ค. 11, 2009 9:10 pm

ขอบคุณมากๆค่ะพี่ปอ  : emo045 :
ภาพประจำตัวสมาชิก
Nihil
~@
โพสต์: 1763
ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ ม.ค. 17, 2005 4:36 pm
ที่อยู่: Pax
ติดต่อ:

จันทร์ ต.ค. 12, 2009 4:07 pm

ขอบคุณครับ บทความแบบนี้เนื้อหาน่าสนใจมากมาย ขอเอาไปเผยแพร่ต่อเช่นเคยนะครับ  : emo045 :
Holy Bible
โพสต์: 690
ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ มี.ค. 09, 2009 12:00 pm

จันทร์ ต.ค. 12, 2009 6:10 pm

ขอบคุณครับ
ตอบกลับโพส