พระแท่นไม่ใช่โต๊ะวางของ
พระแท่นในโบสถ์ ถือเป็นจุดศูนย์กลางของพิธีบูชาขอบพระคุณ พระแท่นนี้ หมายถึงพระเยซูคริสตเจ้า ดังนั้นพระแท่นจึงมิใช่เฟอร์นิเจอร์ประดับโบสถ์ที่จะนำอะไรมาวางไว้ก็ได้ ดังนั้นสิ่งที่จะอยู่บนพระแท่นได้นอกจากผ้าปูพระแท่น คือ แผ่นปังและเหล้าองุ่นที่จะเปลี่ยนเป็นพระกายและพระโลหิตของพระคริสตเจ้า ส่วนหนังสือพระคัมภีร์นั้นจะต้องวางไว้ที่อ่านบทอ่าน ซึ่งถือเป็นโต๊ะพระวาจา และพระแท่นก็คือโต๊ะศีลมหาสนิท ส่วนหนังสือบทประจำมิสซานั้น ก็ต้องไม่วางบนพระแท่น เพราะพระแท่นไม่ใช่ที่วางหนังสือ ดังนั้นบางวัดที่ทำถูกต้อง จะมีเด็กช่วยพิธีกรรมถือหนังสือบทประจำมิสซานี้ให้พระสงฆ์ผู้เป็นประธานอ่าน โดยยืนห่างออกมาจากพระแท่น ส่วนเทียนและดอกไม้ก็ไม่ควรวางไว้บนพระแท่นด้วย เพราะถือเป็นการไม่ให้เกียรติต่อพระเยซูเจ้า ควรจะวางสองสิ่งนี้ด้วยวิธีอื่นที่เหมาะสม เช่นบนขาตั้งที่ทำแยกออกมาต่างหากจากพระแท่น
ท่านคิดว่าสิ่งที่ผมนำเสนอนี้ถูกต้องหรือไม่ เพราะเป็นแนวคิดที่กำลังถูกผลักดันอยู่ในพระศาสนจักร
- ~@Little lamb@~
- Defender of lawS
- โพสต์: 9396
- ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ ม.ค. 17, 2005 3:00 pm
- ติดต่อ:
ตาเพชรจะผลักดันเอง หรือว่า มีเป็นกลุ่มผลักดันเหรอ??
เรื่องพระแท่นไม่ใช่โต๊ะวางของ เราก็เห็นด้วย
แต่เรื่องเทียน เรื่องดอกไม้
เราว่าก็สวยดี เวลาวันไหนไม่มี เราดก็ว่ามันดูโล่งๆอ่ะนะ
เราว่าการแต่งดอกไม้ แต่งเทียน
มันทำให้พระแท่นดูสวย ดูสง่า นะ
เรื่องเทียน...
ถ้าเรามองว่าไฟเป็นสัญลักษณ์ ก็ไม่แปลกถ้าจะวางบนพระแท่นนะ
ไฟเป็นสัญลักษณ์ ของพระจิตก็ได้ เป็นสัญลักษณ์ถึงความรักของพระเยซูก็ได้
เป็นไฟที่จะชำระจิตใจก็ได้
ดังนั้น...เราก็ไม่คิดว่าจะเลวร้ายถึงขนาดนั้น ถ้าจะมีเทียนวางอยู่นะ
ไม่รู้สิ....
เราว่าถ้ามองในแง่ประดับให้ดูสง่า ดูสวย ก็น่าจะโอเค
เรื่องพระแท่นไม่ใช่โต๊ะวางของ เราก็เห็นด้วย
แต่เรื่องเทียน เรื่องดอกไม้
เราว่าก็สวยดี เวลาวันไหนไม่มี เราดก็ว่ามันดูโล่งๆอ่ะนะ
เราว่าการแต่งดอกไม้ แต่งเทียน
มันทำให้พระแท่นดูสวย ดูสง่า นะ
เรื่องเทียน...
ถ้าเรามองว่าไฟเป็นสัญลักษณ์ ก็ไม่แปลกถ้าจะวางบนพระแท่นนะ
ไฟเป็นสัญลักษณ์ ของพระจิตก็ได้ เป็นสัญลักษณ์ถึงความรักของพระเยซูก็ได้
เป็นไฟที่จะชำระจิตใจก็ได้
ดังนั้น...เราก็ไม่คิดว่าจะเลวร้ายถึงขนาดนั้น ถ้าจะมีเทียนวางอยู่นะ
ไม่รู้สิ....
เราว่าถ้ามองในแง่ประดับให้ดูสง่า ดูสวย ก็น่าจะโอเค
สวัสดีครับคุณคุณAndreas
ที่คุณตอบพระแท่นเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์ถูกต้อง แต่ที่จริงแล้วคุณรู้ไหมพระแท่นนั้นคืออะไร เท่าที่ผมเคยถามคุณพ่อมา คุณพ่อบอกว่าพระแท่นคื่อที่ฆ่าสัตว์ หรือฆ่าแกะบูชา นะครับ แล้วแกะตัวนั้นก็คือพระเยซูคริสต์ แล้วเลือดแกะก็หมายถึงพระโลหิตพระคริสต์นะครับ(ลนต. 17 : 11) เป็นประเพณีดังเดิมของยิง ที่สมัยก่อนเขาใช้แกะจริงๆ มาฆ่าบูชากันละครับอ่านเอาในพระคัมภีร์เลวีนิติได้
เวลาที่พระสงฆ์ถวายศีลจะร้อง "นี่คือลูกแกะพระเจ้า" อันนี่คือการถวายพระเยซูแหละ ศีลมหาสนิทก็คือเนือแกะ และเหล้าองุ่นก็คือเลือดแกะหรือเลือดของพระเยซูนั้นเอง
และการถวายบูชานี่ก็มีมานานแล้วครับตั้งแต่ตั้งแต่กาอินกับอาเบลบุตร์ชายของอาดัมและเอวา(ปฐก. 4 : 2 - 5) มนุษย์คู่แรกแนะ สมัยของโนอาห์ สมัยของอับบราฮัม สมัยของโมแสส และเป็นประเพณีที่ชาวเลวีเชื่อสายของโมแสสทำตกทอดมา จนถึง ลูกแกะตัวจริงคือพระเยซู พระคัมภีร์ฮิบบู เขียนความหมายเกียวกับเรื่องนี่เหมือนกันลองอ่านดู(เขียนถึงพระคริสต์กับพิธีของชาวยิวไม่ได้ตอบเกียวกับคาทอลิกตรงๆ นะครับ)
เมื่อเป็นที่ฆ่าสัตว์เราก็ไม่จำเป็นต้องพิธีมากถึงขนาดวางอะไรไม่ได้เลย สมัยของ อาเบลกับสมัยของอับบราฮัมเขาก็ใช้ก่อนหินวางๆ ทับๆ กัน แล้วเอาแกะวาง
แต่ในใจผมว่าการที่เราวางของที่ไม่จำเป็นบนพระแท่นถือว่าไม่บังควร แต่การวางเทียงหรือดอกไม้ รวมทั้งไม้กางเขนน่าจะจำเป็นเพราะทำให้พระแท่นสวยงาม และถวายเกียรติแก่พระเจ้าด้วย อันนี่ผมใจเดียวกันน้อง~@Little lamb@~ เผอิญจริงๆ
My love be wirh you all in Christ Jesus.
ที่คุณตอบพระแท่นเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์ถูกต้อง แต่ที่จริงแล้วคุณรู้ไหมพระแท่นนั้นคืออะไร เท่าที่ผมเคยถามคุณพ่อมา คุณพ่อบอกว่าพระแท่นคื่อที่ฆ่าสัตว์ หรือฆ่าแกะบูชา นะครับ แล้วแกะตัวนั้นก็คือพระเยซูคริสต์ แล้วเลือดแกะก็หมายถึงพระโลหิตพระคริสต์นะครับ(ลนต. 17 : 11) เป็นประเพณีดังเดิมของยิง ที่สมัยก่อนเขาใช้แกะจริงๆ มาฆ่าบูชากันละครับอ่านเอาในพระคัมภีร์เลวีนิติได้
เวลาที่พระสงฆ์ถวายศีลจะร้อง "นี่คือลูกแกะพระเจ้า" อันนี่คือการถวายพระเยซูแหละ ศีลมหาสนิทก็คือเนือแกะ และเหล้าองุ่นก็คือเลือดแกะหรือเลือดของพระเยซูนั้นเอง
และการถวายบูชานี่ก็มีมานานแล้วครับตั้งแต่ตั้งแต่กาอินกับอาเบลบุตร์ชายของอาดัมและเอวา(ปฐก. 4 : 2 - 5) มนุษย์คู่แรกแนะ สมัยของโนอาห์ สมัยของอับบราฮัม สมัยของโมแสส และเป็นประเพณีที่ชาวเลวีเชื่อสายของโมแสสทำตกทอดมา จนถึง ลูกแกะตัวจริงคือพระเยซู พระคัมภีร์ฮิบบู เขียนความหมายเกียวกับเรื่องนี่เหมือนกันลองอ่านดู(เขียนถึงพระคริสต์กับพิธีของชาวยิวไม่ได้ตอบเกียวกับคาทอลิกตรงๆ นะครับ)
เมื่อเป็นที่ฆ่าสัตว์เราก็ไม่จำเป็นต้องพิธีมากถึงขนาดวางอะไรไม่ได้เลย สมัยของ อาเบลกับสมัยของอับบราฮัมเขาก็ใช้ก่อนหินวางๆ ทับๆ กัน แล้วเอาแกะวาง
แต่ในใจผมว่าการที่เราวางของที่ไม่จำเป็นบนพระแท่นถือว่าไม่บังควร แต่การวางเทียงหรือดอกไม้ รวมทั้งไม้กางเขนน่าจะจำเป็นเพราะทำให้พระแท่นสวยงาม และถวายเกียรติแก่พระเจ้าด้วย อันนี่ผมใจเดียวกันน้อง~@Little lamb@~ เผอิญจริงๆ
My love be wirh you all in Christ Jesus.
แก้ไขล่าสุดโดย Joseph เมื่อ จันทร์ มิ.ย. 20, 2005 12:32 am, แก้ไขไปแล้ว 1 ครั้ง.
แล้วถ้าเป็นมิสซาเล็ก ไม่มีเด็กช่วยมิสซาจะให้พ่อทำอย่างไรครับ เด็กช่วยมิสซาสมัยนี้ก็หายากด้วยนะครับพ่อต้องทำเองทั้งหมด ผมเห็นด้วยกับคุณโจเซฟและคุณแอลๆครับ แต่อยากเสริมว่าพิธีกรรมต่างๆก็มักมีการปรับเปลี่ยนไปตามยุคตามสมัยครับ อย่างมิสซาเที่ยงคืน สมัยก่อนตอนผมเด็กๆก็เที่ยงคืนเป๋ง สมัยนี้เปลี่ยนเป็นทุ่ม สองทุ่ม เป็นต้น การปรับตัวตามความเหมาะสมของยุคสมัยเป็นกลไกในการอยู่รอดครับ
ผมไม่ผลักดันหรอกครับ ก็เอามาแบ่งปันความเป็นไปในด้านพิธีกรรม พอดีผมก็ทำงานตรงนี้แล้ว แนวคิดนี้คุณพ่อ ทัศไนย์ คมกฤส เป็นคนนำเสนอครับ เพราะบางทีคุณพ่อบางคนทำสารพัดบนพระแท่นเช่น ใช้เป็นที่ลงชื่อหนังสือทะเบียบของวัดพิธีล้างบาป พิธีแต่งงาน
พระแท่นนี้นอกจากจะเป็นที่ถวายบูชาแล้ว ยังหมายถึงองค์พระเยซูเจ้า เพราะพระองค์ทรงเป็นศิลาทรงชีวิต ดังนั้น พระแท่นส่วนมากจึงทำจากหิน ดังนั้นพระแท่นจึงมีความศักดิ์สิทธิ์มาก เราต้องให้ความเคารพ ผมเคยได้ยินเรื่องเล่ามาว่า มีวัดแห่งหนึ่งให้คนงานมาซ่อมอะไรในวัดไม่รู้ เขาเป็นคนพุทธ ด้วยความที่เขาไม่รู้ว่าพระแท่นนี้เป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์ เขาคิดว่าเป็นแค่โต๊ะตัวหนึ่ง เขาเลยปีนขึ้นไปเหยียบบนพระแท่นเพื่อจะไปทำอะไรสักอย่าง ปรากฏว่า เกิดอัศจรรย์ คนนั้นมีอาการเจ็บปวดขามาก อย่างไม่เคยเป็นมาก่อน เมื่อมีคนรู้ว่าเขาไปเหยียบพระแท่น จึงได้แนะนำให้เขามาขอขมาต่อพระแท่น อาการเจ็บปวดนั้นจึงหาย
พระแท่นนี้นอกจากจะเป็นที่ถวายบูชาแล้ว ยังหมายถึงองค์พระเยซูเจ้า เพราะพระองค์ทรงเป็นศิลาทรงชีวิต ดังนั้น พระแท่นส่วนมากจึงทำจากหิน ดังนั้นพระแท่นจึงมีความศักดิ์สิทธิ์มาก เราต้องให้ความเคารพ ผมเคยได้ยินเรื่องเล่ามาว่า มีวัดแห่งหนึ่งให้คนงานมาซ่อมอะไรในวัดไม่รู้ เขาเป็นคนพุทธ ด้วยความที่เขาไม่รู้ว่าพระแท่นนี้เป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์ เขาคิดว่าเป็นแค่โต๊ะตัวหนึ่ง เขาเลยปีนขึ้นไปเหยียบบนพระแท่นเพื่อจะไปทำอะไรสักอย่าง ปรากฏว่า เกิดอัศจรรย์ คนนั้นมีอาการเจ็บปวดขามาก อย่างไม่เคยเป็นมาก่อน เมื่อมีคนรู้ว่าเขาไปเหยียบพระแท่น จึงได้แนะนำให้เขามาขอขมาต่อพระแท่น อาการเจ็บปวดนั้นจึงหาย
ถ้าการกระทำดังกล่าวถ้าไม่รู้ก็ไม่ผิดถ้าเขาสำนึกผิดได้ก็ควรขอโทษพระไม่งั้นก็ไม่ควรให้อภัยเพราะพระเจ้าคือผู้สูงสุดไม่ควรลบหลู่
-
- ~@
- โพสต์: 8259
- ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ ม.ค. 17, 2005 9:56 pm
- ที่อยู่: Bangkok
ปกติ จะเป็น ผู้ช่วยมิสซา ต้องมีคุณสมบัติอย่างไรบ้างคับ :D
-
- ~@
- โพสต์: 2546
- ลงทะเบียนเมื่อ: อังคาร ม.ค. 18, 2005 10:54 pm
ดังนั้นเมื่อเราไปโบสถ์เราควรภาวนาว่า *ข้าแต่พระเป็นเจ้าลูกถวายดวงใจและชีวิตลูกสู่พระแท่น แด่พระองค์*
เห็นด้วยครับ ผมเคยอยู่โรงเรียนคาทอลิกนะครับ ไม่ค่อยให้ความเคารพพระแท่นเท่าไหร่ เอาโตะมาใช้แทน พอเลิกมิสซาเด็กก็ขึ้นไปนั่งบ้างเหยียบบ้าง ไม่ได้เก็บรักษาไว้ให้ดี ไม่เหมือนมิสซาในวัดที่มีพระแท่นที่ศักดิ์สิทธิ์ น่าเคารพ โรงเรียนไหนอ่านและทำอย่างนี้ก็เปลี่ยนแปลงด้วยนะครับ
พูดถึงนำโต๊ะมาทำเป็นพระแท่น ซึ่งไม่ใช้พระแท่นจริงๆ อันนี่ก็น่าสนใจ แล้วเขาจะเรียกว่าอะไรเนีย จะเรียกว่าพระแท่นหรือจะเรียกว่าโต๊ะ แล้วมันจะศักดิ์สิทธิ์เหมือนกันหรือเปล่า น่าสนใจผมเองก็อยากรู้เหมือนกัน
ด้วยรักในพระคริสต์
ด้วยรักในพระคริสต์
แก้ไขล่าสุดโดย Joseph เมื่อ พฤหัสฯ. มิ.ย. 30, 2005 9:53 pm, แก้ไขไปแล้ว 1 ครั้ง.
เอ! เคยได้ยินว่าพระแท่นทำมิสซาเปรียบเหมือนฝาหีบพระศพของพระเยซูเจ้าใช่หรือเปล่าคะ ???
อันนี่ก็เคยถามพ่อประวิทย์ พ่อก็เคยบอกว่า เป็นทั้งที่ฆ่าสัตว์บูชายัญ เป็นทั้งหีบพระศพของพระเยซู
ข้อความข้างล่างนี่คัดจากหนังสือมิสซาวันอาทิตย์(ฉบับพกพา)
คณะกรรมการพิธีกรรมแห่งประเทศไทย 1994
ด้วยรักในองค์พระเยซูคริสตเจ้า
ข้อความข้างล่างนี่คัดจากหนังสือมิสซาวันอาทิตย์(ฉบับพกพา)
(หน้า3)"มิสซา จริงๆ แล้ว เป็นรูปแบบของการถวายบูชายัญบนภูเขากัลวารีโอ เครื่องบูชาก็คือ องค์พระคริสตเจ้า ซึ่งเป็นเครื่องบูชาเดียวกับบูชามิสซา เพียงแต่รูปแบบของการถวายบูชาเท่านั้นที่เปลี่ยนไป บูชาบนภูเขากัลวารีโอ พระพระเยซูเจ้าทรงหลั่งพระโรหิตอันแท้จริง ในบูชามิสซา พระองค์ได้ทรงถวายพระองค์เองแด่พระบิดาเจ้าสวรรค์ของพระองค์ในรูปแบบที่ไม่มีโลหิต แต่เป็นธรรมล้ำลึกที่ไม่อาจเข้าใจได้"
(หน้า2)"เพราะว่า ถ้าหากว่าเลือดแพะและเลือดวัว และการโปรยเถ้าของลูกวัวสาวยังทำให้ผู้กระทำผิดได้กลับเป็นผู้บริสุทธิ์ แล้วพระโรหิตของพระเยซูเจ้า ผู้ซึ่งโดยพระประสงค์แต่นิรันดร ที่จะถวายพระองค์เองผู้ไม่มีมลทินแด่พระเป็นเจ้า จะสามารถชำระจิตใจของเรา การงานที่ไม่มีคุณค่า เพื่อเป็นการคารวะแด่พระเป็นเจ้าสักเพียงไร" (ฮบ.9:13-14)
คณะกรรมการพิธีกรรมแห่งประเทศไทย 1994
ด้วยรักในองค์พระเยซูคริสตเจ้า
แก้ไขล่าสุดโดย Joseph เมื่อ อาทิตย์ ก.ค. 03, 2005 1:12 am, แก้ไขไปแล้ว 1 ครั้ง.