บาดแผล ที่ชายได้รับจากการทำแท้ง

ถาม-ตอบพระคัมภีร์ เรื่องเสริมศรัทธา ความรู้ และสาระ บทความ ในคริสตศาสนา
ตอบกลับโพส
ภาพประจำตัวสมาชิก
Nihil
~@
โพสต์: 1763
ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ ม.ค. 17, 2005 4:36 pm
ที่อยู่: Pax
ติดต่อ:

พุธ ต.ค. 28, 2009 9:56 pm

ภาพประจำตัวสมาชิก
Nihil
~@
โพสต์: 1763
ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ ม.ค. 17, 2005 4:36 pm
ที่อยู่: Pax
ติดต่อ:

พุธ ต.ค. 28, 2009 9:56 pm

ผลการวิจัย ทำให้เราเห็นอะไรบ้าง ?

แม้จะมีสิ่งที่เรายังไม่รู้อีกมาก เกี่ยวกับฝ่ายชายและการทำแท้ง แต่ก็มีผลการศึกษา 28 ผลงานที่เป็นข้อมูลเกี่ยวกับผลกระทบต่อฝ่ายชายจากการทำแท้ง หนึ่งในผลงานนั้นพบว่า ฝ่ายชายมีความรู้สึกเอ่อล้น รู้สึกจิตใจถูกรบกวนตลอดเวลา ภายหลังผ่านประสบการณ์การทำแท้งมา (Shostak & MCLouth, 1984)  ผลการวิจัยยังแสดงอีกด้วยว่า ฝ่ายชายยังจะรู้สึกอึดอัดในการแสดงอารมณ์ออกมาอีกด้วย ขณะที่บางส่วนกลายเป็นคนเก็บตัวไม่สุงสิงกับใคร หรือกลายเป็นคนมองโลกในแง่ร้าย เป็นศัตรูกับคนรอบข้างไปเลย


จากผลวิจัยว่าการทำแท้งส่งผลอย่างไรต่อความสัมพันธ์บ้างของ Coleman, Rue & Spence (2007a)  ได้สรุปรายงานออกมาว่า

(1) ฝ่ายชายมักจะควบคุมอารมณ์ พยายามเก็บกด ไม่แสดงออกซึ่งความรู้สึกเศร้าเสียใจ หรือ ความรู้สึกเจ็บปวดทางอารมณ์ และเก็บตัวอยู่คนเดียวเสียมากกว่า
(2) ฝ่ายชายมักจะรับบทเป็นผู้ปลอบประโลมฝ่ายหญิง แม้ว่าตอนแรกตนจะเป็นฝ่ายคัดค้านการทำแท้งก็ตาม
(3) ฝ่ายชายมักจะประสบปัญหาซึมเศร้าหลังการทำแท้งนานกว่าฝ่ายหญิง
(4) ฝ่ายชายเสี่ยงที่จะประสบสภาวะซึมเศร้าแบบเรื้อรังมากกว่า



จากหลักฐานที่ชัดเจนที่สุด ชี้ชัดให้เราเห็นว่า 10-30% ของฝ่ายหญิงที่เคยผ่านการทำแท้งมา มักประสบปัญหาทางสุขภาพจิตเป็นเวลานาน อาการดังกล่าวได้แก่ ความรู้สึกผิด ความเป็นกังวล การซึมเศร้า ปัญหานอนไม่หลับ ปัญหาเรื่องความสัมพันธ์กับผู้อื่น และมีปัญหาความเครียดจากบาดแผลในจิตใจ ซ้ำยังเสี่ยงที่จะนำไปสู่การฆ่าตัวตายได้ด้วย ส่วนฝ่ายชายก็มีการตอบสนองต่อคู่ชีวิตในสภาวะที่ใกล้เคียงกัน และนำไปสู่ปัญหาในการครองคู่หลังจากนั้นด้วย  (Coyle, 2007)


บาดแผลทางจิตใจหลังการทำแท้งในฝ่ายชาย มักจะถูกละเลย เพราะเพศชายมีแนวโน้มที่จะหลีกหนีการเปิดเผยตัวเอง หรือความอ่อนแอในตัวเองออกมา จากงานวิจัยพบว่ามีชาย 4 ใน 10 คน ประสบปัญหา ความผิดปกติจากความเครียดหลังประสบบาดแผลทางจิตใจ (Post Traumatic Stress Disorder – PTSD) อาการดังกล่าวส่งผล 15 ปีโดยเฉลี่ย หลังประสบความเครียดหลังการทำแท้งมา
ผลการสำรวจยังพบอีกว่า 88% รู้สึกเศร้าโศกเสียใจ 82% รู้สึกผิด 77% รู้สึกเดือดดาล 64% เป็นวิตกจริต 63% เป็นคนเก็บเนื้อเก็บตัว 31% เป็นพวกไร้สมรรถภาพ และ 40% มีปัญหาทางเพศ



ไม่ว่าปัจจัยที่ทำให้เกิดการทำแท้งจะเป็นเช่นไร หลังประสบการณ์การทำแท้งที่ทั้งคู่ผ่านประสบมา ฝ่ายชายจะรู้สึกทุกข์ระทม หากแต่มักจะเก็บและปฏิเสธความรู้สึกสูญเสียนั้นไว้ภายใน มากกว่าจะเปิดเผยหรือแสดงมันออกมา (Coyle, 2007) และจากกรอบวัฒนธรรมที่เรายึดถือกันมา ผู้ชายถูกสอนไม่ให้แสดงความอ่อนแอ หรือแสดงอารมณ์เศร้าโศกออกมาให้ใครเห็นง่ายๆ หากจะแสดงออกมาต้องแสดงออกมาในแบบผู้ชาย เช่น เดือดดาล ก้าวร้าว นิ่งเงียบ หรือ เย็นชา  ด้วยเหตุนี้เมื่อฝ่ายชายประสบบาดแผลทางจิตใจจากการทำแท้ง ฝ่ายชายจะจัดการกับความรู้สึกนั้นในแบบส่วนตัว ที่ไม่ใช่ในการขอความช่วยเหลือ หาคำปลอบประโลมจากบุคคลอื่น


ผลการวิจัยยังบอกเราอีกด้วยว่า ความรู้สึกสูญเสีย “เด็กที่ยังไม่ได้เกิด” ไป ของฝ่ายชาย นั้นรุนแรงไม่ยิ่งหย่อนและอาจมากกว่าฝ่ายหญิงเสียด้วยซ้ำ (Coleman & Nelson, 1998; Kero & Lalos, 2000; and Lauzon et al., 2000; Mattinson, 1985) ฝ่ายชายจะมีความทุกข์มากกว่า เมื่อฝ่ายหญิงที่ตั้งท้องต้องเสียเด็กในครรภ์ไป โดยเฉพาะความสิ้นหวัง อันเป็นสาเหตุหนึ่งที่นำไปสู่สภาวะซึมเศร้าเรื้อรัง (Stinson et al., 1992)  มันชัดเจนว่าฝ่ายชายเป็นฝ่ายที่ยึดมั่นถือมั่น และยึดติดกับสิ่งต่างๆ มากกว่าอย่างที่อาจเห็นได้



ความเสี่ยงต่อความเป็นชาย และ ความสัมพันธ์

จากข้อมูลของ Morabito (1991) การทำแท้งอาจเป็นการส่งเสริมเรื่องเพศให้กับฝ่ายหญิง ในสถานการณ์นี้ ฝ่ายชายจะมองการตั้งท้องของฝ่ายหญิงในฐานะ “สิ่งที่สามารถแก้ไขได้อย่างรวดเร็วด้วยการทำแท้ง”   และสำหรับฝ่ายชายบางคน การทำแท้งคือการปัดสวะความรับผิดชอบที่เป็นภาระให้สิ้นไป   แต่กระนั้นก็ดี การรับรู้ถึง “ความตาย” ผ่านการทำแท้ง จะก่อให้เกิดบาดแผลทางจิตใจ จากความรู้สึกสูญเสียอันจะก่อให้เกิด “ความเจ็บปวดเงียบ” ซ่อนเร้นแฝงอยู่  และอาจส่งผลต่อความเจ็บปวดทางจิต ความวิตกกังวล และความรู้สึกอึดอัดที่ต้องการใครซะคนมาชี้นำทาง   ขณะที่บางคนลงเอยด้วยความเป็นคนโมโหร้ายก้าวร้าว และสามารถออกอาการได้เมื่อความสัมพันธ์ในภายภาคหน้า เป็นไกจุดชนวนบาดแผลในอดีตนี้ขึ้นมา ความรู้สึกต้องการปิดบัง ใส่หน้ากาก ปฏิเสธปิดบังความรู้สึกเหล่านั้น ทำให้คนๆ นั้นลงเอยด้วยการปลีกตัว “ลี้ภัย” หลีกหนีจากชีวิต ความรัก และ การเยียวยา



เมื่อชายและหญิงผ่านประสบการณ์การทำแท้งมาร่วมกัน สิ่งเหล่านี้แนวโน้มว่าจะเกิดขึ้นตามมา

1. ทั้งคู่เกิดการห่างเหินกัน  ความสนิทสนมใกล้ชิดอันเป็นหัวใจหลักในการประคับประคองชีวิตคู่ให้รอด ลดลงอย่างเห็นได้ชัด
2. มีพฤติกรรมการสื่อสารที่ ปิด มากขึ้น
3. การพัฒนาความเข้าใจทางการสื่อสารระหว่างคู่ครองลดลง ความเชื่อใจกันถูกกัดกร่อนลง และมีแนวโน้มจะปิดตัวจากกัน
4. สูญเสียความรู้สึกผูกพันกับพระเจ้า และคู่ชีวิต จากความรู้สึกผิด ความละอาย และความเปล่าเปลี่ยว



เมื่อฝ่ายชายรู้สึกมีอาการหนักอกหนักใจที่ไม่อาจเปิดเผย หรือแชร์ร่วมกับคู่ครองของตนได้ ฝ่ายชายอาจถูกนำไปสู่ “สภาวะชายวิตกจริต”  หรือความสำเหนียกคิดว่าโลกนี้ไม่ได้ใส่ใจความรู้สึกของตนเลย เมื่อโลกทำเช่นนี้กับตน ตนก็จะเสแสร้งทำเป็นเสมือนว่ามันไม่เคยเกิดขึ้นมา (Martin, 207)  ดังนั้นความรู้สึกในแง่ลบใดๆ ที่ผุดขึ้นมาจากเหตุของการทำแท้ง ตนจะถือว่ามันเป็นความรับผิดชอบที่ต้องตกกับฝ่ายหญิง ไม่ใช่ตน


ความจริงที่น่าเศร้าเกี่ยวกับเรื่องการทำแท้งคือ ยิ่งฝ่ายชายแคร์ ใส่ใจ และรักฝ่ายหญิงมากเสียใจไม่อยากทำอะไรให้เธอเสียใจ จนถึงขนาดที่ว่าไม่คัดค้านอะไรเมื่อฝ่ายหญิงต้องการที่จะทำแท้ง กลับกลายเป็นกระทำให้ทั้งสองฝ่ายเจ็บปวดมากที่สุด ซ้ำถ้อยคำที่ฝ่ายชายได้กล่าวในห้วงแห่งยามวิกฤตนี่แหละ เป็นตัวจุดชนวนทางความคิดว่าจะทำหรือไม่ทำแท้งได้ โดยไม่ได้สนใจถึงผลที่ตามมาหรือความรู้สึกที่จะเกิดขึ้นตามมาเลย โดยเพียงแคร์ความรู้สึกของคู่ชีวิต ณ ตอนนั้น และอยากเอาใจเธอ ให้เธอมีความสุข ด้วยเชื่อว่านั่นคือเครื่องหมายของการแสดงออกทางความรัก ซึ่งความจริงแล้วไม่ใช่เลย





บทสรุป

ไม่ว่าข้อกำหนดกฎหมายจะกล่าวไว้ว่าอย่างไรก็ตาม  การทำแท้งคือการหยิบยื่นความตายให้กับเพื่อนมนุษย์ด้วยกันอย่างแน่นอน และเป็นการเผชิญกับประสบการณ์แห่ง “ความตาย” อย่างจริงแท้ อันเป็นเหตุซึ่งจะนำไปสู่ ความรู้สึกผิด ความทุกขเวทนา ความละอายใจ และบาดแผลที่ฝังลึกในจิตใจ  การทำแท้งทิ้งรอยเท้าฝังลึกไว้ในจิตใจของผู้ชาย และทิ้งรอยไว้ในประวัติศาสตร์

บิดา เป็น บิดาไปตลอดกาล แม้บุตรธิดาของตนจะไม่ทันได้ลืมตาออกมาดูโลก ความเป็นบิดาก็ยังคงฝังรากลึกอยู่อย่างไม่เสื่อมคลาย  ผลที่ตามมาจากการทำแท้งหนีกันไม่พ้นระหว่าง ยอมรับความเป็นจริงที่เกิดขึ้น ประสบรับความทุกขระทม ความรู้สึกผิด ความรู้สึกสูญเสีย  และแสวงหาการอภัย    หรืออีกทางเลือกหนึ่ง คือปฏิเสธความจริงที่รับรู้อยู่ลึกๆ ภายใน และกลายเป็นคนที่เหมือนมีรูโหว่ ชีวิตไม่ได้รับการเติมเต็มไปตลอด

โดยไม่ต้องคำนึงถึงบัญญัติกฎหมายที่มี ชายและหญิง ร่วมกันทำให้เกิดการ “ตั้งท้อง” ขึ้นมา เมื่อทั้งสองเป็นผู้ร่วมกันสร้างบุตรธิดาของตนขึ้นมาร่วมกัน ทั้งสองก็ต้องใช้ชีวิตหลังจากนั้นร่วมกัน ไม่ว่าทั้งสองจะเลือก “ทางเลือก” ใดก็ตาม




http://www.usccb.org/prolife/programs/rlp/rue.pdf
แก้ไขล่าสุดโดย Holy เมื่อ พฤหัสฯ. ต.ค. 29, 2009 10:08 pm, แก้ไขไปแล้ว 1 ครั้ง.
Buddy
โพสต์: 3057
ลงทะเบียนเมื่อ: พุธ มี.ค. 09, 2005 10:48 am
ที่อยู่: USA

ศุกร์ ต.ค. 30, 2009 4:02 am

ขอบคุณมากค่ะ

ไม่ใช่แค่ผู้หญิงที่ได้รับผลกระทบจากการทำแท้ง ผู้ชายก็เหมือนกัน ...
ภาพประจำตัวสมาชิก
เจนจิรา
โพสต์: 1168
ลงทะเบียนเมื่อ: อาทิตย์ ธ.ค. 21, 2008 12:13 am

ศุกร์ ต.ค. 30, 2009 4:25 am

ไม่อยากมี ทำหมันไปเลยดี ใหม ค่ะ ไม่ต้องมากังวล ว่าจะมีเด็ก
Buddy
โพสต์: 3057
ลงทะเบียนเมื่อ: พุธ มี.ค. 09, 2005 10:48 am
ที่อยู่: USA

ศุกร์ ต.ค. 30, 2009 5:34 am

jacky เขียน: ไม่อยากมี ทำหมันไปเลยดี ใหม ค่ะ ไม่ต้องมากังวล ว่าจะมีเด็ก
คาทอลิก ทำหมันบาปน่ะค่ะ ไม่รู้ทางออร์ธอดอกซ์ว่ายังไงเหมือนกันค่ะ  : xemo017 :
ภาพประจำตัวสมาชิก
Ministry Of Men
โพสต์: 3972
ลงทะเบียนเมื่อ: พุธ เม.ย. 18, 2007 3:09 pm

ศุกร์ ต.ค. 30, 2009 7:22 am

ขอบคุณสำหรับบทความครับ ดีมากๆเลย

เพื่อนผม ทำแท้ง 2 รอบ กับผู้หญิง 2 คน เลิกมันทั้ง 2 คน แถมยังนิสัยเปลี่ยน เครียดภายในที่ไม่แสดงออก
สัญชาติญาณความเป็นพ่อ และแม่ ไม่ได้หายไป แม้ตัดตัวปัญหาไปได้อย่างง่ายดาย
jacky เขียน: ไม่อยากมี ทำหมันไปเลยดี ใหม ค่ะ ไม่ต้องมากังวล ว่าจะมีเด็ก
ไม่ดีครับ (condom ไม่ทำร้ายใคร)

**เซก ไม่สำคัญ ไปกว่า จิตวิญญาณ ความรัก และสายสัมพันธ์กับพระเจ้า** (แต่มันก็สำคัญ)


ขออนุญาติ เอาไปส่งให้เพื่อนอ่านาทางอีแมวนะครับ ::001::
แก้ไขล่าสุดโดย Ministry Of Men เมื่อ ศุกร์ ต.ค. 30, 2009 10:18 am, แก้ไขไปแล้ว 1 ครั้ง.
Holy Bible
โพสต์: 690
ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ มี.ค. 09, 2009 12:00 pm

ศุกร์ ต.ค. 30, 2009 7:35 am

พี่บอย เหมือนมาร์คเคยได้ยินว่าใช้ถุงยางก็บาปนะครับ เพราะเป็นการคุมกำเนิด
Holy Bible
โพสต์: 690
ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ มี.ค. 09, 2009 12:00 pm

ศุกร์ ต.ค. 30, 2009 7:36 am

แล้วถ้าพวกเขาทำตามบัญญัติของพระศาสนจักรที่ว่า"ห้ามมีอะไรกันก่อนที่จะแต่งงาน"ก็จะไม่มีปัญหาเหล่านี้ให้เห็น
Buddy
โพสต์: 3057
ลงทะเบียนเมื่อ: พุธ มี.ค. 09, 2005 10:48 am
ที่อยู่: USA

ศุกร์ ต.ค. 30, 2009 7:43 am

Holy Bible เขียน: พี่บอย เหมือนมาร์คเคยได้ยินว่าใช้ถุงยางก็บาปนะครับ เพราะเป็นการคุมกำเนิด
ทางคาทอลิกบาปจ้ะ แต่ไม่แน่ใจว่า ทางโปรมีความเห็นยังไง

ที่บาปก็เพราะมันลดศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์จ้ะ และก็ทำให้เรามีเพศสัมพันธ์ที่เห็นแก่ตัวด้วยจ้ะ

แต่คาทอลิกยอมรับการใช้ถุงยางเพื่อป้องกันโรคค่ะ  แต่ก็ต้องกับคู่สมรส เช่น ฝ่ายสามีหรือภรรยาอาจมีโรค เป็นต้น

อันนี้ตามที่เข้าใจนะคะ
Holy Bible เขียน: แล้วถ้าพวกเขาทำตามบัญญัติของพระศาสนจักรที่ว่า"ห้ามมีอะไรกันก่อนที่จะแต่งงาน"ก็จะไม่มีปัญหาเหล่านี้ให้เห็น
ไม่แน่จ้ะ บางคนก็ทำแท้งเพราะตรวจพบว่า ลูกที่เกิดมาจะพิการจ้ะ
Buddy
โพสต์: 3057
ลงทะเบียนเมื่อ: พุธ มี.ค. 09, 2005 10:48 am
ที่อยู่: USA

ศุกร์ ต.ค. 30, 2009 7:47 am

BOYZ เขียน: ขอบคุณสำหรับบทความครับ ดีมากๆเลย

เพื่อนผม ทำแท้ง 2 รอบ กับผู้หญิง 2 คน เลิกมันทั้ง 2 คน แถมยังนิสัยเปลี่ยน เครียดภายในที่ไม่แสดงออก
สัญชาติญาณความเป็นพ่อ และแม่ ไม่ได้หายไป แม้ตัดตัวปัญหาไปได้อย่างง่ายดาย
เป็นคำพยานที่ดีค่ะ  : emo045 :

เคยอ่านประสบการณ์ของคนที่ทำแท้งนะคะ เป็นคาทอลิกด้วย คนนี้พ่อแท้ๆของตัวเอง ออกเงินให้ไปทำ  : emo036 : ก็ไม่รู้จะมีบาดแผลกันขนาดไหน  : xemo031 :
ภาพประจำตัวสมาชิก
Ministry Of Men
โพสต์: 3972
ลงทะเบียนเมื่อ: พุธ เม.ย. 18, 2007 3:09 pm

ศุกร์ ต.ค. 30, 2009 7:47 am

การไม่มีอะไรก่อนแต่งนี่ดีที่สุดแล้ว : xemo026 : ถึงจะทำยากก็ตามที  : xemo017 :

ทางโปรฯ เหมือนคาทอลิกเลยครับผม
คือไม่สนับสนุนการมีอะไรกันก่อนแต่งงานอะครับ  : xemo026 :

อันนี้พอดีไปเจอมา
http://popeinafrica2009.blogspot.com/20 ... _5488.html
"ถุงยาง ไม่ใช่ทางออก..."  : xemo026 :
Buddy
โพสต์: 3057
ลงทะเบียนเมื่อ: พุธ มี.ค. 09, 2005 10:48 am
ที่อยู่: USA

ศุกร์ ต.ค. 30, 2009 8:45 am

BOYZ เขียน: การไม่มีอะไรก่อนแต่งนี่ดีที่สุดแล้ว : xemo026 : ถึงจะทำยากก็ตามที  : xemo017 :

ทางโปรฯ เหมือนคาทอลิกเลยครับผม
คือไม่สนับสนุนการมีอะไรกันก่อนแต่งงานอะครับ  : xemo026 :

อันนี้พอดีไปเจอมา
http://popeinafrica2009.blogspot.com/20 ... _5488.html
"ถุงยาง ไม่ใช่ทางออก..."   : xemo026 :

หมายถึงการใช้ถุงยางอนามัยน่ะค่ะ ทางโปรฯถือว่า บาปมั้ยคะ
ภาพประจำตัวสมาชิก
Ministry Of Men
โพสต์: 3972
ลงทะเบียนเมื่อ: พุธ เม.ย. 18, 2007 3:09 pm

ศุกร์ ต.ค. 30, 2009 9:25 am

Buddy เขียน:
BOYZ เขียน: การไม่มีอะไรก่อนแต่งนี่ดีที่สุดแล้ว : xemo026 : ถึงจะทำยากก็ตามที  : xemo017 :

ทางโปรฯ เหมือนคาทอลิกเลยครับผม
คือไม่สนับสนุนการมีอะไรกันก่อนแต่งงานอะครับ  : xemo026 :

อันนี้พอดีไปเจอมา
http://popeinafrica2009.blogspot.com/20 ... _5488.html
"ถุงยาง ไม่ใช่ทางออก..."  : xemo026 :

หมายถึงการใช้ถุงยางอนามัยน่ะค่ะ ทางโปรฯถือว่า บาปมั้ยคะ
สำหรับมาตรฐานทางโปรฯ ผมไม่แน่ใจนะครับ
แต่ส่วนตัวคิดว่า ทางคริสตจักร ไม่สนับสนุน เรื่องถุงยางอนามัย ไปใช้ในทางที่ผิด เซกก่อนแต่ง และการใช้กับภรรยาในทางบำบัดโลกีย์

รอผู้รู้รายต่อไป อิอิ
ภาพประจำตัวสมาชิก
เลย์
โพสต์: 1845
ลงทะเบียนเมื่อ: พุธ ส.ค. 05, 2009 12:27 am
ที่อยู่: ในอ้อมพระหัตถ์พระเป็นเจ้า
ติดต่อ:

ศุกร์ ต.ค. 30, 2009 9:34 am

บาปอุลามก เป็นบาปที่กัดกินเรามากที่สุด  : emo018 :
Buddy
โพสต์: 3057
ลงทะเบียนเมื่อ: พุธ มี.ค. 09, 2005 10:48 am
ที่อยู่: USA

ศุกร์ ต.ค. 30, 2009 10:06 pm

เลย์ เขียน: บาปอุลามก เป็นบาปที่กัดกินเรามากที่สุด  : emo018 :
กรณีน้องเลย์ ตอนแรกไม่บาปนะ เพราะเราไม่รู้ ถ้าไม่รู้คือไม่บาป แต่พอเราได้ไปกินผลไม้แห่งความรู้เข้าไป พอรู้ว่า นี่คือ บาป มันก็เลยบาปทันที  : emo045 :

ใช้เวลานิดนะคะ เดี๋ยวก็ปรับได้ แก้ไขได้ค่ะ  : emo045 :
ภาพประจำตัวสมาชิก
Ministry Of Men
โพสต์: 3972
ลงทะเบียนเมื่อ: พุธ เม.ย. 18, 2007 3:09 pm

ศุกร์ ต.ค. 30, 2009 11:13 pm

Buddy เขียน:
เลย์ เขียน: บาปอุลามก เป็นบาปที่กัดกินเรามากที่สุด  : emo018 :
กรณีน้องเลย์ ตอนแรกไม่บาปนะ เพราะเราไม่รู้ ถ้าไม่รู้คือไม่บาป แต่พอเราได้ไปกินผลไม้แห่งความรู้เข้าไป พอรู้ว่า นี่คือ บาป มันก็เลยบาปทันที  : emo045 :

ใช้เวลานิดนะคะ เดี๋ยวก็ปรับได้ แก้ไขได้ค่ะ  : emo045 :
มันเหมือน... ในการ์ตูน...
ฉันไม่รู้ว่าฉันไม่สวย พอฉันมีกระจกปั๊ป ฉันเลยรู้ว่าฉันไม่สวยเลย  : xemo016 :
Jesus loves You
โพสต์: 740
ลงทะเบียนเมื่อ: อาทิตย์ ก.ค. 12, 2009 11:36 pm

เสาร์ ต.ค. 31, 2009 1:39 am

BOYZ เขียน: การไม่มีอะไรก่อนแต่งนี่ดีที่สุดแล้ว : xemo026 : ถึงจะทำยากก็ตามที  : xemo017 :

ทางโปรฯ เหมือนคาทอลิกเลยครับผม
คือไม่สนับสนุนการมีอะไรกันก่อนแต่งงานอะครับ  : xemo026 :

อันนี้พอดีไปเจอมา
http://popeinafrica2009.blogspot.com/20 ... _5488.html
"ถุงยาง ไม่ใช่ทางออก..."   : xemo026 :


ใช่เลยครับ
sinner
โพสต์: 2246
ลงทะเบียนเมื่อ: อาทิตย์ มี.ค. 08, 2009 1:24 pm

เสาร์ ต.ค. 31, 2009 9:06 am

เห็นพ่อบอกว่าการมีส่วนในการทำแท้ง ทุกอย่างเป็นบาปค่ะ

การแนะนำให้เค้าทำแท้ง การพาไป การให้ยืมเงินเพื่อไปทำแท้ง หมอ พยาบาลที่ทำแท้ง

และเป็นบาปสงวน ต้องแก้บาปกับพระสังฆราชเท่านั้นค่ะ ::041::
Alphonse
โพสต์: 1792
ลงทะเบียนเมื่อ: พุธ ส.ค. 23, 2006 10:45 pm
ที่อยู่: Thailand

เสาร์ ต.ค. 31, 2009 11:28 am

คณะำพระมหาไถ่ ได้รับเอกสิทธิ์อภัยบาปสงวนนี้ได้หรือเปล่าครับ (ในฐานะมิชชันนารี)


ส่วนเรื่องบาปทำแท้งนี้ จากประสบการณ์ สัญชาตญาณเพศผู้ ก็มีความเป็นพ่อรุนแรงเหมือนกันครับ ผมว่าไม่น้อยไปกว่าฝ่ายหญิงหรอก
โดยเฉพาะปกติการทำแท้งมักจะเป็นลูกคนแรก ซึ่งไม่รู้ดิฮะ ผู้ชายจะ่ค่อนข้างให้ความสำคัญกับลูกคนแรกมากๆ อาจจะมาจากอิทธิพลทางสังคม
ผู้ชายหลายๆ คนหงอยมากกว่าผู้หญิง และดีใจที่จะได้เห็นหน้าเลือดเนื้อเชื้อไขของเขา มันเป็นความภูมิใจปลาบปลื้มปิติ
และเป็นเครื่องหมายของความเติบโต ภาระหน้าที่ บลาๆๆๆ (ในกรณีของวัยรุ่นน่ะนะ ผมว่างั้น)
(แต่ยุคนี้แปลกมากๆ กรณีที่ ๑ ที่ว่าฝ่ายชายไม่รู้ และ ๒ ฝ่ายชายคัดค้าน เกิดขึ้นเยอะมาก)
sinner
โพสต์: 2246
ลงทะเบียนเมื่อ: อาทิตย์ มี.ค. 08, 2009 1:24 pm

เสาร์ ต.ค. 31, 2009 11:31 am

Alphonse เขียน: คณะำพระมหาไถ่ ได้รับเอกสิทธิ์อภัยบาปสงวนนี้ได้หรือเปล่าครับ (ในฐานะมิชชันนารี)


ส่วนเรื่องบาปทำแท้งนี้ จากประสบการณ์ สัญชาตญาณเพศผู้ ก็มีความเป็นพ่อรุนแรงเหมือนกันครับ ผมว่าไม่น้อยไปกว่าฝ่ายหญิงหรอก
โดยเฉพาะปกติการทำแท้งมักจะเป็นลูกคนแรก ซึ่งไม่รู้ดิฮะ ผู้ชายจะ่ค่อนข้างให้ความสำคัญกับลูกคนแรกมากๆ อาจจะมาจากอิทธิพลทางสังคม
ผู้ชายหลายๆ คนหงอยมากกว่าผู้หญิง และดีใจที่จะได้เห็นหน้าเลือดเนื้อเชื้อไขของเขา มันเป็นความภูมิใจปลาบปลื้มปิติ
และเป็นเครื่องหมายของความเติบโต ภาระหน้าที่ บลาๆๆๆ (ในกรณีของวัยรุ่นน่ะนะ ผมว่างั้น)
(แต่ยุคนี้แปลกมากๆ กรณีที่ ๑ ที่ว่าฝ่ายชายไม่รู้ และ ๒ ฝ่ายชายคัดค้าน เกิดขึ้นเยอะมาก)
เอ เห็นวันก่อน ได้ยินพ่อบอกว่า คณะพระมหาไถ่ได้เอกสิทธิ์อถัยบาปสงวนด้วยนะคะ : xemo026 :
Alphonse
โพสต์: 1792
ลงทะเบียนเมื่อ: พุธ ส.ค. 23, 2006 10:45 pm
ที่อยู่: Thailand

เสาร์ ต.ค. 31, 2009 11:41 am

sinner เขียน:
Alphonse เขียน: คณะำพระมหาไถ่ ได้รับเอกสิทธิ์อภัยบาปสงวนนี้ได้หรือเปล่าครับ (ในฐานะมิชชันนารี)


ส่วนเรื่องบาปทำแท้งนี้ จากประสบการณ์ สัญชาตญาณเพศผู้ ก็มีความเป็นพ่อรุนแรงเหมือนกันครับ ผมว่าไม่น้อยไปกว่าฝ่ายหญิงหรอก
โดยเฉพาะปกติการทำแท้งมักจะเป็นลูกคนแรก ซึ่งไม่รู้ดิฮะ ผู้ชายจะ่ค่อนข้างให้ความสำคัญกับลูกคนแรกมากๆ อาจจะมาจากอิทธิพลทางสังคม
ผู้ชายหลายๆ คนหงอยมากกว่าผู้หญิง และดีใจที่จะได้เห็นหน้าเลือดเนื้อเชื้อไขของเขา มันเป็นความภูมิใจปลาบปลื้มปิติ
และเป็นเครื่องหมายของความเติบโต ภาระหน้าที่ บลาๆๆๆ (ในกรณีของวัยรุ่นน่ะนะ ผมว่างั้น)
(แต่ยุคนี้แปลกมากๆ กรณีที่ ๑ ที่ว่าฝ่ายชายไม่รู้ และ ๒ ฝ่ายชายคัดค้าน เกิดขึ้นเยอะมาก)
เอ เห็นวันก่อน ได้ยินพ่อบอกว่า คณะพระมหาไถ่ได้เอกสิทธิ์อถัยบาปสงวนด้วยนะคะ : xemo026 :
ก็แสดงว่าไม่ต้องรอวันแก้บาปใหญ่ (เช่นพรุ่งนี้) หรือไม่ต้องขอแก้บาปกับพระสังฆราช
แต่สามารถเข้าแก้บาปกับพ่อคณะพระมหาไถ่ได้ตลอดปีเลยใช่ป่ะฮะ ???
sinner
โพสต์: 2246
ลงทะเบียนเมื่อ: อาทิตย์ มี.ค. 08, 2009 1:24 pm

เสาร์ ต.ค. 31, 2009 12:11 pm

เอ อันนี้ไม่ทราบเหมือนกันค่ะ

ตกลงจะไปแก้บาปสงวนเหรอคะ...งงนิดนึง ::029::
ภาพประจำตัวสมาชิก
เจนจิรา
โพสต์: 1168
ลงทะเบียนเมื่อ: อาทิตย์ ธ.ค. 21, 2008 12:13 am

เสาร์ ต.ค. 31, 2009 7:57 pm

Buddy เขียน:
jacky เขียน: ไม่อยากมี ทำหมันไปเลยดี ใหม ค่ะ ไม่ต้องมากังวล ว่าจะมีเด็ก
คาทอลิก ทำหมันบาปน่ะค่ะ ไม่รู้ทางออร์ธอดอกซ์ว่ายังไงเหมือนกันค่ะ  : xemo017 :
แค่ประชดคนที่ ทำแท้งนะค่ะ ใจดำจริงๆ ลูกในไส้แท้ๆ คนทั้ง คน  : emo033 :
Buddy
โพสต์: 3057
ลงทะเบียนเมื่อ: พุธ มี.ค. 09, 2005 10:48 am
ที่อยู่: USA

เสาร์ ต.ค. 31, 2009 11:00 pm

jacky เขียน:
Buddy เขียน:
jacky เขียน: ไม่อยากมี ทำหมันไปเลยดี ใหม ค่ะ ไม่ต้องมากังวล ว่าจะมีเด็ก
คาทอลิก ทำหมันบาปน่ะค่ะ ไม่รู้ทางออร์ธอดอกซ์ว่ายังไงเหมือนกันค่ะ  : xemo017 :
แค่ประชดคนที่ ทำแท้งนะค่ะ ใจดำจริงๆ ลูกในไส้แท้ๆ คนทั้ง คน  : emo033 :
ประชดด้วยอีกบาปนึง โตะจายโหมะเลยค่ะ  : xemo017 :
Alphonse
โพสต์: 1792
ลงทะเบียนเมื่อ: พุธ ส.ค. 23, 2006 10:45 pm
ที่อยู่: Thailand

อาทิตย์ พ.ย. 01, 2009 3:52 am

sinner เขียน: เอ อันนี้ไม่ทราบเหมือนกันค่ะ

ตกลงจะไปแก้บาปสงวนเหรอคะ...งงนิดนึง ::029::
แหะๆ อยากทราบฮะ อยากทราบงั๊บ แง่มๆๆ
sinner
โพสต์: 2246
ลงทะเบียนเมื่อ: อาทิตย์ มี.ค. 08, 2009 1:24 pm

อาทิตย์ พ.ย. 01, 2009 12:35 pm

Alphonse เขียน:
sinner เขียน: เอ อันนี้ไม่ทราบเหมือนกันค่ะ

ตกลงจะไปแก้บาปสงวนเหรอคะ...งงนิดนึง ::029::
แหะๆ อยากทราบฮะ อยากทราบงั๊บ แง่มๆๆ
ไปถามพ่อโจที่มหาไถ่มาละ พ่อบอกว่าคณะมิชชันนารีที่ไปทำงานนอกประเทศที่เป็นคาทอลิค สามารถยกศีลอภัยบาปสงวนได้ค่ะ

แต่ทำได้แค่นอกประเทศเท่านั้น อย่างในอิตาลีต้องไปขออนุญาติจากสังฆราชเหมือนกันค่ะ : emo027 :
ภาพประจำตัวสมาชิก
Edwardius
โพสต์: 1392
ลงทะเบียนเมื่อ: พฤหัสฯ. ต.ค. 12, 2006 3:02 pm
ที่อยู่: Lamphun, Thailand

อาทิตย์ พ.ย. 01, 2009 1:48 pm

sinner เขียน:
Alphonse เขียน:
sinner เขียน: เอ อันนี้ไม่ทราบเหมือนกันค่ะ

ตกลงจะไปแก้บาปสงวนเหรอคะ...งงนิดนึง ::029::
แหะๆ อยากทราบฮะ อยากทราบงั๊บ แง่มๆๆ
ไปถามพ่อโจที่มหาไถ่มาละ พ่อบอกว่าคณะมิชชันนารีที่ไปทำงานนอกประเทศที่เป็นคาทอลิค สามารถยกศีลอภัยบาปสงวนได้ค่ะ

แต่ทำได้แค่นอกประเทศเท่านั้น อย่างในอิตาลีต้องไปขออนุญาติจากสังฆราชเหมือนกันค่ะ : emo027 :
กรณีนี้ ผมคิดว่า ถ้าท้องถิ่นนั้นมีพระสังฆราช หรือตำแหน่งเทียบเท่าอยู่แล้ว ก็คงต้องขออนุญาตผู้มีอำนาจก่อนอยู่ดีครับ

คือ เวลาไปทำงานในถิ่นคนอื่น ก็ต้องทำตามคำสั่งของผู้มีอำนาจของท้องถิ่นนะครับ

เว้นแต่เป็น ดินแดนที่ยังไม่ได้ตั้งผู้ปกครอง ให้ถือว่า มิชชันนารีมีอำนาจอภิบาลสูงสุด ขึ้นตรงกับเจ้าคณะที่สังกัด
ภาพประจำตัวสมาชิก
เจนจิรา
โพสต์: 1168
ลงทะเบียนเมื่อ: อาทิตย์ ธ.ค. 21, 2008 12:13 am

อาทิตย์ พ.ย. 01, 2009 2:15 pm

แล้วใน กรณีคน ยากจน แล้ว ไม่อยากมีลูก เยอะๆ  เพราะำไม่มี ปัญญา จะเลี้ยง แล้ว ทำหมัน หรือกินยา คุม ตามกฎ catholic นี่บาปใหมคะ
Buddy
โพสต์: 3057
ลงทะเบียนเมื่อ: พุธ มี.ค. 09, 2005 10:48 am
ที่อยู่: USA

อาทิตย์ พ.ย. 01, 2009 11:56 pm

jacky เขียน: แล้วใน กรณีคน ยากจน แล้ว ไม่อยากมีลูก เยอะๆ  เพราะำไม่มี ปัญญา จะเลี้ยง แล้ว ทำหมัน หรือกินยา คุม ตามกฎ catholic นี่บาปใหมคะ

บาปจ้า เราให้คุมตามธรรมชาติค่ะ   : emo045 :

คือคนที่จนเนี่ย ปัญหายิ่งเยอะอยู่แล้ว ถ้าไม่เอาตัวเองออกจากกำหนัด ปัญหายิ่งทับซ้อน ส่วนใหญ่ที่ลูกเยอะ เพราะไปแก้ความเครียดด้วยเพศสัมพันธ์ ซึ่งมันไม่ใช่ทางแก้ปัญหาค่ะ   : emo045 :  และอีกอย่างนะคะ คนจนคงไม่มีเงินไปผ่าตัดทำหมันมั้งคะ ถ้าจะกินยาคุม ก็คงต้องแบบแจกฟรีน่ะค่ะ (ไม่รู้มีมั้ย)

เรามองการคุมกำเนิดเป็นการมีเพศสัมพันธ์แบบเห็นแก่ตัวค่ะ  ... ถ้าไม่อยากมีลูก ก็ต้องคุมกำหนัดค่ะ  ซึ่งคู่สมรสที่ทำแบบนี้เค้าก็ชอบนะคะ มันได้มีความสัมพันธ์ในแบบอื่นที่ลึกขึ้นและกว้างขึ้น และพอเวลามีเพศสัมพันธ์ ก็มีความสุขมากขึ้นด้วย อันนี้ที่ได้ยินมานะคะ เพราะไม่เคยแต่งงานเหมือนกัน  : emo045 :

ปล. อย่าเรียกเป็นกฎคาทอลิกเลยค่ะ เรียกเป็นมาตรฐานมโนธรรมแบบคาทอลิก น่าจะตรงกว่าค่ะ  : emo045 :
แก้ไขล่าสุดโดย Buddy เมื่อ จันทร์ พ.ย. 02, 2009 12:12 am, แก้ไขไปแล้ว 1 ครั้ง.
ภาพประจำตัวสมาชิก
Ministry Of Men
โพสต์: 3972
ลงทะเบียนเมื่อ: พุธ เม.ย. 18, 2007 3:09 pm

พฤหัสฯ. พ.ย. 05, 2009 5:26 pm

มา Update กันนะครับ

คริสตจักร นิกายโปรเตสแตน
-ไม่สนับสนุนการมีเพศสัมพันธ์ก่อนมีพิธีแต่งงานอย่างถูกต้อง ไม่ว่าจะมีเพศสัมพันธ์ด้วยวิธีป้องกันหรือไม่ป้องกันก็ตาม
-ไม่สนับสนุนการทำแท้งค์ ไม่สนับสนุนการท้องก่อนแต่งงาน
-การมีเพศสัมพันธ์กับคู่ครองที่มีแต่ความใคร่ถือเป็นบาป ถือว่าผิดศีลธรรมทางเพศ

โดยเนื้อหาสาระแล้ว
การใช้อวัยวะเพศของตนไปในทางโลกีย์ ไม่ว่าจะทางใดๆ ถือเป็นบาปทั้งสิ้น
พระคัมภีร์กล่าวชัดเจนถึงเรื่องเพศ ไม่ว่าจะเป็น การสำเร็จความใคร่ด้วยตนเอง การสำส่อนทางเพศ การมีเพศสัมพันธ์กับสัตว์ ฯ เหล่านี้ล้วนผิดทั้งสิ้น
ดังนั้นแล้ว จากทั้งหมดที่กล่าวมา จะเหลือกรณีที่ยังไม่ได้บอกไปก็คือ การใช้ถุงยางอนามัยคุมกำเนิดกับภรรยาของตนนั้น เป็นสิ่งผิดบาปหรือ?
หากแต่ว่า การใช้ถุงยางอนามัยนั้น ใช้ในทางบำบัดความใคร่ โดยปราศจากความรักหรือความต้องการมีบุตรแล้ว ต้องอยู่ที่มโนธรรมของผู้ใช้นั้นว่าใช้ทำไม  : xemo026 :
แก้ไขล่าสุดโดย Ministry Of Men เมื่อ พฤหัสฯ. พ.ย. 05, 2009 5:33 pm, แก้ไขไปแล้ว 1 ครั้ง.
ตอบกลับโพส