ร่วมมิสซา หรือนมัสการท่านไม่ชอบ ส่วนใด ???

[Andreas]

ผมคิดว่ามีคริสตังจำนวนไม่น้อยที่คิดว่าการสวดภาวนาคือการท่องบทสวดเท่านั้น ในเวลาที่ปรับปรุงบทสวดใหม่ หลายคนก็บ่น บางคนคิดว่าบทสวดมีความขลัง ห้ามเปลี่ยนแปลง ห้ามแตะต้อง เขายังไม่รู้จักการภาวนาแบบอื่น ๆ จึงจำเป็นที่จะต้องการการแนะนำการภาวนาแบบอื่น ๆ ด้วย หลายคนละทิ้งวัด ละทิ้งการสวดภาวนา ก็เพราะคิดว่า คริสตังมีแต่การท่องบทสวด ดูแล้วไม่มีประโยชน์ ไม่ช่วยจรรโลงจิตใจ แล้วก็ไม่รู้ว่ามีการภาวนาแบบอื่น พอมีเพื่อนชาวพุทธชวนไปนั่งสมาธิ กลับชอบคิดว่าเป็นสิ่งที่ดีมาก อย่างน้อยก็ช่วยให้จิตใจสงบ มีความสบายใจ แล้วก็นำไปสู่การเปลี่ยนศาสนาไปเป็นชาวพุทธ โดยหารู้ไม่ว่า คาทอลิกก็มีวิธีภาวนาที่คล้าย ๆ กับการนั่งสมาธิเหมือนกัน โดยเฉพาะการภาวนาด้วยหัวใจ ในความเงียบสงบ หรือการไตร่ตรองพระวาจาของพระเจ้า หรือบางคนถูกเพื่อนที่เป็นคริสเตียนชวนไปคริสตจักร ก็เห็นเขาสวดแบบออกเสียงแต่ออกมาจากใจ คิดบทสวดกันแบบสด ๆ ก็รู้สึกประทับใจ เพราะไม่เคยเห็นมาก่อน ผมเคยสังเกตตอนนั้นมีโอกาสไปจัดสัมมนาข้อความเชื่อระหว่างคาทอลิกและโปรเตสแตนท์ เวลาเชิญนักศึกษาคริสเตียนมานำอธิษฐาน เขานำได้อย่างดี บทภาวนาพรั่งพรูออกมาจากจิตใจ แต่พอให้บราเดอร์แสงธรรมนำสวดภาวนาบ้าง ท่านก็เริ่มด้วยเดชะพระนาม บทข้าแต่พระบิดา แล้วก็เดชะพระนามจบ ถ้าให้สวดแบบคริสเตียนเขาบอกว่าคิดไม่ออกว่าจะสวดอะไร

ส่วนการสวดออกเสียงนั้นควรมีอยู่ แต่ควรสวดอย่างตั้งใจ ช้า ๆ คิดตามข้อความที่เปล่งออกมา ถ้าใจคิดตามไม่ทันสิ่งที่สวด แสดงว่าปากเราไวเกินไปแล้ว ถ้าสวดโดยที่ปากไม่ตรงกับใจ ก็ไร้ประโยชน์ทันที วัดที่ดอนเมือง ก่อนมิสซา เขาเริ่มสวดสายประคำพระเมตตา และบทสวดเกี่ยวกับพระเมตตา ต่อด้วยสายประคำแม่พระอีกหนึ่งสาย พอรับศีลมหาสนิท ก็ต้องสวดบทพระเยซูผู้พระทัยดี ข้าแต่พระบิดา วันทามารีย์ พระสิริรุ่งโรจน์ พอร้องเพลงปิดพิธ๊เสร็จ ก็ต้องสวดบทข้าแต่พระชนนีพระเจ้า เยซูมารีย์โยเซฟ ข้าแต่ทูตสวรรค์ของพระเจ้า จึงจะจบพิธีการจริง ๆ ถ้าใครชอบการสวดออกเสียงเยอะ ๆ เชิญได้ครับ ใช้เวลาไม่นานมากครับ เพราะสวดเร็ว

[Sedtaruji]

ไม่ชอบตอนมอบสันติครับ...บางวัดแบบ...เอ่อ ไม่ต้องทำก็ได้ เกรงใจ ชอบเวลามิสซาอังกฤษมากๆ คือทุกคนทำแบบยิ้มแย้มดี
ปกติผมจะกอดคอเพื่อนๆ ไม่ก็ตบบ่าป๊าปปปปป ถ้าไปกับแฟนจะจับมือขึ้นมาจูบ ฮ่าาา

แล้วก็ไม่ชอบเวลาเด็กวิ่งซน แล้วพ่อแม่ดุเด็ก ผมว่า...ปล่อยให้เขาวิ่งไปเถอะ ถ้าดุเขาเวลาอยู่วัด พาลจะทำให้เขาไม่ชอบวัดเอา

คงไม่เข้ากับธรรมเนียมไทย พี่ แค่ไหว้กัน หันวงกลมแบบนักมวย

โบสถ์ โปรฯ ที่สมัยใหม่ ตอนมอบสันติสุข (ไม่มีมหาสนิทนะ) มีเพลงร้อง คนออกจากที่เดินไป ทักทายกัน
ลุกจากแถวไปอีกฝาก หนึ่งเลย เจี๊ยบเป็นเด็ก ก็ไปยกมือไหว้ ผู้ใหญ่ กำนัน นายก อบต. 555 ถ้าเป็นเพื่อนๆ
ก็ขยำๆ กันนิดหน่อย ถ้าเป็นเด็กๆ ก็จับแก้มเล่นไปเลย

บางทีคนไหว้ก็วนตัวแบบควงสว่านไหว้ หมุนปรึ๊บยังกะเต้นลีลาศ เล่นเองเรารับไม่ทัน อ้าว...หันไปคนอื่นเข้าไปทางอื่นแล้ว มันน่ามีสเต็ปนะ
สรุปว่าที่ยกมือเนี่ย...ไหว้ได้เพียงคนเดียวคือ ..."คุณพ่อ"...รอบไหนรอบนั้น บอกแก้เก้อว่า ไหว้พระองค์ก็ได้......

แต่เรื่องโพย เคยอยู่กับพ่อชาวอิตาลี คุณพ่ออังเจโล หลังมิสซาท่านจะมีกระดาษสักเท่าเอสี่พับสี่ตลบในมือ
ด้วยความว่าท่านเป็นฝรั่ง จะมีคำในภาษาไทยแถมมีความหมายแบบอิตาเลียน (ชนิดว่ากันงง เพราะตอนกำลังเทศน์คงไม่มีใครอธิบายให้ท่านฟัง
ตอนนั้นได้หรอก) ความจริงแล้วท่านก็เทศน์เก่งมาก (ใครเคยอยู่พระแม่การุณย์ นนทบุรีคงจะต้องรู้ว่าท่านน่ะแรงทุกแม็ตส์) แต่ที่ทำคือท่านกันสะดุด เดี๋ยวจะตก
ม้าตาย มุขที่เอามาเล่นจะแป็ก (อย่างที่รู้ว่าท่านอารมณ์ขันมาก ถ้าท่านไม่ใช่พระสงฆ์คงจะรอดมือเท้ายาก เพราะมุขของท่านยอมรับว่าแรง)

[y1961]

ไม่ชอบตอนที่คุณพ่อบอกว่า ให้เราแสดงความเป็นมิตรต่อกัน แล้วทุกคนหันไปไหว้รอบทิศแบบนักมวยแต่ไม่ยอมมองหน้า มองตากัน ขนาดส่งยิ้มให้ก็ไม่ยิ้ม เพราะไม่มอง แต่บางคนมองแล้วแต่ก็ไม่ยิ้มตอบ มองแบบแปลกๆ ว่าเรายิ้มให้ทำไม แต่เป็นอย่างนี้เฉพาะคนไทย ถ้าไปโบสถ์ที่มีคนต่างชาติ ไม่ว่าฝรั่ง จีน อินเดีย คนผิวสี เขาจะยิ้มตอบทุกคน ก็เลยอยากให้พี่น้องคนไทยอย่าไหว้อย่างเดียว รู้จักยิ้มให้คนข้างๆบ้าง มองคนข้างๆ บ้าง โบสถ์ที่มีคนต่างชาติพวกฝรั่งจะหันมาจับมือกัน ถ้าเป็นพ่อแม่กับลูก ครูกับลูกศิษย์ เขาจูบกันด้วยบางครั้ง จูบแม้จะเป็นหญิงกับหญิงนะคะ ไม่ใช้จูบแบบชู้สาว แต่กับคนไทยเข้าก็จะไหว้แล้วยิ้มให้