นักบุญหลุยส์ กษัตริย์ผู้ศักดิ์สิทธิ์
- เลย์
- โพสต์: 1845
- ลงทะเบียนเมื่อ: พุธ ส.ค. 05, 2009 12:27 am
- ที่อยู่: ในอ้อมพระหัตถ์พระเป็นเจ้า
- ติดต่อ:
Feast of
King St. Louis IX
กษัตริย์หลุยส์ที่ 9 แห่งฝรั่งเศส เป็นองค์รัชทายาทสืบราชสมบัติ ในขณะที่มีพระชนมายุเพียง 12 ปี เมื่อพระราชบิดาจากโลกนี้ไป พระนางบลองช์แห่งคาสตรีย์ (Blanche de Castille) จึงทรงเป็นทั้งพระราชมารดา และผู้สำเร็จราชการ พระนางทรงอบรมเลี้ยงดู เตรียมพระราชโอรสให้เป็นแบบอย่างของกษัตริย์คริสตังที่ดี และได้รับการยกย่องสรรเสริญตลอดมา
ชีวิตในครอบครัว
เมื่อมีพระชนมายุ 20 พรรษา พระเจ้าหลุยส์ที่ 9 ทรงอภิเษกสมรสกับมาร์เกอริตแห่งโปรวองส์ พระองค์ทรงรักพระมเหสีมาก และทรงดำเนินชีวิตครอบครัวในสายพระเนตรของพระเป็นเจ้า พระองค์ทรงใช้เวลา 3 คืนแรกหลังงานอภิเษกในการสวดภาวนา และทรงสัตย์ซื่อต่อพระมเหสีจนตลอดชีวิต
พระเจ้าหลุยส์ทรงเลี้ยงดูบุตรธิดา 11 องค์ตามแบบอย่างคริสตังที่ดี ครั้งหนึ่งทรงมีจดหมายถึงเจ้าชายฟีลิป พระราชโอรสว่า "ลูกรัก ก่อนอื่น ขอให้ลูกรักพระเป็นเจ้าสิ้นสุดจิตใจ และสุดความสามารถ เพราะหากปราศจากความรักต่อพระองค์ การกระทำอื่นใดก็ไร้คุณค่า" พระองค์ทรงเป็นบุคคลที่น่ารัก ร่าเริง และเป็นสหายที่ดีต่อทุกคนที่รู้จักพระองค์
ในฐานะกษัตริย์
เมื่อทรงขึ้นครองราชย์เป็นกษัตริย์หลุยส์ที่ 9 พระปรีชาญาณและบุคลิกที่ดีเด่นของพระองค์ เป็นที่เล่าขานกันทั่วทวีปยุโรป โดยเฉพาะพระปรีชาญาณในเรื่องการตัดสินให้ความยุติธรรมแก่ผู้คนทั้งในและนอกประเทศ ภาพของพระองค์ขณะประทับอยู่ใต้ต้นโอ๊ค ในป่าแว็งแซนส์ (Vincennes) ขณะทรงตัดสินคดี เพื่อให้ทุกฝ่ายได้รับความเป็นธรรม เป็นประจักษ์พยานในเรื่องนี้เป็นอย่างดี พระองค์ทรงรับคำร้องของประชาชนทุกคน และทรงอนุญาตให้ทุกคนเข้าเฝ้าเพื่อทรงตัดสินคดีความได้ทุกคดี นอกจากนั้น พระองค์ยังทรงตรากฎหมาย ห้ามมิให้ผู้พิพากษาทุกคนรับของกำนัลใดๆ
นอกจากเรื่องการให้ความเป็นธรรมแล้ว พระองค์ยังทรงให้ความรักแก่คนยากจน และผู้เจ็บป่วย ทำแผลดูแลผู้ป่วยด้วยพระองค์เอง ทรงรับประทานอาหารร่วมกับผู้ยากไร้ และคนตาบอด เพราะทรงแลเห็นพวกเขาเป็นพระคริสตเจ้าที่กำลังทนทุกข์ทรมาน
การให้เวลาเพื่อช่วยผู้ที่ตกอยู่ในความยากลำบากต่างๆ นั้น มิได้เป็นอุปสรรคใดๆ ต่อการปกครองพระราชอาณาจักรของพระองค์ พระองค์ทรงปกครองอย่างเสมอภาคในเรื่องการเก็บภาษี และโปรดให้มีกานใช้สกุลเงินขึ้นใหม่ ทรงโปรดให้มีการสร้างอาสนวิหาร และท่าเรือหลายแห่ง ทรงโปรดให้สร้างที่พักสำหรับนักศึกษาที่ยากจน และทรงหาวิธีช่วยเหลือให้ประชากรของพระองค์มีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นอยู่เสมอ
พระนามของพระองค์เป็นที่เลื่องลือไปทั่ว ทรงได้รับเชิญให้เป็นผู้ตัดสินคดีความระหว่างประเทศ พระองค์ตรัสเสมอว่า "การใช้กำลังต่อสู้กัน มิใช่วิธี แก้ปัญหาที่ดี" พระองค์ทรงแสวงหาวิธีการต่างๆ เพื่อให้ความเป็นธรรม ทรงลงพระนามเป็นมิตรกับกษัตริย์ประเทศอังกฤษ โดยยอมสูญเสียดินแดนบางส่วนที่ยังพิพาทกันอยู่ แม้จะทรงได้รับการคัดค้านจากบรรดาที่ปรึกษา แต่พระองค์ทรงประกาศว่า "ดินแดนที่เรามอบให้โดยไม่มีพันธะใดๆ นี้ แสดงถึงความรักที่เรามีต่อลูกหลานของเรา และของอังกฤษ ซึ่งที่จริงก็เป็นเครือญาติกัน" การลงพระนามของพระองค์ในครั้งนั้น ยังความสงบแก่ประเทศทั้งสองต่อมาอีกนานหลายสิบปี
สงครามครูเสด
หลังจากที่ทรงหายป่วยอย่างอัศจรรย์ในปี ค.ศ.1244 พระองค์ทรงตัดสินพระทัยไปร่วมรบในสงครามครูเสด โดยตรัสว่า "พระเป็นเจ้าประทานคืนชีวิตให้เรา เพราะพระองค์ทรงมีพระประสงค์ให้เราตัดสินใจเช่นนี้" ในปี 1248 ทรงออกเดินทางไปยังประเทศอียิปต์ ซึ่งเป็นศูนย์อำนาจของอาณาจักรมุสลิม กองทัพของพระองค์ได้รับชัยชนะอยู่บ้าง แต่ที่สุดกองทับครูเสดก็พ่ายแพ้ และทรงถูกจับที่เมืองมันซูราห์ กระนั้นก็ดี พระองค์มิได้ทรงแสดงความหวาดหวั่น จนเป็นที่ประทับใจของฝ่ายศัตรู และเมื่อทรงถูกขู่สังหาร พระองค์ทรงตอบอย่างเยือกเย็นว่า "พวกท่านคงฆ่าเราได้แต่ร่างกายเท่านั้น แต่ไม่มีวันฆ่าวิญญาณของเราได้" พระองค์ทรงใช้เงินไถ่เหล่าทหาร แต่สำหรับตัวพระองค์เองนั้น ทรงไถ่ด้วยการคืนเมืองดาเมียต โดยทรงให้เหตุผลว่า "เงินทองไม่สามารถไถ่กษัตริย์ประเทศฝรั่งเศสได้" ทั้งนี้เพื่อรักษาเกียรติภูมิความเป็นกษัตริย์ของพระองค์
แม้ว่าการทำสงครามครูเสดในครั้งนั้นจะล้มเหลว แต่พระเจ้าหลุยส์ก็ยังถือเป็นผู้ชนะในด้านศักดิ์ศรี พวกมุสลิมประทับใจกับความเชื่อของพระองค์ เมื่อได้รับอิสรภาพแล้ว พระองค์ทรงใช้เวลาอยู่ในประเทศซีเรียอีก 4 ปี เพื่อสร้างป้อมปราการ และเมืองต่างๆ ในครอบครองของกองทับครูเสด
พระเจ้าหลุยส์ที่ 9 ทรงรบในสงครามครูเสดอีกครั้งหนึ่ง ซึ่งเป็นสงครามครูเสดครั้งที่ 8 ในปี ค.ศ.1270 แต่กองทัพของพระองค์อยู่ใกล้เมืองตูนีส ที่มีกาฬโรคกำลังระบาดอยู่ และไม่นานพระองค์ก็ทรงเป็นโรคร้าย และเสด็จสวรรคตในวันที่ 25 สิงหาคม 1270 คำพูดสุดท้ายของพระองค์ตรัสถึงพระคริสตเจ้าว่า "เราจะเข้าสู่เคหาสน์ของพระเจ้า เราจะเข้าไปในพระวิหารอันศักดิ์ของพระองค์ และเราจะกล่าวถึงพระนามของพระองค์"
นักบุญหลุยส์ทรงมีพระประสงค์ให้มีการประกาศพระศาสนาในเมืองตูนีส และดังนั้นข้อความส่วนหนึ่งในสัญญาสันติภาพที่ทำขึ้น หลังจากที่พระองค์เสด็จสวรรคตแล้วคือ นักบวชคาทอลิก สามารถสร้างวัดวาอารามและประกาศพระศาสนาได้ ซึ่งเป็นชัยชนะตามพระประสงค์ของท่านนักบุญหลุยส์
*********************************
บทภาวนาต่อนักบุญหลุยส์
ข้าแต่พระเจ้า พระองค์ได้ทรงเรียกนักบุญหลุยส์ กษัตริย์แห่งฝรั่งเศสผู้รับใช้ของพระองค์ขึ้นสู่บังลังก์แห่งโลกนี้ ท่านได้ทำให้พระอาณาจักรสวรรค์ของพระองค์ก้าวหน้าไป พระองค์ได้ประทานความกระตือรือร้นต่อพระศาสนจักร และความรักต่อประชากรของพระองค์ให้แก่ท่าน ขอพระองค์โปรดเมตตาพวกลูกทุกคนที่ได้ระลึกถึงท่านในวันนี้ ให้ก้าวหน้าในกิจการดีทั้งปวง และได้รับมงกุฎอันรุ่งเรืองของบรรดานักบุญของพระองค์ด้วยเถิด
โปรดเถิดท่านนักบุญหลุยส์ ท่านรักและรับใช้องค์พระเยซูเจ้าท่ามกลางผู้ยากไร้ ผู้เจ็บป่วยและคนตาบอด ในบรรดาประชาชนที่ท่านปกครอง อันเป็นแบบอย่างความรัก ความเมตตา ที่พระเยซูเจ้าได้ทรงสอน เพราะความเมตตากรุณาอยู่ที่ใดพระเจ้าก็สถิตอยู่ที่นั่น ท่านจึงเป็นผู้ยิ่งใหญ่ที่สุดดังที่พระเยซูเจ้าได้ทรงสอนว่า "ผู้ที่ปรารถนาจะเป็นใหญ่ จะต้องทำตนเป็นผู้รับใช้ผู้อื่น" (มธ.20:26) ขอโปรดให้ลูกได้พบพระเยซูเจ้าในเพื่อนพี่น้องผู้ยากไร้ ทำกิจเมตตาปรานีเป็นกิจวัตรและรับใช้กันและกันด้วยใจสุภาพเสมอ
ข้าแต่ท่านนักบุญหลุยส์ กษัตริย์ผู้ศักดิ์สิทธิ์ ท่านได้ทำหน้าที่บิดาที่เข้มแข็ง ศรัทธาร้อนรนในพระเจ้า อบรมลูกๆ ตามแบบคริสตชนอย่างเคร่งครัด เป็นแบบอย่างความศักดิ์สิทธิ์สำหรับครอบครัวทั้งหลาย โปรดฟังคำภาวนาของพวกลูกทั้งหลาย ผู้ปรารถนาปฏิบัติตามแบบอย่างชีวิตของท่าน ขอท่านช่วยวิงวอนพระเป็นเจ้า เพื่อตัวลูกเองและทุกครอบครัวในโลก จะได้ดำเนินชีวิตคริสตชนที่ศรัทธา มีจิตใจยากจนและรักความยุติธรรม เพื่อเป็นพยานถึงพระองค์ในโลกปัจจุบันด้วยเทอญ อาแมน.
ข้าแต่ท่านนักบุญหลุยส์ กษัตริย์ ช่วยวิงวอนเทอญ
King St. Louis IX
กษัตริย์หลุยส์ที่ 9 แห่งฝรั่งเศส เป็นองค์รัชทายาทสืบราชสมบัติ ในขณะที่มีพระชนมายุเพียง 12 ปี เมื่อพระราชบิดาจากโลกนี้ไป พระนางบลองช์แห่งคาสตรีย์ (Blanche de Castille) จึงทรงเป็นทั้งพระราชมารดา และผู้สำเร็จราชการ พระนางทรงอบรมเลี้ยงดู เตรียมพระราชโอรสให้เป็นแบบอย่างของกษัตริย์คริสตังที่ดี และได้รับการยกย่องสรรเสริญตลอดมา
ชีวิตในครอบครัว
เมื่อมีพระชนมายุ 20 พรรษา พระเจ้าหลุยส์ที่ 9 ทรงอภิเษกสมรสกับมาร์เกอริตแห่งโปรวองส์ พระองค์ทรงรักพระมเหสีมาก และทรงดำเนินชีวิตครอบครัวในสายพระเนตรของพระเป็นเจ้า พระองค์ทรงใช้เวลา 3 คืนแรกหลังงานอภิเษกในการสวดภาวนา และทรงสัตย์ซื่อต่อพระมเหสีจนตลอดชีวิต
พระเจ้าหลุยส์ทรงเลี้ยงดูบุตรธิดา 11 องค์ตามแบบอย่างคริสตังที่ดี ครั้งหนึ่งทรงมีจดหมายถึงเจ้าชายฟีลิป พระราชโอรสว่า "ลูกรัก ก่อนอื่น ขอให้ลูกรักพระเป็นเจ้าสิ้นสุดจิตใจ และสุดความสามารถ เพราะหากปราศจากความรักต่อพระองค์ การกระทำอื่นใดก็ไร้คุณค่า" พระองค์ทรงเป็นบุคคลที่น่ารัก ร่าเริง และเป็นสหายที่ดีต่อทุกคนที่รู้จักพระองค์
ในฐานะกษัตริย์
เมื่อทรงขึ้นครองราชย์เป็นกษัตริย์หลุยส์ที่ 9 พระปรีชาญาณและบุคลิกที่ดีเด่นของพระองค์ เป็นที่เล่าขานกันทั่วทวีปยุโรป โดยเฉพาะพระปรีชาญาณในเรื่องการตัดสินให้ความยุติธรรมแก่ผู้คนทั้งในและนอกประเทศ ภาพของพระองค์ขณะประทับอยู่ใต้ต้นโอ๊ค ในป่าแว็งแซนส์ (Vincennes) ขณะทรงตัดสินคดี เพื่อให้ทุกฝ่ายได้รับความเป็นธรรม เป็นประจักษ์พยานในเรื่องนี้เป็นอย่างดี พระองค์ทรงรับคำร้องของประชาชนทุกคน และทรงอนุญาตให้ทุกคนเข้าเฝ้าเพื่อทรงตัดสินคดีความได้ทุกคดี นอกจากนั้น พระองค์ยังทรงตรากฎหมาย ห้ามมิให้ผู้พิพากษาทุกคนรับของกำนัลใดๆ
นอกจากเรื่องการให้ความเป็นธรรมแล้ว พระองค์ยังทรงให้ความรักแก่คนยากจน และผู้เจ็บป่วย ทำแผลดูแลผู้ป่วยด้วยพระองค์เอง ทรงรับประทานอาหารร่วมกับผู้ยากไร้ และคนตาบอด เพราะทรงแลเห็นพวกเขาเป็นพระคริสตเจ้าที่กำลังทนทุกข์ทรมาน
การให้เวลาเพื่อช่วยผู้ที่ตกอยู่ในความยากลำบากต่างๆ นั้น มิได้เป็นอุปสรรคใดๆ ต่อการปกครองพระราชอาณาจักรของพระองค์ พระองค์ทรงปกครองอย่างเสมอภาคในเรื่องการเก็บภาษี และโปรดให้มีกานใช้สกุลเงินขึ้นใหม่ ทรงโปรดให้มีการสร้างอาสนวิหาร และท่าเรือหลายแห่ง ทรงโปรดให้สร้างที่พักสำหรับนักศึกษาที่ยากจน และทรงหาวิธีช่วยเหลือให้ประชากรของพระองค์มีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นอยู่เสมอ
พระนามของพระองค์เป็นที่เลื่องลือไปทั่ว ทรงได้รับเชิญให้เป็นผู้ตัดสินคดีความระหว่างประเทศ พระองค์ตรัสเสมอว่า "การใช้กำลังต่อสู้กัน มิใช่วิธี แก้ปัญหาที่ดี" พระองค์ทรงแสวงหาวิธีการต่างๆ เพื่อให้ความเป็นธรรม ทรงลงพระนามเป็นมิตรกับกษัตริย์ประเทศอังกฤษ โดยยอมสูญเสียดินแดนบางส่วนที่ยังพิพาทกันอยู่ แม้จะทรงได้รับการคัดค้านจากบรรดาที่ปรึกษา แต่พระองค์ทรงประกาศว่า "ดินแดนที่เรามอบให้โดยไม่มีพันธะใดๆ นี้ แสดงถึงความรักที่เรามีต่อลูกหลานของเรา และของอังกฤษ ซึ่งที่จริงก็เป็นเครือญาติกัน" การลงพระนามของพระองค์ในครั้งนั้น ยังความสงบแก่ประเทศทั้งสองต่อมาอีกนานหลายสิบปี
สงครามครูเสด
หลังจากที่ทรงหายป่วยอย่างอัศจรรย์ในปี ค.ศ.1244 พระองค์ทรงตัดสินพระทัยไปร่วมรบในสงครามครูเสด โดยตรัสว่า "พระเป็นเจ้าประทานคืนชีวิตให้เรา เพราะพระองค์ทรงมีพระประสงค์ให้เราตัดสินใจเช่นนี้" ในปี 1248 ทรงออกเดินทางไปยังประเทศอียิปต์ ซึ่งเป็นศูนย์อำนาจของอาณาจักรมุสลิม กองทัพของพระองค์ได้รับชัยชนะอยู่บ้าง แต่ที่สุดกองทับครูเสดก็พ่ายแพ้ และทรงถูกจับที่เมืองมันซูราห์ กระนั้นก็ดี พระองค์มิได้ทรงแสดงความหวาดหวั่น จนเป็นที่ประทับใจของฝ่ายศัตรู และเมื่อทรงถูกขู่สังหาร พระองค์ทรงตอบอย่างเยือกเย็นว่า "พวกท่านคงฆ่าเราได้แต่ร่างกายเท่านั้น แต่ไม่มีวันฆ่าวิญญาณของเราได้" พระองค์ทรงใช้เงินไถ่เหล่าทหาร แต่สำหรับตัวพระองค์เองนั้น ทรงไถ่ด้วยการคืนเมืองดาเมียต โดยทรงให้เหตุผลว่า "เงินทองไม่สามารถไถ่กษัตริย์ประเทศฝรั่งเศสได้" ทั้งนี้เพื่อรักษาเกียรติภูมิความเป็นกษัตริย์ของพระองค์
แม้ว่าการทำสงครามครูเสดในครั้งนั้นจะล้มเหลว แต่พระเจ้าหลุยส์ก็ยังถือเป็นผู้ชนะในด้านศักดิ์ศรี พวกมุสลิมประทับใจกับความเชื่อของพระองค์ เมื่อได้รับอิสรภาพแล้ว พระองค์ทรงใช้เวลาอยู่ในประเทศซีเรียอีก 4 ปี เพื่อสร้างป้อมปราการ และเมืองต่างๆ ในครอบครองของกองทับครูเสด
พระเจ้าหลุยส์ที่ 9 ทรงรบในสงครามครูเสดอีกครั้งหนึ่ง ซึ่งเป็นสงครามครูเสดครั้งที่ 8 ในปี ค.ศ.1270 แต่กองทัพของพระองค์อยู่ใกล้เมืองตูนีส ที่มีกาฬโรคกำลังระบาดอยู่ และไม่นานพระองค์ก็ทรงเป็นโรคร้าย และเสด็จสวรรคตในวันที่ 25 สิงหาคม 1270 คำพูดสุดท้ายของพระองค์ตรัสถึงพระคริสตเจ้าว่า "เราจะเข้าสู่เคหาสน์ของพระเจ้า เราจะเข้าไปในพระวิหารอันศักดิ์ของพระองค์ และเราจะกล่าวถึงพระนามของพระองค์"
นักบุญหลุยส์ทรงมีพระประสงค์ให้มีการประกาศพระศาสนาในเมืองตูนีส และดังนั้นข้อความส่วนหนึ่งในสัญญาสันติภาพที่ทำขึ้น หลังจากที่พระองค์เสด็จสวรรคตแล้วคือ นักบวชคาทอลิก สามารถสร้างวัดวาอารามและประกาศพระศาสนาได้ ซึ่งเป็นชัยชนะตามพระประสงค์ของท่านนักบุญหลุยส์
*********************************
บทภาวนาต่อนักบุญหลุยส์
ข้าแต่พระเจ้า พระองค์ได้ทรงเรียกนักบุญหลุยส์ กษัตริย์แห่งฝรั่งเศสผู้รับใช้ของพระองค์ขึ้นสู่บังลังก์แห่งโลกนี้ ท่านได้ทำให้พระอาณาจักรสวรรค์ของพระองค์ก้าวหน้าไป พระองค์ได้ประทานความกระตือรือร้นต่อพระศาสนจักร และความรักต่อประชากรของพระองค์ให้แก่ท่าน ขอพระองค์โปรดเมตตาพวกลูกทุกคนที่ได้ระลึกถึงท่านในวันนี้ ให้ก้าวหน้าในกิจการดีทั้งปวง และได้รับมงกุฎอันรุ่งเรืองของบรรดานักบุญของพระองค์ด้วยเถิด
โปรดเถิดท่านนักบุญหลุยส์ ท่านรักและรับใช้องค์พระเยซูเจ้าท่ามกลางผู้ยากไร้ ผู้เจ็บป่วยและคนตาบอด ในบรรดาประชาชนที่ท่านปกครอง อันเป็นแบบอย่างความรัก ความเมตตา ที่พระเยซูเจ้าได้ทรงสอน เพราะความเมตตากรุณาอยู่ที่ใดพระเจ้าก็สถิตอยู่ที่นั่น ท่านจึงเป็นผู้ยิ่งใหญ่ที่สุดดังที่พระเยซูเจ้าได้ทรงสอนว่า "ผู้ที่ปรารถนาจะเป็นใหญ่ จะต้องทำตนเป็นผู้รับใช้ผู้อื่น" (มธ.20:26) ขอโปรดให้ลูกได้พบพระเยซูเจ้าในเพื่อนพี่น้องผู้ยากไร้ ทำกิจเมตตาปรานีเป็นกิจวัตรและรับใช้กันและกันด้วยใจสุภาพเสมอ
ข้าแต่ท่านนักบุญหลุยส์ กษัตริย์ผู้ศักดิ์สิทธิ์ ท่านได้ทำหน้าที่บิดาที่เข้มแข็ง ศรัทธาร้อนรนในพระเจ้า อบรมลูกๆ ตามแบบคริสตชนอย่างเคร่งครัด เป็นแบบอย่างความศักดิ์สิทธิ์สำหรับครอบครัวทั้งหลาย โปรดฟังคำภาวนาของพวกลูกทั้งหลาย ผู้ปรารถนาปฏิบัติตามแบบอย่างชีวิตของท่าน ขอท่านช่วยวิงวอนพระเป็นเจ้า เพื่อตัวลูกเองและทุกครอบครัวในโลก จะได้ดำเนินชีวิตคริสตชนที่ศรัทธา มีจิตใจยากจนและรักความยุติธรรม เพื่อเป็นพยานถึงพระองค์ในโลกปัจจุบันด้วยเทอญ อาแมน.
ข้าแต่ท่านนักบุญหลุยส์ กษัตริย์ ช่วยวิงวอนเทอญ
แก้ไขล่าสุดโดย Anonymous เมื่อ พฤหัสฯ. ก.พ. 04, 2010 4:01 pm, แก้ไขไปแล้ว 1 ครั้ง.
-
- โพสต์: 201
- ลงทะเบียนเมื่อ: พฤหัสฯ. มิ.ย. 28, 2007 9:10 am
ช่วยวิงวอนเทอญ ท่านนักบุญหลุยส์
- เลย์
- โพสต์: 1845
- ลงทะเบียนเมื่อ: พุธ ส.ค. 05, 2009 12:27 am
- ที่อยู่: ในอ้อมพระหัตถ์พระเป็นเจ้า
- ติดต่อ:
ที่มานะจ๊ะ..
http://www.stthomasminburi.com/articles/article005.html
http://bangkokthirdocd.wordpress.com/2010/01/04/%e0%b8%99%e0%b8%9e%e0%b8%a7%e0%b8%b2%e0%b8%a3%e0%b8%99%e0%b8%b1%e0%b8%81%e0%b8%9a%e0%b8%b8%e0%b8%8d%e0%b9%80%e0%b8%97%e0%b9%80%e0%b8%a3%e0%b8%8b%e0%b8%b2-%e0%b9%81%e0%b8%ab%e0%b9%88%e0%b8%87%e0%b8%9e/
อิอิ : emo102 :
http://www.stthomasminburi.com/articles/article005.html
http://bangkokthirdocd.wordpress.com/2010/01/04/%e0%b8%99%e0%b8%9e%e0%b8%a7%e0%b8%b2%e0%b8%a3%e0%b8%99%e0%b8%b1%e0%b8%81%e0%b8%9a%e0%b8%b8%e0%b8%8d%e0%b9%80%e0%b8%97%e0%b9%80%e0%b8%a3%e0%b8%8b%e0%b8%b2-%e0%b9%81%e0%b8%ab%e0%b9%88%e0%b8%87%e0%b8%9e/
อิอิ : emo102 :
แก้ไขล่าสุดโดย Anonymous เมื่อ เสาร์ ก.พ. 06, 2010 11:51 am, แก้ไขไปแล้ว 1 ครั้ง.
ผมว่า...น่าจะไปถามที่ "สันตะสำนักวาติกัน" อ่ะครับ ไม่ใช่ที่นี่...แหะๆ จริงๆ นะไม่ได้ประชด ด้วยความบริสุทธิ์ใจจริงจังเจนจิรา เขียน: อยากทราบว่า สำนักโรมันคิดยังไง กับ orthodox ที่ปฎิเสธที่จะร่วม สงครามครูเสด ด้วย