ข้อความเชื่อบังคับ

ถาม-ตอบพระคัมภีร์ เรื่องเสริมศรัทธา ความรู้ และสาระ บทความ ในคริสตศาสนา
ภาพประจำตัวสมาชิก
เจนจิรา
โพสต์: 1168
ลงทะเบียนเมื่อ: อาทิตย์ ธ.ค. 21, 2008 12:13 am

อาทิตย์ ก.พ. 07, 2010 9:57 pm

Alphonse เขียน: และผมก็หวังว่า คุณเจนจะ "มีความเข้าใจซึ่งกันและกันสำหรับคนอื่น" ว่าเขาอ่านความคิดของคุณแล้วเขาจะคิดอย่างไร
ไม่ใช่เพียง "อยากแสดงความคิดเห็นและความรู้" เท่านั้น อย่างที่คนเจนบอกว่า "ลางเนื้อชอบลางยา" นั่นล่ะครับ
ใช่ว่าทุกคนจะรักและชอบแบบเดียวกันเสียหมด .................................

ผมเองก็อยากให้คุณเจน "หูตากว้างขึ้น" ด้วยครับ ว่าประวัติศาสตร์ และความเชื่อของเราสองนิกายไม่ตรงกัน
คือบางครั้งผมเข้าใจว่า "คุณเจนพยายามแลกเปลี่ยนข้อมูลด้วยความบริสุทธิ์ใจ" ................................
ไม่ได้เขียนด้วยอารมณ์ ค่ะ เพียงแต่อ่าน และศึกษาจาก ประวัติศาสตร์ และอยากถามข้อเท็จจริงจากปากพี่น้อง catholic เอง ดีกว่าไปถามคนอื่นซึ่งยังไงก็ไม่ได้รับคำตอบที่แน่นนอน
ต้องขออภัยในบางครั้งอาจหากใช้คำในภาษาไทย ที่ดูแรงไป แต่มิได้มีเจตตนา ใดๆทั้งสิ้น
แก้ไขล่าสุดโดย Prod Pran เมื่อ อาทิตย์ ก.พ. 07, 2010 11:38 pm, แก้ไขไปแล้ว 1 ครั้ง.
อันตน
~@
โพสต์: 4164
ลงทะเบียนเมื่อ: พุธ ก.ค. 06, 2005 6:50 pm
ที่อยู่: ภูเก็ต

อาทิตย์ ก.พ. 07, 2010 10:06 pm

ตอบข้างบน
ถ้าอยากจะสอบถาม ก็อย่าเพิ่งตีหัวเข้าบ้านสิครับ นี่เล่นตีหัวเข้าบ้านแล้วว่าของชั้นแน่กว่า เก่ากว่า เก๋ากว่า เธอแยกไป ฉอดๆ(ถ้าจะให้เบาหน่อยก็เอาแบบฝรั่ง บลาๆ) โหยแล้วอย่างนี้แม่คุณจะถามอะไรเขาละครับ ไม่เห็นจะถามเลย มีแต่บอกว่าของฉันอย่างนั้นอย่างนี้ พอเขาบอกให้ฟังว่าอย่างไรแม่คุณก็ยกให้ว่าของเขาเป็นของใหม่มั่งอะไรมั่ง อย่างนี้เขาไม่เรียกว่าสอบถามหรืออยากรู้หรอกครับ เขาเรียกตีหัวเข้าบ้าน

อ้อ แล้วปิ่นโต(โควทซ้อนๆๆๆๆกัน)นะจะทำทำไม เขาพูดกันไม่รู้เท่าไหร่ต่อเท่าไหร่แล้ว ไม่นำพามั่งเลย
แก้ไขล่าสุดโดย Anonymous เมื่อ อาทิตย์ ก.พ. 07, 2010 10:10 pm, แก้ไขไปแล้ว 1 ครั้ง.
ภาพประจำตัวสมาชิก
เจนจิรา
โพสต์: 1168
ลงทะเบียนเมื่อ: อาทิตย์ ธ.ค. 21, 2008 12:13 am

อาทิตย์ ก.พ. 07, 2010 10:18 pm

ok ค่ะผิดเอง อย่างนั้น อยากทำให้ทุกคนสบายใจเจน จะไปจาก บอร์ดเอง ค่ะ

ขอบคุณ ทุกคน ค่ะ
ภาพประจำตัวสมาชิก
Immanuel (MichaelPaul)
~@
โพสต์: 2887
ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ ม.ค. 17, 2005 8:49 pm
ที่อยู่: กรุงเทพมหานคร

อาทิตย์ ก.พ. 07, 2010 11:31 pm

Alphonse เขียน:
ภาษา สำนวน บริบท หรือ ฯลฯ ที่คุณเจนใช้ เราอ่านแล้วพลอยทำให้คิดว่า "คาทอลิกเป็นฝ่ายผิดเสมอ" "ตะวันออกเป็นผู้ถูกกระทำมาตลอด"


    พิมพ์ได้ตรงใจผมดีนะ ตอนแรกก็คิดแบบนี้แหละแต่พิมพ์ไม่ถูก ขอก๊อปหน่อยละกันนะครับ
† † † Hiruma Ryuichi † † †
โพสต์: 605
ลงทะเบียนเมื่อ: เสาร์ ก.ย. 05, 2009 3:19 pm
ที่อยู่: พเนจร
ติดต่อ:

จันทร์ ก.พ. 08, 2010 6:50 am

เข้ามาสูบความรู้ฮะ

^w^
ภาพประจำตัวสมาชิก
†ผู้แบกพระคริสต์
โพสต์: 71
ลงทะเบียนเมื่อ: เสาร์ ธ.ค. 05, 2009 2:19 pm
ที่อยู่: Bangkok,Thailand

อังคาร ก.พ. 09, 2010 5:40 pm

~ฮีUโปฟัuxaoxน้ๅโJ™~ เขียน: คือสงสัยอ่ะคับว่า ข้อความเชื่อบังคับของคาทอลิกมีอะไรบ้างอ่ะคับ แบบที่ แม่พระยกเกียรขึ้นสวรรค์อ่ะคับ อะไรแบบเนี้ยอ่ะคับ มีกี่ข้อหรอคับ?
กราบสวัสดีพี่น้องทุกท่าน..

..ขออนุญาติแสดงความคิดเห็นในทัศนะของข้าพเจ้าสักหน่อยหนึ่งเถิด..
ตามที่ท่านได้ถามมานั้น..ว่า"ข้อความเชื่อบังคับของคาทอลิก"นั้น..ล้วนบรรจุอยู่บทภาวนา"ข้าพเจ้าเชื่อ Apostles' Creed หรือที่เรียกกันว่า "สัญลักษณ์ของอัครสาวก"  ประกอบด้วยความเชื่อหลัก 12 ข้อ  เคยเชื่อกันมาตลอดยุคกลางว่าอัครสาวกแต่ละองค์ช่วยกันแต่งองค์ละข้อในวันเปนเตกอสเต"

"สัญลักษณ์ของอัครสาวก" ทั้ง 12 ข้อ ได้แก่
1.ข้าพเจ้าเชื่อถึงพระเป็นเจ้า พระบิดาทรงสรรพานุภาพสร้างฟ้าดิน
2.เชื่อถึงพระเอกบุตรเยซูคริสต์สวามีของเรา
3.ปฏิสนธิเดชะพระจิต บังเกิดจากพระนางมารีอาพรหมจารี
4.รับทรมานสมัยปอนซีโอปีลาโต ถูกตรึงกางเขน ตาย และฝังไว้
5.เสด็จลงใต้บาดาล วันที่สามกลับคืนชีพจากบรรดาผู้ตาย
6.เสด็จขึ้นสวรรค์ ประทับเบื้องขวาพระเป็นเจ้าพระบิดาทรงสรรพานุภาพ
7.แล้วจะเสด็จมาพิพากษาผู้เป็นและผู้ตาย
8.ข้าพเจ้าเชื่อถึงพระจิต
9.พระศาสนจักรศักดิ์สิทธิ์สากล สหพันธ์นักบุญ
10.การยกบาป
11.การคืนชีพของเนื้อหนัง
12.และชีวิตนิรันดร

*พระศาสนจักรใช้บท "สัญลักษณ์ของอัครสาวก" ในพิธีล้างบาป

ต่อมาคือ The Nicene Creed "บทข้าพเจ้าเชื่อแห่งสภาสังคายนานีเชอา" (ปี 325) เป็นฉบับที่ใช้ร่วมกันทั้งคาทอลิก ออร์โธดอกซ์ และโปรเตสแตนท์ส่วนใหญ่  พระศาสนจักรคาทอลิกใช้บทข้าพเจ้าเชื่อฉบับนี้ในทุกจารีตพิธีกรรม รวมทั้งหลังบทเทศน์ในบูชามิสซาด้วย ซึ่งมีดังนี้..

ข้าพเจ้าเชื่อในพระเจ้าหนึ่งเดียว
พระบิดาผู้ทรงสรรพานุภาพ เนรมิตฟ้าดิน ทั้งสิ่งที่เห็นได้และเห็นไม่ได้
ข้าพเจ้าเชื่อในพระเยซูคริสตเจ้า พระบุตรหนึ่งเดียวของพระเจ้า
ทรงบังเกิดจากพระบิดาก่อนกาลเวลา
ทรงเป็นพระเจ้าจากพระเจ้า
เป็นองค์ความสว่างจากองค์ความสว่าง
ทรงเป็นพระเจ้าแท้จากพระเจ้าแท้
มิได้ถูกสร้างแต่ทรงบังเกิดร่วมพระธรรมชาติเดียวกับพระบิดา
อาศัยพระบุตรนี้ ทุกสิ่งได้รับการเนรมิตขึ้นมา
เพราะเห็นแก่เรามนุษย์ เพื่อทรงช่วยเราให้รอด พระองค์จึงเสด็จจากสวรรค์
พระองค์ทรงรับสภาพมนุษย์ จากพระนางมารีย์พรหมจารี ด้วยพระอานุภาพของพระจิตเจ้า
และทรงบังเกิดเป็นมนุษย์
สมัยปอนทิอัส ปิลาต พระองค์ทรงถูกตรึงกางเขนเพื่อเรา
พระองค์สิ้นพระชนม์และถูกฝังไว้
ทรงกลับคืนพระชนมชีพในวันที่สาม ตามความในพระคัมภีร์
เสด็จสู่สวรรค์ประทับเบื้องขวาพระบิดา
พระองค์จะเสด็จมาอีกด้วยพระสิริรุ่งโรจน์เพื่อทรงพิพากษาผู้เป็นและผู้ตาย
รัชสมัยของพระองค์จะไม่สิ้นสุด
ข้าพเจ้าเชื่อในพระจิต พระเจ้าผู้ทรงบันดาลชีวิต
ทรงเนื่องมาจากพระบิดาและพระบุตร
ทรงรับการถวายสักการะและพระสิริรุ่งโรจน์ร่วมกับพระบิดาและพระบุตร
พระองค์ดำรัสทางประกาศก
ข้าพเจ้าเชื่อว่า มีพระศาสนจักร หนึ่งเดียว ศักดิ์สิทธิ์ สากลและสืบเนื่องจากอัครสาวก
ข้าพเจ้าประกาศยืนยันว่า มีศีลล้างบาปหนึ่งเดียวเพื่ออภัยบาป
ข้าพเจ้ารอวันที่ผู้ตายจะกลับคืนชีพ
และคอยชีวิตในโลกหน้า

และสุดท้ายคือ The Athanasian Creed ไม่ทราบที่มา แต่ยกให้เป็น "บทข้าพเจ้าเชื่อของนักบุญอาธานาซีอุส"  เนื้อหาเน้นเรื่องพระตรีเอกภาพ และการรับเอากายบังเกิดเป็นมนุษย์ของพระเยซูเจ้า  ปัจจุบันใช้ในบททำวัตรของพระศาสนจักร

ข้าพเจ้าหาคำแปลอย่างเป็นทางการมาให้มิได้..
จึงจะขอหยิบยืมฉบับที่ "ท่านโยชูวาแห่งอัสซีซี" ใด้แปลเอาไว้ในประทู้พันทิพย์มาให้ท่านพี่น้องได้ยลกัน..
ถ้าได้ฉบับที่เป็นทางการเมื่อไหรจะนำมาลงให้ทันที..
*-ละติน
*-อังกฤษ
*-ไทย
1. Quicunque vult salvus esse: ante omnia opus est, ut teneat catholicam fidem.
1. Whosoever will be saved: before all things it is necessary that he hold the Catholic Faith:
1. เพื่อจะรับการไถ่ ท่านจงเชื่อ ในความเชื่อพระศาสนจักรสากล เหนือสิ่งอื่นใด

2. Quam nisi quisque integram inviolatamque servaverit: absque dubio in aeternum peribit.
2. Which Faith except every one do keep whole and undefiled: without doubt he shall perish everlastingly.
2. ความเชื่อซึ่งไม่มีผู้ใดบังอาจ ปกปิด หรือ ล่วงละเมิดได้ มิฉะนั้นเขา จะต้องพบกับความตายนิรันดร

3. Fides autem catholica hae est: ut unum Deum in Trinitate, et Trinitatem in Unitate veneremur;
3. And the Catholic Faith is this: That we worship one God in Trinity, and Trinity in Unity;
3. ความเชื่อนั้นก็คือ เรานมัสการ พระเจ้าแต่องค์เดียว คือ พระตรีเอกานุภาพ ทั้งสามล้วนเป็นหนึ่ง

4. Neque confundentes personas: neque substantiam separantes.
4. Neither confounding the Persons: nor dividing the Substance [Essence].
4. ไม่อาจ ผสม หรือ แบ่งแยก เป็นอื่นไปได้

5. Alia est enim persona Patris: alia Filii: alia Spiritus Sancti.
5. For there is one Person of the Father: another of the Son: and another of the Holy Ghost.
5. คือ พระบิดา พระบุตร และพระจิต

6. Sed Patris et Filii et Spiritus Sancti una est divinitas: aequalis gloria, coaeterna majestas.
6. But the Godhead of the Father, of the Son, and of the Holy Ghost, is all one: the Glory equal, the Majesty coeternal.
6. แต่พระเทวภาพทั้งพระบิดา พระบุตรและพระจิต ทรงเป็นหนึ่งเดียวกัน ทรงพระสิริรุ่งโรจน์ และ อานุภาพ เสมอร่วมกันตลอดนิรันดร

7. Qualis Pater: talis Filius: talis [et] Spiritus Sanctus.
7. Such as the Father is: such is the Son: and such is the Holy Ghost.
7. ทรงเป็น พระบิดา พระบุตร และพระจิต

8. Increatus Pater: increatus Filius: increatus [et] Spiritus Sanctus.
8. The Father uncreate [uncreated]: the Son uncreate [uncreated]: and the Holy Ghost uncreate [uncreated].
8. พระบิดามิได้ถูกสร้าง พระบุตรมิได้ถูกสร้าง และ พระจิตมิได้ถูกสร้าง

9. Immensus Pater: immensus filius: immensus [et] Spiritus Sanctus.
9. The Father incomprehensible [unlimited]: the Son incomprehensible [unlimited]: and the Holy Ghost incomprehensible [unlimited, or infinite].
9. พระบิดาไร้ขีดจำกัด พระบุตรไร้ขีดจำกัด และ พระจิตไร้ขีดจำกัด

10. Aeternus Pater: aeternus Filius: aeternus [et] Spiritus Sanctus.
10. The Father eternal: the Son eternal: and the Holy Ghost eternal.
10. พระบิดานิรันดร พระบุตรนิรันดร และ พระจิตนิรันดร

11. Et tamen non tres aeterni: sed unus aeternus
11. And yet they are not three eternals: but one eternal.
11. มิใช่สามนิรันดรภาพ แต่เป็นหนึ่งนิรันดรภาพ

12. Sicut non tres increati: nec tres immensi: sed unus increatus: et unus immensus.
12. As also there are not three uncreated: nor three incomprehensibles [infinites], but one uncreated:
and one incomprehensible [infinite].
12. มิใช่ 3องค์ผู้มิได้ถูกสร้าง หรือไร้ขีดจำกัด แต่องค์เดียวผู้มิได้ถูกสร้าง และทรงไร้ขีดจำกัด

13. Similiter omnipotens Pater: omnipotens Filius: omnipotens [et] Spiritus Sanctus.
13. So likewise the Father is Almighty: the Son Almighty: and the Holy Ghost Almighty.
13. เช่นเดียวกับที่ พระบิดาทรงฤทธานุภาพ พระบุตรทรงฤทธานุภาพ และพระจิตทรงฤทธานุภาพ

14. Et tamen non tres omnipotentes: sed unus omnipotens.
14. And yet they are not three Almighties: but one Almighty
14. มิใช่ สามฤทธานุภาพ แต่ ทรงเป็นหนึ่งฤทธานุภาพ

15. Ita deus Pater: deus Filius: deus [et] Spiritus Sanctus.
15. So the Father is God: the Son is God: and the Holy Ghost is God.
15. ดังนั้นทั้ง พระบิดา พระบุตร และพระจิต ทรงเป็นพระเจ้า

16. Et tamen non tres dii: sed unus est Deus.
16. And yet they are not three Gods: but one God.
16. มิใช่ พระเจ้า 3องค์ แต่เป็น พระเจ้าองค์เดียว

17. Ita dominus Pater: dominus Filius: dominus [et] Spiritus Sanctus.
17. So likewise the Father is Lord: the Son Lord: and the Holy Ghost Lord
17. เช่นเดียวกับที่ทั้งพระบิดา พระบุตร และพระจิต ทรงเป็นองค์พระผู้เป็นเจ้า

18. Et tamen non tres domini: sed unus [est] Dominus.
18. And yet not three Lords: but one Lord.
18. จึงมิใช่ องค์พระผู้เป็นเจ้าสามองค์ หากเป็น องค์พระผู้เป็นเจ้าหนึ่งเดียว

19. Quia sicut singulatim unamquamque personam Deum ac Dominum confiteri, Christiana veritate compellimur:
19. For like as we are compelled by the Christian verity: to acknowledge every Person by himself to be God and Lord:
19. เราจึงนอบน้อมต่อคริสตสัจจะ ที่จะเข้าใจว่า ทั้ง 3พระบุคคล ทรงเป็นพระเจ้า เป็นองค์พระผู้เป็นเจ้าแต่องค์เดียว

20. Ita tres deos, aut [tres] dominos dicere, catholica religione prohibemur.
20. So are we forbidden by the Catholic Religion: to say, There be [are] three Gods, or three Lords.
20. ดังนั้น โดยความเชื่อของพระศาสนจักร เราจึงไม่อาจกล่าวได้ว่ามี พระเจ้า3องค์ หรือ องค์พระผู้เป็นเจ้า3องค์

21. Pater a nullo est factus: nec creatus, nec genitus.
21. The Father is made of none: neither created, nor begotten.
21. พระบิดามิได้ทรงถูกสร้างโดยผู้ใด มิได้ทรงถูกสร้าง และมิได้กำเนิดขึ้นมา

22. Filius a Patre solo est: non factus, nec creatus: sed genitus.
22. The Son is of the Father alone: not made, nor created: but begotten.
22. พระบุตร ทรงเป็นหนึ่งเดียวกับพระบิดา มิได้ทรงถูกสร้างโดยผู้ใด มิได้ทรงถูกสร้าง แต่ทรงกำเนิดขึ้นมา

23. Spiritus Sanctus a Patre et filio: non factus, nec creatus, nec genitus: sed procedens.
23. The Holy Ghost is of the Father and of the Son: neither made, nor created, nor begotten: but proceeding.
23. พระจิตเป็นหนึ่งเดียวกับพระบิดาและพระบุตร มิได้ทรงถูกสร้างโดยผู้ใด มิได้ทรงถูกสร้าง มิได้กำเนิดขึ้นมา แต่ทรงดำรงอยู่เป็นนิจ

24. Unus ergo Pater, non tres patres: unus Filius, non tres filii: unus Spiritus Sanctus, non tres spiritus sancti.
24. So there is one Father, not three Fathers: one Son, not three Sons: one Holy Ghost, not three Holy Ghosts.
24. ดังนั้นจึงมี พระบิดา องค์เดียว มิใช่ พระบิดา3องค์ พระบุตร องค์เดียว มิใช่ พระบุตร3องค์ พระจิต องค์เดียว มิใช่ พระจิต3องค์

25. Et in hac Trinitate nihil prius, aut posterius: nihil majus, aut minus.
25. And in this Trinity none is afore, or after another: none is greater, or less than another
[there is nothing before, or after: nothing greater or less].
25. และในพระตรีเอกภาพ ไม่มีผู้ใดดำรงมาก่อน หรือถัดไป ไม่มีผู้ใดยิ่งใหญ่กว่า หรือด้อยกว่า

26. Sed totae tres personae coaeternae sibi sunt, et coaequales.
26. But the whole three Persons are coeternal, and coequal.
26. ดังนั้น ทั้ง 3พระบุคคล จึง เป็นองค์นิรันดรร่วมกัน และเสมอเท่ากัน

27. Ita, ut per omnia, sicut jam supra dictum est: et Unitas in Trinitate, et Trinitas in Unitate, venerenda sit.
27. So that in all things, as aforesaid: the Unity in Trinity, and the Trinity in Unity, is to be worshiped.
27. ดังนั้นสรรพสิ่งจึงกล่าวได้ว่า "หนึ่งเดียวคือ พระตรีเอกภาพ และพระตรีเอกภาพ เป็นหนึ่งเดียว" ซึ่งเรานมัสการ

28. Qui vult ergo salvus esse, ita de Trinitate sentiat.
28. He therefore that will be saved, must [let him] thus think of the Trinity.
28. ผู้ที่จะรับการไถ่ จะต้องยอมรับ ในเรื่องพระตรีเอกานุภาพนี้

29. Sed necessarium est ad aeternam salutem: ut incarnationem quoque Domini nostri Jesu Christi fideliter credat.
29. Furthermore it is necessary to everlasting salvation: that he also believe rightly [faithfully] the Incarnation of our Lord Jesus Christ.
29. เพราะความเชื่อ ที่ทำให้ท่านรับการไถ่นิรันดร์ คือ พระเยซูคริสตเจ้า พระเจ้าของเรา ทรงรับธรรมชาติมนุษย์

30. Est ergo fides recta, ut credamus et confiteamur: quod Dominus noster Jesus Christus Dei Filius,Deus [pariter] et homo est;
30. For the right Faith is, that we believe and confess: that our Lord Jesus Christ, the Son of God, is God and Man;
30. ด้วยความจริงข้อนี้ เราจึงเชื่อและประกาศยืนยันว่า พระเยซูคริสตเจ้า พระเจ้าของเรา ทรงเป็นทั้ง พระเจ้าแท้ และมนุษย์แท้

31. Deus [est] ex substantia Patris, ante secula genitus: et homo ex substantia matris, in seculo natus.
31. God, of the Substance [Essence] of the Father; begotten before the worlds: and Man, of the Substance [Essence] of his Mother, born in the world.
31. พระเทวภาพพระเจ้าทรงร่วมพระธรรมชาติเดียวกับพระบิดา ก่อนกำเนิดโลก : และพระเทวภาพมนุษย์ทรงประสูติในโลก ทรงร่วมธรรมชาติเดียวกับพระมารดา

32. Perfectus Deus: perfectus homo, ex anima rationali et humana carne subsistens.
32. Perfect God: and perfect Man, of a reasonable soul and human flesh subsisting
32. ทรงเป็นพระเจ้าสมบูรณ์ และมนุษย์สมบูรณ์ โดยพระวิญญาณซึ่งสัพพัญญู และโดยสภาพเนื้อหนังที่ดำรงอยู่

33. Aequalis Patri secundum divinitatem: minor Patre secundum humanitatem.
33. Equal to the Father, as touching his Godhead: and inferior to the Father as touching his Manhood.
33. ทรงเสมอกับพระบิดาโดยเทวภาพ แต่ยังทรงอยู่ต่ำกว่า พระบิดา โดยสภาพมนุษย์

34. Qui licet Deus sit et homo; non duo tamen, sed unus est Christus.
34. Who although he be [is] God and Man; yet he is not two, but one Christ.
34. ทรงเป็นทั้งพระเจ้า และมนุษย์ มิใช่ 2องค์ แต่เป็นพระคริสตเจ้าองค์เดียว

35. Unus autem, non conversione divinitatis in carnem: sed assumptione humanitatis in Deum.
35. One; not by conversion of the Godhead into flesh: but by taking [assumption] of the Manhood into God.
35. พระองค์ มิได้มาจากการเปลี่ยนเทวภาพสู่สภาพเนื้อหนัง แต่ทรงยกธรรมชาติมนุษย์ ขึ้นสู่พระเจ้า

36. Unus omnino; non confusione substantiae: sed unitate personae.
36. One altogether; not by confusion of Substance [Essence]: but by unity of Person
36. ความเป็นหนึ่งเดียวทั้งสองสภาพ มิได้มาจากการผสมกัน แต่ทรงเป็น เอกภาพเดียวของพระบุคคล

37. Nam sicut anima rationalis et caro unus est homo: ita Deus et homo unus est Christus.
37. For as the reasonable soul and flesh is one man: so God and Man is one Christ;
37. เพราะ พระวิญญาณสัพพัญญู และสภาพเนื้อหนัง อยู่ในมนุษย์คนเดียวกัน พระคริสตเจ้าพระองค์เดียวจึงทรงเป็นทั้งพระเจ้า และมนุษย์

38. Qui passus est pro nostra salute: descendit ad inferos: tertia die resurrexit a mortuis.
38. Who suffered for our salvation: descended into hell [Hades, spirit-world]: rose again the third day from the dead.
38. พระองค์ ทรงรับทรมาน เพื่อช่วยเราให้รอด เสด็จลงใต้บาดาล วันที่สามกลับคืนชีพจากบรรดาผู้ตาย

39. Ascendit ad [in] coelos: sedet ad dexteram [Dei] Patris [omnipotentis].
39. He ascended into heaven, he sitteth on the right hand of the Father God [God the Father] Almighty
39. เสด็จขึ้นสวรรค์ ประทับเบื้องขวาพระเป็นเจ้า พระบิดาทรงสรรพนุภาพ

40. Inde venturus [est] judicare vivos et mortuos.
40. From whence [thence] he shall come to judge the quick and the dead.
40. แล้วจะเสด็จมาพิพากษาผู้เป็นและผู้ตาย

41. Ad cujus adventum omnes homines resurgere habent cum corporibus suis;
41. At whose coming all men shall rise again with their bodies;
41. ซึ่งทุกคนจะเป็นขึ้นมา พร้อมกับร่างกาย

42. Et reddituri sunt de factis propriis rationem.
42. And shall give account for their own works.
42. และรับผล ตามสิ่งที่ตนได้กระทำไว้

43. Et qui bona egerunt, ibunt in vitam aeternam: qui vero mala, in ignem aeternum.
43. And they that have done good shall go into life everlasting: and they that have done evil, into everlasting fire.
43. ผู้ชอบธรรม จะมีชีวิตนิรันดร์ ส่วนผู้ชั่วร้าย ก็จะอยู่ในนรกนิรันดร์

44. Haec est fides catholicae: quam nisi quisque fideliter firmiterque crediderit, salvus esse non poterit.
44. This is the Catholic Faith: which except a man believe faithfully [truly and firmly], he can not be saved.
44. นี่คือ ความเชื่อของพระศาสนจักร ที่หากผู้ใดไม่เชื่ออย่างจริงใจและมั่นคง ก็จะไม่ได้รับการไถ่กู้

เหล่านี้คือ"ข้อความเชื่อบังคับ" ที่เป็นหลักสำคัญที่สุดของพระศาสนจักร


ส่วนเรื่องแม่พระรับเกรียติยกขึ้นสวรรค์นั้น..ตามทัศนะของข้าพเจ้าจึงถือว่า"หาใช่ข้อความเชื่อที่เป็นหลักสำคัญไม่"
เพราะไม่ได้ถูกระบุลงไปในบทข้าพเจ้าเชื่อ บทต่างๆแม้แต่บทเดียวเลย..
เพียวแต่ระบุว่าพระนางทรงเป็นพรหมจารีเท่านั้น..

ส่วนเรื่องการถูกยกขึ้นสวรรค์ทั้งกายและวิญญาณนั้น..
น่าจะมีบันทึกไว้ใน"อธิกธรรมนอกสารบบ"ที่ไม่ได้ถูกรวมมาเป็นส่วนหนึ่งของพระคัมภีร์แต่อย่างใด..
และถือว่าเป็น"ธรรมมะประเพณีโบราณ"ที่คริสตชนบางกลุ่มเชื่อกันมา..จนขยายเป็นความเชื่อของคริสตชนกลุ่มใหญ่..
จนทำใก้ทางสันตะสำนักประกาศเป็นข้อเชื่อ..

**แต่ก็ถือว่ามิใช่ข้อความเชื่อหลักสำคัญ..เพราะข้อเชื่อหลักสำคัญล้วนอยู่ใน"บทข้าพเจ้าเชื่อ"ทั้งหมดอยู่แล้ว..
เพราะตอนรับศีลล้างบาปนั้นผู้รับฯ จะได้รับบทข้าพเจ้าเชื่อซึ่งเป็นหลักที่สำคัญที่สุดของพระศาสนา..ก็มิได้มีบอกให้เชื่อว่าพระนางมารีย์ทรงรับเกรียติยกขึ้นสวรรค์..เราบอกแค่ว่ว.เชื่อว่าพระนางทรงเป็นพรหมจารี..

ส่วนเรื่องพระนางทรงรับเกรียติยกขึ้นสวรรค์นั้นคนที่ยังไม่เชื่อก้อสามารถประกาศตัวเป็นคริสตชน(คาทอลิก)ได้เช่นกัน..
ส่วนหลังจากเป็นแล้ว(ล้างบาปแล้ว)..
***ธรรมประเพณี จะเป็นตัวที่ทำให้ท่านเหล่านั้น ซึมซับหลักศรัทธาปลีกย่อยนี้ไปเอง..

ดังนั้นจึงขออาจเอื้อมเสนอแนะท่านพี่น้องทั้งหลายว่า..
"ขอให้เราคำนึงถึงแก่นแท้ หรือหลักใหญ่ใจความที่เรามีร่วมกันดีกว่า.."
"ไม่ควรไปอิงสิ่งที่เป็นกระพี้ หรือเปลือกนอก จนทำให้มันเป็นหลักสำคัญ และบดบังหลักที่สำคัญจริงๆของเราไปเสียหมด"

ทั้งหมดข้างต้นนี้เป็นแค่เพียง"ทัศนะ"ของข้าพเจ้าผู้รู้น้อย..
ถ้าผิดพลาดหรือไปขัดกับทัศนะของพี่น้องผู้ทรงปัญญาท่านใด ก็ขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วย..



กราบลา..
ขอพระเป็นเจ้าทรงอำนวยพรท่านพี่น้องทั้งหลาย..
แลขอสันติสุขจงสถิตอยู่ในกายใจสหายทุกท่านเถิด..
อาเมน+
† † † Hiruma Ryuichi † † †
โพสต์: 605
ลงทะเบียนเมื่อ: เสาร์ ก.ย. 05, 2009 3:19 pm
ที่อยู่: พเนจร
ติดต่อ:

อังคาร ก.พ. 09, 2010 7:19 pm

Rep ข้างบนเคะขิงๆฮะ  : xemo033 :

สุดยอดด

ขอบคุณมากกค้าบบบบผม ^ ^
ภาพประจำตัวสมาชิก
sohee1989
โพสต์: 44
ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ ก.พ. 08, 2010 1:09 pm

อังคาร ก.พ. 09, 2010 8:14 pm

Christophorus Uriel เขียน: ส่วนเรื่องแม่พระรับเกรียติยกขึ้นสวรรค์นั้น..ตามทัศนะของข้าพเจ้าจึงถือว่า"หาใช่ข้อความเชื่อที่เป็นหลักสำคัญไม่"
เห็นด้วย
ภาพประจำตัวสมาชิก
yuki
โพสต์: 681
ลงทะเบียนเมื่อ: พุธ มี.ค. 01, 2006 5:02 am

อังคาร ก.พ. 09, 2010 10:12 pm

Christophorus Uriel ตอบได้โดนมากถ้ามีให้คะแนนน่ะ มีเต็มเท่าไหร่เราให้หมดตัวเลย เยี่ยม!!!
ภาพประจำตัวสมาชิก
Ecclēsia
โพสต์: 976
ลงทะเบียนเมื่อ: พุธ พ.ค. 27, 2009 9:25 pm
ที่อยู่: อาสนวิหารอัสสัมชัญ เขต1 อัครสังฆมณฑลกรุงเทพฯ
ติดต่อ:

อังคาร ก.พ. 09, 2010 11:43 pm

เเต่อย่างไรก็ตาม การปฏิสนธินิรมล กับ การถูกยกขึ้นสวรรค์ ก็เป็น "ข้อความเชื่อ" (Dogma) ของพระศาสนจักรเหมือนกันค่ะ
ภาพประจำตัวสมาชิก
†ผู้แบกพระคริสต์
โพสต์: 71
ลงทะเบียนเมื่อ: เสาร์ ธ.ค. 05, 2009 2:19 pm
ที่อยู่: Bangkok,Thailand

พุธ ก.พ. 10, 2010 5:54 am

Ecclēsia เขียน: เเต่อย่างไรก็ตาม การปฏิสนธินิรมล กับ การถูกยกขึ้นสวรรค์ ก็เป็น "ข้อความเชื่อ" (Dogma) ของพระศาสนจักรเหมือนกันค่ะ
กราบสวัสดีพี่น้องทุกท่านอีกครั้ง..

..ขอบังอาจชี้แนะตามทัศนะข้าพเจ้าอีกสักครั้ง..
ที่ข้าพเจ้าเสนอแนะไปในครั้งแรก..มิได้มีเจตนาที่จะมาหักล้างหรือลบลางสิ่งใดๆที่มีอยู่ทั้งนั้น..แต่ข้าพเจ้าเสนอเพื่อให้ท่านพี่น้องได้เห็นความสำคัญ.ความแตกต่างของสิ่งนั้นๆเท่านั้น..

..ตามที่ท่านพี่น้องได้กล่าวมานั้น "การถูกยกขึ้นสวรรค์นั้น" ถือว่าเป็น "ด๊อกม่า(Dogma)" นั้นถูกแล้ว
ส่วน"การปฏิสนธินิรมล"นั้นหาใช่ "ด๊อกม่า(Dogma)ไม่" เพราะการปฏิสนธินิรมลนั้นมีระบุไว้ใน "Credo(Symbolum) "จึงมีความสำคัญกว่ามาก..และเป็นข้อความเชื่อบังคับที่เราคริสตชนทุกคนต้องเชื่อ..
[แก่ไขเป็น]ตามที่ท่านพี่น้องได้กล่าวมานั้น "การปฏิสนธินิรมล"และ"การถูกยกขึ้นสวรรค์นั้น" ถือว่าเป็น "ด๊อกม่า(Dogma)" นั้นถูกแล้ว

เรื่องการถูกยกขึ้นสวรรค์
**" Alium dogma est Assumptio corporealis in Coelum Virginis Mariae."**
พอจะแปลได้ว่า..
**"ส่วนความเชื่อปลีกย่อย(Dogma)อื่นๆนั้นได้แก่การถูกรับขึ้นสู่สวรรค์ทั้งกายและวัญญาณของพระนางมารีอาพรหมจารี"**

..อุปมา เครโด(credo-symbolum)ประหนึ่ง ธรรมนูญแห่งรัฐฉันใด ด๊อกม่า(Dogma)ก็เปรียบดัง อนุธรรมนูญแห่งรัฐฉันนั้น..
พูดตามพาษาชาวบ้านก็คือ เครโด เหมือนรัฐธรรมนูญ ส่วน ด๊อกม่านั้น เหมือนเอกสารประกอบ รธน. หรือ พรบ. หรือ กฎกระทรวง นั่นเอง..

ฉะนั้น..จงปฏิบัติรักษา-ซึมซับ เครโด ให้อิ่มเอมใจก่อนเถิด..เมื่อดื่มด่ำเต็มที่แล้ว จะหันไปหา ด๊อกม่า มาครอบครองไว้ในจิตใจก็ยังไม่สาย..


กราบลา..
ขอพระเป็นเจ้าทรงอำนวยพรพี่น้องทั้งหลาย..
ขอสันติสุขจงอยู่ในกายใจสหายทุกท่านเถิด..
อาเมน+
แก้ไขล่าสุดโดย Anonymous เมื่อ เสาร์ ก.พ. 13, 2010 12:29 pm, แก้ไขไปแล้ว 1 ครั้ง.
ภาพประจำตัวสมาชิก
Edwardius
โพสต์: 1392
ลงทะเบียนเมื่อ: พฤหัสฯ. ต.ค. 12, 2006 3:02 pm
ที่อยู่: Lamphun, Thailand

พุธ ก.พ. 10, 2010 12:17 pm

Immaculate Conception หรือ การปฎิสนธินิรมล

หมายถึง การบังเกิดของแม่พระ ไม่ใช่หรือครับ

We declare, pronounce and define that the doctrine which holds that the Blessed Virgin Mary, at the first instant of her conception, by a singular privilege and grace of the Omnipotent God, in virtue of the merits of Jesus Christ, the Saviour of mankind, was preserved immaculate from all stain of original sin, has been revealed by God, and therefore should firmly and constantly be believed by all the faithful.
ภาพประจำตัวสมาชิก
Léon
โพสต์: 766
ลงทะเบียนเมื่อ: เสาร์ มิ.ย. 13, 2009 8:43 pm
ที่อยู่: แผ่นดินโลก
ติดต่อ:

พุธ ก.พ. 10, 2010 2:40 pm

เมพขิงๆ
ภาพประจำตัวสมาชิก
Jeanne d'Arc
โพสต์: 235
ลงทะเบียนเมื่อ: อังคาร พ.ค. 12, 2009 12:33 pm

ศุกร์ ก.พ. 12, 2010 10:21 pm

เจนจิรา เขียน: ok ค่ะผิดเอง อย่างนั้น อยากทำให้ทุกคนสบายใจเจน จะไปจาก บอร์ดเอง ค่ะ

ขอบคุณ ทุกคน ค่ะ
โชคดีนะครับ



APPROVE ให้คุณ Christophorus Uriel ครับ
ภาพประจำตัวสมาชิก
†ผู้แบกพระคริสต์
โพสต์: 71
ลงทะเบียนเมื่อ: เสาร์ ธ.ค. 05, 2009 2:19 pm
ที่อยู่: Bangkok,Thailand

เสาร์ ก.พ. 13, 2010 12:28 am

Edwardius เขียน: Immaculate Conception หรือ การปฎิสนธินิรมล

หมายถึง การบังเกิดของแม่พระ ไม่ใช่หรือครับ

We declare, pronounce and define that the doctrine which holds that the Blessed Virgin Mary, at the first instant of her conception, by a singular privilege and grace of the Omnipotent God, in virtue of the merits of Jesus Christ, the Saviour of mankind, was preserved immaculate from all stain of original sin, has been revealed by God, and therefore should firmly and constantly be believed by all the faithful.

—Pope Pius IX, Ineffabilis Deus, December 8, 1854[7]

และเรื่องนี้ก็ไม่ได้อยู่ใน Credo ด้วยครับ

พระสันตะปาปาปิอุสที่ 9 ได้ประกาศ ex cathedra เรื่องนี้ไว้ เรื่องนี้จึงเป็น Dogma ครับ
กราบสวัสดีพี่น้องในพระคริสต์ทุกท่าน..
ขออณุาติแสดงทัศนะของข้าพเจ้า..

เราต้องแยกแยะความเข้าใจระหว่าง "การปฏิสรธินิรมล" กับ "การบังเกิด" ของแม่พระออกจากกันนะท่านพี่น้อง..
มันคนละเหตุการณ์กันนะท่าน..

"Immaculate Conception หรือ Immaculata Conceptio ในละติน" แปลว่าการปฏิสนธินิรมลนั้นถูกต้องแล้ว..
แต่นี่ มิได้หมายถึง "การบังเกิดของแม่พระ" หรอกนะท่าน..

การบังเกิดนั้นเราใช้คำว่า "Nativity" ถ้าเป็นของแม่พระ เราก็ใช่ว่า "Nativity of mary หรือ birth of mary"
-ถ้าเป็นของพระเยซูเราก็ใช้ "Nativity of jesus หรือ birth of jesus"

Immaculate Conception นั้นหมายถึง ช่วงที่แม่พระอยู่ในครรของ "นักบุญอันนา" พระนางบริสุทธิผุดผ่อง..
ต่อมาเมื่อพระนางบังเกิด (Nativity) จึงได้รู้ว่าพระนางเป็นผู้บริสุทธิผุดผ่องจริงๆคือ ผิวพรรณของพระนางนั้นไร้ตำหนิงามไร้ที่ติ
หรือบริสุทธิ หรือวิมล หรือนิรมล นั้นเอง..

คนเราเกิดมานั้น..หายากมากที่จะเป็นผู้นิรมล กล่าวคือถึงขะผิวพรรณดีขาวสวย-หล่อยังไง..อย่างนั้นที่สุดมันจะมีสักจุดหนึ่งในร่างกายที่มีตำหนิ เป็นปาน หรือ ใฝเล็กจิ๋ว..
แต่หระนางนั้นไม่มีเลย..พระนางปราสจากสิ่งเหล่านี้..ตั้งแต่อยู่ในครร จนเกิด จนโตมาก็ไม่ปรากฎ จนตายก็ไม่มีตำหนิเลย พระนางจึงใดนามว่าผู้นิรมลด้วยตั้งแต่เกิดจนตาย..

ดังนั้นขอให้ท่านพี่น้องอย่าสับสนระหว่า "การปฏิสนธินิรมล" กับ "การบังเกิด" ของแม่พระ

ส่วนการบังเกิดของพระเยซูนั้น เราไม่เรียกว่าการปฏิสนธินิรมล..
แต่เราเรียกว่า "conceptus est de Spiritu Sancto หรือ (แปลแบบ เลาๆ ได้ว่า)ปฏิสนธิโดยอำนาจแห่งพระจิตศักดิสิทธิ์"
ซึ้งก็เหนือและมีค่ามากกว่าการปฏิสนธิอยู่แล้ว.. แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าพระเยซูไม่นิรมล..
พระองค์นั้นนิรมลเช่นกัน แต่เราไม่ได้กล่าวไว้ เพราะมันยาวไปและเหมือนว่าจะพูดซ้ำๆย้ำๆ..

ตัวอย่างเช่น "ถ้าเราเป็นกษัตริย์ เราก็ไม่จำเป็นต้องบอกว่า เรามีอำนาจสั่งการใครหรือกลุมไหนในอาณาจักรบ้าง.. เพราะเราเป็นประมุขสูงสุดของอาณาจักรอยู่แล้ว.. บอกว่าเป็นแค่กษัตริย์ ก็พอ.."

ทั้งหมดนี้ก็เป็นแค่ ทัศนะ ของข้าพเจ้าผู้เป็นจุดเล็กๆส่วนเล็กๆในพระกายทิพย์ขิงพระคริสต์(พระศาสนจักร)เท่านั้น..หาได้ยิ่งใหญ่ไปหว่าท่านพี่น้องท่านใดไม่..

สุดท้ายนี้ก็ต้องขอย้ำอีกสักคราว่า..
***"อย่าเอากระพี้ หรือ เรื่องที่ไม่สำคัญมาก มาเป็นเหตุ หรือชนวน ที่นำไปสู่การแต่กแยกกัน..ควรหันมาดูสิ่งที่เรามีเหมือนกัน ซึ่งสิ่งนั้นเราทุกคนต่างก็รู้ว่ามันเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุดของเราแต่ละคน แต่ละฝ่าย.."
ดังที่มีหลายคนกล่าวบ่อยๆว่า "เรา ควร แสวง จุดร่วม ควร สงวน จุดต่าง" เรา้ก็ควรทำเช่นนั้นคือส่วนที่เรามีเหมือนกันก็มาช่วยก่ออิฐเสริมเหล็กเสริมคอนกรีตให้มันแขงแรงมั่นคง..
ส่วนที่เรามีต่างหรือขัดกันนั้น..นำมาพูดมากล่าวกันได้..แต่อย่าให้มันมาเป็นตัวบ่อนทำลายเราทั้งสองฝ่าย..


อ่านมาผ่านๆตาแล้วรู้สึกสลดใจจริงแท้..ขอให้พี่น้องหลายๆท่านกลับไปดูคำสอนและแบบอย่างของพระคริสต์เถิด..

พี่น้องท่านใดที่ในใจมันบอกว่า "ทนไม่ไหวแล้วโว้ยย!!(ภาษาพูด-ขออภัย)" ก็ขอให้ทนอีกสักหน่อยเถิดถื่อเสียว่าพระเจ้าทรงทดลองเราอยุ่
เห็นแก่พระเป็นเจ้า โปรดอยู่ต่อเถิด.. ถ้าไปแล้วจะเกิดอะไรขึ้น.. ลูกแกะที่หลงทาง กบที่อยู่ในกะลา ยังมีอีกเยอะ..
ถ้าไปแล้ว พี่น้องเหล่านั้นก็ยังจะ หลงทางอยู่เหมือนเดิม อยุ่ในกะลาอยู่เหมือนเดิม..
หรือผู้ที่เป็นนักศึกษาหาความรู้ ก็จะไม่มีความรู้ในส่วนของที่ท่านพี่น้องมี..
ข้าพเจ้าก็ใช่จะเป็นผู้มีความรู้มากมายอะไร.. เห็นแก่พระเป็นเจ้า.. อยู่เพื่อให้ความรู้ที่พระเป็นเจ้าทรงประทานให้ท่านรู้นี้มีอยู่ต่อไปในที่แห่งนี้เถิด..

ท้ายที่สุด.. ถ้าทัศนะ หรือความคิดเห็น ของข้าพเจ้า ไปขัดกับพี่น้องท่านใด.. ก็ขอภัยมา ณ ที่นี้ด้วย..
และเห็นแก่พระเจ้า โปรดอภัยแก่ข้าพเจ้าด้วยเถิด..


กราบลา..
ขอพระเป็นเจ้าทรงอำนวยพรพี่น้องทั้งหลาย..
ขอสันติสุขจงอยู่ในกายใจสหายทุกท่านเทอญ..
อาเมน
ภาพประจำตัวสมาชิก
Zion
~@
โพสต์: 3777
ลงทะเบียนเมื่อ: อังคาร ม.ค. 18, 2005 8:37 pm
ติดต่อ:

เสาร์ ก.พ. 13, 2010 10:42 am

Christophorus Uriel เขียน:
Ecclēsia เขียน: เเต่อย่างไรก็ตาม การปฏิสนธินิรมล กับ การถูกยกขึ้นสวรรค์ ก็เป็น "ข้อความเชื่อ" (Dogma) ของพระศาสนจักรเหมือนกันค่ะ

ส่วน"การปฏิสนธินิรมล"นั้นหาใช่ "ด๊อกม่า(Dogma)ไม่" เพราะการปฏิสนธินิรมลนั้นมีระบุไว้ใน "Credo(Symbolum) "
คุณUrielพูดเองนะครับ ว่า
Christophorus Uriel เขียน: ส่วนการบังเกิดของพระเยซูนั้น เราไม่เรียกว่าการปฏิสนธินิรมล..
แต่เราเรียกว่า "conceptus est de Spiritu Sancto หรือ (แปลแบบ เลาๆ ได้ว่า)ปฏิสนธิโดยอำนาจแห่งพระจิตศักดิสิทธิ์"
เช่นนั้นที่ Ecclesia กล่าวมาก็ถูกต้องแล้วสิครับ  : emo027 :
แก้ไขล่าสุดโดย Anonymous เมื่อ เสาร์ ก.พ. 13, 2010 10:48 am, แก้ไขไปแล้ว 1 ครั้ง.
ภาพประจำตัวสมาชิก
Edwardius
โพสต์: 1392
ลงทะเบียนเมื่อ: พฤหัสฯ. ต.ค. 12, 2006 3:02 pm
ที่อยู่: Lamphun, Thailand

เสาร์ ก.พ. 13, 2010 11:35 am

ประเด็นของผมไม่ใช่เรื่องว่า คลอดออกมา หรือ ก่อกำเนิดในครรภ์มารดานี่ครับ

ประเด็นก็อย่างที่ ยศิยล พูดไปข้างบน
Immaculate Conception เป็น Dogma ไม่ใช่ Credo เพราะ
Immaculate Conception เป็นคำเฉพาะ ใช้กับแม่พระเท่านั้น
เพราะคำนี้ยืมมาจากภาษาฝรั่งเศสอีกทีหนึ่ง ไม่ใช่ละตินไปหาฝรั่งเศส แต่เป็นฝรั่งเศสไปละติน (นิมิตการประจักษ์)
คำนี้ไม่ถูกใช้จนกระทั่งภายหลังการประจักษ์ครั้งนั้น
และเมื่อ refer ถึงความปราศจากบาปของพระคริสต์เมื่อครั้งก่อกำเนิดในครรภ์มารดา ก็ใช้ conceptus est de Spiritu Sancto

จริงอยู่ครับว่าพระคริสตเจ้าทรงดำรงอยู่ในโลกมนุษย์โดยปราศจากบาป
ดังนั้น พระศาสนจักรก็ไม่มีความจำเป็นต้องไปย้ำอีกหลายๆ รอบว่า พระองค์บังเกิดโดยปราศจากมลทิน หรืออะไรทำนองนั้น
แต่กรณีแม่พระ ไม่ใช่
มีคำถามแต่โบราณแล้วว่า ภาชนะรองรับพระจิต ต้องสะอาดหรือไม่ (หมายถึงไม่มีมลทิน และปราศจากบาป)
ซึ่งการประจักษ์นั้นก็เป็นที่มาของการยืนยันว่า ภาชนะรองรับพระจิตนั้นสะอาด ปราศจากมลทิน และบาป

ไม่ใ่ช่ว่าความไม่บาปของพระคริสต์ไม่สำคัญ แต่เรารู้อยู่แล้วว่า พระองค์ทรงปราศจากมลทินทุกประการ
แต่สำหรับแม่พระซึ่งเราถือว่า เป็นมนุษย์ 100% เพียงอย่างเดียว จึงมีึคำถามนานาประการว่าด้วยเรื่องข้างต้น
ภาพประจำตัวสมาชิก
†ผู้แบกพระคริสต์
โพสต์: 71
ลงทะเบียนเมื่อ: เสาร์ ธ.ค. 05, 2009 2:19 pm
ที่อยู่: Bangkok,Thailand

เสาร์ ก.พ. 13, 2010 12:23 pm

ยศิยล:ผู้หวังในพระเจ้า เขียน:
Christophorus Uriel เขียน:
Ecclēsia เขียน: เเต่อย่างไรก็ตาม การปฏิสนธินิรมล กับ การถูกยกขึ้นสวรรค์ ก็เป็น "ข้อความเชื่อ" (Dogma) ของพระศาสนจักรเหมือนกันค่ะ

ส่วน"การปฏิสนธินิรมล"นั้นหาใช่ "ด๊อกม่า(Dogma)ไม่" เพราะการปฏิสนธินิรมลนั้นมีระบุไว้ใน "Credo(Symbolum) "
คุณUrielพูดเองนะครับ ว่า
Christophorus Uriel เขียน: ส่วนการบังเกิดของพระเยซูนั้น เราไม่เรียกว่าการปฏิสนธินิรมล..
แต่เราเรียกว่า "conceptus est de Spiritu Sancto หรือ (แปลแบบ เลาๆ ได้ว่า)ปฏิสนธิโดยอำนาจแห่งพระจิตศักดิสิทธิ์"
เช่นนั้นที่ Ecclesia กล่าวมาก็ถูกต้องแล้วสิครับ  : emo027 :
กราบสวัสดีพี่น้องในพระคริสต์ทุกท่านอีกครั้งหนึ่ง..

ตามที่ท่านพี่น้องกล่าวมานั้นถูกต้องแล้ว..

ข้าพเจ้าขอยอมรับผิดในความสัพเพร่าครั้งนี้..
และข้าพเจ้าก็ต้องขออภัยกับความผิดพลาด ความบกพร่อง ความพลั้งเผลอ ของข้าพเจ้าในครั้งนี้ด้วย..

ต้องขอขอบคุณท่านพี่น้องที่ได้ให้การสำรวจตรวจสอบความคลาดเคลื่อนเหล่านี้..
ขอขอบคุณอย่างสุดซึ้ง..
และขอขอบพระคุณพระเป็นเจ้า
ที่ทรงแสดงให้เห็นความบกพร่องนี้ผ่านทางท่าน..

ข้าพเจ้าจะแก้ไขให้โดยเร็วที่สุด..



กราบลา..
ขอพระเป็นเจ้าทรงอำนวยพรพี่น้องทั้งหลาย..
ขอสันติสุขจงอยู่ในกายใจสหายทุกท่านเทอญ..
อาเมน
ภาพประจำตัวสมาชิก
Immanuel (MichaelPaul)
~@
โพสต์: 2887
ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ ม.ค. 17, 2005 8:49 pm
ที่อยู่: กรุงเทพมหานคร

เสาร์ ก.พ. 13, 2010 8:05 pm

คำเดียวสั้น ๆ  ทั้งยศ, Ecclesia, Edwardius และ Christophorus Uriel นี่สุดยอดมากครับ ความรู้แน่นปึ๊กมาก ไปศึกษาจากไหนมาเหรอครับ ^^
ภาพประจำตัวสมาชิก
Ecclēsia
โพสต์: 976
ลงทะเบียนเมื่อ: พุธ พ.ค. 27, 2009 9:25 pm
ที่อยู่: อาสนวิหารอัสสัมชัญ เขต1 อัครสังฆมณฑลกรุงเทพฯ
ติดต่อ:

เสาร์ ก.พ. 13, 2010 10:46 pm

ห้องคำสอนเจ้าค่ะ*-*
ภาพประจำตัวสมาชิก
Edwardius
โพสต์: 1392
ลงทะเบียนเมื่อ: พฤหัสฯ. ต.ค. 12, 2006 3:02 pm
ที่อยู่: Lamphun, Thailand

เสาร์ ก.พ. 13, 2010 11:28 pm

Apology Accepted.
ภาพประจำตัวสมาชิก
Zion
~@
โพสต์: 3777
ลงทะเบียนเมื่อ: อังคาร ม.ค. 18, 2005 8:37 pm
ติดต่อ:

อาทิตย์ ก.พ. 14, 2010 6:12 am

อ่านครับ (เป็นคำตอบอย่างสั้น)

-หนังสือแม่พระุยุคใหม่ เรื่องแม่พระเมืองลูร์ด
-50คำถามคาทอลิก แปลโดยพระคุณเจ้าวีระ : xemo016 :

ฯลฯ
ภาพประจำตัวสมาชิก
†ผู้แบกพระคริสต์
โพสต์: 71
ลงทะเบียนเมื่อ: เสาร์ ธ.ค. 05, 2009 2:19 pm
ที่อยู่: Bangkok,Thailand

พฤหัสฯ. ก.พ. 18, 2010 6:47 am

Immanuel (MichaelPaul) เขียน: คำเดียวสั้น ๆ  ทั้งยศ, Ecclesia, Edwardius และ Christophorus Uriel นี่สุดยอดมากครับ ความรู้แน่นปึ๊กมาก ไปศึกษาจากไหนมาเหรอครับ ^^
กราบสวัสดีท่านพี่น้อง..

ข้าพเจ้าก็ศึกษามาจากท่านพี่น้องทั้งหลายนี่แหละ..
แล้วก็ความสอดรู้สอดเห็นของข้าพเจ้าก็ช่วยด้วย..
แล้วก็บรรดาพระสงฆ์นักบวชทั้งหลาย..
แล้วก็ตำราบางตำรา..

ที่จำได้ก็มีอยู่เท่านี้แหละนะท่าน..

กราบลา..
ขอพระเป็นเจ้าทรงอำนวยพรท่าน..
ขอสันติสุขจงอยู่ในกายใจท่านเทอญ..
อาเมน..
~ฮีUโปฟัuxaoxน้ๅโJ™~
โพสต์: 1653
ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ ก.ย. 10, 2007 9:22 pm
ที่อยู่: ไม่ใกล้ไม่ใกล้จากวัดอัสสัม-0-

พฤหัสฯ. ก.พ. 18, 2010 8:37 am

= = สารภาพ คับ อ่านแล้ว งง ง่ะคับ

พี่เจนติวด่วนT^T
ตอบกลับโพส