ขอถามเกี่ยวกับรูปปั้น

ถาม-ตอบพระคัมภีร์ เรื่องเสริมศรัทธา ความรู้ และสาระ บทความ ในคริสตศาสนา
sayonara
โพสต์: 62
ลงทะเบียนเมื่อ: อาทิตย์ ม.ค. 31, 2010 8:16 pm

จันทร์ พ.ค. 10, 2010 11:27 am

ตามหัวเรื่องนะครับ
คือผมเป็นผู้มีความเชื่อใหม่ มีความรู้น้อย อยากถามท่านผู้รู้หน่อยว่า
เหตุใดทั้งๆที่ในพระบัญญัติก็บอกชัดเจนว่า ห้ามทำรูปเคารพไม่ว่าจะเป็น บนบกก็ดี ใต้น้ำก็ดี
แต่ทำไมในวัดคาธอลิก ต้องมีรูปปั้น ไม่ว่าจะเป็นรูปปั้น พระคริสต์ แม่พระ หรือนักบุญ
ผมก็แค่อยากทราบว่าทำไมถึงสามารถมีได้ทั้งๆที่ค่อนข้างขัดพระบัญญัติ หรือว่าที่มีไว้เพื่อระลึกถึงเท่านั้นไม่ได้เคารพ แล้วเกิดคำถามต่อมาว่าแล้วมีไว้เพื่ออะไร? ถ้าอย่างนั้นระลึกไว้ในใจไม่ดีกว่าหรือ?
แต่ผมก็ยังค้างคาใจอยู่ดี ผมเองเชื่อในองค์พระผู้เป็นเจ้าและแม่พระนะครับ สวดสายพระคำเป็นประจำ แต่เมื่อไปเห็น
แล้วมันเกิดสะกิดใจขึ้นมาเลยอยากทราบจากท่านที่รู้ช่วยมาคลายข้อสงสัยด้วยครับ

ขอโทษด้วยที่ถามตรงๆแต่ผมก็ไม่กล้าถามใครเพราะกลัวเค้าจะด่าเอา ก็เลยคิดว่ามาถามที่นี่ดีกว่าเพราะคิดว่าคงเข้าใจกัน เพราะผมเองก็ยังไม่ได้มีความรู้มากนัก
ภาพประจำตัวสมาชิก
Holy
Defender of lawS
Defender of lawS
โพสต์: 10011
ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ ม.ค. 17, 2005 3:06 pm

จันทร์ พ.ค. 10, 2010 1:22 pm

ลองอ่านอันนี้ก่อนครับ

http://www.newmana.com/phpbb/viewtopic.php?f=13&t=5830
sayonara
โพสต์: 62
ลงทะเบียนเมื่อ: อาทิตย์ ม.ค. 31, 2010 8:16 pm

จันทร์ พ.ค. 10, 2010 2:30 pm

ขอบคุณครับ
แต่ในพระคัมภีร์ภาคพันธะสัญญาใหม่มีบอกไว้ว่า เราควรจะยึดมั่นในธรรมบัญญัติ ไม่ใช่เหรอครับ
หากเป็นไปตามที่ลิงค์มานั้น ดูเหมือนว่าจะเป็นการตีความของมนุษย์มากกว่านะครับ ผมจึงสงสัยอีกว่า
หากเราตีความแบบมนุษย์นั้น จะผิดต่อพระบัญญัติหรือปล่าว? เพราะมนุษย์มีบาป และเราอาจจะยอมทำไปเพราะมีบาปคอยยุยงก็อาจเป็นได้ อีกอย่างโดยปกติของคนเราทุกคน แค่เราคิดว่าถูกแล้ว ทั้งยังมีส่วนอื่นมาร่วม มีคนที่คิดเห็นเหมือนกัน เราก็มักจะคิดว่าความคิดนั้นถูกต้อง โดยอาศัยความคิดของเราเป็นหลัก ก็อาจทำให้เราเขวไปจากแนวทางได้ใช่ไหมล่ะครับ

ผมก็ไม่ได้แย้งแต่อย่างไรแต่ก็อยากให้ชัดเจนที่สุดน่ะครับ
ภาพประจำตัวสมาชิก
Zion
~@
โพสต์: 3777
ลงทะเบียนเมื่อ: อังคาร ม.ค. 18, 2005 8:37 pm
ติดต่อ:

จันทร์ พ.ค. 10, 2010 3:06 pm

ผมว่าลิงค์ที่พี่้holyให้มาก็ชัดเจนแล้วครับ
-เรื่องธรรมบัญญัติ พวกยิวเคร่งครัดกว่าเรามากครับ
-หลายครั้งในพระคัมภีร์ ซึ่งเราทุกนิกายล้วนเชื่อว่า พระจิตเจ้า/พระวิญญาณเป็นผู้ดลใจมนุษย์ให้เขียน
พระเจ้าทรงสั่งให้มนุษย์สร้างรูปต่างๆขึ้นมาครับ
ดูได้ที่
อพยพ 25:18-22 /26:1,31
กดว 21:8-9
1พกษ 6:23-29,35 7:29
_________________

ถ้าคุณจะตีความว่าการทำรูปปั้นของคาทอลิกผิด
เช่นนั้น รูปวาดเหตุการณ์ต่างๆที่มีพระเยซู หรือบุคคลอื่นๆในพระคัมภีร์ที่ปรากฎในที่ต่างๆ
ตลอดจนไม้กางเขนที่เป็นสัญลักษณ์ของคริสตจักรต่างๆของนิกายโปรแตสแตนท์

มิถือเป็นความผิดอันดาษดื่นเหรอครับ?
_________________

ผมว่า การมีรูปปั้น ไม่ใช่ความผิด
แต่การที่ให้ความสำคัญรูปเหล่านั้น แทนที่พระเจ้าต่างหากละครับ จึงเป็นความผิด
sayonara
โพสต์: 62
ลงทะเบียนเมื่อ: อาทิตย์ ม.ค. 31, 2010 8:16 pm

จันทร์ พ.ค. 10, 2010 3:20 pm

อืมๆขอบคุณครับ พอเข้าใจบ้างแล้ว
อีกอย่างผมเป็นคาธอลิกนะครับ

ขอบคุณมาก ขอพระเจ้าอวยพรครับ
:+: seraphim :+:
~@
โพสต์: 7624
ลงทะเบียนเมื่อ: พุธ มี.ค. 23, 2005 9:49 pm
ที่อยู่: Pattaya Chonburi

จันทร์ พ.ค. 10, 2010 4:28 pm

::015:: อวาต้าน้อง นึกว่า พี่เจ้าคณะ
ภาพประจำตัวสมาชิก
Holy
Defender of lawS
Defender of lawS
โพสต์: 10011
ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ ม.ค. 17, 2005 3:06 pm

จันทร์ พ.ค. 10, 2010 4:49 pm

sayonara เขียน:ขอบคุณครับ
แต่ในพระคัมภีร์ภาคพันธะสัญญาใหม่มีบอกไว้ว่า เราควรจะยึดมั่นในธรรมบัญญัติ ไม่ใช่เหรอครับ
หากเป็นไปตามที่ลิงค์มานั้น ดูเหมือนว่าจะเป็นการตีความของมนุษย์มากกว่านะครับ ผมจึงสงสัยอีกว่า
หากเราตีความแบบมนุษย์นั้น จะผิดต่อพระบัญญัติหรือปล่าว? เพราะมนุษย์มีบาป และเราอาจจะยอมทำไปเพราะมีบาปคอยยุยงก็อาจเป็นได้ อีกอย่างโดยปกติของคนเราทุกคน แค่เราคิดว่าถูกแล้ว ทั้งยังมีส่วนอื่นมาร่วม มีคนที่คิดเห็นเหมือนกัน เราก็มักจะคิดว่าความคิดนั้นถูกต้อง โดยอาศัยความคิดของเราเป็นหลัก ก็อาจทำให้เราเขวไปจากแนวทางได้ใช่ไหมล่ะครับ

ผมก็ไม่ได้แย้งแต่อย่างไรแต่ก็อยากให้ชัดเจนที่สุดน่ะครับ
ที่ลิงค์มานั้นไม่ใช่ตีความแบบมนุษย์นะครับ คำว่าตีความแบบมนุษย์กับตีความแบบพระเจ้าของคุณคืออะไรล่ะครับ การตีความตามตัวอักษรโดยไม่ดูเจตนาหรือ

สมัยพระเยซูทรงโดนฟาริสีด่า เพราะทำผิดบัญญัติ10ประการไปทำงานวันสะบาโต คือรักษาโรค แต่พระเยซูกลับถามฟาริสีว่า วันสะบาโตควรทำดีไหม

ดังนั้นพระเยซูไม่ได้ตีความตามตัวอักษรแบบฟาริสี แต่ตีความที่เจตนาของบทบัญญัตินั้น ว่าที่พระเจ้าไม่ให้ทำงานวันสะบาโต เพราะต้องการให้คนใช้วันนั้นไปวัดไปโบสถ์ ไม่ใช่เพราะต้องการห้ามทำงานเฉยๆ ที่ถึงขนาดการทำความดีช่วยคนในวันนั้นยังห้าม

และพระเยซูคือพระเจ้าครับ พระเจ้าตีความแนวแบบนี้ครับ คือแนวว่า ต้องรู้เจตนาของบัญญัตินั้นว่าตั้งทำไมไม่ใช่ทำตามตัวอักษรเหมือนหุ่นยนต์ การห้ามมีรูปเคารพ เจตนาไม่ใช่เพราะพระเจ้าเกลียดงานศิลปะ แต่พระเจ้าไม่ต้องการให้เราไปนมัสการพระเจ้าอื่นซึ่งในสมัยนั้นสร้างเป็นรูปเคารพต่างๆ ดังที่เราจะเห้นว่า พระเจ้าสั่งให้สร้างหีบพันธสัญญาที่มีรูปทูตสวรรค์กางปีกอย่างชัดเจน จึงแสดงว่าพระเจ้าไม่ได้หมายความถึงรูปในศาสนาตัวเอง แต่ห้ามถึงรูปในศาสนาอื่นๆที่จะทำให้หันเหออกจากพระเจ้าเที่ยงแท้

แต่รูปปั้นทุกรูปในพระศาสนจักรคาทอลิกล้วนแล้วแต่ทำให้เราหันมาหาพระเจ้าได้ง่ายขึ้น เหมือนที่พระเจ้าสั่งให้สร้างรูปทูตสวรรค์ที่หีบพันธสัญญา เพื่อสื่อถึงพระองค์เอง และยิ่งกว่านั้นหลายๆภาพมาจากนิมิตที่พระเจ้าทรงสั่งให้สร้าง เช่นรูปพระเมตตาที่พระเยซูสั่งมาให้วาดเอง หรือรูปแม่พระบางรูปเช่นเหรียญแม่พระอัศจรรย์ ที่แม่พระบอกให้ทำ

ดังนั้นเราต้องตีความแบบพระเจ้าคือเข้าใจเจตนาของบทบัญญัตินั้น ไม่ใช่ตีความแบบมนุษย์(ฟาริสี) ที่ตามตัวอักษรโดยไม่สนเจตนาแท้จริงของบัญญัติ
THE TRUTH BIBLE
โพสต์: 23
ลงทะเบียนเมื่อ: ศุกร์ พ.ค. 14, 2010 9:31 am

ศุกร์ พ.ค. 14, 2010 10:10 am

อพยพ 25:18-22 /26:1,31
กดว 21:8-9
1พกษ 6:23-29,35 7:29
จะขออนุญาติอธิบายให้เข้าใจตาม ข้อข้างบนนี้....
1/ อพยพ 25:18-22 18จงทำเครูบทองคำสองรูป โดยใช้ฝีค้อนทำตั้งไว้ที่ปลายพระที่นั่งกรุณาทั้งสองข้าง 19ทำเครูบไว้ที่ปลายพระที่นั่งกรุณาข้างละรูป ทำเครูบนั้น และให้ตอนปลายทั้งสองข้างติดเป็นเนื้อเดียวกับพระที่นั่งกรุณา 20ให้เครูบกางปีกออกไว้เบื้องบนปกพระที่นั่งกรุณา ไว้ด้วยปีก และให้หันหน้าเข้าหากัน ให้เครูบหันหน้ามาตรงพระที่นั่งกรุณา 21แล้วจงตั้งพระที่นั่งกรุณานั้นไว้บนหีบ จงบรรจุพระโอวาทซึ่งเราจะให้ไว้แก่เจ้าไว้ในหีบนั้น 22ณ ที่นั้น เราจะอยู่ให้เจ้าเข้าเฝ้า และจะสนทนากับเจ้า จากเหนือพระที่นั่งกรุณาระหว่างกลางเครูบ ซึ่งตั้งอยู่บน หีบพระโอวาท เราจะสนทนากับเจ้าทุกเรื่อง ซึ่งเราจะสั่งเจ้าให้ประกาศแก่ชนชาติอิสราเอล
เครูป คือ หนึ่งในห้าของฑูตสวรรค์ของพระเจ้า ดังนั้นจึงไม่ใช่รูปเครพ
2/ 26:1,31 คำตอบข้อที่ 1
3/กดว 21:8-9 8และพระเจ้าตรัสกับโมเสสว่า “จงทำงูแมวเซาตัวหนึ่งติดไว้ที่เสา ทุกคนที่ถูกงูกัด เมื่อเขามองดู เขาจะยังมีชีวิตอยู่ได้” 9ดังนั้นโมเสสจึงทำงูทองสัมฤทธิ์ตัวหนึ่ง และติดไว้ที่เสา แล้วถ้างูกัดคนใด ถ้าเขามองดูงูทองสัมฤทธิ์นั้น เขาก็มีชีวิตอยู่ได้
อย่าสับสนตรงจุดนี้ครับ เพราะชนอิสราเอลเป็นคนดื้อรั้น พวกเขาเห็นถึงจะเชื่อ ดังนั้นพระเจ้าทรงอนุญาติให้ทำตรงนี้ได้ และเป็นสัญญาลักณ์หรือเครื่องหมาย ของยา ในปัจจุบัน
4/ 1พกษ 6:23-29,35 คำตอบข้อที่ 1
5/ 7:29 อ่าน วิวรณ์
THE TRUTH BIBLE
โพสต์: 23
ลงทะเบียนเมื่อ: ศุกร์ พ.ค. 14, 2010 9:31 am

ศุกร์ พ.ค. 14, 2010 10:24 am

[/bสิ่งที่พระเจ้าทรงเกลียดชังมากที่สุดคือ การไม่เชื่อฟัง และพระองค์ทรงเกลียดรูปเคารพอย่างที่สุด...
อิสยาห์ 2:18-20 18และรูปเคารพจะสูญสิ้นไปทีเดียว
19และคนจะเข้าไปในถ้ำ
และในโพรงดิน
ให้พ้นจากความน่าเกรงขามของพระเจ้า
และจากพระสิริแห่งความโอ่อ่าตระการของพระองค์
เมื่อพระองค์ทรงลุกขึ้นกระทำให้โลกสั่นสะท้าน
20ในวันนั้นคนจะเหวี่ยง
รูปเคารพของตนออกไปอันทำด้วยเงินและรูปเคารพ ของตนที่ทำด้วยทองคำ
ซึ่งเขาทำไว้เพื่อตนเองจะนมัสการ
ไปยังตัวตุ่นและตัวค้างคาว
อิสยาห์ 42:17 17เขาทั้งหลายจะหันกลับ และต้องขายหน้าอย่างที่สุด
คือผู้ที่วางใจในรูปแกะสลัก
ผู้ที่กล่าวแก่รูปเคารพหล่อว่า
“ท่านเป็นพระของเรา”
จากการถูกทรงตีสอน
อิสยาห์ 43:10 10พระเจ้าตรัสว่า “เจ้าทั้งหลายเป็นพยานของเรา
และเป็นผู้รับใช้ของเราซึ่งเราได้เลือกไว้แล้ว
เพื่อเจ้าจะรู้จักและเชื่อถือเรา
และเข้าใจว่าเราเป็นผู้นั้นแหละ ก่อนหน้าเรา ไม่มีพระใดถูกปั้นขึ้น
และภายหลังเราก็จะไม่มี
THE TRUTH BIBLE
โพสต์: 23
ลงทะเบียนเมื่อ: ศุกร์ พ.ค. 14, 2010 9:31 am

ศุกร์ พ.ค. 14, 2010 10:29 am

กิจการ 4:12 ในผู้อื่นความรอดไม่มีเลย ด้วยว่านามอื่นซึ่งให้เราทั้งหลายรอดได้ ไม่ทรงโปรดให้มีในท่ามกลางมนุษย์ทั่วใต้ฟ้า”
ภาพประจำตัวสมาชิก
Holy
Defender of lawS
Defender of lawS
โพสต์: 10011
ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ ม.ค. 17, 2005 3:06 pm

เสาร์ พ.ค. 15, 2010 12:48 am

THE TRUTH BIBLE เขียน:อพยพ 25:18-22 /26:1,31
กดว 21:8-9
1พกษ 6:23-29,35 7:29
จะขออนุญาติอธิบายให้เข้าใจตาม ข้อข้างบนนี้....
1/ อพยพ 25:18-22 18จงทำเครูบทองคำสองรูป โดยใช้ฝีค้อนทำตั้งไว้ที่ปลายพระที่นั่งกรุณาทั้งสองข้าง 19ทำเครูบไว้ที่ปลายพระที่นั่งกรุณาข้างละรูป ทำเครูบนั้น และให้ตอนปลายทั้งสองข้างติดเป็นเนื้อเดียวกับพระที่นั่งกรุณา 20ให้เครูบกางปีกออกไว้เบื้องบนปกพระที่นั่งกรุณา ไว้ด้วยปีก และให้หันหน้าเข้าหากัน ให้เครูบหันหน้ามาตรงพระที่นั่งกรุณา 21แล้วจงตั้งพระที่นั่งกรุณานั้นไว้บนหีบ จงบรรจุพระโอวาทซึ่งเราจะให้ไว้แก่เจ้าไว้ในหีบนั้น 22ณ ที่นั้น เราจะอยู่ให้เจ้าเข้าเฝ้า และจะสนทนากับเจ้า จากเหนือพระที่นั่งกรุณาระหว่างกลางเครูบ ซึ่งตั้งอยู่บน หีบพระโอวาท เราจะสนทนากับเจ้าทุกเรื่อง ซึ่งเราจะสั่งเจ้าให้ประกาศแก่ชนชาติอิสราเอล
เครูป คือ หนึ่งในห้าของฑูตสวรรค์ของพระเจ้า ดังนั้นจึงไม่ใช่รูปเครพ
ทำไมถึงคิดว่าทูตสวรรค์ของพระเจ้ามีห้าครับ ในพระคัมภีร์บอกมีตั้งหลายองค์ และใช่แล้ว ด้วยมุมมองว่า ถ้าเป็นรูปของผู้เกี่ยวข้องกับพระเจ้า ให้กระทำได้เพื่อเป้นสิ่งที่สื่อถึงพระเจ้า ทำให้รูปของพระเยซูคริสต์ซึ่งเป็นพระบุตรพระเจ้า และรูปพระมารดามารีย์ ผู้รับใช้ที่บริสุทธิ์แอละสุภาพของพระองค์ ตลอดจนบรรดานักบุญ ผู้เป็นธรรมิกชนที่พระเจ้าทรงรัก ซึ่งมีอยู่ในโบสถ์คาทอลิก ไม่ใช่รูปเคารพ
2/ 26:1,31 คำตอบข้อที่ 1
3/กดว 21:8-9 8และพระเจ้าตรัสกับโมเสสว่า “จงทำงูแมวเซาตัวหนึ่งติดไว้ที่เสา ทุกคนที่ถูกงูกัด เมื่อเขามองดู เขาจะยังมีชีวิตอยู่ได้” 9ดังนั้นโมเสสจึงทำงูทองสัมฤทธิ์ตัวหนึ่ง และติดไว้ที่เสา แล้วถ้างูกัดคนใด ถ้าเขามองดูงูทองสัมฤทธิ์นั้น เขาก็มีชีวิตอยู่ได้
อย่าสับสนตรงจุดนี้ครับ เพราะชนอิสราเอลเป็นคนดื้อรั้น พวกเขาเห็นถึงจะเชื่อ ดังนั้นพระเจ้าทรงอนุญาติให้ทำตรงนี้ได้ และเป็นสัญญาลักณ์หรือเครื่องหมาย ของยา ในปัจจุบัน
4/ 1พกษ 6:23-29,35 คำตอบข้อที่ 1
5/ 7:29 อ่าน วิวรณ์
ถ้าคุณหมายถึงสัญลักษณ์ของกระทรวงสาธรณสุข

รูปภาพ

อันนั้นไม่ได้มีที่มาจากกางเขนรูปงูแมวเซานะคุณ แต่มาจากไม้เท้าของเทพเฮอเมส

รูปภาพ

เรายังคงพบปัญหาแนวเดิมจากคริสเตียนบางสายนิกายคือ ไม่รู้ประวัติศาสตร์ และตีความพระคัมภีร์ผิดจากวัตถุประสงค์ที่ถูกต้อง แต่ตีความตามที่เรียนระวีหลักสูตรด่าคาทอลิกอย่างเดียว
ภาพประจำตัวสมาชิก
Holy
Defender of lawS
Defender of lawS
โพสต์: 10011
ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ ม.ค. 17, 2005 3:06 pm

เสาร์ พ.ค. 15, 2010 12:55 am

เมื่อพระเยซูเจ้าตรัสถึงไม้รูปงูแมวเซา ไม่ได้ทรงตรัสแบบที่คุณพูด(ไม่จริง)ว่าเพื่อเป็นสัญลักษณ์ของยาเท่านั้น แต่ทรงตรัสว่าเสมือนพระองค์เอง แบบนี้ครับ

ยน 3:14
โมเสสยกรูปงูขึ้นในถิ่นทุรกันดารฉันใดบุตรแห่งมนุษย์ก็จะต้องถูกยกขึ้นฉันนั้น เพื่อทุกคนที่มีความเชื่อในพระองค์จะมีชีวิตนิรันดร


รูปภาพ

ดังนั้นรูปที่ปั้นขึ้นเพื่อสื่อถึงพระเยซูเอง หรือพระเจ้าเอง แม้จะไม่ใช่รูปพระองค์ตรงๆ เป็นสัญลักษณ์(ที่อาจเป็นสัตว์ด้วยซ้ำ) หรือเป็นรูปผู้รับใช้ของพระองค์(จะนักบุญหรือทูตสวรรค์) ถ้าสื่อไปถึงพระบิดาเจ้าสวรรค์ได้ ก็ย่อมเป็นคนละเรื่องกันโดยสิ้นเชิงกับกรณีนมัสการรูปเคารพ ที่เล็งถึงพระเทียมเท็จในสมัยโบราณ ที่สื่อไปถึงพระที่ไม่มีจริง และทำให้คนหันเหและลืมพระเจ้าเที่ยงแท้

ขอพระนามของพระบิดาเจ้าทรงได้รับการสรรเสริญ

อาแมน
THE TRUTH BIBLE
โพสต์: 23
ลงทะเบียนเมื่อ: ศุกร์ พ.ค. 14, 2010 9:31 am

เสาร์ พ.ค. 15, 2010 5:03 am

จะพูดให้ชัดเจนเกี่ยวกับรูปเคารพ เราจะไม่สนใจว่าใครพูดอย่างไร แต่เราสนใจว่า
พระคำภีร์ บอกไว้อย่างไร
กิจการ 17:24-25 24พระเจ้าผู้ทรงสร้างโลกกับสิ่งทั้งปวงที่มีอยู่ในนั้น พระองค์ทรงเป็นเจ้าแห่งฟ้าสวรรค์และแผ่นดินโลก มิได้ทรงสถิตในปูชนียสถานซึ่งมือมนุษย์ได้กระทำไว้ 25พระองค์มิจำต้องให้มือมนุษย์มาปรนนิบัติ ดังว่ามีความต้องการสิ่งหนึ่งสิ่งใด เพราะพระองค์ทรงเป็นผู้ประทานชีวิตและลมหายใจ และสิ่งสารพัดแก่คนทั้งปวงต่างหาก
25พระองค์มิจำต้องให้มือมนุษย์มาปรนนิบัติ ดังว่ามีความต้องการสิ่งหนึ่งสิ่งใด เพราะพระองค์ทรงเป็นผู้ประทานชีวิตและลมหายใจ และสิ่งสารพัดแก่คนทั้งปวงต่างหาก
THE TRUTH BIBLE
โพสต์: 23
ลงทะเบียนเมื่อ: ศุกร์ พ.ค. 14, 2010 9:31 am

เสาร์ พ.ค. 15, 2010 5:43 am

Report this postReply with quoteRe: ขอถามเกี่ยวกับรูปปั้น
โดย Holy เมื่อ Sat May 15, 2010 12:55 am

เมื่อพระเยซูเจ้าตรัสถึงไม้รูปงูแมวเซา ไม่ได้ทรงตรัสแบบที่คุณพูด(ไม่จริง)ว่าเพื่อเป็นสัญลักษณ์ของยาเท่านั้น แต่ทรงตรัสว่าเสมือนพระองค์เอง แบบนี้ครับ

ยน 3:14
โมเสสยกรูปงูขึ้นในถิ่นทุรกันดารฉันใดบุตรแห่งมนุษย์ก็จะต้องถูกยกขึ้นฉันนั้น เพื่อทุกคนที่มีความเชื่อในพระองค์จะมีชีวิตนิรันดร
ขออธิบายให้เข้าใจตรงนี้....
ดังนั้นต้องทำความเข้าใจว่าสาเหตุใด พระเจ้าจึงสั่งโมเสสให้ทำ รูปงูทองเหลืองขึ้น
กันดารวิถี 21:4-9 4เขาทั้งหลายออกเดินจากภูเขาโฮร์ตามทางที่ไปทะเลแดง เพื่อจะอ้อมแผ่นดินเอโดม ประชาชนท้อถอยเพราะเหตุหนทาง 5และประชาชนก็บ่นว่าพระเจ้าและว่าโมเสสว่า “ทำไมพาเราออกจากอียิปต์มาตายในถิ่นทุรกันดาร เพราะไม่มีอาหารและไม่มีน้ำ เราเบื่ออาหารอันไร้ค่านี้” 6และพระเจ้าก็ทรงให้งูแมวเซามาในหมู่ประชาชน งูก็กัดประชาชน และคนอิสราเอลตายมาก 7และประชาชนมาหาโมเสสกล่าวว่า “เราทั้งหลายได้กระทำบาปเพราะเราทั้งหลายได้บ่น ว่าพระเจ้าและบ่นว่าท่าน ขอทูลแด่พระเจ้าขอพระองค์ทรงนำงูไปจากเราเสีย” ดังนั้นโมเสสจึงอธิษฐานเพื่อประชาชน 8และพระเจ้าตรัสกับโมเสสว่า “จงทำงูแมวเซาตัวหนึ่งติดไว้ที่เสา ทุกคนที่ถูกงูกัด เมื่อเขามองดู เขาจะยังมีชีวิตอยู่ได้” 9ดังนั้นโมเสสจึงทำงูทองสัมฤทธิ์ตัวหนึ่ง และติดไว้ที่เสา แล้วถ้างูกัดคนใด ถ้าเขามองดูงูทองสัมฤทธิ์นั้น เขาก็มีชีวิตอยู่ได้
เหตุที่ทำ รูปงู เพราะ พวกเขาบ่น(อิสราเอล) บ่นต่อใคร? ต่อ พระเจ้า และ โมเสส
ผลที่ได้รับคือ ตาย!! แล้วยังไง มาร้องขอต่อโมเสส ร้องว่าอย่างไร ข้อ 7 แล้วโมเสสทำอย่างไร? ดังนั้นโมเสสจึงอธิษฐานเพื่อประชาชน แล้วพระเจ้าสำแดงอย่างไร ข้อ 8 มองดูที่
งูทองทองสัมฤทธิ์ แล้วจะเกิดอะไรขึ้นกับประชาชน เขาก็มีชีวิตอยู่ได้
เช่นเดียวกันหากแม้ มองดูที่พระเจ้าคือ พระเยซูคริส คุณจะได้ชีวิตนิรันดร์
ก่อนจะตีความหมายอย่าจับเฉพาะตรงข้อ แต่อ่านรายละเอียดทั้งหมดเสียก่อน แล้วจึงจะตีความหมาย...... ให้ดู ยน. ข้อ13 13ไม่มีผู้ใดได้ขึ้นไปสู่สวรรค์ นอกจากท่านที่ลงมาจากสวรรค์คือบุตรมนุษย์ นำไปสู่ความคิดเกี่ยวกับที่พระเยซูถูกยกชู ( 8:28 28พระเยซูจึงตรัสกับเขาว่า “เมื่อท่านทั้งหลายจะได้ยกบุตรมนุษย์ขึ้นไว้แล้ว เมื่อนั้นท่านก็จะรู้ว่า เราคือผู้นั้น และรู้ว่าเรามิได้ทำสิ่งใดตามใจชอบ แต่พระบิดาได้ทรงสอนเราอย่างไร เราจึงกล่าวอย่างนั้น ) คนยิวถูกลงโทษ เพราะ ไม่เชื่อฟังต่อพระเจ้าคือ พระเยซูคริสต์
THE TRUTH BIBLE
โพสต์: 23
ลงทะเบียนเมื่อ: ศุกร์ พ.ค. 14, 2010 9:31 am

เสาร์ พ.ค. 15, 2010 7:20 am

ฑูตสวรรค์ของพระเจ้ามีอยู่ 3 ประเภท คือ 1ฑูตสวรรค์ สำหรับนมัสการพระเจ้า 2 ส่งข่าวสาร( Messenger )+ ฑูตสวรรค์ นักรบ 3 ทำงาน ( work )
ฑูตสวรรค์ของพระเจ้ามีเป็นล้านๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ เเต่ที่ในพระคำภีร์บอกไว้ มีดังนี้ มีคาเอล ( ดาเนียล 10:13 13เจ้าผู้พิทักษ์ราชอาณาจักรเปอร์เซีย ได้ขัดขวางข้าพเจ้าไว้ถึงยี่สิบเอ็ดวัน แต่มีคาเอล เจ้าผู้พิทักษ์ชั้นหัวหน้าผู้หนึ่งมาช่วยข้าพเจ้า ข้าพเจ้าจึงละท่านไว้ที่นั่นให้อยู่กับเจ้าผู้ พิทักษ์ราชอาณาจักรเปอร์เซีย)
กาเบรียล ลูกา 1:19 19ฝ่ายทูตสวรรค์นั้นจึงตอบว่า “เราคือกาเบรียลซึ่งยืนคอยรับใช้อยู่หน้าพระพักตร์พระเจ้า และทรงใช้ให้มาพูดกับท่านและนำข่าวดีนี้มาแจ้ง
เสราฟิม อิสยาห์ 6:2-3 2เหนือพระองค์มีเสราฟิมยืนอยู่ แต่ละตนมีปีกหกปีก ใช้สองปีกบังหน้า และสองปีกคลุมเท้า และด้วยสองปีกบินไป 3ต่างก็ร้องต่อกันและกันว่า
“บริสุทธิ์ บริสุทธิ์ บริสุทธิ์ พระเจ้าจอมโยธา
เครูป ( Cherubim ) ปฐมกาล 3:24 24พระองค์ทรงไล่ชายนั้นออกไป และทรงตั้งพวกเครูบ[ หมายถึง ทูตสวรรค์จำพวกหนึ่ง ] ทางด้านทิศตะวันออกแห่งสวนเอเดน และตั้งกระบี่เพลิงอันหนึ่งที่หมุน ได้รอบทิศไว้เฝ้าทางที่จะเข้าไปสู่ต้นไม้แห่งชีวิตนั้น

พระเจ้าอวยพร
THE TRUTH BIBLE
โพสต์: 23
ลงทะเบียนเมื่อ: ศุกร์ พ.ค. 14, 2010 9:31 am

เสาร์ พ.ค. 15, 2010 8:18 am

ด้วยมุมมองว่า ถ้าเป็นรูปของผู้เกี่ยวข้องกับพระเจ้า ให้กระทำได้เพื่อเป้นสิ่งที่สื่อถึงพระเจ้า ทำให้รูปของพระเยซูคริสต์ซึ่งเป็นพระบุตรพระเจ้า และรูปพระมารดามารีย์ ผู้รับใช้ที่บริสุทธิ์แอละสุภาพของพระองค์ ตลอดจนบรรดานักบุญ ผู้เป็นธรรมิกชนที่พระเจ้าทรงรัก ซึ่งมีอยู่ใน......โดย Holy เมื่อ Sat May 15, 2010 12:48 am

ด้วยมุมมอง มุมมองของใครครับ?
ถ้าเป็นรูปของผู้เกี่ยวข้องกับพระเจ้า ให้กระทำได้ ใครให้ทำครับ? มีบอกไว้ในพระคำภีร์ไหมครับ? ถัามี บทอะไร? ข้อที่เท่าไรครับ?
เพื่อเป้นสิ่งที่สื่อถึงพระเจ้า การสิ่งที่สื่อถีงพระเจ้า มีอยู่แค่2 วิธี
1/ อ่านพระคำภีร์ 2/ อธิฐาน
พระเจ้าอวยพร
THE TRUTH BIBLE
โพสต์: 23
ลงทะเบียนเมื่อ: ศุกร์ พ.ค. 14, 2010 9:31 am

เสาร์ พ.ค. 15, 2010 8:40 am

มีอยู่ หนึ่งสิ่ง ที่พระเจ้าทรงกระทำมิได้
เออ...มีอีกสิ่ง ที่พระเจ้า ไม่ทรงรู้จัก
สองสิ่งนี้คืออะไร? ( คำตอบต้องมาจากข้อพระคำภีร์เท่านั้น )
พระเจ้าอวยพร
ภาพประจำตัวสมาชิก
Holy
Defender of lawS
Defender of lawS
โพสต์: 10011
ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ ม.ค. 17, 2005 3:06 pm

เสาร์ พ.ค. 15, 2010 2:55 pm

THE TRUTH BIBLE เขียน:ฑูตสวรรค์ของพระเจ้ามีอยู่ 3 ประเภท คือ 1ฑูตสวรรค์ สำหรับนมัสการพระเจ้า 2 ส่งข่าวสาร( Messenger )+ ฑูตสวรรค์ นักรบ 3 ทำงาน ( work )
ฑูตสวรรค์ของพระเจ้ามีเป็นล้านๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ เเต่ที่ในพระคำภีร์บอกไว้ มีดังนี้ มีคาเอล ( ดาเนียล 10:13 13เจ้าผู้พิทักษ์ราชอาณาจักรเปอร์เซีย ได้ขัดขวางข้าพเจ้าไว้ถึงยี่สิบเอ็ดวัน แต่มีคาเอล เจ้าผู้พิทักษ์ชั้นหัวหน้าผู้หนึ่งมาช่วยข้าพเจ้า ข้าพเจ้าจึงละท่านไว้ที่นั่นให้อยู่กับเจ้าผู้ พิทักษ์ราชอาณาจักรเปอร์เซีย)
กาเบรียล ลูกา 1:19 19ฝ่ายทูตสวรรค์นั้นจึงตอบว่า “เราคือกาเบรียลซึ่งยืนคอยรับใช้อยู่หน้าพระพักตร์พระเจ้า และทรงใช้ให้มาพูดกับท่านและนำข่าวดีนี้มาแจ้ง
เสราฟิม อิสยาห์ 6:2-3 2เหนือพระองค์มีเสราฟิมยืนอยู่ แต่ละตนมีปีกหกปีก ใช้สองปีกบังหน้า และสองปีกคลุมเท้า และด้วยสองปีกบินไป 3ต่างก็ร้องต่อกันและกันว่า
“บริสุทธิ์ บริสุทธิ์ บริสุทธิ์ พระเจ้าจอมโยธา
เครูป ( Cherubim ) ปฐมกาล 3:24 24พระองค์ทรงไล่ชายนั้นออกไป และทรงตั้งพวกเครูบ[ หมายถึง ทูตสวรรค์จำพวกหนึ่ง ] ทางด้านทิศตะวันออกแห่งสวนเอเดน และตั้งกระบี่เพลิงอันหนึ่งที่หมุน ได้รอบทิศไว้เฝ้าทางที่จะเข้าไปสู่ต้นไม้แห่งชีวิตนั้น

พระเจ้าอวยพร
สรุปที่ตอนแรกพูดว่า1ใน5นี่มั่วใช่ไหม
ภาพประจำตัวสมาชิก
Holy
Defender of lawS
Defender of lawS
โพสต์: 10011
ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ ม.ค. 17, 2005 3:06 pm

เสาร์ พ.ค. 15, 2010 2:57 pm

THE TRUTH BIBLE เขียน:Report this postReply with quoteRe: ขอถามเกี่ยวกับรูปปั้น
โดย Holy เมื่อ Sat May 15, 2010 12:55 am

เมื่อพระเยซูเจ้าตรัสถึงไม้รูปงูแมวเซา ไม่ได้ทรงตรัสแบบที่คุณพูด(ไม่จริง)ว่าเพื่อเป็นสัญลักษณ์ของยาเท่านั้น แต่ทรงตรัสว่าเสมือนพระองค์เอง แบบนี้ครับ

ยน 3:14
โมเสสยกรูปงูขึ้นในถิ่นทุรกันดารฉันใดบุตรแห่งมนุษย์ก็จะต้องถูกยกขึ้นฉันนั้น เพื่อทุกคนที่มีความเชื่อในพระองค์จะมีชีวิตนิรันดร
ขออธิบายให้เข้าใจตรงนี้....
ดังนั้นต้องทำความเข้าใจว่าสาเหตุใด พระเจ้าจึงสั่งโมเสสให้ทำ รูปงูทองเหลืองขึ้น
กันดารวิถี 21:4-9 4เขาทั้งหลายออกเดินจากภูเขาโฮร์ตามทางที่ไปทะเลแดง เพื่อจะอ้อมแผ่นดินเอโดม ประชาชนท้อถอยเพราะเหตุหนทาง 5และประชาชนก็บ่นว่าพระเจ้าและว่าโมเสสว่า “ทำไมพาเราออกจากอียิปต์มาตายในถิ่นทุรกันดาร เพราะไม่มีอาหารและไม่มีน้ำ เราเบื่ออาหารอันไร้ค่านี้” 6และพระเจ้าก็ทรงให้งูแมวเซามาในหมู่ประชาชน งูก็กัดประชาชน และคนอิสราเอลตายมาก 7และประชาชนมาหาโมเสสกล่าวว่า “เราทั้งหลายได้กระทำบาปเพราะเราทั้งหลายได้บ่น ว่าพระเจ้าและบ่นว่าท่าน ขอทูลแด่พระเจ้าขอพระองค์ทรงนำงูไปจากเราเสีย” ดังนั้นโมเสสจึงอธิษฐานเพื่อประชาชน 8และพระเจ้าตรัสกับโมเสสว่า “จงทำงูแมวเซาตัวหนึ่งติดไว้ที่เสา ทุกคนที่ถูกงูกัด เมื่อเขามองดู เขาจะยังมีชีวิตอยู่ได้” 9ดังนั้นโมเสสจึงทำงูทองสัมฤทธิ์ตัวหนึ่ง และติดไว้ที่เสา แล้วถ้างูกัดคนใด ถ้าเขามองดูงูทองสัมฤทธิ์นั้น เขาก็มีชีวิตอยู่ได้
เหตุที่ทำ รูปงู เพราะ พวกเขาบ่น(อิสราเอล) บ่นต่อใคร? ต่อ พระเจ้า และ โมเสส
ผลที่ได้รับคือ ตาย!! แล้วยังไง มาร้องขอต่อโมเสส ร้องว่าอย่างไร ข้อ 7 แล้วโมเสสทำอย่างไร? ดังนั้นโมเสสจึงอธิษฐานเพื่อประชาชน แล้วพระเจ้าสำแดงอย่างไร ข้อ 8 มองดูที่
งูทองทองสัมฤทธิ์ แล้วจะเกิดอะไรขึ้นกับประชาชน เขาก็มีชีวิตอยู่ได้
เช่นเดียวกันหากแม้ มองดูที่พระเจ้าคือ พระเยซูคริส คุณจะได้ชีวิตนิรันดร์
ก่อนจะตีความหมายอย่าจับเฉพาะตรงข้อ แต่อ่านรายละเอียดทั้งหมดเสียก่อน แล้วจึงจะตีความหมาย...... ให้ดู ยน. ข้อ13 13ไม่มีผู้ใดได้ขึ้นไปสู่สวรรค์ นอกจากท่านที่ลงมาจากสวรรค์คือบุตรมนุษย์ นำไปสู่ความคิดเกี่ยวกับที่พระเยซูถูกยกชู ( 8:28 28พระเยซูจึงตรัสกับเขาว่า “เมื่อท่านทั้งหลายจะได้ยกบุตรมนุษย์ขึ้นไว้แล้ว เมื่อนั้นท่านก็จะรู้ว่า เราคือผู้นั้น และรู้ว่าเรามิได้ทำสิ่งใดตามใจชอบ แต่พระบิดาได้ทรงสอนเราอย่างไร เราจึงกล่าวอย่างนั้น ) คนยิวถูกลงโทษ เพราะ ไม่เชื่อฟังต่อพระเจ้าคือ พระเยซูคริสต์
แล้ว..............

จะสื่ออะไรครับ

รู้สึกคุณจะมีปัญหาด้านการสื่อสารนะครับ พูดจาแบบรู้เรื่องคนเดียว

คนที่ทำนิสัยจับมาตีเป็นข้อคือคุณมาตั้งแต่แรกนะ
ภาพประจำตัวสมาชิก
Holy
Defender of lawS
Defender of lawS
โพสต์: 10011
ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ ม.ค. 17, 2005 3:06 pm

เสาร์ พ.ค. 15, 2010 2:59 pm

THE TRUTH BIBLE เขียน:จะพูดให้ชัดเจนเกี่ยวกับรูปเคารพ เราจะไม่สนใจว่าใครพูดอย่างไร แต่เราสนใจว่า
พระคำภีร์ บอกไว้อย่างไร
กิจการ 17:24-25 24พระเจ้าผู้ทรงสร้างโลกกับสิ่งทั้งปวงที่มีอยู่ในนั้น พระองค์ทรงเป็นเจ้าแห่งฟ้าสวรรค์และแผ่นดินโลก มิได้ทรงสถิตในปูชนียสถานซึ่งมือมนุษย์ได้กระทำไว้ 25พระองค์มิจำต้องให้มือมนุษย์มาปรนนิบัติ ดังว่ามีความต้องการสิ่งหนึ่งสิ่งใด เพราะพระองค์ทรงเป็นผู้ประทานชีวิตและลมหายใจ และสิ่งสารพัดแก่คนทั้งปวงต่างหาก
25พระองค์มิจำต้องให้มือมนุษย์มาปรนนิบัติ ดังว่ามีความต้องการสิ่งหนึ่งสิ่งใด เพราะพระองค์ทรงเป็นผู้ประทานชีวิตและลมหายใจ และสิ่งสารพัดแก่คนทั้งปวงต่างหาก

อือ ก็แล้วยังไง

จริงๆคุณไม่ได้สนใจหรอกว่าพระคัมภีร์บอกอย่างไร คุณสนใจแต่การตีความพระคัมภีร์แบบผิดๆที่ถูกเสี้ยมสอนมาอย่างเดียว
ภาพประจำตัวสมาชิก
Holy
Defender of lawS
Defender of lawS
โพสต์: 10011
ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ ม.ค. 17, 2005 3:06 pm

เสาร์ พ.ค. 15, 2010 3:22 pm

THE TRUTH BIBLE เขียน:ด้วยมุมมองว่า ถ้าเป็นรูปของผู้เกี่ยวข้องกับพระเจ้า ให้กระทำได้เพื่อเป้นสิ่งที่สื่อถึงพระเจ้า ทำให้รูปของพระเยซูคริสต์ซึ่งเป็นพระบุตรพระเจ้า และรูปพระมารดามารีย์ ผู้รับใช้ที่บริสุทธิ์แอละสุภาพของพระองค์ ตลอดจนบรรดานักบุญ ผู้เป็นธรรมิกชนที่พระเจ้าทรงรัก ซึ่งมีอยู่ใน......โดย Holy เมื่อ Sat May 15, 2010 12:48 am

ด้วยมุมมอง มุมมองของใครครับ?
ถ้าเป็นรูปของผู้เกี่ยวข้องกับพระเจ้า ให้กระทำได้ ใครให้ทำครับ? มีบอกไว้ในพระคำภีร์ไหมครับ? ถัามี บทอะไร? ข้อที่เท่าไรครับ?
เพื่อเป้นสิ่งที่สื่อถึงพระเจ้า การสิ่งที่สื่อถีงพระเจ้า มีอยู่แค่2 วิธี
1/ อ่านพระคำภีร์ 2/ อธิฐาน
พระเจ้าอวยพร
ด้วยมุมมองของพระเจ้าเลย พระเจ้าตรัสว่าอะไรก็เป็นสื่อนำพระพรของพระเจ้าได้


มธ 7:6-6 อย่าเหยียดหยามสิ่งศักดิ์สิทธิ์
“อย่าให้ของศักดิ์สิทธิ์แก่สุนัข อย่าโยนไข่มุกให้สุกรเพราะมันจะเหยียบย่ำทำให้เสียของ และหันมากัดท่านอีกด้วย”


กจ 19:11
พระเจ้าทรงกระทำอัศจรรย์พิเศษอาศัยมือของเปาโล จนกระทั่งคนจำนวนมากนำผ้าเช็ดหน้าและผ้ากันเปื้อนที่ได้สัมผัสเปาโลมาวางบนร่างผู้ป่วย เขาก็หายจากโรคภัยและแม้แต่ปีศาจร้ายก็หนีไปด้วย


ชัดเจนว่าสิ่งของเป็นสื่อนำพระพรได้ครับ พระคัมภีร์เขียนไว้ พระธรรมใหม่ทั้งนั้นด้วย ถ้าเอาในพระธรรมเดิมเลย

ถ้าเราอ่านพระคัมภีร์อพยพจริงๆ เราจะรู้ว่า คำว่ารูปเคารพนั้น หมายถึงเทวรูปพระเทียมเท็จที่ไม่มีจริงที่คนโบราณอุปโลกษณ์ขึ้น ไม่ได้หมายถึงปฏิมากรรม หรือจิตรกรรมในศาสนาตัวเอง เพราะพระเจ้าให้เหตุผลในการห้ามไว้ว่า "เพราะเราเป็นพระเจ้าที่หวงแหน" คือไม่อยากให้อิสราเอลเอาใจออกห่างไปไหว้พระอื่น แต่พอตีความตามตัวอักษร ในสมัยใหม่ ก็กลัวกันเกินไป กลายเป็นพระเจ้าเป็นพวกเกลียดงานศิลปะไปซะได้ ทั้งที่จริง นอกจากรูปงู พระเจ้ายังสั่งให้สร้างสิ่งที่ใช้แสดงถึงการทรงสถิตย์ของพระองค์ ในรูปแบบรูปปั้น คือหีบพันธสัญญาที่มีรูปเทวดากางปีก2องค์ แถมทรงระบุว่า เวลาเสด็จมา จะสถิตย์ตรงรูปเทวดาทั้ง2นั้นด้วย

ดังนั้นแม้อิสราเอลจะสอนว่าพระเจ้าอยู่ทุกหนทุกแห่ง ไม่ได้อาศัยในกระโจมที่มือมนุษย์สร้าง แต่พระองค์ก็เข้าใจมนุษย์ที่ไม่ได้มีตาทูตสวรรค์ แต่มีตาเนื้อที่มองเห็นได้เฉพาะสิ่งของในโลกนี้ พระองค์จึงสั่งอย่างละเอียดถึงการสร้างหีบพันธสัญญา และให้สิ่งนี้ศักดิ์สิทธิ์ ห้ามคนทั่วไปสัมผัสนอกจากสมณะ ห้ามสิ่งที่มีมลทินไปโดน เรียกง่ายๆคือเป็นวัตถุสิ่งของที่พระเจ้ากระทำให้ศักดิ์สิทธิ์

---เราคงจำได้ว่าหินบัญญัติแผ่นแรกถูกทุ่มแตกตั้งแต่ตอนโมเสสเห็นอิสราเอลนมัสการรูปวัวทอง ดังนั้น แน่ใจได้เลยว่าการห้ามทำรูปเคารพในที่นี้ พระเจ้าหมายถึงรูปเคารพในศาสนาอื่นหรือรูปเคารพของพระเจ้าที่ไม่มีจริงเช่นในกรณีวัวทองคำนั้น และหมายถึงรูปที่เอามานมัสการเทียบเท่าพระเจ้า เหมือนในศาสนาโบราณสมัยก่อนที่มีการบูชายัญต่อเทวรูปไม่ได้หมายถึงรูปของพระองค์หรือเหล่าชาวสวรรค์เลย เพราะพระเจ้าเองทรงสั่งให้สร้างหีบพันธสัญญาที่มีรูปเครูป(เทวดาชั้นหนึ่งในสวรรค์)กางปีกอย่างชัดเจน

Exodus 25:18
พระโอวาทที่เราจะให้แก่เจ้าจงเก็บไว้ในหีบนั้น แล้วจงทำพระที่นั่งกรุณา(หรือ ฝา (หีบ)) ด้วยทองคำบริสุทธิ์ยาวสองศอกคืบ กว้างศอกคืบ จงทำเครูบทองคำสองรูป โดยใช้ฝีค้อนทำตั้งไว้ที่ปลายพระที่นั่งกรุณาทั้งสองข้าง ทำเครูบไว้ที่ปลายพระที่นั่งกรุณาข้างละรูป ทำเครูบนั้น และให้ตอนปลายทั้งสองข้างติดเป็นเนื้อเดียวกับพระที่นั่งกรุณา ให้เครูบกางปีกออกไว้เบื้องบนปกพระที่นั่งกรุณา ไว้ด้วยปีก และให้หันหน้าเข้าหากัน ให้เครูบหันหน้ามาตรงพระที่นั่งกรุณา แล้วจงตั้งพระที่นั่งกรุณานั้นไว้บนหีบ จงบรรจุพระโอวาทซึ่งเราจะให้ไว้แก่เจ้าไว้ในหีบนั้น ณ ที่นั้น เราจะอยู่ให้เจ้าเข้าเฝ้า และจะสนทนากับเจ้า จากเหนือพระที่นั่งกรุณาระหว่างกลางเครูบ ซึ่งตั้งอยู่บน หีบพระโอวาท เราจะสนทนากับเจ้าทุกเรื่อง

รูปภาพ

---นั่นชัดเจนว่า ทั้งโมเสส อาโรน รวมทั้งอิสราเอลทั้งหมด ก็ต้องก้มหน้านมัสการไปที่หีบที่มีรูปปั้นเทวดาทำด้วยทอง

แล้วถามว่า มันต่างกับวัวทองตรงไหน ต่างกันก็ตรงที่

1.การนมัสการวัวทองนั้นชัดแจ้งว่า นมัสการพระเท็จเทียม เป็นพระเจ้าอื่นที่สร้างขึ้นเอง จิตนาการขึ้นเองไม่มีจริง แล้วยกขึ้นแทนที่พระเจ้า
2.แต่การนมัสการพระเจ้าในจุดที่มีรูปปั้นเครูปนั้น แม้จะมีรูปปั้นเครูปกางปีกทนโท่เราก็รู้อยู่ดีวว่าเรากำลังคุยกับใคร และพระเจ้าของเราคือใคร พระเจ้าคือพระจิตที่ลงมาตรงจุดนั้นไม่ใช่ตัวรูปปั้นหรือตัวหีบนั้น เรารู้ดีว่าเครูบคือชาวสวรรค์ที่รับใช้พระเจ้า

รูปภาพ
(อิสราเอลเดินแห่หีบ แถมถวายกำยานให้ด้วย ทั้งที่หีบ เครูบ หรือแผ่นบัญญัติ โดยตัวมันเองก็ไม่ใช่พระเจ้าซะหน่อย)

---ดังนั้น แปลง่ายๆว่า ถ้าเราไหว้กางเขน หรือไหว้ไปทางรูปพระเยซู เราไม่ได้ไหว้วัสดุนั้น เรารู้ตัวว่าเราไหว้พระเยซูเจ้าผู้มีตัวตนจริงและเป็นพระเจ้า และเราต้องมีทิศที่ทำการนมัสการไปตรงกันไม่ใช่หันคนละทิศละทางมั่วไปหมด ก็ต้องมีรูปกางเขน หรือพระรูปพระเยซู อันเป็นสิ่งสร้างที่มีอยู่ในโลกเป็นเสมือนตัวแทน ประหนึ่งว่าพระองค์ลงมาอยู่ตรงนั้น


เรื่องแค่นี้อย่าพยายามบิดเบือนเจตนาคนอื่น แบบยัดเยียดข้อหาเหมือนฟาริสี ปากพูดว่ารอดโดยความเชื่อไม่ใช่ธรรมบัญญัติ แต่ตีความธรรมบัญญติตามตัวอักษรแนวเดียวกับฟาริสีเด๊ะๆ อ้างเอาธรรมบัญญัติมาตั้งตัวเป็นตุลาการชี้หน้าตัดสินคนอื่น แย่งหน้าที่พระเจ้า แบบเดียวกับที่ฟาริสีทำแล้วโดนพระเยซูด่าตลอด ปากสอนอย่างแต่พฤติกรรมทำอีกอย่าง อ่านพระคัมภีร์เองสอนกันเองตีความกันเองงูๆปลาๆ แค่อ่านไบเบิ้ลจบรอบสองรอบคิดว่าตัวเองรู้มากโอ้อวดฉลาด

ยก 3:13-18 ปรีชาญาณแท้และปรีชาญาณเทียม
(13)ใครบ้างคิดว่าตนฉลาดและมีปรีชาญาณ จงแสดงความฉลาดและปรีชาญาณนั้นอย่างอ่อนโยนด้วยการกระทำและความประพฤติดี (14)แต่ถ้าใจของท่านขมขื่นด้วยความอิจฉาริษยา และมีความทะเยอทะยาน จงอย่าโอ้อวดและอย่ามุสาต่อต้านความจริง (15)ปรีชาญาณเช่นนี้มิได้มาจากเบื้องบน แต่เป็นปรีชาญาณตามธรรมดาโลก ตามแบบวัตถุนิยมและตามแบบปีศาจ (16)ที่ใดมีความอิจฉาริษยาและความทะเยอทะยาน ที่นั่นย่อมมีแต่ความวุ่นวายและความชั่วร้ายนานาชนิด (17)ส่วนปรีชาญาณที่มาจากเบื้องบน ประการแรกเป็นสิ่งบริสุทธิ์ แล้วจึงก่อให้เกิดสันติ เห็นอกเห็นใจ อ่อนน้อม เปี่ยมด้วยความเมตตากรุณา บังเกิดผลที่ดีงาม ไม่ลำเอียง ไม่เสแสร้ง (18)ผู้ที่สร้างสันติย่อมเป็นผู้หว่านในสันติ และจะเก็บเกี่ยวผลเป็นความชอบธรรม


จำไว้ว่า พระเยซูเจ้าไม่เคยสอนให้ใช้พระคัมภีร์ตัดสินอะไร ไม่เคยสั่งให้เขียนพระคัมภีร์ด้วยซ้ำ แต่สอนให้ดูผลการกระทำในการตัดสิน


ลก 6:39-45 ความดีบริบูรณ์
(39)พระเยซูเจ้ายังตรัสอุปมาให้เขาเหล่านั้นฟังอีกว่า “คนตาบอดจะนำทางคนตาบอดได้หรือ ทั้งคู่จะตกลงไปในคูมิใช่หรือ (40)ศิษย์ย่อมไม่อยู่เหนืออาจารย์ แต่ทุกคนที่ได้รับการฝึกฝนอย่างดีแล้วก็จะเป็นเหมือนอาจารย์ของตน (41)ทำไมท่านจึงมองดูเศษฟางในดวงตาของพี่น้อง แต่ไม่สังเกตเห็นท่อนซุงในดวงตาของตนเลย (42)ท่านจะกล่าวแก่พี่น้องได้อย่างไรว่า “พี่น้อง ปล่อยให้ฉันเขี่ยเศษฟางออกจากดวงตาของท่านเถิด” ขณะที่ท่านไม่เห็นท่อนซุงในดวงตาของตนเอง ท่านคนหน้าซื่อใจคดเอ๋ย จงเอาท่อนซุงออกจากดวงตาของท่านก่อนเถิด ท่านจะเห็นชัดแล้วจึงค่อยไปเขี่ยเศษฟางออกจากดวงตาของพี่น้อง (43)ต้นไม้ที่เกิดผลไม่ดีย่อมไม่ใช่ต้นไม้พันธุ์ดี หรือต้นไม้พันธุ์ไม่ดีย่อมไม่ให้ผลดีเช่นกัน (44)เรารู้จักต้นไม้แต่ละต้นได้จากผลของต้นไม้นั้น เราย่อมไม่เก็บผลมะเดื่อเทศจากพงหนาม หรือเก็บผลองุ่นจากกอหนาม (45)คนดีย่อมนำสิ่งที่ดีออกจากขุมทรัพย์ที่ดีในใจของตน ส่วนคนเลวย่อมนำสิ่งที่เลวออกมาจากขุมทรัพย์ที่เลวของตน เพราะปากย่อมกล่าวสิ่งที่อัดอั้นอยู่ในใจออกมา


พระเยซูสอนให้เราตัดสินแยกแยะสิ่งต่างๆจากการดูผลงานไม่ใช่จับพระคัมภีร์มาเทียบ กลับไปอ่านพระคัมภีร์อีกรอบ พวกที่จะตัดสินอะไรทียกพระคัมภีร์มาตัดสินคนอื่นตลอดเวลาคือฟาริสี แต่พระเยซูเจ้าไม่เคยอิงพระคัมภีร์ก่อน แต่อิงพระจิตเจ้าก่อน ถ้าไม่ใช้พระจิตเจ้าในดการตีความพระคัมภีร์ แต่ใช้การชี้นำของศิษยาภิบาลที่ถูกเสี้ยมสอนต่อๆกันมาให้ด่านิกายอื่น ก็เป็นได้แค่ฟาริสี เป็นแค่คนตาบอดที่นำทางคนตาบอด ไม่สามารถเป็นศิษย์พระเยซูที่แท้จริงได้

ก่อนที่จะอวดเก่งมาถามอะไรในพระคัมภีร์

ตอบคำถามนี้ให้ได้ก่อนเลย ว่า

พระธรรมใหม่มาจากไหน ใครรับรอง

ถ้าที่มาของสิ่งที่อ้างอิงยังไม่รู้ อย่าโอ้อวดเอามาอ้าง
THE TRUTH BIBLE
โพสต์: 23
ลงทะเบียนเมื่อ: ศุกร์ พ.ค. 14, 2010 9:31 am

เสาร์ พ.ค. 15, 2010 9:13 pm

Report this postReply with quoteRe: ขอถามเกี่ยวกับรูปปั้น
โดย Holy เมื่อ Sat May 15, 2010 3:22 pm

พระธรรมใหม่มาจากไหน ใครรับรอง

ถ้าที่มาของสิ่งที่อ้างอิงยังไม่รู้ อย่าโอ้อวดเอามาอ้าง
ผมเองยังไม่เคยพูดหรืออวดตัวเลย คุณคิดไปเองหรือเปล่าครับ? ผมไม่เคยบอกว่า
ผมรุ้เรื่องในพระคำภีร์ทั้งหมด ผมจะรู้อย่างชัดเจนก็ต่อเมื่อ "พระวิญญาณบริสุทธิ์" เป็นผู้ทรงนำผมเท่านั้น
ประการสำคัญที่สุดก็คือ ผมไม่เคย " ถากถาง " ใครไม่ว่าเรื่องใดๆก็ตาม ผมไม่เคย
" ดูถูก " ใครๆ เพราะคำว่า " ใครๆ " นี้ " พระเจ้า " เป็นผู้ทรงสร้าง ทั้งตัวของคุณและตัวของผม
สิ่งที่แสดงออก จะเป็นด้วยการพูด หรือ เขียน ก็ดี แสดงให้เห็นถึง "นิสัย" ของคนๆนั้น
ยกตัวอย่างในพระคำภีร์ ยูดา ข้อ 8-9 8แม้กระนั้นเขาเหล่านั้นก็ยังเพ้อฝันกระทำให้ตัวเป็นมลทิน และประมาทอำนาจของผู้ใหญ่ และพูดจาก้าวร้าวศักดิ์สิริเทพ 9ฝ่ายอัครเทวทูตาธิบดีมีคาเอล ครั้งเมื่อท่านโต้เถียงกับมารเรื่องศพของโมเสส ท่านเองก็ยังไม่บังอาจกล่าวก้าวร้าวต่อมารเลย เป็นแต่เพียงกล่าวว่า “ให้องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงขนาบเจ้าเถิด” ถ้าคุณอ่านต่อไปข้อที่ 10 จนถึงข้อที่ 16 แล้วคุณจะเข้าใจ
พระธรรมใหม่มาจากไหน ใครรับรอง
เอาแบบขั้นพื้นฐานก่อนนะครับ ว่าพระธรรมใหม่มาจากไหน แล้วใครรับลอง
พระธรรมใหม่ ภาษาดั่งเดิมนั้นมาจาก ฮีบรู ( Hebrews )ภาษานี้อ่านและเข้าใจยาก จึงมีการแปล
ออกมาเป็น ภาษา กรีก และจากกรีก ออกมาเป็น 180 ภาษาทั่วโลก รวมถึง ภาษาไทย
พระธรรมใหม่ มีทั้งหมด 27 เล่ม 25 เล่มนั้น คนยิว (jews) เป็นผู้เขียน หรือพูดง่ายๆก็คือ 64 เล่ม คนยิว เป็นผู้เขียน ส่วน2 เล่มใน 66เล่ม นั้น......คำถามครับ ใครเป็นผู้เขียน และ2เล่มนี้มีชื่อว่าพระธรรมอะไร?

ใครเป็นผู้รับรองพระธรรม ที่แน่ๆ ไม่ใช่คุณ และผม (lol) แต่เป็น
2ทิโมธี 3:16 16พระคัมภีร์ ทุกตอนได้รับการดลใจจากพระเจ้า............รับรองจากพระเจ้าครับ

ถ้าเราอ่านพระคัมภีร์อพยพจริงๆ เราจะรู้ว่า คำว่ารูปเคารพนั้น หมายถึงเทวรูปพระเทียมเท็จที่ไม่มีจริงที่คนโบราณอุปโลกษณ์ขึ้น ไม่ได้หมายถึงปฏิมากรรม หรือจิตรกรรมในศาสนาตัวเอง
ดู และ อ่าน ให้เข้าใจ
กิจการ 17:29 29เหตุฉะนั้นเมื่อเราเป็นเชื้อสายของพระเจ้าแล้ว เราก็ไม่ควรถือว่าพระเจ้าทรงเป็นทอง เงิน หรือหิน อันเป็นปฏิมากรสำเร็จด้วยศิลปะและความคิดของมนุษย์
ความคิดของมนุษย์ ( ดู ) ปํญญาจารย์ 7:29 29ดูเถิด ข้าพเจ้าพบแต่ความนี้ต่างหาก คือพระเจ้าทรง สร้างมนุษย์ให้เป็นคนเที่ยงธรรม แต่มนุษย์ทั้งหลายได้ค้นคว้ากลอุบายต่างๆออกมา
THE TRUTH BIBLE
โพสต์: 23
ลงทะเบียนเมื่อ: ศุกร์ พ.ค. 14, 2010 9:31 am

เสาร์ พ.ค. 15, 2010 9:47 pm

แล้วเผอิญ ผมเป็นเชื้อสายของ "พระเจ้า" ผมจึงไม่เห็นความสำคัญของรูปเคารพ เพราะรูปเคารพ มีปาก ก็พูดไม่ได้ มีหู เรียกขานก็ไม่ได้ยิน อิสยาห์ 46:5-7 5“เจ้าจะเทียบเราและทำเราให้เท่ากับผู้ใด
และเปรียบเรา ว่าเราเหมือนกัน
6บรรดาผู้ที่โกยทองคำออกจากไถ้
และชั่งเงินในตาชั่ง
จ้างช่างทองคนหนึ่ง และเขาก็ทำให้
เป็นพระ
แล้วเขาทั้งหลายก็กราบลง
เออ นมัสการเลย
7เขาทั้งหลายเอารูปนั้นใส่บ่า เขาหามไป
เขาตั้งไว้ประจำที่ รูปนั้นก็อยู่ที่นั่น
รูปนั้นไปจากที่ไม่ได้
แม้ผู้ใดจะมาร้องขอ รูปนั้นก็ไม่ตอบ
หรือช่วยเขาให้รอดจากความยากลำบากของเขาได้
ภาพประจำตัวสมาชิก
sasuke
~@
โพสต์: 1120
ลงทะเบียนเมื่อ: พุธ ธ.ค. 06, 2006 12:00 am
ที่อยู่: ใต้เสื้อคลุมของแม่

เสาร์ พ.ค. 15, 2010 9:53 pm

THE TRUTH BIBLE เขียน:Report this postReply with quoteRe: ขอถามเกี่ยวกับรูปปั้น
ถ้าเราอ่านพระคัมภีร์อพยพจริงๆ เราจะรู้ว่า คำว่ารูปเคารพนั้น หมายถึงเทวรูปพระเทียมเท็จที่ไม่มีจริงที่คนโบราณอุปโลกษณ์ขึ้น ไม่ได้หมายถึงปฏิมากรรม หรือจิตรกรรมในศาสนาตัวเอง
ข้อความนี้รับรองครับ... แล้วอะไรคือประเด็นในการถกเถียงเรื่องรูปเคารพนี้ เพราะไม่มีใครให้ความสำคัญกับรูปปั้นเหล่านี้ "เท่า" พระเจ้าหรอกครับ สิ่งเหล่านี้เป็นท่อธารพระหรรษทาน ไม่ใช่สิ่งที่เราเคารพนมัสการ


ส่วนใครเป็นผู้เขียน และ2เล่มนี้มีชื่อว่าพระธรรมอะไร?
ผู้บันทึกก็ คือ viewtopic.php?f=32&t=14110
สองเล่ม คือ ลูกา และ กิจการครับ

แต่เราได้ประโยชน์อะไรจากคำถามนี้ครับ ตราบเท่าที่ผู้เขียนคือพระเจ้า...
THE TRUTH BIBLE
โพสต์: 23
ลงทะเบียนเมื่อ: ศุกร์ พ.ค. 14, 2010 9:31 am

เสาร์ พ.ค. 15, 2010 9:59 pm

ในอิสยาห์ 46: 5-7 ใครเป็นผู้พูดครับ? อิสยาห์ หรือ พระเจ้า!!
ถ้าพระเจ้าเป็นผู้ตรัส ผมไม่ฟัง ผมไม่เชื่อ ผมก็ต้องถูกครอบงำจากบางสิ่งบางอย่าง หรือ
2 โครินธ์ 6:12 12ใจของท่านทั้งหลายมิได้ปิดเพราะเรา แต่ปิดเพราะความรู้สึกของตนเอง
พระเจ้าอวยพร
THE TRUTH BIBLE
โพสต์: 23
ลงทะเบียนเมื่อ: ศุกร์ พ.ค. 14, 2010 9:31 am

เสาร์ พ.ค. 15, 2010 10:05 pm

คำตอบถูกต้องค๊าบบบ หมอลูกา เป็นคนต่างชาติ เขียน 2เล่ม คือ พระธรรม ลูกา และ กิจการ

Report this postReply with quoteRe: ขอถามเกี่ยวกับรูปปั้น
โดย sasuke เมื่อ Sat May 15, 2010 9:53 pm

แต่เราได้ประโยชน์อะไรจากคำถามนี้ครับ ตราบเท่าที่ผู้เขียนคือพระเจ้า.
ประโยชน์มีแน่นอนครับ เพื่อมิให้ผู้มาเชื่อใหม่มาหลงผิด และประพฤติอย่างผิดๆ
พระเจ้าอวยพร
ภาพประจำตัวสมาชิก
Holy
Defender of lawS
Defender of lawS
โพสต์: 10011
ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ ม.ค. 17, 2005 3:06 pm

อาทิตย์ พ.ค. 16, 2010 3:56 am

ฟังคำตอบคุณแล้ว คุณใช้พระคัมภีร์แบบบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปจริงๆ

โปรแตสแตนท์มากมายอ้างพระคัมภีร์แบบบะหมี่กึ่งสำเร็จรูป คือหลับหูหลับตาใช้โดยไม่สนใจประวัติศาสตร์และที่มา
2ทิโมธี 3:16 16พระคัมภีร์ ทุกตอนได้รับการดลใจจากพระเจ้า.
คุณรู้ไหมว่า เปาโลเขียนประโยคนี้ในจดหมาย

ย้ำนะว่าท่านเขียนจดหมาย ไม่ได้กะเขีัยนพระคัมภีร์

ท่านเขียนจดหมายฉบับนี้ราวค.ศ.50 ก่อน มัทธิว ลูกกา และมาระโก รวมทั้งยอห์น จะเขียนพระคัมภีร์พระธรรมใหม่ซะอีกนะครับ

นั่นแปลว่าตอนที่เขียนนั้นท่านหมายถึงพระธรรมเดิม เพราะท่านยังไม่เคยได้เห็นหรือได้อ่านพระธรรมใหม่ และไม่รู้ด้วยซ้ำว่าจดหมายตัวเองจะถูกยกระดับจากแค่จดหมายเป็นพระคัมภีร์

หลังจากนั้น พระคัมภีร์พระวรสารฉบับ มาระโก ลูกา และมัทธิว จึงถูกเขียนตามมาหลังจดหมายของเปาโล

นั่นหมายความว่า คริสตชนอยู่กันมา50กว่าปีโดยไม่มีพระธรรมใหม่ เรื่องราวทั้งหมดของพระเยซูเป็นเพียงการเล่าปากต่อปากเท่านั้น

2ธส 2:15
ดังนั้น พี่น้องทั้งหลายจงยืนหยัดมั่นคงและยึดถือธรรมประเพณีที่ท่านเรียนรู้มาทั้งด้วยวาจาและด้วยจดหมายของเรา



อ่านพระคัมภีร์เจอคำพวกนี้บ้างไหม รู้จักคำว่า ธรรมประเพณี อันเป็นสิื่งที่คริสตชนเริ่มแรกยึดถือก่อนจะมีพระธรรมใหม่ไหม ประเพณีคือสิ่งที่ปฏิบัติสืบๆกันมา ซึ่งประเพณีที่บรรพบุรุษทางความเชื่อทำต่อๆกันมานั้น เราก็ควรยึดถือไม่ใช่ตัดทิ้ง

แล้วเห็นคว่า วาจา ไหม คำพูดสอนกันปากต่อปากของผู้หลักผู้ใหญ่ในพระศาสนจักรน่ะก็ให้ยึดถือด้วย

แล้วเห็นไหมว่า เขาให้ยึดคำสอนที่เขาเขียนใน จดหมาย เขาเรียกมันว่าจดหมาย ไม่ได้เรียกมันว่าพระคัมภีร์

แล้วยิ่งกว่านั้น สมัยที่เปาโลเขียนจดหมาย เรื่องราวของพระเยซูและการกลับคืนชีพของพระองค์ ไม่เคยมีบันทึกเป็นรายลักษณ์อักษรเลย มันยังมีฐานะของเรื่องเล่าปากต่อปากและทำต่อๆกันมา และถูกเรียกว่าเป็นเรื่องที่เป็น ธรรมประเพณี มาก่อน

1คร 15:3
ข้าพเจ้ามอบธรรมประเพณีสำคัญที่สุดให้กับท่าน เป็นธรรมประเพณีที่ข้าพเจ้าได้รับมาอีกทอดหนึ่ง คือพระคริสตเจ้าได้สิ้นพระชนม์เพราะบาปของเรา ตามที่มีเขียนไว้ในพระคัมภีร์ และทรงถูกฝังไว้ พระองค์ทรงกลับคืนพระชนมชีพในวันที่สามตามความในพระคัมภีร์ และทรงแสดงพระองค์แก่เคฟาส แล้วจึงทรงแสดงพระองค์แก่อัครสาวกสิบสองคน หลังจากนั้นทรงแสดงองค์แก่พี่น้องมากกว่าห้าร้อยคนในคราวเดียว คนส่วนมากในจำนวนนี้ยังมีชีวิตอยู่ แม้ว่าบางคนล่วงหลับไปแล้ว ต่อมาพระองค์ทรงแสดงพระองค์แก่ยากอบ แล้วจึงทรงแสดงพระองค์แก่อัครสาวกทุกคน ในที่สุด ทรงแสดงพระองค์กับข้าพเจ้า ผู้เป็นเสมือนเด็กที่คลอดก่อนกำหนดด้วย



อ่านแล้วเข้าใจเงื่อนปมและลำดับทางประวัติศาสตร์ด้วยนะครับ เรื่องราวของพระเยซูเจ้าในสมัยเปาโลนั้นเป็นการเล่าปากต่อปาก โดยคำว่าตามที่มีเขียนไว้ในพระคัมภีร์ หมายถึงที่มีเขียนทำนายไว้ในพระธรรมเดิมว่า พระผู้ไถ่จะต้องสิ้นพระชนม์และกลับคืนชีพ แต่เหตุการณ์พระเยซูกลับคืนชีพแล้วปรากฎแก่ผู้คนโดยเฉพาะกรณีเปาโลนั้น ยังอยู่ในฐานะ การเล่าคำพยานปากเปล่าล้วนๆ

แล้วเปาโลเองตายไปก่อนที่จดหมายของตนจะโดนยกขึ้นเป็นพระคัมภีร์หรือหนังสือศักดิ์สิทธิ์ซะอีก

คริสตชนแรกเริ่มนั้นอยู่กันมาโดยอาศํย พระธรรมเดิม คำสอนปากต่อปาก ธรรมประเพณีที่ทำสืบต่อกันมา และ บันทึกอื่นๆที่ไม่ใช่พระคัมภีร์ในเวลานั้นคือบรรดาจดหมายต่างๆของผู้ใหญ่ในพระศาสนจักร

เวลาผ่านไปถึง300กว่าปี คริสตชนก็ยึดหลักแบบนี้ จนระบบพระศาสนจักรเข้มแข็งขึ้น ระบบพระสันตะปาปา และระบบนักบวชเป็นรูปเป็นร่างขึ้น มีการจัดการและอภิบาลดูแลที่เป็นระบบ จนเรียกว่าพระศาสนจักร

โดยจดหมายของบรรดาผู้ใหญ่ในพระศาสนจักรถูกคัดลอกอ่านต่อๆกันมา โดยจดหมานของเปาโลเอง ยังตกทอดมาไม่ครบด้วย อย่างน้อยจดหมายเปาโล2ฉบับหายสาปสูญไปก่อนที่จะถึงเวลาจัดสาระบบพระคัมภีร์

ที่สำคัญ คุณรู้ไหมว่า คนรู้ได้อย่างไรว่าหนังสือเล่มไหนใครเขียน เพราะพระธรรมใหม่ที่เล่าประวัติพระเยซู4เล่ม มีเล่มเดียวคือลูกา ที่คนเขียนบันทึกชื่อตัวเองลงไปว่าเป็นคนเขียน อีก3เล่ม ไม่มีการบันทึกชื่อคนเขียนลงในหนังสือ เลย

พระศาสนจักรแต่แรกเริ่มใช้พูดปากต่อปาก จำกันเป็นธรรมประเพณีครับคุณ ว่าเนื้อหาอันนี้ เขียนโดยยอห์น มาระโก และมัทธิว โดยไม่มีหลักฐานไม่มีลายเซนต์ อะไรทั้งสิ้น เชื่อตามกันมาด้วยปากเปล่าอย่าเดียว


แต่บรรดาหนังสือต่างๆที่เขียนเกี่ยวกับพระเยซูเจ้านั้นนอกจากพระวรสารทั้ง4ยังมีหนังสืออื่นๆที่ถูกเขียนโดยอ้างว่าเป็นพระคัมภีร์เช่นกัน เช่นพระคัมภีร์ฉบับยูดาส ฉบับัฟิลิป ฉบับเมรี่ แมกดาลีน ฯลฯ

ซึ่งก็อ่านกันมั่วซั่วปะปนเพราะคนเห้นหนังสือไหนเล่าชีวิตพระเยซูก็คิดว่าเป็นพระคัมภีร์ไปหมด

จน ค.ศ. 384 พระสันตะปาปาดามาซํส
สั่งให้ เยโรม ซึ่งเป็นนักบวชในสมัยนั้น รวบรวมคัมภีร์ทั้งหมดที่ยอมรับอ่านๆกัน เพื่อสรุปสาระบบหนังสือพระธรรมใหม่และพระธรรมเดิมอย่างเป็นทางการ แปลเป็นภาษาละตินอย่างเป็นทางการ


โดยเยโรมนั้นไปถือศีลอดอาหาร และเลือกว่าเล่มไหนบ้างที่พระจิตเจ้าดลใจ ดังนั้น เยโรม เชื่อว่า จดหมายต่างๆพระจิตเจ้าก็ดลใจ จึงยกมันขึ้นมาเป็นพระคัมภีร์ จากนั้นก็รวบรวมสาระบบพระคัมภีร์ที่เป็นทางการครั้งแรกขึ้นส่งให้พระสันตะปาปา ดามาซัส รับรองและประกาศใช้อย่างเป็นทางการ โดยตัดเล่มอื่นที่ไม่อยู่ในสาระบบเป็น พระคัมภีร์นอกสาระบบ

และพระคัมภีร์ไบเบิ้ลในการแปลครั้งนี้เป็นฉบับมาตรฐานของพระศาสนจักรคาทอลิกและคริสเตียนทุกนิกายจนปัจจุบันและใช้แปลเป็นภาษาต่างๆอย่างแพร่หลายในสมัยนั้น

พระศาสนจักรคาทอลิกเขียนพระคัมภีร์ให้คริสตชนทุกนิกาย พระศาสนจักรคาทอลิกจัดสาระบบว่าเล่มไหนจริงบ้างให้คริสตชนทุกนิกาย

ดังนั้นพระศาสนจักรคาทอลิกเกิดก่อนสาระบบพระคัมภีร์พระธรรมใหม่ ระบบนักบวชและระบบอภิบาลผู้เชื่อก็เป็นรูปเป็นร่างก่อน


และพระศาสนจักรตั้งแต่แรกเริ่มใช้ระบบ

พระคัมภีร์ + คำสอนในพระศาสนจักร + การตีความของพระศาสนจักร + ธรรมประเพณี + การเล่าปากต่อปาก

ไม่ใช่ระบบ ไบเบิ้ลอย่างเดียว แบบที่โปรแตสแตนท์ใช้เมื่อตอนแยกนิกายเมื่อ500กว่าปีที่ผ่านมา ซึ่งไม่ใช่วิธีที่เปาโลหรือคริสตชนยุคแรกและแม้แต่พระเยซูใช้

ขอย้ำนะว่าคริสตชนยุคแรกนอกจากพระธรรมเดิมเขายังใช้

2ธส 2:15
ดังนั้น พี่น้องทั้งหลายจงยืนหยัดมั่นคงและยึดถือธรรมประเพณีที่ท่านเรียนรู้มาทั้งด้วยวาจาและด้วยจดหมายของเรา



ดังนั้น พระศาสนจักรคาทอลิกไม่ได้โยนหนังสือไบเบิ้ลเปล่าๆทอดกันมาอย่างเดียว แต่ยังส่งต่อการตีความตามแบบอัครสาวกยุคแรกมาด้วย และยังสืบทอดธรรมประเพณีอันดีตามมาอีกมากมาย โดยที่มันไม่จำเป็นต้องเขียน หรือประกาศเปลี่ยนแปลงเพิ่มเติมสาระบบพระคัมภีร์ หรือเพิ่มจำนวนพระคัมภีร์แต่อย่างใด(เพราะทุกวันนี้ขนาดพระคัมภีร์เล่มเดียวกัน โปรฯคนละคริสตจักร เห็นอ้างพระวิญญาณทุกราย แต่ตีความต่างกันเฉย ด่ากันเอง แตกแยกกันเองจนตอนนี้มีโปรฯเป็นพันๆนิกายไปแล้ว)

คุณเคยคิดสักนิดไหมว่าตลอดเวลาพระธรรมเดิมไม่เคยหยุดเขียน ประวัติศาสตร์ชนชาติยิวถูกเล่าผ่านพระคัมภีร์มาตลอดจนมาเป็นพันๆปี เขียนเพิ่มเป็นระยะๆ จนมาหยุดลงเมื่อพระเยซูเสด็จมาบังเกิด แล้วออกใหม่เป็นพระธรรมใหม่ซึ่งช่วงสั้นมากคือตั้งแต่พระเยซูเกิดถึงยุคสาวกรุ่นแรกเท่านั้น แล้ว2000ปี ไม่มีพระคัมภีร์เขียนเพิ่ม ซึ่งตามระบบพระธรรมเดิม มันต้องเขียนเรื่อยๆเป็นระยะๆ

นั่นเพราะพระคัมภีร์ได้มีชีวิตอยู่ในพระศาสนจักร กล่าว คือ มันดำเนินอยู่ในประวัติศาสตร์พระศาสนจักร ซึ่งพระศาสนจักรคาทอลิกบันทึกประวัติศาสตร์พระศาสนจักรไว้มานาน2000ปี จนถ้ารวมเข้าไปเป็นคัมภีร์ มันคงมีจำนวนเล่มที่จัดเข้าเป็นห้องสมุดได้1ห้อง

ดังนั้นประวัติศาสตร์2000ปี มันก็มีข้อเท็จจริง สิ่งที่เกิดขึ้นจริงที่พระเจ้าได้ทรงกระทำจริงๆอยู่

ดังนั้นการที่ยึดไบเบิ้ลเล่มเดียว แล้วตัดประวัติศาสตร์ออกหมดไม่ศึกษาเลย ตัดธรรมประเพณีออกหมดไม่ศึกษาเลย ตัดการสอนปากต่อปากที่สืบทอดเป็นมรดกในพระศาสนจักรออกหมดไม่ศึกษาเลย ไม่มีทางที่คนๆนั้นจะตีความพระคัมภีร์ได้ถูกต้องสมบูรณ์

ดังนั้นสรุปง่ายๆคือ พระศาสนจักรคาทอลิกตีความเรื่องรูปเคารพ ไม่เหมือนโปรฯ(บางสาย)

พระศาสนจักรเข้าใจเจตนาของพระเจ้าในพระคัมภีร์ข้อนั้น ผ่านการลดใจของพระจิต(พระวิญญาณบริสุทธิ์องค์เดิมกับที่คัดแยกสาระบบพระคัมภีร์)ที่สั่งสอนผ่านปิตาจารย์ของพระศาสนจักรมากมายว่า รูปเคารพที่พระเจ้าสั่งห้าม หมายถึงรูปปั้นหรือรูปภาพในศาสนาอื่นที่ทำให้เราห่างพระเจ้า ไม่เกี่ยวอะไรกับรูปภาพหรือรูปปั้นของสิ่งที่อยู่ในศาสนาตัวเองที่ทำให้คนเข้าถึงพระเจ้าง่ายขึ้น

ส่วนโปรฯที่แยกนิกายไป(บางคน บางสาย บางคริสตจักร)จะตีความอย่างไร จะชอบด่านิกายอื่นเป็นนิสัยยังไงก็เป็นเรื่องส่วนตัวของพวกคุณ ถ้าพูด สอน อธิบายให้เข้าใจแล้วยังไม่ยอมเข้าใจ ต้องถือว่ามีปัญหาทางการสื่อสาร หรือภาษาช่าวบ้านเรียกว่าพูดไม่รู้เรื่อง ดื้อรั้น หัวแข็ง ไม่ฟังเหตุผลคนอื่น ซึ่งเป็นบุคคลที่ไม่เหมาะสนทนาด้วย

ดังนั้นถ้ายังคุยไม่รู้เรื่องเราจะจัดการตามระบบสังคมต่อไป

ขอพระเจ้าอวยพรให้เปิดใจ และตาสว่างเข้าใจพระประสงค์ของพระเจ้าอย่างแท้จริง
THE TRUTH BIBLE
โพสต์: 23
ลงทะเบียนเมื่อ: ศุกร์ พ.ค. 14, 2010 9:31 am

จันทร์ พ.ค. 17, 2010 1:52 am

ขอถามครับ คุณ Holy หนังสือหรือ พระคำภีร์ โตร่าคืออะไร? ใครเป็นผู้เขียน และมีทั้งหมดกี่เล่ม? หนังสือหรือ พระคำภีร์ ตามุด(ตาหมุด)คืออะไร?ใครเป็นผู้เขียน และมีทั้งหมดกี่เล่ม? พระธรรม ฮีบรู ใครเป็นผู้เขียน?
คำว่า ประเพณี หมายถึง และ/หรือ มีความหมายอย่างไร? ต่อใคร? ในพระคริสธรรมคำภีร์?
ผมเป็นทายาท ของพระคริสต์ ผมไม่เคยแบ่งชั้น ว่าคุณ หรือใครๆก็ตาม จะมาจากแหล่งใด ศาสนาใดๆ ผมรักใครทั้งหมด เพราะผมมีใจปราถนาที่จะให้ทุกๆคนตระหนักในแผ่นดินของพระเจ้า
ผมไม่ปราถนาจะให้คุณเข้าใจอะไรผิดๆ เพราะ คำว่าศาสนา และ ประเพณีไม่ช่วยให้คนรอด ประเพณี บางอย่างสมควรเก็บรักษาไว้
ส่วนเรื่องแผ่นดินสวรรค์ ผม ตาม พระเยซู เพียงองค์เดียวเท่านั้น เพราะ แผ่นดินสวรรค์ไม่ใช่ของผม ของคุณ ของอาจารย์ ผม ไม่ใช่ของ บาทหลวงท่านใดท่านหนึ่ง ไม่ใช่ของคุณพ่อท่านใดท่านหนึ่ง ไม่ใช่ ของคริสจักรใดคริสจักรหนึ่ง และไม่ใช่ของ กรุงวาติกัน รวมถึง พระสันตะปาปา
เพราะพวกท่านเหล่านี้ ก็มีนโยบายที่ไม่เหมือนกัน ไม่สอดคล้องต้องกัน ดังนั้น การที่จะทำให้ทุกๆอย่างสมดุลย์และ เป็นน้ัาหนึ่งใจเดียวได้ก็คือ พระเซู ยอห์น 14:6 6พระเยซูตรัสกับเขาว่า “เราเป็นทางนั้น เป็นความจริงและเป็นชีวิต ไม่มีผู้ใดมาถึงพระบิดาได้นอกจากจะมาทางเรา
แต่ทั้งนี้ ไม่มีผู้ใดใครเคยเห็นพระเยซู (พระองค์เป็นๆ) มาปรากฎให้เห็น พระองค์ จึงมอบพระคำภีร์ ซึ่งเป็นหนังสือแห่งชีวิต(ชีวิตนิรันดร์) ให้แก่ทุกๆคนที่จะเข้าใจในน้ำพระทัยของพระองค์
ผมบอกแล้วว่าผมไม่เคยอวดตัวว่าผมรู้ผมคำภีร์ทั้งหมด เพราะว่าผมไม่กลัวคนพวกนี้ เพราะคนพวกนี้มีความรู้ แต่ขาด ความเข้าใจ จึงขาดความสมดุลย์ ไม่เป็นตราชั่งที่เที่ยงธรรม ให้แด่
พระเยซู เขาเหล่านี้มักยกเอา ความรู้ขึ้นสู้กับ พระองค์
1โครินธ์ 3:18-19 18อย่าให้ผู้ใดหลอกลวงตัวเอง ถ้าผู้ใดในพวกท่านคิดว่า ตัวเป็นคนมีปัญญาตามหลักของยุคนี้ จงให้ผู้นั้นยอมเป็นคนโง่ จึงจะเป็นคนมีปัญญาได้ 19เพราะว่าปัญญาของโลกนี้ เป็นความโง่เขลาในสายพระเนตรของพระเจ้า ด้วยมีเขียนไว้ในพระคัมภีร์ว่า พระองค์ทรงจับคนที่มีปัญญาด้วยอุบายของเขาเอง
พระเจ้าอวยพร
THE TRUTH BIBLE
โพสต์: 23
ลงทะเบียนเมื่อ: ศุกร์ พ.ค. 14, 2010 9:31 am

จันทร์ พ.ค. 17, 2010 2:14 am

โดย คุณ Holy
พระเยซูเจ้าตรัสกับเขาว่า "ปล่อยให้เด็กเล็ก ๆ มาหาเราเถิด อย่าห้ามเลย เพราะอาณาจักรสวรรค์เป็นของคนที่เหมือนเด็กเหล่านี้...ผู้ใดต้อนรับเด็กเล็กๆเช่นนี้ในนามของเรา ผู้นั้นต้อนรับเรา"...
คุณ Holy ครับ คุณเข้าใจพระคำภีร์ข้อนี้อย่างไรครับ? ส่วนตัวผม ผมเข้าใจอย่างนี้ครับ
พระเยซู ทรงตรัส ด้วยพระองค์เอง ว่า แผ่นดินของพระองค์เหมือนเด็กเล็กๆ คำว่าเด็กเล็กๆ คุณว่า พระเยซูทรงตรัสไหมว่ากี่ขวบ? ดังนั้นผมจึงมีความเข้าใจว่า เด็กเล็กๆ ต้องไม่เกิน5ขวบ(ผมไม่ทราบถึงคนอื่นๆว่าเขาจะกะกันไว้กี่ขวบ) เพราะเด็กเล็กๆ พูดอะไรเขาก็ฟัง ห้ามทำอะไรเขาก็ไม่ทำ
คือเขาทำตาม ผู้ใหญ่ พูดง่ายๆว่า เขาเชื่อฟัง ไม่ว่าผู้ใหญ่จะสอนอะไรเขา เขาก็จะทำตาม
แล้วผู้ใหญ่บางประเภท บางกลุ่ม เชื่อฟัง และปฏิบัติตามคำสั่งของพระเยซูไหม? ยกตัวอย่าง
พระเยซูสั่งให้กลับใจ พระเยซูสั่งให้รักกัน พระเยซูสั่งให้ อธิฐาน ให้กันและกัน นี้คือ การเชื่อฟังที่มีต่อ พระเยซู เพราะ ผม และ คุณ เป็นเด็กเล็กๆในสายพระเนรตของ พระเยซู
พระเจ้าอวยพร
พระเจ้าสถิตย์กับเราเสมอ
~@
โพสต์: 2546
ลงทะเบียนเมื่อ: อังคาร ม.ค. 18, 2005 10:54 pm

จันทร์ พ.ค. 17, 2010 2:35 am

ขอถามหน่อยครับ ถ้าบ้านผมมีรูปเคารพ แล้วผมจะตกนรกไหมครับคุณ THE TRUTH BIBLE ถ้าตกตกเพราะอะไร
ล็อคหัวข้อ