++ไม่มีใครพูดกับเราเลย...++
-
- ~@
- โพสต์: 2546
- ลงทะเบียนเมื่อ: อังคาร ม.ค. 18, 2005 10:54 pm
อ่านแล้วเศร้าใจและเสียใจมากครับ
ลูกที่รัก ลูกมาวัด เพื่อฟังมิสซา จบแล้วก็กลับออกไป โดยไม่ได้พูดคุยกับเราเลย…เราอยากคุยกับลูก แต่ลูกก็ไม่พูดกับเรา เราออกจากตู้ศีลลงไปหาลูกที่ม้านั่งในวัด แต่ลูกก็คิดว่า เราอยู่แต่ในตู้ศีลเท่านั้น
ที่จริง เราออกไปต้อนรับลูก ตั้งแต่ลูกเดินอยู่หน้าวัด แล้วเดินเคียงข้างลูกเข้ามาในวัด นั่งเบียดกับลูกอยู่ติดกับหัวใจของลูกเลยล่ะ
ก่อนเริ่มมิสซา เราเห็นลูกท่องบทสวดลูกประคำแข่งกันใหญ่ พยายามให้จบเร็วๆ ไม่เห็นลูกพูดกับเราเลย ลูกไม่รู้ตัวว่าลูกสวดคำอะไรออกไปบ้าง กำลังพูดอยู่กับใคร เขาอยู่ตรงไหน อยู่ห่างจากลูกกี่ก้าว เขาแต่งตัวอย่างไร รูปร่างเขาเป็นอย่างไร กำลังฟังลูกอยู่หรือเปล่า ลูกไม่รู้คำสวดของลูกด้วยซ้ำไป ก้มหน้าก้มตาร่ายเวทมนต์…เดี๋ยวก็อาแมน…เดี๋ยวก็อาแมน…วนเวียนท่องบทสวดอวดกันใหญ่ เราเวทนาลูก สงสารลูกจริงๆ
พอถึงพิธีมิสซา ลูกก็ผุดลุกยืน ลุกนั่งตามที่คนในวัดเขาทำกัน พระสงฆ์พูด ลูกก็พูดโต้ตอบ ไปตามตัวบท กฎข้อบังคับทำไปตามธรรมเนียมประเพณีของศาสนา ลูกไม่รู้ด้วยซ้ำไปว่า เราได้เสด็จมาบนแท่นบูชา เราตาย…และกลับคืนชีพ…ต่อหน้าลูกขณะนั้นจริงๆ และเราได้ประทับอยู่ในศีลมหาสนิทก็เพื่อลูกเท่านั้น
เมื่อจบมิสซา เราเห็นหลายคนดีใจ รีบออกจากวัด เหมือนคนพ้นโทษ ทิ้งเราไว้ในวัดอย่างเคย ยังดีที่หันมาร่ำลาเราบ้างที่ตู้ศีล…ที่จริง…เราอกมายืนรออยู่นอกตู้ศีลแล้ว เราแต่งตัวเสียใหม่ ใส่ชุดออกนอกบ้าน เพราะรู้ว่า ประเดี๋ยวจะต้องมีคนมาชวนเราออกจากวัดไปกับเขา…เขาจะพาเราไปเยี่ยมบ้าน…เยี่ยมญาติของเขา ที่ป่วยอยู่ที่บ้าน…เขาอยากให้เห็นความทุกข์ ความยากจนของเขา…
แน่นอนเขาต้องการให้เราช่วย
ดังนั้น เขาจะต้องพาเราไปกับเขาแน่ๆ…เราจึงไปยืนคอยอยู่กลางวัด…คนแล้ว…คนเล่า ต่างคนต่างเดินออกจากวัดไป…ไม่มีใครพูดกับเราเลย…จริงๆหรือนี่…ไม่แน่นะ…คนมาวัดตั้งแยะ คงต้องมีสัก 10 คน ที่คิดถึงเราบ้าง
โอ…ตอนนี้ เหลือคนในวัดอีก 5 คน เท่านั้น เรา…ชักหน้าถอดสี…ปลอบใจตัวเองว่า คงไม่แต่งตัวมารอเก้อนะ แต่แล้วอีก 4 คน ก็เดินคุยกันพ้นประตูวัดไป…เรารีบก้าวไปหาคนสุดท้ายที่เหลืออยู่ เขาเดินจ้ำไปเกือบถึงประตูออกแล้ว เขาเอาหนังสือสวดไปเก็บ แล้วก็ไปคุกเข่าสวดที่รูปปั้นพระแม่ของเรา เราแอบอวยพรเขาอยู่ข้างหลัง เขาลุกขึ้นกลับหลังโค้งไหว้งามๆมายังตู้ศีลอีกครั้งหนึ่ง เราถลาไปยืนรับไหว้เบื้องหน้าเขาทันที ด้วยรหัสธรรมล้ำลึก ที่เราแฝงพระวรกายกำบังมิให้ใครเห็น เหมือนกับที่ซ่อนเร้นพระกายของเราในศีลมหาสนิทนั่นแหละ เขาจึงมองไม่เห็นเรา
เขาจุ่มน้ำเสก..แล้วก็…เดินออกจากวัดไป…คนสุดท้าย…เราน้ำตาคลอ…แต่งตัวมาคอยเก้อ…ไม่มีใครพูดกับเราเลย…เรารู้สึกอับอาย ต่อหน้าเทวดาทั้งหลายที่รายล้อมอยู่รอบตู้ศีล มีนักบุญหลายองค์และพระแม่ของเราก็อยู่ที่นั่นด้วย
บรรยากาศรอบตู้ศีลเงียบเหงาเหมือนเคย เราเดินก้มหน้า กลับเข้าไปขังตัวเองในตู้ศีลอย่างเดิม…
พลันได้ยินเสียงของพระแม่ของเราปลอบใจว่า…ทนรอ…อีกหน่อยลูกแม่…
อาทิตย์หน้าแม่จะพา… "คนที่ไม่ใจดำ" …มาหาลูก…
ลูกที่รัก ลูกมาวัด เพื่อฟังมิสซา จบแล้วก็กลับออกไป โดยไม่ได้พูดคุยกับเราเลย…เราอยากคุยกับลูก แต่ลูกก็ไม่พูดกับเรา เราออกจากตู้ศีลลงไปหาลูกที่ม้านั่งในวัด แต่ลูกก็คิดว่า เราอยู่แต่ในตู้ศีลเท่านั้น
ที่จริง เราออกไปต้อนรับลูก ตั้งแต่ลูกเดินอยู่หน้าวัด แล้วเดินเคียงข้างลูกเข้ามาในวัด นั่งเบียดกับลูกอยู่ติดกับหัวใจของลูกเลยล่ะ
ก่อนเริ่มมิสซา เราเห็นลูกท่องบทสวดลูกประคำแข่งกันใหญ่ พยายามให้จบเร็วๆ ไม่เห็นลูกพูดกับเราเลย ลูกไม่รู้ตัวว่าลูกสวดคำอะไรออกไปบ้าง กำลังพูดอยู่กับใคร เขาอยู่ตรงไหน อยู่ห่างจากลูกกี่ก้าว เขาแต่งตัวอย่างไร รูปร่างเขาเป็นอย่างไร กำลังฟังลูกอยู่หรือเปล่า ลูกไม่รู้คำสวดของลูกด้วยซ้ำไป ก้มหน้าก้มตาร่ายเวทมนต์…เดี๋ยวก็อาแมน…เดี๋ยวก็อาแมน…วนเวียนท่องบทสวดอวดกันใหญ่ เราเวทนาลูก สงสารลูกจริงๆ
พอถึงพิธีมิสซา ลูกก็ผุดลุกยืน ลุกนั่งตามที่คนในวัดเขาทำกัน พระสงฆ์พูด ลูกก็พูดโต้ตอบ ไปตามตัวบท กฎข้อบังคับทำไปตามธรรมเนียมประเพณีของศาสนา ลูกไม่รู้ด้วยซ้ำไปว่า เราได้เสด็จมาบนแท่นบูชา เราตาย…และกลับคืนชีพ…ต่อหน้าลูกขณะนั้นจริงๆ และเราได้ประทับอยู่ในศีลมหาสนิทก็เพื่อลูกเท่านั้น
เมื่อจบมิสซา เราเห็นหลายคนดีใจ รีบออกจากวัด เหมือนคนพ้นโทษ ทิ้งเราไว้ในวัดอย่างเคย ยังดีที่หันมาร่ำลาเราบ้างที่ตู้ศีล…ที่จริง…เราอกมายืนรออยู่นอกตู้ศีลแล้ว เราแต่งตัวเสียใหม่ ใส่ชุดออกนอกบ้าน เพราะรู้ว่า ประเดี๋ยวจะต้องมีคนมาชวนเราออกจากวัดไปกับเขา…เขาจะพาเราไปเยี่ยมบ้าน…เยี่ยมญาติของเขา ที่ป่วยอยู่ที่บ้าน…เขาอยากให้เห็นความทุกข์ ความยากจนของเขา…
แน่นอนเขาต้องการให้เราช่วย
ดังนั้น เขาจะต้องพาเราไปกับเขาแน่ๆ…เราจึงไปยืนคอยอยู่กลางวัด…คนแล้ว…คนเล่า ต่างคนต่างเดินออกจากวัดไป…ไม่มีใครพูดกับเราเลย…จริงๆหรือนี่…ไม่แน่นะ…คนมาวัดตั้งแยะ คงต้องมีสัก 10 คน ที่คิดถึงเราบ้าง
โอ…ตอนนี้ เหลือคนในวัดอีก 5 คน เท่านั้น เรา…ชักหน้าถอดสี…ปลอบใจตัวเองว่า คงไม่แต่งตัวมารอเก้อนะ แต่แล้วอีก 4 คน ก็เดินคุยกันพ้นประตูวัดไป…เรารีบก้าวไปหาคนสุดท้ายที่เหลืออยู่ เขาเดินจ้ำไปเกือบถึงประตูออกแล้ว เขาเอาหนังสือสวดไปเก็บ แล้วก็ไปคุกเข่าสวดที่รูปปั้นพระแม่ของเรา เราแอบอวยพรเขาอยู่ข้างหลัง เขาลุกขึ้นกลับหลังโค้งไหว้งามๆมายังตู้ศีลอีกครั้งหนึ่ง เราถลาไปยืนรับไหว้เบื้องหน้าเขาทันที ด้วยรหัสธรรมล้ำลึก ที่เราแฝงพระวรกายกำบังมิให้ใครเห็น เหมือนกับที่ซ่อนเร้นพระกายของเราในศีลมหาสนิทนั่นแหละ เขาจึงมองไม่เห็นเรา
เขาจุ่มน้ำเสก..แล้วก็…เดินออกจากวัดไป…คนสุดท้าย…เราน้ำตาคลอ…แต่งตัวมาคอยเก้อ…ไม่มีใครพูดกับเราเลย…เรารู้สึกอับอาย ต่อหน้าเทวดาทั้งหลายที่รายล้อมอยู่รอบตู้ศีล มีนักบุญหลายองค์และพระแม่ของเราก็อยู่ที่นั่นด้วย
บรรยากาศรอบตู้ศีลเงียบเหงาเหมือนเคย เราเดินก้มหน้า กลับเข้าไปขังตัวเองในตู้ศีลอย่างเดิม…
พลันได้ยินเสียงของพระแม่ของเราปลอบใจว่า…ทนรอ…อีกหน่อยลูกแม่…
อาทิตย์หน้าแม่จะพา… "คนที่ไม่ใจดำ" …มาหาลูก…
- Good Nanny
- ~@
- โพสต์: 227
- ลงทะเบียนเมื่อ: พุธ เม.ย. 13, 2005 10:32 pm
- ที่อยู่: BKK
เศร้าอ่ะ ...เจ๊ฑา *sob
- BARKER BARBER
- โพสต์: 226
- ลงทะเบียนเมื่อ: ศุกร์ มิ.ย. 24, 2005 8:34 pm
- ที่อยู่: XAVIER HALL / PRISONMINISTRY
อ่านแล้วไม่รู้ว่าอะไรเป็นอะไรหรอกครับ แต่ว่าเรื่องเศร้าจังเลย
:-[
:-[
น้ำตาปริ่มไปเรียบร้อย T_T
- King Zadin
- โพสต์: 419
- ลงทะเบียนเมื่อ: ศุกร์ พ.ค. 13, 2005 3:53 am
- ติดต่อ:
จิงๆด้วยไม่เคยคิดเลย เราส่วนมากมักจะมองข้ามไป เศร้าจิงๆอยากร้องไห้เลย :-[
- ~@Little lamb@~
- Defender of lawS
- โพสต์: 9396
- ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ ม.ค. 17, 2005 3:00 pm
- ติดต่อ:
ไม่รู้ว่ายังงัยคะ จะได้อธบายให้เข้าใจ :Dsam.balance เขียน: อ่านแล้วไม่รู้ว่าอะไรเป็นอะไรหรอกครับ แต่ว่าเรื่องเศร้าจังเลย
:-[
ชอบมาตั้งแต่ตอนอ่านที่ อิสระ แล้ว บทความนี้
- Immanuel (MichaelPaul)
- ~@
- โพสต์: 2887
- ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ ม.ค. 17, 2005 8:49 pm
- ที่อยู่: กรุงเทพมหานคร
แล้วเราควรจะปฏิบัติตัวยังไงอ่าก่อนออกจากวัดปกติผมจะขอพระพรก่อนออกนะครับแล้วก็จุ่มน้ำเสก แล้วก็ไหว้ตู้ศีลอ่า ทำยังไงอ่า ทำตัวมะถูกแต่ไม่อยากให้พระองค์เศร้าแบบนี้อ่า
-
- โพสต์: 1946
- ลงทะเบียนเมื่อ: พุธ มิ.ย. 01, 2005 8:23 pm
- ที่อยู่: On this earth obviously
แหงะ รู้สึกผิดจัง บางครั้งบูบู้ก้อทำอย่างงั้นเหมือนกันอ่ะ :'(
ว้า...แล้วเค้าต้องทำยังไงกันบ้างเหรอฮะ? พอดี บูบู้ม่ายรุอ่ะ
ว้า...แล้วเค้าต้องทำยังไงกันบ้างเหรอฮะ? พอดี บูบู้ม่ายรุอ่ะ
- ~@Little lamb@~
- Defender of lawS
- โพสต์: 9396
- ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ ม.ค. 17, 2005 3:00 pm
- ติดต่อ:
ก็คุกเข่าลง คุยกับพระองค์ก่อนอกจากวัด
แล้วก็เชิญพระองค์ไปเยี่ยมบ้านกับเรา ;D
แล้วก็เชิญพระองค์ไปเยี่ยมบ้านกับเรา ;D
พีก็เริ่มทำอย่างนั้นเหมือนกัน จะเริ่มไปโบสท์ให้เร็วขึ้น ออกจากโบสท์ให้ช้าหน่อย อธิฐานและเชิญท่านมาด้วย :D~@Little lamb@~ เขียน: ก็คุกเข่าลง คุยกับพระองค์ก่อนอกจากวัด
แล้วก็เชิญพระองค์ไปเยี่ยมบ้านกับเรา ;D
เอามาแปะให้ใหม่ สำหรับผู้ที่ยังไม่เคยอ่านนะครับ
ลูกที่รัก ลูกมาวัด เพื่อฟังมิสซา จบแล้วก็กลับออกไป โดยไม่ได้พูดคุยกับเราเลย…เราอยากคุยกับลูก แต่ลูกก็ไม่พูดกับเรา เราออกจากตู้ศีลลงไปหาลูกที่ม้านั่งในวัด แต่ลูกก็คิดว่า เราอยู่แต่ในตู้ศีลเท่านั้น
ที่จริง เราออกไปต้อนรับลูก ตั้งแต่ลูกเดินอยู่หน้าวัด แล้วเดินเคียงข้างลูกเข้ามาในวัด นั่งเบียดกับลูกอยู่ติดกับหัวใจของลูกเลยล่ะ
ก่อนเริ่มมิสซา เราเห็นลูกท่องบทสวดลูกประคำแข่งกันใหญ่ พยายามให้จบเร็วๆ ไม่เห็นลูกพูดกับเราเลย ลูกไม่รู้ตัวว่าลูกสวดคำอะไรออกไปบ้าง กำลังพูดอยู่กับใคร เขาอยู่ตรงไหน อยู่ห่างจากลูกกี่ก้าว เขาแต่งตัวอย่างไร รูปร่างเขาเป็นอย่างไร กำลังฟังลูกอยู่หรือเปล่า ลูกไม่รู้คำสวดของลูกด้วยซ้ำไป ก้มหน้าก้มตาร่ายเวทมนต์…เดี๋ยวก็อาแมน…เดี๋ยวก็อาแมน…วนเวียนท่องบทสวดอวดกันใหญ่ เราเวทนาลูก สงสารลูกจริงๆ
พอถึงพิธีมิสซา ลูกก็ผุดลุกยืน ลุกนั่งตามที่คนในวัดเขาทำกัน พระสงฆ์พูด ลูกก็พูดโต้ตอบ ไปตามตัวบท กฎข้อบังคับทำไปตามธรรมเนียมประเพณีของศาสนา ลูกไม่รู้ด้วยซ้ำไปว่า เราได้เสด็จมาบนแท่นบูชา เราตาย…และกลับคืนชีพ…ต่อหน้าลูกขณะนั้นจริงๆ และเราได้ประทับอยู่ในศีลมหาสนิทก็เพื่อลูกเท่านั้น
เมื่อจบมิสซา เราเห็นหลายคนดีใจ รีบออกจากวัด เหมือนคนพ้นโทษ ทิ้งเราไว้ในวัดอย่างเคย ยังดีที่หันมาร่ำลาเราบ้างที่ตู้ศีล…ที่จริง…เราอกมายืนรออยู่นอกตู้ศีลแล้ว เราแต่งตัวเสียใหม่ ใส่ชุดออกนอกบ้าน เพราะรู้ว่า ประเดี๋ยวจะต้องมีคนมาชวนเราออกจากวัดไปกับเขา…เขาจะพาเราไปเยี่ยมบ้าน…เยี่ยมญาติของเขา ที่ป่วยอยู่ที่บ้าน…เขาอยากให้เห็นความทุกข์ ความยากจนของเขา…
แน่นอนเขาต้องการให้เราช่วย
ดังนั้น เขาจะต้องพาเราไปกับเขาแน่ๆ…เราจึงไปยืนคอยอยู่กลางวัด…คนแล้ว…คนเล่า ต่างคนต่างเดินออกจากวัดไป…ไม่มีใครพูดกับเราเลย…จริงๆหรือนี่…ไม่แน่นะ…คนมาวัดตั้งแยะ คงต้องมีสัก 10 คน ที่คิดถึงเราบ้าง
โอ…ตอนนี้ เหลือคนในวัดอีก 5 คน เท่านั้น เรา…ชักหน้าถอดสี…ปลอบใจตัวเองว่า คงไม่แต่งตัวมารอเก้อนะ แต่แล้วอีก 4 คน ก็เดินคุยกันพ้นประตูวัดไป…เรารีบก้าวไปหาคนสุดท้ายที่เหลืออยู่ เขาเดินจ้ำไปเกือบถึงประตูออกแล้ว เขาเอาหนังสือสวดไปเก็บ แล้วก็ไปคุกเข่าสวดที่รูปปั้นพระแม่ของเรา เราแอบอวยพรเขาอยู่ข้างหลัง เขาลุกขึ้นกลับหลังโค้งไหว้งามๆมายังตู้ศีลอีกครั้งหนึ่ง เราถลาไปยืนรับไหว้เบื้องหน้าเขาทันที ด้วยรหัสธรรมล้ำลึก ที่เราแฝงพระวรกายกำบังมิให้ใครเห็น เหมือนกับที่ซ่อนเร้นพระกายของเราในศีลมหาสนิทนั่นแหละ เขาจึงมองไม่เห็นเรา
เขาจุ่มน้ำเสก..แล้วก็…เดินออกจากวัดไป…คนสุดท้าย…เราน้ำตาคลอ…แต่งตัวมาคอยเก้อ…ไม่มีใครพูดกับเราเลย…เรารู้สึกอับอาย ต่อหน้าเทวดาทั้งหลายที่รายล้อมอยู่รอบตู้ศีล มีนักบุญหลายองค์และพระแม่ของเราก็อยู่ที่นั่นด้วย
บรรยากาศรอบตู้ศีลเงียบเหงาเหมือนเคย เราเดินก้มหน้า กลับเข้าไปขังตัวเองในตู้ศีลอย่างเดิม…
พลันได้ยินเสียงของพระแม่ของเราปลอบใจว่า…ทนรอ…อีกหน่อยลูกแม่…
อาทิตย์หน้าแม่จะพา… "คนที่ไม่ใจดำ" …มาหาลูก…
viewtopic.php?f=2&t=15092
ลูกที่รัก ลูกมาวัด เพื่อฟังมิสซา จบแล้วก็กลับออกไป โดยไม่ได้พูดคุยกับเราเลย…เราอยากคุยกับลูก แต่ลูกก็ไม่พูดกับเรา เราออกจากตู้ศีลลงไปหาลูกที่ม้านั่งในวัด แต่ลูกก็คิดว่า เราอยู่แต่ในตู้ศีลเท่านั้น
ที่จริง เราออกไปต้อนรับลูก ตั้งแต่ลูกเดินอยู่หน้าวัด แล้วเดินเคียงข้างลูกเข้ามาในวัด นั่งเบียดกับลูกอยู่ติดกับหัวใจของลูกเลยล่ะ
ก่อนเริ่มมิสซา เราเห็นลูกท่องบทสวดลูกประคำแข่งกันใหญ่ พยายามให้จบเร็วๆ ไม่เห็นลูกพูดกับเราเลย ลูกไม่รู้ตัวว่าลูกสวดคำอะไรออกไปบ้าง กำลังพูดอยู่กับใคร เขาอยู่ตรงไหน อยู่ห่างจากลูกกี่ก้าว เขาแต่งตัวอย่างไร รูปร่างเขาเป็นอย่างไร กำลังฟังลูกอยู่หรือเปล่า ลูกไม่รู้คำสวดของลูกด้วยซ้ำไป ก้มหน้าก้มตาร่ายเวทมนต์…เดี๋ยวก็อาแมน…เดี๋ยวก็อาแมน…วนเวียนท่องบทสวดอวดกันใหญ่ เราเวทนาลูก สงสารลูกจริงๆ
พอถึงพิธีมิสซา ลูกก็ผุดลุกยืน ลุกนั่งตามที่คนในวัดเขาทำกัน พระสงฆ์พูด ลูกก็พูดโต้ตอบ ไปตามตัวบท กฎข้อบังคับทำไปตามธรรมเนียมประเพณีของศาสนา ลูกไม่รู้ด้วยซ้ำไปว่า เราได้เสด็จมาบนแท่นบูชา เราตาย…และกลับคืนชีพ…ต่อหน้าลูกขณะนั้นจริงๆ และเราได้ประทับอยู่ในศีลมหาสนิทก็เพื่อลูกเท่านั้น
เมื่อจบมิสซา เราเห็นหลายคนดีใจ รีบออกจากวัด เหมือนคนพ้นโทษ ทิ้งเราไว้ในวัดอย่างเคย ยังดีที่หันมาร่ำลาเราบ้างที่ตู้ศีล…ที่จริง…เราอกมายืนรออยู่นอกตู้ศีลแล้ว เราแต่งตัวเสียใหม่ ใส่ชุดออกนอกบ้าน เพราะรู้ว่า ประเดี๋ยวจะต้องมีคนมาชวนเราออกจากวัดไปกับเขา…เขาจะพาเราไปเยี่ยมบ้าน…เยี่ยมญาติของเขา ที่ป่วยอยู่ที่บ้าน…เขาอยากให้เห็นความทุกข์ ความยากจนของเขา…
แน่นอนเขาต้องการให้เราช่วย
ดังนั้น เขาจะต้องพาเราไปกับเขาแน่ๆ…เราจึงไปยืนคอยอยู่กลางวัด…คนแล้ว…คนเล่า ต่างคนต่างเดินออกจากวัดไป…ไม่มีใครพูดกับเราเลย…จริงๆหรือนี่…ไม่แน่นะ…คนมาวัดตั้งแยะ คงต้องมีสัก 10 คน ที่คิดถึงเราบ้าง
โอ…ตอนนี้ เหลือคนในวัดอีก 5 คน เท่านั้น เรา…ชักหน้าถอดสี…ปลอบใจตัวเองว่า คงไม่แต่งตัวมารอเก้อนะ แต่แล้วอีก 4 คน ก็เดินคุยกันพ้นประตูวัดไป…เรารีบก้าวไปหาคนสุดท้ายที่เหลืออยู่ เขาเดินจ้ำไปเกือบถึงประตูออกแล้ว เขาเอาหนังสือสวดไปเก็บ แล้วก็ไปคุกเข่าสวดที่รูปปั้นพระแม่ของเรา เราแอบอวยพรเขาอยู่ข้างหลัง เขาลุกขึ้นกลับหลังโค้งไหว้งามๆมายังตู้ศีลอีกครั้งหนึ่ง เราถลาไปยืนรับไหว้เบื้องหน้าเขาทันที ด้วยรหัสธรรมล้ำลึก ที่เราแฝงพระวรกายกำบังมิให้ใครเห็น เหมือนกับที่ซ่อนเร้นพระกายของเราในศีลมหาสนิทนั่นแหละ เขาจึงมองไม่เห็นเรา
เขาจุ่มน้ำเสก..แล้วก็…เดินออกจากวัดไป…คนสุดท้าย…เราน้ำตาคลอ…แต่งตัวมาคอยเก้อ…ไม่มีใครพูดกับเราเลย…เรารู้สึกอับอาย ต่อหน้าเทวดาทั้งหลายที่รายล้อมอยู่รอบตู้ศีล มีนักบุญหลายองค์และพระแม่ของเราก็อยู่ที่นั่นด้วย
บรรยากาศรอบตู้ศีลเงียบเหงาเหมือนเคย เราเดินก้มหน้า กลับเข้าไปขังตัวเองในตู้ศีลอย่างเดิม…
พลันได้ยินเสียงของพระแม่ของเราปลอบใจว่า…ทนรอ…อีกหน่อยลูกแม่…
อาทิตย์หน้าแม่จะพา… "คนที่ไม่ใจดำ" …มาหาลูก…
viewtopic.php?f=2&t=15092
-
- โพสต์: 413
- ลงทะเบียนเมื่อ: พฤหัสฯ. ธ.ค. 22, 2011 8:16 pm
เหมือนในหนังสือ "พิธีมิสซาบูชาขอบพระคุณ" ที่เขียนโดยแคมเทอรีนา รีวาซ มากๆๆเลย อ่านแล้วซึ้ง