สัมภาษณ์ คุณแม่เทเรซา-ทุกสิ่งเพื่อพระเยซูเจ้า

ถาม-ตอบพระคัมภีร์ เรื่องเสริมศรัทธา ความรู้ และสาระ บทความ ในคริสตศาสนา
ตอบกลับโพส
ภาพประจำตัวสมาชิก
Holy
Defender of lawS
Defender of lawS
โพสต์: 10011
ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ ม.ค. 17, 2005 3:06 pm

จันทร์ พ.ค. 09, 2011 12:47 am

สัมภาษณ์ คุณแม่เทเรซา

รูปภาพ

Edward W. Desmond จากไทม์แมกกาซีน ได้สัมภาษณ์คุณแม่เทเรซา ในปี 1989
ซึ่งเป็นการสัมภาษณ์ครั้งสุดท้ายก่อนที่ท่านจะเสียชีวิต
จาก The National Catholic Register

ไทม์: คุณแม่ได้ทำอะไรในเช้าวันนี้ครับ?

คุณแมเทเรซา : สวดภาวนาค่ะ

ไทม์: เริ่มเวลาเท่าไรครับ?

คุณแม่เทเรซา : สีโมงครึ่งค่ะ

ไทม์: หลังจากสวดล่ะครับ

คุณแม่เทเรซา : พวกเราพยายามสวดภาวนาโดยการทำงานพร้อมกับพระเยซูเจ้า เพื่อพระเยซูเจ้า และนำไปสู่พระเยซูเจ้า วิธีนี้จะช่วยให้หัวใจทั้งหมดของเรามุ่งอยู่ที่การทำงานนั้น คนที่กำลังเสียชีวิต คนพิการ คนที่หมดกำลังใจ และคนที่ไม่มีใครต้องการ คนที่ไม่มีใครรัก พวกเขาคือพระเยซูเจ้าที่จำแลงกายมา

ไทม์: คนทั่วไปรู้จักคุณแม่ในฐานะผู้อยู่ในหน่วยงานศาสนาที่ทำงานด้านสังคม พวกเขารู้และเข้าใจพื้นฐานทางด้านจิตใจในงานของคุณแม่หรือไม่ครับ?

คุณแม่เทเรซา : แม่ไม่ทราบหรอก แต่แม่ให้โอกาสแก่พวกเขาที่จะเข้ามาสัมผัสคนยากจนด้วยตนเอง ทุกคนควรได้รับประสบการณ์นั้น มีเยาวชนหลายคนทีเดียวที่ยอมละทิ้งทุกอย่างเพื่อมาทำงานนี้ นี่เป็นเรื่องเหลือเชื่อในโลกปัจจุบันนี้มิใช่หรือ ? นับเป็นสิ่งมหัศจรรย์เลยทีเดียว อาสาสมัครหลายคนกลับบ้านของเขาและมีชีวิตที่เปลี่ยนไป

ไทม์: เป็นความจริงหรือไม่ครับที่เป็นเพราะคุณแม่เป็นผู้หญิงจึงทำให้ความหมายของการงานนั้นเป็นที่เข้าใจต่อคนทั่วไปได้ง่ายขึ้น?

คุณแม่เทเรซา : แม่ไม่คิดเช่นนั้น
ภาพประจำตัวสมาชิก
Holy
Defender of lawS
Defender of lawS
โพสต์: 10011
ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ ม.ค. 17, 2005 3:06 pm

จันทร์ พ.ค. 09, 2011 12:52 am

ไทม์: แต่คุณแม่ไม่คิดหรือว่าชาวโลกมีการตอบสนองที่ดีกว่าต่อผู้อยู่ในฐานะแม่?

คุณแม่เทเรซา : ประชาชนตอบสนองไม่ใช่เพราะตัวของแม่ แต่เป็นเพราะสิ่งที่พวกเราได้ทำ ก่อนหน้านี้ ประชาชนมีการพูดกันในเรื่องเกี่ยวกับคนยากจน แต่เดี๋ยวนี้พวกเขาเรี่มพูดกับคนยากจนด้วยตัวของเขาเอง นั่นเป็นความแตกต่างกันมาก การงานของเราทำให้เกิดสิ่งนี้ คนยากจนได้รับการรับรู้มากขึ้นแล้ว โดยเฉพาะคนที่ยากจนที่สุดในบรรดาคนยากจนทั้งหลาย คนที่ไม่มีใครต้องการ คนที่ไม่มีใครรักและเอาใจใส่ ก่อนหน้านี้ ไม่มีใครสนใจคนยากจนที่อาศัยอยู่ตามท้องถนน พวกเราได้นำคนเหล่านั้นออกมาจากท้องถนนแห่งกัลกัตตาจำนวนถึง 54,000 คน และประมาณ 23,000 คนได้เสียชีวิตในห้องนั้น (ที่ Kalighat)


รูปภาพ

ไทม์: ทำไมคุณแม่ถึงได้ประสพความสำเร็จมากเช่นนี้?

คุณแม่เทเรซา : พระเยซูเจ้าได้ทรงประทานพระองค์เองเป็นปังแห่งชีวิตเพื่อประทานชีวิตให้แก่พวกเรา สิ่งแรกที่เรากระทำคือการรับศีลมหาสนิทในเวลาเช้าก่อนทำงาน โดยการร่วมพิธีมิสซา และเราก็จะสิ้นสุดวันด้วยการเฝ้าศีลมหาสนิท แม่คิดว่าคงจะทำงานเหล่านี้ไม่ได้แม้แต่หนึ่งสัปดาห์ ถ้าแม่ไม่ได้สวดภาวนาอย่างน้อยสี่ชั่วโมงทุกๆวัน

รูปภาพ


ไทม์: คุณแม่ช่างถ่อมตนจริง มันเป็นสิ่งพิเศษสุดจริงๆที่ได้เป็นผู้นำพระหรรษทานของพระเป็นเจ้าไปมอบแก่คนทั่วไปในโลก

คุณแมเทเรซา : แต่ทุกสิ่งนี้ก็เป็นงานของพระองค์ แม่คิดว่าพระเป็นเจ้าทรงประสงค์ที่จะแสดงพระอานุภาพของพระองค์โดยใช้สิ่งที่ไร้ค่า


ไทม์: คุณแม่เป็นคนไร้ค่าหรือครับ?

คุณแมเทเรซา : แม่แน่ใจอย่างยิ่งว่าเป็นเช่นนั้นค่ะ

ไทม์: คุณแม่รู้สึกว่าตนเองไม่มีคุณสมบัติพิเศษอะไรเลยหรือ?

คุณแม่เทเรซา : แม่ไม่คิดอย่างนั้นหรอก แม่ไม่เคยอวดอ้างผลงานเลย มันเป็นผลงานของพระองค์ทั้งสิ้น แม่เป็นเหมือนดินสอที่อยู่ในพระหัตถ์ของพระองค์ พระองค์ทรงมีพระดำริ พระองค์ทรงกระทำ ดินสอไม่ได้ทำสิ่งเหล่านี้ ดินสอเพียงแต่ยินยอมให้พระองค์ทรงใช้เท่านั้น ในฐานะมนุษย์ ความสำเร็จในการงานของเราจะไม่มีทางเกิดขึ้น, ไม่แน่นอน? สิ่งเหล่านั้นคือเครื่องหมายแสดงว่านั่นเป็นผลงานของพระองค์ และพระองค์ทรงใช้มนุษย์เหมือนเป็นเครื่องมือ นั่นได้แก่บรรดาซิสเตอร์ของเรา ไม่มีใครในพวกเราที่สามารถทำสิ่งต่างๆเหล่านี้ขึ้นมาเองได้ จงมองดูสิ่งที่พระองค์ทรงกระทำเถิด
ภาพประจำตัวสมาชิก
Holy
Defender of lawS
Defender of lawS
โพสต์: 10011
ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ ม.ค. 17, 2005 3:06 pm

จันทร์ พ.ค. 09, 2011 12:56 am

ไทม์: พระพรที่ยิ่งใหญ่ที่สุดที่พระเป็นเจ้าทรงประทานให้แก่คุณแม่คืออะไรครับ?

คุณแม่เทเรซา : คือคนยากจน

ไทม์: พวกเขาเป็นพระพรได้อย่างไร?

คุณแมเทเรซา : เพราะแม่ได้อยู่กับพระเยซูเจ้าตลอด 24 ชั่วโมง

รูปภาพ

ไทม์: ที่นี่ในกัลกัตตา คุณแม่ได้ทำให้เกิดความเปลี่ยนแปลงที่แท้จริงหรือไม่?

คุณแม่เทเรซา : แม่คิดว่าเป็นเช่นนั้น ประชาชนได้ตระหนักถึงสิ่งที่พระเป็นเจ้าทรงประทานให้และมีชาวฮินดูจำนวนมากมายทีเดียวที่ได้มาร่วมงานกับเรา พวกเขามาและให้อาหาร ให้การรับใช้แก่คนยากจน ปัจจุบันนี้เราไม่เห็นคนที่นอนรอความตายอยู่บนท้องถนนอีกแล้ว มันทำให้โลกได้ตระหนักรับรู้ถึงคนยากจน

ไทม์: นอกจากการบอกให้โลกรู้ถึงเรื่องคนยากจนแล้ว คุณแม่ยังได้สื่อสารสิ่งใดอีกที่เกี่ยวกับการทำงานกับคนยากจนอีกบ้าง?

คุณแม่เทเรซา : คุณต้องทำให้คนยากจนรู้สึกว่าได้รับความรักและเป็นที่ต้องการ พวกเขาเป็นพระเยซูเจ้าสำหรับแม่ แม่เชื่อเช่นนี้ยิ่งกว่าการทำกิจการที่ยิ่งใหญ่เพื่อพวกเขาเสียอีก

ไทม์: คุณแม่มีความหวังอะไรที่ยิ่งใหญ่ที่สุดสำหรับอินเดีย?

คุณแม่เทเรซา : คือการมอบพระเยซูเจ้าให้แก่ทุกคน ค่ะ

ไทม์: แต่คุณแม่ไม่ได้ออกไปสอนคำสอนเพื่อเผยแพร่โดยตรงเลย

คุณแม่เทเรซา : แม่สอนด้วยการงานแห่งความรักของแม่

รูปภาพ



ไทม์: นั่นเป็นวิธีที่ดีที่สุดหรือ?

คุณแม่เทเรซา : สำหรับพวกเรา ใช่ สำหรับบางคนอาจเป็นอย่างอื่น แม่แพร่ธรรมด้วยวิธีที่พระเป็นเจ้าทรงประสงค์ให้แม่ทำ พระเยซูเจ้าตรัสว่า จงไปและสั่งสอนนานาชาติ เวลานี้พวกเรากำลังอยู่ท่ามกลางนานาชาติ กำลังสั่งสอนพระวรสารด้วยการงานแห่งความรัก "โดยอาศัยความรักต่อกันและกัน จะทำให้ผู้อื่นรู้ว่าท่านเป็นศิษย์ของเรา" และนั่นคือการเทศน์สอน นั่นเป็นสิ่งที่พวกเรากำลังทำ แม่คิดว่านั่นเป็นความจริงยิ่งกว่า
ภาพประจำตัวสมาชิก
Holy
Defender of lawS
Defender of lawS
โพสต์: 10011
ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ ม.ค. 17, 2005 3:06 pm

จันทร์ พ.ค. 09, 2011 1:00 am

ไทม์: เพื่อนๆของคุณแม่กล่าวว่า คุณแม่ผิดหวังที่งานของคุณแม่ยังไม่ได้ทำให้เกิดการกลับใจมากนักในดินแดนของฮินดูแห่งนี้

คุณแม่เทเรซา : มิสชันนารีไม่เคยคิดอย่างนั้น พวกเราต้องการเพียงประกาศพระวาจาของพระเป็นเจ้า จำนวนไม่ใช่สิ่งสำคัญสำหรับเรา มีประชาชนที่เข้ามาสวดภาวนาด้วยการกระทำ โดยการรับใช้คนยากจน ประชาชนมาให้อาหารและรับใช้อย่างต่อเนื่อง เราไม่รู้ว่าอนาคตจะเป็นอย่างไร แต่ประตูที่จะมาหาพระคริสต์ก็เปิดอยู่เสมอ อาจไม่มีการกลับใจที่มากมายนัก แต่ใครจะไปรู้ได้ว่ามีอะไรเกิดขึ้นในจิตวิญญาณบ้าง

ไทม์: คุณแม่คิดอย่างไรกับศาสนาฮินดู?

คุณแม่เทเรซา : แม่รักทุกศาสนา แต่แม่ก็รักศาสนาของแม่ด้วย ไม่มีการวิพากษ์วิจารณ์ เราต้องพิสูจน์ให้พวกเขาเห็น มองดูสิ่งที่แม่ได้กระทำสิ พวกเขาแน่ใจได้ว่าแม่รักพระเยซูเจ้า

ไทม์: และพวกเขาควรจะรักพระเยซูเจ้าด้วยหรือไม่?

คุณแมเทเรซา : โดยธรรมชาติแล้ว ถ้าพวกเขาต้องการสันติ ถ้าพวกเขาต้องการความชื่นชมยินดี ให้พวกเขาแสวงหาพระเยซูเจ้าเถิด ถ้าพวกเขาเป็นฮินดูที่ดี เป็นมุสลิมที่ดี เป็นชาวพุทธที่ดี ด้วยกิจการแห่งความรักแล้วละก็ จะต้องมีบางสิ่งบางอย่างที่เติบโตขึ้นในจิตใจของเขาแน่ พวกเขาจะเข้าใกล้พระเป็นเจ้าทีละน้อย และเมื่อพวกเขาเข้าใกล้มากยิ่งขึ้น พวกเขาก็จะต้องเลือก

ไทม์: ต่อหน้าบรรดาผู้นำศาสนาทั้งหลาย คุณแม่และพระสันตะปาปายอห์นปอลที่ 2 ได้พูดต่อต้าน รูปแบบการดำเนินชีวิตของชาวยุโรป ต่อต้านลัทธิวัตถุนิยมและการทำแท้ง คุณแม่ได้พูดเตือนอย่างไร?

คุณแม่เทเรซา : แม่มักจะพูดถึงเรื่องหนึ่งเสมอ นั่นคือถ้าผู้เป็นแม่สามารถฆ่าลูกของตัวเองได้ แล้วจะมีอะไรอีกที่ชาวยุโรปจะไม่สามารถทำลายได้? เป็นเรื่องยากที่จะอธิบาย แต่มันเป็นเช่นนั้น

รูปภาพ

ไทม์: เมื่อคุณแม่ไปกล่าวสุนทรพจน์ที่มหาวิทยาลัยฮาวาร์ด หลายปีก่อน คุณแม่บอกว่าการทำแท้งเป็นสิ่งชั่วร้ายที่สุด และผู้คนก็โห่ใส่ คุณแม่คิดอย่างไรที่คนเหล่านั้นโห่ใส่คุณแม่?

คุณแม่เทเรซา : แม่มอบถวายทุกสิ่งแด่พระเยซูเจ้า เราทำทุกสิ่งเพื่อพระองค์ไม่ใช่หรือคะ แม่จะให้พระองค์ตรัสในสิ่งที่พระองค์ทรงมีพระประสงค์

ไทม์: และสิ่งนั้นคือ?

คุณแม่เทเรซา : เราไม่มีสิทธิที่จะฆ่าผู้อื่น เจ้าจงอย่าฆ่าคน นี่เป็นพระบัญญัติของพระเป็นเจ้า ดังนั้นเราไม่ควรฆ่าผู้ที่ช่วยเหลือตัวเองไม่ได้ ในที่นี้คือเด็กทารก ไม่ใช่หรือ? คุณไม่เห็นหรือ เราจะตกใจเมื่อระเบิดถูกทิ้งลงมาท่ามกลางฝูงชนและคนจำนวนมากก็จะเสียชีวิต ซึ่งเป็นเรื่องน่าตระหนกสำหรับชาวโลก แต่เด็กทารกในครรภ์ล่ะ ไม่มีใครได้ยินแม้แต่เสียงร้อง? เขาไม่สามารถหลบหนีได้ด้วยซ้ำไป เด็กๆเหล่านั้นคือคนยากจนที่สุดในบรรดาคนยากจน
ภาพประจำตัวสมาชิก
Holy
Defender of lawS
Defender of lawS
โพสต์: 10011
ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ ม.ค. 17, 2005 3:06 pm

จันทร์ พ.ค. 09, 2011 1:06 am

ไทม์: ลัทธิวัตถุนิยมในตะวันตกเป็นปัญหาที่น่าวิตกหรือ?

คุณแม่เทเรซา : แม่ไม่ทราบ แม่มีเรื่องอื่นมากมายที่ต้องคิด แม่สวดภาวนามากมายเกี่ยวกับเรื่องนี้ แต่แม่จะไม่ไปมัวคิดถึงมันหรอก คณะของเราเป็นตัวอย่าง เรามีทรัพย์สินเพียงเล็กน้อย ดังนั้นเราจึงไม่ต้องไปพะวงในสิ่งเหล่านั้น ยิ่งคุณมีทรัพย์สมบัติมาก คุณยิ่งต้องใส่ใจกับมันมากและคุณกลับให้น้อยลง แต่ถ้าคุณยิ่งมีน้อย คุณยิ่งมีอิสระมาก ความยากจนสำหรับเราแล้วคือความอิสระ ที่นี่ไม่มีโทรทัศน์ ไม่มีสิ่งนี้ ไม่มีสิ่งนั้น แต่พวกเรามีความสุขอย่างแท้จริง

ไทม์: แล้วคุณแม่พบปะกับเศรษฐีด้วยท่าทีอย่างไรครับ?

คุณแม่เทเรซา : แม่พบว่าเศรษฐีเป็นคนที่ยากจนยิ่งกว่าใครๆ บางครั้งพวกเขารู้สึกโดดเดี่ยวในจิตใจภายใน พวกเขาไม่เคยพอใจ พวกเขามักต้องการมากยิ่งขึ้นเสมอ แม่ไม่ได้หมายถึงทุกคนเป็นเช่นนี้ แต่ละคนย่อมไม่เหมือนกัน แม่พบว่าเป็นการยากที่จะกำจัดความยากจน แต่การกำจัดความยากจนที่โหยหิวความรักยากยิ่งกว่าการกำจัดความยากจนที่โหยหิวขนมปัง


รูปภาพ
ไทม์: สถานที่ใดที่น่าเศร้าที่สุดที่คุณแม่เคยไปเยี่ยมเยียนมา?

คุณแม่เทเรซา : แม่ไม่รู้หรอก แม่จำไม่ได้ มันเป็นสิ่งน่าเศร้าใจที่เห็นคนที่ทุกข์ร้อน โดยเฉพาะครอบครัวที่แตกแยก การไม่มีความรัก ไม่มีความเอาใจใส่ เป็นเรื่องน่าเศร้าใจอย่างยิ่งที่เห็นเด็กๆที่ทนทุกข์เพราะไม่มีใครในครอบครัวที่รักเขา เป็นเรื่องน่าเศร้าใจจริงๆ เพราะคุณไม่สามารถทำอะไรเพื่อช่วยเหลือเขาได้ นั่นเป็นความยากจนยิ่งนัก คุณรู้สึกว่าไม่สามารถช่วยเหลืออะไรได้ แต่ถ้าคุณนำคนใกล้ตายเพราะความหิวมาจากท้องถนนและให้อาหารพวกเขา คุณยังสามารถช่วยเหลือได้และนั่นก็ยุติลง

ไทม์: ทำไมคณะของคุณแม่จึงเติบโตขึ้นอย่างรวดเร็ว?

คุณแมเทเรซา : เมื่อแม่ถามเยาวชนว่า ทำไมพวกเขาต้องการมาร่วมงานกับเรา พวกเขาตอบว่า พวกเขาต้องการมีชีวิตในการสวดภาวนา ชีวิตแห่งความยากจนและชีวิตแห่งการรับใช้คนยากจนที่สุดในบรรดาคนยากจน มีเด็กหญิงจากครอบครัวที่ร่ำรวยมากคนหนึ่งเขียนจดหมายมาหาแม่และบอกว่าที่เธอปรารถนาที่จะมาเป็นนักบวชหญิงมานานแล้ว และเมื่อเธอได้มาเห็นพวกเรา เธอบอกว่าเธอต้องการละทิ้งทุกๆสิ่งเพื่อมาอยู่ที่นี่ คุณเห็นไหม นี่เป็นจิตใจของเยาวชนในทุกวันนี้ เรามีกระแสเรียกมากมาย


รูปภาพ

ไทม์: มีการวิพากษ์วิจารณ์มากมายเกี่ยวกับระเบียบวินัยที่เข้มงวดซึ่งคุณแม่และซิสเตอร์ดำเนินชีวิตอยู่

คุณแมเทเรซา : เราเลือกที่จะเป็นเช่นนี้ นั่นเป็นข้อแตกต่างระหว่างเรากับคนยากจน สาเหตุอะไรที่นำเราให้เข้าใกล้คนยากจนของเราหรือ? เราจะซื่อสัตย์ต่อพวกเขาได้อย่างไรถ้าเรามีชีวิตที่แตกต่างจากพวกเขา? ถ้าพวกเรามีทุกสิ่งทุกอย่างที่เงินสามารถซื้อได้ หรือโลกสามารถให้แก่เราได้ แล้วมีอะไรที่เชื่อมโยงเรากับคนยากจนล่ะ? เราจะคุยกับพวกเขาได้อย่างไร? เวลานี้ถ้ามีใครมาบอกกับฉันว่าอากาศร้อนมาก ฉันสามารถบอกกับเขาได้ว่า มาดูที่ห้องของฉันเถอะ

ไทม์: แค่ความร้อนหรือครับ?

คุณแมเทเรซา : ยิ่งกว่าร้อนเสียอีก เพราะห้องของแม่มีห้องครัวอยู่ข้างล่าง ชายคนหนึ่งได้มาอยู่และทำงานเป็นพ่อครัวที่บ้านของเด็กๆ เขาเคยเป็นคนร่ำรวยมาก่อนและได้กลายเป็นคนที่ยากจนมาก เขาสูญเสียทุกสิ่งทุกอย่าง เขามาหาแม่และพูดว่า "คุณแม่เทเรซา ผมกินอาหารพวกนี้ไม่ได้หรอก" แม่ตอบเขาว่า "แม่กินอาหารนี้ทุกวัน" เขามองแม่และพูดว่า "คุณแม่ก็กินอาหารพวกนี้ด้วยหรือครับ? เอาละ ถ้าอย่างนั้น ผมก็จะกินด้วย" เขาเดินกลับไปและมีความสุขขึ้น ถ้าหากแม่ไม่สามารถบอกเขาตามความจริงได้ ชายคนนี้คงจะมีแต่ความขมขื่นใจ เขาคงไม่ยอมรับความยากจนของเขา เขาคงไม่ยอมรับอาหารแบบนี้ดังเช่นอาหารที่เขาเคยรับประทานมาก่อน เรื่องนี้ช่วยให้เขายอมให้อภัยและไม่จดจำความผิด
ภาพประจำตัวสมาชิก
Holy
Defender of lawS
Defender of lawS
โพสต์: 10011
ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ ม.ค. 17, 2005 3:06 pm

จันทร์ พ.ค. 09, 2011 1:11 am

ไทม์: แล้วสถานที่ใดที่น่ายินดีที่สุดที่คุณแม่เคยไปเยี่ยมเยือนมา?

คุณแม่เทเรซา : ที่ Kalighat เมื่อคนที่ได้ตายอย่างมีสันติสุข ในความรักของพระเป็นเจ้า มันเป็นสิ่งที่น่ามหัศจรรย์ การได้เห็นคนยากจนของเรามีความสุขร่วมกันในครอบครัวของพวกเขาก็เป็นสิ่งที่สวยงาม คนยากจนจริงๆจึงจะรู้ถึงความยินดีเช่นนี้

ไทม์: ยังมีบางคนที่พูดว่าเป็นเรื่องเพ้อฝัน การที่คิดว่าความยากจนเป็นความสุข คนยากจนต้องได้รับที่พักอาศัย ได้รับการดูแล

คุณแม่เทเรซา : วัตถุสิ่งของไม่ใช่สิ่งให้ความสุขแก่เราได้เท่านั้นหรอก มีบางสิ่งบางอย่างที่ยิ่งใหญ่กว่า นั่นคือความรู้สึกสันติสุขในหัวใจอย่างลึกซึ่ง ซึ่งพวกเขาได้สัมผัส นี่คือความแตกต่างที่ยิ่งใหญ่ระหว่างคนร่ำรวยกับคนยากจน


ไทม์: แต่สำหรับคนที่ถูกกดขี่ คนที่ถูกเอารัดเอาเปรียบ ล่ะครับ จะเป็นเช่นไร?

คุณแม่เทเรซา : มีคนประเภทนั้นอยู่เสมอ นั่นเป็นเหตุผลที่เราต้องมาและแบ่งปันความยินดีแห่งความรักให้กับพวกเขา

รูปภาพ

ไทม์: พระศาสนจักรควรมีบทบาทในการนำความชื่นชมยินดีในพระคริสต์มาให้แก่คนยากจนเท่าที่จะทำได้ หรือไม่?

คุณแม่เทเรซา : คุณและฉัน เราเป็นพระศาสนจักรไม่ใช่หรือ? เราต้องแบ่งปันให้กับคนของเรา ความทุกข์ร้อนในทุกวันนี้เป็นเพราะคนเราปิดกั้นตัวเอง ไม่ยอมให้ ไม่ยอมแบ่งปัน พระเยซูเจ้าทรงตรัสอย่างชัดเจน สิ่งใดที่ท่านทำแก่พี่น้องแม้ที่ต่ำต้อยของเขา สิ่งนั้นท่านได้ทำให้แก่เราเอง ท่านให้แก้วน้ำหนึ่งแก้ว ท่านได้ให้แก่เรา ท่านต้อนรับเด็กเล็กๆ ท่านได้ต้อนรับเราเอง ชัดเจนมาก

ไทม์: ถ้าคุณแม่จะพูดกับผู้นำทางการเมืองซึ่งสามารถทำสิ่งต่างๆมากมายให้กับประชาชนของเขา คุณแม่จะบอกเขาไหมว่าเขาต้องทำให้ดียิ่งขึ้น?

คุณแม่เทเรซา : แม่จะไม่พูดแบบนั้น แม่จะบอกเขาให้แบ่งปันความรักให้กับประชาชนของเขา เพราะนักการเมืองอาจไม่มีอิสระที่จะทำอะไรเหมือนที่แม่ทำได้ แต่เขาควรจะทำความกระจ่างในจิตใจของเขาโดยตั้งใจที่จะมอบกฏหมายและระเบียบที่เหมาะสมเพื่อช่วยประชาชนของเขา

รูปภาพ

ไทม์: เป็นหน้าที่ของผมที่จะต้องทำให้นักการเมืองมีความซื่อสัตย์ และเป็นหน้าที่ของคุณแม่ที่จะแบ่งปันความชื่นชมยินดีให้แก่คนยากจน

คุณแม่เทเรซา : ถูกต้อง และนั่นก็เพื่อความดีของประชาชนและเพื่อพระเกียรติของพระเป็นเจ้า นี่เป็นผลลัพท์ที่แท้จริง เหมือนเช่นที่ชายคนหนึ่งได้พูดกับแม่ว่า แม่กำลังที่ให้คนยากจนเสียนิสัยเพราะให้ปลาแก่พวกเขากิน แม่ต้องให้เบ็ดตกปลาแก่พวกเขาเพื่อจับปลา แม่บอกกับเขาว่า คนยากจนของแม่ไม่มีกำลังแม้แต่จะยืน หรือจับคันเบ็ด แต่แม่จะให้ปลาแก่พวกเขากินเสียก่อน และเมื่อพวกเขากำลังเพียงพอแล้ว แม่จะนำพวกเขามามอบให้แก่คุณ และคุณก็จะให้คันเบ็ดแก่เขาเพื่อจับปลา นั่นเป็นความสัมพันธ์ที่สวยงามไม่ใช่หรือ?
ภาพประจำตัวสมาชิก
Holy
Defender of lawS
Defender of lawS
โพสต์: 10011
ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ ม.ค. 17, 2005 3:06 pm

จันทร์ พ.ค. 09, 2011 1:17 am

ไทม์: นักบวชหญิงคาทอลิกบางคนบอกว่าคุณแม่ควรส่งเสริมให้ทางวาติกันบวชผู้หญิงเป็นพระสงฆ์ได้

คุณแม่เทเรซา : แม่ไม่สนใจเรื่องนั้นหรอกค่ะ

ไทม์: คุณแม่มีความคิดเห็นอย่างไรเกี่ยวกับความเคลื่อนไหวของนักบวชหญิงทางตะวันตก?

คุณแมเทเรซา : แม่คิดว่าเราควรสนใจในพระเยซูเจ้าของเรามากกว่าเรื่องอื่นๆ สนใจพระเยซูเจ้าและประกาศพระวาจาของพระองค์ สิ่งที่ผู้หญิงสามารถทำได้ ผู้ชายทำไม่ได้ นั่นเป็นเหตุผลที่พระเป็นเจ้าทรงสร้างมนุษย์ให้แตกต่างกัน ให้มีนักบวชหญิง, ผู้หญิง ผู้หญิงถูกสร้างให้เป็นหัวใจของครอบครัว หัวใจแห่งความรัก ถ้าเราไม่เข้าใจในเรื่องนี้ เราก็จะพลาดในทุกสิ่ง ผู้หญิงให้ความรักในครอบครัวหรือในการรับใช้ นั่นเป็นจุดประสงค์ที่พวกเขาถูกสร้างมา

ไทม์: โลกต้องการรู้เรื่องของคุณแม่มากขึ้น

คุณแม่เทเรซา : อย่าเลย ให้พวกเขามารู้จักคนยากจนเถิดค่ะ แม่ต้องการให้พวกเขารักคนยากจน แม่ต้องการให้พวกเขาพยายามแสวงหาคนยากจนในครอบครัวของเขาก่อนเป็นอันดับแรก และนำสันติและความรักมาให้แก่ครอบครัวก่อน

ไทม์: Malcolm Muggeridge เคยพูดว่า ถ้าคุณแม่ไม่ได้มาเป็นซิสเตอร์และไม่ได้พบกับความรักของพระเยซูคริสต์แล้ว คุณแม่ต้องเป็นผู้หญิงที่แข็งแกร่งแน่นอน คุณแม่คิดว่าจริงไหม?

คุณแม่เทเรซา : แม่ไม่ทราบค่ะ แม่ไม่มีเวลาที่จะไปคิดถึงสิ่งเหล่านี้

รูปภาพ


ไทม์: คนที่ทำงานร่วมกับคุณแม่บอกว่าคุณแม่เป็นคนที่ทำงานไม่เคยหยุด คุณแม่มักได้สิ่งที่คุณแม่ต้องการเสมอ

คุณแม่เทเรซา : ถูกต้อง ทุกสิ่งเพื่อพระเยซูเจ้า

ไทม์: และถ้าพวกเขามีความยุ่งยากกับเรื่องนี้ละครับ?

คุณแม่เทเรซา : ขอยกตัวอย่างนะ เมื่อเร็วๆนี้ แม่ได้ไปพบกับคนหนึ่งซึ่งไม่ยอมให้สิ่งทีแม่ต้องการ แม่พูดกับเขาว่า ขอพระเป็นเจ้าอวยพรคุณ แล้วก็เดินจากไป เขาเรียกแม่ให้กลับมาและพูดว่า ถ้าเขาให้สิ่งที่แม่ต้องการแล้ว แม่จะพูดอย่างไร แม่บอกเขาว่า แม่ก็จะยังคงพูดว่า "ขอพระเป็นเจ้าอวยพรคุณ" และจะให้รอยยิ้มใหญ่ด้วย ดังนั้นเขาจึงบอกว่า ถ้าเช่นนั้นมาเถอะ แล้วผมจะให้คุณแม่

ไทม์: ครั้งหนึ่งคุณแม่ได้พบกับ Haile Mariam Mengistu ผู้นำคอมมิวนิสต์ใน เอธิโอเปีย ที่น่ากลัวที่สุดและเป็นคนที่ไม่เชื่อในพระเจ้า คุณแม่ขอให้เขาสวดภาวนา ทำไมคุณแม่จึงกล้าเสี่ยงเช่นนั้น?

คุณแมเทเรซา : เพราะเขาเป็นลูกของพระเป็นเจ้าคนหนึ่ง เมื่อแม่ไปที่ประเทศจีน เจ้าหน้าที่ระดับสูงคนหนึ่งได้ถามแม่ว่า "คอมมิวนิสต์มีความหมายอะไรสำหรับคุณ?" แม่ตอบเขาว่า "เป็นลูกของพระเจ้า" แล้วเช้าวันต่อมาหนังสือพิมพ์ก็รายงานว่า คุณแม่เทเรซาบอกว่าคอมมิวนิสค์เป็นลูกของพระเจ้า แม่รู้สึกมีความสุขมาก เพราะนับเป็นเวลานานมาแล้วที่พระนามของพระเจ้าไม่ได้ถูกตีพิมพ์ในหนังสือในประเทศจีน ช่างสวยงามจริงๆ
ภาพประจำตัวสมาชิก
Holy
Defender of lawS
Defender of lawS
โพสต์: 10011
ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ ม.ค. 17, 2005 3:06 pm

จันทร์ พ.ค. 09, 2011 1:25 am

ไทม์: คุณแม่เคยมีความกลัวหรือเปล่า?

คุณแม่เทเรซา : ไม่เคยค่ะ แม่กลัวแต่สิ่งที่ผิตต่อพระเป็นเจ้า เราผู้เป็นมนุษย์ มีความอ่อนแอ ไม่ใช่หรือ? ปีศาจจะทำทุกสิ่งเพื่อทำลายเรา เพื่อทำให้เราอยู่ห่างจากพระเยซูเจ้า

ไทม์: คุณแม่เคยเห็นปีศาจขณะที่ทำงานที่ไหน?

คุณแมเทเรซา : . เห็นทุกๆแห่ง เมื่อคนเราปรารถนาจะอยู่ใกล้ชิดพระเป็นเจ้า มันจะประจญล่อลวงเราทุกวิถีทางเพื่อทำลายความปรารถนาของเรา บาปจะมาในทุกที่ แม่แต่สถานที่ที่ดีที่สุด


ไทม์: คุณแม่กลัวอะไรมากที่สุด?

คุณแม่เทเรซา : แม่มีพระเยซูเจ้า แม่ไม่มีความกลัว

รูปภาพ

ไทม์: คุณแม่มีความผิดหวังในเรื่องใดมากที่สุด?

คุณแม่เทเรซา : แม่ทำตามน้ำพระทัยของพระเป็นเจ้า ไม่ใช่หรือ? ในการทำตามน้ำพระทัยของพระเป็นเจ้าย่อมไม่มีความผิดหวัง

ไทม์: ชีวิตการทำงานและชีวิตฝ่ายจิตของคุณแม่ดีขึ้นเรื่อยๆหรือไม่?

คุณแม่เทเรซา : ใช่แล้ว ยิ่งเราเข้าใกล้พระเยซูเจ้ามากขึ้น เรายิ่งทำงานมากขึ้น เพราะคุณรู้ว่าคุณกำลังทำงานกับใคร และทำงานเพื่อใคร นั่นแจ่มชัดมาก ดังนั้นเราจึงจำเป็นต้องทำความสะอาดหัวใจของเราเพื่อที่จะได้เห็นพระเป็นเจ้า

ไทม์: คุณแม่วางแผนอนาคตไว้อย่างไร?

คุณแม่เทเรซา : แม่มีเพียงวันนี้ เมื่อวานผ่านไปแล้ว พรุ่งนี้ก็ยังมาไม่ถึง เรามีเพียงวันนี้เท่านั้นที่จะรักพระเยซูเจ้า


http://www.palangjai.0fees.net/Mother_Teresa.html
ภาพประจำตัวสมาชิก
Kichinto
โพสต์: 532
ลงทะเบียนเมื่อ: พุธ ต.ค. 17, 2007 7:34 pm
ติดต่อ:

จันทร์ พ.ค. 09, 2011 3:07 am



จัดทำวิดีโอโดย คณะกลาริส กาปูชิน อุดรธานี
Jeab Agape
~@
โพสต์: 8259
ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ ม.ค. 17, 2005 9:56 pm
ที่อยู่: Bangkok

จันทร์ พ.ค. 09, 2011 6:01 am

อ่านพาดหัวนึกว่า เพิ่งสัมภาษณ์...ต๊กกะใจว่า แม่มาได้อย่างไร!!!

ขอบคุณมากคำสัมภาษณ์นี้จะได้เตือนใจพวกเราอีกครั้งหนึ่ง
กรอกสมบูรณ์
โพสต์: 1413
ลงทะเบียนเมื่อ: อังคาร ก.ย. 02, 2008 11:18 am
ที่อยู่: ต.กรอกสมบูรณ์ อ.ศรีมหาโพธิ จ.ปราจีนบุรี

พุธ พ.ค. 25, 2011 5:46 pm

ขอบคุณค่ะ
บทความยาวมาก แต่เมื่อเริ่มอ่าน...กลับรู้สึกว่าอยากอ่านต่อเรื่อย ๆ...ไม่อยากหยุดอ่านเลยค่ะ และเป็นการอ่านที่มีความสุขค่ะ พอถึงตอนจบก็ ...อ้าว จบแล้วเหรอ น่าจะมีต่ออีก...
ภาพประจำตัวสมาชิก
Holy
Defender of lawS
Defender of lawS
โพสต์: 10011
ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ ม.ค. 17, 2005 3:06 pm

พุธ ก.ย. 07, 2016 12:26 am

ไปพบต้นฉบับภาษาอังกฤษมาครับ

Time: What did you do this morning?

Mother Teresa: Pray.

Time: When did you start?

Mother Teresa: Half-past four

Time: And after prayer

Mother Teresa: We try to pray through our work by doing it with Jesus, for Jesus, to Jesus. That helps us to put our whole heart and soul into doing it. The dying, the cripple, the mental, the unwanted, the unloved they are Jesus in disguise.

Time: People know you as a sort of religious social worker. Do they understand the spiritual basis of your work?

Mother Teresa: I don't know. But I give them a chance to come and touch the poor. Everybody has to experience that. So many young people give up everything to do just that. This is something so completely unbelievable in the world, no? And yet it is wonderful. Our volunteers go back different people.

Time: Does the fact that you are a woman make your message more understandable?

Mother Teresa: I never think like that.

Time: But don't you think the world responds better to a mother?

Mother Teresa: People are responding not because of me, but because of what we're doing. Before, people were speaking much about the poor, but now more and more people are speaking to the poor. That's the great difference. The work has created this. The presence of the poor is known now, especially the poorest of the poor, the unwanted, the loved, the uncared-for. Before, nobody bothered about the people in the street. We have picked up from the streets of Calcutta 54,000 people, and 23,000 something have died in that one room [at Kalighat].

Time: Why have you been so successful?

Mother Teresa: Jesus made Himself the bread of life to give us life. That's where we begin the day, with Mass. And we end the day with Adoration of the Blessed Sacrament. I don't think that I could do this work for even one week if I didn't have four hours of prayer every day.

Time: Humble as you are, it must be an extraordinary thing to be a vehicle of God's grace in the world.

Mother Teresa: But it is His work. I think God wants to show His greatness by using nothingness.

Time: You are nothingness?

Mother Teresa: I'm very sure of that.

Time: You feel you have no special qualities?

Mother Teresa: I don't think so. I don't claim anything of the work. It's His work. I'm like a little pencil in His hand. That's all. He does the thinking. He does the writing. The pencil has nothing to do it. The pencil has only to be allowed to be used. In human terms, the success of our work should not have happened, no? That is a sign that it's His work, and that He is using others as instruments - all our Sisters. None of us could produce this. Yet see what He has done.
ภาพประจำตัวสมาชิก
Holy
Defender of lawS
Defender of lawS
โพสต์: 10011
ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ ม.ค. 17, 2005 3:06 pm

พุธ ก.ย. 07, 2016 12:27 am

Time: What is God's greatest gift to you?

Mother Teresa: The poor people.

Time: How are they a gift?

Mother Teresa: I have an opportunity to be with Jesus 24 hours a day.

Time: Here in Calcutta, have you created a real change?

Mother Teresa: I think so. People are aware of the presence and also many, many, many Hindu people share with us. They come and feed the people and they serve the people. Now we never see a person lying there in the street dying. It has created a worldwide awareness of the poor.

Time: Beyond showing the poor to the world, have you conveyed any message about how to work with the poor?

Mother Teresa: You must make them feel loved and wanted. They are Jesus for me. I believe in that much more than doing big things for them.

Time: What's your greatest hope here in India?

Mother Teresa: To give Jesus to all.

Time: But you do not evangelize in the conventional sense of the term.

Mother Teresa: I'm evangelizing by my works of love.

Time: Is that the best way?

Mother Teresa: For us, yes. For somebody else, something else. I'm evangelizing the way God wants me to. Jesus said go and preach to all the nations. We are now in so many nations preaching the Gospel by our works of love. "By the love that you have for one another will they know you are my disciples." That's the preaching that we are doing, and I think that is more real.

Time: Friends of yours say that you are disappointed that your work has not brought more conversions in this great Hindu nation.

Mother Teresa: Missionaries don't think of that. They only want to proclaim the Word of God. Numbers have nothing to do with it. But the people are putting prayer into action by coming and serving the people. Continually people are coming to feed and serve, so many, you go and see. Everywhere people are helping. We don't know the future. But the door is already open to Christ. There may not be a big conversion like that, but we don't know what is happening in the soul.

Time: What do you think of Hinduism?

Mother Teresa: I love all religions, but I am in love with my own. No discussion. That's what we have to prove to them. Seeing what I do, they realize that I am in love with Jesus.

Time: And they should love Jesus too?

Mother Teresa: Naturally, if they want peace, if they want joy, let them find Jesus. If people become better Hindus, better Moslems, better Buddhists by our acts of love, then there is something else growing there. They come closer and closer to God. When they come closer, they have to choose.

Time: You and John Paul II, among other Church leaders, have spoken out against certain lifestyles in the West, against materialism and abortion. How alarmed are you?

Mother Teresa: I always say one thing: If a mother can kill her own child, then what is left of the West to be destroyed? It is difficult to explain , but it is just that.

Time: When you spoke at Harvard University a few years ago, you said abortion was a great evil and people booed. What did you think when people booed you?

Mother Teresa: I offered it to our Lord. It's all for Him, no? I let Him say what He wants.
ภาพประจำตัวสมาชิก
Holy
Defender of lawS
Defender of lawS
โพสต์: 10011
ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ ม.ค. 17, 2005 3:06 pm

พุธ ก.ย. 07, 2016 12:27 am

Time: But these people who booed you would say that they also only want the best for women?

Mother Teresa: That may be. But we must tell the truth.

Time: And that is?

Mother Teresa: We have no right to kill. Thou shalt not kill, a commandment of God. And still should we kill the helpless one, the little one? You see we get so excited because people are throwing bombs and so many are being killed. For the grown ups, there is so much excitement in the world. But that little one in the womb, not even a sound? He cannot even escape. That child is the poorest of the poor.

Time: Is materialism in the West an equally serious problem?

Mother Teresa: I don't know. I have so many things to think about. I pray lots about that, but I am not occupied by that. Take our congregation for example, we have very little, so we have nothing to be preoccupied with. The more you have, the more you are occupied, the less you give. But the less you have the more free you are. Poverty for us is a freedom. It is not a mortification, a penance. It is joyful freedom. There is no television here, no this, no that. This is the only fan in the whole house. It doesn't matter how hot it is, and it is for the guests. But we are perfectly happy.

Time: How do you find rich people then?

Mother Teresa: I find the rich much poorer. Sometimes they are more lonely inside. They are never satisfied. They always need something more. I don't say all of them are like that. Everybody is not the same. I find that poverty hard to remove. The hunger for love is much more difficult to remove than the hunger for bread.

Time: What is the saddest place you've ever visited?

Mother Teresa: I don't know. I can't remember. It's a sad thing to see people suffer., especially the broken family, unloved, uncared for. It's a big sadness; it's always the children who suffer most when there is no love in the family. That's a terrible suffering. Very difficult because you can do nothing. That is the great poverty. You feel helpless. But if you pick up a person dying of hunger, you give him food and it is finished.

Time: Why has your order grown so quickly?

Mother Teresa: When I as young people why they want to join us, they say they want the life of prayer, the life of poverty and the life of service to the poorest of the poor. One very rich girl wrote to me and said for a very long time she had been longing to become a nun. When she met us, she said I won't have to give up anything even if I give up everything. You see, that is the mentality of the young today. We have many vocations.

Time: There's been some criticism of the very severe regimen under which you and your Sisters live.

Mother Teresa: We chose that. That is the difference between us and the poor. Because what will bring us closer to our poor people? How can we be truthful to them if we lead a different life? If we have everything possible that money can give, that the world can give, then what is our connection to the poor? What language will I speak to them? Now if the people tell me it is so hot, I can say you come and see my room.
ภาพประจำตัวสมาชิก
Holy
Defender of lawS
Defender of lawS
โพสต์: 10011
ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ ม.ค. 17, 2005 3:06 pm

พุธ ก.ย. 07, 2016 12:28 am

Time: Just as hot?

Mother Teresa: Much hotter even, because there is a kitchen underneath. A man came and stayed here as a cook at the children's home. He was rich before and became very poor. Lost everything. He came and said, "Mother Teresa, I cannot eat that food." I said, "I am eating it every day." He looked at me and said, "You eat it too? All right, I will eat it also." And he left perfectly happy. Now if I could not tell him the truth, that man would have remained bitter. He would never have accepted his poverty. He would never have accepted to have that food when he was used to other kinds of food. That helped him to forgive, to forget.

Time: What's the most joyful place that you have ever visited?

Mother Teresa: Kalighat. When the people die in peace, in the love of God, it is a wonderful thing. To see our poor people happy together with their families, these are beautiful things. The real poor know what is joy.

Time: There are people who would say that it's an illusion to think of the poor as joyous, that they must be given housing, raised up.

Mother Teresa: The material is not the only thing that gives joy. Something greater than that, the deep sense of peace in the heart. They are content. That is the great difference between rich and poor.

Time: But what about those people who are oppressed? Who are taken advantage of?

Mother Teresa: There will always be people like that. That is why we must come and share the joy of loving with them.

Time: Should the Church's role be just to make the poor as joyous in Christ as they can be made?

Mother Teresa: You and I, we are the Church, no? We have to share with our people. Suffering today is because people are hoarding, not giving, not sharing. Jesus made it very clear. Whatever you do to the least of my brethren, you do it to me. Give a glass of water, you give it to me. Receive a little child, you receive me. Clear.

Time: If you speak to a political leader who could do more for his people, do you tell him that he must do better?

Mother Teresa: I don't say it like that. I say share the joy of loving with your people. Because a politician maybe cannot do the feeding as I do. But he should be clear in his mind to give proper rules and proper regulations to help his people.

Time: It is my job to keep politicians honest, and your job to share joy with the poor.

Mother Teresa: Exactly. And it is to be for the good of the people and the glory of God. This will be really fruitful. Like a man says to me that you are spoiling the people by giving them fish to eat. You have to give them a rod to catch the fish. And I said my people cannot even stand, still less hold a rod. But I will give them the fish to eat, and when they are strong enough, I will hand them over to you. And you give them the rod to catch the fish. That is a beautiful combination, no?

Time: Feminist Catholic nuns sometimes say that you should pour your energy into getting the Vatican to ordain women.

Mother Teresa: That does not touch me.
ภาพประจำตัวสมาชิก
Holy
Defender of lawS
Defender of lawS
โพสต์: 10011
ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ ม.ค. 17, 2005 3:06 pm

พุธ ก.ย. 07, 2016 12:28 am

Time: What do you think of the feminist movement among nuns in the West?

Mother Teresa: I think we should be more busy with our Lord than with all that, more busy with Jesus and proclaiming His Word. What a woman can give, no man can give. That is why God has created them separately. Nuns, women, any woman. Woman is created to be the heart of the family, the heart of love. If we miss that, we miss everything. They give that love in the family or they give it in service, that is what their creation is for.

Time: The world wants to know more about you.

Mother Teresa: No, no. Let them come to know the poor. I want them to love the poor. I want them to try to find the poor in their own families first, to bring peace and joy and love in the family first.

Time: Malcolm Muggeridge once said that if you had not become a Sister and not found Christ's love, you would be a very hard woman. Do you think that is true?

Mother Teresa: I don't know. I have no time to think about these things.

Time: People who work with you say that you are unstoppable. You always get what you want.

Mother Teresa: That's right. All for Jesus.

Time: And if they have a problem with that?

Mother Teresa: For example, I went to a person recently who would not give me what I needed. I said God bless you, and I went on. He called me back and said what would you say if I give you that thing. I said I will give you a "God bless you" and a big smile. That is all. So he said then come, I will give it to you. We must live the simplicity of the Gospel.

Time: You once met Haile Mariam Mengistu, the much feared communist leader of Ethiopia and an avowed atheist. You asked him if he said his prayers. Why did you risk that?

Mother Teresa: He is one more child of God. When I went to China, one of the top officials asked me, "What is a communist to you?" I said, "A child of God." Then the next morning the newspapers reported that Mother Teresa said communists are children of God. I was happy because after a long, long time the name God was printed in the papers in China. Beautiful.

Time: Are you ever been afraid?

Mother Teresa: No, I am only afraid of offending God. We are all human beings, that is our weakness, no? The devil would do anything to destroy us, to take us away from Jesus.

Time: Where do you see the devil at work?

Mother Teresa: Everywhere. When a person is longing to come closer to God he puts temptation in the way to destroy the desire. Sin comes everywhere, in the best of places.

Time: What is your greatest fear?

Mother Teresa: I have Jesus, I have no fear.

Time: What is your greatest disappointment?

Mother Teresa: I do the will of God, no? In doing the will of God there is no disappointment.

Time: Do your work and spiritual life become easier with time?

Mother Teresa: Yes, the closer we come to Jesus, the more we become the work. Because you know to whom you are doing it, with whom you are doing it and for whom you are doing it. That is very clear. That is why we need a clean heart to see God.

Time: What are your plans for the future?

Mother Teresa: I just take one day. Yesterday is gone. Tomorrow has not come. We have only today to love Jesus.

Time: And the future of the order?

Mother Teresa: It is His concern.

Edward W. Desmond in 1989 for Time magazine
jirahong
โพสต์: 22
ลงทะเบียนเมื่อ: อาทิตย์ มี.ค. 02, 2014 7:50 pm
ที่อยู่: Cnx

อาทิตย์ ก.ย. 11, 2016 1:50 pm

:s024:
ตอบกลับโพส