หน้า 1 จากทั้งหมด 1

ความปรารถนาของเราที่จะช่วยให้วิญญาณให้รอดนั้นสำคัญกว่า

โพสต์แล้ว: ศุกร์ พ.ค. 27, 2011 12:03 pm
โดย salvation7
จากหนังสือ : ปราสาทแห่งจิต โดย นักบุญเทเรซา แห่งอาวีลา
แปลภาษาไทย : อารามคาร์แมล จันทบุรี

บทความนี้ได้ขออนุญาติจากอาราม เพื่อใช้ในการแบ่งปัน เนื้อหาบทความนี้เป็นส่วนหนึ่งจากหนังสือปราสาทแห่งจิต

ตอนที่ 1 (ที่พำนักหลังที่ 5 ส่วนหนึ่งจากบทที่ 2)

วิญญาณรู้ว่าตนเองมีความปรารถนาจะสรรเสริญพระเจ้า วิญญาณอยากละลาย และตายสักพันครั้งเพื่อพระองค์ ในไม่ช้าวิญญาณจะเริ่มรู้สึกปรารถนาจะทนรับการทดลองอย่างหนัก และไม่สามารถปรารนาสิ่งอื่นได้ เป็นความปรารถนาอย่างแรงกล้าในการทำกิจใช้โทษบาป ในความวิเวก และอยากให้ทุกคนรู้จักพระเจ้า วิญญาณจะรู้สึกเสียใจมากเมื่อเห็นคนทำผิดต่อพระองค์

วิญญาณนี้ต้องเริ่มทนรับการทดลองครั้งใหม่ที่หนักทีเดียว! แต่ใครจะพูดเช่นนี้หลังจากได้รับพระคุณที่สูงส่งยิ่งนี้แล้ว? เราต้องแบกกางเขน ไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง ขณะที่ เรามีชีวิตอยู่นี้ สำหรับคนที่พูดว่าหลังจากเขามาถึงจุดนี้แล้ว เขามีแต่ความสงบ และยินดีเสมอนั้น ขอบอกว่าเขายังมาไม่ถึงจุดนี้ แต่บางทีเขาอาจได้รับความยินดีฝ่ายจิต

ถ้าเขาเคยเข้าไปในที่พำนักหลังก่อน และความอ่อนแอตามธรรมชาติของเขาสนับสนุนประสบการณ์ของเขา หรือบางทีปีศาจอาจมอบสันติสุขแก่เขาเพื่อว่าจะทำสงครามกับเขาให้หนักมาขึ้นในภายหลัง

คนที่บรรลุถึงที่พำนักหลังนี้จะมีสันติสุขแน่นอน และเป็นสันติสุขที่ลึกซึ้งด้วย เพราะการทดลองเหล่านี้สูงค่า และมีรากที่แข็งแรง ดังนั้น แม้ว่ามันจะหนัก แต่ก็ก่อให้เกิดสันติสุข และความสุข ความทุกข์ที่เกิดจากสิ่งฝ่ายโลกทำให้วิญญาณปรารถนาเป็นอย่างยิ่งที่จะออกจากโลกนี้ หากวิญญาณจะมีความบรรเทา ก็เป็นเพราะเขาคิดว่าพระเจ้าทรงต้องการให้เขามีชีวิตต่อไปในดินแดนเนรเทศนี้ แต่เท่านั้นยังไม่พอ เพราะแม้จะได้ประโยชน์ทั้งหมดเหล่านี้ วิญญาณก็ยังไม่ยอมน้อมรับพระประสงค์ของพระเจ้าโดยสิ้นเชิง

ดังจะเห็นได้ต่อไป แม้วิญญาณจะไม่ละเลยที่จะปฎิบัติตามพระประสงค์ก็ตาม แต่วิญญาณปฏิบัติตามด้วยความรู้สึกว่าวิญญาณทำมากไปกว่านั้นไม่ได้ เพราะวิญญาณไม่ได้พระคุณมากกว่านั้น และต้องหลั่งน้ำตามากมาย ทุกครั้งที่ภาวนา

ความเสียดายนี้ คือ ความเจ็บปวดของวิญญาณ บางครั้ง ความเศร้าใจนี้เกิดจากความเจ็บปวดอันลึกซึ้งที่วิญญาณรู้สึกเห็นการกระทำผิดต่อพระเจ้า และไม่มีใครเห็น ความสำคัญของพระองค์บนโลกนี้ และเห็นวิญญาณจำนวนมากต้องพินาศไป ทั้งพวกเฮเรติก และพวกมัวร์ แต่ผู้ที่ทำให้วิญญาณเศร้าใจที่สุดคือคริสตชนแม้วิญญาณจะรู้ว่าพระเจ้าทรงมีพระเมตตายิ่งใหญ่ และไม่ว่าชีวิตของพวกเขาจะชั่วร้ายเพียงไร คริสตชนเหล่านี้ก็สามารถแก้ไขปรับปรุงตัว และได้รับความรอดได้ แต่วิญญาณเกรงว่าหลายคนกำลังตกนรก

ใครกันที่ทำให้วิญญาณมีแต่ความห่วงใยอันเจ็บปวดเช่นนี้??? แม้เราจะรำพึงภาวนานานหลายปี เราก็จะไม่สามารถรู้สึกห่วงใยอย่างเจ็บปวดมากเท่ากับวิญญาณนี้รู้สึกในเวลานี้ ขอพระเจ้าทรงโปรด มันยังไม่พอหรือที่แม่ได้พยายามนานหลายวัน และหลายปีที่จะคิดถึงความชั่วร้ายแรงของการทำผิดต่อพระเจ้า และคิดว่าวิญญาณที่ตกนรกเหล่านี้คือบุตรของพระองค์ และเป็นพี่น้องของแม่ และคิดว่าเราต้องดำรงชีวิตท่ามกลางภัยต่าง ๆ และคิดว่ามันจะดีเพียงไรที่จะพ้นไปจากชีวิตที่น่าเวทนานี้? เปล่าเลย ลูกสามารถรู้สึกเศร้าใจเช่นนี้ ซึ่งเกิดจากการครุ่นคิดถึงสิ่งเหล่านี้ แต่ความเศร้านี้ไม่ได้แทรกลึกลงไปในตัวเราเหมือนกับความเจ็บปวดที่เกิดขึ้นในสภาวะเช่นนี้ เพราะมันเหมือนกับว่าความเจ็บปวดนี้ฉีก และบดขยี้วิญญาณเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย โดยที่วิญญาณไม่ได้พยายามแสวงหามัน หรือบางครั้ง แม้แต่ต้องการให้มันเกิดขึ้น

ความเจ็บปวดนี้คืออะไร? มันมาจากที่ใด?

เดี๊ยวมาต่อ...ตอนต่อไป

Re: ความปรารถนาของเราที่จะช่วยให้วิญญาณให้รอดนั้นสำคัญกว่า

โพสต์แล้ว: อังคาร พ.ค. 31, 2011 1:27 am
โดย ~@Little lamb@~
รออ่านต่อจ้า

Re: ความปรารถนาของเราที่จะช่วยให้วิญญาณให้รอดนั้นสำคัญกว่า

โพสต์แล้ว: อังคาร พ.ค. 31, 2011 4:36 pm
โดย weewie
ให้ไว ให้ไว ให้ว่อง???

รีบๆมาต่อเด้อค่า

Re: ความปรารถนาของเราที่จะช่วยให้วิญญาณให้รอดนั้นสำคัญกว่า

โพสต์แล้ว: พฤหัสฯ. มิ.ย. 02, 2011 12:32 am
โดย พระเจ้าสถิตย์กับเราเสมอ
ปูเสื่อรอเลยครับ

Re: ความปรารถนาของเราที่จะช่วยให้วิญญาณให้รอดนั้นสำคัญกว่า

โพสต์แล้ว: พฤหัสฯ. มิ.ย. 02, 2011 10:16 am
โดย salvation7
มาต่อแล้วจ๊ะ....
-----------------

ความเจ็บปวดนี้คืออะไร? มันมาจากที่ใด?

ลูกไม่เคยได้ยินคำพูดเกี่ยวกับเจ้าสาวดอกหรือ?
เพราะว่าพระเจ้าทรงนำเธอเข้าไปในห้องเก็บเหล้าองุ่นชั้นใน และทรงจัดระเบียบความรักภายในตัวเธอ?
บัดนี้วิญญาณนี้ยอมมอบตัวไว้ในพระหัตถ์ของพระองค์แล้ว และความรักอันยิ่งใหญ่ของเขาทำให้เขายอมจำนน จนเขาไม่รู้ และไม่ต้องการสิ่งอื่นใด นอกจากสิ่งที่พระองค์ทรงต้องการจากเขา พระองค์ทรงต้องการให้วิญญาณออกจากการสนิทเป็นหนึ่งเดียวนี้

โดยมีตราของพระองค์ประทับอยู่ โดยที่วิญญาณไม่เข้าใจว่ามันเกิดขึ้นได้อย่างไร เพราะในการสนิทเป็นหนึ่งเดียวนี้ วิญญาณไม่ได้ทำอะไร นอกจากเป็นเหมือนขี้ผึ้งที่ถูกอีกฝ่ายหนึ่งประทับด้วยตราเท่านั้น ขี้ผึ้งไม่ได้ประทับตรานี้ลงบนตัวเอง มันเพียงแต่เตรียมพร้อม แม่หมายถึงโดยการทำตัวให้อ่อนนุ่ม และแม้แต่ในการเตรียมตัว มันก็ไม่ได้ทำให้ตนเองอ่อนนุ่ม เพียงแต่มันอยู่นิ่ง ๆ และยินยอม โอ้ความดีของพระเจ้า พระองค์ต้องทรงออกแรงทำทุกสิ่งทุกอย่างเอง!

สิ่งเดียวที่พระองค์ทรงต้องการ คือ น้ำใจของเราและมิให้ขี้ผึ้งขัดขืนเท่านั้น

พระเจ้าทรงทำอะไรในการสนิทเป็นหนึ่งเดียวนี้เพื่อให้วิญญาณยอมรับว่าตนเองเป็นกรรมสิทธิ์ของพระองค์ พระองค์ประทานสิ่งที่พระองค์มีอยู่ซึ่งก็คือพระบุตรของพระองค์ทรงเคยมีในชีวิตนี้ พระองค์ไม่สามารถประทานพระคุณที่สูงส่งกว่านี้ได้ ใครเล่าจะมีความปรารถนาแรงกล้ายิ่งกว่าที่จะพ้นไปจากชีวิตนี้? ดังนั้น พระเยซูเจ้าจึงตรัสระหว่างอาหารค่ำมื้อสุดท้ายว่า "เราปรารถนาเป็นอย่างยิ่ง"

มันเป็นไปได้อย่างไร พระเจ้าข้า ที่พระองค์มิได้ทรงคิดถึงความตายอันยากลำบากที่พระองค์กำลังจะต้องได้รับ ซึ่งทั้งเจ็บปวดและน่ากลัวยิ่งนัก? พระองค์ตรัสตอบว่า "เปล่าเลย ความรักอันยิ่งใหญ่ และความปรารถนาของเราที่จะช่วยให้วิญญาณให้รอดนั้นสำคัญกว่าความทุกข์ทรมานเหล่านี้อย่างเทียบกันไม่ได้ และความทุกข์ระทมใจที่ยิ่งใหญ่ที่สุดที่เราเคยได้รับ และยังได้รับอยู่หลังจากได้อยู่บนโลกนี้ ก็ยังไม่ถึอว่ามากเมื่อเทียบกับความรักนี้ และความปรารถนาจะช่วยวิญญาณทั้งหลาย"

นี้คือความจริง วิญญาณหนึ่งที่เป็นทุกข์ทรมานมากเมื่อเธอเห็การทำผิดต่อพระเยซูเจ้า ความเจ็บปวดนั้นเหลือจะทนได้จนเธออยากตายมากกว่าจะทนรับมัน ถ้าวิญญาณที่มีเมตตาจิตน้อยเช่นนี้เมื่อเทียบกับความรักเมตตาของพระคริสตเจ้า เพราะเมื่อเทียบกันแล้ว เมตตาจิตของวิญญาณแทบจะถือได้ว่าไม่มีอยู่เลย ยังรู้สึกทรมานใจจนทนแทบไม่ได้เช่นนี้แล้ว ความรู้สึกของพระเยซูคริสตเจ้า จะมากกว่าสักเพียงไร? พระองค์จะต้องมีชีวิตทุกข์ทรมานเพียงไร เพราะทุกสิ่งเป็นเหตุการณ์ปัจจุบันสำหรับพระองค์ และพระองค์ทรงได้เห็นการทำผิดอย่างร้ายแรงต่อพระบิดาของพระองค์ตลอดเวลา? แม่ไม่สงสัยเลยว่าความทุกข์ทรมานเหล่านี้ต้องยิ่งใหญ่กว่าความเจ็บปวดจากพระทรมานของพระองค์อย่างแน่นอน ระหว่างพระทรมานของพระองค์ พระองค์ทรงเห็นจุดจบของการทดลองเหล่านี้แล้ว และการรู้เช่นนี้ รวมทั้งความสุขที่พระองค์ได้รับจากการมองเห็นวิธีรักษาเราในความตายของพระองค์ และในการแสดงความรักของพระองค์ต่อพระบิดาด้วยการทนทรมานมากเช่นนั้นเพื่อพระบิดา ทำให้ความเศร้าระทมของพระองค์เบาบางลง ความเศร้าระทมนี้ยังถูกเจอจางลงในโลกนี้ด้วยการทำกิจใช้โทษบาปอย่างหนักของผู้ที่ได้รับพละกำลังจากความรัก เพราะเขาแทบจะไม่รู้สึกว่ามันยากลำบากเลย แต่เขาต้องการใช้โทษบาปให้มากยิ่งขึ้น และทุกสิ่งที่เขาทำดูเหมือนว่าเป็นเรื่องเล็กสำหรับเขา

พระเยซูเจ้าทรงคิดอย่างไรหนอ เมื่อทรงพบว่าพระองค์มีโอกาสอันดีเลิศที่จะแสดงให้พระบิดาของพระองค์ทรงเห็นว่าพระองค์ทรงนบนอบต่อพระบิดาอย่างไร และแสดงความรักต่อเพื่อนมนุษย์ของพระเจ้าอย่างไร? การทนทรมานเพื่อปฏิบัติตามพระประสงค์ของพระเจ้าช่างเป็นความยินดียิ่งใหญ่นัก! แต่แม่คิดว่ามันยากมากที่ได้เห็นการทำผิดมากมายอย่างต่อเนื่องต่อพระเจ้า และเห็นวิญญาณมากมายตกนรก จนแม่เชื่อว่าการทนรับความเจ็บปวดนี้เพียงวันเดียวก็สามารถทำให้เราตายได้หลายครั้งแล้ว อย่าว่าแต่ตายครั้งเดียว หากว่าพระองค์ทรงเป็นเพียงมนุษย์คนหนึ่งเท่านั้น...

ติดตามบทที่ 3 ต่อไป....

Re: ความปรารถนาของเราที่จะช่วยให้วิญญาณให้รอดนั้นสำคัญกว่า

โพสต์แล้ว: พฤหัสฯ. มิ.ย. 02, 2011 10:19 am
โดย littleseal
มาเฝ้า :s004:

Re: ความปรารถนาของเราที่จะช่วยให้วิญญาณให้รอดนั้นสำคัญกว่า

โพสต์แล้ว: พุธ มี.ค. 13, 2013 1:30 pm
โดย salvation7
ห่ะๆๆๆๆ ว่าง ๆ เดี๊ยวต้องหาคนพิมพ์ให้แล้วหล่ะ งานเยอะแยะเลย.... แง๊ว....

Re: ความปรารถนาของเราที่จะช่วยให้วิญญาณให้รอดนั้นสำคัญกว่า

โพสต์แล้ว: พุธ มี.ค. 13, 2013 2:13 pm
โดย เมจิ
นอนรอค่ะ :s005: :s005:

Re: ความปรารถนาของเราที่จะช่วยให้วิญญาณให้รอดนั้นสำคัญกว่า

โพสต์แล้ว: พุธ มี.ค. 13, 2013 10:34 pm
โดย kanya Muang-in
:s007: :s007:

Re: ความปรารถนาของเราที่จะช่วยให้วิญญาณให้รอดนั้นสำคัญกว่า

โพสต์แล้ว: เสาร์ มี.ค. 16, 2013 5:10 am
โดย littleseal
หลังไมค์ได้นะคะ ยินดีรับพิมพ์ค่ะ

Re: ความปรารถนาของเราที่จะช่วยให้วิญญาณให้รอดนั้นสำคัญกว่า

โพสต์แล้ว: อาทิตย์ มี.ค. 17, 2013 10:28 pm
โดย siritawatss
:s005: