เราจะแก้ปัญหาตรรกะนี้อย่างไรดีครับ
เรื่องมีอยู่ว่า
นาย ก. ถามบาทหลวงท่านหนึ่งว่า "จริงหรือที่ว่า ไม่มีอะไรที่พระเจ้าจะทรงทำไม่ได้"
บาทหลวง ตอบว่า "จริง พระองค์ทรงทำได้ทุกสิ่ง"
นาย ก. จึงถามต่อไปว่า "แล้วพระเจ้าสามารถเสกก้อนหินที่หนักจนกระทั่งพระองค์เองก็ไม่ทรงสามารถยกขึ้นได้หรือไม่"
บาทหลวงเงียบ ไม่ตอบแล้วเดินหนีไป
ถ้าพระเจ้าทรงเสกให้มีก้อนหินที่หนักมากจนพระองค์เองก็ยังยกไม่ขึ้น ก็แสดงว่ายังมีสิ่งที่พระเจ้าทรงทำไม่ได้
มันจึงเป็นคำถามทางตรรกะที่เราจะแก้อย่างไร เพราะทั้งขึ้นทั้งล่องผมก็อธิบายไม่ได้เลย ไม่รู้จะแก้ปัญหานี้อย่างไรครับ
แก้ปัญหาตรรกะ ไม่มีอะไรที่พระเจ้าทรงทำไม่ได้
-
- โพสต์: 719
- ลงทะเบียนเมื่อ: อังคาร ม.ค. 08, 2008 5:47 am
- ที่อยู่: กาญจนบุรี
1."ประโยคนี้เป็นเท็จ" <<<คำถาม ประโยคนี้เป็นจริงหรือเท็จ?
2.มีกระดาษอยู่หนึ่งแผ่น ด้านหนึ่งเขียนว่า "ข้อความที่อยู่อีกด้าน เป็นความจริง"
อีกด้านก็เขียนว่า "ข้อความที่อยู่อีกด้าน เป็นความเท็จ"
คำถาม ประโยคด้านไหนถูก ด้านไหนผิด?
พวกคำถามParadoxหาคำตอบไม่ได้หรอกครับ(หมายถึงคำตอบแบบเป็นเหตุเป็นผลนะ ถ้าตอบฮาๆก็พอได้)
ว่ากันว่าถ้าเอาคำถามแบบนี้ไปถามคอมพิวเตอร์ พวกมันจะคำนวนจนเครื่องพังไปเลย
วิธีเดียวที่จะหยุดคำถามแนวนี้คือการฉุกคิดว่า "หาคำตอบแล้วมันจะได้อะไรขึ้นมา?"
2.มีกระดาษอยู่หนึ่งแผ่น ด้านหนึ่งเขียนว่า "ข้อความที่อยู่อีกด้าน เป็นความจริง"
อีกด้านก็เขียนว่า "ข้อความที่อยู่อีกด้าน เป็นความเท็จ"
คำถาม ประโยคด้านไหนถูก ด้านไหนผิด?
พวกคำถามParadoxหาคำตอบไม่ได้หรอกครับ(หมายถึงคำตอบแบบเป็นเหตุเป็นผลนะ ถ้าตอบฮาๆก็พอได้)
ว่ากันว่าถ้าเอาคำถามแบบนี้ไปถามคอมพิวเตอร์ พวกมันจะคำนวนจนเครื่องพังไปเลย
วิธีเดียวที่จะหยุดคำถามแนวนี้คือการฉุกคิดว่า "หาคำตอบแล้วมันจะได้อะไรขึ้นมา?"
-
- โพสต์: 1413
- ลงทะเบียนเมื่อ: อังคาร ก.ย. 02, 2008 11:18 am
- ที่อยู่: ต.กรอกสมบูรณ์ อ.ศรีมหาโพธิ จ.ปราจีนบุรี
^
^
^
ใช่ค่ะ แล้วมันจะได้อะไรขึ้นมา? ถ้าเสกหินก้อนนั้นขึ้นมาแล้ว มันจะได้อะไรขึ้นมา?
จากประโยคคำถาม ที่นาย ก. ใช้ถาม ก็พอจะรู้ได้ว่า สมองของนาย ก. เป็นอย่างไร ... หิน ล้วน ๆ
คิดได้แค่ หิน แค่เนี๊ยะนะ
บาทหลวงเงียบ ไม่ตอบแล้วเดินหนีไป
บาทหลวงทำถูกแล้วค่ะ จะได้ไม่โดนลูกหลง เวลาที่หินก้อนนั้นหล่นใส่นาย ก.
คำถามกวน ๆ แบบนี้ ต้องบอกว่า กวนมา ก็กวนไป จะได้ไม่เครียด
^
^
ใช่ค่ะ แล้วมันจะได้อะไรขึ้นมา? ถ้าเสกหินก้อนนั้นขึ้นมาแล้ว มันจะได้อะไรขึ้นมา?
จากประโยคคำถาม ที่นาย ก. ใช้ถาม ก็พอจะรู้ได้ว่า สมองของนาย ก. เป็นอย่างไร ... หิน ล้วน ๆ
คิดได้แค่ หิน แค่เนี๊ยะนะ
บาทหลวงเงียบ ไม่ตอบแล้วเดินหนีไป
บาทหลวงทำถูกแล้วค่ะ จะได้ไม่โดนลูกหลง เวลาที่หินก้อนนั้นหล่นใส่นาย ก.
คำถามกวน ๆ แบบนี้ ต้องบอกว่า กวนมา ก็กวนไป จะได้ไม่เครียด
บางทีคนที่ไม่เชื่อพระเจ้าก็ชอบถามคนทีเชื่อพระเจ้าด้วยคำถามแบบนี้ เพื่อจะต้อนให้จนมุม เหมือนกับอีกคำถามที่ว่า "พระเจ้าสถิตอยู่ทุกหนทุกแห่งใช่หรือไม่" ถ้าคนเชื่อพระเจ้าตอบว่า "ใช่" ก็จะถูกถามต่อไปว่า "แล้วพระเจ้าสถิตอยู่ใน..(ขออภัย)กองมูลหรือเปล่า" ถ้าเราตอบว่า "ไม่" ก็จะไปแย้งกับคำตอบแรก แต่ถ้าเรายอมตอบว่า "ใช่" ก็ต้องโดนหัวเราะเยาะแน่ๆ
ทำอย่างไรที่เราจะฉลาดเหมือนพระเยซูเจ้าที่ทรงตอบคำถามพวกฟารีสีจนพวกนั้นไม่กล้าจับผิดพระองค์อีก อย่างเช่นตอนที่พวกเขาถามพระองค์ว่า "จำเป็นต้องจ่ายภาษีให้พระจักรพรรดิหรือไม่" พระองค์ก็ทรงตอบว่า "ของพระเจ้าจงถวายแด่พระเจ้า ของซีซ่าส์จงคืนให้ซีซ่าส์" หรือตอนที่พวกเขาจับหญิงที่ทำผิดประเวณีได้ แล้วถามพระองค์ว่า "ควรจะเอาหินทุ่มหญิงคนนี้หรือไม่ เพราะนางทำผิดประเวณี" พระองค์ก็ทรงตอบว่า "ถ้าใครในพวกท่านไม่เคยทำผิด ก็ให้เอาหินทุ่มนางก่อน"
ส่วนเรื่องคำถาม "พระเจ้าทรงทำทุกสิ่งได้หรือไม่" ผมไปเจอในตำราเรียนของคณะอักษรศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ชื่อหนังสือ "มนุษย์กับศาสนา" คนแต่งเป็นถึงศาสตราจารย์ถึงสองท่าน เนื้อหาของหนังสือตั้งแต่ต้นนั้นดีมาก ๆ แล้วไม่รู้ทำไมเขามาสรุปตอนท้ายด้วยคำถามแปลก ๆ แบบนี้
ทำอย่างไรที่เราจะฉลาดเหมือนพระเยซูเจ้าที่ทรงตอบคำถามพวกฟารีสีจนพวกนั้นไม่กล้าจับผิดพระองค์อีก อย่างเช่นตอนที่พวกเขาถามพระองค์ว่า "จำเป็นต้องจ่ายภาษีให้พระจักรพรรดิหรือไม่" พระองค์ก็ทรงตอบว่า "ของพระเจ้าจงถวายแด่พระเจ้า ของซีซ่าส์จงคืนให้ซีซ่าส์" หรือตอนที่พวกเขาจับหญิงที่ทำผิดประเวณีได้ แล้วถามพระองค์ว่า "ควรจะเอาหินทุ่มหญิงคนนี้หรือไม่ เพราะนางทำผิดประเวณี" พระองค์ก็ทรงตอบว่า "ถ้าใครในพวกท่านไม่เคยทำผิด ก็ให้เอาหินทุ่มนางก่อน"
ส่วนเรื่องคำถาม "พระเจ้าทรงทำทุกสิ่งได้หรือไม่" ผมไปเจอในตำราเรียนของคณะอักษรศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ชื่อหนังสือ "มนุษย์กับศาสนา" คนแต่งเป็นถึงศาสตราจารย์ถึงสองท่าน เนื้อหาของหนังสือตั้งแต่ต้นนั้นดีมาก ๆ แล้วไม่รู้ทำไมเขามาสรุปตอนท้ายด้วยคำถามแปลก ๆ แบบนี้
เป็นธรรมดานี่ครับ ในเมืองไทยการเรียนเกี่ยวกับศาสนาทั้งหมดที่ผู้สอนเป็นพุทธ มักแอบกัดศาสนาคริสต์ ในตำราบางเล่มกัดยิ่งกว่านี้อีกครับ บางเล่มถึงขั้นบิดเบือนเนื้อหาศาสนาคริสต์กันเลยAndreas เขียน:
ส่วนเรื่องคำถาม "พระเจ้าทรงทำทุกสิ่งได้หรือไม่" ผมไปเจอในตำราเรียนของคณะอักษรศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ชื่อหนังสือ "มนุษย์กับศาสนา" คนแต่งเป็นถึงศาสตราจารย์ถึงสองท่าน เนื้อหาของหนังสือตั้งแต่ต้นนั้นดีมาก ๆ แล้วไม่รู้ทำไมเขามาสรุปตอนท้ายด้วยคำถามแปลก ๆ แบบนี้
-
- โพสต์: 407
- ลงทะเบียนเมื่อ: พุธ เม.ย. 28, 2010 12:03 am
ทำได้ เมื่อใดที่พระองค์ แบกรับความบาปความชั่วช้าของมนุษย์ไม่ไหว เมื่อนั้นพระองค์จะเสกหินที่พระองค์ทรงยกไม่ไหวได้ มั้งAndreas เขียน:เราจะแก้ปัญหาตรรกะนี้อย่างไรดีครับ
เรื่องมีอยู่ว่า
นาย ก. ถามบาทหลวงท่านหนึ่งว่า "จริงหรือที่ว่า ไม่มีอะไรที่พระเจ้าจะทรงทำไม่ได้"
บาทหลวง ตอบว่า "จริง พระองค์ทรงทำได้ทุกสิ่ง"
นาย ก. จึงถามต่อไปว่า "แล้วพระเจ้าสามารถเสกก้อนหินที่หนักจนกระทั่งพระองค์เองก็ไม่ทรงสามารถยกขึ้นได้หรือไม่"
-
- โพสต์: 1029
- ลงทะเบียนเมื่อ: อาทิตย์ มิ.ย. 13, 2010 9:53 pm
ส่วนตัวกับคำถามพระเจ้าอยู่ทุกที่หรือไม่? ไม่คิดหรอกนะว่ากองมูลเป็นเรื่องไม่ดี
เขาอาจจะหัวเราะขบขันแต่ในความจริง สิ่งที่เขาคิดว่าด้อยค่ามันมีคุณค่าสำหรับสิ่งอื่นต่อ
กองมูลเป็นอาหารให้พืชต่อ มนุษย์ก็กินพืช สัตว์ก็กินพืช มนุษย์ก็กินสัตว์เหล่านั้นต่อด้วย
ที่เรามีวัฏจักรดำรงอยู่ได้ก็เกิดจากสิ่งที่เขาเห็นไม่ดีไม่ใช่เหรอ
การที่เขาหัวเราะเพราะเขาไม่เข้าใจการดำรงอยู่ของพระเจ้าเลย
เขาสนต่อสิ่งของที่มูลค่าทางโลก พระต้องทำจากทอง ถ้าพระทำจากดินธรรมดาไม่มีค่า
พระเครื่องดัง ๆ ก็ต้องไปอุตส่าห์หาอินทรีย์จากแหล่งศักดิ์สิทธิ์ต่าง ๆ
อิินทรีย์เหล่านั้นก็มีไม่น้อยที่เป็น "ดิน" ทำไมถึงเชื่อว่าศักดิ์สิทธิ์
ของเหล่านั้นจะศักดิ์สิทธิ์ตอนอยู่กับเขาจริงเหรอ ถ้าเขาไม่ได้รับรู้ถึงความศักดิ์สิทธิ์
ในชีวิตที่อยู่รอบ ๆ ตัวเลย คนเหล่านี้คงไม่รู้สึกว่าดอกไม้ดอกหนึ่งบานได้น่ายินดีแค่ไหน
สำหรับพ่อแม่กองมูลกองแรกที่ลูกขับถ่ายออกมาเป็นเรื่องที่พ่อแม่ร้องไห้ดีใจ
เพราะถ้าลูกไม่ขับออกมาลูกต้องมีปัญหาทางเดินอาหารแน่ ๆ พ่อแม่เคยรังเกียจมูลของลูกมั้ย?
สิ่งที่สกปรกทางกายชำระล้างน้ำก็สะอาดได้ แต่ใจที่สกปรกจะใช้อะไรล้าง
รากฐานที่ดูเป็นมลทินอย่างกองมูลมันเป็นสิ่งต่อยอดสู่สิ่งอื่น ๆ ที่สำคัญไปเรื่อย ๆ
หากเรามองแต่สิ่งที่อยู่ยอดอย่างเดียวลืมรากฐานไม่ช้าจิตใจเราก็จะล้มเหมือนไม้ใหญ่
แต่ถูกปลวกกัดกินทำรังภายในลำต้นและราก
ถ้ามีคนถามคำถามนี้กับตัวเอง ตัวเองก็จะยืนยันคำตอบค่ะ
"อยู่ค่ะ พระเจ้าทรงอยู่ทุกที่แม้กระทั่งในหัวใจที่ดูถูกหมิ่นเกียรติพระองค์อยู่ก็ตาม"
แต่พระองค์ทรงให้อภัยวิญญาณดวงนั้นและรอให้กลับมาหาพระองค์เสมอ
ขอขอบพระคุณพระเป็นเจ้าเพราะกองมูลที่พระองค์อยู่นั้นทำให้มีชีวิตมากมาย
รอดจากการอดอยากทั้งทางกายและวิญญาณ ขอบคุณทุกอย่างที่ทรงประทานให้ลูก ๆ
โดยเฉพาะคำถามนี้เพื่อให้ลูกได้คิดไตร่ตรองหาคำตอบให้กับชีวิตของลูกด้วย
เขาอาจจะหัวเราะขบขันแต่ในความจริง สิ่งที่เขาคิดว่าด้อยค่ามันมีคุณค่าสำหรับสิ่งอื่นต่อ
กองมูลเป็นอาหารให้พืชต่อ มนุษย์ก็กินพืช สัตว์ก็กินพืช มนุษย์ก็กินสัตว์เหล่านั้นต่อด้วย
ที่เรามีวัฏจักรดำรงอยู่ได้ก็เกิดจากสิ่งที่เขาเห็นไม่ดีไม่ใช่เหรอ
การที่เขาหัวเราะเพราะเขาไม่เข้าใจการดำรงอยู่ของพระเจ้าเลย
เขาสนต่อสิ่งของที่มูลค่าทางโลก พระต้องทำจากทอง ถ้าพระทำจากดินธรรมดาไม่มีค่า
พระเครื่องดัง ๆ ก็ต้องไปอุตส่าห์หาอินทรีย์จากแหล่งศักดิ์สิทธิ์ต่าง ๆ
อิินทรีย์เหล่านั้นก็มีไม่น้อยที่เป็น "ดิน" ทำไมถึงเชื่อว่าศักดิ์สิทธิ์
ของเหล่านั้นจะศักดิ์สิทธิ์ตอนอยู่กับเขาจริงเหรอ ถ้าเขาไม่ได้รับรู้ถึงความศักดิ์สิทธิ์
ในชีวิตที่อยู่รอบ ๆ ตัวเลย คนเหล่านี้คงไม่รู้สึกว่าดอกไม้ดอกหนึ่งบานได้น่ายินดีแค่ไหน
สำหรับพ่อแม่กองมูลกองแรกที่ลูกขับถ่ายออกมาเป็นเรื่องที่พ่อแม่ร้องไห้ดีใจ
เพราะถ้าลูกไม่ขับออกมาลูกต้องมีปัญหาทางเดินอาหารแน่ ๆ พ่อแม่เคยรังเกียจมูลของลูกมั้ย?
สิ่งที่สกปรกทางกายชำระล้างน้ำก็สะอาดได้ แต่ใจที่สกปรกจะใช้อะไรล้าง
รากฐานที่ดูเป็นมลทินอย่างกองมูลมันเป็นสิ่งต่อยอดสู่สิ่งอื่น ๆ ที่สำคัญไปเรื่อย ๆ
หากเรามองแต่สิ่งที่อยู่ยอดอย่างเดียวลืมรากฐานไม่ช้าจิตใจเราก็จะล้มเหมือนไม้ใหญ่
แต่ถูกปลวกกัดกินทำรังภายในลำต้นและราก
ถ้ามีคนถามคำถามนี้กับตัวเอง ตัวเองก็จะยืนยันคำตอบค่ะ
"อยู่ค่ะ พระเจ้าทรงอยู่ทุกที่แม้กระทั่งในหัวใจที่ดูถูกหมิ่นเกียรติพระองค์อยู่ก็ตาม"
แต่พระองค์ทรงให้อภัยวิญญาณดวงนั้นและรอให้กลับมาหาพระองค์เสมอ
ขอขอบพระคุณพระเป็นเจ้าเพราะกองมูลที่พระองค์อยู่นั้นทำให้มีชีวิตมากมาย
รอดจากการอดอยากทั้งทางกายและวิญญาณ ขอบคุณทุกอย่างที่ทรงประทานให้ลูก ๆ
โดยเฉพาะคำถามนี้เพื่อให้ลูกได้คิดไตร่ตรองหาคำตอบให้กับชีวิตของลูกด้วย
คำตอบของคุณ littleseal ลึกซึ้งมากครับ
สำหรับคำถามที่ว่า "พระเจ้าเสกก้อนหินที่หนักจนพระองค์ยกไม่ไหวได้หรือไม่"
ถ้าเราจะตอบว่า "พระองค์ทรงทำได้ แต่ไม่ทำ" เพราะถ้าหากทรงเสกให้มีก้อนหินที่หนักมากจนพระองค์ยกไม่ขึ้น ก็ทรงเกรงว่าโลกจะรับน้ำหนักก้อนหินนั้นไม่ไหวเช่นกัน แล้วโลกและมนุษย์ก็จะต้องพบกับหายนะ
สำหรับคำถามที่ว่า "พระเจ้าเสกก้อนหินที่หนักจนพระองค์ยกไม่ไหวได้หรือไม่"
ถ้าเราจะตอบว่า "พระองค์ทรงทำได้ แต่ไม่ทำ" เพราะถ้าหากทรงเสกให้มีก้อนหินที่หนักมากจนพระองค์ยกไม่ขึ้น ก็ทรงเกรงว่าโลกจะรับน้ำหนักก้อนหินนั้นไม่ไหวเช่นกัน แล้วโลกและมนุษย์ก็จะต้องพบกับหายนะ
-
- โพสต์: 1029
- ลงทะเบียนเมื่อ: อาทิตย์ มิ.ย. 13, 2010 9:53 pm
เรามีองค์พระผู้เป็นความดี เราจึงมีสันติสุข
เขามีความว่างเปล่า เขาจึงกระหายทุกอย่างมายกเติมเต็มตน
ขอบคุณสำหรับคำตอบเรื่องก้อนหินเช่นกันค่ะ
เขามีความว่างเปล่า เขาจึงกระหายทุกอย่างมายกเติมเต็มตน
ขอบคุณสำหรับคำตอบเรื่องก้อนหินเช่นกันค่ะ
-
- ~@
- โพสต์: 2546
- ลงทะเบียนเมื่อ: อังคาร ม.ค. 18, 2005 10:54 pm
คำตอบง่ายมาก
สร้างได้สิครับ ก็สร้างมาก้อนนึงขนาดเท่าบ้านแล้วให้พระเยซูแบก อ๊ะ..แบกไม่ได้ แต่พระบิดาแบกได้
ทั้งพระบิดาและพระเยซูต่างก็เป็นพระเจ้า ก็เท่ากับว่าพระองค์ก็สามารถสร้างหินที่พระองค์เองก็แบกไม่ได้ผ่านทางพระเยซู และพระองค์ก็ดำรงค์สถานะพระผู้สร้างที่ทรงทำได้ทุกอย่างคือพระบิดา
อาศัยแนวคิดของการไถ่บาปของพระเยซูเจ้าครับพระเจ้าจำเป็นต้องรับทรมาณและสิ้นพระชนม์เพื่อไถ่บาปมนุษย์พระองค์เลยใช้พระเทวภาพของพระองค์ในฐานะมนุษย์ก็คือพระเยซูที่เป็นพระเจ้าและมนุษย์มาไถ่บาปแทน ซึ่งตรงนี้พระเทวภาพของพระบิดาที่เป็นนิรันดร์ไม่สามารถตายได้
เช่นเดียวกันกับคำถามนั้นก็คือ พระเจ้า(พระบิดา)สามารถสร้างหินที่พระองค์เอง(พระเยซู)ไม่สามารถแบกได้ครับ เพราะ พระบิดา = พระเยซู = พระจิต
สร้างได้สิครับ ก็สร้างมาก้อนนึงขนาดเท่าบ้านแล้วให้พระเยซูแบก อ๊ะ..แบกไม่ได้ แต่พระบิดาแบกได้
ทั้งพระบิดาและพระเยซูต่างก็เป็นพระเจ้า ก็เท่ากับว่าพระองค์ก็สามารถสร้างหินที่พระองค์เองก็แบกไม่ได้ผ่านทางพระเยซู และพระองค์ก็ดำรงค์สถานะพระผู้สร้างที่ทรงทำได้ทุกอย่างคือพระบิดา
อาศัยแนวคิดของการไถ่บาปของพระเยซูเจ้าครับพระเจ้าจำเป็นต้องรับทรมาณและสิ้นพระชนม์เพื่อไถ่บาปมนุษย์พระองค์เลยใช้พระเทวภาพของพระองค์ในฐานะมนุษย์ก็คือพระเยซูที่เป็นพระเจ้าและมนุษย์มาไถ่บาปแทน ซึ่งตรงนี้พระเทวภาพของพระบิดาที่เป็นนิรันดร์ไม่สามารถตายได้
เช่นเดียวกันกับคำถามนั้นก็คือ พระเจ้า(พระบิดา)สามารถสร้างหินที่พระองค์เอง(พระเยซู)ไม่สามารถแบกได้ครับ เพราะ พระบิดา = พระเยซู = พระจิต
-
- ~@
- โพสต์: 2546
- ลงทะเบียนเมื่อ: อังคาร ม.ค. 18, 2005 10:54 pm
สรุปก็คือ ไม่มีอะไรที่พระเจ้าทรงทำไม่ได้จริงๆ
อัลเลลูยา อัลเลลูยา อัลเลลูยา
อัลเลลูยา อัลเลลูยา อัลเลลูยา