ใช้พระคัมภีร์อย่างไรไม่ให้ผิดพลาด โดย ดร.ศิลป์ชัย เชาว์เจริญ

ถาม-ตอบพระคัมภีร์ เรื่องเสริมศรัทธา ความรู้ และสาระ บทความ ในคริสตศาสนา
ตอบกลับโพส
ภาพประจำตัวสมาชิก
Holy
Defender of lawS
Defender of lawS
โพสต์: 10011
ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ ม.ค. 17, 2005 3:06 pm

พฤหัสฯ. มิ.ย. 30, 2011 3:24 am

ใช้พระคัมภีร์อย่างไรไม่ให้ผิดพลาด โดย ดร.ศิลป์ชัย เชาว์เจริญรัตน์

วันพุธที่ 29 มิถุนายน พ.ศ. 2554

รูปภาพ


"อาจารย์คนนั้นเทศนาผิดพระคัมภีร์ครับ"

"พี่น้องคริสเตียนคนนั้นหนุนใจโดยใช้พระคัมภีร์ผิดค่ะ"

"คริสตจักรนั้นสอนผิดค่ะ"

"ผมว่านักเทศน์คนนั้นเทศน์พระคัมภีร์ไม่ถูกต้อง"

"ดิฉันแน่ใจว่าหลักความเชื่อของคณะนั้นไม่ถูกต้องตามพระคัมภีร์"

ท่านผู้อ่านคงเคยได้ยินเรื่องอย่างนี้มามากทีเดียว เรื่องการใช้พระคัมภีร์ผิด สอนพระคัมภีร์ผิด หรือสร้างหลักข้อเชื่อหลักศาสนศาสตร์ผิดเช่นนี้มีการถกเถียงกันมาตั้งแต่คริสตจักรสม้ัยแรกจนถึงปัจจุบัน และเรื่องนี้ก็เป็นสาเหตุหลักประการหนึ่งที่ทำให้เกิดการแยกคริสตจักร แยกคณะนิกายมาโดยตลอด เนื่องจากผู้เขียนศึกษามาด้านศาสนศาสตร์โดยตรงและทำการศึกษาเรื่องศาสนศาสตร์มาก ผู้คนก็เลยชอบถามในเรื่องนี้บ่อยว่า ทำไมถึงมีการใช้พระคัมภีร์ผิดมาโดยตลอด และก็มีการถกเถียงกันมาก ซึ่งต่างฝ่ายต่างก็บอกว่าตนเองยึดถือตามพระคัมภีร์ (และก็น่าแปลกว่ายึดถือพระคัมภีร์เล่มเดียวกันแต่เห็นต่างกันได้ขนาดนี้) การใช้พระคัมภีร์ผิดเช่นนี้จะมีวิธีป้องกันหรือแก้ไขอย่างไร? รวมไปถึงจะทำอย่างไรให้ข้อถกเถียงทางพระคัมภีร์หมดไป?

คำถามนี้ตอบยากและตอบยาว ผมใคร่ขอให้ท่านผู้อ่านค่อยๆ พิจารณาดูรายละเอียดเป็นขั้นๆ พอสังเขปดังนี้ครับ

อะไรคือสิ่งที่เรียกว่าใช้พระคัมภีร์ผิด?


พื้นฐานของความผิดพลาดที่มากที่สุดในการใช้พระคัมภีร์ของคนส่วนใหญ่ก็คือ ผู้คนมักเข้าใจเอาว่าอ่านพระคัมภีร์ตรงไหน ข้อไหนก็ตาม หากพระคัมภีร์ข้อนั้นบอกว่าอะไร ก็ถือว่านั่นคือความถูกต้องสูงสุดทันที ความจริงเป็นตามข้อนั้นตามตัวอักษรทุกอย่างทันที แต่ที่จริงแล้วการจะเข้าใจพระคัมภีร์ให้ถูกต้องจริงๆ มันก็ไม่ง่ายอย่างนั้นเสียทีเดียว การด่วนยึดถือพระคัมภีร์ตรงตามตัวอักษรทันทีสามารถผิดพลาดได้มากทีเดียว

ณ จุดนี้ ให้เรามาลองพิจารณาดูว่า การใช้พระคัมภีร์ผิดมีได้หลายความหมาย ซึ่งเกิดได้ในหลายขั้นตอน ได้แก่

ความผิดพลาดในขั้นของการยึดบรรทัดฐานพระคัมภีร์ และพระคัมภีร์ฉบับแปล


1. เริ่มตั้งแต่ ใช้พระคัมภีร์ที่บรรทัดฐานผิด (Wrong Canon) หรือบรรทัดฐานแตกต่างกัน - ยกตัวอย่าง พระคัมภีร์ของโปรเตสแต๊นท์กับคาทอลิกหรือออโธด๊อกซ์ หรือคำสอนอื่นๆ มีการบรรทัดฐานของการรวมเล่มเป็นพระคัมภีร์ไม่เหมือนกันเสียทั้งหมด

2. การยึดถือและตีความพระคัมภีร์ในภาษาเดิมผิด หรือยึดถือแตกต่างกัน

3. การยึดถือพระคัมภีร์ฉบับแปลที่มีการแปลผิด หรือยึดถือแตกต่างกัน หรือเราใช้พระคัมภีร์ฉบับแปลนั้นๆ โดยไม่เข้าใจธรรมชาติหรือวัตถุประสงค์ของการแปลฉบับนั้น


รูปภาพ

ความผิดพลาดในขั้นของการตีความหมายพระคัมภีร์

แม้จะใช้พระคัมภีร์เล่มเดียวกัน ฉบับแปลเดียวกันก็ยังมีปัญหาตามมาได้อีก ได้แก่

1. ความผิดพลาดจากการตีความพระคัมภีร์โดยไม่ได้พิจารณาความหมายของศัพท์และไวยากรณ์อย่างถูกต้องตามหลักภาษา ทั้งในภาษาเดิม และภาษาแปลที่อ่านอยู่

2. ความผิดพลาดจากการตีความโดยไม่ได้คำนึงถึงลักษณะของการประพันธ์ ว่าถ้อยคำเหล่านั้นเขียนโดยมีความหมายตรงตามตัวอักษร หรือความหมายเชิงสำนวนเปรียบเทียบ ความหมายเชิงเสียดสี ความหมายเกินจริงเพื่อกระตุ้นให้เกิดความรู้สึกที่รุนแรง บางตอนเป็นเรื่องแต่งเชิงตำนานเรื่องเล่า บางตอนเป็นบทกวีที่เน้นความรู้สึกเหนือจริง (Surreal) บางตอนเป็นคำพยากรณ์ซึ่งก็ต้องตีความอีกแบบคำพยากรณ์ บางตอนเป็นแบบสุภาษิตที่บอกสัจธรรมชีวิตก็ต้องตีความแบบไม่ใช่คำสั่ง

3. ตีความโดยไม่ได้พิจารณาบริบทหรือท้องเรื่อง (out of context interpretation)

4. ตีความโดยไม่ได้คำนึงถึงเจตนารมณ์ที่แท้จริงของผู้ประพันธ์ ทั้งที่เปิดเผยชัดและที่แอบแฝงอยู่

5. ตีความโดยไม่ได้คำนึงถึงเบื้องหลังสถานการณ์ทางประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมของผู้ประพันธ์ ทั้งโดยปกติทั่วไปและโดยสถานการณ์ขณะประพันธ์ ซึ่งมีส่วนกำหนดโลกทัศน์ทางความคิดและการใช้ภาษาของผู้ประพันธ์

6. ตีความโดยไม่ได้คำนึงถึงประวัติชีวิต ธรรมชาติ โลกทัศน์ ทักษะและบุคคลิกภาพ ของผู้ประพันธ์ ทั้งโดยปกติทั่วไปและโดยสถานการณ์ขณะประพันธ์

7. ตีความโดยไม่ได้คำนึงถึงสิ่งที่ผู้ประพันธ์ "ละไว้ในฐานที่เข้าใจ" ของผู้คนในยุคนั้น (เช่น ต้องยอมรับว่าพระคัมภีร์ไม่ได้บันทึกทุกเรื่อง ตัวอย่างเช่น ท่านยอห์นบอกว่าไม่สามารถบันทึกพระราชกิจและคำสอนของพระเยซูทุกเรื่องได้)

8. ตีความโดยไม่ได้คำนึงถึงสิ่งที่ผู้ประพันธ์คิดเกี่่ยวกับตัวผู้อ่านของเขาในขณะนั้น

9. ตีความโดยไม่ได้คำนึงถึงแหล่งที่มาหรือวิธีการได้มาของข้อมูลของผู้ประพันธ์ ว่าได้ข้อมูลนั้นมาจากไหนและได้มาอย่างไร



รูปภาพ

ความผิดพลาดในขั้นของศาสนศาสตร์

หลังจากความผิดพลาดในสองขั้นแรกแล้ว ก็ยังไม่จบ ความผิดพลาดของการใช้พระคัมภีร์ยังมาถึงขั้นของการทำศาสนศาสตร์ ความผิดพลาดในขั้นศาสนศาสตร์มักเกิดขึ้นเมื่อผู้อ่านพระคัมภีร์ยึดถือพระคัมภีร์ตอนใดตอนหนึ่งตามตัวอักษรทันที โดยไม่ได้คำนึงว่า

1. พระคัมภีร์ตอนนั้นอาจขัดแย้งกับพระคัมภีร์ตอนอื่น จึงต้องหาคำอธิบายที่เหมาะสมให้ได้ว่า มันเกิดขึ้นได้อย่างไร และที่จริงแล้วทั้งสองตอนไม่ขัดแย้งกันอย่างไร

2. พระคัมภีร์ตอนนั้นอาจถูกหักล้างแล้ว หรือถูกทำให้สมบูรณ์ขึ้นแล้ว จากพระคัมภีร์ที่ได้รับการสำแดงภายหลังที่สมบูรณ์กว่า เช่น พระคัมภีร์เดิมถูกทำให้สมบูรณ์โดยพระคัมภีร์ใหม่

3. พระคัมภีร์ตอนนั้นอาจขัดแย้งกับข้อเท็จจริงในเชิงหลักเหตุผล (หรือตรรกศาสตร์) หลักฐานการค้นพบทางวิทยาศาสตร์ ประวัติศาสตร์โลกและประวัติศาสตร์คริสตจักร ซึ่งเราก็ต้องมาพิจารณาว่าจะเชื่อสิ่งที่พระคัมภีร์บอกตรงตามตัวอักษรทันที หรือว่าจะมีคำอธิบายที่สร้างความเชื่อมโยงกับหลักเหตุผลต่างๆ ที่ว่ามาได้อย่างเหมาะสม

ศาสนศาสตร์คือการศึกษาหลักความเชื่อของคริสเตียนในเรื่องใดเรื่องหนึ่ง โดยต้องประมวลพระคัมภีร์ทุกตอนเกี่ยวกับเรื่องนั้นมาให้หมดทุกแง่ทุกมุม นำมาตีความอย่างดี และนำมาจัดระบบเพื่อให้ได้ความจริงที่สมบูรณ์เกี่ยวกับเรื่องนั้น ทั้งยังต้องสามารถแก้ปัญหาประเด็นที่ดูเหมือนมีข้อขัดแย้งกันเองในพระคัมภีร์ และประเด็นที่ขาดเหตุผล หรือดูกับข้อเท็จจริงทางวิทยาศาสตร์ ประวัติศาสตร์ และตรรกศาสตร์ แน่นอนว่าเรื่องนี้ก็คงต้องพิจารณากันในรายละเอียดด้วย

รูปภาพ


ความผิดพลาดในขั้นการประยุกต์ใช้

แม้ว่าผู้อ่านพระคัมภีร์จะสามารถตีความพระคัมภีร์อย่างถูกต้อง แต่ก็ยังอาจพลาดได้อีกจุดหนึ่งด้วยอย่างนึกไม่ถึง นั่้นก็คือความผิดพลาดในขั้นการนำพระคัมภีร์ตอนนั้นๆ มาประยุกต์ใช้ ความผิดพลาดมีได้หลายอย่าง ได้แก่

1. นำพระคัมภีร์ตอนนั้นมาประยุกต์ใช้โดยไม่คำนึงถึงความแตกต่างของบริบททางสังคม ระหว่างยุคสมัยของพระคัมภีร์ตอนนั้นกับยุคสมัยปัจจุบัน

2. ประยุกต์ใช้โดยไม่คำนึงถึงว่า พระคัมภีร์บางตอนเป็นคำสั่งสำหรับบางยุคสมัยเท่านั้นไม่ใช่สำหรับทุกยุคสมัย หรือบางอย่างเป็นสำหรับยุคพระคัมภีร์เดิมแต่ไม่ใช่สำหรับยุคพระคัมภีร์ใหม่

3. ไม่คำนึงถึงว่า บางตอนเป็นคำสั่งสำหรับบางบุคคลโดยเฉพาะเท่านั้น ไม่ใช่สำหรับทุกคน

4. ไม่คำนึงถึงว่า บางตอนเป็นเพียงความคิดเห็นส่วนตัว หรือความเชื่อส่วนตัว ของคนบางคนในพระคัมภีร์ แต่ไม่ถือว่าเป็นคำสั่งหรือเป็นพระบัญญัติสำหรับทุกคน

5. บางตอนเป็นการประพฤติที่ดูเหมือนเป็นแบบอย่างที่ดีของคนบางคนในพระคัมภีร์ แต่ก็ไม่ได้ถือว่าเป็นคำสั่งหรือเป็นพระบัญญัติสำหรับทุกคน

6. ต้องตระหนักว่า พระคัมภีร์ไม่อาจเขียนครอบคลุมทุกแง่ของชีิวิตโดยละเอียดและไม่อาจครอบคลุมได้ทุกยุคสมัยซึ่งจะมีสิ่งใหม่ๆ เกิดเพิ่มขึ้นตลอดเวลา ฉะนั้น ในการประยุกต์ใช้พระคัมภีร์หลายอย่างต้องยึดหลักที่ว่า ยึดคำสั่งในพระคัมภีร์โดยต้องยึดถือเจตนารมณ์ของพระคัมภีร์มากกว่ายึดตามตัวอักษร และอะไรที่พระคัมภีร์ไม่ห้ามชัดและไม่ได้ขัดกับเจตนารมณ์ของพระคัมภีร์ก็ถือว่าทำได้ทุกอย่าง แน่นอนว่าเรื่องนี้ก็คงต้องพิจารณากันในรายละเอียดด้วย (ในขณะที่บางคนยึดตรงข้ามว่า อะไรที่พระคัมภีร์ไม่บอก เราทำไม่ได้เลย!)

7. ความเ้ข้มงวดของคำสั่งในพระคัมภีร์แต่ละตอนอาจไม่เท่ากัน เช่น "อย่าเป็นหนี้อะไรใคร" คงเข้มงวดไม่เท่า "อย่าฆ่าคน" กระมัง

8. เราต้องเข้าใจว่า การที่พระคัมภีร์สั่งให้เราทำสิ่งนั้นสิ่งนี้นั้น ส่วนใหญ่สั่งในเงื่อนไขของสถานการณ์ปกติ ไม่ซับซ้อน ที่เราต้องเลือกระหว่างดีกับชั่ว หรือถูกกับผิดเท่านั้น แต่ชีวิตจริงบางครั้งก็ซับซ้อน การประยุกต์ใช้ก็จะซับซ้อนตามไปด้วย เรียกว่าเป็น "จริยธรรมในกรณีซับซ้อน" "จริยธรรมในกรณีทางเลือก" หรือ "จริยธรรมที่มีความขัดแย้ง" (Dilemma Ethics) เราก็ต้องพิจารณาการใช้พระคัมภีร์แต่ละตอนให้เหมาะสมกับสถานการณ์ที่ซับซ้อนกว่าปกติ

รูปภาพ


ปัญหาขั้นพื้นฐานอีกเรื่อง : ความเชื่อ

ทั้งหมดที่กล่าวมานั้นเป็นปัญหาการใช้พระคัมภีร์ผิดที่เกิดจากประเด็นทางเทคนิค แต่ยังมีอีกเรื่องที่เป็นปัญหามาก และเป็นปัญหาพื้นฐานของปัญหาข้างต้นทุกอย่างเลยก็คือ เรื่องของ "ความเชื่อเกี่ยวกับพระคัมภีร์" (หรือศาสนศาสตร์เกี่ยวกับพระคัมภีร์) ที่บุคคลนั้นยึดถืออยู่ ซึ่งมีสองแง่คือ หนึ่ง เชื่อว่าพระคัมภีร์เป็นพระวจนะพระเจ้าหรือไม่? (หรือเชื่อว่าเป็นการประพันธ์ของมนุษย์เท่านั้น)

หรือแง่ที่สองคือ ถ้าเชื่อว่าเป็นพระวจนะของพระเจ้าแล้วเืชื่ออย่างไร? หรือที่ว่าเชื่อนั้นมีความหมายว่าอย่างไรแน่ เช่น เชื่อว่าพระคัมภีร์ถูกเขียนขึ้นโดยได้รับการดลใจแบบไหน ผู้เขียนมีความจำกัดแบบมนุษย์และภาษามนุษย์ปกติรวมอยู่ด้วยไหม พระคัมภีร์ไม่มีข้อผิดพลาดแปลว่าอะไรแน่ พระคัมภีร์ถือว่าเป็นเพียงแหล่งเดียวและมีสิทธิอำนาจสูงสุดในการกำหนดหลักความเชื่อหรือไม่ หรือต้องใช้อย่างอื่นประกอบด้วย ซึ่งเรื่องเหล่านี้ก็ต้องว่ากันอีกยาวเลยทีเดียว

ที่กล่าวมาทั้งหมดข้างต้นนี้เป็นเพีิยงขั้นเบื้องต้นที่สรุปแบบคร่าวๆ แต่จากเพียงเท่านี้ ท่านผู้อ่านก็คงรู้สึกได้ตรงกันว่า ดูมันไม่ง่ายอย่างที่เคยคิด หรือดูมันช่างยุ่งยากจริงๆ และว่าไปแล้วก็ไม่แปลกเลยที่ทำไมบรรดาคริสเตียนทั้งหลายจึงยึดถือพระคัมภีร์แตกต่างกันเหลือเกิน และง่ายเหลือเกินที่จะเข้าใจว่าคนอื่นใช้พระคัมภีร์ผิด ซึ่งเขาอาจจะผิดจริง หรือจริงๆ แล้วเราอาจตัดสินเขาผิด หรือจริงๆ แล้วอาจจะผิดทั้งคู่ หรือถูกทั้งคู่ก็ได้

ก็ขอให้พิจารณาดีๆ ครับ และอย่ารีบด่วนตัดสิน


http://kaochristian.blogspot.com/2011/0 ... _5159.html
พระเจ้าสถิตย์กับเราเสมอ
~@
โพสต์: 2546
ลงทะเบียนเมื่อ: อังคาร ม.ค. 18, 2005 10:54 pm

พฤหัสฯ. มิ.ย. 30, 2011 12:20 pm

กระทู้นี้ควรปักหมุดอย่างที่สุดครับ ::001::
ตอบกลับโพส