+นักบุญออกัสตินกับสตรีเพศ: การดูหมิ่น การแก้ต่าง หรือ?+

ถาม-ตอบพระคัมภีร์ เรื่องเสริมศรัทธา ความรู้ และสาระ บทความ ในคริสตศาสนา
ตอบกลับโพส
ภาพประจำตัวสมาชิก
Zion
~@
โพสต์: 3777
ลงทะเบียนเมื่อ: อังคาร ม.ค. 18, 2005 8:37 pm
ติดต่อ:

ศุกร์ มี.ค. 09, 2012 9:19 pm

นักบุญออกัสตินกับสตรีเพศ: การดูหมิ่น การแก้ต่าง หรือทั้งสองอย่าง?

Maureen McKew


บรรดานักศาสนศาสตร์สมัยใหม่กำลังศึกษาบทบาทของผู้หญิงในพระศาสนจักรคาทอลิก
รูปภาพ
นักบุญ ออกัสติน เป็นเป้าหมายใหญ่ในการถูกวิพากษ์วิจารณ์
บางคนตำหนิท่านสำหรับหลายพันปีที่มีการดูถูกผู้หญิงในพระศาสนจักรคาทอลิก
บางคนเตือนว่านี่เป็นการไม่ยุติธรรมที่จะมาตัดสินบุคคลแห่งศตวรรษที่ห้า
ด้วยมาตรฐานต่างๆที่ได้รับการพัฒนาขึ้นในศตวรรษที่ยี่สิบและยี่สิบเอ็ด
ยิ่งกว่านั้น หลายคนยืนยันว่าท่านเป็นผู้ที่ละเอียดอ่อนในเรื่องนี้
มากกว่าปิตาจารย์ท่านอื่นๆของพระศาสนจักรในสมัยของท่านเสียอีก

“หญิงร่วมกับชาย เป็นภาพลักษณ์ของพระเจ้า
ผู้รวมเป็นเนื้อเดียวกัน คือภาพลักษณ์หนึ่งเดียว
แต่หญิงได้รับมอบหมายให้เป็นผู้ช่วย
หากอาศัยเพียงผู้หญิงลำพัง เธอก็ไม่อาจเป็นภาพลักษณ์ของพระเจ้าได้
อย่างไรก็ตาม ชายจะเป็นภาพลักษณ์ของพระเจ้าได้อย่างครบถ้วนบริบูรณ์
ก็โดยการหลอมรวมกับหญิงเป็นหนึ่งเดียวกัน”
(De Trinitate, 12, 7, 10)

อุบส์...นักบุญออกัสตินแห่งฮิปโปได้เขียนถ้อยคำดั่งกระสุนเม็ดนี้ขึ้นจริงหรือ?
นี่หรือนักปราชญ์ผู้ยิ่งใหญ่ที่สุดในโลกคริสต์ศาสนาฝั่งตะวันตก
ผู้เป็นแสงสว่างฝ่ายวิญญาณของมหาวิทยาลัย Villanova คิดเช่นนี้กับผู้หญิงจริงๆหรือ?

คำตอบข้อแรกคือใช่
ท่านแสดงความคิดเห็นดังกล่าวในงานเขียนของท่านที่เกี่ยวกับพระตรีเอกภาพ
คำตอบข้อสอง ไม่ง่ายที่จะตอบนัก
มันไม่เป็นที่น่าตกใจสำหรับผู้ที่คุ้นเคยชีวิตและช่วงสมัยของท่าน
รวมถึงนักศึกษาVillanova ที่ได้เรียนปรัชญาของท่านสมัยเรียนปีหนึ่ง

นักศาสนศาสตร์สตรีนิยมสมัยใหม่จำนวนมากกล่าวอ้างท่าน
ถึงความเห็นของท่านในDe Trinitate และงานเขียนอื่นๆ

ศาสตราจารย์ E . Ann Matter
มหาวิทยาลัยเพนซิลวาเนีย ศาสนศึกษา
ได้ตั้งประเด็นต่างๆ ในบทความหัวข้อ "พระคริสต์, พระเจ้า กับผู้หญิง"
กับนักบุญออกัสติน และผู้วิจารณ์ท่าน(Routledge, London and New York, 2000)
เรียบเรียงโดย Rev. Robert Dodaro, O.S.A,. ’77
และ Rev. George Lawless, O.S.A., ‘52
แห่ง Patristic Institute, the Augustinianum, กรุงโรม

Matter ได้เขียนไว้ในหนังสือของ Elaine Pagels
อาดัม อีฟ และงู (New York, Random House, 1988)
เธอตำหนินักบุญออกัสตินสำหรับเวลาหลายพันปีที่พระศาสนจักรคาทอลิกดูถูกเพศหญิง
เธอยังอ้าง Rosemary Radford Reuther ผู้แต่ง
การดูถูกเพศหญิง กับคำตรัสของพระเจ้า: สู่ศาสนศาสตร์ที่นิยมสตรี
(Boston, Beacon Press, 1983)
ผู้กล่าวว่านักบุญออกัสติน เป็นที่มาของมนุษยศาสตร์แบบคริสตจักรตะวันตก แบบปิตาธิปไตย
(ผู้ชายเป็นใหญ่) : Western Christian patriarchal anthropology

อย่างไรก็ตาม ก็มีนักศาสนศาสตร์สตรีนิยมท่านที่แสดงความคิดเห็นที่เป็นกลางกว่า
นักศาสนศาสตร์ออสเตรเลีย Kim E. Power
ผู้เขียน ความปรารถนาที่ถูกคลุมไว้ของนักบุญออกัสติน ต่อผู้หญิง
(In Veiled Desire, Augustine on Women)
(New York, Continuum, 1996),
ได้ตักเตือนว่า คำวิจารณ์ใดๆต่อนักบุญออกัสติน
ต้องตั้งอยู่บนเงื่อนไขเอกภพ(Cosmos) ของท่าน
กล่าวคือ ยุคสมัย และวัฒนธรรมที่ท่านได้ดำรงชีวิตอยู่
ขณะที่ท่านศึกษาและประพันธ์งานเขียนอย่างอุดมเช่นเดียวกับนักศาสนศาสตร์สมัยท่าน
มุมมองต่างๆของนักบุญออกัสตินได้รับการแต่งแต้มโดยสีสันแห่งเอกภพของท่าน

Matter เห็นด้วยกับ Power ในข้อที่ว่า
"เนื้อหาของนักบุญออกัสตินไม่ใช่ของเรา"
เธอยังเขียนข้อความซึ่งได้เผยแพร่ไปยังเหล่ามวลมนุษย์สตรี
"บางที ท่านไม่อาจช่วยเราได้เลย"

บางที..อย่างไรก็ตาม นักศาสนศาสตร์Villanova ทั้งสองคนก็ไม่ถูกต้องสักทีเดียว
Rev. Thomas Martin, O.S.A
ศาสตราจารย์ศาสนศาสตร์และศาสนศึกษา
ผู้เผชิญกับกล่าวหาว่านักบุญออกัสตินเป็นผู้ดูถูกเพศหญิงอยู่บ่อยๆที่ชั้นเรียนVillanova
กล่าวว่า "การวิจารณ์นักบุญออกัสตินจากผลงานในสมัยของท่าน
ก็เหมือนการวิจารณ์อาชีพหมอศตวรรษที่ห้าที่ไม่ใช้เพนิซิลิน"


"หากคุณต้องการประเมินอย่างสัมฤทธิ์ผล
คุณต้องศึกษาสหายของนักบุญออกัสติน
เช่น นักบุญอัมโบรส หรือนักบุญเจอโรม
และคุณจำเป็นต้องศึกษาสิ่งที่วัฒนธรรมสมัยนั้นคิดอยู่ด้วย"

ตัวอย่างวัฒนธรรมที่เป็นบริบทของนักบุญออกัสติน
คุณพ่อมาร์ตินอ้างถึง จดหมายสิบสามฉบับ
ที่ท่านสังฆราช(นักบุญออกัสติน)เขียนถึงสหายที่สนิทที่สุด Nebridius
เกี่ยวกับความสัมพันธ์ทางธรรมชาติระหว่างร่างกายและวิญญาณ
"มันเป็นบทสนทนาที่มีแต่ผู้ชายคุยด้วยกันในสมัยนักบุญออกัสติน"
คุณพ่อกล่าวต่อไป
"มันชัดเจนในสมัยนั้นว่าหากคุณต้องการคุยเรื่องปรัชญา คุณต้องคุยกับผู้ชาย
คตินี้ และอคติอื่นๆทางสังคม ได้ปรากฏอยู่เนืองๆ จากบทเทศน์ของนักบุญออกัสติน
ในโลกของท่าน คำกล่าวที่ร้ายแรงที่สุดที่คุณจะกล่าวกับผู้ชายคือ "ผู้หญิงแม่บ้าน"
สิ่งนี้น่าจะแสดงเด่นชัดถึงการแบ่งชนชั้นของท้องถิ่นสมัยนั้น
"

นี่เป็นอคติทางวัฒนาธรรมที่ต่อต้านผู้หญิง เช่นเดียวกับสหายเชิงความรู้ของท่าน
แต่คุณพ่อมาร์ตินชี้ว่า นี่เป็นผลิตผลส่วนใหญ่ของการศึกษาสมัยนั้น
ตรงกันข้ามผลิตผลที่กล่าวถึงผู้หญิงก็ไม่มีเลยเช่นกัน

เมื่อนักบุญออกัสตินเผชิญหน้ากับผู้หญิงที่ได้รับการศึกษา
เป็นเพื่อนทางปัญญากับท่าน ท่านให้เกียรติพวกเธออย่างเสมอภาค
ราวๆหลัง ค.ศ.395 ท่านได้เขียนจดหมายถึงหญิงสาวผู้หนึ่งนามว่าFlorentina
ผู้ถวายชีวิตให้พระเจ้า ในฉบับที่266
ท่านตอบรับคำขอของเธอ ที่ต้องการให้ท่านเป็นผู้อภิบาลฝ่ายจิตวิญญาณของเธอ
เนื้อหาจดหมายฉบับดังกล่าวเต็มไปด้วยความสุภาพถ่อมตัว
ปราศจากการแสดงการเป็นชายผู้เหนือกว่าหญิง

หลักฐานเพิ่มเติมจากเพื่อนร่วมงานของคุณพ่อมาร์ติน
Rev. Daniel Doyle, O.S.A. ‘75
ศาสตราจารย์ศาสนศาสตร์และศาสนศึกษา
อ้างพระวินัยของนักบุญออกัสติน
ซึ่งถูกใช้โดยคณะนักบวชหลายคณะทั้งคณะผู้ชายและ ผู้หญิง
"หากคุณสังเกตพระวินัยของนักบุญออกัสติน สำหรับผู้ชายและผู้หญิงแล้ว
ความแตกต่างมีเพื่อแค่การใช้สรรพนามเท่านั้น"

บรรดาผู้หญิงในชีวิตของท่าน

ความสัมพันธ์ของนักบุญออกัสตินกับมารดาของท่านเอง
และสตรีผู้เป็นภรรยาของท่านตามกฎหมายท้องถิ่นเป็นเวลาหลายปี
มีหัวข้อในทางวิชาการและทั้งการคาดเดาในทางมิใช่วิชาการอีกด้วย

ตามที่มียืนยันร่วมกัน
นักบุญโมนิกาเป็นมารดาผู้มีแรงผลักดัน เป็นผู้นำ
เช่นเดียวกับผู้หญิงคนอื่นๆที่ข้องเกี่ยว
นักบุญออกุสตินไม่ค่อยเล่าประวัติของพวกเธอเท่าใดนัก
เป็นดูคล้ายเรื่องแอบซ่อน เป็นเรื่องราวที่ไม่เด่นชัด
นำไปสู่การศึกษานักบุญออกัสตินอย่างละเอียดถี่ถ้วน

รูปภาพ
นักบุญมอนิกา แม้เป็นผู้หญิงไม่มีการศึกษา
ท่านก็ยังเป็นแม่ที่ดีและผู้ศรัทธา
เด็กน้อยของท่าน ออกัสติน เป็นเด็กผู้ชาญฉลาด
จนเคยหลงคิดว่าศาสนาเป็นเรื่องงมงายของบรรดาผู้ไม่มีการศึกษา
นักบุญออกัสตินได้บันทึกเรื่องราวเหล่านี้ไว้ในคำสารภาพของท่าน
นักบุญออกัสตินพยายามหลายต่อหลายครั้งที่จะแยกตัวออกจากแม่
โดยการออกจากบ้านเกิด อัฟริกาเหนือ มายังอิตาลี ก่อนการกลับใจของท่าน

หลังการกลับใจของท่าน
มุมมองของท่านต่อแม่และศาสนา กลับตาลปัตร
เมื่อดวงตาของท่านถูกเผยด้วยความเชื่อ
ท่านตระหนักว่า ท่านได้สูญเสียเวลาของท่านไปกับความเชื่อเท็จเทียมต่างๆ
และแม่ของท่านก็ไม่ใช่คนโง่เขลา

"แม่ครับ" ท่านได้กล่าวประโยคสั้นๆ หลังการกลับใจ
"แม่ได้บรรลุถึงยอดของปรัชญา"
รูปภาพ

สำหรับสตรีนิรนาม ที่ท่านมักกล่าวถึงในนามว่า "เธอคนนั้น"
คุณพ่อมาร์ตินตั้งข้อสังเกตว่า
คงเป็นไปไม่ได้ที่เธอและออกัสตินจะหมั้นหมายและแต่งงานอย่างเป็นทางการ
เธอเป็นคนชนชั้นล่างและชาวโรมันถูกห้ามมิให้แต่งงานกับคนชนชั้นล่าง
ยิ่งกว่านั้น มารดาของท่านคงพยายามที่จะยุติความสัมพันธ์ดังกล่าว
เพราะเธออยากให้บุตรของเธอแต่งงานตามแบบคริสตชน(สมัยนั้นยังไม่อณุญาตให้คริสตชนแต่งงานกับคนศาสนาอื่นๆ)
อย่างไรก็ตาม เธอได้ถูกกล่าวถึงว่าเป็น เจ้าสาวตามธรรมเนียมท้องถิ่น
และตามบันทึกของนักบุญออกัสติน ท่านซื่อสัตย์ต่อ"เธอคนนั้น"

ทำไมนักบุญออกัสตินไม่เอ่ยนามสตรีผู้นี้ ผู้ที่ท่านรักมาก และกล่าวถึงในคำสารภาพ?
คุณพ่อมาร์ตินแนะนำว่า นักบุญออกัสตินสร้างศัตรูไว้มากมาย
ช่วงที่ท่านหลงติดตามบรรดาผู้นำลัทธินอกรีตต่างๆ
และ นี่เป็นเหตุผลที่ท่านอาจเลือกที่จะปกป้องนางอันเป็นที่รักโดยไม่กล่าวถึงชื่อของเธอ
รูปภาพ

ท่านรักเธออย่างลึกซึ้ง และแทบแหลกสลาย
เมื่อท่านได้ยกเลิกการสมรสตามธรรมเนียมท้องถิ่น
และส่งเธอกลับอัฟริกาเหนือ

ท่านเป็นบิดาที่ทุ่มเทต่อบุตรของท่าน Adeodatus
ผู้อยู่กับท่านตลอดเวลาการกลับใจของท่าน
และได้กลับไปอัฟริกาเหนือด้วยกันและเจริญชีวิตในศาสนา
เด็กน้อยได้สิ้นใจเมื่ออายุ18ปี
เป็นไปได้ว่า พ่อแม่อยู่กับเด็กน้อยอย่างพร้อมหน้าพร้อมตาในช่วงที่จะสิ้นลม

ความสัมพันธ์ของนักบุญออกัสตินต่อบุคคลสามคนนี้
-มารดา ภรรยา และบุตร-
ทำให้ท่านเข้าใจผู้หญิง ชีวิตครอบครัว และเพศวิถีของมนุษย์
มากกว่า นักบุญเยอโรม นักบุญอัมโบรส หรือ ปิตาจารย์ท่านใดๆของพระศาสนจักร


ในบทเทศน์หนึ่งของนักบุญออกัสตินที่คุณพ่อมาร์ตินชื่นชอบ
ท่านกล่าวถึงการเกี้ยวพาราสีประสาสามี และโอกาสที่จะบีบจมูกผู้ชาย
ผู้คิดว่าตัวเองแข็งแรงกว่าภรรยาของตน
มิใช่เพียงทางกายภาพ(ตามที่นักบุญออกัสตินคิด)แต่ยังด้านจิตใจ

ครั้งนั้นมีการแพร่ระบาดของการล่วงประเวณีโดยสามีกลุ่มหนึ่ง
ในสังฆมณฑลของท่าน Hippo Regius
และท่านต้องเผชิญซึ่งๆหน้าณ มหาวิหารของท่านในมิสซาวันอาทิตย์

“ดูเถิด” ท่านบอกเหล่าผู้ชาย
“พวกลูกยืนยันว่าพวกลูกเป็นผู้เข้มแข็ง และภรรยาของพวกลูกนั้นอ่อนแอ
แต่บัดนี้เมื่อการล่วงประเวณีมาล่อลวงต่อหน้าลูก
ลูกกลับยอมจำนนต่อความอ่อนแอ?
แล้วดูสิ ภรรยาของพวกลูก ผู้เป็นเพศที่อ่อนแอ กลับยังคงเข้มแข็งซื่อสัตย์ต่อพวกลูก?”

ใครเล่าจะจินตนาการถึงภาพเหล่าผู้ชายต่างตัวสั่น
ขณะเหล่าผู้หญิงต่างชำเลืองและขำขัน

ผลลัพธ์ที่สมบูรณ์นำไปสู่ความขัดแย้ง

นักบุญออกัสตินเป็นหนึ่งในผู้เขียนงานเขียนมากที่สุดในประวัติศาสตร์
ท่านแต่งหนังสือ 93เล่ม จดหมายของท่านยังคงอยู่ในปัจจุบัน300ฉบับ
เชื่อว่ากว่า8,000บทเทศน์มาจากท่าน
โดยมากกว่า 600ฉบับยังคงอยู่
จากผลลัพธ์ดังกล่าวจึงไม่น่าแปลกใจ
ที่ท่านได้จัดเตรียมคลังสรรพาวุธไว้สนับสนุน-หรือลบล้าง-
เกือบทุกมุมมองทางศาสนศาสตร์และปรัชญาในอดีต1,600ปีของคริสตศาสนา

อันที่จริงแนวคิดของท่านก็ดูเหมือนจะขัดแย้งแนวคิดของผู้อื่น
เป็นต้นข้อความที่ยกมาจากDe Trinitate
ที่หยิกยกมาในช่วงต้นของบทความนี้
ก็ดูขัดแย้งกับหนังสือปฐมกาล
ที่ระบุว่าทั้งชายและหญิงต่างถูกสร้างมาตามภาพลักษณ์ของพระเจ้า

นักศาสนศาสตร์สตรีนิยมหัวรุนแรงมากมาย
มักอ้าง ข้อความใน De Trinitate
เพื่อสนับสนุนว่า นักบุญออกัสตินเป็นพวกดูถูกผู้หญิง
หากตีความอย่างเป็นกลางมากกว่านี้ ก็ตีความได้ว่า
หญิงมีส่วนร่วมในการเป็นภาพลักษณ์ของพระเจ้า ในฐานะมนุษย์ มิใช่ในฐานะผู้หญิง

คุณพ่อDoyle ตั้งข้อสังเกตว่า น้อยคนผู้สนับสนุนหรือผู้วิจารณ์ท่านนักบุญ
จะศึกษาเรื่องราวของท่านอย่างละเอียด
คุณพ่อMartin ยังคงทำงานของท่าน
ผ่านการผลงานที่สะสมทั้งหมดและประเมินผล
เป็นความรับผิดชอบทางการสอน การค้นคว้า และการเทศนาของท่าน
นี่คงต้องใช้เวลาทั้งชีวิตของท่านเพื่อจะบรรลุเป้าหมาย

นักบวชคณะออกัสติเนียนอีกท่านที่ตรวจสอบท่านนักบุญอย่างพิถีพิถัน
คือ Rev. T. J. van Bavel, O.S.A.
นักศาสนาศาสตร์และนักวิชาการ มหาวิทยาลัยLeuven ในเบลเยี่ยม
ในบทความ "มุมมองของนักบุญออกัสตินต่อผู้หญิง" (Augustine’s View on Women)
พิมพ์ในวารสาร Augustiniana เมื่อ 1989
คุณพ่อ van Bavel รวบรวมข้อมูลต่างๆไว้ต่อต้านและปกป้อง
ทัศนคติของนักบุญออกัสตินเกี่ยวกับผู้หญิงด้วยถ้อยคำของท่านนักบุญเอง

คุณพ่อvan Bavel เขียนไว้ว่า
ในงานเขียนช่วงแรกของนักบุญออกัสติน
ท่านเปรียบเทียบการที่สามีดูแลภรรยาของตน
เหมือนกับผู้ปกครองดูแลบุตร
อย่างไรก็ตาม ในจดหมายต่างๆและบทเทศน์ต่างๆของท่าน
แสดงให้เห็นว่านักบุญออกัสตินตระหนักชัดว่า ผู้หญิงฉลาดเท่ากับผู้ชาย
ผลงานทางศาสนศาสตร์ของท่านมุ่งหมายถึงทั้งชายและหญิง
จดหมาย19 ฉบับที่ท่านเขียนถึงผู้หญิง
มีการขอความช่วยเหลือผู้หญิงที่ชื่อ Fabiola ในการช่วยแก้ปัญหาที่เต็มไปด้วยอุปสรรค
และมอบสำเนาผลงานของท่านให้นาง Maxima


ตามลำดับแล้ว
ออกัสติน บุคคลแห่งปลายศตวรรษที่สี่และต้นศตวรรษที่ห้า
ได้นำหนังสือปฐมกาลมาสรุปเป็นข้อความที่หยิบยกจาก De Trinitate
ดังที่บทความข้างต้นได้อ้างถึง
โดยฤทธิ์อำนาจจากการถูกสร้างลำดับที่สอง
ผู้หญิงจึงมีกายภาพและบทบาททางสังคมอ่อนด้อยกว่าผู้ชาย
แต่ คุณพ่อ van Bavel ยังบันทึกไว้อีกว่า
นักบุญออกัสตินแยกแยะระหว่าง ความสัมพันธ์ชาย-หญิง ในช่วง
ก่อนและหลัง การตกในบาปของอดัมกับเอวา
ท่านอธิบายการแยกแยะของนักบุญออกัสตินว่า
"ก่อนที่จะตกในบาป หญิงจะโอนเอนหาชาย
แต่นี่เป็นกิจแห่งความรัก และความรักไม่เหลือที่ไว้สำหรับการครอบครอง
หากแต่เป็นภาระซึ่งกันและกัน"

การปกครองภาระหนักเป็นผลต่อเนื่องจากการตกในบาป

ในทางตรงกันข้าม นักบุญออกัสตินเชื่อว่า
ผู้หญิงมีจิตวิญญาณและจริยธรรมสูงกว่าผู้ชาย

ท่านตำหนิกฎหมายโรมันที่เลือกปฎิบัติผู้หญิงอยู่บ่อยๆ
และมุมมองของท่านต่อความรักฉันสามีภรรยาก็มุมมองที่แปลกใหม่ในโลกคริสตชน

แล้วข้อสรุปคือ?
นักบุญออกัสตินอาจถูกเข้าใจในมุมมองศตวรรษที่ยี่สิบเอ็ดว่าเป็นผู้รังเกียจสตรี
แม้ว่าผู้คนจะวิจารณ์อย่างรุนแรงจนเกินไป
ท่านก็เป็นที่ยอมรับในความลึกซึ้งในมุมมต่อผู้หญิงและบทบาทในชีวิตมากกว่าพวกเขา
ท่านควรได้รับการเปรียบเทียบอย่างเท่าเทียม ถึงความร่วมสมัยของท่าน

ท้ายสุด สำหรับคริสตศาสนา
นักบุญออกัสตินมักถูกตีความโดยนักศาสนศาสตร์ชาย
อย่างไรก็ตาม ผู้หญิงก็กำลังเขามาในแวดวงนักศาสนศาสตร์คาทอลิกมากขึ้น
การศึกษาบันทึกทั้งหมดของนักบุญออกัสตินก็เพื่อพวกเธอเอง
และนำมาซึ่งความรู้เชิงเพศหญิงที่พวกเธอได้ดำรง
นี่คือความเป็นไปได้อย่างสมบูรณ์ที่พวกเธอจะกลายเป็นข้อแก้ต่าง
แก่นักบุญออกัสตินได้แยบคายที่สุด

เชื่อมั่นว่าชายผู้นี้ ผู้ที่รักและให้คุณค่าผู้หญิงยิ่งกว่าผู้นำคริสตชนคนไหนในศาสนจักรยุคต้น
จะปลาบปลื้ม


แปลจาก: http://heritage.villanova.edu/vu/herita ... 2001SU.htm
แก้ไขล่าสุดโดย Zion เมื่อ ศุกร์ เม.ย. 13, 2012 9:27 am, แก้ไขไปแล้ว 4 ครั้ง.
ภาพประจำตัวสมาชิก
Valkyrie Zero Number
โพสต์: 2081
ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ ส.ค. 27, 2007 4:11 am

ศุกร์ มี.ค. 09, 2012 11:26 pm

จะรับฟังไว้ละกัน

ขอบคุณค่ะ
littleseal
โพสต์: 1029
ลงทะเบียนเมื่อ: อาทิตย์ มิ.ย. 13, 2010 9:53 pm

เสาร์ มี.ค. 10, 2012 11:21 am

ขอบคุณสำหรับบทความดี ๆ ให้เปิดหูเปิดต่างจากบทวิเคราะห์ค่ะ ::001::
ตอบกลับโพส