ตามหัวข้อ ลืมไปแล้วว่าต้องทำยังไง ท่องว่ายังไงบ้าง อยากได้แบบที่คนอย่างเราน่าจะทำได้น่ะ
(ขออภัยที่เรื่องมาก แต่เราในตอนนี้....... จำวิธีสื่อจิตใจไม่ได้แล้วจริง ๆ )
การอธิษฐาน ทำยังไงนะ ลืมไปแล้ว
สิ่งที่สำคัญมาก่อน บทสวด
ก็คือ "ใจความ"
อยากบอก/ถาม อะไรพระองค์ ก็บอกไปอย่างนั้น
โดยตระหนักว่าเราเป็นลูก พระองค์เป็นบิดา
ก็คือ "ใจความ"
อยากบอก/ถาม อะไรพระองค์ ก็บอกไปอย่างนั้น
โดยตระหนักว่าเราเป็นลูก พระองค์เป็นบิดา
-
- โพสต์: 286
- ลงทะเบียนเมื่อ: พุธ ต.ค. 27, 2010 8:03 pm
- ที่อยู่: ถ.ราชปรารภ แขวงมักกะสัน เขตราชเทวี กทม.
สั้นๆ ง่ายๆ
สงบกาย จิต และวิญญาณ หันสู่พระเจ้า
แล้วคุยกับพระองค์ ง่ายๆ เหมือนลูกคุยกับพ่อ
คุยได้ 24 ชั่วโมง คุยได้ทุกเรื่อง
แต่พลานุภาพของการอธิษฐานนั้นไม่เล็กเลยนะครับ
ถ้าอาชีพหมอต้องรักษาคนไข้ ช่างทํารองเท้าต้องซ่อมรองเท้า คริสตชนก็มีหน้าที่คือ อธิษฐาน
มีคนเคยเปรียบเทียบว่า ชีวิตคริสตชนจะมีพระคริสต์จําเริญขึ้นภายใน ก็เหมือนกับชีวิตคน
ต้องกิน(อ่านพระวจนะ) ต้องหายใจ(อธิษฐาน)
ยังมีผู้สูงอายุท่านหนึ่งที่ผมรู้จัก ท่านเปรียบเทียบว่า การอธิษฐานเหมือนการวางรางรถไฟ และการงานของพระเจ้าเป็นหัวรถจักรอันทรงพลัง หากเราไม่อธิษฐาน หัวรถจักรจะทรงพลังแค่ไหน แต่ก็เดินไม่ได้
แต่ถ้ามีการวางราง ไม่ว่าจะเป็นที่ใด ทุรกันดารเท่าใด การงานของพระเจ้าก็จะถึงที่นั่นได้
การอธิษฐานภาวนายังเป็นการติดต่อแบบไร้สาย connect to God via pray พระเจ้าของเรา online 24ชั่วโมงครับ แต่ธรรมชาติมนุษย์ชอบ offline ใส่พระองค์ 55+
ที่ใดมีการอธิษฐาน ที่นั่นก็จะเป็นบริเวณที่มีการทรงสถิตของพระเจ้า ก็จะมีบันไดที่ทูตสวรรค์เดินขึ้นลง
พลานุภาพต่างๆ ของพระเจ้าจะเทลงมาก็โดยการอธิษฐาน
รู้เช่นนี้ หลายๆคนก็ยังคงอธิษฐานภาวนา นานๆครั้ง
แต่สิ่งสําคัญยิ่งกว่า"อธิษฐานอย่างไร" อยู่ที่ที่หลายๆคนมักละเลยว่า การอธิษฐานเป็นการสนทนาสื่อสาร
ต้องมีผู้ส่งสาร(ตัวเรา) สื่อ(การอธิษฐานภาวนา ภายใต้พระกรุณาคุณแห่งพระบุตร) ผู้รับสาร(พระเจ้า)
และแน่นอนว่าการส่งสารต้องได้รับคําตอบ จึงเป็นการสนทนา
ปัญหาก็คือ คริสตชนส่วนใหญ่ ไม่ได้ยินเสียงพระเจ้าตรัส(ไม่ใช่พระเจ้าไม่ทรงตรัส)
อันที่จริงมีหลายตัวการที่ทําให้เราไม่ได้ยินเสียงพระเจ้า อาทิ
-ความมลทินในการดําเนินชีวิต
-พระเจ้าตรัสแล้วไม่สังเกตฟัง (พระองค์จึงยํ้านับครั้งไม่ถ้วน ว่าใครมีหูจงฟังเถิด) พระองค์อาจตรัสผ่านพระวจนะ คนรอบข้าง ฯลฯ แต่ไม่สังเกตฟัง
-หลายคนคิดว่าการตรัสมีเพียงในยุคอดีต หรือพระองค์จะตรัสกับบรรดานักบุญ บาทหลวง ผู้เชื่อที่เคร่ง บราๆๆ เท่านั้น พระองค์ไม่ลําเอียงหรอกครับ
ในพระคัมภีร์บอกไม่เหมือนกับที่คนส่วนใหญ่คิด(ไปเอง)
-ตราบใดที่เรายังเป็นแกะของพระองค์เราจะได้ยินเสียง ทั้งยังรู้จักเสียงของพระองค์(ยน 10)
-เสียงของพระองค์ไม่ได้เบาเลยนะครับ (วว 1:15)
ฯลฯ
ลองทูลขอให้ได้ยินการทรงตรัสสิครับ ไม่มีพ่อที่ไหนไม่อยากคุยกับลูกหรอกครับ
ปล.( 1ธส 5:17.)จงอธิษฐานเสมออย่าเว้น.
อิมมานูเอล
สงบกาย จิต และวิญญาณ หันสู่พระเจ้า
แล้วคุยกับพระองค์ ง่ายๆ เหมือนลูกคุยกับพ่อ
คุยได้ 24 ชั่วโมง คุยได้ทุกเรื่อง
แต่พลานุภาพของการอธิษฐานนั้นไม่เล็กเลยนะครับ
ถ้าอาชีพหมอต้องรักษาคนไข้ ช่างทํารองเท้าต้องซ่อมรองเท้า คริสตชนก็มีหน้าที่คือ อธิษฐาน
มีคนเคยเปรียบเทียบว่า ชีวิตคริสตชนจะมีพระคริสต์จําเริญขึ้นภายใน ก็เหมือนกับชีวิตคน
ต้องกิน(อ่านพระวจนะ) ต้องหายใจ(อธิษฐาน)
ยังมีผู้สูงอายุท่านหนึ่งที่ผมรู้จัก ท่านเปรียบเทียบว่า การอธิษฐานเหมือนการวางรางรถไฟ และการงานของพระเจ้าเป็นหัวรถจักรอันทรงพลัง หากเราไม่อธิษฐาน หัวรถจักรจะทรงพลังแค่ไหน แต่ก็เดินไม่ได้
แต่ถ้ามีการวางราง ไม่ว่าจะเป็นที่ใด ทุรกันดารเท่าใด การงานของพระเจ้าก็จะถึงที่นั่นได้
การอธิษฐานภาวนายังเป็นการติดต่อแบบไร้สาย connect to God via pray พระเจ้าของเรา online 24ชั่วโมงครับ แต่ธรรมชาติมนุษย์ชอบ offline ใส่พระองค์ 55+
ที่ใดมีการอธิษฐาน ที่นั่นก็จะเป็นบริเวณที่มีการทรงสถิตของพระเจ้า ก็จะมีบันไดที่ทูตสวรรค์เดินขึ้นลง
พลานุภาพต่างๆ ของพระเจ้าจะเทลงมาก็โดยการอธิษฐาน
รู้เช่นนี้ หลายๆคนก็ยังคงอธิษฐานภาวนา นานๆครั้ง
แต่สิ่งสําคัญยิ่งกว่า"อธิษฐานอย่างไร" อยู่ที่ที่หลายๆคนมักละเลยว่า การอธิษฐานเป็นการสนทนาสื่อสาร
ต้องมีผู้ส่งสาร(ตัวเรา) สื่อ(การอธิษฐานภาวนา ภายใต้พระกรุณาคุณแห่งพระบุตร) ผู้รับสาร(พระเจ้า)
และแน่นอนว่าการส่งสารต้องได้รับคําตอบ จึงเป็นการสนทนา
ปัญหาก็คือ คริสตชนส่วนใหญ่ ไม่ได้ยินเสียงพระเจ้าตรัส(ไม่ใช่พระเจ้าไม่ทรงตรัส)
อันที่จริงมีหลายตัวการที่ทําให้เราไม่ได้ยินเสียงพระเจ้า อาทิ
-ความมลทินในการดําเนินชีวิต
-พระเจ้าตรัสแล้วไม่สังเกตฟัง (พระองค์จึงยํ้านับครั้งไม่ถ้วน ว่าใครมีหูจงฟังเถิด) พระองค์อาจตรัสผ่านพระวจนะ คนรอบข้าง ฯลฯ แต่ไม่สังเกตฟัง
-หลายคนคิดว่าการตรัสมีเพียงในยุคอดีต หรือพระองค์จะตรัสกับบรรดานักบุญ บาทหลวง ผู้เชื่อที่เคร่ง บราๆๆ เท่านั้น พระองค์ไม่ลําเอียงหรอกครับ
ในพระคัมภีร์บอกไม่เหมือนกับที่คนส่วนใหญ่คิด(ไปเอง)
-ตราบใดที่เรายังเป็นแกะของพระองค์เราจะได้ยินเสียง ทั้งยังรู้จักเสียงของพระองค์(ยน 10)
-เสียงของพระองค์ไม่ได้เบาเลยนะครับ (วว 1:15)
ฯลฯ
ลองทูลขอให้ได้ยินการทรงตรัสสิครับ ไม่มีพ่อที่ไหนไม่อยากคุยกับลูกหรอกครับ
ปล.( 1ธส 5:17.)จงอธิษฐานเสมออย่าเว้น.
อิมมานูเอล
-
- โพสต์: 1413
- ลงทะเบียนเมื่อ: อังคาร ก.ย. 02, 2008 11:18 am
- ที่อยู่: ต.กรอกสมบูรณ์ อ.ศรีมหาโพธิ จ.ปราจีนบุรี
ข้าแต่พระเยซูเจ้า ลูกน้อมถวายนิสัยขี้ลืมของลูกแด่พระองค์ รวมทั้งความอ่อนแอทั้งหมดที่ลูกมี และทุกสิ่งที่ลูกเป็น โปรดเปลี่ยนแปลงตัวลูกให้เป็นที่พอพระทัยของพระองค์เถิด ให้ลูกมีชีวิตเพื่อพระองค์เท่านั้นและตลอดไป อาแมน
สวดเลย ตอนนี้แหละค่ะ ไม่ต้องมีพิธีรีตรองสื่อจิตใจอะไรให้ยุ่งยาก บอกพระองค์ง่ายๆ ซื่อๆ ตรงๆ เป็นตัวของตัวเองอย่างที่เราเป็น ไม่ต้องกังวลอะไร เพราะพระองค์เห็นตัวตนที่แท้จริงของเราเสมอ เห็นแม้ในมุมลึกที่สุดแห่งวิญญาณของเรา
โชคดีนะจ๊ะ คนดี
สวดเลย ตอนนี้แหละค่ะ ไม่ต้องมีพิธีรีตรองสื่อจิตใจอะไรให้ยุ่งยาก บอกพระองค์ง่ายๆ ซื่อๆ ตรงๆ เป็นตัวของตัวเองอย่างที่เราเป็น ไม่ต้องกังวลอะไร เพราะพระองค์เห็นตัวตนที่แท้จริงของเราเสมอ เห็นแม้ในมุมลึกที่สุดแห่งวิญญาณของเรา
โชคดีนะจ๊ะ คนดี
- Valkyrie Zero Number
- โพสต์: 2081
- ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ ส.ค. 27, 2007 4:11 am
T T
ขอบคุณค่ะ..... ที่จริงเราก็อาจจะไม่ได้ลืมหรอก แค่ไม่กล้าที่จะทำเท่านั้นก็ได้.......
ทำไมเราอ่อนแออย่างนี้นะ.....
ขอบคุณค่ะ..... ที่จริงเราก็อาจจะไม่ได้ลืมหรอก แค่ไม่กล้าที่จะทำเท่านั้นก็ได้.......
ทำไมเราอ่อนแออย่างนี้นะ.....
ไม่เป็นไรค่ะ *ตบบ่า*
เราก็เป็น เกือบ 3 ปีแล้ว ที่ขอสิ่งประทานจากพระไม่ได้ ขอความช่วยเหลือก็ไม่เคยได้ ทั้งโกรธทั้งงอน บอกว่า "ถ้าไม่ได้ครั้งนี้ หนูจะเลิกรักพ่อแล้ว!!!" พูดมันเกือบทุกวัน แต่ก็ขอเกือบทุกวัน สรุปคือ เลิกรักท่านไม่ได้ แฮ่ๆๆๆ
ที่คุณเป็นแบบนี้ ไม่แปลกหรอก เชื่อว่าหลายคนก็เคยเป็น อาจเป็นมากกว่าอีก คุณเองหลายครั้งที่สับสน ไม่เข้าใจ ซึ่งตอนนี้เราก็เป็น ทำไมๆๆๆๆๆๆๆๆๆ เราไม่สามารถสัมผัสได้เท่าคนอื่น ทำไมถึงขอแล้วไม่ได้เหมือนคนอื่น ถ้างั้นจะสนใจพระไปทำไม ...... แต่สุดท้ายคุณก็ไม่เลิก ก็ยังมีคำถามมาถามเรื่อยๆ เกรียนอยู่เรื่อยๆ ซึ่งเราก็เป็น(อีกเช่นกัน) แต่นั่นไม่ใช่เพราะพระเลือกเราแล้วหรอ เลือกให้เป็นลูกของท่าน ต่อให้เบื่อพ่อยังไง พ่อขัดใจยังไง ก็กลับมาหาท่านอยู่ดีถึงจะนอยด์ท่านก็เถอะ ท่านอาจเลืกทางนี้ให้ก็ได้ "เบื่อพ่อบ่อยๆนะลูก บ่นพ่อก็ได้ ลูกจะได้ไม่ลืมพ่อ" เพื่อให้เราไม่ละทิ้งท่านจากหัวใจป่วงๆของเราไง
ไม่ได้เม้นซะนาน มาซะยาวเลย แต่เข้าบอร์ดทุกวันเด้อค่า
เราก็เป็น เกือบ 3 ปีแล้ว ที่ขอสิ่งประทานจากพระไม่ได้ ขอความช่วยเหลือก็ไม่เคยได้ ทั้งโกรธทั้งงอน บอกว่า "ถ้าไม่ได้ครั้งนี้ หนูจะเลิกรักพ่อแล้ว!!!" พูดมันเกือบทุกวัน แต่ก็ขอเกือบทุกวัน สรุปคือ เลิกรักท่านไม่ได้ แฮ่ๆๆๆ
ที่คุณเป็นแบบนี้ ไม่แปลกหรอก เชื่อว่าหลายคนก็เคยเป็น อาจเป็นมากกว่าอีก คุณเองหลายครั้งที่สับสน ไม่เข้าใจ ซึ่งตอนนี้เราก็เป็น ทำไมๆๆๆๆๆๆๆๆๆ เราไม่สามารถสัมผัสได้เท่าคนอื่น ทำไมถึงขอแล้วไม่ได้เหมือนคนอื่น ถ้างั้นจะสนใจพระไปทำไม ...... แต่สุดท้ายคุณก็ไม่เลิก ก็ยังมีคำถามมาถามเรื่อยๆ เกรียนอยู่เรื่อยๆ ซึ่งเราก็เป็น(อีกเช่นกัน) แต่นั่นไม่ใช่เพราะพระเลือกเราแล้วหรอ เลือกให้เป็นลูกของท่าน ต่อให้เบื่อพ่อยังไง พ่อขัดใจยังไง ก็กลับมาหาท่านอยู่ดีถึงจะนอยด์ท่านก็เถอะ ท่านอาจเลืกทางนี้ให้ก็ได้ "เบื่อพ่อบ่อยๆนะลูก บ่นพ่อก็ได้ ลูกจะได้ไม่ลืมพ่อ" เพื่อให้เราไม่ละทิ้งท่านจากหัวใจป่วงๆของเราไง
ไม่ได้เม้นซะนาน มาซะยาวเลย แต่เข้าบอร์ดทุกวันเด้อค่า
แก้ไขล่าสุดโดย weewie เมื่อ ศุกร์ เม.ย. 20, 2012 12:42 am, แก้ไขไปแล้ว 1 ครั้ง.
-
- โพสต์: 1029
- ลงทะเบียนเมื่อ: อาทิตย์ มิ.ย. 13, 2010 9:53 pm
เห็นด้วยกับคุณ weewie ยิ่งเวลาผ่านไปยิ่งเจอคำถาม "ทำไม ๆๆๆ"
และยิ่งถามเท่าไรก็ยิ่งรักพระองค์มากขึ้น (หลายครั้งปากกับความคิดปฏิเสธไม่น้อย)
ไม่ต้องอธิษฐานแค่พูด (แล้วเราได้ยินคนเดียว) เถอะค่ะ
และยิ่งถามเท่าไรก็ยิ่งรักพระองค์มากขึ้น (หลายครั้งปากกับความคิดปฏิเสธไม่น้อย)
ไม่ต้องอธิษฐานแค่พูด (แล้วเราได้ยินคนเดียว) เถอะค่ะ
ไม่ว่าผมภาวนาขออะไรพระเจ้าแล้วไม่ได้ ผมก็จะรุู้เลยว่า ผมไม่สมควรจะได้ หรือยังไม่ถึงเวลาที่จะได้ พระเจ้ายิ่งใหญ่มีแผนการของพระองค์อยู๋เสมอ
----------------------------------
อธิษฐานยังไง ผมตอบไม่ได้ แต่ที่ผมทำอยู่เสมอคือ
คุกเข่า (ในที่ที่คุกเข่าได้) หรือ นั่งลง หรือ ยืนเฉย สำคัญมหากางเขนก่อน แล้วหลับตา สงบใจ มีสมาธิ
กุมมือหรือพนมมือ หรือจับมือกัน (ถ้ามีหลายคน) เหล่านี้ช่วยผมให้มีสมาธิเวลาอธิษฐานภาวนา
มากขึ้นครับ แล้วก็สิ่งแรกเลยผมอยากจะพูดอะไรกับพระเจ้า ผมพูดมาเลยจากใจ บลาๆๆๆๆๆ
หลังจากนั้นจึงสรรเสริญและขอบคุณพระองค์ และจึงตามด้วยการสวดบทภาวนาหลัก
ข้าแต่พระบิดา วันทามารีอา สิริพึงมี แล้ว สำคัญมหากางเขน
จบน่ะครับที่ผมทำ
----------------------------------
อธิษฐานยังไง ผมตอบไม่ได้ แต่ที่ผมทำอยู่เสมอคือ
คุกเข่า (ในที่ที่คุกเข่าได้) หรือ นั่งลง หรือ ยืนเฉย สำคัญมหากางเขนก่อน แล้วหลับตา สงบใจ มีสมาธิ
กุมมือหรือพนมมือ หรือจับมือกัน (ถ้ามีหลายคน) เหล่านี้ช่วยผมให้มีสมาธิเวลาอธิษฐานภาวนา
มากขึ้นครับ แล้วก็สิ่งแรกเลยผมอยากจะพูดอะไรกับพระเจ้า ผมพูดมาเลยจากใจ บลาๆๆๆๆๆ
หลังจากนั้นจึงสรรเสริญและขอบคุณพระองค์ และจึงตามด้วยการสวดบทภาวนาหลัก
ข้าแต่พระบิดา วันทามารีอา สิริพึงมี แล้ว สำคัญมหากางเขน
จบน่ะครับที่ผมทำ