อาจยาวซักหน่อย แต่น่าสนใจครับ ลองอ่านดู ^^

ถาม-ตอบพระคัมภีร์ เรื่องเสริมศรัทธา ความรู้ และสาระ บทความ ในคริสตศาสนา
ตอบกลับโพส
aqua-alta
โพสต์: 286
ลงทะเบียนเมื่อ: พุธ ต.ค. 27, 2010 8:03 pm
ที่อยู่: ถ.ราชปรารภ แขวงมักกะสัน เขตราชเทวี กทม.

เสาร์ พ.ค. 26, 2012 10:58 am

อาจยาวซักหน่อย แต่น่าสนใจครับ ลองอ่านดู ^^
แปล Epic Conversation(ชื่อชั่วคราว) เครดิต Mr. Nice Guy

ศาสตราจารย์ : นักเรียน เธอเป็นคริสเตียนใช่ไหม ?

นักเรียน : ใช่ครับ

ศาสตราจารย์ : ถ้าอย่างนั้น เธอก็เชื่อในพระเจ้า ใช่ไหม?

นักเรียน : แน่นอนที่สุดครับ

ศาสตราจารย์ : พระองค์ดีไหม?

นักเรียน : แน่นอนครับ

ศาสตราจารย์ : พระองค์มีพลังอำนาจใช่ไหม?

นักเรียน : ใช่ครับ

ศาสตราจารย์ : แต่พี่ชายของครูเป็นโรคมะเร็งตาย ทั้งๆ ที่เขาภาวนาต่อพระเจ้าให้เขาหายจากโรคร้าย คนเราแทบทุกคนพยายามช่วยเหลือผู้อื่นที่เจ็บไข้ แต่พระเจ้า ไม่ทำสิ่งใดเลย แล้วทีนี้จะบอกว่าพระองค์ดีได้อย่างไร? หืมม์?

(นักเรียนเงียบ)

ศาสตราจารย์ : เธอตอบไม่ได้ ใช่ไหม? ทีนี้ถามอีกครั้ง เด็กน้อย พระเจ้าดีไหม?

นักเรียน : ครับ

ศาสตราจารย์ : แล้วซาตานนี่ดีไหม?

นักเรียน : ไม่ครับ

ศาสตราจารย์ : แล้วถามว่าซาตานมาจากไหนล่ะ?

นักเรียน : มาจาก … พระเจ้าครับ

ศาสตราจารย์ : ถูกต้อง ทีนี้บอกครูสิ ในโลกนี้มีความชั่วร้ายอยู่ไหม?

นักเรียน : มีครับ

ศาสตราจารย์ : ความชั่วร้ายมีอยู่ทุกๆที่ จริงไหม? และพระเจ้าทรงสร้างทุกสรรพสิ่ง ถูกต้องไหม?

นักเรียน : ครับ

ศาสตราจารย์ : แล้ว ใครกันล่ะที่สร้างความชั่วร้าย

(นักเรียนไม่มีคำตอบ)

ศาสตราจารย์ : วิทยาศาสตร์กล่าวว่า เธอมีสัมผัสทั้งห้า เพื่อจำแนกและสังเกตสิ่งรอบๆตัวเธอ บอกครูหน่อยสิ ว่าเธอเคยเห็นพระเจ้าไหม?

นักเรียน : ไม่เคยครับ

ศาสตราจารย์ : บอกกับทุกๆคนหน่อยสิ ว่าเธอเคยได้ยินเสียงของพระองค์ไหม?

นักเรียน : ไม่เคยครับ

ศาสตราจารย์ : เธอเคยรู้สึก รับรส หรือได้กลิ่นของพระเจ้าของเธอไหม? เธอเคยรับรู้อะไรสักอย่างกับพระเจ้าจากสัมผัสพวกนี้ไหม?

นักเรียน : ไม่ครับ ผมเกรงว่าผมไม่เคย

ศาสตราจารย์ : แล้วเธอยังเชื่อในพระเจ้าอยู่อีกหรือ?

นักเรียน : ครับ

ศาสตราจารย์ : จากประสบการณ์ต่างๆ การทดลอง และการพิสูจน์ทั้งหลายทั้งปวงทางวิทยาศาสตร์ บ่งชี้ว่า พระเจ้าที่เธอนับถือไม่ได้มีอยู่จริง เธอมีคำอธิบายอย่างไร นักเรียน?

นักเรียน : ไม่มีครับ ผมมีแค่ความเชื่อเท่านั้น

ศาสตราจารย์ : อ้อ ใช่ ความเชื่อ นั่นแหละเป็นปัญหาที่วิทยาศาสตร์ต้องประสบ (ความเชื่อของมนุษย์)

นักเรียน : ศาสตราจารย์ครับ ในโลกนี้มีสิ่งที่เรียกว่า ความร้อน ไหมครับ?

ศาสตราจารย์ : มีสิ

นักเรียน : แล้วในโลกนี้มีสิ่งที่เรียกว่า ความเย็น ไหมครับ

ศาสตราจารย์ : มีสิ

นักเรียน : ไม่ครับ มันไม่มีความเย็น

(ในห้องเรียนเริ่มเงียบ กับคำตอบนี้)

นักเรียน : ศาสตราจารย์ครับ ศาสตราจารย์อาจมีความร้อนมาก ,ร้อนมากๆ ,ร้อนสุดๆ ,อภิมหาร้อน, ร้อนเล็กน้อย ร้อนน้อยมาก หรือไม่ร้อนเลย แต่เราไม่มีอะไรในโลกที่เรียกว่า ความเย็น ครับ เราสามารถให้อุณหภูมิลงไปต่ำสุดถึง ติดลบ 458 องศา ซึ่ง ณ จุดนั้นไม่มีความร้อนหลงเหลืออยู่ แต่เราไม่ทำให้อุณหภูมิต่ำลงไปกว่านั้นได้ มันไม่มีอะไรที่เรียกว่า ความเย็น ครับ ความเย็นเป็นเพียงคำที่เราใช้เป็นตัวแทนของคำว่า ไม่มีความร้อน เราไม่สามารถวัดความเย็นได้ เพราะความร้อนเป็นพลังงาน ความเย็นเป็นสิ่งที่ตรงข้ามกับความร้อน และมันก็เป็นแค่ ตัวแทนของการไม่มีความร้อนเฉยๆครับ

(ห้องเรียนตกอยู่ในความเงียบสงัด)

นักเรียน : แล้วความมืดล่ะครับ ศาสตราจารย์? ในโลกนี้มีอะไรที่เรียกว่า ความมืด ไหมครับ?

ศาสตราจารย์ : แน่นอน ถ้าไม่มีความมืด จะมีกลางคืนได้อย่างไร?

นักเรียน : ศาสตราจารย์คิดผิดแล้วครับ ความมืดเป็นเพียงตัวแทนของการไม่มีแสง ศาสตราจารย์ อาจมีแสงสว่างน้อย แสงสว่างปกติ แสงสว่างมาก แสงสว่างสุดๆ แต่เมื่อศาสตราจารย์ไม่มีแสงเลย ศาสตราจารย์ก็ไม่มีอะไรเลย เลยเรียกสิ่งที่ไม่มีแสงว่า ความมืด ใช่ไหมครับ? ซึ่งในความเป็นจริงแล้ว ความมืดนั้นไม่มีอยู่จริง ต่อให้มันมีอยู่จริง ศาสตราจารย์จะทำให้ความมืด มืดกว่าเดิมได้ไหมครับ?

ศาสตราจารย์ : แล้วประเด็นที่เธอกล่าวมานี้ มันคืออะไรกันล่ะ เด็กน้อย?

นักเรียน : ศาสตราจารย์ครับ ประเด็นของผมก็คือ สมมติฐานอิงปรัชญาของศาสตราจารย์มันมีจุดบอดครับ

ศาสตราจารย์ : จุดบอดรึ? ลองอธิบายมาหน่อยสิ?

นักเรียน : ครับ ศาสตราจารย์กำลังจดจ่อในสมมติฐานสองสิ่งตรงข้ามกันอยู่ครับ ศาสตราจารย์ กำลังโต้เถียงว่ามันมีทั้งชีวิต และความตาย, พระเจ้าที่ดี และพระเจ้าที่ไม่ดี ศาตราจารย์กำลังยึดติดในมุมมองกับพระเจ้าในมุมที่จำกัด ยึดติดในสิ่งที่เราสามารถวัดค่ามันได้ ศาสตราจารย์ครับ วิทยาศาสตร์ ไม่แม้แต่จะอธิบายความคิดของคนเราได้ด้วยซ้ำ เรารู้ว่ามันใช้กระแสไฟฟ้า สนามแม่เหล็ก แต่เราไม่เคยเห็นมันด้วยซ้ำ หรือแม้แต่จะเข้าในกระแสไฟฟ้าหรือสนามแม่เหล็กจริงๆสักอย่าง ในมุมมองที่มองความตายตรงข้ามกับชีวิตกลายเป็นสิ่งที่ทำให้ศาสตราจารย์ปฏิเสธความเป็นจริงว่าความจริงนั้นแท้จริงแล้วมันไม่มีตัวตน

ความตายไม่ได้เป็นสิ่งที่ตรงข้ามกับชีวิต ; แต่เป็นเพียงคำที่แสดงสภาพที่ไม่มีชีวิตต่างหาก ทีนี้บอกผมหน่อยสิครับ ศาสตราจารย์ อาจารย์กำลังสอนนักเรียนที่มีวิวัฒนาการมาจากลิง ใช่ไหมครับ?

ศาสตราจารย์ : ถ้าเธออ้างอิงจาก กระบวนการวิวัฒนาการของธรรมชาติละก็ ใช่ ครูสอนแน่นอน

นักเรียน : ศาสตราจารย์เห็นการวิวัฒนาการนั้นมาด้วยตาของศาสตราจารย์เองไหมครับ?

(ศาสตราจารย์พยักหน้าแล้วยิ้ม แล้วกำลังนึกถึงว่าการโต้เถียงนี้ไปถึงไหนแล้ว)

นักเรียน : เพราะว่าไม่มีใครเคยเห็นกระบวนการวิวัฒนาการตอนที่มันเกิดขึ้นด้วยตาของเขาเอง และไม่แม้แต่จะมีใครพิสูจน์กระบวนการนี้ใช้เวลายาวนานเลยสักคน ศาสตราจารย์ไม่ได้กำลังสอนสิ่งที่ตัวเองคิดใช่ไหมครับ? ศาสตราจารย์ไม่ใช่นักวิทยาศาสตร์ แต่เป็นนักปราชญ์หรือครับ?

(ห้องเรียนเริ่มเกิดเสียงเอะอะขึ้น)

นักเรียน : มีใครในห้องนี้เคยเห็นสมองของศาสตราจารย์ไหมครับ?

(นักเรียนในห้องเริ่มหัวเราะออกมาดังลั่น)

นักเรียน : มีใครในห้องนี้ไหมครับ ที่เคยได้ยินเสียงของสมองของศาสตราจารย์ รู้สึก สัมผัส หรือได้กลิ่นสมองของศาสตราจารย์? แน่ล่ะ ไม่มีใครเคยหรอก ดังนั้น จากข้อสรุปต่างๆ จากประสบการณ์ การทดลองและการพิสูจน์ ทางวิทยาศาสตร์ก็จะกล่าวว่า ศาสตราจารย์ ไม่มีสมองครับ ศาสตราจารย์ ด้วยความเคารพครับศาสตราจารย์ เราจะเชื่อถือการสอนของศาสตราจารย์ได้อย่างไรครับ?

ศาสตราจารย์ : ครูคิดว่าเธอต้องมีความเชื่อในตัวครูนะ นักเรียน

นักเรียน : นั่นไงครับศาสตราจารย์ .. ใช่ที่สุดครับ สิ่งที่เชื่อมโยงระหว่างมนุษย์กับพระเจ้าคือความเชื่อ ความศรัทธา นั่นคือสิ่งที่ทำให้สิ่งต่างๆ มีอยู่จริง และดำเนินต่อไปครับ

นักเรียนผู้นั้นคือไอน์สไตน์
sdjakapong
โพสต์: 164
ลงทะเบียนเมื่อ: เสาร์ ก.ย. 24, 2011 2:17 pm

เสาร์ พ.ค. 26, 2012 7:22 pm

บทความนี้ไม่น่าเชื่อถือครับ แนะนำอย่าเอาไปโพสที่อื่นเดี๋ยวนะครับจะเป็นผลเสียแก่ผู้โพสเอง แจ้งให้ทราบไว้ครับ

ปล.คุณต้องสังเกตให้เห็นถึงจุดผิดสังเกตของบทความครับ มันอยู่ข้อแรกเลยเห็นไหมครับ?

ศาสตราจารย์ : นักเรียน เธอเป็นคริสเตียนใช่ไหม ?
นักเรียน : ใช่ครับ


แล้วมาตบท้ายสุดว่า

นักเรียนผู้นั้นคือไอน์สไตน์

มันจะเป็นไปได้ไงครับในเมื่อเราก็รู้กันอยู่แล้วว่า ไอน์สไตน์ เป็นยิว ไม่ใช่ คริสเตียน

อ่านจบก็รู้เลยครับว่าเมคขึ้นมา มันมีอยู่เยอะแยะครับก็ระวังหน่อยครับ บางคนอาจจะหลอกแต่งบทความให้ชาวคริสต์ดีใจแต่ลึกๆอาจอยากทำให้เราหน้าแตกภายหลังก็ได้ ระวังกับดักแบบนี้กันหน่อยนะพวกนี้มีเยอะซะด้วย :s024:
In the name of father
โพสต์: 719
ลงทะเบียนเมื่อ: อังคาร ม.ค. 08, 2008 5:47 am
ที่อยู่: กาญจนบุรี

เสาร์ พ.ค. 26, 2012 8:12 pm

อันนี้ผมก็เคยอ่านมาหลายครั้งแล้วครับ

ตัวบทความให้แนวคิดค่อนข้างดี(ไม่มีสิ่งที่เรียกว่า "ความชั่ว" มีแต่ "สภาวะที่ขาดความดี/ขาดพระเจ้า")

แต่เรื่องที่อ้างว่าไอสไตน์เป็นผู้พูดนี่รู้สึกว่าจะFakeนะครับ ถ้าเอาไปเผยแพร่ต่อจะทำให้บทความไม่น่าเชื่อถือตรงจุดนี้
aqua-alta
โพสต์: 286
ลงทะเบียนเมื่อ: พุธ ต.ค. 27, 2010 8:03 pm
ที่อยู่: ถ.ราชปรารภ แขวงมักกะสัน เขตราชเทวี กทม.

เสาร์ พ.ค. 26, 2012 10:43 pm

ต้องขอโทษด้วยครับ พอดีไปเจอในเฟสบุ๊คเพื่อน อ่านแล้วน่าสนใจอย่างชื่อบทความที่เค้าโพส
เลยรีบเอามาแบ่งปัน โดยไม่ได้สังเกตจุดดังกล่าง :s002:

แต่อย่างไรก็ดีผมหรือใครก็ตาม ก็คงมิอาจสรุปว่า ไอสไตน์เป็นคนศาสนายูดาย(โดยชาติกำเนิด) ,คริสต์(เพราะคลุกคลีอยู่กับชาวคริสต์ ในแดนของชาวคริสต์ หลายสิบปีจนเสียชีวิต) หรือ พุทธ (อย่างที่ชาวพุทธหลายคนอ้างกัน เพียงเพราะ ไอสไตน์ ท่านกล่าวข้อเท็จจริงทางวิทยาศาสตร์บางประการ ตรงกับพระธรรมที่พระพุทธเจ้าสอน)*** ได้อย่างเต็มปาก เราก็เพียงแต่รู้ว่าไอสไตน์เป็นชนชาติยิวโดยสายโลหิต แต่นั่นไม่ใช่ประเด็น

เพราะอย่างไรก็ดี บทความจากหนังสือหลายๆเล่ม เราก็สามารถพูดได้ว่า ไม่ว่าไอสไตน์จะนับถืออะไร เขาไม่ได้ปฏิเสธความมีอยู่จริงของพระเจ้า ยิ่งถ้าเป็นชาวยิวแล้ว ยิ่งไม่มีทางปฏิเสธการดำรงอยู่ของพระเจ้าได้เลย ขออนุญาตยงบทความสักบทมาให้ดูกันนะครับ อาทิ

"เดนนิส ฟิชเชอร์กล่าวถึงเคยมีคนถามนักฟิสิกส์ผู้ยิ่งใหญ่คนนี้ว่า “ท่านเชื่อในพระเจ้าหรือไม่?” ไอน์สไตน์ตอบว่า “คนเราก็เป็นเหมือนเด็กเล็กๆที่เดินเข้าไปในห้องสมุดที่มีหนังสือภาษาต่างๆมากมาย เด็กเหล่านี้รู้ว่า หนังสือเหล่านี้ไม่ได้เกิดขึ้นเอง แต่จะต้องมีคนเขียนขึ้นมา ผมคิดว่าแม้แต่มนุษย์ที่ฉลาดที่สุดก็มีทัศนะคติต่อพระเจ้าแบบนี้ เราได้เห็นว่าทุกสิ่งในจักรวาลถูกวางแบบแผนไว้อย่างน่าอัศจรรย์ และดำเนินไปตามกฎเกณฑ์บางอย่าง แต่เราก็เข้าใจกฎเหล่านี้อย่างเลือนราง”(หนังสือ Our Daily Bread
ฉบับเดือนกันยายน โดย เดนนิส ฟิชเชอร์)

***คุณลองไปถามชาวพุทธดูสิครับ ว่า พระรัตนตรัย อะไรเกิดก่อนสุด? ผมเชื่อว่า เกิน 50% จะต้องตอบว่าพระพุทธ แต่ใครศึกษาพุทธศาสนาลึกซึ้งหน่อย ก็จะทราบว่าแท้ที่จริง พระธรรม มีมาตั้งแต่อดีตกาล ก่อนพระพุทธเจ้าองค์ใด พระธรรมนั้นดำรงอยู่แล้ว
พระธรรมที่พระพุทธเจ้าสอนนั้น แท้ที่จริงก็คือ กฎธรรมชาติ วัฏฏต่างๆ เพียงแต่ พระพุทธเจ้า ได้นำมาเรียบเรียงเป็นหมวดหมู่และอธิบายอย่างมีระบบ ฉนั้น ไม่ต้องแปลกใจเลยครับ ถ้าฟิสิกส์กับพุทธศาสนาจะกล่าวบางอย่างตรงกัน เนื่องจากฟิสิกส์ก็คือวิชาที่ศึกษาหาคำอธิบายปรากฎการณ์ธรรมชาติทางกายภาพ เช่นกัน

แต่มากยิ่งไปกว่านั้น พระเจ้าพระบิดาคือผู้กำหนด กฏธรรมชาติและวัฏฏต่างๆโดยพระองค์เองตั้งแต่ก่อนวางรากสร้างโลก น่าเสียดาย ที่ละเลยที่จะถวายสักการะแด่พระผู้สร้าง(Creator) กลับมัวแต่ไปอธิบายเพียงสิ่งทรงสร้างของพระองค์(creation)


ปล.อิมมานูเอล
ภาพประจำตัวสมาชิก
Cherval
โพสต์: 566
ลงทะเบียนเมื่อ: อาทิตย์ ม.ค. 30, 2011 7:17 pm
ที่อยู่: เชียงราย

อาทิตย์ พ.ค. 27, 2012 10:36 am

ไอน์สไตน์เป็นชาวยิว แต่ไม่จำเป็นว่าจะเชื่อแบบยิวเสมอไปนะครับ

แล้วถ้าจะมีใครบอกว่า ไอน์สไตน์นับถือศาสนาวิทยาศาสตร์

มันก็คงเป็นไปไม่ได้ เพราะหากมีนักวิทยาศาสตร์เป็นศาสดา

และนับถือธรรมชาติแล้ว ปัจจุบัน ก็มีนักวิทย์ฯรุ่นใหม่มากมาย

ที่คอยมาหักล้างทฤษฎีของท่านศาสดานั้น เยอะแยะไป
science without religion is lame, religion without science is blind.

วิทยาศาสตร์ที่ไม่มีศาสนาคือความเสื่อม, ศาสนาที่ไร้วิทยาศาสตร์คือความงมงาย
มีคนกล่าวแบบนี้ ไว้

วิทยาศาสตร์ (Science) มาจากภาษาลาตินว่า “Scientia” แปลว่า “ความรู้ทั่วไป”

และยังมีคำนิยามมากมาย ที่เหล่าบรรดานักวิทยาศาสตร์ ให้นิยามไว้

แต่โดยมากมีคำว่า "ความรู้"

- องค์ความรู้ที่มีระบบและจัดไว้อย่างเป็นระเบียบแบบแผน

- ความรู้ของธรรมชาติที่ค้นพบกับส่วนที่เป็นวิธีการเฉพาะที่ใช้ในการสืบเสาะหาความรู้นั้นมา

- ฯลฯ

ซึ่งเราก็หนีไม่พ้นเลยว่า องค์ความรู้เกี่ยวกับสิ่งต่างๆเหล่านี้มันมีระบบ ระเบียบแบบแผน

ซึ่งต้องมีผู้ดูแลและควบคุมมันนั่นคือ "พระเจ้า"

------------------------------------

"พระคัมภีร์และธรรมชาติ ต่างเป็นผลโดยตรงจากพระดำรัสของพระเจ้า" "พระ

คัมภีร์เกิดขึ้นเพราะการดลใจจากองค์พระจิตเจ้า และธรรมชาติเกิดขึ้นจากการเชื่อฟังคำตรัสสั่งของ

พระองค์" เช่นในหนังสือปฐมกาลตอนหนึ่ง บันทึกว่า


"14 พระเจ้าตรัสว่า 'จงมีดวงสว่างบนฟ้า เพื่อแยกวันออกจากคืน ให้ดวงสว่างเป็น

หมายกำหนดฤดู วัน ปี 15 และให้เป็นดวงสว่างบนฟ้า เพื่อส่องสว่างบนแผ่นดิน' ก็เป็นดังนั้น"

(ปฐมกาล 1:14-15)

กาลิเลโอ
----------------------------------------------------

"พระเจ้าทรงดีมาก ทรงสร้างจักรวาล ไว้อย่างเป็นระเบียบเพื่อพวกเรา"
นิโคลัส โคเปอร์นิคัส
sdjakapong
โพสต์: 164
ลงทะเบียนเมื่อ: เสาร์ ก.ย. 24, 2011 2:17 pm

อาทิตย์ พ.ค. 27, 2012 12:08 pm

ผมว่าศาสนาคริสต์ที่พวกเรานับถือนั้นดีอยู่แล้วครับ ไม่จำเป็นต้องอาศัยคนเด่นคนดังมาเป็นตัวช่วยเหมือนศาสนาอื่นๆที่กำลังทำอยู่ เราเพียงทำหน้าที่ของเราให้ดีที่สุดก็เท่านั้นครับ :s024:

ศาสนาที่ดีไม่ใช่ดูที่ว่ามีคนเด่นคนดังนับถือเยอะ แต่เขาดูกันที่อย่างอื่นมากกว่า เดี๋ยวนี้มีค่านิยมแปลกๆที่ชี้นำให้มองว่า ศาสนาที่มีคนเด่นคนดังนับถือเยอะคือศาสนาที่ดี เราอย่าไปตามเขาดีกว่าครับ
aqua-alta
โพสต์: 286
ลงทะเบียนเมื่อ: พุธ ต.ค. 27, 2010 8:03 pm
ที่อยู่: ถ.ราชปรารภ แขวงมักกะสัน เขตราชเทวี กทม.

อาทิตย์ พ.ค. 27, 2012 4:13 pm

ที่โพส ผมก็มิได้มีจุดประสงค์ดังกล่าวอยู่แล้วครับ
ไม่อย่างนั้นผมคงยกเป็นเอกสารบทเทศน์ของเซอร์ ไอแซค นิวตัน หรือของนักวิทยาศาสตร์คนอื่นๆมากมายหลายคนที่เป็นคริสต์อย่างเด่นชัด ไม่คลุมเครือ

ผมเพียงมองว่ามันน่าสนใจ เวลาประสบเหตุการณ์คับขัน อย่างน้อยจะได้ดึงความรู้หรือประโยชน์จากบทความ ไปใช้โต้ตอบได้ ไม่มากก็น้อย ผมไม่มีจุดประสงค์ที่จะพุ่งเป้าหรือเน้นหนักไปที่ความโด่งดังหรือตัวนักวิทยาศาสตร์แต่อย่างใด หากแต่พุ่งเป้าไปที่ความเชื่อต่อการดำรงอยู่ของพระเจ้าเท่านั้น

แน่นอนที่สุด การเป็นคริสต์นั้น ถ้าเชื่อตามคนหมู่มาก คนดัง เพราะเงิน แม้แต่ตามพ่อแม่(คิดแบบศาสนาอื่น ว่าต้องสืบรักษาศาสนาไว้) หรือเพราะอะไรก็ตามที่นอกเหนือไปจากงานไถ่กู้มนุษยชาติของพระเจ้า (โดยการสำนึกรู้ว่าตนคือคนบาป พระคริสต์คือพระผู้ไถ่ พระเจ้าผู้สูงสุดทรงใช้พระบุตรองค์เดียวของพระองค์มาทรงตายและเป็นขึ้นเพื่อเรา ฯลฯ) มันก็ไร้ประโยชน์ครับ ถึงเชื่อแล้ว รับศีลแล้ว คุณจะเอาบ่วงทองโซ่ทองมารั้งไว้ก็อยู่ไม่ติดหรอกครับ เพราะมันผิดเพี้ยนตั้งแต่ราก เหมือนปลูกต้นไม้แบบเอายอดปักลงดินเอารากชี้ฟ้า

แน่นอนที่สุด ผมจะไม่ประกาศข่าวประเสริฐเช่นนั้น และไม่ต้องอาศัยกลวิธีเล่ห์นัยต่างๆด้วย เพราะพลานุภาพของพระเจ้ามีในการประกาศข่าวประเสริฐ(รม1:16) อยู่แล้ว :s007:

ปล.อิมมานูเอล
belive13
โพสต์: 28
ลงทะเบียนเมื่อ: พฤหัสฯ. พ.ค. 19, 2011 6:16 pm

อาทิตย์ พ.ค. 27, 2012 6:52 pm

การที่เอามาโพสแบบนี้ก็ดีนะค่ะ
เพราะพวกเราอยู่ในสังคมคนพุทธซึ่งบางครั้ง
คำตอบพวกนี้เราอาจจะนำมายกตัวอย่างให้พวกเขาเหล่านั้นได้รู้จักพระเจ้ามากขึ้นก็ได้
ภาพประจำตัวสมาชิก
Holy
Defender of lawS
Defender of lawS
โพสต์: 10011
ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ ม.ค. 17, 2005 3:06 pm

จันทร์ พ.ค. 28, 2012 3:48 am

ต้นฉบับที่ผมเจอ ไม่เคยเจอคำถามว่าเธอเป้นคริสเตียนใช่ไหมนะครับ สงสัยคนแปลเติมเอง
ภาพประจำตัวสมาชิก
Holy
Defender of lawS
Defender of lawS
โพสต์: 10011
ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ ม.ค. 17, 2005 3:06 pm

จันทร์ พ.ค. 28, 2012 4:02 am

อันนี้เป้นเวอร์ชั่นที่ลงในบอร์ดนี้นานแล้วครับ ไม่ยืดยาวขนาดนี้ และไม่มีคำว่าเป้นคริสเตียน

viewtopic.php?f=2&t=9835

ที่สำคัญมันเหมือนเอา2เรื่องมารวมกันคือเอาเรื่องนี้ไปรวมครับ

http://www.belongtothetruth.com/Happy/fact02.htm


สรุปคือ ผมว่าคนทำนี่ออกจะล้ำเส้นไปหน่อย
sdjakapong
โพสต์: 164
ลงทะเบียนเมื่อ: เสาร์ ก.ย. 24, 2011 2:17 pm

จันทร์ พ.ค. 28, 2012 9:17 pm

ผมไปหาแหล่งข้อมูลมาให้แล้วครับ
http://rationalwiki.org/wiki/Evil_is_the_absence_of_God
http://www.snopes.com/religion/einstein.asp
ตอบกลับโพส