การเอาชนะความท้อแท้ใจ

ถาม-ตอบพระคัมภีร์ เรื่องเสริมศรัทธา ความรู้ และสาระ บทความ ในคริสตศาสนา
ตอบกลับโพส
ภาพประจำตัวสมาชิก
salvation7
Defender of lawS
Defender of lawS
โพสต์: 522
ลงทะเบียนเมื่อ: อาทิตย์ ต.ค. 31, 2010 1:05 am
ติดต่อ:

พฤหัสฯ. ธ.ค. 06, 2012 10:16 am

เห็นว่าบทความดีเลยนำมาแบ่งปันกันน๊ะค่ะ ใครอ่านแล้วไม่เข้าตา ไม่เข้าใจก็ขอให้ผ่านไป...อย่าคิดอะไรมาก ใครอ่านแล้วคิดได้ มองภาพออกเราก็ยินดีด้วย....

.....

มีพระสงฆ์องค์หนึ่ง เห็นสัตบุรุษกินเหล้าแล้วเดินเมามา แถมมือยังถือขวดเหล้ามาอีกขวด
พระสงฆ์ก็เลยเตือนสติสัตบุรุษคนนั้นว่า

“เหล้าเป็นศัตรูกับชีวิตของคุณน่ะ”

สัตบุรุษคนนั้นเงยหน้าขึ้นมามองแล้วก็ตอบกลับมาอย่างนุ่มนวลว่า

“พระคัมภีร์สอนให้เรารักศัตรู”



เล่นเอาพระสงฆ์งงไปเลย :s030:

ชีวิตเราหลายคนชอบหาข้ออ้างมาเพื่อเข้าข้างตัวเองตลอดเวลา จะได้ทำอย่างโน้น อย่างนั้น อย่างนี้ เรามักได้ยินบ่อยๆอยู่เสมอว่า “คนดีชอบแก้ไข คนจัญไรชอบแก้ตัว

ถ้าคนเราเป็นคนแก้ตัวอยู่ตลอดเวลา เราจะเป็นคนที่พบกับชัยชนะไม่ได้

มีพระคัมภีร์ตอนหนึ่งเป็นเรื่องราวของกษัตริย์ดาวิดที่ยึดกรุงเยรูซาเล็ม ให้ข้อคิดกับเราเป็นอย่างดี
คนเราชอบปรับตัวเข้ากับปัญหา หรือไม่ก็เคยชินกับปัญหา หลายคนไม่สนใจว่าพระวาจาสอนอะไรไม่พยายามที่จะปฎิบัติตามอย่างที่กล่าวข้างต้น สัตบุรุษเมาเหล้า โดยอ้างเข้าข้างตัวเอง เราก็จะพลาดจากชัยชนะซึ่งพระเจ้าได้ทรงเตรียมไว้ให้เรา กลับทรุดหนักและยิ่งแย่ไปกว่าเดิม ดาวิดกว่าจะเป็นกษัตริย์ได้ท่านก็มีอายุราว 37 ปี แต่ก่อนหน้านั้นราวอายุ 15 ปี

1 ซมอ.16:13
“ซามูเอลได้เจิมและแต่งตั้งเป็นกษัตริย์ต่อหน้าพี่น้องทั้งหลาย”
แต่ท่านต้องอดทนนานและปฎิบัติตามพระสัญญาของพระเจ้า จนในที่สุดได้เป็นกษัตริย์ หมายความว่า หลายครั้งพระเจ้าจัดเตรียมชัยชนะให้เรา พระองค์ต้องการฝึกฝนเราให้มากและก็มากขึ้น พระองค์มิทรงปรารถนาให้ชัยชนะเกิดขึ้นกับเราแบบง่ายดาย แม้ชัยชนะจะเกิดขึ้นมาอย่างง่ายดายเหมือนชาวอิสราเอลเดินรอบเมืองเยริโค กำแพงเมืองก็ล้มครืนลงมาอย่างง่ายดาย
แต่สิ่งที่สำคัญคือการรักษาชัยชนะไว้ให้ตลอดไป มิใช่ได้ชัยชนะเพียงครั้งเดียว เพราะฉะนั้นข้อคิดที่พระวาจาพระเจ้าสอน การที่เราจะมีชัยชนะ การที่เราจะประสบความสำเร็จ อย่างน้อยต้องมีองค์ประกอบ 3 ขั้นตอนด้วยกันคือ
1. ไม่ท้อใจ
2. รู้จักใช้ปัญญา
3. พึ่งฤทธานุภาพ

2 ซมอ.6
กษัตริย์ดาวิดและคนของพระองค์ได้ยกทัพไปรบกับชาวเยบุส คนทั้งหลายกล่าวสิ่งที่ทำให้--ประการที่หนึ่ง ท้อใจ “แกยกทัพมาที่นี่ไม่ได้ดอก คนพิการ และคนตาบอดยังป้องกันเมืองไว้ได้เลย” แต่ในที่สุดดาวิดก็ยึดเมืองได้ ยึดป้อมศิโยน กลายเป็นป้อมแข็งแร็งที่สุดของกรุงเยรูซาเล็ม ซึ่งจะกลายเป็นเมืองหลวงในเวลาต่อมา กษัตริย์ดาวิดพูดกับคนของตนว่า “ใครที่จะโจมตีชาวเยบุส จะต้องขึ้นไปตามทางน้ำไหล ไปสู้กับคนพิการ และคนตาบอด ซึ่งดาวิดทรงชังคนพิการและคนตาบอดอย่างยิ่ง ไม่ให้พวกนี้เข้าไปพระนิเวศของพระเจ้าอย่างเด็ดขาด

ใน อสย.41:10 “อย่ากลัวเลย เพราะว่าเราจะอยู่กับเจ้า อย่าขยาดเพราะพระองค์ทรงเป็นพระเจ้าของเจ้า เราจะหนุนกำลังเจ้า เราจะช่วยเจ้า เราจะชูมือขวาอันทรงชัยให้เจ้า” พระเจ้าตรัสว่า “อย่ากลัวน่ะ อย่าท้อน่ะ พระเจ้าทรงไปกับเราเสมอ เราเองต้องมีกำลังใจ มีความมั่นใจ จึงจะทำงานสัมฤทธิ์ผลได้” แต่ถ้าปราศจากความมั่นใจ ทำงานไม่ได้ คนที่มั่นใจมิได้หมายความว่า เขาไม่พึ่งพิงใคร แต่คนที่มั่นใจต้องมีแหล่งที่มั่นใจที่มาจากพระเจ้า สุดท้ายคือเขาต้องตัดสินใจที่จะลงมือปฎิบัติ ถ้าไม่ลงมือทำ พระเจ้าก็จะไม่ใช้เราอีกต่อไป สมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 จอมพลแม็ค อาเธอร์ ดำรงตำแหน่งเป็นนายพลของกองกำลังพันธมิตรในมหาสมุทรแปซิฟิก มีนายพลคนหนึ่งได้มารายงานต่อจอมพลแม็ค อาเธอร์ ว่า “เขาได้เก็บข้อมูลทุกอย่าง ปัญหาทุกอย่าง อย่างที่แม่ทัพคนก่อนๆได้ประสบไว้ รวบรวมใส่เอกสารนี้เรียบร้อยแล้ว ไม่ว่าจะเป็นปัญหาแบบไหน ปัญหาอย่างไร ถ้าท่านจอมพลพลิกดูเอกสารแล้ว ก็จะต้องเจอะคำตอบอย่างแน่นอน จอมพลดูเอกสารแล้วก็รู้สึกเฉยๆ ถามว่า “เอกสารนี้มีกี่ชุด เขาตอบว่า 6 ชุด จอมพลเลยบอกว่า คุณช่วยเก็บเอกสารเอาไว้ให้ดีๆ น่ะ และช่วยนำเอาไปเผาไฟให้หมดมีคนบางคนตัดสินใจโดยไม่พึ่งคำแนะนำจากคนอื่น ไม่ชอบให้ใครมาแนะ กลัวเสียเชิง ไม่ชอบให้ใครมาบงการ กลัวเสียอำนาจ ต้องคิดด้วยตัวเอง ทำด้วยตัวเอง ออกแบบด้วยตัวเอง มันก็คงจะบอกอะไรเราได้หลายอย่าง คนพวกนี้คงเผาห้องสมุดไปทั่วโลกแล้ว

เมื่ออยู่ในตำแหน่ง จะคิดอะไรก็แล้วแต่ จะพึ่งใครหรือไม่พึ่งใคร ที่สุดก็ต้องตัดสินใจด้วยตัวเอง เมื่อเผชิญกับปัญหา และเมื่อต้องเผชิญกับปัญหาจริงๆ การตัดสินใจนั้นเขาต้องรับผิดชอบแต่เพียงผู้เดียว ทั้งสิ่งที่ยังไม่เกิดทันตาเห็นและผลทั้งหลายที่จะตามมาภายหลัง
ซึ่งเป็นสิ่งที่น่ากลัว หากใช้วิธีผิดๆ เลือกทางผิดๆ ฉะนั้นในการตัดสินใจจึงเรียกร้องความมั่นใจชนิดแบบร้อยเปอร์เซ็นต์ ต้องแน่ใจจริงๆ และอย่ามัวแต่กลัว เพราะความกลัวไม่สามารถทำให้ไปสู่ความสัมฤทธิ์ผลได้เลย อย่ามั่นใจแบบกล้าบ้าบิ่นทำเป็นท้าท้าย แดกดัน มุทะลุ ดึงดัน โดยไม่ฟังใครๆไปไม่รอดแน่ๆ

ใน สดด.119:28
“จิตใจข้าพระองค์อ่อนล้าไปด้วยความทุกข์โศก ขอทรงประทานพละกำลังให้ข้าพระองค์เถิด”
เมื่อดาวิดเจอปัญหา ดาวิดเสริมพลังด้วยพระวจนะของพระเจ้าอยู่เสมอ คนเราต้องไม่ท้อใจ จะต้องมีแหล่งที่จะเสริมพลังใจเรา ดาวิดมีแหล่งพลังที่พระวาจาพระเจ้า เวลาเราประสบปัญหาจงทำแบบดาวิด เสริมพลังใจด้วยพระวจนะ เพราะพระเจ้าทรงอยู่เคียงข้างเราเสมอ และจะต้องไม่ท้อใจเสียก่อน แต่อย่าฟังอะไรแบบลม ๆ แร้งๆ อย่าเป็นคนที่มีความหวังหรือไม่ท้อใจ เพราะความหวังแบบลมๆแร้งๆ ใน ยรม.23:16 “อย่าฟังถ้อยคำของผู้เผยวจนะที่ให้ท่านเต็มไปด้วยความหวังแบบลมๆ แร้งๆ แห่งใจของเขาเอง แต่มิใช่พระวจนะของพระเจ้า” มีหลายคนบอกว่า ทำเลย เอาเลย ลงมือจัดการเลย ยุยงเราในทางที่ผิด คือทางแห่งใจความคิดและใจของเขา เราจะพลาดได้ง่าย เพราะการไม่ท้อใจเป็นสิ่งที่ดี แต่ขณะเดียวกันเราต้องรู้ว่า เรากำลังทำอะไร ทำอย่างไร ทำอย่างมีสติ มิใช่แก่อำนาจ หรือจากการยุยงของกลุ่มใดๆ หรือใครคนหนึ่ง จงใช้ปัญญาอย่างชาญฉลาดถูกต้อง

ประการที่สอง ในข้อที่ 8 ดาวิดกล่าวว่า “ผู้ใดจะขึ้นไปโจมตีชาวเยบุส ก็ให้ขึ้นไปตามทางน้ำไหล” แทนที่ดาวิดจะรู้สึกแย่ เพราะถูกดูถูกเยาะเย้ย ถากทาง และกำลังมีน้อยกว่า แต่ดาวิดใช้ปัญญาหาจุดอ่อนของเมืองนี้อยู่ที่ทางน้ำไหล ดาวิดเป็นคนที่ใช้ปัญญาในการรบ รู้ว่าชาวเยบุสมีกำแพงเมืองที่สูงใหญ่แข็งแรง เป็นปราการที่มั่นคง ปลอดภัย มีความแน่นหนา แต่พวกเขาลืมคิดไปถึงอุโมงค์ส่งน้ำ พวกเขาจึงตั้งตัวไม่ติด คิดไม่ถึงว่าพระเจ้าจะทรงมีปรีชาญาณถึงเพียงนี้ พระเจ้าทรงสอนเราในเรื่องการเอาชนะ เราต้องไม่ใช้กำลัง ความมุทะลุ แต่ใช้ปัญญา เพราะถ้าเราไม่ใช้ปัญญา เราอาจพ่ายแพ้ตั้งแต่เมื่อเริ่มต้นเสียแล้ว ยังหลงว่าชนะอยู่ เพราะการไม่ท้อใจและไม่มีปัญญาพอ ต้องอาศัยปรีชาญาณของพระเจ้า ถ้าเป็นคนไม่ท้อใจ แต่ไม่มีปัญญา สุดท้ายจะไม่มีอะไรเหลือ เพราะชาวเยบุสเป็นคนแข็งแกร่ง มีกำลังพลมาก เราไม่มีทางสู้ได้เลย เหมือนคนไม่ได้ด้วยเล่ห์ ก็เอาด้วยกล

2 คร.2:11 “เพื่อมิให้ซาตานมีชัยชนะเหนือเรา เพราะเรารู้เล่ห์กลอุบายของมัน” เพราะฉะนั้นจึงจำเป็นที่เราต้องรู้เล่ห์กลอุบายของซาตาน ว่ามีเล่ห์อะไร มีกลอุบายอย่างไร ปัญหาแบบนั้นมีจุดอ่อนตรงไหน เราต้องเข้าใจจุดอ่อนด้วยปัญญา
สภษ. 1:5 “ทั้งปราชญ์ที่ได้ยินก็เพิ่มพูนการเรียนรู้ มีความเข้าใจ จะได้มีความช่ำชอง” สังเกตว่านักปราชญ์ได้ฟังมาก ได้ยินมาก เรียนรู้มาก ก็เกิดความเข้าใจและความช่ำชอง กว่าพระเจ้าจะให้ดาวิดเป็นกษัตริย์จริงๆ ดาวิดต้องผ่านร้อนผ่านหนาวเป็นเวลาเกือบยี่สิบปี ที่จะต้องต่อสู้กับอะไรหลายๆอย่างทีเดียว ต้องเผชิญกับความโดดเดี่ยวท่ามกลางศัตรู ต้องเผชิญกับการทดลองที่จะต้องทำตามพระวจนะของพระเจ้า สภษ.9:1 “ปัญญาได้สร้างเรือนของตนแล้ว เธอได้สร้างเสา 7 ต้น” หมายความว่าคนมีปัญญาก็จะมีเรือนที่มีเสา 7 ต้น มิใช่มีแค่เสา 7 ต้น แต่หมายถึงความบริบูรณ์มั่นคงสร้างบ้านอย่างมีหลักการ และมั่นคง เมื่อมีพายุ ฝนตกหนัก น้ำไหลเชี่ยว ลมพัดปะทะ เรือนนั้นก็ตั้งมั่นคงอยู่ได้ หลายครั้งปัญญาอยู่ใกล้ กับคนที่มีปัญญา โยบ12:12 “สติปัญญาอยู่กับคนที่มีอายุมาก” ถ้าเราอยู่ใกล้คนที่มีประสบการณ์ เราก็จะมีปัญญามากด้วย เมื่อมีสติปัญญา ฤทธานุภาพของพระก็มา ก็ทำให้เราเข้าใจอะไรดีๆมากขึ้น คนมีปัญญาทำอะไรดูดีไปหมด

มอม้าคึกคัก...
รุ่งอรุณ
โพสต์: 477
ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ ธ.ค. 06, 2010 9:26 pm
ที่อยู่: Bangkok

พุธ ธ.ค. 12, 2012 9:43 pm

เป็นบทความที่ดีมากๆ เลยค่ะ
ทำให้มีพลัง กำลังใจที่จะเอาชนะความท้อแท้ สิ้นหวัง

ขอบคุณนะคะ
ภาพประจำตัวสมาชิก
salvation7
Defender of lawS
Defender of lawS
โพสต์: 522
ลงทะเบียนเมื่อ: อาทิตย์ ต.ค. 31, 2010 1:05 am
ติดต่อ:

พฤหัสฯ. ธ.ค. 13, 2012 12:46 pm

ค่ะ ยินดีแบ่งปันสิ่งดี ๆ ที่พระประทานให้...เพื่อความเข้มแข็ง ต่อสู้ต่อไป

อย่ากลัว...
อย่าสิ้นหวัง...

จงมีความเชื่อ แล้วพระจะประทานพระเมตตา...พระจะดำเนินจัดการเองในไม่ช้า...โดยเกิดเหตุการณ์อะไรที่ไม่คาดคิด...
พระเจ้าสถิตย์กับเราเสมอ
~@
โพสต์: 2546
ลงทะเบียนเมื่อ: อังคาร ม.ค. 18, 2005 10:54 pm

จันทร์ ธ.ค. 17, 2012 2:58 am

ขอบคุณมากครับ เป็นบทความที่ตรงกับช่วงเวลาที่ต้องการพอดี ขอขอบพระคุณพระเป็นเจ้า

เป็นอีก 1 อัศจรรย์ที่ขอยืนยันด้วยตัวเองถึงความรักของพระองค์ :)
ตอบกลับโพส