เรื่องสั้น:ความเข้าใจของมดที่มีต่อมนุษย์
-
- โพสต์: 286
- ลงทะเบียนเมื่อ: พุธ ต.ค. 27, 2010 8:03 pm
- ที่อยู่: ถ.ราชปรารภ แขวงมักกะสัน เขตราชเทวี กทม.
ความเข้าใจของมดที่มีต่อมนุษย์
วันหนึ่ง มีมดสามตัวสนทนากันว่า "ได้ยินว่าบนโลกใบนี้มีสิ่งมีชีวิตชนิดหนึ่งที่เรียกว่ามนุษย์ ร่างกายใหญ่โตและมีพละกำลังมาก พอเคลื่อนไหวจะเหยียบพวกเราตายได้เป็นพันๆหมื่นๆตัว เราอยากไปดูหน่อยว่าแท้จริงแล้วมนุษย์นั้นมีลักษณะอย่างไร"
พอดีพบกับมนุษย์ผู้หนึ่งกำลังนอนหลับอยู่ มดตัวแรกได้ไต่ขึ้นไปที่ท้องของมนุษย์ เดินไปเดินมารอบหนึ่ง มดตัวที่สองไต้ขึ้นไปที่ศีรษะของมนุษย์ เดินสำรวจอยู่รอบหนึ่ง มดตัวที่สามไต่ขึ้นไปที่เท้าของมนุษย์และเดินรอบหนึ่งเช่นกัน มดสามตัวเมื่อกลับมาก็พูดคุยกัน มดตัวที่หนึ่งพูดว่า "มนุษย์นั้นแท้จริงแล้วเป็นเหมือนซาลาเปาลูกใหญ่" มดตัวที่สองกล่าวว่า "ไม่ใช่ มนุษย์นั้นคล้ายป่ามากกว่า" ส่วนมดตัวที่สามก็พูดขึ้นว่า "สิ่งที่พวกแกพูดนั้นไม่ถูกทั้งสิ้น มนุษย์นั้นเหมือนปลาเค็มที่เหม็นเน่าต่างหาก" เพราะมดตัวนี้ได้ไต่ไปที่เท้าของมนุษย์
ความเข้าใจของเราที่มีต่อพระเจ้ามักจะเป็นเช่นเดียวกับมดที่วิพากษ์วิจารณ์มนุษย์ มนุษย์มองดูตัวเองคิดว่าเป็นสิ่งที่ประเสริฐที่สุดในท่ามกลางสรรพสิ่ง แต่การใช้ความสามารถและสติปัญญาของมนุษย์เพื่อคาดคะเนและสำรวจพระเจ้าผู้ทรงสร้างสรรพสิ่งนั้นเป็นสิ่งที่เล็กน้อยมากจริงๆ ไม่อาจเปรียบเทียบหรือเข้าใจได้ ท่านอาจกล่าวว่าท่านมีสมองของนักวิทยาศาสตร์ แค่พระเจ้าตรัสว่าท่านมีสมองแค่มดเท่านั้น
คริสตจักรในกรุงเทพฯ,มูลนิธิ(แปล). K.C.Huang. รู้ถึงพระเจ้า. พิมพ์ครั้งที่ 5. กรุงเทพฯ:ห้องสมุดกิตติคุณกรุงเทพฯ, 2555. หน้า 65-66.
ปล.เป็นเรื่องสั้นสำหรับคนที่ยังไม่เชื่อพระเจ้าครับ หรือสำหรับคนเชื่อแล้วเอาไว้ประกาศก็ได้นะครับ
อิมมานูเอล
วันหนึ่ง มีมดสามตัวสนทนากันว่า "ได้ยินว่าบนโลกใบนี้มีสิ่งมีชีวิตชนิดหนึ่งที่เรียกว่ามนุษย์ ร่างกายใหญ่โตและมีพละกำลังมาก พอเคลื่อนไหวจะเหยียบพวกเราตายได้เป็นพันๆหมื่นๆตัว เราอยากไปดูหน่อยว่าแท้จริงแล้วมนุษย์นั้นมีลักษณะอย่างไร"
พอดีพบกับมนุษย์ผู้หนึ่งกำลังนอนหลับอยู่ มดตัวแรกได้ไต่ขึ้นไปที่ท้องของมนุษย์ เดินไปเดินมารอบหนึ่ง มดตัวที่สองไต้ขึ้นไปที่ศีรษะของมนุษย์ เดินสำรวจอยู่รอบหนึ่ง มดตัวที่สามไต่ขึ้นไปที่เท้าของมนุษย์และเดินรอบหนึ่งเช่นกัน มดสามตัวเมื่อกลับมาก็พูดคุยกัน มดตัวที่หนึ่งพูดว่า "มนุษย์นั้นแท้จริงแล้วเป็นเหมือนซาลาเปาลูกใหญ่" มดตัวที่สองกล่าวว่า "ไม่ใช่ มนุษย์นั้นคล้ายป่ามากกว่า" ส่วนมดตัวที่สามก็พูดขึ้นว่า "สิ่งที่พวกแกพูดนั้นไม่ถูกทั้งสิ้น มนุษย์นั้นเหมือนปลาเค็มที่เหม็นเน่าต่างหาก" เพราะมดตัวนี้ได้ไต่ไปที่เท้าของมนุษย์
ความเข้าใจของเราที่มีต่อพระเจ้ามักจะเป็นเช่นเดียวกับมดที่วิพากษ์วิจารณ์มนุษย์ มนุษย์มองดูตัวเองคิดว่าเป็นสิ่งที่ประเสริฐที่สุดในท่ามกลางสรรพสิ่ง แต่การใช้ความสามารถและสติปัญญาของมนุษย์เพื่อคาดคะเนและสำรวจพระเจ้าผู้ทรงสร้างสรรพสิ่งนั้นเป็นสิ่งที่เล็กน้อยมากจริงๆ ไม่อาจเปรียบเทียบหรือเข้าใจได้ ท่านอาจกล่าวว่าท่านมีสมองของนักวิทยาศาสตร์ แค่พระเจ้าตรัสว่าท่านมีสมองแค่มดเท่านั้น
คริสตจักรในกรุงเทพฯ,มูลนิธิ(แปล). K.C.Huang. รู้ถึงพระเจ้า. พิมพ์ครั้งที่ 5. กรุงเทพฯ:ห้องสมุดกิตติคุณกรุงเทพฯ, 2555. หน้า 65-66.
ปล.เป็นเรื่องสั้นสำหรับคนที่ยังไม่เชื่อพระเจ้าครับ หรือสำหรับคนเชื่อแล้วเอาไว้ประกาศก็ได้นะครับ
อิมมานูเอล
แก้ไขล่าสุดโดย aqua-alta เมื่อ ศุกร์ ก.ค. 05, 2013 9:38 pm, แก้ไขไปแล้ว 1 ครั้ง.
- siritawatss
- โพสต์: 559
- ลงทะเบียนเมื่อ: อาทิตย์ พ.ย. 18, 2012 8:11 pm
- ที่อยู่: อ มะขาม จ จันทบุรี
- ติดต่อ:
เอาไปให้พวกต่างศาสนา ที่ชอบอวดอ้างว่าเห็นพระเจ้าของเราอย่างงั้นอย่างงี้อ่าน ถ้าเค้ายอมเปิดใจอ่านจะได้มองเห็นความจริงมากขึ้น
- Valkyrie Zero Number
- โพสต์: 2081
- ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ ส.ค. 27, 2007 4:11 am
ก็จริง.... เราไม่สามารถเข้าใจพระองค์ได้
แต่ว่า..... เราไม่คิดว่าตรรกะแค่นี้ใช้ได้ เพราะมนุษย์กับพระเจ้า ละเอียดอ่อนกว่ามด
แต่ก็ช่างเถอะ เอาเป็นว่า เราไม่ค่อยคิดว่าจะใช้ได้ผลกับคนที่ยังไม่เชื่อ
พวกเขาไม่ฟังหรอก...... (เห็นมากับตัวว่าพวกยังไงก็ไม่เชื่อเป็นยังไง)
แต่ว่า..... เราไม่คิดว่าตรรกะแค่นี้ใช้ได้ เพราะมนุษย์กับพระเจ้า ละเอียดอ่อนกว่ามด
แต่ก็ช่างเถอะ เอาเป็นว่า เราไม่ค่อยคิดว่าจะใช้ได้ผลกับคนที่ยังไม่เชื่อ
พวกเขาไม่ฟังหรอก...... (เห็นมากับตัวว่าพวกยังไงก็ไม่เชื่อเป็นยังไง)
-
- โพสต์: 286
- ลงทะเบียนเมื่อ: พุธ ต.ค. 27, 2010 8:03 pm
- ที่อยู่: ถ.ราชปรารภ แขวงมักกะสัน เขตราชเทวี กทม.
คุณValkyrie Zero Numberครับ ผู้แต่งบทความนี้ไม่ได้บอกว่าสมองมนุษย์เท่ามด แต่แสดงให้รู้ว่า ทัศนะของมด มันเองต่ำกว่ามนุษย์มาก ไม่มีทางเข้าใจมนุษย์อย่างแจ่มแจ้ง มาเปรียบกับมนุษย์เรา ที่ไม่มีทางเข้าใจพระเจ้าอย่างแจ่มแจ้ง คุณจะละเอียดอ่อนอีกร้อยเท่า ก็ไม่มีทางเข้าใจพระองค์ได้
พูดง่ายๆครับ บทความนี้เปรียบเทียบ
มด:คน และ คน:พระเจ้า
ไม่ใช่
มด:พระเจ้า กับ คน:พระเจ้า
อย่างไรก็ดี หากคุณจะใช้เรื่องสั้นเหล่านี้แล้วอาศัยความสามารถของคุณเองไปประกาศพระกิตติคุณของพระเจ้า ผมบอกเลย ไม่แปลกที่ไม่ได้ผล ผมต่อให้นะครับ ถึงคุณเป็นดอกเตอร์จบเทววิทยา หรือศาสนศาสต์มา แล้วอาศัยความสามารถมาประกาศ ก็คงไม่เกิดผล ถึงเกิดก็คือกิตติคุณเทียมของตัวคุณเอง เพราะพระกิตติคุณแท้ เป็นของๆพระเจ้า และเป็นฤทธิ์เดชของพระเจ้า ผมไม่ได้พูดเองนะครับ อ่าน โรม 1:16 ดูเองละกันครับ
ทั้งนี้ทั้งนั้นก็่ไม่ใช่การประกาศทุกรอบจะได้ผลนะครับ ทุกอย่างมีข้อยกเว้น บางครั้งที่เจอคนที่ประกาศแล้วไม่เชื่อ ไม่มีทางเชื่อ เป็นเพราะพระเจ้าไม่เอาเค้า ไม่ใช่เค้าไม่เอาพระเจ้า(อย่าสำคัญตัวเองผิด มนุษย์ไม่มีคุณสมบัติอะไรที่ยิ่งใหญ่ขนาดที่จะมาเลือกเอานี่ไม่เอาโน่น โดยเฉพาะจะเฉดหัวพระเจ้าทิ้ง) พูดภาษาชาวบ้านนะครับ คนที่มาเชื่อพระเจ้าได้ถือว่ามีบุญ ไม่ใช่ท่านได้เลือกเอาพระองค์ แต่เพราะพระองค์ได้เลือกเอาท่านไว้แล้วก่อนวางรากสร้างโลก เช่นกัน ผมไม่ได้พูดเอง เชิญอ่าน อฟ1:4 ดูเองครับ
ถ้าไม่ทรงเลือกไว้ ผลคือประกาศให้ตายไปข้างก็ไม่เชื่อ ก็เรียกได้ว่าไม่มีบุญเอาซะเลย ก็คงได้แต่สงสารอยู่ห่างๆ
มีตัวอย่างมบกมาย ขอยกตัวอย่างนึงเช่น ชาวโมอับกับอัมโมน พระองค์ไม่ทรงอนุญาตให้เข้าในชุมนุมชนของพระองค์เป็นนิจ แม้เค้าจะไม่อยากเข้า หรืออยากเข้าใจจะขาดก็ตามที ยังไงก็เข้าไม่ได้ นี่เช่นกันคือพระดำรัสพระองค์ ผมไม่กล้าพูดเองเอยเอง อุตริขึ้นมาตามใจตัวเอง ลองอ่าน ฉธบ 23:4 นหม 13:1 ดูครับ แต่เช่นกัน มีข้อยกเว้นคือนางรูธย่าทวดของกษัตริย์ดาวิด โดยเห็นแก่ความเชื่อมั่นคงของนาง นรธ 1:16-17 หญิงผู้มีรายชื่อในพงศาวลีของพระเยซู
ปล.อิมมานูเอล
พูดง่ายๆครับ บทความนี้เปรียบเทียบ
มด:คน และ คน:พระเจ้า
ไม่ใช่
มด:พระเจ้า กับ คน:พระเจ้า
อย่างไรก็ดี หากคุณจะใช้เรื่องสั้นเหล่านี้แล้วอาศัยความสามารถของคุณเองไปประกาศพระกิตติคุณของพระเจ้า ผมบอกเลย ไม่แปลกที่ไม่ได้ผล ผมต่อให้นะครับ ถึงคุณเป็นดอกเตอร์จบเทววิทยา หรือศาสนศาสต์มา แล้วอาศัยความสามารถมาประกาศ ก็คงไม่เกิดผล ถึงเกิดก็คือกิตติคุณเทียมของตัวคุณเอง เพราะพระกิตติคุณแท้ เป็นของๆพระเจ้า และเป็นฤทธิ์เดชของพระเจ้า ผมไม่ได้พูดเองนะครับ อ่าน โรม 1:16 ดูเองละกันครับ
ทั้งนี้ทั้งนั้นก็่ไม่ใช่การประกาศทุกรอบจะได้ผลนะครับ ทุกอย่างมีข้อยกเว้น บางครั้งที่เจอคนที่ประกาศแล้วไม่เชื่อ ไม่มีทางเชื่อ เป็นเพราะพระเจ้าไม่เอาเค้า ไม่ใช่เค้าไม่เอาพระเจ้า(อย่าสำคัญตัวเองผิด มนุษย์ไม่มีคุณสมบัติอะไรที่ยิ่งใหญ่ขนาดที่จะมาเลือกเอานี่ไม่เอาโน่น โดยเฉพาะจะเฉดหัวพระเจ้าทิ้ง) พูดภาษาชาวบ้านนะครับ คนที่มาเชื่อพระเจ้าได้ถือว่ามีบุญ ไม่ใช่ท่านได้เลือกเอาพระองค์ แต่เพราะพระองค์ได้เลือกเอาท่านไว้แล้วก่อนวางรากสร้างโลก เช่นกัน ผมไม่ได้พูดเอง เชิญอ่าน อฟ1:4 ดูเองครับ
ถ้าไม่ทรงเลือกไว้ ผลคือประกาศให้ตายไปข้างก็ไม่เชื่อ ก็เรียกได้ว่าไม่มีบุญเอาซะเลย ก็คงได้แต่สงสารอยู่ห่างๆ
มีตัวอย่างมบกมาย ขอยกตัวอย่างนึงเช่น ชาวโมอับกับอัมโมน พระองค์ไม่ทรงอนุญาตให้เข้าในชุมนุมชนของพระองค์เป็นนิจ แม้เค้าจะไม่อยากเข้า หรืออยากเข้าใจจะขาดก็ตามที ยังไงก็เข้าไม่ได้ นี่เช่นกันคือพระดำรัสพระองค์ ผมไม่กล้าพูดเองเอยเอง อุตริขึ้นมาตามใจตัวเอง ลองอ่าน ฉธบ 23:4 นหม 13:1 ดูครับ แต่เช่นกัน มีข้อยกเว้นคือนางรูธย่าทวดของกษัตริย์ดาวิด โดยเห็นแก่ความเชื่อมั่นคงของนาง นรธ 1:16-17 หญิงผู้มีรายชื่อในพงศาวลีของพระเยซู
ปล.อิมมานูเอล
- Valkyrie Zero Number
- โพสต์: 2081
- ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ ส.ค. 27, 2007 4:11 am
ไม่เข้าใจ.....
เพราะพระองค์ไม่เอา ก็เลยเทศน์ไม่ได้ผล ถ้ามันขึ้นกับอะไรแบบนั้น สู้จับขึ้นสวรรค์ตามที่พอใจ แล้วเตะพวกที่ไม่เอาลงนรกไปเลยไม่ต้องเจรจา่ ง่ายกว่ากันไหม
.....ยึดติดกับคำว่า เลือกหรือไม่ได้เลือก มากไปรึเปล่า คุณ aqua-alta เรามองว่าวิธีคิดแบบนี้ ไม่ต่างอะไรกับการแบ่งแยก คนเกิดมารวยเพราะบุญ เกิดมาจนเพราะซวย เลยนะ
ส่วนที่เรากล่าวไว้ในรีพลายที่แล้วนั้น........แบ่งเป็นสองประเด็น
1.เราแค่ไม่คิดเห็นด้วยเท่าไหร่กับวิธีคิดตรงนั้น อย่างน้อย สิ่งต่าง ๆ ในความเป็นจริง ไม่ใช่คณิตศาสตร์ ม.ต้น ที่จะใช้หลักอัตราส่วนแทนเครื่องหมาย ":" มาฟันธงได้ อย่างมากก็แค่ความคล้ายคลึงส่วนหนึ่งเท่านั้น แต่อันนี้เป็นมุมมองส่วนตัวซะมากกว่า
2.ที่ว่าเขาไม่ฟังนั้น...... เล่นเฟซบุ๊คไหม ถ้าเตรียมตัวเตรียมใจว่าจะไม่กระอักเลือดตาย ลองหาเพจ "Thai Atheist" อะไรสักอย่างนั่นดูนะ (เผอิญมีคนที่แอดไว้บางคนอยู่กลุ่มนั้น แล้วชอบแชร์มาโผล่หน้าเฟซเราทั้งที่เราไม่ได้เข้าร่วมน่ะ) ลองเข้าไปอ่านมุมมืดของคนพวกนั้นดู ถ้าไม่สติแตกไปซะก่อน ก็คงจะเข้าใจว่าเราพูดถึงพวกแบบไหน แต่ถ้าใจไม่พร้อม อย่าลอง ขอเตือน
เพราะพระองค์ไม่เอา ก็เลยเทศน์ไม่ได้ผล ถ้ามันขึ้นกับอะไรแบบนั้น สู้จับขึ้นสวรรค์ตามที่พอใจ แล้วเตะพวกที่ไม่เอาลงนรกไปเลยไม่ต้องเจรจา่ ง่ายกว่ากันไหม
.....ยึดติดกับคำว่า เลือกหรือไม่ได้เลือก มากไปรึเปล่า คุณ aqua-alta เรามองว่าวิธีคิดแบบนี้ ไม่ต่างอะไรกับการแบ่งแยก คนเกิดมารวยเพราะบุญ เกิดมาจนเพราะซวย เลยนะ
ส่วนที่เรากล่าวไว้ในรีพลายที่แล้วนั้น........แบ่งเป็นสองประเด็น
1.เราแค่ไม่คิดเห็นด้วยเท่าไหร่กับวิธีคิดตรงนั้น อย่างน้อย สิ่งต่าง ๆ ในความเป็นจริง ไม่ใช่คณิตศาสตร์ ม.ต้น ที่จะใช้หลักอัตราส่วนแทนเครื่องหมาย ":" มาฟันธงได้ อย่างมากก็แค่ความคล้ายคลึงส่วนหนึ่งเท่านั้น แต่อันนี้เป็นมุมมองส่วนตัวซะมากกว่า
2.ที่ว่าเขาไม่ฟังนั้น...... เล่นเฟซบุ๊คไหม ถ้าเตรียมตัวเตรียมใจว่าจะไม่กระอักเลือดตาย ลองหาเพจ "Thai Atheist" อะไรสักอย่างนั่นดูนะ (เผอิญมีคนที่แอดไว้บางคนอยู่กลุ่มนั้น แล้วชอบแชร์มาโผล่หน้าเฟซเราทั้งที่เราไม่ได้เข้าร่วมน่ะ) ลองเข้าไปอ่านมุมมืดของคนพวกนั้นดู ถ้าไม่สติแตกไปซะก่อน ก็คงจะเข้าใจว่าเราพูดถึงพวกแบบไหน แต่ถ้าใจไม่พร้อม อย่าลอง ขอเตือน
-
- โพสต์: 286
- ลงทะเบียนเมื่อ: พุธ ต.ค. 27, 2010 8:03 pm
- ที่อยู่: ถ.ราชปรารภ แขวงมักกะสัน เขตราชเทวี กทม.
ขอโทษครับคุณ ไม่ใช่ผมยึดติดอะสิครับ คุณไม่แปลกใจหรอครับ ว่าทำไมผมถึงเน้นนักเน้นหนา ว่าไม่ใช่ผมพูดเอง อุตริขึ้นมาเอง ยึดติดเอง ทุกสิ่งล้วนอยู่ในน้ำพระทัยพระเจ้า.....ยึดติดกับคำว่า เลือกหรือไม่ได้เลือก มากไปรึเปล่า คุณ aqua-alta เรามองว่าวิธีคิดแบบนี้ ไม่ต่างอะไรกับการแบ่งแยก คนเกิดมารวยเพราะบุญ เกิดมาจนเพราะซวย เลยนะ
และทุกอย่างมีน้ำพระทัย มีเวลาของพระองค์ ถ้าผมพูดตรงนี้ ก็ได้ แต่จะยาวมาก คนอื่นขี้เกีนจอ่าน ทำไมพระเจ้าต้องกำหนดให้มีต้นไม้รู้ดีรู้ชั่ว ทำไมไม่เฉดหัวพญามารลงนรกไปเลย ทำไมพระองค์ไม่ประทานพระบุตรมาเลยในยุคพันธสัญญาเดิม ทำไมต้องรออายุ 30 พระบุตรจึงเริ่มงาน ทำไมพระองค์อยู่ในเมืองผีแค่ถึงวันที่3 จะทรงพักอีกหน่อยไม่ได้หรอ หรือเร็วอีกหน่อยก็ดี ทำไมยังไม่เสด็จกลับ บลาๆๆ พูดสั้นๆ ทุกอย่างมีเวลาของมัน เช่นกัน พระเจ้ายังไม่จัดการกับเรื่องคนที่ไม่เชื่อในวันนี้
ถ้าคุณแสวงหาน้ำพระทัย คุณจะรู้ว่าเป้าหมายของเราไม้ใช่สวรรค์ อธิบายไปก็คงไม่เกิดประโยชน์อะไรกับคุณ
คุณอ่านบทความนี้ก็น่าจะเก็ตนะครับว่ามันเป็นแค่อุปมาให้คนเข้าใจประโยคที่ว่า "คนไม่สามารถเจ้าใจพระเจ้าได้กระจ่าง" มดจริงๆมันจะคุยเช่นนี้หรือ? คุณพูดถูกครับ ว่าอย่างมากก็ได้แต่คล้ายคลึง แต่ย้อนไปอ่านดีๆ ผู้เขียนไม่ได้บอกว่าเป็นเรื่องที่เกิดในชีวิตจริง เป็น เรียลลิตี้ มันเป็นเรื่องสมมติในตัวมันเองตั้งแต่แรกแล้วครับ
เพจนี้ผมรู้จักครับ เป็นเพจนี่คนชอบนำพระวจนะไปแปลความตามใจ(โทษนะครับ ใช่ว่าจะแปลถูก ผมอ่านอะ ไม่เคยอึ้ง เคยแต่ขำท้องแข็ง ไม่มีความรู้เลยผมจะบอก อย่างกับเด็กป.4มาเขียน) ลบหลู่พระเจ้า ก็เอาเถอะครับ คนไม่มีพระเจ้าก็เป็นเช่นนี้ ผมคงไม่กล้าว่าเขาเหล่านั้น เพราะผู้เขียนหนังสือเล่มที่ผมนำบทความมา ก็เป็นหนึ่งในนักวิทยาศาสตร์ต่อต้านพระเจ้า วันหนึ่งเขาก็พบพระองค์
ผมว่าผู้เขียนมีระดับการศึกษาไม่ต่ำกว่าคนในเพจนั้นนะครับ เพราะหากไม่ใช่เด็กคึกคะนอง ก็คงเป็นมนุษย์เงินเดือนที่ว่างจัด
อ้อ เกือบลืม โทษทีครับ ผมไม่ได้จะใช้คณิตศาสตร์เปรียบเทียบ แต่ตั้งใจจะพูดว่า มดต่อมนุษย์ และมนุษย์ต่อพระเจ้า
เข้าใจความหมายผมใช่มั๊ยครับ
ปล.อิมมานูเอล
- Valkyrie Zero Number
- โพสต์: 2081
- ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ ส.ค. 27, 2007 4:11 am
อืม ๆ เข้าใจแล้วล่ะ เรื่องอุปมานี่นะ เราเองก็อาจจะแรงกับคุณไปนิดนึง โทษทีละกัน เพราะเราเองก็จริงจังมากไปหน่อยaqua-alta เขียน:ขอโทษครับคุณ ไม่ใช่ผมยึดติดอะสิครับ คุณไม่แปลกใจหรอครับ ว่าทำไมผมถึงเน้นนักเน้นหนา ว่าไม่ใช่ผมพูดเอง อุตริขึ้นมาเอง ยึดติดเอง ทุกสิ่งล้วนอยู่ในน้ำพระทัยพระเจ้า.....ยึดติดกับคำว่า เลือกหรือไม่ได้เลือก มากไปรึเปล่า คุณ aqua-alta เรามองว่าวิธีคิดแบบนี้ ไม่ต่างอะไรกับการแบ่งแยก คนเกิดมารวยเพราะบุญ เกิดมาจนเพราะซวย เลยนะ
และทุกอย่างมีน้ำพระทัย มีเวลาของพระองค์ ถ้าผมพูดตรงนี้ ก็ได้ แต่จะยาวมาก คนอื่นขี้เกีนจอ่าน ทำไมพระเจ้าต้องกำหนดให้มีต้นไม้รู้ดีรู้ชั่ว ทำไมไม่เฉดหัวพญามารลงนรกไปเลย ทำไมพระองค์ไม่ประทานพระบุตรมาเลยในยุคพันธสัญญาเดิม ทำไมต้องรออายุ 30 พระบุตรจึงเริ่มงาน ทำไมพระองค์อยู่ในเมืองผีแค่ถึงวันที่3 จะทรงพักอีกหน่อยไม่ได้หรอ หรือเร็วอีกหน่อยก็ดี ทำไมยังไม่เสด็จกลับ บลาๆๆ พูดสั้นๆ ทุกอย่างมีเวลาของมัน เช่นกัน พระเจ้ายังไม่จัดการกับเรื่องคนที่ไม่เชื่อในวันนี้
ถ้าคุณแสวงหาน้ำพระทัย คุณจะรู้ว่าเป้าหมายของเราไม้ใช่สวรรค์ อธิบายไปก็คงไม่เกิดประโยชน์อะไรกับคุณ
คุณอ่านบทความนี้ก็น่าจะเก็ตนะครับว่ามันเป็นแค่อุปมาให้คนเข้าใจประโยคที่ว่า "คนไม่สามารถเจ้าใจพระเจ้าได้กระจ่าง" มดจริงๆมันจะคุยเช่นนี้หรือ? คุณพูดถูกครับ ว่าอย่างมากก็ได้แต่คล้ายคลึง แต่ย้อนไปอ่านดีๆ ผู้เขียนไม่ได้บอกว่าเป็นเรื่องที่เกิดในชีวิตจริง เป็น เรียลลิตี้ มันเป็นเรื่องสมมติในตัวมันเองตั้งแต่แรกแล้วครับ
เพจนี้ผมรู้จักครับ เป็นเพจนี่คนชอบนำพระวจนะไปแปลความตามใจ(โทษนะครับ ใช่ว่าจะแปลถูก ผมอ่านอะ ไม่เคยอึ้ง เคยแต่ขำท้องแข็ง ไม่มีความรู้เลยผมจะบอก อย่างกับเด็กป.4มาเขียน) ลบหลู่พระเจ้า ก็เอาเถอะครับ คนไม่มีพระเจ้าก็เป็นเช่นนี้ ผมคงไม่กล้าว่าเขาเหล่านั้น เพราะผู้เขียนหนังสือเล่มที่ผมนำบทความมา ก็เป็นหนึ่งในนักวิทยาศาสตร์ต่อต้านพระเจ้า วันหนึ่งเขาก็พบพระองค์
ผมว่าผู้เขียนมีระดับการศึกษาไม่ต่ำกว่าคนในเพจนั้นนะครับ เพราะหากไม่ใช่เด็กคึกคะนอง ก็คงเป็นมนุษย์เงินเดือนที่ว่างจัด
อ้อ เกือบลืม โทษทีครับ ผมไม่ได้จะใช้คณิตศาสตร์เปรียบเทียบ แต่ตั้งใจจะพูดว่า มดต่อมนุษย์ และมนุษย์ต่อพระเจ้า
เข้าใจความหมายผมใช่มั๊ยครับ
ปล.อิมมานูเอล
ใช่ไหมล่ะ เพจนั้น ขนาดเรายังนั่งอ่านได้ไม่เกินสองนาทีด้วยซ้ำ แบบว่าไม่ไหวอ่ะ จะบอกว่า ต่อให้เราจะลุกขึ้นต่อต้านพระองค์จริง ๆ เข้าสักวัน คนพวกนั้นคือตัวเลือกอันดับท้ายที่สุดที่เราจะเลือกเข้าขบวนการด้วยซ้ำ แบบว่าไงดี.... มีแต่พวกงี่เง่าอ่ะ
-
- โพสต์: 286
- ลงทะเบียนเมื่อ: พุธ ต.ค. 27, 2010 8:03 pm
- ที่อยู่: ถ.ราชปรารภ แขวงมักกะสัน เขตราชเทวี กทม.
ผมท้านะครับ ข้อไหนที่เค้าอ้างไบเบิ้ลมาหลู่พระเกียรติพระองค์ เอามาลงที่บอร์ดนี้ผมว่าใครๆก็ขำ ว่าเค้าตีความแบบ หลับหูหลับตาจริงๆ และผมว่าเราๆท่านๆก็จะบอกได้ทันทีว่า แท้จริงมันแปลว่าอะไร
ทางที่ดี คุณอย่าไปยุ่งกะพวกนั้นจะสบายใจที่สุดนะครับ
ผมยกตัวอย่างนึงจากบอร์ดดังกล่าว เค้าบอกว่า ไททานิก ใหญ่กว่านาวา ยังจุคนได้ไม่เท่าไหร่ แล้วนาวาจะจุสัตว์ได้หมดหรือ
เอาเรื่องนี้มาพูดเป็นเรื่องตลกว่าเรื่องราวของพระเจ้าเป็นแค่เทพนิยาย
แน่นอน มีนักคำนวณช่างสงสัยไม่นอบน้อมเชื่ออย่างง่ายๆ ไปนั่งคำนวณ สุดท้าย คำนวณปริมาตรโน่นนี่นั่น ยังเหลือที่ว่างอีกเลย แล้วเป็นไงหละครับ เหนื่อยฟรี ทำไมไม่นอบน้อม ไม่เชื่อตั้งแต่แรก นักคำนวณคนนี้เค้าใช้เวลาเป็นปีๆ สุดท้ายนอมรับว่าตัวเองโง่ ยังจะไป ทดลองพระองค์ พระเจ้าพร้อมให้คุณมาลอง พร้อมให้พิสูจน์เสมอ เพราะทรงตรัสแต่ความจริง แต่ถึงที่สุดก็ได้แต่บอกเป็นเสียงเดียวกันว่า เสียเวลาฟรีทำไม โง่เองที่ไม่เชื่อแต่แรก
แต่คนเรา กลับไม่มองทัศนะฝ่ายวิญญาณของเรือนี้ ที่เต็มไปด้วยความหมายฝ่ายวิญญาณ พยากรณ์ถึงการมาของพระคริสต์ เรือมี3ชั้น อย่างพระวิสัยหนึ่งเดียวของพระเจ้าที่มี 3 พระสภาพ แต่สร้างด้วยไม้ คืออยู่ในวิสัยมนุษย์แท้(ในพระคัมภีร์ ไม้มักเล็งถึงความเป็นคน) ทั้งภายนอกภายในต้องยาชัน(คำว่ายาชันกับการไถ่เป็นคำเดียวกันในภาษาเดิม) และใครเข้าไปอยู่ในเรือจะรอดพินาศ เช่นเราผู้อยู่ในพระองค์ทุกวันนี้ แม้จุดเล็กๆ ความกว้างยาวสูงกี่คิวบิตก็มีความหมายด้วยซ้ำ ผมขอพอแค่นี้ก่อน เดี๋ยวคนขี้เกียจอ่าน
ทัศนะสูงส่งเช่นนี้ไม่มอง เรากลับชอบมองอะไรไม่เป็นแก่นเป็นสาร อันที่จริงจะไปสนทำไมว่าจะปริมาตรจุพอดีไหม จากตัวอย่างนี้คงเห็นได้ว่าความคิดของพวกคนในบอร์ดดังกล่าว ความคิดเด็กน้อยแค่ไหน
ปล.อิมมานูเอล
ทางที่ดี คุณอย่าไปยุ่งกะพวกนั้นจะสบายใจที่สุดนะครับ
ผมยกตัวอย่างนึงจากบอร์ดดังกล่าว เค้าบอกว่า ไททานิก ใหญ่กว่านาวา ยังจุคนได้ไม่เท่าไหร่ แล้วนาวาจะจุสัตว์ได้หมดหรือ
เอาเรื่องนี้มาพูดเป็นเรื่องตลกว่าเรื่องราวของพระเจ้าเป็นแค่เทพนิยาย
แน่นอน มีนักคำนวณช่างสงสัยไม่นอบน้อมเชื่ออย่างง่ายๆ ไปนั่งคำนวณ สุดท้าย คำนวณปริมาตรโน่นนี่นั่น ยังเหลือที่ว่างอีกเลย แล้วเป็นไงหละครับ เหนื่อยฟรี ทำไมไม่นอบน้อม ไม่เชื่อตั้งแต่แรก นักคำนวณคนนี้เค้าใช้เวลาเป็นปีๆ สุดท้ายนอมรับว่าตัวเองโง่ ยังจะไป ทดลองพระองค์ พระเจ้าพร้อมให้คุณมาลอง พร้อมให้พิสูจน์เสมอ เพราะทรงตรัสแต่ความจริง แต่ถึงที่สุดก็ได้แต่บอกเป็นเสียงเดียวกันว่า เสียเวลาฟรีทำไม โง่เองที่ไม่เชื่อแต่แรก
แต่คนเรา กลับไม่มองทัศนะฝ่ายวิญญาณของเรือนี้ ที่เต็มไปด้วยความหมายฝ่ายวิญญาณ พยากรณ์ถึงการมาของพระคริสต์ เรือมี3ชั้น อย่างพระวิสัยหนึ่งเดียวของพระเจ้าที่มี 3 พระสภาพ แต่สร้างด้วยไม้ คืออยู่ในวิสัยมนุษย์แท้(ในพระคัมภีร์ ไม้มักเล็งถึงความเป็นคน) ทั้งภายนอกภายในต้องยาชัน(คำว่ายาชันกับการไถ่เป็นคำเดียวกันในภาษาเดิม) และใครเข้าไปอยู่ในเรือจะรอดพินาศ เช่นเราผู้อยู่ในพระองค์ทุกวันนี้ แม้จุดเล็กๆ ความกว้างยาวสูงกี่คิวบิตก็มีความหมายด้วยซ้ำ ผมขอพอแค่นี้ก่อน เดี๋ยวคนขี้เกียจอ่าน
ทัศนะสูงส่งเช่นนี้ไม่มอง เรากลับชอบมองอะไรไม่เป็นแก่นเป็นสาร อันที่จริงจะไปสนทำไมว่าจะปริมาตรจุพอดีไหม จากตัวอย่างนี้คงเห็นได้ว่าความคิดของพวกคนในบอร์ดดังกล่าว ความคิดเด็กน้อยแค่ไหน
ปล.อิมมานูเอล
- siritawatss
- โพสต์: 559
- ลงทะเบียนเมื่อ: อาทิตย์ พ.ย. 18, 2012 8:11 pm
- ที่อยู่: อ มะขาม จ จันทบุรี
- ติดต่อ:
ความเชื่อน้อยก็โอนเอนง่าย ความเชื่อมากพอก็มั่นคงไม่รู้สึกอะไร ขอพระเจ้าประทานความเชื่อที่มากพอให้กับลูกด้วยเทอญ อาเเมน
- Valkyrie Zero Number
- โพสต์: 2081
- ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ ส.ค. 27, 2007 4:11 am
ขออภัยนะ แต่เราไม่ค่อยเห็นด้วยกับคำว่า "โง่เองที่ไม่เชื่อ" เท่าไหร่
......อย่าใช้คำว่า "โง่" หรือ "บ้า" พร่ำเพรื่อ ขนาดพระเยซูเจ้ายังสอนมิใช่หรือว่า
ในสายตาของเรา คนที่พยายามพิสูจน์ ต่างจากพวกที่เก่งแต่ล้อเลียน เพราะพวกหลังอย่าว่าแต่พิสูจน์เลย พวกเขาไม่เข้าใจด้วยซ้ำว่า คำว่าพิสูจน์มีความหมายอย่างไรในกระบวนการคิดทางวิทยาศาสตร์ เพียงแค่อาจจะเสียเวลาพิสูจน์ไปบ้างเท่านั้นเองถ้าสิ่งที่พิสูจน์มันดีจริง
ส่วนตัวแล้ว ถ้าการใครรู้ สงสัย ต้องการข้อพิสูจน์เป็นความผิดล่ะก็ กี่ชีวิตก็ไม่เพียงพอจะรับใช้พระเจ้าแบบนั้น
(เดี๋ยวนี้ไม่เน้นคำว่า "ถ้า" ไม่ได้ เดี๋ยวจะเข้าใจข้างเดียวกันไปหมด = =')
......อย่าใช้คำว่า "โง่" หรือ "บ้า" พร่ำเพรื่อ ขนาดพระเยซูเจ้ายังสอนมิใช่หรือว่า
เรามันพวกไม่มีหวังอยู่แล้ว จะยังไงก็ยังงั้น มีแต่คนที่เรียกตัวเองว่าคริสตชนจริง ๆ เท่านั้นที่ต้องพิจารณาตัวเอง ว่ามองคนอื่นเป็นคนโง่คนบ้าได้หน้าตาเฉยรึเปล่ามัทธิว 5:22
ฝ่ายเราบอกท่านทั้งหลายว่า ผู้ใดโกรธพี่น้องของตนโดยไม่มีเหตุ ผู้นั้นจะต้องถูกพิพากษาลงโทษ ถ้าผู้ใดจะพูดกับพี่น้องว่า ‘อ้ายบ้า’ ผู้นั้นต้องถูกนำไปที่ศาลสูงให้พิพากษาลงโทษ และผู้ใดจะว่า ‘อ้ายโง่’ ผู้นั้นจะมีโทษถึงไฟนรก
ในสายตาของเรา คนที่พยายามพิสูจน์ ต่างจากพวกที่เก่งแต่ล้อเลียน เพราะพวกหลังอย่าว่าแต่พิสูจน์เลย พวกเขาไม่เข้าใจด้วยซ้ำว่า คำว่าพิสูจน์มีความหมายอย่างไรในกระบวนการคิดทางวิทยาศาสตร์ เพียงแค่อาจจะเสียเวลาพิสูจน์ไปบ้างเท่านั้นเองถ้าสิ่งที่พิสูจน์มันดีจริง
ส่วนตัวแล้ว ถ้าการใครรู้ สงสัย ต้องการข้อพิสูจน์เป็นความผิดล่ะก็ กี่ชีวิตก็ไม่เพียงพอจะรับใช้พระเจ้าแบบนั้น
(เดี๋ยวนี้ไม่เน้นคำว่า "ถ้า" ไม่ได้ เดี๋ยวจะเข้าใจข้างเดียวกันไปหมด = =')
-
- โพสต์: 286
- ลงทะเบียนเมื่อ: พุธ ต.ค. 27, 2010 8:03 pm
- ที่อยู่: ถ.ราชปรารภ แขวงมักกะสัน เขตราชเทวี กทม.
เห้อ ผมละไม่อยากจะโต้วาทีเลยจริงๆ
เอาสั้นๆนะครับ ผมอ่านจากชีวประวัติเค้ามาอีกที เค้ารู้สึกว่าตัวเองโง่ที่เสียเวลาไปหลายปีจริงๆ ช่วงเวลาที่หายไป หากติดตามพระเจ้าคงเดินได้ระยะทางไม่น้อย เค้าไม่ได้ไปด่าใครว่าโง่
พิสูจน์ทางวิทยาศาสตร์ไม่ใช่มีดี แต่มันคนละเรื่องกับสงสัยพระเจ้านะครับ บนทะเล เมื่อสงสัย เปโตรเป็นอย่างไรหละครับ พระเยซูตรัสกับเปโตรอย่างไรหละครับ
ปล.อิมมานูเอล
เอาสั้นๆนะครับ ผมอ่านจากชีวประวัติเค้ามาอีกที เค้ารู้สึกว่าตัวเองโง่ที่เสียเวลาไปหลายปีจริงๆ ช่วงเวลาที่หายไป หากติดตามพระเจ้าคงเดินได้ระยะทางไม่น้อย เค้าไม่ได้ไปด่าใครว่าโง่
พิสูจน์ทางวิทยาศาสตร์ไม่ใช่มีดี แต่มันคนละเรื่องกับสงสัยพระเจ้านะครับ บนทะเล เมื่อสงสัย เปโตรเป็นอย่างไรหละครับ พระเยซูตรัสกับเปโตรอย่างไรหละครับ
ปล.อิมมานูเอล
- Valkyrie Zero Number
- โพสต์: 2081
- ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ ส.ค. 27, 2007 4:11 am
งั้นเหรอ นึกแล้วว่าต้องพูดแบบนี้
แต่ถ้าอคติไปเองก็ขออภัย เพราะเรารู้สึกว่าตอนที่ท่านเล่า เหมือนท่านใส่ความรู้สึกดูแคลนบุคคลที่ว่า รวมถึงคนทั่วไปที่ไม่เชื่อไปด้วยยังไงไม่รู้ แต่ถ้าเข้าใจผิดก็โทษทีละกัน
ก็ไม่รู้หรอกว่าตัวเองเซนส์ดีหรือเซนส์เพี้ยนกันแน่ แต่อ่านแล้วมันรู้สึกแบบนั้นจริง ๆ
แต่ถ้าอคติไปเองก็ขออภัย เพราะเรารู้สึกว่าตอนที่ท่านเล่า เหมือนท่านใส่ความรู้สึกดูแคลนบุคคลที่ว่า รวมถึงคนทั่วไปที่ไม่เชื่อไปด้วยยังไงไม่รู้ แต่ถ้าเข้าใจผิดก็โทษทีละกัน
ก็ไม่รู้หรอกว่าตัวเองเซนส์ดีหรือเซนส์เพี้ยนกันแน่ แต่อ่านแล้วมันรู้สึกแบบนั้นจริง ๆ