นักบุญองค์แรกของเกาหลีเหนือ
from Vatican Diary: - สำนักเลขาธิการวาติกันจัดทำหนังสือข่าวทั่วไปให้แก่สภา พระสังฆราช สองครั้งต่อเดือนในปีนี้ หนังสือข่าวเล่มเล็กๆได้ทำขึ้นเมื่อวันที่ 1 ก.ค. 2013 มีข่าวที่น่าสนใจชิ้นหนึ่งของเกาหลีเหนือ ซึ่งเป็นประเทศที่มักจะเป็นหัวข้อข่าวสำคัญของหนังสือพิมพ์ทั่วโลกในเรื่องการทดลองอาวุธนิวเคลียร์
ข่าวนั้นก็คือทางวาติกันได้ประกาศการว่างลงของพระสังฆราชประจำสังฆมณฑลเปียงยาง หลังจากการเสียชีวิตของพระสังฆราช Francis Borgia Hong Yong-Ho ท่านเกิดเมื่อวันที่ 12 ตุลาคม 1906, บวชเป็นพระสงฆ์เมื่อ 25 พฤษภาคม 1933 ได้รับการแต่งตั้งเป็นพระสังฆราช โดยพระสันตะปาปาปิโอที่ 12 เมื่อวันที่ 24 มีนาคม 1944 และได้รับการบวชเมื่อ 29 มิถุนายน
แต่ข่าวไม่ได้บอกว่าท่านพระสังฆราชเสียชีวิตเมื่ออายุมากกว่า 106 ซึ่งนับเป็นการทำสถิติ แต่ความจริงก็คือ ทาง Annuario ไม่ได้รวมชื่อของท่าน Hong ไว้ในทำเนียบพระสังฆราชอีกต่อไปแล้ว ท่านเคยถูกถือว่ามีชีวิตอยู่เหมือนคนทั่วไปในเปียงยางหลายสิบปี แต่ต่อมาท่านถูกพิจารณาว่า “หายตัวไป “
ท่านพระสังฆราช Hong เป็นหนึ่งในพระสงฆ์ 166 องค์ที่ถูกฆ่าหรือลักพาตัวในการเบียดเบียนศาสนาที่โหดเหี้ยมที่เกิดขึ้นในเกาหลีเหนือในปลายปี 1940 ซึ่งเป็นสมัยของการปกครองแบบคอมมิวนิสต์โดย คิม อิล ซุง
เพราะฉะนั้น เป็นเวลานานกว่าหกสิบปีที่ผ่านมาที่เราไม่รู้เรื่องราวของท่านเลย แต่ทางสำนักวาติกันไม่เคยลืมท่าน และยังคงบันทึกชื่อของท่านในทำเนียบอยู่
ไม่เพียงเท่านั้น วันที่ 10 มีนาคม พระสันตะปาปายอห์นที่ 23 ได้ทรงตัดสินพระทัยยกฐานะของสังฆมณฑลให้เป็นที่ทำการสันตสำนักประจำกรุงเปียงยาง ( vicariate of Pyongyang) และแต่งตั้งพระสังฆราช “ผู้หายไป” ให้เป็นมองซิเยอร์ ฮอง
การที่ทางวาติกันยังคงรักษาชื่อของ “พระสังฆราชซึ่งหายตัวไป” ไว้เป็นเวลานานนับสิบปี (ซึ่งได้รับการอธิบายจากท่านพระคาร์ดินัลแห่งกรุงโซล ปัจจุบันเป็นพระคาร์ดินัลกิตติคุณ ท่าน Nicholas Cheong Jinsuk) เป็นท่าทีของทางวาติกันที่มีต่อเรื่องราวของพระศาสนจักรในเกาหลีที่ยังคงเป็นที่ประทับใจ
แต่การตัดสินใจประกาศว่าท่านสังฆราชฮองได้เสียชีวิตแล้วนั้น มิได้หมายความว่าเรื่องราวของพระศาสนจักรในเกาหลีได้จบลงแล้ว ความเคลื่อนไหวอย่างอื่นยังคงมีอยู่ ทางสภาพระสังฆราชแห่งเกาหลีได้ยื่นเรื่องขอให้พิจารณาการเป็นนักบุญของพระสังฆราชฮอง รวมทั้งมรณสักขีอีก 80 องค์
ขณะที่ทางเกาหลีใต้ พระศาสนจักรคาทอลิกได้เจริญเติบโตขึ้น มีการรับศีลล้างบาปเพิ่มมากขึ้นและมีกระแสเรียกเป็นพระสงฆ์นักบวชเพิ่มขึ้น แต่ทางเกาหลีเหนือซึ่งอยู่ในระบอบคอมมิวนิสต์ ไม่มีข้อมูลจำนวนของคาทอลิกว่ามีเท่าไร พระสงฆ์ไม่สามารถปรากฏตัวและปฏิบัติศาสนกิจได้อย่างเปิดเผย ที่นั่นมีเพียงศาสนาเดียวเท่านั้นซึ่งทางการควบคุมอย่างเข้มงวด
ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงในเกาหลีเหนือเมื่อ คิม อิล ซุง เสียชีวิตในปี 1994 หรือเมื่อลูกชายของเขา คิม จอง อิล เสียชีวิตในปี 2011 หรือการขึ้นมาปกครองแทนของ ดิม จอง อุน
นักบุญองค์แรกของเกาหลีเหนือ
พระคาร์ดินัล Cheong เล่าว่า “ก่อนปี 1949 ในเกาหลีเหนือมีคาทอลิก 55,000 คน เมื่อมีการเบียดเบียนศาสนาขึ้น หลายคนได้หนีออกนอกประเทศ แต่หลายคนถูกฆ่า เวลานี้มีบางคนบอกว่า ยังคงมีคาทอลิกอีกพันกว่าคน บางคนบอกว่ามีประมาณสามพันคน แต่เราไม่มีทางรู้ได้แน่นอนว่ามีเท่าไรแน่
โบสถ์ทั้งหมดถูกทำลายด้วย ยกเว้นในปี 1988 “ซึ่งมีการจัดกิฬาโอลิมปิกขึ้นที่เกาหลีใต้ โบสถ์ก็ถูกสร้างขึ้นมาในทันทีทันใดในเปียงยางจากที่ไม่มีอะไรเลย แต่นี่ไม่ใช่เรื่องมหัศจรรย์หรอกนะ มันเป็นเพียงการโฆษณาชวนเชื่อของทางการเกาหลีเหนือว่า มีคาทอลิกที่มีอิสรภาพในการปฏิบัติศาสนกิจ ซึ่งมันไม่ตรงกับความเป็นจริง”
ความจริงแล้ว “โบสถ์” เหล่านั้นดำเนินงานโดยสมาคมคาทอลิกที่นำโดยฆราวาสชื่อ Jang Jae-on ผู้ซึ่งเมื่อไมนานที่ผ่านมา เขาได้เป็นประธานของสภากาชาดเกาหลีเหนือ
ในหลายสิบปีที่ผ่านมา ทางวาติกันพิจารณาว่าสังฆมณฑลเปียงยางยังคงมีอยู่ และได้แต่งตั้งพระสังฆราชที่กรุงโซลให้เป็นผู้แทนสันตสำนักประจำเปียงยาง แต่พระสังฆราชไม่เคยเหยียบย่างไปที่นั่นเลย
พระคาร์ดินัลกิตติคุณของเกาหลีใต้บอกว่า “ผมเคยขออนุญาตที่จะเข้าไป แต่เจ้าหน้าที่บอกว่า จะอนุญาตได้ในกรณีที่ผมนำของบริจาคจำนวนมากๆไปพร้อมกับผมเท่านั้น และจำนวนนั้นมากจนทางสังฆมณฑลของผมไม่สามารถจัดหาให้ได้ ดังนั้นผมจึงไม่ได้เข้าไป ผมเพิ่งจะทราบว่าผู้ที่จะเข้าไปในเกาหลีเหนือได้จะต้องนำความช่วยเหลือจำนวนมากไปให้ด้วย”
ตั้งแต่ปี 2004 Monsignor Matthew Hwang In-kuk พระสังฆราชแห่งกรุงโซลได้รับการแต่งตั้งให้เป็นผู้แทนสันตสำนักแห่งเปียงยาง ตั้งแต่เป็นเด็กท่านพร้อมกับคนในครอบครัวทั้งหมดถูกขับไล่ออกจากเกาหลีเหนือ ต่อมาท่านได้บวชเป็นพระสงฆ์ที่เกาหลีใต้
ภารกิจหลักของท่านคือการดูแลคาทอลิกที่ถูกบังคับให้ลี้ภัยมายังเกาหลีใต้ ท่านหวังว่าในอนาคตที่จะมีโอกาสดูแลคาทอลิกในเกาหลีเหนือ แต่อนาคตยังมาไม่ถึง
ทางการเกาหลีเหนืออนุญาตให้พระสงฆ์เข้าประเทศได้ในกรณีที่นำความช่วยเหลือไปให้ นอกเหนือจากนี้ก็ไม่มีการอนุญาติใดๆทั้งสิ้น
ตั้งแต่ปี 1998 คุณพ่อ เจราลด์ แฮมมอนด์ พระสงฆ์ชาวอเมริกันแห่ง Maryknoll missionary institute ได้มีโอกาสเข้าไปในเกาหลีเหนือปีละสองครั้งในฐานะผู้แทนมูลนิธีที่นำยาและอุปกรณ์การแพทย์เข้าไปให้ ผู้แทนถือเป็นแขกของรัฐบาล และท่านประกอบพิธีมิสซาแต่ไม่ใช่ในโบสถ์ที่สร้างโดยรัฐบาล แต่ทำที่ที่พักของท่าน
ฝ่ายโปรแตสแตนท์ดูจะมีโชคมากกว่า ในปี 1988 ในกิฬาโอลิมปิกที่กรุงโซล ทางรัฐบาลเกาหลีเหนือได้สร้างโบสถ์ของโปรแตสแตนท์ด้วย นอกเหนือจากโบสถ์คาทอลิก และมีศิษยาภิบาลสามท่านที่ได้เข้าไปปฏิบัติหน้าที่ที่เกาหลีเหนือ
โบสถ์ออร์โธดอกซ์ก็ถูกสร้างขึ้นด้วยเช่นเดียวกัน และวาลาดิมีร์ ปูติน ก็แสดงความขอบคุณต่อเกาหลีเหนือมาก รัฐบาลเกาหลีเหนือส่งชาวเกาหลีเหนือสี่คนไปยังมอสโคว์เพื่อศึกษาเทววิทยาและบวชเป็นพระสงฆ์ออร์โธดอกซ์ “ทั้งๆที่ไม่เคยมีข้อมูลมาก่อนเลยว่ามีความเชื่อแบบออร์โธดอกซ์ในเกาหลีเหนือด้วย” ท่านพระคาร์ดินัลกิตติคุณกล่าว
เกิดอุทกภัยน้ำท่วมใหญ่ในฤดูร้อนของปี 1995 ที่เกาหลีเหนือ ทางวาติกันได้ส่งผู้แทนนำความช่วยเหลือและเงินกองทุนไปให้ แต่ก็ไม่มีอะไรคืบหน้า
ในการแต่งตั้งพระสังฆราชฮองเป็นนักบุญ อาจช่วยให้เกิดความเปลี่ยนแปลงในทางที่ดีขึ้นบ้างในเกาหลีเหนือ อาศัยการวอนขอจากท่านพระสังฆราชก็เป็นได้
http://www.palangjaimx.com/North_Korea.html
โบสถ์ทั้งหมดถูกทำลายด้วย ยกเว้นในปี 1988 “ซึ่งมีการจัดกิฬาโอลิมปิกขึ้นที่เกาหลีใต้ โบสถ์ก็ถูกสร้างขึ้นมาในทันทีทันใดในเปียงยางจากที่ไม่มีอะไรเลย แต่นี่ไม่ใช่เรื่องมหัศจรรย์หรอกนะ มันเป็นเพียงการโฆษณาชวนเชื่อของทางการเกาหลีเหนือว่า มีคาทอลิกที่มีอิสรภาพในการปฏิบัติศาสนกิจ ซึ่งมันไม่ตรงกับความเป็นจริง”
ความจริงแล้ว “โบสถ์” เหล่านั้นดำเนินงานโดยสมาคมคาทอลิกที่นำโดยฆราวาสชื่อ Jang Jae-on ผู้ซึ่งเมื่อไมนานที่ผ่านมา เขาได้เป็นประธานของสภากาชาดเกาหลีเหนือ
ในหลายสิบปีที่ผ่านมา ทางวาติกันพิจารณาว่าสังฆมณฑลเปียงยางยังคงมีอยู่ และได้แต่งตั้งพระสังฆราชที่กรุงโซลให้เป็นผู้แทนสันตสำนักประจำเปียงยาง แต่พระสังฆราชไม่เคยเหยียบย่างไปที่นั่นเลย
พระคาร์ดินัลกิตติคุณของเกาหลีใต้บอกว่า “ผมเคยขออนุญาตที่จะเข้าไป แต่เจ้าหน้าที่บอกว่า จะอนุญาตได้ในกรณีที่ผมนำของบริจาคจำนวนมากๆไปพร้อมกับผมเท่านั้น และจำนวนนั้นมากจนทางสังฆมณฑลของผมไม่สามารถจัดหาให้ได้ ดังนั้นผมจึงไม่ได้เข้าไป ผมเพิ่งจะทราบว่าผู้ที่จะเข้าไปในเกาหลีเหนือได้จะต้องนำความช่วยเหลือจำนวนมากไปให้ด้วย”
ตั้งแต่ปี 2004 Monsignor Matthew Hwang In-kuk พระสังฆราชแห่งกรุงโซลได้รับการแต่งตั้งให้เป็นผู้แทนสันตสำนักแห่งเปียงยาง ตั้งแต่เป็นเด็กท่านพร้อมกับคนในครอบครัวทั้งหมดถูกขับไล่ออกจากเกาหลีเหนือ ต่อมาท่านได้บวชเป็นพระสงฆ์ที่เกาหลีใต้
ภารกิจหลักของท่านคือการดูแลคาทอลิกที่ถูกบังคับให้ลี้ภัยมายังเกาหลีใต้ ท่านหวังว่าในอนาคตที่จะมีโอกาสดูแลคาทอลิกในเกาหลีเหนือ แต่อนาคตยังมาไม่ถึง
ทางการเกาหลีเหนืออนุญาตให้พระสงฆ์เข้าประเทศได้ในกรณีที่นำความช่วยเหลือไปให้ นอกเหนือจากนี้ก็ไม่มีการอนุญาติใดๆทั้งสิ้น
ตั้งแต่ปี 1998 คุณพ่อ เจราลด์ แฮมมอนด์ พระสงฆ์ชาวอเมริกันแห่ง Maryknoll missionary institute ได้มีโอกาสเข้าไปในเกาหลีเหนือปีละสองครั้งในฐานะผู้แทนมูลนิธีที่นำยาและอุปกรณ์การแพทย์เข้าไปให้ ผู้แทนถือเป็นแขกของรัฐบาล และท่านประกอบพิธีมิสซาแต่ไม่ใช่ในโบสถ์ที่สร้างโดยรัฐบาล แต่ทำที่ที่พักของท่าน
ฝ่ายโปรแตสแตนท์ดูจะมีโชคมากกว่า ในปี 1988 ในกิฬาโอลิมปิกที่กรุงโซล ทางรัฐบาลเกาหลีเหนือได้สร้างโบสถ์ของโปรแตสแตนท์ด้วย นอกเหนือจากโบสถ์คาทอลิก และมีศิษยาภิบาลสามท่านที่ได้เข้าไปปฏิบัติหน้าที่ที่เกาหลีเหนือ
โบสถ์ออร์โธดอกซ์ก็ถูกสร้างขึ้นด้วยเช่นเดียวกัน และวาลาดิมีร์ ปูติน ก็แสดงความขอบคุณต่อเกาหลีเหนือมาก รัฐบาลเกาหลีเหนือส่งชาวเกาหลีเหนือสี่คนไปยังมอสโคว์เพื่อศึกษาเทววิทยาและบวชเป็นพระสงฆ์ออร์โธดอกซ์ “ทั้งๆที่ไม่เคยมีข้อมูลมาก่อนเลยว่ามีความเชื่อแบบออร์โธดอกซ์ในเกาหลีเหนือด้วย” ท่านพระคาร์ดินัลกิตติคุณกล่าว
เกิดอุทกภัยน้ำท่วมใหญ่ในฤดูร้อนของปี 1995 ที่เกาหลีเหนือ ทางวาติกันได้ส่งผู้แทนนำความช่วยเหลือและเงินกองทุนไปให้ แต่ก็ไม่มีอะไรคืบหน้า
ในการแต่งตั้งพระสังฆราชฮองเป็นนักบุญ อาจช่วยให้เกิดความเปลี่ยนแปลงในทางที่ดีขึ้นบ้างในเกาหลีเหนือ อาศัยการวอนขอจากท่านพระสังฆราชก็เป็นได้
http://www.palangjaimx.com/North_Korea.html