การแทรกซึมเพื่อทำลายล้าง ( ประสบการณ์ )
-
- โพสต์: 17
- ลงทะเบียนเมื่อ: อาทิตย์ ก.ย. 30, 2012 6:13 am
ข้อความถูกลบ
แก้ไขล่าสุดโดย Chewalia Derbermong เมื่อ อาทิตย์ เม.ย. 26, 2015 9:37 pm, แก้ไขไปแล้ว 1 ครั้ง.
- siritawatss
- โพสต์: 559
- ลงทะเบียนเมื่อ: อาทิตย์ พ.ย. 18, 2012 8:11 pm
- ที่อยู่: อ มะขาม จ จันทบุรี
- ติดต่อ:
ยุคนี้ต้องตั้งการ์ด ใส่เกราะให้ดีครับ
เอเฟซัส 6:10-18
10 สุดท้ายนี้ ท่านทั้งหลายจงเป็นผู้เข้มแข็งในองค์พระผู้เป็นเจ้า จงตักตวงพลังจากพระพลานุภาพของพระองค์ 11 จงสวมใส่อาวุธครบชุดของพระเจ้า2 เพื่อท่านจะยืนหยัดต่อต้านเล่ห์กลของปีศาจได้ 12 เพราะเรา3 มิได้ต่อสู้กับพลังมนุษย์ แต่ต่อสู้กับเทพนิกรเจ้า และเทพนิกรอำนาจ ต่อสู้กับผู้ปกครองพิภพแห่งความมืดมนนี้ ต่อสู้กับบรรดาจิตแห่งความชั่วร้ายที่อยู่บนท้องฟ้า4 13 เพราะฉะนั้น ท่านทั้งหลายจงสวมใส่อาวุธครบชุดของพระเจ้า เพื่อจะต้านทานทุกสิ่งได้ในวันเลวร้าย และยืนหยัดอยู่ได้จนถึงที่สุด
14 จงยืนหยัดมั่นคง จงคาดสะเอวด้วยความจริง จงสวมความชอบธรรมเป็นเสื้อเกราะ 15 จงสวมความกระตือรือร้นที่จะประกาศพระวรสารแห่งสันติเป็นรองเท้า 16 จงถือความเชื่อเป็นโล่ไว้เสมอ เพื่อใช้ดับธนูไฟของมาร
17 จงใช้ความรอดพ้นเป็นเกราะป้องกันศีรษะ จงถือดาบของพระจิตเจ้าคือพระวาจาของพระเจ้าไว้ 18 จงอธิษฐานภาวนาอยู่เสมอ ขอพระจิตเจ้าทรงดลใจคำอธิษฐานวอนขอต่างๆ ทุกโอกาส จงตื่นเฝ้า อย่าท้อถอยที่จะวอนขอเพื่อบรรดาผู้ศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลายและเพื่อข้าพเจ้าด้วย
เอเฟซัส 6:10-18
10 สุดท้ายนี้ ท่านทั้งหลายจงเป็นผู้เข้มแข็งในองค์พระผู้เป็นเจ้า จงตักตวงพลังจากพระพลานุภาพของพระองค์ 11 จงสวมใส่อาวุธครบชุดของพระเจ้า2 เพื่อท่านจะยืนหยัดต่อต้านเล่ห์กลของปีศาจได้ 12 เพราะเรา3 มิได้ต่อสู้กับพลังมนุษย์ แต่ต่อสู้กับเทพนิกรเจ้า และเทพนิกรอำนาจ ต่อสู้กับผู้ปกครองพิภพแห่งความมืดมนนี้ ต่อสู้กับบรรดาจิตแห่งความชั่วร้ายที่อยู่บนท้องฟ้า4 13 เพราะฉะนั้น ท่านทั้งหลายจงสวมใส่อาวุธครบชุดของพระเจ้า เพื่อจะต้านทานทุกสิ่งได้ในวันเลวร้าย และยืนหยัดอยู่ได้จนถึงที่สุด
14 จงยืนหยัดมั่นคง จงคาดสะเอวด้วยความจริง จงสวมความชอบธรรมเป็นเสื้อเกราะ 15 จงสวมความกระตือรือร้นที่จะประกาศพระวรสารแห่งสันติเป็นรองเท้า 16 จงถือความเชื่อเป็นโล่ไว้เสมอ เพื่อใช้ดับธนูไฟของมาร
17 จงใช้ความรอดพ้นเป็นเกราะป้องกันศีรษะ จงถือดาบของพระจิตเจ้าคือพระวาจาของพระเจ้าไว้ 18 จงอธิษฐานภาวนาอยู่เสมอ ขอพระจิตเจ้าทรงดลใจคำอธิษฐานวอนขอต่างๆ ทุกโอกาส จงตื่นเฝ้า อย่าท้อถอยที่จะวอนขอเพื่อบรรดาผู้ศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลายและเพื่อข้าพเจ้าด้วย
- siritawatss
- โพสต์: 559
- ลงทะเบียนเมื่อ: อาทิตย์ พ.ย. 18, 2012 8:11 pm
- ที่อยู่: อ มะขาม จ จันทบุรี
- ติดต่อ:
อันนี้ก็น่าสนใจ
ปชญ 2:1ก,12-22
ผู้ไม่ยำเกรงพระเจ้าใช้เหตุผลผิดๆ คิดว่า“เราจงดักซุ่มทำร้ายผู้ชอบธรรม เพราะเขาทำให้เรารำคาญใจ เขาต่อต้านกิจการของเรา เขาตำหนิเราว่าฝ่าฝืนธรรมบัญญัติ กล่าวหาว่าเราไม่ปฏิบัติตามการอบรมที่ได้รับ เขาอ้างว่าเขารู้จักพระเจ้า เรียกตนเองว่าเป็นบุตรขององค์พระผู้เป็นเจ้า ชีวิตของเขาเป็นการติเตียนความรู้สึกนึกคิดของเรา เพียงแต่เห็นเขา เราก็ทนไม่ได้ เพราะชีวิตของเขาไม่เหมือนกับผู้อื่น
ความประพฤติของเขาก็ต่างกับของเรามาก เขาคิดว่าเราเป็นคนไร้ค่า เขาหลีกเลี่ยงวิถีชีวิตของเราประหนึ่งว่าเป็นสิ่งปฏิกูล เขาประกาศว่าผู้ชอบธรรมจะมีความสุขในวาระสุดท้าย อวดอ้างว่าพระเจ้าทรงเป็นพระบิดาของเขา เราจงดูเถิดว่าคำพูดของเขาจะจริงหรือไม่ เราจงพิสูจน์ว่าอะไรจะเกิดขึ้นแก่เขาในวาระสุดท้าย ถ้าผู้ชอบธรรมเป็นบุตรของพระเจ้า พระองค์ก็จะทรงปกป้องเขา และทรงช่วยเขาให้พ้น
เงื้อมมือของศัตรู เราจงสาปแช่งและทรมานลองใจเขา ให้รู้ว่าเขาอ่อนโยนเพียงใด และจงทดสอบว่าเขาอดทนเพียงใดเราจงตัดสินลงโทษให้เขาตายอย่างอัปยศ ถ้าเป็นจริงอย่างที่เขาพูด พระเจ้าจะทรงคอยดูแลเขา”
ผู้ไม่ยำเกรงพระเจ้าคิดเช่นนี้ แต่เขาคิดผิด ความชั่วร้ายทำให้เขาตาบอด เขาไม่รู้แผนการเร้นลับของพระเจ้า เขาไม่หวังว่าพระเจ้าจะทรงตอบแทนความศักดิ์สิทธิ์ เขาไม่เชื่อว่าพระองค์จะประทานรางวัลแก่ผู้ดำเนินชีวิตไร้ตำหนิ
ปชญ 2:1ก,12-22
ผู้ไม่ยำเกรงพระเจ้าใช้เหตุผลผิดๆ คิดว่า“เราจงดักซุ่มทำร้ายผู้ชอบธรรม เพราะเขาทำให้เรารำคาญใจ เขาต่อต้านกิจการของเรา เขาตำหนิเราว่าฝ่าฝืนธรรมบัญญัติ กล่าวหาว่าเราไม่ปฏิบัติตามการอบรมที่ได้รับ เขาอ้างว่าเขารู้จักพระเจ้า เรียกตนเองว่าเป็นบุตรขององค์พระผู้เป็นเจ้า ชีวิตของเขาเป็นการติเตียนความรู้สึกนึกคิดของเรา เพียงแต่เห็นเขา เราก็ทนไม่ได้ เพราะชีวิตของเขาไม่เหมือนกับผู้อื่น
ความประพฤติของเขาก็ต่างกับของเรามาก เขาคิดว่าเราเป็นคนไร้ค่า เขาหลีกเลี่ยงวิถีชีวิตของเราประหนึ่งว่าเป็นสิ่งปฏิกูล เขาประกาศว่าผู้ชอบธรรมจะมีความสุขในวาระสุดท้าย อวดอ้างว่าพระเจ้าทรงเป็นพระบิดาของเขา เราจงดูเถิดว่าคำพูดของเขาจะจริงหรือไม่ เราจงพิสูจน์ว่าอะไรจะเกิดขึ้นแก่เขาในวาระสุดท้าย ถ้าผู้ชอบธรรมเป็นบุตรของพระเจ้า พระองค์ก็จะทรงปกป้องเขา และทรงช่วยเขาให้พ้น
เงื้อมมือของศัตรู เราจงสาปแช่งและทรมานลองใจเขา ให้รู้ว่าเขาอ่อนโยนเพียงใด และจงทดสอบว่าเขาอดทนเพียงใดเราจงตัดสินลงโทษให้เขาตายอย่างอัปยศ ถ้าเป็นจริงอย่างที่เขาพูด พระเจ้าจะทรงคอยดูแลเขา”
ผู้ไม่ยำเกรงพระเจ้าคิดเช่นนี้ แต่เขาคิดผิด ความชั่วร้ายทำให้เขาตาบอด เขาไม่รู้แผนการเร้นลับของพระเจ้า เขาไม่หวังว่าพระเจ้าจะทรงตอบแทนความศักดิ์สิทธิ์ เขาไม่เชื่อว่าพระองค์จะประทานรางวัลแก่ผู้ดำเนินชีวิตไร้ตำหนิ
-
- โพสต์: 286
- ลงทะเบียนเมื่อ: พุธ ต.ค. 27, 2010 8:03 pm
- ที่อยู่: ถ.ราชปรารภ แขวงมักกะสัน เขตราชเทวี กทม.
สิ่งเหล่านี้ส่งผลต่อชีวิตฝ่ายวิญญาณของคริสตชนจริงๆครับ ไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง
หลักการของพระคัมภีร์คือ เผาทำลายทิ้งครับ อย่าได้มีไว้ในครอบครองเลย
กจ 19
18 บัดนี้หลายคนที่เชื่อมาสารภาพการกระทำที่ชั่วร้ายอย่างเปิดเผย 19 คนที่ใช้เวทมนตร์คาถานำม้วนตำราของตนมาเผาทิ้งต่อหน้าสาธารณชน ตำราเหล่านั้นรวมแล้วคิดเป็นเงินถึง 50,000 แดรกมา20 โดยเหตุนี้พระวจนะขององค์พระผู้เป็นเจ้าจึงแพร่ออกไปอย่างกว้างไกลและเกิดผลมากยิ่งขึ้น
ปล.อิมมานูเอล
หลักการของพระคัมภีร์คือ เผาทำลายทิ้งครับ อย่าได้มีไว้ในครอบครองเลย
กจ 19
18 บัดนี้หลายคนที่เชื่อมาสารภาพการกระทำที่ชั่วร้ายอย่างเปิดเผย 19 คนที่ใช้เวทมนตร์คาถานำม้วนตำราของตนมาเผาทิ้งต่อหน้าสาธารณชน ตำราเหล่านั้นรวมแล้วคิดเป็นเงินถึง 50,000 แดรกมา20 โดยเหตุนี้พระวจนะขององค์พระผู้เป็นเจ้าจึงแพร่ออกไปอย่างกว้างไกลและเกิดผลมากยิ่งขึ้น
ปล.อิมมานูเอล
-
- โพสต์: 17
- ลงทะเบียนเมื่อ: อาทิตย์ ก.ย. 30, 2012 6:13 am
คือผมผนึกลงกล่อง ไม่ได้เผาทำลาย เพราะมูลค่าหนังสือก็มากอยู่เป็นตำราเก่าที่หายากก็หลายชุด อาจบริจาคให้ห้องสมุดอ่ะครับ
ขอบคุณนะครับสำหรับการแสดงความคิดเห็น : )
ขอบคุณนะครับสำหรับการแสดงความคิดเห็น : )
หากจบลงด้วยดีก็ดีแล้วครับ
แต่ผมอยากจะคุยในมุมอื่นๆของเรื่องนี้ไว้สักหน่อยนะครับ
คือคริสตชนเรา ไม่จำเป็นต้องมองทุกสิ่งที่ไม่มีในศาสนาเราที่มันดูเป็นศาสตร์โบราณว่ามันเป้นเวทย์มนต์หรือปีศาจไปซะหมดหรอกครับ
อย่างเรื่องฮวงจุ้ยมันคล้ายๆเรื่องแพทย์แผนโบราณ คือสมุนไพรบางอย่างคนโบราณไม่ได้เอาไปเข้าเครื่องแสกนพิสูจน์ตัวยาเป็นวิทยาศาสตร์ แต่ยาบางอย่างก็กินแล้วหายจริง บางอย่างก็เป็นความเชื่องมงาย เช่น คนคิดว่า กิน ตีนหมี ดีงู จู๋ช้าง แล้วจะฟิตปั๋งกำลังมาก มันก็อาจจะเป็นการมโนไปเองว่า กินสัตว์ที่มีพลังหรือดุร้าย เราจะได้รับกำลังนั้นมา ซึ่งก็ไม่ได้จริงอะไร แต่ของง่ายๆอย่างดื่มเก๊กฮวยแก้ร้อนใน กินน้ำเย็นๆมากๆไม่ดี ท้องอืด มันก็เป้นความจริง สมัยผมเด็กๆชอบกินน้ำใส่น้ำแข็งเหมือนเด็กทั่วไป จำได้ตอนป.3 เคยมีอาม่าคนนึงดุผม ตอนผมกินข้าวต้มแล้วกินน้ำแดงใส่นำ้แข็ง อาม่าแกบอกว่าร้อนๆมากินเย็นมันจะตีกันนะเดี๋ยวปวดท้อง ผมก็คิดว่างี่เง่าจัง ไม่เชื่อแก พอกินอิ่มแล้วก็รู้สึกปวดท้อง แกก็รีบพูดเลยเห็นไมล่ะบอกแล้ว แต่ตอนนั้นเด็กๆไม่ค่อยใส่ใจ ตอนนี้พอโตมาสังเกตตัวเองมันจริงแฮะ กินน้ำใส่น้ำแข็งมากๆเวลากินข้าวแล้วมักจะท้องอืด อาหารไม่ค่อยย่อย ปวดท้องจากลมในกระเพาะจริงๆ วิธีที่อาม่าพูดจาฟังดูเป็นไสยศาสตร์มากธาตุร้อนเย็นตีกันอะไรไม่รู้ แต่ที่จริงมันแค่ภาษาคนสมัยก่อน
อย่างสมัยนี้ คนเล่นโยคะเสริมสุขภาพกัน สมัยก่อนหน้าเราสัก50ปี โยคะมีภาพลักษณ์เป็นวิชาไสยศาสตร์มากมายต้องบูชาเทพฮินดูก่อนนั่นนี่ มาพร้อมกับภาพลักของโยคีอะไรแบบนี้ สมัยนี้พอเขาตัดพวกนั้นออกหมด แค่การทำท่าทางต่างๆของโยคะก็ทำให้ร่างกายสมดุลย์และแข็งแรงขึ้นได้จริงๆ และนิยมกันไปทั่วในปัจจุบัน
อย่างฮวงจุ้ยเอง ถ้าในมุมที่ต้องบูชาเทพนั่นนี่ ติดเสือคาบดาบอะไรต่ออะไร ก็เป็นไสยศาสตร์อยู่ แต่ตัวหลักการหลายอย่างมันก็หลักการสร้างบ้านให้อยู่สบายนั่นแหละครับ ดูทิศทางลม ทิศทางแสง แล้วสร้างบ้านให้เข้ากับวิถีธรรมชาติ อะไรขัดธรรมชาติแล้วอยู่ไม่สบายก็แก้ไข อย่างฮวงจุ้ยบอกว่า เตียงนอนห้ามหันหัวไปที่ประตูแต่ให้หันเท้าไปประตู มันก็หลักง่ายๆว่า ใครเปิดประตูเข้ามาตอนคุณนอนแล้วเดินมาที่หัวคุณได้เลยโดยคุณไม่ทันเห็นครับ ถ้าโจรบุกบ้านก็โดนปาดคอตายคาเตียง แต่ถ้าประตูอยู่ปลายเตียงใครเข้ามาคุณลืมตาก็เห็นทันทีครับ หรืออย่างห้องครัว ห้ามน้ำไฟอยู่ใกล้กัน ถ้าสมัยนี้เขาจะบอกว่าไม่ให้เตาแก๊สกับอ่างล้างจานใกล้กันเกินไป สมัยก่อนใช้ฟืนทำกับข้าว น้ำไม่ใช่น้ำก๊อก เขาต้องตักน้ำใส่ถังไว้ใช้ แล้วพอเตาใกล้น้ำฟืนชื้นมันก็ติดไฟยาก แล้วตอนทำกับข้าวใช้ฟืนมีเขม่าขี้เถ้าฟุ้งลงน้ำ น้ำก็สกปรกหมด แต่คนเราชอบมักง่ายเอาสะดวก อย่างร้านอาหารตามสั่งริมถนนน่ะชอบเอาถังน้ำวางข้างเตา ซึ่งปัจจุบันเป็นเตาแก๊สปัญหาไฟติดยากหมดไป แต่น้ำไม่ค่อยสะอาดนักหรอกครับ ลองไปดูใกล้ๆไขมันลอยเป็นฟิลม์บนผิวน้ำเชียว
พูดมายืดยาว จะบอกว่า เราคริสตชนไม่ต้องไปตีความว่าอะไรที่มันยังพิสูจน์ชัดเจนทางวิทยาศาสตร์สมัยใหม่ไม่ได้ว่า ต้องกลายเป็นเวทย์มนต์คาถาผีปีศาจไปซะหมดหรอกครับ บางทีมันก็อาจจะแค่วิทยาศาสตร์ที่ยังมาไม่ถึง
หลักการตัดสินมันไม่ได้อยู่ที่รูปแบบ หรือภาพลักษณ์ภายนอก การจะแยกไสยศาสตร์ออกอย่างพื้นฐานที่สุดคือ ถ้ามันทำให้เราห่างพระเจ้าหรือเสียความเชื่อพระเจ้า ทำให้เราไม่ได้นมัสการพระเจ้าสูงสุดเป็นพระเจ้าหนึ่งเดียว มันก็คือมาจากฝ่ายตรงข้าม ถ้าอะไรคุณทำแล้วไม่มีสันติสุขก็ไม่ได้มาจากพระเจ้า นอกนั้นบางทีมันก็อาจจะแค่หลักการตามธรรมชาติทั่วไปที่เรายังไม่เข้าใจก็เป็นได้ครับ
แต่ผมอยากจะคุยในมุมอื่นๆของเรื่องนี้ไว้สักหน่อยนะครับ
คือคริสตชนเรา ไม่จำเป็นต้องมองทุกสิ่งที่ไม่มีในศาสนาเราที่มันดูเป็นศาสตร์โบราณว่ามันเป้นเวทย์มนต์หรือปีศาจไปซะหมดหรอกครับ
อย่างเรื่องฮวงจุ้ยมันคล้ายๆเรื่องแพทย์แผนโบราณ คือสมุนไพรบางอย่างคนโบราณไม่ได้เอาไปเข้าเครื่องแสกนพิสูจน์ตัวยาเป็นวิทยาศาสตร์ แต่ยาบางอย่างก็กินแล้วหายจริง บางอย่างก็เป็นความเชื่องมงาย เช่น คนคิดว่า กิน ตีนหมี ดีงู จู๋ช้าง แล้วจะฟิตปั๋งกำลังมาก มันก็อาจจะเป็นการมโนไปเองว่า กินสัตว์ที่มีพลังหรือดุร้าย เราจะได้รับกำลังนั้นมา ซึ่งก็ไม่ได้จริงอะไร แต่ของง่ายๆอย่างดื่มเก๊กฮวยแก้ร้อนใน กินน้ำเย็นๆมากๆไม่ดี ท้องอืด มันก็เป้นความจริง สมัยผมเด็กๆชอบกินน้ำใส่น้ำแข็งเหมือนเด็กทั่วไป จำได้ตอนป.3 เคยมีอาม่าคนนึงดุผม ตอนผมกินข้าวต้มแล้วกินน้ำแดงใส่นำ้แข็ง อาม่าแกบอกว่าร้อนๆมากินเย็นมันจะตีกันนะเดี๋ยวปวดท้อง ผมก็คิดว่างี่เง่าจัง ไม่เชื่อแก พอกินอิ่มแล้วก็รู้สึกปวดท้อง แกก็รีบพูดเลยเห็นไมล่ะบอกแล้ว แต่ตอนนั้นเด็กๆไม่ค่อยใส่ใจ ตอนนี้พอโตมาสังเกตตัวเองมันจริงแฮะ กินน้ำใส่น้ำแข็งมากๆเวลากินข้าวแล้วมักจะท้องอืด อาหารไม่ค่อยย่อย ปวดท้องจากลมในกระเพาะจริงๆ วิธีที่อาม่าพูดจาฟังดูเป็นไสยศาสตร์มากธาตุร้อนเย็นตีกันอะไรไม่รู้ แต่ที่จริงมันแค่ภาษาคนสมัยก่อน
อย่างสมัยนี้ คนเล่นโยคะเสริมสุขภาพกัน สมัยก่อนหน้าเราสัก50ปี โยคะมีภาพลักษณ์เป็นวิชาไสยศาสตร์มากมายต้องบูชาเทพฮินดูก่อนนั่นนี่ มาพร้อมกับภาพลักของโยคีอะไรแบบนี้ สมัยนี้พอเขาตัดพวกนั้นออกหมด แค่การทำท่าทางต่างๆของโยคะก็ทำให้ร่างกายสมดุลย์และแข็งแรงขึ้นได้จริงๆ และนิยมกันไปทั่วในปัจจุบัน
อย่างฮวงจุ้ยเอง ถ้าในมุมที่ต้องบูชาเทพนั่นนี่ ติดเสือคาบดาบอะไรต่ออะไร ก็เป็นไสยศาสตร์อยู่ แต่ตัวหลักการหลายอย่างมันก็หลักการสร้างบ้านให้อยู่สบายนั่นแหละครับ ดูทิศทางลม ทิศทางแสง แล้วสร้างบ้านให้เข้ากับวิถีธรรมชาติ อะไรขัดธรรมชาติแล้วอยู่ไม่สบายก็แก้ไข อย่างฮวงจุ้ยบอกว่า เตียงนอนห้ามหันหัวไปที่ประตูแต่ให้หันเท้าไปประตู มันก็หลักง่ายๆว่า ใครเปิดประตูเข้ามาตอนคุณนอนแล้วเดินมาที่หัวคุณได้เลยโดยคุณไม่ทันเห็นครับ ถ้าโจรบุกบ้านก็โดนปาดคอตายคาเตียง แต่ถ้าประตูอยู่ปลายเตียงใครเข้ามาคุณลืมตาก็เห็นทันทีครับ หรืออย่างห้องครัว ห้ามน้ำไฟอยู่ใกล้กัน ถ้าสมัยนี้เขาจะบอกว่าไม่ให้เตาแก๊สกับอ่างล้างจานใกล้กันเกินไป สมัยก่อนใช้ฟืนทำกับข้าว น้ำไม่ใช่น้ำก๊อก เขาต้องตักน้ำใส่ถังไว้ใช้ แล้วพอเตาใกล้น้ำฟืนชื้นมันก็ติดไฟยาก แล้วตอนทำกับข้าวใช้ฟืนมีเขม่าขี้เถ้าฟุ้งลงน้ำ น้ำก็สกปรกหมด แต่คนเราชอบมักง่ายเอาสะดวก อย่างร้านอาหารตามสั่งริมถนนน่ะชอบเอาถังน้ำวางข้างเตา ซึ่งปัจจุบันเป็นเตาแก๊สปัญหาไฟติดยากหมดไป แต่น้ำไม่ค่อยสะอาดนักหรอกครับ ลองไปดูใกล้ๆไขมันลอยเป็นฟิลม์บนผิวน้ำเชียว
พูดมายืดยาว จะบอกว่า เราคริสตชนไม่ต้องไปตีความว่าอะไรที่มันยังพิสูจน์ชัดเจนทางวิทยาศาสตร์สมัยใหม่ไม่ได้ว่า ต้องกลายเป็นเวทย์มนต์คาถาผีปีศาจไปซะหมดหรอกครับ บางทีมันก็อาจจะแค่วิทยาศาสตร์ที่ยังมาไม่ถึง
หลักการตัดสินมันไม่ได้อยู่ที่รูปแบบ หรือภาพลักษณ์ภายนอก การจะแยกไสยศาสตร์ออกอย่างพื้นฐานที่สุดคือ ถ้ามันทำให้เราห่างพระเจ้าหรือเสียความเชื่อพระเจ้า ทำให้เราไม่ได้นมัสการพระเจ้าสูงสุดเป็นพระเจ้าหนึ่งเดียว มันก็คือมาจากฝ่ายตรงข้าม ถ้าอะไรคุณทำแล้วไม่มีสันติสุขก็ไม่ได้มาจากพระเจ้า นอกนั้นบางทีมันก็อาจจะแค่หลักการตามธรรมชาติทั่วไปที่เรายังไม่เข้าใจก็เป็นได้ครับ
-
- โพสต์: 286
- ลงทะเบียนเมื่อ: พุธ ต.ค. 27, 2010 8:03 pm
- ที่อยู่: ถ.ราชปรารภ แขวงมักกะสัน เขตราชเทวี กทม.
ก็ใช่ส่วนหนึ่งครับ อย่างผมเรียนแพทย์แผนจีน เรื่องของหยินหยาง โหงวเฮ้ง ฯลฯ เป็นปรัชญาโบราณที่ใช้เป็นพื้นฐานแพทย์จีนด้วยซ้ำ ไม่ใช่ไสยศาสตร์ อำนาจมืดอะไร ถึงแม้ไม่มีหลักวิชาวิทยาศาสตร์ตะวันตกรองรับ แต่สิ่งเหล่านี้ก็เป็นหลักวิทยาศาสตร์เช่นกัน คือในแง่ของที่มา ก็มาจากการสังเกต ตั้งสมมติฐาน ทดลอง สรุปผล แล้วนำเสนอ เช่นกันเพียงแต่อ้างอิงหลักการคนละหลัก อธิบายคนละแบบกับแพทย์แผนปัจจุบัน แต่ก็รักษาโรคได้อย่างเห็นผล แม้กระทั้งบางโรคที่แพทย์แผนปัจจุบันไม่อาจเยียวยาได้ ได้แต่เลี้ยงไข้ เพราะทั้งสองอย่างก็ล้วนเป็นภูมิปัญญาของมนุษยชาติที่พระเจ้าประทานให้
แต่สำหรับผม ผมว่าเราจะรู้เองแหละครับว่าอะไรใช่อะไรไม่ใช่ เพราะจากคำพยานข้างต้น สิ่งเหล่านี้ก็ส่งผลต่อความสัมพันธ์ระหว่างเรากับพระเจ้าจริง โดยเฉพาะพวกเกี่ยวกับการทำนายทายทัก ดวงชะตาราศีนี่ชัดเจน
ส่วนเหตุที่หลักของพระคัมภีร์ให้กำจัดทิ้ง(ไม่ว่าเผาหรือวิธีอื่น)โดยไม่คำนึงแม้มูลค่าสูง ก็เปรียบได้กับ เรารู้ว่าบ้านเรามีงูพิษ ทางแก้คือ กำจัดมันอย่างไม่เสียดาย ต่อให้เป็นงูเผือก หายากแค่ไหนแล้วคิดว่าเอาไปขายคงได้ราคา หรือแม้แต่เอาไปให้คนอื่นฟรี ก็ได้แต่ไปทำร้ายคนอื่นต่อ อีกทั้งพระวจนะยังให้เราเห็นว่า การขจัดสิ่งมลทินเช่นนี้ ทำให้การประกาศข่าวประเสริฐของเรามีฤทธิ์เดชขึ้นอีกด้วย
พอเข้าใจนะครับ ส่วนคุณจะทำอย่างไรก็สุดแล้วแต่พระเจ้าจะนำพาครับ หลักการนี้คือแบบอย่างในพระคัมภีร์ครับ ไม่ใช่ผมคิดขึ้นมาเอง แต่พระเจ้าก็ทรงนำพาแต่ละคนต่างกันไป
ปล.อิมมานูเอล
แต่สำหรับผม ผมว่าเราจะรู้เองแหละครับว่าอะไรใช่อะไรไม่ใช่ เพราะจากคำพยานข้างต้น สิ่งเหล่านี้ก็ส่งผลต่อความสัมพันธ์ระหว่างเรากับพระเจ้าจริง โดยเฉพาะพวกเกี่ยวกับการทำนายทายทัก ดวงชะตาราศีนี่ชัดเจน
ส่วนเหตุที่หลักของพระคัมภีร์ให้กำจัดทิ้ง(ไม่ว่าเผาหรือวิธีอื่น)โดยไม่คำนึงแม้มูลค่าสูง ก็เปรียบได้กับ เรารู้ว่าบ้านเรามีงูพิษ ทางแก้คือ กำจัดมันอย่างไม่เสียดาย ต่อให้เป็นงูเผือก หายากแค่ไหนแล้วคิดว่าเอาไปขายคงได้ราคา หรือแม้แต่เอาไปให้คนอื่นฟรี ก็ได้แต่ไปทำร้ายคนอื่นต่อ อีกทั้งพระวจนะยังให้เราเห็นว่า การขจัดสิ่งมลทินเช่นนี้ ทำให้การประกาศข่าวประเสริฐของเรามีฤทธิ์เดชขึ้นอีกด้วย
พอเข้าใจนะครับ ส่วนคุณจะทำอย่างไรก็สุดแล้วแต่พระเจ้าจะนำพาครับ หลักการนี้คือแบบอย่างในพระคัมภีร์ครับ ไม่ใช่ผมคิดขึ้นมาเอง แต่พระเจ้าก็ทรงนำพาแต่ละคนต่างกันไป
ปล.อิมมานูเอล