ขอถามค่ะ

ถาม-ตอบพระคัมภีร์ เรื่องเสริมศรัทธา ความรู้ และสาระ บทความ ในคริสตศาสนา
ตอบกลับโพส
chawannat

เสาร์ ก.ย. 17, 2005 4:49 pm

คือว่า ยังมีข้อสงสัยอยู่นิดหน่อยนะค่ะว่า ทำไมพระเยซูต้องถูกตรึงกางเขนด้วยอ่ะค่ะ

แล้วการไถ่บาปของพระองค์ ทำเพื่อเราอย่างไร ทั้งๆที่พระองค์ก็ทรงอยู่บนสวรรค์แล้ว

แต่ว่าโดยส่วนตัวเชื่อพระเจ้าอยู่แล้วนะค่ะ ถึงจะยังไม่ได้เป็นคริสตชน
Jeab Agape
~@
โพสต์: 8259
ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ ม.ค. 17, 2005 9:56 pm
ที่อยู่: Bangkok

เสาร์ ก.ย. 17, 2005 4:57 pm

ขอตอบฮะ ลองอ่านดู ฮะ ว่าเข้าใจไหม ถ้าไม่เข้าใจถามใหม่นะฮะ

-----------------------------------------------

ความหมายของกางเขน (Cross)


เมื่อพระเยซูคริสต์ถูกตัดสินให้ประหารด้วยการตรึงบนไม้กางเขน เขาก็นำพระองค์ไปโบยตีด้วยแส้หนังตามวิธีลงโทษนักโทษประหาร แส้นี้ทำด้วยหนังเป็นเส้นๆ คล้ายหางม้า และมีตะกั่ว กระดูกสัตว์หรือของมีคมอื่นๆ ผูกเป็นปมๆ ติดอยู่ เพื่อเพิ่มความเจ็บปวดและสร้างบาดแผลให้มากยิ่งขึ้น นักโทษบางคนถึงกับเสียชีวิตด้วยการโบยด้วยแส้นี้ บางคนถึงกับตาบอดก็มี หลังจากเฆี่ยนแล้วเขาก็นำพระองค์มาล้อเลียน เยาะเย้ย ทั้งเอาหนามมาสานเป็นมงกุฎสวมให้ด้วย พอวันรุ่งขึ้นเขาก็ให้พระองค์แบกกางเขนอันใหญ่และหนักไปตามถนนทั้งๆ ที่พระองค์บอบช้ำและอดนอนมาตลอดทั้งคืนแล้ว ขบวนแห่นักโทษนี้จะมีทหารคุมไป 4 คนอยู่คนละมุมเป็นรูปสี่เหลี่ยม ข้างหน้ามีป้ายประจานความผิดของนักโทษเขียนเป็น 3 ภาษาคือ กรีก ลาติน และฮีบรู เพราะภาษากรีกเป็นภาษาที่ใช้ในทางการค้า ภาษาลาตินเป็นภาษาทางราชการ ส่วนภาษาฮีบรูเป็นภาษาท้องถิ่น เขาจะนำป้ายอันนี้มาติดไว้ที่ยอดกางเขนเมื่อตรึงแล้วด้วย นักโทษจะถูกแห่ประจานไปรอบๆ เมือง ก่อนที่จะนำไปประหาร โดยใช้เส้นทางที่ยาวและคดเคี้ยวที่สุด ด้วยเหตุผลสองประการคือ หนึ่งเป็นการประจาน และสองถ้าในขณะที่เดินไปมีผู้ใดจะคัดค้านและขอเป็นพยานในความบริสุทธิ์ของนักโทษก็จะประท้วงคำพิพากษานี้ได้ คดีนี้จะต้องรื้อฟื้นขึ้นมาพิจารณาใหม่ น่าสลดใจที่ไม่มีผู้ใดคัดค้านเพื่อพระเยซูกันเลยแม้แต่คนเดียว

กางเขนที่พระเยซูแบกไปนั้นเข้าใจกันว่าเป็นกางเขนที่เราเห็นอยู่ในโบสถ์ทั่วๆ ไปซึ่งเรียกกันว่ากางเขนแบบลาติน กางเขนในสมัยนั้นไม่ได้มีอยู่แบบเดียวเท่านั้น ยังมีกางเขนรูปตัว X เรียกว่ากางเขนของนักบุญอันดรูว์ เพราะเชื่อว่าอัครสาวกอันดรูว์ถูกตรึงด้วยกางเขนชนิดนี้ แบบที่ 3 ก็เป็นรูปตัว T มีชื่อว่ากางเขนของนักบุญแอนโทนี และแบบที่ 4 ก็คือแบบของกรีกที่เป็นรูปกากบาท + คือแบบสัญลักษณ์ของกาชาดนั่นเอง

ความเป็นมาของกางเขนนั้นเดิมทีเกิดขึ้นในหมู่ชาวเปอร์เซีย พวกเขามีความเชื่อว่าแผ่นดินนั้นบริสุทธิ์และศักดิ์สิทธิ์ จึงไม่ยอมให้ร่างกายของผู้ทำผิดหรือร่างกายที่ชั่วร้ายนั้นมาเกลือกกลั้ว เมื่อจะประหารก็จัดการตรึงไว้ด้วยตะปูนแขวนห้อยเหนือพื้นดิน เมื่อตายแล้วก็ให้แร้งหรือสุนัขป่ามาฉีกกินจนสิ้นซาก วิธีการเช่นนี้พวกคาเธจซึ่งอยู่ใกล้อิตาลีหรือโรมจดจำมาใช้และทางโรมันก็นำมาใช้อีกต่อหนึ่ง แต่การนำกางเขนมาใช้นี้มิได้ใช้กับชาวโรมัน แต่จะใช้กับพวกทาสหรือพวกกบฏที่เป็นชาวต่างชาติ เพราะเขาถือว่าชาวโรมันเป็นผู้ที่อยู่เหนือกว่าคนชาติอื่นๆ จะถูกทำทารุณกรรมอย่างนั้นไม่ได้ ซิเซโร นักปรัชญาเป็นเอกที่มีชื่อเสียงในสมัยก่อนคริสตศตวรรษแสดงความเห็นไว้ว่า สำหรับประชาชนชาวโรมันแล้ว "การถูกจับมัดก็เป็นอาชญากรรม ถ้าถูกเฆี่ยนตีก็ยิ่งเลวร้ายไปกว่านั้นอีก คือถือว่าเป็นเรื่องร้ายแรงอย่างที่สุด แต่ถ้าถูกตรึงบนกางเขนละก็ไม่ทราบว่าจะเปรียบกับอะไรอีกได้" ด้วยเหตุนี้การประหารด้วยการตรึงบนกางเขนจึงไม่มีในหมู่ชาวโรมัน พระเยซูคริสต์ของเราถูกประหารอย่างทารุณที่สุด ต่ำต้อยที่สุดและน่าอับอายที่สุดที่มนุษย์จะคิดขึ้นได้ในสมัยนั้น

การตรึงบนไม้กางเขน

เป็นวิธีการทำให้เจ็บปวดรวดร้าว เป็นวิธีการประหารชีวิตซึ่งพวกโรมันใช้ ไม่ใช่เป็นวิธีการของพวกยิว พวกยิวในสมัยพระคัมภีร์เดิมใช้วิธีประหารชีวิตพวก อาชญากรโดยใช้หินขว้างให้ตาย และเอาศพแขวนไว้บนต้นไม้เป็นเครื่องแสดงว่าคนถูกประหารชีวิตเหล่านั้นอยู่ภายใต้การสาปแช่งของพระเจ้า (ฉธบ. 21:22-23) พวกยิวในสมัยพระเยซูอยู่ภายใต้การปกครองของโรมไม่มีอำนาจจัดการประหารชีวิต เขาต้องยอมให้ทางโรมทำ อย่างไรก็ตามพวกชาวยิวไม่ขอให้โรมเอาหินขว้างพระเยซูให้ตาย เขาเห็นว่าจับพระองค์ตรึงบนกางเขนให้ตายมันง่ายดีกว่า (มธ. 27:22-23)

พวกยิวถือกันว่ากางเขนของพระเยซูเป็นเสมือนต้นไม้ เพราะพระองค์ถูกแขวนไว้บนท่อนไม้รูปกางเขนนั้น พวกเขาจึงถือว่าพระองค์ตกอยู่ภายใต้การสาปแช่งของพระเจ้า แท้ที่จริงพระเยซูคริสต์ได้ทรงแบกการสาปแช่งของพระเจ้าไว้กับพระองค์อย่างที่เขาคิด พระองค์กระทำเช่นนั้นไม่ใช่เพราะพระองค์เองกระทำผิด พระองค์เป็นผู้บริสุทธิ์ไม่มีความบาป แต่พระองค์ทรงรับการสาปแช่งแทนคนบาป เพราะเหตุความเข้าใจผิดเรื่องการสาปแช่งแห่งการเขนจึงทำให้การตรึงพระเยซูบนไม้กางเขนเป็นหินสะดุดพวกชาวยิว พวกเขาปฏิเสธไม่ยอมเชื่อพระเยซู เพราะฉะนั้นกางเขนจึงเป็นเครื่องกีดกันพวกเขา ไม่ให้รับความรอดจากพระเจ้า ผู้เขียนพระคริสตธรรมคัมภีร์ใหม่ถือว่าการที่พระเยซูคริสต์ได้ทรงสิ้นพระชนม์บนไม้กางเขนนี้เป็นรากฐานแห่งพันธกิจการช่วยให้รอดของพระเจ้า ดังนั้นไม้กางเขนจึงกลายเป็นสัญลักษณ์อย่างหนึ่งของความรอด ซึ่งพระเจ้าทรงโปรดให้ผู้เชื่อทุกคนพ้นจากความผิดบาป ข่าวประเสริฐก็คือข่าวเรื่องไม้กางเขนนั่นเอง กางเขนจึงเป็นสัญลักษณ์แห่งความอับอาย และความตายด้วย พระเยซูคริสต์ได้ทรงชี้แจงด้วยพระองค์เองว่า คนเหล่านั้นที่ต้องการจะเป็นสาวกของพระองค์ ต้องพร้อมที่จะเผชิญกับความอับอาย ความทุกข์ทรมานและความตาย ถ้าหากพวกเขาเป็นสาวกที่แท้จริงของพระองค์
chawannat

เสาร์ ก.ย. 17, 2005 5:23 pm

อีกนิดนะค่ะ

เราอ่านที่พระคัมภีร์เดิม ทำไมเวลาที่จะชำระบาปต้องนำสัตว์มาฆ่าเพื่อถวายพระเจ้าด้วยอ่ะค่ะ ไม่เป็นการทรมานสัตว์หรอค่ะ
Prod Pran
Defender of lawS
Defender of lawS
โพสต์: 3324
ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ ม.ค. 17, 2005 9:54 pm
ที่อยู่: Bangkok

เสาร์ ก.ย. 17, 2005 5:43 pm

chawannat เขียน: อีกนิดนะค่ะ

เราอ่านที่พระคัมภีร์เดิม ทำไมเวลาที่จะชำระบาปต้องนำสัตว์มาฆ่าเพื่อถวายพระเจ้าด้วยอ่ะค่ะ ไม่เป็นการทรมานสัตว์หรอค่ะ
เป็นบัญญัติที่พระเจ้า ตั้งไว้เวลานั้น ( อ่านจาก หนังสือ เลวีนิติ ใช่ไหมคะ )

จะเห็นภาพหนึ่งก็คือ การทำบาป เมื่อขอการอภัยโทษบาป ความเป็นไปได้ ต้องมีโลหิต เป็นเครื่องบูชาค่ะ
ดังนั้นสมัยพระคัมภีร์เดิม ต้องนำสัตว์ตามที่กำหนด มาฆ่าเพื่อให้โลหิตไหล การยกโทษบาปถึงเป็นไปได้

เพราะว่าหลังจากมนุษย์คู่แรก ความบาป ที่ตกมาถึงมนุษย์ เรียกว่า บาปกำเนิดค่ะ

ความบาป ต้องแยกมนุษย์กับพระเจ้า ค่าจ้างของความบาป คือความตาย

ดังนั้น พระเยซูเจ้า ได้ถวายพระองค์เองเป็นเครื่องบูชาแทนมนุษย์ เพื่อนำมนุษย์กลับไปคืนดีกับพระองค์ได้

การตายของพระเยซู คือถูกตรึงที่กางเขน โลหิตของพระองค์ที่หลั่งออกมานั้นเพื่อชำระความผิดบาปของมนุษย์
ดังนั้นมนุษย์ไม่ต้องตายในบาป อีกแล้ว เพราะพระเยซูได้ตายแทน ได้ชดใช้ ความผิดแทนแล้ว

ผู้ที่จะได้รับความรอดนี้ ก็มีเงื่อนไข ว่าเป็นผู้เชื่อและวางใจในพระบุตร (พระเยซู ) คือเชื่อว่า
ชายที่ชื่อเยซูที่ถูกตรึงบนกางเขน โลหิตของพระองค์ชำระบาปผิดของเรา

ดังนั้นคำตอบคือ

๑ พระเยซูจำเป็นต้องตาย บนไม้กางเขน เพื่อให้การไถ่สำเร็จ

๒ โลหิตต้องหลั่ง เพราะเป็นการชำระ ความบาป ของมนุษย์

๓ ปัจจุบัน/หลังจากพระเยซูเสด็จมา จึงสิ้นสุด บัญญัติเก่านี้เพราะพระเยซูมาทำให้สำเร็จแล้วค่ะ
Buddy
โพสต์: 3057
ลงทะเบียนเมื่อ: พุธ มี.ค. 09, 2005 10:48 am
ที่อยู่: USA

เสาร์ ก.ย. 17, 2005 10:36 pm

เคยสงสัยเหมือนกันตอนอ่านพระคัมภีร์ใหม่ๆ ขออนุญาตตอบในฐานะคนเคยสงสัยนะคะ

ที่คิดว่าการบูชายัญสัตว์บาปนั้นเพราะเรายังมีมโนธรรมแบบพุทธอยู่ ในทางคริสต์นั้น พระเจ้าสร้างสัตว์มาเพื่อมนุษย์ ..... อธิบายไงดี .....

เอาเป็นว่าอย่าเพิ่งอ่านพระธรรมเก่าเลยค่ะ เพราะถ้าอ่านต่อจะสับสน โดยเฉพาะจะมีเรื่องเพศสัมพันธ์ บางครั้งพ่อกับลูก ซึ่งการจะเข้าใจนั้นต้องมีพื้นฐานมาจากความเข้าใจเรื่องพันธสัญญา จึงจะเข้าใจคุณธรรมของพันธสัญญา (Virtue of the Covenant) ที่การสืบทอดทายาทเป็นเรื่องสำคัญ

อ่านพระธรรมใหม่ก่อนนะคะ แนะนำ จดหมายถึงชาวฮีบรู ก่อน แล้วอาจจะลองกลับไปอ่านพระธรรมเก่า น่าจะเข้าใจขึ้น :)

PS.. Don't worry if you don't understand the Old testament for now... :)
แก้ไขล่าสุดโดย Buddy เมื่อ เสาร์ ก.ย. 17, 2005 10:43 pm, แก้ไขไปแล้ว 1 ครั้ง.
Buddy
โพสต์: 3057
ลงทะเบียนเมื่อ: พุธ มี.ค. 09, 2005 10:48 am
ที่อยู่: USA

เสาร์ ก.ย. 17, 2005 10:40 pm

แล้วการไถ่บาปของพระองค์ ทำเพื่อเราอย่างไร


รม 5:12-21 อาดัมและพระเยซูคริสตเจ้า

(12) บาปเข้ามาในโลกเพราะมนุษย์คนเดียว และความตายเข้ามาเพราะบาปฉันใด ความตายก็แพร่กระจายไปถึงมนุษย์ทุกคนเพราะทุกคนทำบาปฉันนั้น
(13) ก่อนที่จะมีธรรมบัญญัติ บาปมีอยู่ในโลกแล้ว แต่เมื่อยังไม่มีธรรมบัญญัติก็ไม่นับว่าเป็นบาป
(14) ถึงกระนั้น ความตายก็มีอานุภาพเหนือมนุษยชาติตั้งแต่อาดัมมาจนถึงโมเสส มีอานุภาพเหนือแม้คนที่ไม่ได้ทำบาปเหมือนกับอาดัมที่ได้ล่วงละเมิด อาดัมเป็นรูปแบบล่วงหน้าของผู้ที่จะมาในภายหลัง
(15) แต่การล่วงละเมิดต่างกับของประทานให้เปล่าถ้ามวลมนุษย์ ต้องตายเพราะการล่วงละเมิดของมนุษย์คนเดียว พระหรรษทานของพระเจ้าและของประทานโดยทางพระหรรษทานจากมนุษย์คนเดียว คือพระเยซูคริสตเจ้า ก็ยิ่งสมบูรณ์ขึ้นสำหรับมวลมนุษย์
(16) ของประทานต่างกับการล่วงละเมิดของมนุษย์คนเดียวที่ทำบาป บาปของมนุษย์คนเดียวเป็นเหตุให้มนุษยชาติถูกพระเจ้าลงโทษ แต่เมื่อมนุษย์ทำบาปมากแล้ว ของประทานที่ให้เปล่านั้นกลับนำความชอบธรรมมาให้
(17) ถ้ามนุษย์คนเดียวล่วงละเมิด ทำให้ความตายมีอำนาจปกครองเหนือมนุษยชาติเพราะการล่วงละเมิดของมนุษย์คนเดียวนั้น เดชะพระเยซูคริสตเจ้าพระองค์เดียว ทุกคนที่ได้รับพระหรรษทานอย่างสมบูรณ์และความชอบธรรมเป็นของประทาน ก็ยิ่งจะมีชีวิตและมีอำนาจปกครองมากขึ้น
(18) ด้วยเหตุนี้ การล่วงละเมิดของมนุษย์คนเดียวเป็นเหตุให้มนุษย์ทุกคนถูกลงโทษฉันใด กิจการชอบธรรมของมนุษย์คนเดียวก็นำความชอบธรรมที่บันดาลชีวิตมาให้มนุษย์ทุกคนฉันนั้น
(19) มวลมนุษย์กลายเป็นคนบาปเพราะความไม่เชื่อฟังของมนุษย์คนเดียวฉันใด มวลมนุษย์ก็จะเป็นผู้ชอบธรรมเพราะความเชื่อฟังของมนุษย์คนเดียวฉันนั้น
(20) ธรรมบัญญัติเข้ามา เพื่อการล่วงละเมิดจะได้ทวีขึ้น ที่ใดบาปทวีขึ้น ที่นั่นพระหรรษทานก็ยิ่งทวีขึ้นมากกว่า
(21) ดังนี้ บาปเข้ามามีอำนาจปกครองนำความตายมาให้ฉันใด พระหรรษทานก็จะมีอำนาจปกครองโดยอาศัยความชอบธรรมนำไปสู่ชีวิตนิรันดร เดชะพระเยซูคริสต์ องค์พระผู้เป็นเจ้าของเราฉันนั้น
Buddy
โพสต์: 3057
ลงทะเบียนเมื่อ: พุธ มี.ค. 09, 2005 10:48 am
ที่อยู่: USA

เสาร์ ก.ย. 17, 2005 11:19 pm

อธิบายเรื่องการฆ่าสัตว์ตัดชีวิตนิดนึงนะคะ สมัยเป็นพุทธ เราไม่ฆ่าเพราะถือเป็นบาป พอเป็นคริสต์ ไม่ฆ่าเช่นกัน แต่เพราะเราจะกตัญญู รู้คุณต่อพระเป็นเจ้า ที่พระองค์สร้างสิ่งต่างๆให้เรา ดังนั้นเราต้องระมัดระวัง ต้องรู้คุณพระองค์เสมอที่พระองค์ให้โน่นให้นี่กับเรา จะฆ่าสัตว์ ก็ขอบคุณที่พระองค์ประธานอาหารให้เรา

มโนธรรมรวมถึงทัศนคติเราจะเปลี่ยนหลังการล้างบาปนะคะ ช่วงนี้จะเกิดการเปลี่ยนแปลงหลายอย่างในชีวิต ก็เป็นกำลังใจให้ค่ะ ;)
Buddy.

อาทิตย์ ก.ย. 18, 2005 2:16 am

ทำไมพระเยซูต้องถูกตรึงกางเขนด้วยอ่ะค่ะ

ยน 12:20-36 พระเยซูเจ้าตรัสล่วงหน้าถึงการสิ้นพระชนม์ และการรับพระสิริรุ่งโรจน์

(20) ผู้ที่ขึ้นไปนมัสการที่กรุงเยรูซาเล็มในงานฉลองนั้น บางคนเป็นชาวกรีก
(21) เขาไปหาฟิลิป ซึ่งมาจากหมู่บ้านเบธไซดา ในแคว้นกาลิลี แล้วถามว่า
chawannat

อาทิตย์ ก.ย. 18, 2005 11:19 am

ขอบคุณมากๆๆนะค่ำสำหรับทุกคำตอบ ทำให้เราเข้าใจอะไรๆๆมากขึ้น

ขอให้ทุกคนเป็นกำลังใจให้เราด้วยนะ ขอบคุณค่ะ
ภาพประจำตัวสมาชิก
Immanuel (MichaelPaul)
~@
โพสต์: 2887
ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ ม.ค. 17, 2005 8:49 pm
ที่อยู่: กรุงเทพมหานคร

จันทร์ ก.ย. 19, 2005 9:21 am

เพิ่งสังเกตุ พี่Buddy พิมพ์ไทยได้ละเหรอ
ตอบกลับโพส