มีสุภาพสตรีร้องไห้ที่คิอ็อตโต - แม่พระแห่งวัลมาลา

ถาม-ตอบพระคัมภีร์ เรื่องเสริมศรัทธา ความรู้ และสาระ บทความ ในคริสตศาสนา
ตอบกลับโพส
teyteybboy
โพสต์: 413
ลงทะเบียนเมื่อ: พฤหัสฯ. ธ.ค. 22, 2011 8:16 pm

อังคาร ธ.ค. 29, 2015 5:10 pm

วัลมาลา
Valmala , Italy 1834
รูปภาพ
บทที่ ก ข้อมูลทั่วไป

สักการสถานพระมารดาแห่งความเมตตาแห่งวัลมาลา ตั้งอยู่ที่เมืองวัลมาลา เมืองอันตั้งในหุบเขาวาไรตา ด้วยความสูง 1,380 เมตรจากระดับน้ำทะเล ในจังหวัดกูเนโอ แคว้นปีเอมอนเต ทางภาคตะวันตกเฉียงเหนือของประเทศอิตาลี สักการสถานแห่งนี้เป็นสักการสถานที่สำคัญที่สุดในสังฆมณฑลซาลูซโซ และมีชื่อเสียงที่สุดในแคว้นปีเอมอนเต

‘มีสุภาพสตรีร้องไห้ที่คิอ็อตโต’ คือวลีที่ดังก้องไปทั่วหมู่บ้านนี้ผ่านปากต่อปาก ในเช้าวันที่ 6 สิงหาคม ค.ศ.1834 เมื่อเด็กเลี้ยงแกะสี่คนได้เห็นสตรีปริศนาปรากฏขึ้นในบริเวณแอ่งที่เรียกกันว่า ‘คิอ็อตโต’ สร้างความแตกตื่นไปทั่วเมืองบนภูเขานี้
รูปภาพ
ภาพมุมสูงของสักการสถาน
teyteybboy
โพสต์: 413
ลงทะเบียนเมื่อ: พฤหัสฯ. ธ.ค. 22, 2011 8:16 pm

อังคาร ธ.ค. 29, 2015 5:54 pm

บทที่ 1 เช้าวันธรรมดาๆ
รูปภาพ
เช้าวันที่ 5 สิงหาคม ค.ศ.1834 เช่นปกติทุกของทุกวัน เด็กๆสี่คนคือ ด.ญ.มารีอา คิอ็อตตี , ด.ญ.มารีอา ปิตตาวีโน , ด.ญ.มารีอา มาร์เกอริตา ปิตตาวีโน วัย 12 ปี และ ด.ญ.มารีอา โบสเคโร วัย 11 ปี พร้อมด้วยน้องชายของด.ญ.มาร์เกอริตา นั่นคือ ด.ช.เคียฟเฟรโด วัย 8 ปี ก็ต่างพากันตื่นแต่เช้า ก่อนปฏิบัติภารกิจส่วนตัวจนแล้วเสร็จ จึงพากันต้อนฝูงแกะของตนไปกินหญ้า และเพียงชั่วอึดใจเดียวทั้งห้าก็มาถึงบริเวณที่ราบสูงสีเขียวที่เรียกกันว่า ‘คิอ็อตโต’ อันเป็นสถานที่ที่เต็มไปด้วยโขดหินขนาดใหญ่จำนวนมากกระจายอยู่โดยรอบบริเวณ สถานนี้จึงกลายเป็นที่หยุดพักให้แกะได้เล็มหญ้าของบรรดาคนเลี้ยงแกะในหมู่บ้านวัลมาลา

แต่บันดลนั้นเองขณะทั้งสี่สาวกำลังพักผ่อน ทั้งสี่ก็พลันสังเกตเห็นดรุณีนางหนึ่งบนก้อนหินบริเวณนั้น สตรีนางนั้นแต่งกายเรียบร้อย สวย น่ารัก และดูดี อายุราวๆ 20 ปี ความสูงตามหญิงวัยเดียวกัน เธอไม่ได้เอื้อนเอ่ยแม้นวาจาใด ดูๆไปแล้ว สภาพเธอในยามนี้เหมือนคนไม่พร้อมที่จะพูดอะไรทั้งสิ้น เธอมองลอดน้ำตาจำนวนมากพรั่งพรูออกมาไม่ขาดสายมายังทั้งสี่
รูปภาพ
เธอผู้นั้นสวมผ้าคลุมสีน้ำเงินเข้มตั้งแต่ศีรษะจนมองไม่เห็นเส้นผม ผ้าบางส่วนคลุมมาถึงหน้าผาก และบริเวณข้างศีรษะทั้งสองข้างของเธอ ก่อนผ้าทั้งสองด้านจะโค้งเข้าหากันคลุมบริเวณไหล่ แล้วมารวมกันที่ต้นคอของเธอ กลัดติดด้วยปุ่มสีเหลืองสดใส เว้นบริเวณหน้าและคอของเธอไว้ ส่วนชายผ้านั้นปล่อยยาวไปจนถึงปลายชุดยาวสีแดงสด ซึ่งทับด้วยเข็มขัดสีเหลืองสดใสสวยงามตรงสะโพกของเธอ ส่วนมือทั้งสองของเธอยกกางออก มือของเธอขาว นิ้วของเธอแบออก เธอสวมรองเท้าแบบง่ายๆ และสวมมงกุฎแวววาวประดับดาด้วยเพชรนิลจินดา

ทั้งสี่ต่างตกอยู่ในภวังค์ และความกลัว ความเงียบโอบคลุมไปทั่วสำหรับทั้งสี่ เธอผู้นี้เป็นใครกัน คำถามนี้เกิดขึ้นในความเงียบนั้นภายในใจของทั้งสี่ แต่ยังไม่ทันจะหายข้องใจ สตรีนั้นก็หายแว๊บไปอย่างรวดเร็ว เช่นเดียวกับยามที่เธอมา ดังนั้นทั้งสี่จึงจำต้องกลับบ้านไปด้วยความไม่สบายใจ กระทั้งมาถึงบ้านทั้งสี่ก็ต่างเล่าเรื่องที่พานพบเมื่อเช้าให้คนในครอบครัวฟัง
teyteybboy
โพสต์: 413
ลงทะเบียนเมื่อ: พฤหัสฯ. ธ.ค. 22, 2011 8:16 pm

อังคาร ธ.ค. 29, 2015 6:06 pm

บทที่ 2 เสียงกรีดร้อง
รูปภาพ
เช้าวันถัดมาท่ามกลางเมฆฝนมืดครึมไปทั่วท้องนภา “กรี๊ดดดดดดดด” เสียงร้องด้วยความกลัวดังฝ่าอากาศที่ดูมืดครึ้มไปถึงหูของนายยูเซปเป ปิตตาวีโน บิดาของด.ญ.มาร์เกอริตา เรียกให้เขาต้องรีบหยิบดาบเก่าประจำตัวแล้วออกวิ่งไปยังคิอ็อตโตในทันที เพราะเขารู้ว่าลูกสาวเขาอยู่ที่นั่น และจากเสียงเช่นนี้คงไม่พ้นจะเป็นสัตว์ร้ายแน่

ขอย้อนกลับไปก่อนหน้านั้นภายหลังจากการปรากฏตัวเมื่อวานเด็กๆก็ถูกสั่งไม่ให้พูดเรื่องนี้อีก บางคนคิดว่าเด็กๆเจอแม่มด บ้างก็เป็นผีไม่ก็ก๊อบลิน แต่บ้างก็คิดว่าเป็นนักบุญอันนาที่ชาวบ้านศรัทธา ไม่ก็วิญญาณในไฟชำระ แต่จะเป็นอะไรก็ตาม เวลานั้นทั้งสี่ก็ต่างตกอยู่ในสภาพหวาดกลัวที่จะไปที่นั่นอีก กระทั้งเช้าวันรุ่งขึ้นทั้งสี่ก็ได้นำชาวบ้านและคุณพ่อเจ้าวัดขึ้นไปยังคิออตโตเพื่อชี้จุดที่สตรีนั้นปรากฏ เพื่อเป็นการยืนยันความบริสุทธิ์ และดูว่าสตรีนั้นจะมาอีกไหม
รูปภาพ
ซึ่งเมื่อทั้งสี่มาถึง สตรีนางนั้นก็ได้ปรากฏขึ้นอีกครั้ง และเช่นเมื่อวานใบหน้าของเธอดูคล้ำและอาบนองไปด้วยน้ำตา ยิ่งผสานกับบรรยากาศรอบกายที่มืดครึ้ม ก็พอจะทำให้ทั้งสี่พร้อมใจกับกรีดร้องออกมาด้วยความหวาดกลัว

กลับมาที่เหตุการณ์ปัจจุบันหลังจากรีบวิ่งมาแล้ว เพียงชั่วอึดใจเดียวนายยูเซปเปก็วิ่งมาถึงคิอ็อตโต แต่เขาก็ไม่พบอันตรายใดๆที่จะเป็นเหตุแห่งเสียงกรี๊ดนั้นได้ ด้วยความฉงนเขาจึงถามเด็กๆที่ยืนตัวสั่นว่า “พวกลูกกรี๊ดกันทำไม” ทั้งสี่ก็ตอบ “ดูที่ก้อนหินนั้นสิคะ” พลางชี้มือไปยังหินที่สตรีลึกลับนั้นยืนอยู่ ก่อนจะพูดซ้ำว่าบนหินนั้น บนหินนั้น แต่ยังไงๆ เขาก็ยังไม่เห็นอะไร
teyteybboy
โพสต์: 413
ลงทะเบียนเมื่อ: พฤหัสฯ. ธ.ค. 22, 2011 8:16 pm

อังคาร ธ.ค. 29, 2015 6:21 pm

บทที่ 3 เครื่องหมายแห่งสวรรค์
รูปภาพ
ที่สุดยูเซปเปจึงค่อยย่างเท้าเข้าไปใกล้ๆก้อนหิน แล้วจึงลงมือฟันมั่วๆอยู่หลายครั้ง กระทั้งหนึ่งในสี่ของเด็กหญิงตัดสินใจเดินเข้าไปใกล้สตรีนั้นแล้วจับชายผ้าคลุมของสตรีนั้นยกขึ้นให้ทุกคนดู แต่ไม่มีใครเห็นผ้าคลุมนั้นเลย ทุกคนต่างเห็นเพียงมือของเด็กหญิงกำบางสิ่งที่พวกเขามองไม่เห็นด้วยท่าทีเป็นธรรมชาติ

ทันทีนายยูเซปเปเห็นเหตุการณ์เช่นนั้นก็คิดว่านี่ต้องเป็นการประจักษ์เป็นแน่ “คุกเข่าลง”เขารีบตะโกนออกไป หลังจากนั้นนายยูเซปเปก็ได้สาบานว่าหากสามารถพิสูจน์ได้ว่าการประจักษ์นี้เป็นเรื่องจริง เขาก็จะสร้างซุ้มปิโรนี ณ ตรงนี้
รูปภาพ
ย้อนกลับอีกครั้งว่าในกลุ่มที่เดินทางมาในวันนี้ยังมีนายบาร์โตโลเมโอ คิอ็อตตี หรือที่ชาวบ้านวัลมาลาเรียก ตูมลิน ผู้ป่วยด้วยโรคไตจนทำให้ต้องเดินหลังค่อมมาสองปีแล้วเดินทางร่วมมากับกลุ่มด้วย เพราะเขาหวังการรักษาจากเครื่องหมายจากสวรรค์นี้ เขาเดินมาอย่างทุลักทุเลพร้อมเทียนเล่มหนึ่ง “ฉันจะจุดมันได้ในอากาศแบบนี้หรือ” เขาคิด และอยู่ร่วมเป็นประจักษ์พยานทุกอย่าง กระทั้งถึงช่วงที่นายยูเซปเปประกาศที่จะสร้างปิโรนีขึ้น เขาก็พูดตอบขึ้นว่า “ฉันจะมาและช่วยพี่สร้าง หากฉันหาย”

เวลานั้นเองเขาก็สังเกตเห็นว่าแม้ลมจะแรงเพียงไหนเปลวเทียนของเขาก็หาได้ดับไม่ แต่การรักษาที่เขาเฝ้ารอก็ดูเหมือนจะไม่เกิดขึ้น กระทั้งการประจักษ์นั้นจบลง ท่ามกลางความเงียบขณะทุกคนเริ่มลุกขึ้นเพื่อกลับบ้าน ตูมลินเองที่ค่อยชันตัวขึ้น ก็พบว่าอาการป่วยต่างๆของเขาได้รับการรักษาแล้ว เขาเดินได้ตามปกติแล้ว โอ้อัศจรรย์เสียจริง บัดนี้สวรรค์ได้รักษาชายหลังค่อมแล้ว
รูปภาพ
teyteybboy
โพสต์: 413
ลงทะเบียนเมื่อ: พฤหัสฯ. ธ.ค. 22, 2011 8:16 pm

อังคาร ธ.ค. 29, 2015 6:27 pm

บทที่ 4 เสียงขับขาน
รูปภาพ
หลังจากเหตุการณ์วันนั้นเป็นต้นมาทั้งสี่ก็กลับไปที่คิอ็อตโตด้วยความกล้ามากยิ่งขึ้น ทีละนิดความกลัวของพวกเธอก็กลับกลายเป็นความสุข ทุกวันดรุณีผู้งดงามคนนั้นได้ปรากฏมาหาพวกเธอไม่ขาด จวบจนวันฉลองแม่พระรับเกียรติยกขึ้นสวรรค์ ยูเซปเปก็ได้รับการดลใจให้ติดตามลูกสาวของเขามายังไปพบสตรีงามอีกครั้ง คราวนี้เขาไม่ได้พกดาบไป แต่พกเอาเทียนเสกไปแทน

กระทั้งมาถึงทั้งสี่ก็อุทานขึ้นว่า “ที่นี่ ที่นี่ เธอนั่นไงคือสตรีคนนั้น สวยเหลือเกิน สวยยิ่งกว่าครั้งไหน ทั้งหน้าเอย มงกุฎบนหัวเธอก็ด้วย” ซึ่งแม้จะไม่เห็นด้วยตา ทันที่ทุกคนได้สดับฟังคำเหล่านั้นก็ ไม่มีคำพูดใดอีกแล้ว ต้องเป็นแม่พระแน่ๆ โอ้แม่พระ ทุกคนต่างพร้อมใจกันคุกเข่าลง ยูเซปเปเองก็เร่งจุดเทียนเสกที่พกมา ก่อนทำสำคัญมหากางเขน แล้วนำทุกคนสวดสายประคำ
รูปภาพ
ระหว่างนั้นทั้งสี่ก็มีอาการตกอยู่ในภวังค์ สายตาของทั้งสี่จับจ้องไปยังหิน ดวงหน้าสุกปลั่งไปด้วยความสุข กระทั้งการสวดสายประคำจบลง ยูเซปเปก็ถามทั้งสี่ว่าสตรีนั้นยังอยู่ไหม ฝ่ายทั้งสี่เมื่อฟังคำถามนั้นก็ทำหน้าฉงนปนแปลกใจว่าไฉนหนอชาวบ้านคนอื่นไม่เห็นเธอผู้นี้ ก่อนจะเอ่ยตอบว่าก็อยู่ทีเดิมนะแหละ มีหยาดน้ำตาที่เล่นกับแสงเป็นประกายระยิบระยับที่ใบหน้าเหมือนเคย “พวกหนูยังได้ยินเพลงวัด…ช่างเป็นเสียงที่งดงามเสียเหลือเกิน…เพลงนั้นช่างไพเราะ…คล้ายเพลงที่ร้องกันในมิสซาปลงศพ” หนึ่งในสี่กล่าวต่อ

“แน่ใจหรือว่าไม่เห็นใครเล่นและร้อง” ยูเซปเปถามเพื่อความแน่ใจ “พวกหนูไม่รู้ค่ะ” ทั้งสี่ตอบ หลังจากนั้นไม่นานก็ปรากฏเงาของมนุษย์เคลื่อนผ่านดวงอาทิตย์ ก่อนจะค่อยๆปิดแสงของดวงอาทิตย์ที่สาดลงมาวัลมาลา เวลาเดียวกันนั้นเองสตรีงามนั้นก็อันตรธานหายไป “สตรีงาม เธอไปแล้ว”
teyteybboy
โพสต์: 413
ลงทะเบียนเมื่อ: พฤหัสฯ. ธ.ค. 22, 2011 8:16 pm

อังคาร ธ.ค. 29, 2015 6:36 pm

บทที่ 5 ศรัทธา – ทางที่ส่องแสง
รูปภาพ
นับแต่การประจักษ์ในวันฉลองแม่พระรับเกียรติยกขึ้นสวรรค์เป็นต้นมา ความศรัทธาและความร้อนรนต่อการปรากฏกายของสตรีปริศนาก็แพร่ไปทั่วหมู่บ้านวัลมาลา และค่อยๆแพร่ไปยังหมู่บ้านข้างเคียง สตรีปริศนายังคงปรากฏกายมาหาทั้งสี่ทุกวันที่หินก้อนเดิม ในท่ายืนและร่ำไห้พร้อมไม่ปริปากพูดอะไร “เธอมองเราอย่างรักใคร่” ทั้งสี่เล่า

เว้นเสียวันหนึ่งในระหว่างการปรากฏ สตรีนั้นก็ได้เดินไปรอบๆก้อนหินที่เธอยืนเป็นประจำก่อนจะกลับมายืนที่เดิม ซึ่งตลอดทางที่เธอเดินไปนั้นทั้งๆที่เท้าของสตรีนั้นไม่ได้แตะพื้น หญ้าบนพื้นบริเวณก็ปรากฏเป็นทาง และส่องแสงสว่างดุจดั่งผืนผ้าใบสีขาวยามต้องแสงอาทิตย์ ทางนี้หมายว่าอย่างไรกัน ทำไมสตรีปริศนาต้องทำเช่นนี้ ความสงสัยเช่นนี้บังเกิดในใจของชาวบ้านบางคน ที่ได้ทราบเรื่องราวในวันนั้น แต่จะไขข้อข้องใจได้ไงเล่าในเมื่อสตรีปริศนานั้นยังไม่ยอมพูดเลย
รูปภาพ
บทที่ 6 เผยความปรารถนา
รูปภาพ
แต่ที่สุดในวันหนึ่ง สตรีปริศนาก็ยอมไขข้อข้องใจนี้แก่ ด.ญ.มาร์เกอริตา “คืนนี้ จงไปบอกคุณพ่อของหนูนะ ว่าฉันปรารถนาปิโรนี แล้วก็วัดในที่นี่” ฉะนั้นในเวลาเย็นย่ำของวันเดียวกับเมื่อเธอกลับไปถึงบ้านแล้ว มาร์เกอริตาจึงรีบไปบอกความปรารถนาของสตรีปริศนานั้นแก่คุณพ่อของเธอ “เราจะสร้างวัดที่นั่นได้ยังไงกัน” ยูเซปเปเอ่ยตอบ เพราะเขารู้ดีว่าบริเวณนี้ไม่มีทรายและหินที่เหมาะจะใช้ก่อสร้างเลยสักนิด

ดังนั้นในเช้าวันรุ่งขึ้นเมื่อสตรีปริศนากลับมา ด.ญ.มาร์เกอริตาก็รับบอกตามที่บิดาได้บอกมา ฝั่งสตรีปริศนาเมื่อฟังความเช่นนั้นแล้ว ก็หันใบหน้าอันงดงามของเธอไปยังทิศของภูเขาพลางชี้ขึ้นไปบนนั้น ซึ่งมีหินแหลมยื่นออกมาพร้อมบอกว่าที่นั่นมีหินชนวนและหินต่างๆที่จำเป็นสำหรับงานก่อสร้าง จากนั้นสตรีนั้นจึงเผยถึงสถานที่ที่ใกล้ที่สุดที่จะพบทราย
รูปภาพ
ประการฉะนี้ทุกสิ่งทุกอย่างก็ดูจะชัดเจนขึ้นแล้ว ทางที่ปรากฏนั้นเป็นอะไรไปไม่ได้เลย นอกเสียจากขอบเขตของสักการสถานใหม่นี้ สักการสถานที่จะถูกสร้างขึ้นเพื่อถวายเกียรติแด่….
teyteybboy
โพสต์: 413
ลงทะเบียนเมื่อ: พฤหัสฯ. ธ.ค. 22, 2011 8:16 pm

อังคาร ธ.ค. 29, 2015 6:44 pm

บทที่ 7 เปิดเผยนามผู้มาอย่างลึกลับ
รูปภาพ
สตรีปริศนาปรากฏกายมาเรื่อยๆ จนถึงวันที่ 20 กันยายน สตรีนั้นก็ไม่ปรากฏมาอีกเลย โดยไม่ได้บอกนามของเธอแม้แต่นิดเดียว นี่จึงกลายเป็นปัญหาสำหรับยูเซปเป บิดาของมาร์เกอริตา เพราะ เขาไม่รู้ว่าจะสร้างปิโรนีเพื่อถวายเกียรติแด่ใคร เพราะบางคนก็บอกว่าสตรีนางนั้นคือนักบุญอันนา ท่านยายของพระเยซู แต่บ้างก็ว่าเป็นแม่พระเองต่างหาก

ดังนั้นเพื่อความชัดเจนแน่ๆ เขาจึงพาทั่งสี่ตระเวนไปตามปิโรนีและวัดต่างๆในบริเวณนั้นทั้งหมด เพื่อจะได้ตามหาตัวตนที่แท้จริงของสตรีปริศนาคนนั้น แต่ไม่ว่าจะวัดไหนหรือปิโรนีอันใด ก็หาได้ปรากฏภาพที่คล้ายคลึงกับสตรีนั้นไม่ เวลานี้ในหัวของยูเซปเปจึงมืดแปดด้านจริงๆ จะสร้างปิโรนีได้อย่างไรในเมื่อไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเธอคนนั้นเป็นใคร เขาคงจะคิดเช่นนี้
รูปภาพ
แต่ไม่นานข้อข้องใจนี้ก็ได้รับการไขแสดงจากสวรรค์ ในวันจันทร์หนึ่งในเดือนตุลาคม ขณะเขาลงมายังตลาดเวนัสกา เขาก็พบกับร้านขายศาสนภัณฑ์พอดี ดังนั้นด้วยความหวังสุดท้าย เขาจึงรีบกลับไปยังวัลมาลา และพาทั้งสี่ลงมายังร้านนั้น เพื่อดูภาพมากมายที่เจ้าของร้านเอามาตั้งขาย และขณะนั้นเองสายตาของทั้งสี่ก็ไปจับจ้องที่ภาพๆหนึ่งเข้า ใบหน้าของทั้งสี่พลันก็เกิดความฉงน ภาพนี้มันคุ้นๆ คงเป็นความคิดในหัวของทั้งสี่เมื่อเห็นภาพ “ภาพนี้แหละ ภาพนี้แหละที่ตรงกับสุภาพสตรีที่พวกหนูเห็นหลายครั้งที่บนหินของคิออตตี” ทั้งสี่อุทานขึ้นอย่างดีใจ เมื่อนึกออกว่าภาพนี้สตรีในภาพนี้ก็คือสตรีคนเดียวกับที่ทั้งสี่ได้พบ
teyteybboy
โพสต์: 413
ลงทะเบียนเมื่อ: พฤหัสฯ. ธ.ค. 22, 2011 8:16 pm

อังคาร ธ.ค. 29, 2015 7:41 pm

บทที่ 7 พระมารดาแห่งความเมตตา
รูปภาพ
ภาพที่สตรีนั้นก็คือภาพแม่พระแห่งซาโวนา หรือเป็นที่รู้จักกันว่า ‘พระมารดาแห่งความเมตตา’ อันเป็นเหตุการณ์ที่พระมารดาพระเจ้า ราชินีสวรรค์ ทรงประจักษ์ลงมาหาอันโตนีโอ บ็อตตา คนเลี้ยงแกะในช่วงที่เมืองซาโซนากำลังทำศึกกับเมืองเจนัว ในวันที่ 18 มีนาคม ค.ศ.1536 โดยทรงเรียกร้องให้ทั้งสองเมืองหันมาใช้ความเมตตาต่อกัน มากกว่าที่จะใช้ความยุติธรรม

กลับมาที่หน้าร้านศาสนภัณฑ์ เมื่อยูเซปเปได้รับการยืนยันเช่นนี้แล้ว เขาก็รีบจัดแจงซื้อภาพนั้นด้วยความยินดีในทันที ก่อนจะลงมือสร้างปีโรนีในปีถัดมา โดยมีผู้ช่วยคือตูมลิน และได้ว่าจ้างนายยูเซปเป เกาเตรี จิตรกรจากซาลูซโซ ให้เป็นผู้วาดภาพปูนเปียกขยายจากภาพที่เขาซื้อมาด้วยค้าจ้าง 40 ลีร์ ซึ่งนายเกาเตรีก็ยังได้วาดภาพพระมหาไถ่ในรูปที่เรียกกันว่า เอกเช โอโม หรือภาพพระเยซูเจ้าสวมผ้าคลุมสีแดง มีมงกุฎหนามถูกมัดพระหัตถ์ที่ด้านขวาของแม่พระ ส่วนด้านซ้ายเขาได้วาดภาพท่านยายอันนา และพร้อมกันนั้นยูเซปเปยังได้ให้มีการจารึกบนหน้าบันปีโรนีว่า “นับเป็นเรื่องอัศจรรย์ยิ่งที่ได้เห็นพระมารดาแห่งความเมตตา ณ สถานที่นี้ตลอดเวลาห้าสิบวัน”
รูปภาพ
แต่ภายในปีเดียวกันกับที่ยูเซปเปสร้างปีโรนีนั้นเอง ก็เกิดอหิวาตกโรคระบาดไปทั่วบริเวณ ชาวเมืองจึงลงชื่อกันสาบานต่อแม่พระว่าหากเมืองรอดจากโรคร้ายนี้ ก็จะมีการสร้างวัดขึ้น ณ บริเวณนั้น และพระมารดาแห่งสวรรค์ก็ทรงสดับฟังคำบนบานนี้ เพราะพระนางทรงได้อารักษ์เมืองให้รอดจากโรคร้ายอย่างน่าอัศจรรย์ ดังนั้นในปี ค.ศ.1840 วัดหลังแรกจึงถูกสร้างขึ้น และหลังที่สองก็ถูกสร้างตามมาในปี ค.ศ.1851 เพื่อรองรับจำรวนผู้แสวงบุญที่เพิ่มมากขึ้น
teyteybboy
โพสต์: 413
ลงทะเบียนเมื่อ: พฤหัสฯ. ธ.ค. 22, 2011 8:16 pm

อังคาร ธ.ค. 29, 2015 8:05 pm

บทที่ 8 ความเหมือนอย่างประหลาด
รูปภาพ
การประจักษ์ในลา ซาแลต เกิดขึ้นในอีก 12 ปีถัดมาหลังจากการปรากฏของสตรีปริศนาในวัลมาลา ซึ่งเมื่อลองพินิจพิจารณาดีแล้วๆ การประจักษ์สองครั้งนี้ก็มีความคล้ายคลึงกันนัก เริ่มตั้งแต่ทั้งลา ซาแลต และวัลมาลาต่างตั้งอยู่บนไหล่ของเทือกเขาแอลป์ในประเทศของตน ข้อต่อมาในการประจักษ์ทั้งสองที่พระมารดาพระเจ้าต่างทรงกรรแสงและไม่ได้เอ่ยนามของพระนางตลอดการประจักษ์

ข้อสามชื่อของสักสถานทั้งสองแห่งนี้มีชื่อที่คล้ายคลึงกันในวัลมาลา สักการสถานมีนามว่า ‘พระมารดาแห่งความเมตตา’ ส่วนในลา ซาแลตสักการสถานมีนามว่า ‘ผู้ไกล่เกลี่ยของคนบาปในฝรั่งเศส’และสุดท้ายดั่งที่เกริ่นไว้ระยะห่างระหว่างการประจักษ์ที่วัลมาลาห่างจากการะประจักษ์ที่ลาซาแลต 12 ปี และระยะห่างระหว่างการประจักษ์ที่ลาซาแล็ตถึงการประจักษ์ที่ลูร์ดเท่ากับ 12 ปี ดังนั้นจึงกล่าวได้ว่า สามการประจักษ์นี้คือวัลมาลา ลาซาแลต และลูร์ดมีระยะห่างแต่ละอันเท่ากัน

บทที่ 9 ปัจฉิมบท
รูปภาพ
หลังการมาเยือนจากของราชินีสวรรค์ เด็กหญิงทั้งสี่ก็ใช้ชีวิตกันอย่างเงียบๆ กระทั้งโตพอก็ต่างพากันแต่งงานแล้วย้ายไปอยู่ตามที่ต่างๆในบริเวณนั้น ทุกคนต่างยืนยันถึงความจริงของการประจักษ์นี้ตราบจนวันสุดท้ายของทุกคน หนึ่งในนั้นก็คือ มารีอา คิอ็อตตี ซึ่งมีอายุยืนที่สุดในกลุ่มของเด็กทั้งสี่ เธอสิ้นใจในปี ค.ศ.1899 ผู้ที่ชาวบ้านในละแวกต่างจำได้ดีเพราะเธอจะตื่นแต่เช้าและเริ่มร่วมชั่วโมงทุกวันเพื่อไปร่วมมิสซา เมื่อเธอถูกถามว่าเธอคิดว่าความหมายของการกรรแสงของพระมารดาที่เธอได้เห็นคืออะไร “คุณต้องสวดให้มากๆ เพราะมีวิญญาณมากมายไปยังนรกดุจหิมะในหน้าหนาว” นี่คือคำตอบของเธอ

หลังจากนั้นในวันอาทิตย์แรกของเดือนสิงหาคม ค.ศ.1946 ฯพณฯ เอยีดีโอ ลุยจิ ลันโซ พระสังฆราชแห่งสังฆมณฑลซาลูซโซ ก็ได้ประกอบพิธีสวมมงกุฎแก่พระรูป และสถาปนาแม่พระแห่งวัลมาลาเป็น ‘ราชินีแห่งสังฆมณฑล’ หลังจากนั้นในระหว่างเดือนมีนาคมถึงเดือนกรกฎาคม ค.ศ.1949 พระรูปก็ได้รับการแห่จาริกไปทุกเขตวัดในสังฆมณฑล จบบริบูรณ์
รูปภาพ
ฯพณฯ เอยีดีโอ ลุยจิ ลันโซ
คนส่งจดหมายแปล-เรียบเรียง
ภาพประจำตัวสมาชิก
rosa-lee
โพสต์: 5975
ลงทะเบียนเมื่อ: ศุกร์ ม.ค. 29, 2010 2:37 pm

ศุกร์ ม.ค. 01, 2016 10:54 pm

:s005: :s005: :s005:
ตอบกลับโพส