หยาดเลือดที่วิลโลว์ – เมื่อแม่พระประจักษ์ที่หมู่บ้านป็องตีส์

ถาม-ตอบพระคัมภีร์ เรื่องเสริมศรัทธา ความรู้ และสาระ บทความ ในคริสตศาสนา
ตอบกลับโพส
teyteybboy
โพสต์: 413
ลงทะเบียนเมื่อ: พฤหัสฯ. ธ.ค. 22, 2011 8:16 pm

พุธ ธ.ค. 30, 2015 10:08 pm

แม่พระแห่งโลซีเย่
Notre Dame de l'Osier , France 1657
รูปภาพ
บทที่ ก ชื่อเมือง

เมืองนอเตร ดาม เดอ โลซีเย่ เป็นเมืองเล็กๆในจังหวัดอีแซร์ ทางภาคตะวันออกเฉียงใต้ของประเทศฝรั่งเศส เมืองนี้มีขนาดเพียง 8.38 ตร.กม. คำว่า โลซีเย่ แปลว่า ต้นวิลโลว์ ชื่อของเมืองนี้ได้มาจากเหตุการณ์อัศจรรย์ในปี ค.ศ.1649 ที่นี่เป็นสถานที่ตั้งของมหาวิหารสไตล์โกธิคขนาดใหญ่ชื่อว่า มหาวิหารน้อยพระมารดาแห่งโลซีเย่
รูปภาพ
+++เรื่องราวการประจักษ์ต่อไปนี่มีรายละเอียดที่ละเอียดอ่อนมาก ผู้เรียบเรียงมีเจตนาเพียงประการเดียวคือ การถวายเกียรติแด่พระมารดาพระเจ้าเพียงเท่านั้น
teyteybboy
โพสต์: 413
ลงทะเบียนเมื่อ: พฤหัสฯ. ธ.ค. 22, 2011 8:16 pm

พุธ ธ.ค. 30, 2015 10:11 pm

บทที่ 1 เร้นกายในป่าใหญ่

เรื่องราวของเราเริ่มขึ้นในหมู่บ้านเล็กๆ ซึ่งเร้นกายของตนอยู่ในป่าห่างจากตัวเมืองวีเนย์ประมาณสี่กิโลเมตรเห็นจะได้ชื่อหมู่บ้านปล็องตีส์ เวลานั้นเป็นช่วงปีแรกของของรัชสมัยของพระเจ้าหลุยส์ที่ 14 หมู่บ้านเล็กๆนี้มีประชากรอยู่ราวยี่สิบคน แน่ๆสองในนั้นก็คือนายปีแอร์ ป็อร์ต กมแบรต์ กับ นางฌาน เปลีญง คู่สามีภรรยาสุดแปลกด้วย หัวหน้าครอบครัวคือนายปีแอร์นั้นเป็นคริสเตียนแบบที่ชาวฝรั่งเศสเรียกกันว่า อิวเกโนต (กลุ่มคริสเตียนปฏิรูปพระศาสนจักรชาวฝรั่เศสซึ่งได้รับอิทธิพลจากงานเขียนของจอห์น คาลวิน ในช่วงศตวรรษที่ 16-17) ส่วนช้างเท้าหลังอย่างนางฌานนั้นกลับเป็นคริสตัง

ขอเท้านิดหนึ่งว่าในช่วงที่สองสามีภรรยามีชีวิตอยู่นี้ แม้ฝรั่งเศสจะเปิดเสรีภาพให้ศาสนาคริสต์นิกายโปรแตสแตนท์มาตั้งแต่ปี ค.ศ.1598 อิทธิพลในด้านต่างๆของพระศาสนาจักรก็ไม่ลดน้อยลงไป ดังนั้นจึงไม่ใช่เรื่องแปลกอะไรที่ในวันพฤหัสบดีที่ 25 มีนาคม ค.ศ.1649 ซึ่งเป็นวันฉลองแม่พระรับสาส์นจะเป็นวันหยุดที่ห้ามประกอบอาชีพใดๆทั้งสิ้น
รูปภาพ
ภาพเขียนหมู่บ้านป็องตีส์ในศตวรรษที่สิบเก้า
teyteybboy
โพสต์: 413
ลงทะเบียนเมื่อ: พฤหัสฯ. ธ.ค. 22, 2011 8:16 pm

พุธ ธ.ค. 30, 2015 10:19 pm

บทที่ 2 แหกกฎ
รูปภาพ
แต่สำหรับปีแอร์เขาหาได้สนใจข้อห้ามนี้ไม่ เวลา 10 โมงเช้าของวันนั้น เขาขอให้ฌาน ศรีภรรยาสุดรักเตรียมอาหารเช้าให้เขา เพราะเขาจะออกไปตลาดของวีเนย์ในตอนบ่าย และระหว่างรอเวลานั้นเอง เขาก็ตัดสินใจจะตัดกิ่งต้นวิลโลว์ที่ยืนต้นอยู่หน้าบ้านของเขา แม้ฌานจะเตือนว่าวันนี้เป็นวันศักดิ์สิทธิ์ จึงไม่สมควรที่จะทำงานใดๆ ปีแอร์ก็หาได้ใยดีคำท้วงติงนี้ไม่ เขาจัดแจงเอาบันไดมาและวางพาดกับต้นวิลโลว์นั้น ก่อนจะค่อยๆปีนขึ้นไปพร้อมเคียวคู่ใจ และลงมือตัดกิ่งวิลโลว์อย่างกระฉับกระเฉง

ตัดไปได้สักพักหนึ่ง เขาก็พบว่าเคียวของเขามีของเหลวสีแดงคล้ายเลือดติด และเมื่อมองตัวเขาเองดีๆ ก็พบว่าบัดนี้เสื้อของเขาเต็มไปด้วยของเหลวสีแดงนั้นเช่นเดียวกัน แต่โดยไมได้คิดอะไรมาก ปีแอร์ก็คิดเพียงว่าคงเป็นเลือดของเขาเป็นแน่ แต่เมื่อลองสังเกตดีๆเขาก็พบว่าเขาก็ไม่ได้มีบาดแผลอะไร บัดดลเข้าจึงเข้าใจในทันทีว่าของเหลวสีแดงนี้หาได้ไหลจากตัวเขาไม่ แต่มันกำลังไหลจากกิ่งวิลโลว์ที่เขาตัดอยู่ต่างหาก
รูปภาพ
teyteybboy
โพสต์: 413
ลงทะเบียนเมื่อ: พฤหัสฯ. ธ.ค. 22, 2011 8:16 pm

พุธ ธ.ค. 30, 2015 10:55 pm

บทที่ 3 เลือดวิลโลว์
รูปภาพ
แต่เพื่อความแน่ใจเขาจึงเรียกฌานภรรยาสุดรักที่พึ่งกลับมาจากการไปฟังมิสซา ให้มาช่วยดูอีกตาหนึ่ง ซึ่งทันทีที่ฌานผู้ยังไม่รู้เรื่องอะไรเห็นแขนสามีเปรอะไปด้วยเลือด ก็รีบวิ่งตรงเข้าไปหมายจะช่วยทำแผลให้เขา แต่ปีแอร์ก็รีบบอกทันทีว่ามันจากวิลโลว์ เขาพยายามอธิบายอย่างรนรานจนดูเหมือนคนขาดสติ ฝ่ายฌานที่เห็นสามีเป็นเช่นนั้นด้วยวิญญาณแห่งศรีภรรยา เธอจึงพยายามทำให้สามีของเธอสงบ ด้วยการคว้าเอาเคียวนั้น แล้วปีนขึ้นไปตัดกิ่งวิลโลว์ต้นนั้น

แต่เมื่อเธอลงเคียวไป ก็ไม่ปรากฏของเหลวสีแดงที่สามีเธอว่าเป็นเลือดไหลออกมาสักแอะ ฝ่ายปีแอร์เมื่อเห็นภรรยาทำแล้วไม่เกิดอะไร เขาก็รีบคว้าเอาเคียวคืน แล้วลงมือตัดอีกครั้ง แต่เหตุการณ์กลับไม่เป็นดั่งคราวภรรยาของเขา เพราะทันที่เขาตัดกิ่งวิลโลว์นั้นเสร็จก็ปรากฏของเหลวสีแดงไหลทะลักออกมา
รูปภาพ
ด้วยความกลัวสุดขีดปีแอร์รีบเรียกเพื่อนบ้านชื่อ หลุยส์ ไกยัต มิเกลเล ที่จะไปตลาดที่วีเนย์พร้อมกัยเขา ให้มาดูเหตุการณ์ประหลาดนี้อีกคน แต่เมื่อหลุยส์ลองใช้เคียวเดียวกันตัดกิ่งต้นวิลโลว์นั้น ก็ไม่มีอะไรเกิดขึ้นเช่นเดียวกับครั้งของนางฌาน แต่เมื่อปีแอร์ลองอีกเหตุการณ์ก็เป็นเช่นเดิม คือมีของเหลวสีแดงจำนวนมากไหลทะลักออกมา “ประมาณสิบหรือสิบสองที่นี่แหละ ที่มีเลือดไหลออกมาหลังถูกตัด” หลุยส์เล่าในระหว่างการสอบสวน
teyteybboy
โพสต์: 413
ลงทะเบียนเมื่อ: พฤหัสฯ. ธ.ค. 22, 2011 8:16 pm

พุธ ธ.ค. 30, 2015 11:05 pm

บทที่ 4 แพร่สะพัด
รูปภาพ
แม้จะเจอเหตุการณ์สะเทือนขวัญแค่ไหน ในบ่ายวันเดียวกันทั้งสองก็ออกไปตลาดที่วีเนย์ในสภาพหวาดผวา เวลาเดียวกันที่บ้านนางฌานก็พยายามลองตัดกิ่งวิลโลว์อีกครั้ง โดยลองตัดที่กิ่งที่ใกล้ๆกับสามีเธอตัดไปเมื่อเช้า และผลก็ปรากฏว่า คราวนี้มีของเหลวสีแดงเพียงหยดใหญ่ๆซึมออกมา แต่ก็เทียบไม่ได้เลยกับคราวของสามีเธอ ที่มันไหลทะลักปรานประหนึ่งท่อประปาแตก

รุ่งขึ้นข่าวต้นวิลโลว์มีเลือดไหลก็กระฉ่อนไปทั่วหมู่บ้านเล็กๆนี้ ชาวบ้านเริ่มแห่แหนกันมามุงดูต้นวิลโลว์นี้อย่างฉงนสงสัย จนทีละนิดทุกคนก็ต่างคิดวานี่เป็นเครื่องหมายจากสวรรค์ให้เขากลับใจและหยุดทำงานในวันฉลองต่างๆ

แต่ปีแอร์ก็ยังต้องการความชัดเจนมากกว่านี้ ดังนั้นในวันอาทิตย์ต่อมา คือวันที่ 28 มีนาคม เขาจึงลงตัดกิ่งวิลโลว์อีกครั้ง และเช่นเดิมหลังลงเคียวไปก็ปรากฏของเหลวสีแดงจำนวนมากทะลักออกมา ยังความตกใจแก่ปีแอร์เป็นอันมาก เขารีบลงจากต้นแล้ววิ่งไปที่คริสตจักรลัลเบอ ในหมู่บ้านใกล้ๆ ฝ่ายเพื่อนๆที่นั่นเมื่อเห็นปีแอร์วิ่งมาด้วยท่าทีตื่นตระหนก ก็ช่วยกันปลอบเขาให้สงบ และแนะนำให้เขาเป็นอิวเกโนตต่อไป
teyteybboy
โพสต์: 413
ลงทะเบียนเมื่อ: พฤหัสฯ. ธ.ค. 22, 2011 8:16 pm

พุธ ธ.ค. 30, 2015 11:17 pm

บทที่ 5 ดำเนินคดี

เมื่อข่าวนี้เป็นทราบถึงหูผู้ใหญ่บ้านเมือง ปีแอร์ก็ถูกดำเนินคดีและต้องขึ้นศาลเมืองวีเนย์(หมู่บ้านปล็องตีส์ขึ้นกับเมืองนี้ก่อนมาแยกในภายหลัง)ในวันที่ 30 มีนาคม ผู้พิพากษาในเวลานั้นเป็นคริสตังชื่อ กัสปารด์ เบรอนีแยร์ ซึ่งเพื่อให้ไม่เกิดความลำเอียงจึงมีรองผู้พิพากษาเป็นคริสเตียนชื่อ กีเกอส์ เดอ ตูเนิฟ และภายหลังการพิจารณาคดี ที่สุดศาลก็ตัดสินให้ปีแอร์ต้องจ่ายค่าปรับเป็นเงินทั้งสิ้น 3 ฟรังก์ พร้อมถูกสั่งห้ามทำงานในวันอาทิตย์

ส่วนทางฝ่ายพระศาสนจักร ฯพณฯ สการ์ร็อง พระสังฆราชและเจ้าชายแห่งเกรอน็อบ(สมัยนั้นพระสังฆราชบางสังฆมณฑลจะมีตำแหน่งเป็นเจ้าชายคู่ไปด้วย และบางที่ถึงกับเป็นผู้ปกครองเมืองซึ่งแบบนั้นจะเรียกว่ารัฐมุขนายก) ก็มีคำสั่งให้ทำการสืบสวนเรื่องนี้เพิ่มเติม ซึ่งยิ่งทำให้ข่าวนี้แพร่สะพัดไปไกลกว่าเดิม จนถึงขนาดได้ตีพิมพ์ลงในหนังสือพิมพ์รายสัปดาห์แรกของปารีสอย่าง ‘ลา กาเซ็ตต์’ ของเทโอฟรัสต์ เรอโนด็อตบิดาแห่งนักสือพิมพ์ฝรั่งเศสในปีถัดมา ด้วยชื่อ เรื่องใหม่สุดทึ้ง
รูปภาพ
ภาพเศษไม้ที่เหลือจากต้นวิลโลว์-ด้านหน้า
ส่งผลให้ไม่นานหมู่บ้านปล็องตีส์ก็กลายเป็นที่หมายของนักแสวงบุญจำนวนมาก จนถึงเดือนพฤษภาคม ค.ศ.1656 ผู้แสวงบุญมายังหมู่บ้านปล็องตีส์ก็เพิ่มมากขึ้น จนในวันที่ 14 กันยายน ค.ศ.1656 ก็มีการตั้งกางเขนขึ้นใกล้ๆกับต้นวิลโลว์อัศจรรย์ตามคำอนุญาตของประธานสงฆ์แห่งเกรอน็อบ(ต้นฉบับไม่ได้ใช้คำว่าสังฆราช) ก่อนจะตามมาด้วยสักการสถานไม้เล็กๆและวัดน้อยซึ่งแล้วเสร็จในวันที่ 1 พฤศจิกายน ค.ศ.1657

แต่ขณะที่ความศรัทธานี้เติบโตขึ้น ปีแอร์ก็ไม่ค่อยอยากจะให้ผู้คนมาดูต้นวิลโลว์ที่เป็นทรัพย์สินของเขาเท่าไรนัก ส่วนเจ้าต้นวิลโลว์ที่เกิดเหตุนั้น ไม่นานก็ยืนต้นตายไปตามธรรมชาติในเวลาเพียงไม่กี่ปีต่อมาหลังเกิดอัศจรรย์ และปีแอร์ก็ยังคงเป็นคริสเตียนเช่นเดิม ภรรยาเขาก็ยังเป็นคริสตัง เขายังเป็นเพื่อนกับคุณพ่อเจ้าวัดที่โปลีเยนัส และคุณพ่ออธิการอารามคณะออกัสติเนี่ยนของวีเนย์ และไม่ได้ปฏิเสธความเชื่อของตนและของเพื่อนๆ นอกนี้เมื่อนางฌานให้กำเนิดลูกสองคนภายหลังเหตุการณ์ เขาก็ให้ลูกทั้งสองนั้นได้รับบัพติสมาเป็นคริสเตียนเช่นเดียวกับลูกๆสามคนแรกของเขา
teyteybboy
โพสต์: 413
ลงทะเบียนเมื่อ: พฤหัสฯ. ธ.ค. 22, 2011 8:16 pm

พุธ ธ.ค. 30, 2015 11:45 pm

บทที่ 6 ดรุณีงาม

กาลเวลาล่วงผ่านจากเหตุการณ์อัศจรรย์ในครั้งนั้นได้ 8 ปี ในเช้าวันหนึ่งในเดือนมีนาคม ปี ค.ศ.1657 ปีแอร์ผู้เริ่มป่วยออดๆแอดๆ และก็อย่างที่เล่าไป ผู้ยังคงเป็นคริสเตียน เพียงแค่เขาไม่ทำงานในวันอาทิตย์ และวันฉลองที่เป็นวันหยุด ก็ออกไปไถนาในบริเวณทางใต้ของหมู่บ้านที่บัดนี้มีทั้งวัดน้อยและร้านเหล้าตั้งแต่เช้า เขาจับคันไถเดินตามวัวของเขาไปเรื่อย จนถึงเวลาราวเจ็ดโมง สายตาของเขาก็พลันไปเห็นดรุณีนางหนึ่ง แต่งกายด้วยชุดสีขาวยาว มีผ้าคลุมตัวสีฟ้า และมีผ้าคลุมศีรษะสีดำ

“นี่ๆ คุณควรจะแต่งตัวดีๆหน่อย นี่เป็นเมือง” ปีแอร์รีบบอกดรุณีปริศนา ผู้เดินมาจากทางของต้นวิลโลว์และกำลังมุ่งเข้าไปในป่าทางเนินที่เรียกกันว่า เลสปีนูซา ฟังดังนั้นดรุณีนั้นก็เข้ามาใกล้เขา ฝ่ายปีแอร์เมื่อเห็นเช่นนั้นก็รีบหันคันไถกลับไปอีกด้านหนึ่ง “หมู่บ้านเต็มไปด้วยคนคริสตังและพวกอยากรู้อยากเห็น ที่ต่างถูกดึงดูดโยเจ้าต้นวิลโลว์นั่น ช่างเถอะ ปล่อยให้เจ้าหล่อนไปเองแล้วกัน ฉันจะมามัวเสียเวลาทำไม” คิดพลางอมยิ้มไป ปีแอร์ก็เบี่ยงคันไถของเขาเพื่อไถต่อไปอีกทิศหนึ่ง
รูปภาพ
แต่ทันใดนั้นเอง ดรุณีนางนั้นผู้มีโสภาผุดผ่องเกินกว่าสตรีใดในโลกาจะเสมอเหมือน จนสุดจะบรรยายได้ด้วยวลีใดๆ ก็มาปรากฏอยู่ต่อหน้าเขา ยังความตกตะลึงให้แก่ปีแอร์ว่าไฉนดรุณีนางนั้นถึงมาอยู่ใกล้เขาได้เร็วขนาดนี้ มันใกล้เสียจนเขาได้พิศดูและพบว่าดรุณีนั้นมีลักขณาสวยสะอางสดใส แต่เวลาเดียวกันน่าเกรงขามยิ่ง เขาเล่าในภายหลังเธอเป็น “สิ่งมีชีวิตที่งามที่สุดเท่าที่เคยเห็นบนโลก” เวลานี้ในใจเขาไม่เพียงตะลึงงงงัน แต่ยังตกใจเสียจนพูดอะไรไม่ออก

“ขอพระเจ้าสถิตกับคุณ เพื่อนของฉัน ผู้คนเขาพูดถึงความศรัทธาพิเศษนี้ว่าอย่างไรกันบ้าง แล้วมากเท่าไร” ดรุณีผู้งดงามเริ่มบทสนทนาก่อน “สวัสดีครับ มาสมัวแซลล์ ก็เยอะอยู่” ปีแอร์ตอบ “ที่นั่นมีอัศจรรย์มากมายเลยใช่ไหม” ดรุณีถามต่อ “โอ้ อัศจรรย์” ปีแอร์เอ่ยตอบอย่างห้วนๆ ใจเขาตอนนี้ต้องการจบบทสนทนากับดรุณีนี้เสียที เช่นนั้นหลังเอ่ยจบเขาจึงพยายามจะไถนาต่อ แต่ดรุณีนั้นก็ขวางเขา พลางเอ่ยต่อว่า “หยุดก่อน หยุดวัวของคุณก่อน และพอรู้ไหมว่าอิวเกโนตที่ตัดต้นวิลโลว์คนนั้นอยู่ไหน เขาไม่ต้องการกลับใจงั้นหรือ”
รูปภาพ
“ฉันไม่รู้หรอก เขาอยู่ที่อื่นนู่น” เขาตอบอย่างบ่ายเบี่ยง เพราะเขารู้ดีว่าใครคือคนๆนั้น แล้วเขาก็ไม่อยากจะพูดถึงเรื่องนี้ด้วย “อา น่าเศร้าเสียจริง คิดหรือว่าฉันนะไม่รู้ว่าอิวเกโนตคนนั้นคือเธอ” ดรุณีนั้นเอ่ยอย่างรู้เชิงว่าเขาพูดโกหกคำโต ปีแอร์จึงจนมุมที่จะหาแก้ตัวใดต่อ เขาจึงใช้วิธีเลี้ยวคันไถของเขาไปทางอื่น ดรุณีนั้นจึงขอให้เขาหยุดวัวอีกครั้ง แต่คราวนี้ปีแอร์แกล้งทำหูทวนลม ทั้งเร่งให้วัวเดินต่อไป “เร็ว เร็ว!” เขาออกคำสั่งวัวที่เทียงคันไถ “หากคุณไม่หยุดวัวของคุณ ฉันก็จะหยุดมันเอง” ดรุณีเอ่ย
teyteybboy
โพสต์: 413
ลงทะเบียนเมื่อ: พฤหัสฯ. ธ.ค. 22, 2011 8:16 pm

พุธ ธ.ค. 30, 2015 11:50 pm

บทที่ 7 กาลที่สุดจะรู้ได้

คำพูดนั้นจับใจปีแอร์ จนเขาเปลี่ยนใจและบอกกับดรุณีนั้นว่า “โอ้ เดี๋ยวฉันทำเอง มาสมัวแซลล์” หลังจากนั้นเขาจึงหยุดฟังดรุณีนางนั้น ดรุณีนั้นได้แจ้งให้เขาทราบว่าเขาจะตายในไม่ช้านี้ และหากเขาไม่ปรับปรุงตัวเขาเอง เขาจะเป็นหนึ่งในถ่านที่ถูกมอดไหม้อย่างแสนสาหัสอย่างที่นรกเคยมีมา แต่หากเขาเพียงปรับปรุงตนเขาก็จะได้รับการพิทักษ์เฉพาะพระพักตร์พระเป็นเจ้า นอกนี้ดรุณีนั้นยังขอให้เขาไปบอกชาวบ้านว่า ความร้อนรนในการสวดภาวนาของพวกเขานั้นยังไม่เพียงพอ แต่หากพวกเขาสวดภาวนาด้วยหัวใจที่ร้อนรนมากยิ่งขึ้น พวกเขาก็จะได้รับพระหรรษทานและความพอพระทัยมากมายจากพระเจ้า
รูปภาพ
เขาตื่นจากภวังค์ เมื่อดรุณีจบบทสนทนาสั้นๆเพียงเท่านั้น และรู้สึกต้องการคุยกับดรุณีนั้นต่อ แต่เมื่อหันมาหองดรุณีนั้นก็เริ่มห่างจากเขาไปเรื่อยๆ เขาจึงตัดสินใจทิ้งคันไถ แล้วรีบวิ่งตามดรุณีนั้นไปอย่างไม่ลดละ ใจเขาตอนนี้ไม่ห่วงวัวจะหายแล้ว เขาห่วงแค่ว่าดรุณีนั้นจะยกโทษให้เขาและอธิบายอะไรให้เขาเพิ่มได้ไหม เขาวิ่งและวิ่งจนมาถึงที่เนินที่เรียกกกันว่า เลสปีนูซา เขาก็พบดรุณีผู้มีสิริโฉมสุดพรรณนาคอยท่าอยู่ แต่ดรุณีนั้นก็มิได้อยู่คุยกับเขา เธอลอยอยู่เหนือเขาและอันตรธานหายไปต่อหน้าต่อตาเขา ทิ้งเหลือเพียงเขาก้มตัวลงกราบและค้างอยู่อย่างนั้นราวชั่วโมงได้
teyteybboy
โพสต์: 413
ลงทะเบียนเมื่อ: พฤหัสฯ. ธ.ค. 22, 2011 8:16 pm

พฤหัสฯ. ธ.ค. 31, 2015 2:53 am

บทที่ 8 เป็นไปตามวาจา

ฝ่ายนางฌานเมื่อไม่เห็นสามีกลับมาบ้านตามเวลา ก็รีบวิ่งไปที่ทุ่งนาที่สามีไปทำงาน แต่ก็พบเพียงคันไถเทียมวัวของเขา ยิ่งทำให้เธอร้อนใจยิ่งขึ้นไปอีก จะเกิดเรื่องเลวร้ายอะไรกับปีแอร์หรือเปล่า เป็นความคิดที่วนเวียนอยู่ในหัวของเธอ พอเห็นคนเลี้ยงแกะเธอจึงรีบวิ่งเข้าถามหาสามีของเธอ ด้วยดวงใจร้าวรานเหลือประมาณ ฝ่ายคนเลี้ยงแกะก็บอกว่าพวกเขาเห็นสามีของเธอกำลังคุยกับตัวเอง ปรานประหนึ่งคุยกับใครสักคนที่พวกเขามองไม่เห็น เมื่อฟังเช่นนั้นก็ทำให้ใจของเธอชื้นขึ้นมาบ้าง เธอรีบกลับไปที่บ้านและคอยท่าสามีสุดรักอย่างพะว้าพะวง กระทั้งตกเย็นปีแอร์ก็กลับมา

ฝ่ายปีแอร์เองเมื่อกลับมา แม้จะได้รับคำเตือนเขาก็ยังเป็นคริสเตียนเช่นเดิม กระทั้งห้าเดือนต่อมาเขาก็มีไข้ขึ้นสูง จนถึงขั้นล้มหมอนนอนเสื่อ ฌานเล่าถึงยามนั้นว่า “ความหวาดกลัวไม่ให้เขาได้หยุดต่อสู้เลย”และบอกว่ามันเป็น “ความกลัวที่ไม่ธรรมดาของการตายในหนทางที่ตั้งโดยวิธีการแบบเฮเรติก” ที่สุดปีแอร์ก็สามารถตัดน้ำใจของตนและประกาศว่านานมาแล้วเขาปรารถนาจะกลับสู่พระศาสนจักร แต่เขาก็ถูกกดดันด้วยคำครหาต่อพระศาสนจักรต่างๆนานา
รูปภาพ
ดังนั้นในวันที่ 14 สิงหาคม ภายหลังล้มป่วยมาได้สักพัก เขาก็ขอรับศีลอภัยบาปจากคุณพ่ออธิการอารามออกัสติเนี่ยน พร้อมคืนสู่คอกแห่งพระศาสนจักร และได้รับศีลมหาสนิทในวันรุ่งขึ้น ก่อนไม่นานเขาจะถึงแก่กรรมในศีลในพรของพระอย่างสงบในอีกแปดวันถัดมาคือในวันที่ 22 สิงหาคม และภายหลังจากมีมิสซาปลงศพเขาแล้ว ร่างของเขาก็ได้รับการพักผ่อนในหลุมใต้ต้นวิลโลว์ตามคำขอเขา

หลังจากนั้นลูกๆทั้งห้าของทั้งสองก็ได้กลับใจเป็นคริสตัง และไม่เพียงเท่านั้นเพราะยังมีคริสเตียนอีกถึง 30 คนในลัลเบอพร้อมใจกลับสู่พระศาสนจักรทำให้นับแต่นั้นคริสเตียนอิวเกโนตก็หายไปจากพื้นที่ คงเหลือแต่พระศาสนจักรอันเข็มแข็งดังเดิม สวนเรื่องราวการมาของดรุณีผู้งดงามนั้นไม่ได้เป็นที่เปิดเผยอย่างเอิกเกริกเหมือนเรื่องต้นวิลโลว์ จนถึงปี ค.ศ.1686 เมื่อนางฌานได้ตัดสินใจให้มีการบันทึกเรื่องราวที่สามีของเธอได้พานพบเป็นลายลักอักษร จึงทำให้เรื่องราวในส่วนท้ายนี้เป็นที่เปิดเผยแก่สาธรณชนสืบมา
รูปภาพ
teyteybboy
โพสต์: 413
ลงทะเบียนเมื่อ: พฤหัสฯ. ธ.ค. 22, 2011 8:16 pm

พฤหัสฯ. ธ.ค. 31, 2015 2:58 am

บทที่ 9 เมืองนอเตร ดาม เดอ โลซีเย่
รูปภาพ
นับแต่นั้นมาหมู่บ้านปร็องตีส์ก็กลายเป็นสถานแสวงบุญอีกแห่งในฝรั่งเศส ในปี ค.ศ.1664 คณะออกัสติเนี่ยนก็ได้มาตั้งอารามเพื่อดูแลวัด แต่ต่อมาในสมัยปฏิวัติฝรั่งเศสคณะก็ถูกให้ออกไป พระสงฆ์ถูกเปลี่ยนเป็นพระสงฆ์ที่เอาคำปฏิญาณ จิตวิญญาณแห่งศรัทธายามนั้นดูจะซาลงจนถึงปี ค.ศ.1834 ที่คณะธรรมทูตแห่งมารีนิรมลเข้ามาดูแลวัดและจัดให้เป็นนวกสถาน

และด้วยจำนวนผู้แสงบุญทีเพิ่มมากขึ้นก็ทำให้วัดน้อยหลังแรกคับแคบเกินไป ดังนั้นใน 17 พฤษภาคม ค.ศ.1858 จึงมีการวางศิลาฤกษ์สร้างวัดขนาดใหญ่ที่ใช้เวลาสร้างถึงสิบปีขึ้น ปีถัดมาหมู่บ้านที่ค่อยๆเติบโตขึ้นก็ได้แยกการปกครองออกจากเมืองวีเนย์ ในวันที่ 4 กันยายน ค.ศ.1869 จากนั้นในอีกสี่ปีถัดมาคือในวันที่ 8 กันยายน ค.ศ.1873 ก็มีพิธีเสกและถวายวัด โดยพระสังฆราช แห่ง เกรอน๊อบ หลังจากนั้นในปี ค.ศ.1924 สมเด็จพระสันตะปาปาปีโอที่ 11 ก็ประกาศยกวัดพระมารดาแห่งโลซีเย่ขึ้นเป็นมหาวิหารน้อย

ปัจจุบันมหาวิหารน้อยแห่งโลซีเย่อยู่ในความดูแลของสังฆมณฑล นับตั้งแต่คณะโอเอ็มไอต้องย้ายนวกสถานไปอิตาลีในปี ค.ศ.1902 ด้วยเหตุผลทางด้านกฎหมาย ส่วนอารามคณะออกัสติเนี่ยนก็ถูกทำลายโดยเพลิงไหม้ไปตั้งแต่พระคริสตสมภพปี ค.ศ.1948
รูปภาพ
teyteybboy
โพสต์: 413
ลงทะเบียนเมื่อ: พฤหัสฯ. ธ.ค. 22, 2011 8:16 pm

พฤหัสฯ. ธ.ค. 31, 2015 2:46 pm

บทที่ 10 พลาดไม่ได้เมื่อไปแสวงบุญ

1.มหาวิหารน้อยแม่พระแห่งโลซีเย่
ลักษณะเป็นอาคารสไตล์โกธิคที่ยังค้างสร้างไม่เสร็จในส่วนของตัวหอระฆัง ปัจจุบันเป็นที่เก็บเศษไม้ทีเหลืออยู่จากต้นวิลโลว์ และตัวคันไถที่ปีแอร์ใช้ในวันที่ได้รับการประจักษ์ สร้างขึ้นในบริเวณที่เกิดอัศจรรย์ต้นวิลโลว์
รูปภาพ
รูปภาพ
พระแท่นกลาง
รูปภาพ
พระแท่นที่เก็บไม้และคันไถ
2.วัดน้อยพระมารดานำยินดี
ลักษณะเป็นอาคารทรงครึ่งวงกลมหันห้าไปยังมหาวิหารน้อยแม่พระแห่งโลซีเย่ สร้างขึ้น ณ บริเวณที่แม่พระทรงประจักษ์มาหยุดปีแอร์ขณะไถนา ด้านหลังเป็นหอคอยสร้างขึ้นในปี ค.ศ.1856 ในโอกาศครอบรอบสองร้อยปีการประจักษ์มา
รูปภาพ
รูปภาพ
ภายใน
3.วัดน้อยเลสปีนูซ
เป็นอาคารหลังเล็กๆภายในเป็นที่ตั้งของพระรูปแม่พระผู้ปฏิสนธินิรมล สร้างขึ้นที่เนินเลสปีนูซ ซึ่งแม่พระทรงจากปีแอร์
รูปภาพ
รูปภาพ
4.พระรูปพระนางพรหมจารีแห่งเบลวีแดร์
เป็นพระรูปแม่พระหล่อขึ้นจากทองสัมฤทธิ์สูงห้าเมตร ตั้งอยู่บนหุบเขาอีแซร์ สร้างโดยเมืองวีเนย์ในปี ค.ศ.1946 เพื่อแลกกับเชิงเทียนจากอารามซิสเตอร์ในเมืองนอเตรดาม เดอ โลซีเย่ จากบนนั้นสามารถมองเห็นทัศนียภาพแบบพาโรนามาเลยทีเดียว จบบริบูรณ์
รูปภาพ
คนส่งจดหมายแปล-เรียบเรียง
ภาพประจำตัวสมาชิก
rosa-lee
โพสต์: 5966
ลงทะเบียนเมื่อ: ศุกร์ ม.ค. 29, 2010 2:37 pm

ศุกร์ ม.ค. 01, 2016 10:52 pm

:s002: ขอบคุณมากค่ะ.
ที่เอาเรื่องดีๆมาแบ่งปัน หนุนใจดีมากค่ะ
ขอแม่พระอวยพรน้อง teyteybboy และครอบครัวมากๆค่ะ
:s005: :s005:
ตอบกลับโพส