เป็นบุญของผู้ที่เชื่อ-รอยจารึก ณ แซงต์ โบซิลล์ เดอ ลา ซิลเวอ

ถาม-ตอบพระคัมภีร์ เรื่องเสริมศรัทธา ความรู้ และสาระ บทความ ในคริสตศาสนา
ตอบกลับโพส
teyteybboy
โพสต์: 413
ลงทะเบียนเมื่อ: พฤหัสฯ. ธ.ค. 22, 2011 8:16 pm

อาทิตย์ ม.ค. 10, 2016 9:38 pm

แซงต์ โบซิลล์ เดอ ลา ซิลเวอ
Saint-Bauzille-de-la-Sylve , France 1873
รูปภาพ
บทที่ ก นำร่อง

เรื่องราวการประจักษ์ต่อไปนี้ เป็นอีกหนึ่งการประจักษ์ที่แสนจะงดงามของสตรีผู้ที่โลกขานนามว่า ‘พระมารดาพระเจ้า’ ณ ประเทศฝรั่งเศส แก่ชายวัยกลางคนผู้ทิ้งวัดวา และเป็นเหมือนผู้คนมากมายหลายคนที่ไม่เห็นความสำคัญของ ‘วันอาทิตย์’ แต่แม้จะเขาจะเป็นคนบาปแค่ไหน พระนางผู้ทรงหทัยดีก็ทรงลงมาประจักษ์หาเขา เพื่อนำสาส์นสั้นๆ ที่มีความหมายและงดงาม ไม่ใช่เพียงแต่สำหรับคนฝรั่งเศสในเวลานั้นและเวลานี้ แต่สำหรับคนทุกๆชาติ ทุกๆสมัย

โดยพระนางได้เลือกสถานที่คือ สวนองุ่นธรรมดาๆในเมืองแซงต์ โบซิลล์ เดอ ลา ซิลเวอ ของจังหวัดเอโร ในประเทศฝรั่งเศส และได้รับการขานนามว่า ‘พระมารดาแห่งวันอาทิตย์’
รูปภาพ
วัดน้อยพระมารดาแห่งวันอาทิตย์
teyteybboy
โพสต์: 413
ลงทะเบียนเมื่อ: พฤหัสฯ. ธ.ค. 22, 2011 8:16 pm

อาทิตย์ ม.ค. 10, 2016 9:50 pm

บทที่ 1 วันอาทิตย์
รูปภาพ
ในหนังสือหลักธรรม คำสอน คาทอลิก ของคุณพ่อวุฒิเลิศ แห่ล้อม ได้กล่าวนำถึงเรื่องวันอาทิตย์ ในบทที่ 20 ของหนังสือว่า “ในหนังสือปฐมกาลพระเจ้าทรงสร้างสรรพสิ่งทั้งหลายในกำหนด 6 วาระ และระบุไว้ชัดเจนว่าในวาระที่ 7 พระองค์จะทรงหยุดพักผ่อน กำหนดให้เป็นวันศักดิ์สิทธิ์โดยสั่งว่า “เจ้าจงจำไว้ว่าจงทำวันของ พระเจ้าให้เป็นวันศักดิ์สิทธิ์ วันนั้นเจ้าและคนในบ้านจะไม่ทำงานใดๆ”(ปฐก 2:2-3)”

และในหนังสือเดียวกัน คุณพ่อวุฒิเลิศได้อธิบายขยายการทำวันนั้นให้ศักดิ์สิทธิ์ว่า “การทำให้เป็นวันศักดิ์สิทธิ์นั้น จึงกำหนดให้คริสตชนต้องเฉลิมฉลองความรักและพระเมตตาของพระเจ้าด้วย การไปร่วมกันถวายบูชามิสซาที่โบสถ์ จึงเป็นคำตอบว่า ทำไม่ชาวคริสต์จึงไปโบสถ์ในวันอาทิตย์ นอกจากการร่วมถวายบูชามิสซาแล้วยังมีความหมายถึงการภาวนาและกระทำกิจการดี…”
พร้อมขยายความข้อห้ามการทำงานใดๆว่า “การห้ามนี้ด้วยจุดประสงค์ใหคริสตนยกถวายวันเวลา แด่พระเจ้าพูดง่ายๆ ก็คือ รู้จักให้เวลากับพระเจ้าด้วย”

ไม่ใช่เพียงแต่ในปัจจุบันที่ปัญหาการไม่ให้ความสำคัญของ ‘วันอาทิตย์’ อยู่ทั่วไปในหมู่คริสตชน ตั้งแต่อดีตเป็นต้นมาปัญหานี้ก็เคยนำมาซึ่งพระพิโรธมาแล้ว แต่มนุษย์ทุกยุคก็ยังคงทำหูทวนลมต่อเหตุการณ์เหล่านั้น ดั่งเช่นครั้งที่ตำบลลา ซาแล็ต ที่พระมารดาทรงเตือน “ฉันขอวันที่ 7 วันเดียวสำหรับฉัน และเขาก็หายอมตามนี้ไม่ นี่แหละเป็นเหตุให้พระบุตรของฉันต้องลงโทษเสียแล้ว” และเหตุการณ์ต่อไปนี้ก็คือการย้ำเตือนความสำคัญของวันอาทิตย์อีกครั้งหนึ่ง ที่ผู้คนจำนวนมากยังไม่เป็นที่รับรู้
รูปภาพ
teyteybboy
โพสต์: 413
ลงทะเบียนเมื่อ: พฤหัสฯ. ธ.ค. 22, 2011 8:16 pm

อาทิตย์ ม.ค. 10, 2016 9:57 pm

บทที่ 2 องค์อุปถัมภ์
รูปภาพ
นักบุญโบดิล ท่านเป็นคริสตชนชาวฝรั่งเศสในศตวรรษที่ 3 เดิมท่านเป็นชาวเมืองออร์เลอ็อง แต่งงานมีลูกเมียอยู่ที่เมืองนั้น แต่ต่อมาภายหลังท่านก็ได้ตัดสินใจเดินทางไปประกาศข่าวดีที่เมืองนีเมส แม้ว่าในสมัยนั้นคริสตชนยังต้องใช้ชีวิตอย่างหลบๆซ่อนก็ตาม จนกระทั้งมาถึงที่เมืองนีเมส ท่านก็ถูกเชิญให้ร่วมพิธีบูชาเทพเจ้าเวโยวิสที่จักขึ้นบนเนินเขานอกเมือง แต่ท่านปฏิเสธและขอให้ชาวเมืองเลิกนับถือเทพเจ้าแพน แล้วหันมาสู่พระเจ้าแท้จริง ทั้งนี้ท่านยังได้ล้มรูปปั้นเทพเจ้าของพวกเขาด้วย

ฝั่งชาวเมืองเมื่อเห็เช่นนั้น ก็ต่างกรีดร้อง ก่อนกรูเข้ามาจับตัวท่าน แล้วนักบวชคนหนึ่งจึงได้ใช้ขวานจามศีรษะของท่านจนท่านจบชีวิต ตำนานเล่าต่อว่าภายหลังจากถูกตัดศีรษะแล้ว ศีรษะของท่านก็ได้กระเด้งสามครั้ง ซึ่งทุกครั้งก็จะเกิดเป็นน้ำพุสามอันตามที่ศีรษะของท่านไปกระทับ เหตุการณ์อัศจรรย์นี้ทำให้ชาวเมืองตกตะลึงและพากันกลับใจมาเป็นคริสตชน พร้อมกันนั้นชาวเมืองต่างร่วมกันฝังศพท่านอย่างสง่า และต่างยกย่องท่านเป็นมรณสักขี ปัจจุบันทุกปีเราระลึกถึงท่านทุกๆวันที่ 20 พฤษภาคม

แล้วเกี่ยวอะไรกับเมืองแซงต์ โบซิลล์ เดอ ลา ซิลเวอนะหรือ ทั้งๆที่ท่านไม่ได้เกิดที่เมืองนี้หรือสิ้นใจที่เมืองนี้ แต่ที่ต้องกล่าวนำมาก็เพราะท่านเป็นองค์อุปถัมภ์ของเมืองนี้ เอ.. แต่หลายคนคงสงสัยว่าไม่ใช่นักบุญโบซิลล์ตามชื่อเมืองหรือ คำตอบง่ายๆที่จะทำให้กระจ่างก็คือ นักบุญโบดิล แห่ง นีเมส ก็คือนักบุญองค์เดียวกับนักบุญโบซิลล์นั่นเอง
รูปภาพ
วัดนักบุญโบดิล ในเมืองนีเมส
teyteybboy
โพสต์: 413
ลงทะเบียนเมื่อ: พฤหัสฯ. ธ.ค. 22, 2011 8:16 pm

จันทร์ ก.พ. 01, 2016 6:22 pm

บทที่ 3 พระเจ้าทรงมีงานเยอะแยะ
รูปภาพ
ภาพการทำลายต้นองุ่นที่ติดโรคในช่วงนั้น
ค.ศ.1873 โอกุสต์ อาร์โนด ในวัย 30 ปี เป็นชายวัยกลางคนที่แต่งงานมาได้หกปีและมีลูกถึงสองคนแล้ว เขาเป็นชาวไร่องุ่น และเป็นคริสตังที่ทิ้งวัด เขาไม่เชื่อในพระเจ้าแท้หนึ่งเดียว ซ้ำยังทำงานในวันอาทิตย์ทั้งๆที่ถูกตักเตือนจากคุณพ่อเจ้าวัดและนักบวชก็ตาม และยิ่งถูกบอกว่าเขาทำมันเป็นบาป เขาก็จะเพียงหัวเราะและโต้กลับว่า พระเจ้าทรงมีงานเยอะแยะเกินกว่าทรงมีเวลามาสนการทำงานของชาวบ้านอย่างเขา

จึงไม่ใช่เรื่องแปลกอะไรในวันอาทิตย์สมโภชพระตรีเอกภาพ ที่ปีนั้นตรงกับวันที่ 8 มิถุนายน เมื่อตื่นนอนและปฏิบัติภารกิจส่วนตัวเสร็จแล้ว ในเวลาตีห้าเขาจะตรงไปที่ไร่องุ่นเล็กๆของเขาและเริ่มทำงานอย่างขะมักเขม้น เพื่อจะได้มีรายได้มาเลี้ยงครอบครัว แทนที่จะเตรียมตัวแล้วตรงไปวัดเหมือนคนอื่นๆ

จนถึงเวลาเจ็ดโมงตรงเขาจึงพักรับประทานอาหารนิดหน่อย ท่ามกลางความเงียบของทิวร้านองุ่น ชายวัยสามสิบครุ่นคิดอย่างเป็นห่วงถึงอนาคต เพราะเวลานี้ตัวเพลี้ยอ่อนที่ชื่อฟิลล๊อกเซอร่ากำลังระบาดทำลายสนองุ่นไปทั่วภูมิภาค แต่โชคดีที่มันยังไม่แพร่มาถึงแซงต์ โบซิลล์ กระนั้นมันก็ไว้ใจอะไรไม่ได้เลย ถ้าหากเมืองยังปลอดเช่นนี้ต่อไปจนหมดฤดูเก็บเกี่ยว เขาจะได้ผลผลิตที่ดีและขนมปังสำหรับครอบครัวเล็กๆของเขา แต่หากไม่ ผลผลิตที่ดีหรือแม้แต่ขนมปังดีๆสำหรับครอบครัวก็เป็นเรื่องเพียงฝันลมๆแล้งๆ
รูปภาพ
โอกุสต์ อาร์โนด
teyteybboy
โพสต์: 413
ลงทะเบียนเมื่อ: พฤหัสฯ. ธ.ค. 22, 2011 8:16 pm

จันทร์ ก.พ. 01, 2016 6:35 pm

บทที่ 4 ในความเงียบ
รูปภาพ
เวลาเจ็ดโมงครึ่งหลังรับประทานอะไรเรียบร้อยแล้ว เขาก็ควักเอาบุหรี่ขึ้นมาจุดเพื่อจะสูบ แต่ขณะนั้นเองในจุดที่ไม่ห่างเขานั่งเท่าไร ราวๆหนึ่งถึงสองเมตรก็ปรากฏสตรีนางหนึ่งมีความสูงปานกลางสวมใส่อาภรณ์สีขาว คาดเอวด้วยเข็มขัดปลายพู่ มีมงกุฎลักษณะคล้ายๆหมวกสูงของพระสังฆราชอยู่ทับผ้าคลุมขนาดใหญ่ซึ่งยาวมาคลุมมือของเธอบนศีรษะ ส่วนมือทั้งสองของเธอไขว้กันอยู่ตรงหน้าอก ยืนอยู่อยู่ท่ามกลางแสงสว่างขนาดใหญ่ เธอเป็นคนสวยและดูนิ่งๆ เธอไม่ได้แสดงอาการดีใจหรือเศร้าใจใดๆ อายุของเธอน่าจะราวๆ 25 ถึง 28 ปีได้ “ฉันไม่เห็นเธอยิ้ม” โอกุสต์เล่า

ทันที่ที่เห็นสตรีปริศนาปรากฏขึ้น โอกุสต์ก็รีบลุกขึ้นด้วยความแปลกใจ ก่อนจะเริ่มต้นสนทนากับสตรีปริศนานั้นด้วยภาษาโอซซีต็อง ภาษาถิ่นที่นิยมผู้กันมาในภาคใต้ของประเทศ ดังนี้

โอกุสต์ : “คุณเป็นใคร”

แม่พระ : “ฉันคือพระนางพรหมจารี อย่าได้กลัวไปเลย”

หลังจากนั้นพระนางก็ทรงตรัสต่อว่า

แม่พระ : “ลูกเป็นเหมือนเถาองุ่นที่ติดโรค ลูกได้ทอดทิ้งนักบุญโบซิลล์ ลูกควรฉลองวันฉลองมรณกรรมของท่าน(วันฉลองของนักบุญโบซิลล์มักตกวันธรรมดา จึงมีการเลื่อนไปฉลองในวันอาทิตย์) ในวันพฤหัสบดีถัดไป จงไปร่วมขบวนแห่ที่แซงต์ อ็องตวนและร่วมพิธีมิสซา ส่วนวันนี้ในเวลาบ่ายสามโมง ลูกจงไปร่วมขบวนแห่แม่พระของเขตวัดฌีญัก ,มงต์เปลลีเย่ และโลแดรว์ ลูกจะต้องตั้งไม้กางเขนใหม่และเปลี่ยนแปลงสิ่งอื่นๆ ลูกจะตั้งไม้กางเขนภายใต้การอารักษ์ผู้เป็นพรหมจารีที่ทางทิศใต้ของสวน และจัดให้มีขบวนแห่ทุกปี จงเร่งนำเรื่องนี้ไปแจ้งแก่บิดาและคุณพ่อเจ้าวัดของลูกในทันที แล้วในเดือนหน้า แม่จะมาขอบคุณลูก”
รูปภาพ
teyteybboy
โพสต์: 413
ลงทะเบียนเมื่อ: พฤหัสฯ. ธ.ค. 22, 2011 8:16 pm

จันทร์ เม.ย. 11, 2016 2:53 pm

บทที่ 5 เหตุการณ์พิลึก

ตรัสสั่งและนัดหมายดังนั้นแล้ว พระมารดาพระเจ้าก็ทรงค่อยลอยขึ้นไปบนฟ้า ฝ่ายตัวนายโอกุสต์เอง เขาก็รีบตรงไปหาบิดาของเขา ซึ่งในเวลาไล่เลี่ยกันนั้น เมื่อพระมารดาทรงอำลาโอกุสต์ เพื่อนบ้านของเขาชื่อ อาเดรียน ซูช็อง ที่กำลังทำงานในไร่องุ่นของเขา ไม่ไกลจากไร่ของโอกุสต์เท่าใดนัก ก็ได้ยินเสียงดังเปรี้ยงอย่างรุนแรง จนชนิดทำให้เขาตัวสั่นด้วยความหวาดกลัว และรีบเดินกลับเข้าไปในหมู่บ้านแทบจะทันที

แต่ไม่เพียงอาเดรียนเท่านั้นที่พบเหตุการณ์ประหลาด ยังมีนายหลุยส์ ซูช็องที่กำลังเดินทางกลับจากว็องเดเมียน บนหลังเกวียน ก็ได้เห็นบางสิ่งผ่านหน้าเขาไป “ด้วยความเร็วดุจสายฟ้า เป็นบางสิ่งที่เหมือนนกสีขาวตัวใหญ่…ตอนนั้นเป็นเวลาเจ็ดโมงครึ่ง” หลุยส์เล่า
รูปภาพ
บทที่ 6 การต้อนรับที่เย็นชา

กลับมาเมื่อบิดาของโอกุสต์ทราบเรื่อง ก็รีบพาลูกชายจรลีไปหาคุณพ่อคอสต์ คุณพ่อเจ้าวัดในทันที นับเป็นการไปบ้านพักของคุณพ่อหรือวัดในรอบสองเดือน ฝั่งคุณพ่อคอสต์เมื่อทราบใครมาหาก็ออกมาต้อนรับอย่างเย็นชา เพราะคุณพ่อไม่ชอบคริสตชนที่ทำลายความศักดิ์สิทธิ์แห่งวันอาทิตย์ ก่อนจะนั่งฟังเรื่องราวของโอกุสต์อย่างลังเลใจ

การสนทนากินเวลาราว 15 นาที คุณพ่อคอสต์จึงออกปากไล่ทั้งสองกลับบ้าน พร้อมกำชับให้ทั้งสองเก็บเงียบไว้ แต่ขณะโอกุสต์กำลังจะลากลับ เขาก็กล่าวทิ้งท้ายว่า “ผมไม่ได้บังคับให้คุณพ่อต้องเชื่อในทุกสิ่งที่ผมบอก แม่พระทรงประจักษ์มาหาผมจริงๆ(และผมก็รู้ว่าผมเห็นพระนางเหมือนเห็นคุณพ่อ…และผมก็ได้ยินคำพูดของพูดของพระนางเหมือนได้ยินคำพูดของคุณพ่อ) พระนางพรหมจารีบอกให้ผมมาบอกคุณพ่อ…และผมก็ยินดีที่คุณพ่อพูดเช่นนั้น และหากผมทำทุกอย่างตามที่พระนางบอกให้ทำแล้ว ผมก็รู้ดีว่าพระนางจะกลับมาขอบคุณผมตามที่พระนางได้สัญญาไว้แน่นอน”
รูปภาพ
คุณพ่อคอสต์
teyteybboy
โพสต์: 413
ลงทะเบียนเมื่อ: พฤหัสฯ. ธ.ค. 22, 2011 8:16 pm

จันทร์ เม.ย. 11, 2016 3:00 pm

บทที่ 7 ปฏิบัติตาม
รูปภาพ
วัดแม่พระแห่งฌีญัก
แม้จะถูกสั่งให้เงียบ ในเช้าวันรุ่งขึ้นเขาก็รีบไปจ้างให้ช่างไม้ประจำหมู่บ้านทำกางเขนขึ้น ก่อนในเย็นวันเดียวกันเขาจะนำมันมาตั้งในจุดที่พระมารดาพระเจ้าได้บอก แต่คุณพ่อคอสต์ปฏิเสธที่จะมาเสกกางเขนนี้ นอกนี้ในเวลาเดียวกันที่สั่งกางเขนไม้ เขายังได้สั่งทำไม้กางเขนเหล็กดัดติดรูปแม่พระตรงกลางตามแบบที่พระมารดาทรงสั่งจากช่างทำในหมู่บ้านมงต์เปลลีเยร์ จากนั้นในวันพฤหัสบดีที่ 12 มิถุนายน โอกุสต์พร้อมสมาชิกครอบครัวบางคนก็ได้ทำการแสวงบุญไปยังอาศรมแซงต์ อ็องตวน อันเป็นที่ตั้งของวัดน้อยซึ่งได้รับการบูรณะในปี ค.ศ.1867 ก่อนในวันอาทิตย์ที่ 22 มิถุนายน เขาจึงเดินทางไปยังสักการสถานพระมารดาแห่งพระหรรษทาน ฌีญัก

และนับจากวันนั้นมาโอกุสต์ก็หมั่นไปร่วมมิสซา และสวดภาวนาทุกเช้า กระทั้งในวันศุกร์ที่ 4 กรกฎาคม กางเขนเหล็กที่สั่งไว้ก็เสร็จโอกุสต์จึงรีบนำมาตั้งไว้บนแท่นหิน แทนกางเขนไม้ชั่วคราว ทำให้บัดนี้คำขอของพระมารดาพระเจ้าจึงสำเร็จไปได้ด้วยดีแล้ว ที่เหลือก็แค่การรอวันตามที่พระมารดาทรงสัญญาไว้ ซึ่งยิ่งใกล้วันนั้นเท่าใดข่าวพระมารดาพระเจ้าจะทรงประจักษ์มาก็ยิ่งแพร่สะพัดไปทั่ว แม้โอกุสต์จะมิได้ปริปากถึงเรื่องนี้ให้ใครอีกเลยตามคำสั่งของคุณพ่อคอสต์ก็ตามที
รูปภาพ
กางเขนเหล็กที่โอกุสต์สั่งทำขึ้น
แต่สำหรับภรรยาของโอกุสต์กลับยิ่งกระวนกระวายใจยิ่ง “และถ้าแม่พระไม่ประจักษ์มาละ” เธอเป็นทุกข์แทนสามี ตรงข้ามกับฝ่ายโอกุสต์ที่ยังคงสงบ เพราะเขาเชื่อว่าพระมารดาพระเจ้าทรงต้องประจักษ์มาหาเขาแน่ๆ
teyteybboy
โพสต์: 413
ลงทะเบียนเมื่อ: พฤหัสฯ. ธ.ค. 22, 2011 8:16 pm

จันทร์ เม.ย. 11, 2016 3:15 pm

บทที่ 8 แน่สิ

8 กรกฎาคม เวลาตีสี่ครึ่ง โอกุสต์เริ่มทำงานในสวนองุ่นของเขา วันนี้ดูเหมือนจะเป็นอีกวันธรรมดาๆในไร่องุ่นของเขา แต่หาใช่ เพราะวันนี้คือวันที่พระมารดาพระเจ้าจะทรงประจักษ์มาอีกครั้งเพื่อขอบคุณ จึงไม่ใช่เรื่องแปลอะไรที่ระหว่างโอกุสต์ก้มหน้าก้มตาขุดดินอยู่ ผู้คนที่ได้ทราบข่าวจะค่อยๆทยอยมารอเวลาอย่างใจจดใจจ่อจนได้ราว 800 คน หนึ่งในนั้นคือนายฌาลาแบรต์ เพื่อนของโอกุสต์เอง ที่ตรงเข้าไปถามสหายว่าแม่พระจะประจักษ์มาแน่หรือ

และได้รับคำตอบจากมิตรรักที่ทำงานว่า “แน่สิ ฉันมั่นใจว่าจะได้เห็นพระนางอีกครั้ง พระนางทรงสัญญาไว้แล้ว…ส่วนเวลาที่แน่ๆนั้น ฉันยังไม่รู้หรอก แต่ฉันก็หวังให้เป็นเวลาเจ็ดโมงครึ่ง แต่ฉันก็ยังไม่แน่ใจอยู่ดี แต่จะเป็นเช่นไร ฉันก็จะทำงานต่อจนถึงแปดโมงเช้า ถ้าไม่เป็นตามนั้นอีก ฉันก็จะกลับมาทำมาต่อตอนเที่ยง และก็จะทำต่อจนกว่าพระนางจะมา”
รูปภาพ
หลังพูดเสร็จเช่นนั้น โอกุสต์ก็กลับมาทำงานต่อ ส่วนนายฌาลาแบรต์ก็แยกตัวไปทางทิศใต้ของสวนเพื่อนั่งสังเกตการณ์เพื่อนของเขา ซึ่งยังคงทำงานอย่างขะมักเขม้น “เสียงเวลาตีบอกเวลาเจ็ดโมงครึ่ง…ฝูงชนยิ่งเพิ่มขึ้นนาทีต่อนาที…โอกุสต์…ก็ยังทำงานอย่างขยันขันแข็งเช่นเดิม” ฌาลาแบรต์เล่า จากนั้นโอกุสต์ก็เพียงเงยหน้าขึ้นเพื่อสูบบุหรี่ และสูดอากาศก็จะก้มตัวไปทำงานต่อ

“หลังจากที่เขาตัดสินใจกลับมาทำงานต่อ ทันใดนั้นเขาก็ทิ้งพลั่ว เขายืนตัวตรงอีกครั้ง เงยหน้าขึ้น ดวงตาเบิกโพลง จับจ้องไปยังที่สูง ส่วนมือขวาเขาก็รีบคว้าหมวกของเขาอย่างแข็งขัน และเขวี้ยงมันลงกับพื้นอย่างรุนแรง เวลาเดียวกันแขนของเขาก็ยืดสูงขึ้น ใบหน้าของเขาซีดจาง ซีดจางมากๆ มือทั้งสองของเขาดูเหมือนยื่นออกมาอย่างสุดกำลัง ดวงตาของเขาเบิกกว้าง… ไม่มีการเคลื่อนไหวของเปลือกตา ซึ่งจับจ้องไปยังวัตถุที่ดึงดูดมันไว้” ฌาลาแบรต์ให้การ
teyteybboy
โพสต์: 413
ลงทะเบียนเมื่อ: พฤหัสฯ. ธ.ค. 22, 2011 8:16 pm

จันทร์ เม.ย. 11, 2016 3:34 pm

บทที่ 9 ดุจว่ายน้ำ

หลายตาหลายปากย่อมพูดไม่เหมือนกันทั้งหมดเป็นธรรมดา บรรดาพยานในการประจักษ์ครั้งนี้ก็เช่นกัน แต่จากคำให้การทุกคนต่างยืนยันเป็นเสียงเดียวกันว่า ในทันทีที่โอกุสต์ยนแขนพร้อมช้อนดวงตาขึ้น เขาก็เคลื่อนตัวไปยังไม้กางเขนซึ่งอยู่ห่างออกไปราวสามสิบเมตรด้วย “ความเร็วดุจฟ้าผ่าโดยไม่สะดุดแม้แต่ครั้งเดียว…คลับคล้ายกับคนว่ายน้ำ…”

ขณะที่อยู่ในความแปลกในนั้น ภายหลังเมื่อเหตุการณ์จบแล้ว นายโอกุสต์ได้เล่าถึงเวลานั้นว่า “ทันใดนั้นห่างออกไปสองเมตร ผมก็ได้เห็นเธอที่เคยประจักษ์มากครั้งแรกอีกครั้ง แต่ยังไม่ทันจะทำอะไร พระนางก็ไปประจักษ์อยู่ ณ ตรงไม้กางเขนด้วยความเร็วเพียงแว็บเดียว แต่ตลอดเวลาผมก็อยู่เบื้องหน้าห่างจากพระนางเป็นระยะสองเมตรตลอด ผมไม่ทราบจริงๆ ว่าผมไปที่นั่นได้อย่างไร และก็ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าจากจุดที่ผมยืนอยู่ครั้งแรก ไปถึงไม้กางเขนที่ผมมาถึงเป็นระยะทางเท่าไร”
รูปภาพ
สวนองุ่นรอบสถานที่ประจักษ์ บางทีนี่อาจเป็นสวนในอดีตของโอกุสต์ก็ได้
teyteybboy
โพสต์: 413
ลงทะเบียนเมื่อ: พฤหัสฯ. ธ.ค. 22, 2011 8:16 pm

จันทร์ เม.ย. 11, 2016 3:48 pm

บทที่ 10 สาส์นสุดท้าย

เบื้องหน้าไม้กางเขน พระมารดาพระเจ้าทรงประจักษ์มาในอาภรณ์แบบเดิมแต่เปลี่ยนเป็นสีทองอร่ามไปทั้งชุด มีรัศมีขนาดมี่กี่เซนติเมตรแผ่ซ่านไปทั่วองค์ พระนางทรงอยู่ในท่ามือไขว้กันที่หน้าอก มีสายประคำสีทองที่อยู่ที่มือ พระนางเริ่มตรัสด้วยภาษาถิ่นกับโอกุสต์ว่า

“จงอย่าทำงานในวันอาทิตย์ ผู้ที่เชื่อย่อมเป็นสุขและผู้ที่ไม่เชื่อย่อมไม่เป็นสุข จงไปร่วมขบวนแห่ที่วัดแม่พระแห่งฌีญัก แล้วลูกพร้อมด้วยทุกคนในครอบครอบของลูกจะได้รับความยินดี”

หลังจากนั้นพระมารดาพระเจ้าจึงทรงขยับสายประคำไปไว้ที่มือซ้าย ก่อนยกมือขวาอวยพร พลางตรัสทิ้งท้ายไว้ว่า “ให้เราร้องเพลงสรรเสริญกันเถิด”

และพระนางก็อันตรธานหายไป โอกุสต์จึงหันไปบอกบิดาว่า “ช่วยบอกพวกเขาให้ร้องเพลงสรรเสริญทีครับ” ฝูงชนที่มาเป็นพยานจึงพร้อมใจกันขับบทเพลงสดุดีของแม่พระอย่างสง่า หลังจากนั้นฝูงชนก็พากันกรูกันเข้ามาสัมผัสตัวของโอกุสต์จนเป็นที่ชุลมุนอย่างหนัก แต่เดชะบุญอาศัยความช่วยเหลือจากทั้งบิดาและเพื่อนๆ โอกุสต์ก็สามารถหลบกลับมาบ้านได้ แต่ตลอดวันนั้นข่าวแม่พระทรงประจักษ์มาก็เป็นที่พูดถึงกันไปทั่ว
รูปภาพ
สถานที่ประจักษ์ครั้งที่สองในปัจจุบัน
teyteybboy
โพสต์: 413
ลงทะเบียนเมื่อ: พฤหัสฯ. ธ.ค. 22, 2011 8:16 pm

จันทร์ เม.ย. 11, 2016 3:59 pm

บทที่ 11 เหตุการณ์ต่อมา
รูปภาพ
พระคุณเจ้าฟร็องซัวส์ มารี เดอ อนาโตล
ภายหลังเหตุการณ์มีพยานบางคนเล่าว่าได้เห็นกลุ่มควันสีขาวบริเวณกางเขน แต่พยานบางคนก็ได้เห็นกางเขนเป็นประกายสดใส มีรัศมีทรงกลม มีแสงวูบวาบ นอกนี้บางคนยังเห็นว่านายโอกุสต์ลอยเหนือพื้นดิน ตลอดเวลาสิบนาทีที่ได้รับการประจักษ์ ซึ่งแม้จะมีการเห็นที่แตกต่างกันไป แต่มีสิ่งหนึ่งที่แน่นอนก็คือนับแต่วันนั้นมากางเขนเหล็กนี้ก็กลายเป็นที่แสวงบุญ ผู้คนเริ่มมาสวดภาวนา ณ ที่นี่ พร้อมดอกไม้ เทียน และสายประคำ พร้อมกันนั้นพระหรรษทานจำนวนมากก็ถูกหลั่งลงมา ณ ที่นี่

ส่วนท่าทีของพระศาสนจักรนั้น คุณพ่อคอสต์ก็มีท่าทีเชื่อ แต่ท่านก็มิได้รายงานให้พระสังฆราชประจำสังฆมณฑลมงเปอลีเยทราบ กระทั้งสมัยพระสังฆราชถัดมา นั่นคือพระคุณเจ้าฟร็องซัวส์ มารี เดอ อนาโตล โรแวรี เดอ กาบรีแยร์ พระคุณเจ้าจึงจัดให้มีการตั้งคณะกรรมการตรวจสอบเรื่องนี้ขึ้นในปี ค.ศ.1873 และผลก็ออกมาว่าเป็นเรื่องเชื่อถือได้ในปี ค.ศ.1876 แต่อุปสังฆราชขณะนั้นก็ไม่เห็นด้วยกับผลการตรวจสอบของคณะกรรมการ กระนั้นทางสังฆมณฑลก็อนุญาตให้คริสตชนแสดงคารวกิจต่อพระนางมารีย์ผู้ประจักษ์มายังแซงต์ โบซิลล์ เดอ ลา ซิลเวอ นี้ได้
รูปภาพ
ดังนั้นวัดน้อยจึงถูกสร้างขึ้น ในปี ค.ศ.1879 ในบริเวณใกล้ๆกับกางเขนเหล็ก และถูกมอบให้อยู่ในความดูแลของคณะภคินีฟรังซิสกันที่มาตั้งอารามในปี ค.ศ.1893 เรื่อยมาจนถึงปัจจุบัน
teyteybboy
โพสต์: 413
ลงทะเบียนเมื่อ: พฤหัสฯ. ธ.ค. 22, 2011 8:16 pm

จันทร์ เม.ย. 11, 2016 4:10 pm

บทที่ 12 สักวันฉันจะได้เห็น
รูปภาพ
เราอาจกล่าวได้เลยว่าแม้จะมีอัศจรรย์มากมายเกิดขึ้นที่แซงต์ โบซิลล์ เดอ ลา ซิลเวอ แต่อัศจรรย์ประการเดียวที่สำคัญที่สุด ที่เกิดขึ้น ณ ที่นี่ ก็คือ การกลับใจของนายโอกุสต์ ผู้เปลี่ยนชีวิตอาศัยพระหรรษทานจากสวรรค์ จากแต่เดิมที่เป็นคริสตชนใจเฉื่อยชา ให้กลับเป็นคริสตชนใจร้อนรน ผู้มีชีวิตเป็นแบบอย่าง ผู้รักแม่พระอย่างสุดใจ ผู้มั่นรับศีล

ผู้แม้ในช่วงปี ค.ศ.1905 การสร้างสักการสถานจะต้องชะลอ เพราะพระศาสนจักรจะถูกเบียดเบียนต่างๆนานาจากผลของกฎหมายแยกศาสนาออกจากรัฐ และภรรยาที่รัก ลูกสาวทั้งสาม และลูกชายที่ได้บวชเป็นพระสงฆ์จะมาเสียชีวิตไป ก็มิได้หันเหออกจากพระเจ้าหรือท้อแท้ใจ

ผู้ตรงกันข้ามกลับยังคงมุ่งก้าวเดินต่อไปด้วยแสงสว่างของพระเจ้า โดยไร้ซึ่งความท้อแท้แท้ แม้นเพียงปลายก้อยในความคิด
รูปภาพ
ผู้มีใบหน้าที่เปี่ยมไปด้วยความสดใสและสันติอันสะท้อนออกมาจากส่วนลึกของวิญญาณที่เปี่ยมสันติ ไม่ว่าเวลาไหนในความทรงจำของคนหลายคนเสมอ

โอกุสต์ดำเนินชีวิตดั่งกล่าวมาข้างต้นกระทั้งมีวัย 92 ปี ในปลายเดือนมกราคม ค.ศ.1936 เขาก็ล้มป่วยลง ดังนั้นในวันที่ 27 มกราคม เขาจึงได้รับศีลเจิมคนไข้ และที่สุดภายหลังจากฮัมเพลง ‘ฌีเร ลา วัว อัน ฌู’ หรือเพลงสักวันฉันจะได้เห็นจบแล้ว ในวันที่ 8 กุมภาพันธ์ ปีนั้นเอง เขาก็ได้คืนชีวิตไปหาพระเป็นเจ้าอย่างสงบด้วยวัยรวม 92 ปี

ร่างของเขาถูกฝัง ณ สถานที่ที่พระมารดาพระเจ้าทรงมาหาเขา ใกล้ๆวัดน้อยที่เขาได้ตั้งนามว่า ‘วัดพระมารดาแห่งวันอาทิตย์’ ท่ามกลางผู้คนร่วมงานจำนวนมากมายในวันที่ 10 กุมภาพันธ์ พร้อมคำสลักจากรึกว่า “ณ แทบพระบาทของพระนางพรหมจารีที่เขารักและรับใช้อย่างสัตย์ซื่อ ที่นี่ในการรอคอยการกลับคืนชีพอย่างรุ่งโรจน์คือร่างของโอกุสต์ อาร์โนด ผู้พักผ่อนอย่างศักดิ์สิทธิ์ในสันติขององค์พระผู้เป็นเจ้าในวันที่ 8 กุมภาพันธ์ ค.ศ.1936 ด้วยอายุ 92 ปี” จบบริบูรณ์
รูปภาพ
teyteybboy
โพสต์: 413
ลงทะเบียนเมื่อ: พฤหัสฯ. ธ.ค. 22, 2011 8:16 pm

จันทร์ เม.ย. 11, 2016 4:18 pm

รูปภาพ
สถานที่ประจักษ์ครั้งแรก
ข้าแต่พระมารดาแห่งวันอาทิตย์
โปรดให้วิญญาณของลูกเป็นไร่องุ่นอันงดงาม
โปรดรักษาลูกให้พ้นจากโรคร้ายแห่งการกังวลถึงของฝ่ายโลกมากเกินไป
โปรดให้ลูกเป็นอิสระจากวัชพืชแห่งบาปร้าย
และเชื้อร้ายแห่งผลไม้นิรันดร์เทอญ
อาแมน

ข้าแต่พระมารดาแห่งวันอาทิตย์ ช่วยวิงวอนเทอญ
คนส่งจดหมาย แปลและเรียบเรียง
poloplow
โพสต์: 402
ลงทะเบียนเมื่อ: เสาร์ มี.ค. 11, 2006 11:01 pm

จันทร์ เม.ย. 18, 2016 4:27 pm

ขอบคุณเรื่องราวดีๆ นะครับ
ตอบกลับโพส