'เมลเลเรย์' สันติภาพและการสวดภาวนา

ถาม-ตอบพระคัมภีร์ เรื่องเสริมศรัทธา ความรู้ และสาระ บทความ ในคริสตศาสนา
ตอบกลับโพส
teyteybboy
โพสต์: 413
ลงทะเบียนเมื่อ: พฤหัสฯ. ธ.ค. 22, 2011 8:16 pm

พุธ เม.ย. 20, 2016 10:15 pm

เมาท์ เมลเลเรย์
(Mount Melleray , Ireland 1985)
รูปภาพ
ถ้ำแม่พระแห่งเมลเลเรย์ เป็นเพียงถ้ำเล็กๆ ซึ่งตั้งอยู่ตีนเขาห่างจากอารามซิสเตอร์เซียนที่เข้ามาตั้งอารามตั้งแต่ปี ค.ศ.1832 ประมาณ 1 ไมล์ ถ้ำนี้ถูกสร้างขึ้นในปี ค.ศ.1982 บริเวณหน้าผา พระรูปแม่พระเมืองลูร์ดของถ้ำนี้ถูกตั้งไว้บนหน้าผาสูงขึ้นไประดับหนึ่ง ส่วนรูปปั้นของนักบุญแบร์นาแด็ตถูกจัดวางไว้ใกล้ลำธารชื่อ โมนาวุกกา ซึ่งไหลมาจากด้านข้างถ้ำ ที่ด้านหน้าของตัวถ้ำนี้ มีม้านั่งสามตัวพร้อมที่เท้าแขนวางเป็นรูปครึ่งวงกลมหน้าถ้ำ ซึ่งมองโดยรวมแล้วถ้ำนี้ก็เป็นเหมือนถ้ำแม่พระทั่วไปที่เราๆเคยเห็น

แต่ในเดือนสิงหาคม ค.ศ.1982 พระมารดาพระเจ้าได้ทรงเลือกถ้ำแม่พระธรรมดาๆนี้ ที่บนภูเขาเมลเลเรย์ ในหมู่บ้านเล็กๆชื่อเดียวกัน ซึ่งตั้งอยู่ในเมืองแค็ปโปกวีน เทศมณฑลวอเตอร์ฟอร์ด ทางตอนใต้ของประเทศไอร์แลนด์ ให้เป็นสถานที่ส่งสาส์นไปยังมนุษย์ไม่เพียงแต่ในเขตคามไอร์แลนด์ แต่ทั่วโลกเพื่อเรียกร้อง ‘สันติภาพและการสวดภาวนา’
รูปภาพ
อารามที่ภูเขาเมลเลเรย์
teyteybboy
โพสต์: 413
ลงทะเบียนเมื่อ: พฤหัสฯ. ธ.ค. 22, 2011 8:16 pm

พุธ เม.ย. 20, 2016 11:01 pm

เหตุการณ์วันที่ 1วันศุกร์ที่ 16 สิงหาคม ค.ศ.1985

เวลา 20.00 น. ขณะเออร์สุลา โอร็อร์ค วัย 16 ปี พร้อมด้วยมารดา น้องสาววัย 12 ปี ชื่อแมรี่ พี่ชายวัย 24 ปี ชื่อจอห์น และน้องชายวัยสามขวบชื่อโดนันกำลังกลับจากสวดที่หน้าถ้ำแม่พระ เออร์สุลาก็ตัดสินใจหันหน้ากลับไปมองรูปแม่พระ ทันใดนั้นเองเออร์สุลาก็สังเกตเห็นสตรีนางหนึ่งที่งามเหลือบรรยาย ยืนอยู่แทนที่พระรูปแม่พระเมืองลูร์ด ชุดของสตรีนั้นค่อยๆพลิ้วไปเหมือนต้องแรงลม มือทั้งสองข้างของสตรีนั้นอยู่ในท่าสวดภาวนา เธอขยับศีรษะทำท่าคารวะอย่างช้าๆ พุ่มไม้สีเขียวทั้งเหนือใต้ออกตกของเธอหมุนไปรอบตัวเธอ จนเกิดเป็นพื้นสีเข้มซึ่งขับให้สตรีนางนั้นยิ่งเปล่งปลั่งสุกใสเข้าไปอีก

แต่เพื่อความแน่ใจว่าเธอมิได้ตาฝาด เธอจึงหันไปมองที่รูปปั้นนักบุญแบร์นาแด็ต โดยคิดในใจว่า หากสิ่งที่เธอเห็นเป็นเพียงจินตนาการ เธอก็ต้องเห็นรูปปั้นนักบุญแบร์นาแด็ตเคลื่อนไหวด้วย แต่ก็ผิดคาดเพราะเมื่อเธอมองไปที่รูปนักบุญแบร์นาแด็ต เธอก็เห็นอะไรผิดปกติ ยิ่งเธอลองหันกลับไปกลับมาแล้ว ภาพเบื้องหลังก็ยังเป็นเช่นเดิม
รูปภาพ
ทำให้บัดดลนั้นเองความกลัวจึงแผ่ซ่านทั่วตัวของเธอ เธอรีบอวยพรตัวเอง พลางทูลพระมารดาเจ้าว่า “ท่านเป็นถึงราชินีสวรรค์” พระมารดาทรงยิ้มเธอ “ทำไมถึงต้องเป็นลูก ทำไมถึงทรงเลือกลูก ทำไมกัน” พระมารดาทรงยิ้มตอบอีกครั้ง “โปรดเถอะค่ะ โปรดอวยพรครอบครัวของลูกด้วย” แต่ก็ไม่มีเสียงตอบรับจากพระมารดาพระเจ้า คงมีแต่รอยยิ้มที่กว้างขึ้นเป็นคำตอบแทน

หลังจากนั้นเออร์สุลาก็ตัดสินใจเดินตามครอบครัวต่อ แต่ขณะเดินไปในใจของเธอก็เต็มไปด้วยความปรารถนาที่จะอยู่ถวายคารวะกิจและทอดสายตาไปยังพระมารดาเจ้าไปตลอด จนเมื่อแมรี่น้องสาวของเธอไปถึงประตูออก เออร์สุลาก็ไม่อาจต้านทานความปรารถนานี้ได้ เธอจึงระเบิดน้ำตาที่อัดอั้นออกมาขณะก้าวเดินข้ามถนนไปยังรถ นางโอร็อร์คจึงถามลูกสาวว่าเกิดอะไรขึ้น เธอจึงได้เล่าเรื่องทุกอย่างให้ฟัง
รูปภาพ
เออร์สุลา โอร็อร์ค ในขณะนั้น
เออร์สุลา เล่าเหตุการณ์จากนั้นต่อว่า “พวกเราทุกคนจึงพากันกลับไปที่ถ้ำแม่พระ แม่พระยังคงอยู่ที่นั่น แต่ไม่ค่อยเด่นชัดเหมือนทีแรก ฉันได้ยินจอห์นพูดว่า ข้าแต่พระมารดาแห่งลูร์ด ช่วยวิงวอนเทอญ ฉันรู้ว่าเขาก็ได้เห็น ส่วนแมรี่ที่ลงไปที่ราวก็ตะโกนออกมาว่า ดู ดู”
teyteybboy
โพสต์: 413
ลงทะเบียนเมื่อ: พฤหัสฯ. ธ.ค. 22, 2011 8:16 pm

พุธ เม.ย. 20, 2016 11:07 pm

เหตุการณ์วันที่ 2 วันเสาร์ที่ 17 สิงหาคม ค.ศ.1985
รูปภาพ
ในช่วงบ่ายของวันนั้นนางเบรดา โคเลแมน พร้อมลูกสาวสองคนคือ แซนดรา วัย 13 ปี และแครอล วัย 6 ปีได้แวะไปสวดภาวนาที่หน้าถ้ำแม่พระ ทันใดนั้นเองทั้งตัวนางเบรดาและลูกสาวชื่อแซนดรา ก็เห็นรูปแม่พระเมืองลูร์ดเริ่มเลืองแสงสีขาว ก่อนสายคาดเอวสีฟ้าของแม่พระจะค่อยๆหายไป ส่วนพระพักตร์ของพระรูปก็ค่อยๆเปลี่ยนไปเป็นพระพักตร์ของพระเยซูเจ้า ทรงมีหนวดมีเคราและมีพระเกศาสีดำยาวถึงไหล่ ซึ่งส่องแสงอร่าม ทั้งสองจับจ้องจนภาพนิมิตหายไป นางเบรดาก็พาลูกสาวทั้งสองกลับไปอย่างสบสน

กระถึงเวลา 17.00 น. นางเบรดาก็กลับไปที่ถ้ำพร้อมลูกๆทั้งหกคนของนาง คราวนี้ทั้งนางและลูกต่างได้เห็นนิมิตแบบเดียวกับเมื่อเช้าเกิดเป็นระยะๆ จะมีก็แต่ ด.ญ.แซนดรา ที่ได้เห็นภาพนิมิตพิเศษกว่าคนอื่นๆกล่าวคือ เธอได้เห็นฉากหลังทั้งหมดกลับกลายเป็นสีดำ แล้วเธอจึงได้เห็นนักบุญโจน ออฟ อาร์ค และนักบุญองค์อื่นๆปรากฏต่อจากกันไปเรื่อยๆ จากนั้นเธอจึงเห็นพระเยซูเจ้าค่อยๆลอยขึ้นไปยังสวรรค์ นอกนี้เธอยังได้เห็นนิมิตพระพักตร์พระเยซูเจ้าที่เปลี่ยนเป็นใบหน้าของนักบุญปีโอเหมือนคนอื่นๆอีกด้วย
รูปภาพ
นักบุญคุณพ่อปีโอ ผู้รับรอยแผลศักดิ์สิทธิ์
และแน่นอนสืบเนื่องจากปรากฏการณ์ต่างๆนี้ ก็ดึงดูดให้ชาวบ้านหลั่งไหลมาที่ถ้ำ เวลาล่วงได้เที่ยงคืนก็เหลือคนมาสวดอยู่ราวๆเจ็ดคนได้ ทุกคนต่างพากันถือไฟฉายส่องไปยังพระรูปเพื่อสังเกตการณ์ หนึ่งในนั้นคือนายโจเซฟ และนางแมรี่ โอร็อร์ค ที่ในเวลา 24.30 น. ก็สังเกตเห็นพระรูปเริ่มขยับ และแทนที่พระรูปจะอยู่ในท่าสวดภาวนาตามปกติ พระรูปกับกางพระกรออกออกเหมือนแม่พระเหรียญอัศจรรย์และหันไปรอบๆ แล้วจึงคืนสู่สภาพเดิม โดยยังไม่มีสาส์นใดๆจากสวรรค์ฃ
teyteybboy
โพสต์: 413
ลงทะเบียนเมื่อ: พฤหัสฯ. ธ.ค. 22, 2011 8:16 pm

พุธ เม.ย. 20, 2016 11:21 pm

เหตุการณ์วันที่ 3 วันอาทิตย์ที่ 18 สิงหาคม ค.ศ.1985

เวลา 13.30 น. ไมเคล คลีฟฟ์ เกษตรกรท้องถิ่นก็พาลูกชายคือ ด.ช.ทอม คลีฟฟ์ วัย 12 ปี ไปที่ถ้ำแม่พระที่เกิดอัศจรรย์ ทันที ด.ช.ทอมก็เห็นพระพักตร์ของพระเยซูเจ้าบนรูปปั้น แต่ก็ไม่มีสาส์นใดๆ

เวลา 15.00 น. ทอมกลับมาที่ถ้ำพร้อมมารดาอีกครั้ง คราวนี้พอเขาเริ่มสวดภาวนาไประยะหนึ่ง ทอมก็เริ่มเห็นรูปแม่พระเปลี่ยนแปลงไป เริ่มจากรูปปั้นเริ่มเคลื่อนไหว ก่อนจะตามมาด้วยผ้าคลุมของแม่พระค่อยๆพลิ้วไปตามแรงลม จากนั้นจึงปรากฏมงกุฎเงินประดับอัญมณีบนศีรษะของพระมารดาเจ้า ผู้มีผมสีทองปรกไหล่ เขาจึงหันไปบอกกับมารดาว่า “แม่ครับ แม่ครับ แม่พระกำลังพูด”
รูปภาพ
ด.ช.ทอม
ซึ่งเวลาเดียวกันกับที่ทอมบอกมารดา พระมารดาเจ้าก็ทรงตรัสกับด.ช.ทอม ว่า “ฉันต้องการคนสองคน” ฝั่งสตรีที่อยู่ใกล้และได้ยินที่ ด.ช.ทอมพูด ก็บอกกับมารดาเขาว่า “แม่พระทรงต้องการลูกของเธอ” ทันทีทั้ง ด.ช.ทอมและมารดาก็ต่างพากันตกอยู่ในสภาพกระวนกระวายใจและต่างเริ่มร้องไห้ออกมา ก่อนทั้งสองจะพากันกลับไปบ้านอย่างหัวเสีย ด.ช.ทอมถึงขั้นพูดว่า “ผมจะไม่กลับไปที่ที่นั่นอีกแล้ว”

เวลา 16.30 น. ขณะจิม แม็คคาร์ธีย์ เกษตรกรท้องถิ่น กำลังสวดภาวนาอยู่หน้าถ้ำ เขาก็สังเกตเห็นกลุ่มหมอกปรากฏขึ้นปกคลุมพระรูป จากนั้นก็ปรากฏพระพักตร์ของพระเยซูเจ้าฉายแสงขับหมอกเหล่านั้นให้หายไป แต่ภาพนิมิตนี้ก็ปรากฏเพียงระยะเวลาสั้นๆ เหตุการณ์ทุกอย่างก็กลับเข้าสู่สภาพปกติ ซึ่งนอกจากเขาแล้ว ในเย็นวันเดียวกันนี้ยังมีพยานอีกหลายคนได้เห็นภาพนิมิตอีกด้วย
รูปภาพ
ไมเคิล โอดอนเนลล์
เวลา 23.30 น. สาส์นแห่งสวรรค์จากพระมารดาก็ถูกประทาน เมื่อไมเคิล โอดอนเนลล์ ผู้อยู่หน้าถ้ำ จู่ๆก็เห็นว่าพุ่มไม้หลังถ้ำก็ค่อยๆเล็กลง และแทนที่จะได้เห็นรูปปั้นแม่พระที่ตั้งอยู่ เขาก็กลับเห็นสตรีนางหนึ่งค่อยๆเดินลงมาหาเขาท่ามกลางหมู่มวลดอกกุหลาบขนาบมาตลอดทาง สตรีนางนั้นสวมอาภรณ์และผ้าคลุมสีขาว มีสายรัดเอวสีฟ้าแบบเดียวกับรูปปั้น ใบหน้าของสตรีนั้นมีสีออกแทนนิดๆ

ทันทีด้วยความตกใจ เขาถึงกับถอยหลังไปทั้งๆที่ตายังคงจับจ้องอยู่กับภาพพระมารดา โชคยังดีที่มีเพื่อนบ้านสองคนเข้ามาพยุงเขาไว้ได้ทัน หลังจากนั้นเมื่อเขากลับมาได้สติอีกครั้ง ในเวลาห่างกันไม่ถึงครึ่งชั่วโมง ภาพนิมิตแบบเดิมก็ปรากฏซ้ำอีก แต่คราวนี้ระหว่างเสด็จลงมาพระมารดาเจ้าก็ทรงตรัสกับเขาว่า “จงรักษาวันอาทิตย์ไว้สำหรับสวดภาวนาเถิด”
รูปภาพ
ฝั่งเพื่อนบ้านและน้องสาวของไมเคิลที่เห็นไมเคิลเป็นเช่นนั้น ก็พากันคิดว่าเขากำลังจะตายเร็วๆนี้ แต่เพียงชั่วครู่หลังไมเคิลอยู่ในสภาวะฌาน เขาก็กลับมาเป็นปกติเช่นเดิม
teyteybboy
โพสต์: 413
ลงทะเบียนเมื่อ: พฤหัสฯ. ธ.ค. 22, 2011 8:16 pm

พุธ พ.ค. 04, 2016 4:26 pm

เหตุการณ์วันที่ 4 วันเสาร์ที่ 19 สิงหาคม ค.ศ.1985 (1)

ตอนเย็นวันนี้มีรถถึงเก้าสิบเจ็ดคันค่อยๆแล่นลัดเลาะมาตามทางเล็กๆที่นำสู่ตัวถ้ำ

17.00 น. ทอม คลีฟฟ์ ก็เดินทางมาถึงถ้ำพร้อมด้วยมารดา และลูกพี่ลูกน้องชื่อ ด.ช.แบร์รี่ บัคก์ลีย์ วัย 11 ปี ทั้งสามร่วมกันภาวนาไปได้สักพัก ทั้งทอมและแบรี่ก็เห็นชุดของพระรูปเริ่มลู่ลม หลังจากนั้นจึงค่อยปรากกฎมงกุฎบนศีรษะของพระมารดาเจ้าผู้มีพระเกศายาวสีทองปรกไหล่ พระนางทรงเริ่มตรัสผ่านเด็กทั้งสองว่า “อยู่ในความสงบ” เพราะในเวลานั้นนอกจากเด็กทั้งสองแล้ว ผู้ใหญ่คนอื่นๆก็ต่างพากันพูดคุยกัน ส่วนเด็กคนอื่นก็เอาแต่วิ่งเล่นอยู่หน้าถ้ำ

แต่ก็ไม่มีใครสนใจคำเรียกร้องนี้ พระมารดาเจ้าจึงทรงตรัสอีกครั้งว่า “อยู่ในความสงบ” ทั้งสองจึงบอกกับชาวบ้านในบริเวณนั้นตามคำที่พระนางทรงบอก ทั้งเล่าอีกว่าพระมารดาทรงกรรแสง น้ำพระเนตรไหลเออจากพระเนตรหยดลงบนพื้นดินในทันทีที่เห็นว่าฝูงชนหน้าถ้ำนั้นยังคงปฏิบัติตัวเช่นเดิม
รูปภาพ
ด.ช.แบร์รี่
ผู้คนบริเวณรอบๆนั้นจึงเริ่มพากันสังเกตเห็นว่ากำลังมีบางสิ่งเกิดขึ้น และเริ่มถามทั้งสองว่าพระมารดาทรงกรรแสงเพราะอะไร ฝ่ายพระมารดาเจ้าก็ทรงตรัสผ่านเด็กทั้งสองว่า “ฉันต้องการให้สวดภาวนา” ดังนั้นฝูงชนที่อยู่หน้าถ้ำแม่พระในเวลานั้นจึงพร้อมใจกันสวดสายประคำ ซึ่งขณะที่ฝูงชนร่วมกันสวดกันนั้นเอง พระมารดาพระเจ้าก็ทรงร่วมสวดด้วย โดยจะทรงพยายามหลีกเลี่ยงเมื่อถึงว่า ‘มารีย์’

กระทั้งจบสายลง พระนางก็ทรงก่อบทวันทาพระราชินีต่อ ฝูงชนจึงร่วมกันสวดบทนี้จนจบครบทุกอย่างแล้ว พระมารดาพระเจ้าก็ทรงตรัสกับทั้งสองว่า “ขอบคุณจ๊ะ”
รูปภาพ
หลังจากนั้นไม่นานเด็กชายทั้งสองก็ได้เห็นพระมารดาเจ้าประทับท่ามกลางแถวของบรรดาอัครสาวกทั้งสิบสองคน ต่อจากนั้น ด.ช.ทอมก็ได้เห็นนิมิตพระเยซูเจ้าและบรรดาอัครสาวกนั่งอยู่รอบโต๊ะอาหารในห้องใหญ่ห้องหนึ่ง ส่วนภายนอกปรากฏขอทานและคนบางคนกำลังใช้ไม้กวาดกวาดพื้น และสุนัขที่กำลังเห่า ทอมเห็นต่อไปว่าพระเยซูเจ้าทรงยกพระดัชนีขึ้นประหนึ่งว่าจะทรงตำหนิอัครสาวกบางคน

ทอมจึงคิดไปว่าพระเยซูเจ้าทรงกำลังไล่เขาไปไกลๆพระองค์ เขาจึงเริ่มร้องไห้ออกมา เพราะเขารู้สึกได้จริงๆว่าตนอยู่ในห้องนั้น ทันทีเมื่อเหตุการณ์เป็นดังนั้นพระมารดาเจ้าจึงทรงปรากฏพระองค์กลับมาอีกครั้ง ทรงตรัสกับด.ช.แบร์รีว่า “บอกทอมให้หยุดร้องไห้ได้แล้ว” และเมื่อทอมเงยหน้าขึ้นไปพบพระมารดาเจ้า พระนางก็ตรัสกับเขาว่า “มีความสุขไว้” ด.ช.ทอมจึงค่อยๆหายเศร้า “มีความสุขไว้ ทอม” พระมารดาเจ้าตรัสอีกครั้ง คราวนี้ทำให้ดวงหน้าน้อยๆปรากฏรอยยิ้มอีกครั้ง
รูปภาพ
ทั้งสองอยู่เฝ้าพระมารดาจนเวลาล่วงได้หนึ่งทุ่มแล้ว นางคลีฟฟ์จึงบอกว่าทั้งสองจะต้องกลับบ้านได้แล้ว บัดดลนั้นเองพระมารดาเจ้าก็มีท่าทีเศร้าพระทัย นางคลีฟฟ์จึงให้ทั้งสองบอกว่าเดี๋ยวทั้งสองก็จะกลับมา ดังนั้นเมื่อได้สดับเช่นนั้น พระมารดาเจ้าก็ทรงคลี่ยิ้มอีกครั้ง
teyteybboy
โพสต์: 413
ลงทะเบียนเมื่อ: พฤหัสฯ. ธ.ค. 22, 2011 8:16 pm

พุธ พ.ค. 04, 2016 4:30 pm

เหตุการณ์วันที่ 4 วันเสาร์ที่ 19 สิงหาคม ค.ศ.1985 (2)
รูปภาพ
20.00 น. หนึ่งชั่วโมงให้หลัง ทั้งสองก็กลับมาที่ถ้ำอีกครั้งพร้อมมารดาของทั้งสอง และเมื่อทั้งสองมานั่ง ณ ม้านั่งแล้ว พระมารดาพระเจ้าก็ทรงประจักษ์มา สักพักต่อมาเออร์สุลาก็ตามมาสมทบกับทั้งสอง เธอได้ให้ทั้งสองถามพระนางว่าจะทรงประทับอยู่นานไหม ฝ่ายพระมารดาเจ้าเมื่อสดับก็ทรงตรัสตอบว่า “สักพักได้” หลังจากนั้นคนอื่นๆจึงให้เด็กชายทั้งสองทูลอีกว่า คนอื่นๆจะมีบุญได้เห็นพระแม่บ้างไหม พระมารดาก็ทรงตรัสตอบว่า “ภายในเวลาหนึ่ง” เสร็จสิ้นคำถามต่างๆแล้ว ฝูงชนที่มารวมกันหน้าถ้ำในเวลานั้นก็เริ่มพร้อมกันสวดสายประคำ

จากนั้นจากตรงที่รูปปั้นแม่พระเมืองลูร์ดตั้งอยู่ ก็ปรากฏบันไดทอดยาวลงมา ณ บนนั้นเองพระมารดาพระเจ้าทรงเริ่มตรัสว่า “ฉันมีสาส์น” ก่อนจะทรงเสด็จลงมาตามบันไดมาหาทั้งสอง เวลานั้นพระนางทรงสวมอาภรณ์สีขาว มีสายคาดเอวสีฟ้า และรองเท้าแตะสีน้ำตาล พระนางทรงพระพักตร์สีดำขำ พระเนตรสีฟ้า พระเกศาเป็นสีทองยาวลงมาปรกไหล่(ซึ่งมักพริ้วไหวไปตามแรงลง) และมีดอกกุหลาบสีแดงดอกหนึ่งประดับบนพระเกศา ส่วนตัวบันไดที่ทรงเสด็จลงมาเป็นดินเหนียวสีน้ำตาล ขนาบข้างด้วยดอกกุหลาบหลากสีหลากขนาด
รูปภาพ
เมื่อพระมารดาทรงเสด็จจนมาถึงบันไดขั้นสุดท้าย พระนางก็ทรงผินพระพักตร์ไปยังสายน้ำที่ห่างออกไปเพียงไม่กี่ก้าว ณ เบื้องหน้าของเด็กทั้งสอง ก่อนทรงตรัส “สาส์นของฉันคือสันติภาพและการสวดภาวนา – จงบอกผู้คนว่าน้ำนี้ได้รับการอวยพรแล้ว” แล้วพระมารดาจึงทรงกางพระกรออก ด.ช.ทอมจึงยื่นมือหวังจะไปสัมผัสพระนาง แต่พระนางก็ตรัสห้ามไว้ ก่อนจะทรงเสด็จกลับขึ้นไปตามบันไดและทรงหันพระพักตร์กลับมาที่บนสุด พลางตรัสว่า “พระเป็นเจ้าทรงพระพิโรธด้วยโลก ผู้คนจะต้องปรับปรุงตนและสวดภาวนา สาส์นของฉันเป็นไปเพื่อประชากรของพระศาสนจักรของพระเจ้าทุกคน ผู้คนมีเวลาสิบปีในการปรับปรุงตนและสวดภาวนา และหากไม่เป็นไปเช่นนั้นแล้ว สิ่งนี้จะเกิดขึ้น”
teyteybboy
โพสต์: 413
ลงทะเบียนเมื่อ: พฤหัสฯ. ธ.ค. 22, 2011 8:16 pm

พุธ พ.ค. 04, 2016 4:36 pm

เหตุการณ์วันที่ 4 วันเสาร์ที่ 19 สิงหาคม ค.ศ.1985 (3:นิมิตเรือโนอาห์)
รูปภาพ
หลังจากนั้นทั้งสองก็เห็นลำธารเบื้องหน้าเปลี่ยนกลายเป็นสายน้ำ ส่วนราวกั้นก็กลายเป็นเขื่อน ทางซ้ายมือของเด็กที่ผู้คนยืนอยู่ปรากฏหมู่กระท่อมของหมู่บ้าน ที่ถัดไปปรากฏกลุ่มชายกำลังสร้างเรือที่มีสามชั้น เด็กๆจำได้ในทันทีว่ามันคือเรือโนอาห์ หนึ่งในคนกลุ่มนั้น เด็กๆคิดว่าเป็นโนอาห์ ชายผู้นั้นมีลักษณะเตี้ย อ้วน มีผมสีขาวไม่มีเครา เขามีใบหน้าอ้วนกลมและสะพายถุงเก่า พร้อมแต่งเสื้อผ้า มีกระดานหนึ่งแผ่นซึ่งถูกทำให้โค้งเอียงไปตามเรือ ดีดผึงออกมากระแทกชายคนหนึ่งจนหงายหลัง

ซ้ายไปอีกทั้งสองก็เห็นวัด ที่ปรากฏคนบางคนกำลังขนเอาเครื่องใช้ต่างๆออกจากวัด สร้างประตูมากมายและนำรถออกไปผ่านมัน ผู้คนต่างพากันเยาะเย้ยโนอาห์ ส่วนคนอื่นก็ต่างพากันสร้างเขื่อนสูง ก้อนหินมากมายถูกลำเลียงไปสร้างเขื่อนด้วยเกวียนเทียมวัวแบบยาบๆ กล่าวคือเป็นเพียงแผ่นไม้ไม่กี่แผ่นทำเป็นพื้น ก่อนสานที่กั้นอย่างลวกๆไว้ด้านหน้า ขนไปขนมาล้อเกวียนอันหนึ่งเกิดหลุดเพราะหลวม สร้างความขบขันแก่ทั้งสองเป็นยิ่งนัก
รูปภาพ
กลับมาที่เรือ พวกสัตว์มากมายหลากหลาชนิด ทั้งเล็กใหญ่ต่างถูกลำเลียงขึ้นไปบนเรือผ่านทางลาดข้างลำเรือ ดูเหมือนจะมาเป็นคู่ๆไม่ว่าจะช้างเอย ฮิปโปโปเตมัสเอย ไม่เว้นแม้แต่ไก่ มีชายคนหนึ่งบนหลังม้ากำลังดึงเชือกเจ้ายีราฟ ส่วนอีกคนก็ช่วยดันหลังมัน

ลมพายุและฝนเริ่มตั้งเคล้าและเทลงมา ผู้คนจึงเร่งสร้างเขื่อนให้สูงยิ่งๆขึ้น ส่วนบรรดาสัตว์ต่างๆก็อยู่ในเรือของโนอาห์เป็นที่เรียบร้อยแล้ว พวกสัตว์ขนาดเล็กอยู่ชั้นล่าง พวกสัตว์ขนาดใหญ่อยู่ชั้นบน ส่วนตัวโนอาห์พร้อมครอบครัวซึ่งประกบไปด้วยตัวโนอาห์ ภรรยา ลูกชายสองคนพร้อมลูกสะใภ้ และลูกชายวัยรุ่นอักสองคนอยู่ชั้นกลาง
รูปภาพ
เมื่อถึงปิดทางลาดเรียบร้อยแล้ว โนอาห์ก็เดินไปที่ท้ายเรือเพื่อมองไปยังเขื่อน เสียงร้าวปรากฏขึ้นและทันทีตัวเขื่อนก็แยกออก น้ำวินาศไหลทะลักซัดเรือจนมันลอยละลิ่ว แล้วตกลงบนพื้นน้ำ ผู้คนในหมู่บ้านที่เหลือต่างถูกน้ำวินาศกวาดไปสิ้น แต่น้ำวินาศก็ไม่ได้หยุด กระทั้งระดับน้ำสูงขึ้นเทียมภูเขาและท่วมหุบเขาในที่สุด
teyteybboy
โพสต์: 413
ลงทะเบียนเมื่อ: พฤหัสฯ. ธ.ค. 22, 2011 8:16 pm

พุธ พ.ค. 04, 2016 4:42 pm

เหตุการณ์วันที่ 4 วันเสาร์ที่ 19 สิงหาคม ค.ศ.1985 (4)
รูปภาพ
ต่อจากนั้นผู้คนในบริเวณนั้นได้ฝากคำถามถึงพระมารดา และพระมารดาก็ทรงตรัสตอบพวกเขาดังนี้
คำถาม : “ทำไมถึงเกิดความทุกข์ยากมากมายในประเทศเอธิโอเปีย”

พระมารดาเจ้า : “มันเป็นเพราะความโหดร้ายของโลก”

คำถาม : ปรากฏการณ์พระรูปแม่พระมีชีวิตจะเกิดเพียงในประเทศไอร์แลนด์ใช่ไหม

พระมารดาเจ้า : “ในประเทศไอร์แลนด์เท่านั้น”
รูปภาพ
จบจากคำถามแล้ว ทั้งสองก็ได้เห็นนิมิตดังต่อไปนี้
(ก) พระเยซูเจ้าทรงสวมภูษาสีเข้ม ทรงหันไหล่ซ้ายของพระองค์ไปด้านข้าง เผยให้เห็นรอยแส้ และรอยตะปูที่พระหัตถ์ของพระองค์

(ข) พระมารดาทรงปรากฏมาพร้อมกางเขนทั้งที่เบื้องหน้าพระนางเอง และที่ต่ำลงมากว่าพระนางเล็กน้อย ทรงประคองกางเขนที่แขนของกางเขนทั้งสองด้าน มีเมฆดำปรากฏยื่นเข้ามาในนิมิตนี้

(ค) พระเยซูเจ้าทรงสวมเสื้อคลุมสีแดง พร้อมมงกุฎหนามที่พระเศียร
เมื่อถึงเวลากลับบ้าน พระมารดาก็ทรงตรัสกับเด็กๆว่า “ลาก่อนนะ” และทรงตรัสอีกครั้งเมื่อเด็กลุกออกไป
รูปภาพ
เกล็ดเล็กๆน้อยๆ - ในช่วงระหว่างตรัสพระมารดาเจ้ามักจะทรงปรากฏพระองค์มาเพียงครึ่งองค์ แต่มีขนาดใหญ่ แต่กระนั้นในครั้งอื่นๆพระนางก็ทรงประจักษ์มาเต็มองค์เหมือนตอนทรงเสด็จลงมาหาทั้งสอง

เกล็ดอีกนิด - สืบเนื่องจากเด็กชายทั้งสองสวมเพียงเสื้อยืดธรรมดาๆ ก็ทำให้หลายครั้งเด็กทั้งสองก็มีอาการหนาวสั่นเพราะความหนาวอันเกิดแต่สภาพป่าซึ่งเป็นปกติ ที่ยิ่งดึกเข้าอุณหภูมิก็จะยิ่งลดลง แต่ทุกครั้งไปพระมารดาเจ้าเมื่อทรงทอดพระเนตรเห็นเช่นนั้นพระนางก็จะทรงส่งสายลมอุ่นๆมาให้ทั้งสอง แม้นจะเป็นเวลาเพียงสั้นๆที่ทั้งสองได้สัมผัสถึงมัน แต่ความอบอุ่นแห่งสายลมนี้ก็ยังคงอยู่แก่ทั้งสองได้นานถึงครึ่งชั่วโมง
teyteybboy
โพสต์: 413
ลงทะเบียนเมื่อ: พฤหัสฯ. ธ.ค. 22, 2011 8:16 pm

อาทิตย์ ก.ย. 11, 2016 8:33 pm

เหตุการณ์วันที่ 5 วันอังคารที่ 20 สิงหาคม ค.ศ.1985 (1)
รูปภาพ
คืนวันนั้นทั้งทอม แบร์รี่ และเออร์สุลาก็ต่างมาพร้อมกันที่หน้าถ้ำโดยมิได้มีการนัดหมายใดๆ ซึ่งเมื่อสอบถาม ทั้งสามก็ให้เหตุผลเดียวกันคือรู้สึกภายในว่าต้องมาให้ได้ ดังนั้นเมื่อทั้งสามมาพร้อมแล้ว พระมารดาพระเจ้าจึงประจักษ์มาและทรงเริ่มสวดภาวนาร่วมกับผู้คนเช่นที่ทำบ่อยๆ

ก่อนจะทรงตรัสขอให้สวดสายประคำมากๆ แล้วจึงตรัสกับบรรดาเด็กๆสลับกับการสวดภาวนาและร้องเพลงสรรเสริญว่า “ฉันรักคนไอร์แลนด์” และ “ฉันกำลังสวดภาวนาร่วมกับผู้คนขอให้พระเจ้าทรงให้อภัยชาวไอร์แลนด์” และ “ฉันปรารถนาให้ชาวไอร์แลนด์เผยแพร่สาส์นของฉันไปทั่วโลก” คำพูดสดท้ายสร้างความฉงนให้กับผู้ฟังเป็นยิ่ง เด็กๆจึงถูกให้ถามพระมารดาว่าจะทำการนี้เช่นไร พระมารดาจึงตรัสกับเด็กๆว่า “พวกหนูมีวิธีแบบพวกหนูเองที่จะเผยแพร่สาส์นของฉัน”
รูปภาพ


นอกนี้ยังทรงตรัสว่า “โลกต้องปรังปรุงตน”(ทรงตรัสซ้ำหลายครั้ง)

“ถ้าผู้คนปรับปรุงตนและสวดภาวนาแล้ว พระเจ้าก็จะทรงรักษาไอร์แลนด์ไว้”

“ฉันปรารถนาให้ผู้คนยอมรับสาส์นจากพวกเธอ”


“ผู้คนต้องสวดภาวนาให้มาก”

“ผู้คนต้องไปมิสซาให้มาก และรับพระบุตรของฉันให้บ่อยขึ้น”


“ฉันปรารถนาให้ผู้คนเชื่อ”

“โลกมีเวลาสิบปีที่จะปรับปรุงตน ต้องมีการปรับปรุงตนเป็นสิบเท่ากว่าที่เป็นอยู่นี้…”

“ฉันปรารถนาให้ผู้คนเลิกพูดสิ่งไม่ดีเกี่ยวกับฉันและเลิกเยาะเย้ยฉัน”
teyteybboy
โพสต์: 413
ลงทะเบียนเมื่อ: พฤหัสฯ. ธ.ค. 22, 2011 8:16 pm

อาทิตย์ ก.ย. 11, 2016 8:41 pm

เหตุการณ์วันที่ 5 วันอังคารที่ 20 สิงหาคม ค.ศ.1985 (2)

ในระหว่างการประจักษ์วันนี้แม่ของด.ช.ทอม ได้ให้ด.ช.ทอม ทูลถามพระมารดาเจ้าว่าทั้งตัวเธอและตัวมารดาของแบร์รี่จะได้มีบุญเห็นพระนางบ้างไหม พระมารดาเจ้าก็ทรงตรัสตอบว่า “พวกท่านจะได้เห็นจ๊ะ” และก็เป็นเช่นนั้นจริงๆ เพราะในเวลาต่อมาทั้งสองก็ได้พระมารดาพระเจ้าจริงๆ

นอกจากคำถามนี้แล้ว นายบัคก์ลีย์ ยังได้ให้เด็กๆทูลถามพระมารดาเจ้าอีกว่า พระนางจะวิงวอนต่อพระบุตรให้สภาพอากาศดีขึ้น เพื่อการเก็บเกี่ยวจะได้เป็นไปได้ด้วยดีได้ไหม เด็กๆจึงทูลขอพระมารดาพระเจ้าตามนั้น และพระมารดาก็ทรงตรัสตอบเด็กๆว่า “เมื่อผู้คนสวดให้มาก สภาพอากาศก็จะดีขึ้นเอง”
รูปภาพ
หลังจากนั้นทั้งสองก็ได้รับโน้ตถามคำถามว่าคนชื่อเดอร์ม็อตจะเป็นเช่นไร ทอมจึงทูลพระมารดาเจ้าตามโน๊ตนั้นในเร็วพลัน แต่แทนที่จะได้รับคำตอบจากพระมารดาพระเจ้า ทอมก็ได้รับแต่ภาพขอบพระมารดาเจ้าอันตรธานหายไป และถูกแทนที่โดยองค์พระเยซูเจ้าสวมเสื้อคุลมสีแดงที่ประจักษ์ขึ้นมาแทน พระองค์มิไดตรัสอะไร เพียงแต่ทรงชี้พระดัชนีมาที่เขา และบัดดลเป็นระยะเวลาราวห้าวินาทีได้ ทอมก็รู้สึกเจ็บปวดสุดพรรณนาที่หูทั้งสองข้าง จนเขาต้องงอตัวลง

พระมารดาพระเจ้าก็ทรงเสด็จกลับมาอีกครั้ง ทรงร่วมสนทนากับพระบุตร แต่ทอมกลับไม่ได้ยินเสียงอะไรเลย จนสักพักเมื่อพระเยซูเจ้าทรงอันตรธานหายไป พระมารดาเจ้าก็ตรัสกับทอมว่า

“ขอโทษนะ” ทอมจึงกลับมาได้ยินอีกครั้ง (หนึ่งปีให้หลัง คนชื่อเดอร์ม็อตก็กลายเป็นคนหูหนวกและเป็นใบ้)
teyteybboy
โพสต์: 413
ลงทะเบียนเมื่อ: พฤหัสฯ. ธ.ค. 22, 2011 8:16 pm

อาทิตย์ ก.ย. 11, 2016 8:47 pm

เหตุการณ์วันที่ 5 วันอังคารที่ 20 สิงหาคม ค.ศ.1985 (3)

เหตุการณ์ต่อมาก็คือทอมได้รับนิมิตดังนี้
รูปภาพ
บรรดาอัครสาวกต่างนั่งกันอยู่บนบันไดห้อง พระมารดาพระเจ้าก็ทรงประทับอยู่ท่ามกลางพวกท่าน มีอัครสาวกคนหนึ่งกำลังสนทนาอยู่กับคนอื่นๆอยู่ ส่วนบนท้องถนนด้านนอกก็ปรากฏทาสผู้ถูกตีตรวนที่ขากำลังถูกเฆี่ยนตีจากบรรดาทหารไปตามทาง บรรดาทหารเหล่านั้นมีผ้าคลุมสีแดงข้างหลัง มีหมวกแบบหมวกกันน็อตสีทองประดับขนนกคล้ายๆกับหางของสุนัขจิ้งจอกหรือไม่ก็ขนนกขนาดใหญ่ที่ค่อยๆลาดลงไปทางด้านหลัง ที่หน้าด้านหน้ามีทหารควบม้าขาวนำไป

กลับมาที่ในห้องพักที่บรรดาอัครสาวกมาชุมนุมกัน พระเยซูเจ้าก็ได้เสด็จมาประทับอยู่ท่ามกลางพวกท่าน พวกท่านทุกคนต่างก้มศีรษะลงยกเว้นเสียแต่ท่านหนึ่ง ที่ก้าวเข้าไปที่พระบาทของพระองค์ ซึ่งขณะเดียวกันกับที่ท่านก้าวไปหา พระองค์ก็ทรงเสด็จเข้ามาใกล้ท่าน และได้ทรงแสดงพระหัตถ์และพระบาทให้ท่านได้แลเห็น ท่านผู้นั้น ซึ่งต้องเป็นนักบุญโทมัสอย่างไม่ต้องสงสัยเลย ก็ได้ใช้นิ้วแหย่ลงไปที่บาดแผลที่พระหัตถ์และพระบาทอย่างละข้าง

ส่วนตัวแบรร์รี่ได้นิมิตดังนี้

จู่ๆหญ้าด้านหน้าพระมารดาเจ้าก็เติบโตขึ้นอย่างรวดเร็ว จนเกือบจะบดบังพระมารดาเจ้า แต่ยังไม่ทันจะได้บังหญ้าสูงนั้นก็แหวกออกเป็นสองฟาก จนเผยให้เห็นพระมารดาทรงประทับยืนโดยมีบรรดาอัครสาวกขนาบข้างตามแบบนิมิตครั้งแรก

นอกนี้ทั้งสองยังได้เห็นนิมิตร่วมกันดังนี้
รูปภาพ
(ก) พระเยซูเจ้าสวมอาภรณ์สีขาว ทีแรกพระกรอยู่ข้างพระวรกาย แต่จากนั้นพระองค์จึงทรงกางพระกรออก

(ข) พระเยซูเจ้าทรงสวมเสื้อคลุมสีแดง ดวงพระหฤทัยมีพระโลหิตหลั่งไหลออกมา ทั้งที่พระหัตถ์และพระบาทต่างปรากฏรอยตะปูอย่างเห็นได้ชัด

(ค) คนสามคนผู้ปิดบังใบหน้าอันว่างเปล่าปรากฏขึ้นหลังพระรูป

ต่อมาสืบเนื่องจากล้ามากแล้ว ทั้งทอมและแบร์รี่จึงขอตัวลากลับ ฝ่ายพระมารดาเจ้าก็มิได้รั้งทั้งสองไว้ พระนางตรัสทิ้งท้ายกับทั้งสองเพียงว่า “ไม่เป็นไรจ๊ะ แล้วเจอกันวันพรุ่งนี้นะ”
teyteybboy
โพสต์: 413
ลงทะเบียนเมื่อ: พฤหัสฯ. ธ.ค. 22, 2011 8:16 pm

อาทิตย์ ก.ย. 11, 2016 8:54 pm

เหตุการณ์วันที่ 6 วันพุธที่ 21 สิงหาคม ค.ศ.1985 (1)
รูปภาพ
วันนี้มีผู้คนจำนวนมากมายพากันแห่แหนมายังถ้ำแม่พระแห่งเมเลเรย์ ชนิดมืดฟ้ามัวดินจนไม่อาจจะอยู่บริเวณหน้าถ้ำได้หมด นอกนี้ในวันนี้เอง ยังได้มีการติดตั้งไมล์และระบบกระจายเสียงให้กับเด็กๆ เพื่อเด็กจะสามารถ่ายทดสาส์นและนิมิตต่างๆที่เกิดขึ้นให้ฝูงชนได้รับรู้ในทันที

ตลอดทั้งคืนของวันนี้ พระมารดาเจ้าทรงได้เรียกร้องให้มีการร้องเพลงสรรเสริญหลายต่อหลายครั้ง เป็นพิเศษกับเพลง ‘สันติสุขหลั่งไหลดังสายธาร’ ซึ่งพระมารดาทรงเป็นผู้ร้องให้เด็กๆได้ฟัง แต่เด็กๆไม่ทราบจึงได้แต่ถ่ายทอดคำร้องออกมาให้ผู้ที่อยู่ในเหตุการณ์ได้ฟัง ซึ่งเมื่อบางคนได้ฟังก็ยืนยันเป็นเสียงเดียวกันว่าบทเพลงนี้คือบทเพลงสันติสุขหลั่งไหลดังสายธาร

ต่อไปนี้คือสาส์นลำดับต่อมาของพระมารดาพระเจ้า

“พระเจ้าทรงพอพระทัยด้วยไอร์แลนด์ ไอร์แลนด์จึงจะได้รับการช่วยไว้”

“ฉันปรารถนาให้ชาวไอร์แลนด์ส่งสาส์นของฉันไปทั่วโลก”

“ฉันกำลังสวดภาวนาให้ผู้ป่วยและฉันอวยพรพวกเขา”

รูปภาพ
จากนั้นสาส์นจึงถูกคั้นด้วยนิมิตดังนี้

บรรดาอัครสาวกพากันออกเรือไปท่ามกลางพายุใหญ่ โดยมีพระเยซูเจ้าทรงพระบรรทมหลับอยู่ที่บริเวณปลายเรือ และสืบเนื่องจากมีลมพัดแรงใส่เรือและมีฝนตกหนักซาซัดเข้าใส่ บรรดาอักครสาวจึงพากันหวาดกลัว และได้ไปปลุกพระเยซูเจ้า พระองค์จึงทรงยืนขึ้นพร้อมตรัสว่า “อย่ากลัวเลย เราอยู่ท่านกับทั้งหลายเสมอ” จากนั้นพระองค์จึงทรงยกพระหัตถ์ขึ้นตรัสว่า “สายฝนเอ๋ย จงคืนย้อนกลับไปยังหมู่เมฆเถิด” บัดดลเองสายลมที่โหมพัดแรงก็สงบ ดวงอาทิตย์ก็กลับมาฉายแสงขึ้น ท้องน้ำกลับสู่สภาวะปกติ บรรดาอัครสาวกทั้งหมดจึงต่างพากันโล่งใจเป็นอันมาก และได้พากันแสดงออกถึงความสุข
teyteybboy
โพสต์: 413
ลงทะเบียนเมื่อ: พฤหัสฯ. ธ.ค. 22, 2011 8:16 pm

อาทิตย์ ก.ย. 11, 2016 9:05 pm

เหตุการณ์วันที่ 6 วันพุธที่ 21 สิงหาคม ค.ศ.1985 (2)
รูปภาพ
หลังจากนิมิตจบลงได้ไม่นาน พระมารดาเจ้าก็กลับมาตรัสต่อว่า

“ฉันปรารถนาให้เออร์สุลาช่วยพวกหนูในการทำให้คนเชื่อพวกหนู”

“ฉันมีความสุขเพราะหนูทั้งสามคน”


ทรงหยุดและเริ่มร้องเพลงสันติสุขหลั่งไหลดังสายธาร ฝูงชนบริเวณนั้นจึงพร้อมใจกับร้องเพลงนี้พร้อมพระนาง จนจบเพลงพระมารดาเจ้าจึงตรัสต่อว่า

“โลกจะต้องเลิกทำตัวเหลวแหล่”

“ฉันปรารถนาให้โลกได้รับสาส์นของฉัน”

“ฉันปรารถนาให้หนูทุกคนไปบอกกับคนทั้งโลก”

“พวกหนูมีวิธีการของพวกหนูเองที่จะบอกโลก”


สาส์นของฉันคือสันติภาพ และการสวดภาวนา และการไม่มีการรบราฆ่าฟันกันในโลก
รูปภาพ

หลังจากนั้นเด็กชายทอมจึงได้เห็นภาพนิมิตดังนี้


ผู้คนสามเผ่า เผ่าละประมาณห้าสิบคนต่างเดินมาตามทางของพวกตนที่จะมาบรรจบกัน โดยแต่ละเผ่าต่างมีหัวหน้าขี่อูฐติดตามด้วยกองคาราวานอูฐเช่นกัน ทั้งสามเผ่าเดินทางมาเรื่อยๆจนพบกัน และต่างได้นอนพักแรมร่วมกันบริเวณที่โล่งในคืนนั้น แต่ท่ามกลางความเงียบแห่งรัตติกาลนั้นเอง หัวหน้าของทั้งสามเผ่าก็พากันลุกจากที่นอน แล้วขึ้นอูฐติดตามดวงดาวสุกสว่างไป

ภาพนิมิตของทอมจบลงแต่เพียงเท่านี้ ซึ่งในเวลาเดียวกันกับภาพนิมิตของทอมจบลง เด็กชายแบร์รี่ก็ได้เห็นนิมิตต่อทันที ดังนี้
รูปภาพ
นักปราชญ์ทั้งสามคนจูงอูฐบรรทุกของติดตามดวงดาวมาเรื่อยๆ จนถึงจุดหนึ่งดวงดาวนั้นก็หยุดนิ่ง แบร์รี่เล่าว่าดวงดาวนั้นมีลักษณะคล้ายโคมไฟภายในที่สุกสว่าง ณ ที่จุดที่ดวงดาวหยุดนั้นปรากฏภาพของพระนางมารีย์ประทับอยู่เบื้องขวาอิงพระกายไว้กับรางหญ้าน้อยๆ(แบร์รี่มองไม่เห็นว่ามีสิ่งใดอยู่ในรางหญ้าเพราะอยู่เหนือระดับสายตาของเขา) ส่วนท่านนักบุญยอแซฟอยู่ทางขวา มีเจ้าลาและเจ้าวัวนอนอยู่ขนาบซ้ายและขวาตามลำดับ นอกนี้ยังมีกลุ่มคนเลี้ยงแกะและลูกแกะอีกสองตัวอยู่ด้านหน้า บุคคลทั้งหมดนี้ปรากฏอยู่ด้านในคอกสัตว์ที่ทำจากไม้

พระมารดาทรงจบภาพนิมิตด้วยการร้องเพลงสันติสุขหลั่งไหลดังสายธาร
teyteybboy
โพสต์: 413
ลงทะเบียนเมื่อ: พฤหัสฯ. ธ.ค. 22, 2011 8:16 pm

อาทิตย์ ก.ย. 25, 2016 9:57 pm

เหตุการณ์วันที่ 6 วันพุธที่ 21 สิงหาคม ค.ศ.1985 (3)

จบเพลงพระมารดาก็ทรงประกาศว่า “ฉันจะขยับให้ผู้คนเห็น” เด็กๆจึงถ่ายทอดคำประกาศนี้ผ่านระบบกระจายเสียง จนสร้างความตื้นเต้นให้กับฝูงชนที่มาเป็นประจักษ์พยาน ระหว่างนั้นพระมารดาเจ้าก็ทรงตรัสต่อว่า “ฉันขอบใจสำหรับเพลงสรรเสริญ” ก่อนทรงหยุดและตรัสว่า “ฉันต้องการให้สวดมากยิ่งขึ้นไปอีก”

ขณะนั้นเองทั้งเด็กทั้งสองและผู้คนบางส่วนก็เห็นพระมารดาเจ้าทรงทอดพระเนตรไปยังถนน เด็กทั้งสองๆจึงรายงานผ่านไมค์ หลังจากนั้นจึงทรงหันพระเศียรไปทางถนน ก่อนจะทรงหยุด แล้วจึงทรงเปลี่ยนมาขยับนิ้ว ทั้งเด็กชายสองคนและผู้คนโดยรอบต่างกล่าวเป็นเสียงเดียวกันว่า “ใช่แล้ว นิ้วของพระนางกำลังเคลื่อนไหว พระนางกำลังเคลื่อนไหว” ตามมาด้วยน้ำเสียงตื่นเต้นมากมายที่ดังจนกลบเสียงไมค์ว่า “พระนางกำลังขยับ - พระนางกำลังขยับหัว ฉันเห็นพระนางแล้ว พระนางกำลังขยับไปด้านข้างแล้ว โอ้พระเจ้าที่รัก”
รูปภาพ

แต่ก็มีบางส่วนที่ตะลึงกับภาพเบื้องหน้าจนพูดอะไรไม่ออก หลายๆคนได้เห็นพระรูปหมุนไปทางฝูงชนบนถนนหลายต่อหลายครั้ง แต่บางคนก็มีบุญได้เห็นพระมารดาเจ้าทรงหันพระเศียรไปยังถนน


กลับมาที่เด็กๆ พอสักพักทั้งสองก็เห็นพระมารดาเจ้าทรงอุ้มพระกุมารในอ้อมพระหัตถ์ ขณะเดียวกันผู้คนอีกจำนวนหนึ่งก็มีบุญได้เห็นเช่นเดียวกันกับเด็กๆ กล่าวคือได้เห็นสตรีวัยแรกรุ่นผู้มีตาสีฟ้า ใบหน้าสีดำขำ สวมผ้าคลุมหน้า แต่เด็กๆเห็นต่างจากนั้น คือทั้งสองเห็นสตรีผู้มีเส้นผมสีทองพลิ้วไหวไปมา สวมอาภรณ์สีเข้มที่ทั้งสองมองดูเป็นสีน้ำตาลแดง (เป็นครั้งเดียวที่พระนางทรงประจักษ์มาในลักษณะเช่นนี้) พระกุมารในอ้อมพระหัตถ์ของพระนางทรงแย้มพระสรวลลงมาให้กับฝูงชนเบื้องล่างเช่นเดียวกับพระมารดา พระองค์ทรงยกพระกรน้อยๆของพระองค์ขึ้น พระกรข้างหนึ่งดูเหมือนจะอยู่รอบคอของพระมารดา

เออร์สุลาทูลถามผ่านทั้งสองว่าพระมารดาทรงปรารถนาให้ผู้คนมาสวดภาวนาที่ถ้ำนี้ต่อไปหรือไม่ พระนางจึงตรัสตอบว่า “ฉันปรารถนาให้ผู้คนมา แต่ไม่ได้มากขนาดนี้” อันเป็นเพราะบริเวณถ้ำไม่อาจรองรับผู้คนจำนวนมากที่หลั่งไหลจะเข้ามาได้ นอกนี้เด็กๆยังได้ทูลถามพระนางอีกว่าพระนางปรารถนาให้ผู้คนมาตื่นเฝ้าที่นี่ไหม พระมารดาจึงตรัสตอบ “ฉันชอบความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันจ๊ะ”
teyteybboy
โพสต์: 413
ลงทะเบียนเมื่อ: พฤหัสฯ. ธ.ค. 22, 2011 8:16 pm

อาทิตย์ ก.ย. 25, 2016 10:05 pm

เหตุการณ์วันที่ 6 วันพุธที่ 21 สิงหาคม ค.ศ.1985 (4)
รูปภาพ
หลังจากนั้นพระนางก็ตรัสว่า “เธอทั้งหลายต้องเชื่อ” บัดดลหนึ่งในเด็กชายทั้งสองก็ประกาศขึ้นว่า พระมารดากำลังเสด็จลงมาแล้ว ทำให้บรรยากาศบริเวณถ้ำตกอยู่ในความฉงนสนเท่ หลังจากนั้นพระมารดาก็ทรงตรัสผ่านเด็กชายทั้งสองต่อว่า “ฉันหวังว่าผู้คนส่วนใหญ่จะเห็นฉัน” ทันทีฝูงชนบางคนที่ได้ยินสาส์นก็พากันตะโกนขึ้นว่า “ใช่แล้ว ใช่แล้ว , พวกเราเห็นแล้ว , โอ้ พระเจ้า…”

“ฉันหวังว่าผู้คนส่วนใหญ่จะเชื่อฉัน” ทันทีความตะลึงงงงันก็แผ่ไปทั่วบริเวณถ้ำ เพราผู้คนจำนวนมากได้เห็นภาพนิมิต “อย่ากลัวไปเลย ฉันไม่ทำร้ายพวกเธอ” พระนางตรัสผ่านทั้งสอง ก่อนทั้งสองจะรายงานว่า พระนางกำลังทรงพระดำเนินอยู่ใกล้ๆต้นไม้ต้นน้อย พระเกศาพลิ้วไหวไปตามลม พระนางทรงดูมีความสุขเป็นอย่างยิ่ง
รูปภาพ
เมื่อเหตุการณ์มาถึงจุดนี้ ฝูงชนบางส่วนก็เริ่มคิดจะกลับบ้านเพราะความตกใจ แต่พระมารดาก็ทรงให้ความมั่นใจแก่พวกเขาอีกครั้งว่า “อย่ากลัวไปเลย ฉันไม่ทำร้ายพวกเธอ” เวลาไล่เลี่ยกันความตะลึงงึงงันก็ยิ่งขยายตัวไปทั่วบริเวณ เพราะหลายคนได้เห็นภาพนิมิต

หลังจากนั้นพระมารดาซึ่งประจักษ์มาเต็มองค์ให้เด็กชายเห็น ก็ทรงตรัสต่อ

“โลกจะต้องเลิกทำตัวเหลวแหล่”(พระนางตรัสซ้ำหลายครั้งตลอดคืน)

“อย่ากลัวไปเลย” (สำหรับคนที่ยังหวาดวิตกต่อเหตุการณ์เบื้องหน้า)

“ฉันหวังว่าเธอจะเชื่อฉัน”

“ฉันปรารถนาให้ผู้คนออกไปที่ถนนเพื่อเห็นฉัน”

“ฉันปรารถนาให้ผู้คนเข้ามาและเห็นฉัน เพราฉันกำลังจะไปแล้ว”


อย่างไรก็ตาม สาส์นก็ไม่ได้รับการปฏิบัติตาม เพราะฝูงชนภายในไม่ต้องการจะออกจากสถานที่นี้
teyteybboy
โพสต์: 413
ลงทะเบียนเมื่อ: พฤหัสฯ. ธ.ค. 22, 2011 8:16 pm

อังคาร ต.ค. 11, 2016 9:29 pm

เหตุการณ์วันที่ 7 วันพฤหัสบดีที่ 22 สิงหาคม ค.ศ.1985 (1)

ด.ช.ทอม และ ด.ช.แบร์รี่ พร้อมบิดามารดาของทั้งสองเดินทางมาถึงถ้ำแม่พระ ในเวลาหลังสองทุ่มนิดๆ เพราะติดแหงกบนถนนที่มุ่งสู่ถ้ำ ที่คราคลั่งไปผู้แสวงบุญจำนวนมากที่แห่แหนกันมายังสถานที่ ที่พระมารดาพระเจ้าทรงเสด็จลงมาเยี่ยมเยียนมนุษย์ (เวลานั้นถนนรอบนอกเมืองแค็ปโปกวีนถูกปิดเป็นระยะราวสองไมล์จากตัวถ้ำ แต่เหมือนอัศจรรย์คือรถของครอบครัวทั้งสองสามารถแล่นฝ่าจนมาถึงบริเวณที่ห่างถ้ำเพียง 100 ยาร์ด) ก่อนเออร์สุลาจะตามาสมทบ ณ บริเวณม้านั่งเดิมที่ทั้งสามนั่งเป็นปกติ

และเมื่อเริ่มสวดภาวนาไปได้สักครู่ พระมารดาเจ้าก็ทรงประจักษ์มาในลักษณะเช่นเดิม นั่นคือ ผ้าคลุมของพระรูปค่อยๆพลิ้วไปตามลม พร้อมพระเกศาสีทอง หลังจากนั้นเมื่อพระมารดทรงเริ่มตรัส เด็กๆก็เห็นพระนางตั้งแต่บริเวณศีรษะจนถึงไหล่ได้อย่างชัดเจนเหมือนเห็นคนปกติ พระพักตร์ของพระนางเหมือนสาวแรกรุ่นผู้มีผิวสีดำขำ พระเนตรสีฟ้า แต่วันนี้ทรงมีผ้าคลุมศีรษะซึ่งผิดแปลกไปจากวันอื่นๆ
รูปภาพ
พระนางทรงหันทางทิศของถนนที่มีผู้คนบางส่วนอยู่ พลางตรัสผ่าทั้งสองว่า “ขอโทษนะ” แล้วจึงทรงหันกลับมาตรัสต่อว่า “ฉันปรารถนาคำภาวนา” ผู้คนที่เฝ้าชมเหตุการณ์จึงเริ่มก่อสวดสายประคำดั่งเช่นที่ปฏิบัติมาทุกครั้งเมื่อทรงขอเช่นนี้ แล้วจะหยุดสวดเพื่อให้พระนางได้ตรัสบางสิ่ง ซึ่งวันนี้พระนางตรัสขอให้สวดและร้องเพลงสันติสุขหลั่งไหลดั่งสายธารมากยิ่งขึ้น และทรงตรัสว่า “เออร์สุลาต้องช่วยปกป้องเธอ” ก่อนจะทรงตรัสย้ำผ่านทั้งสองว่า

“โลกต้องปรับปรุงตนและโลกต้องเชื่อ”

“ถ้าโลกยังไม่ปรังปรุงตน ปีศาจจะมีอำนาจเหนือพระศาสนจักร”
teyteybboy
โพสต์: 413
ลงทะเบียนเมื่อ: พฤหัสฯ. ธ.ค. 22, 2011 8:16 pm

อังคาร ต.ค. 11, 2016 9:36 pm

เหตุการณ์วันที่ 7 วันพฤหัสบดีที่ 22 สิงหาคม ค.ศ.1985(2)
รูปภาพ
แล้วจึงทรงตรัสเช่นนี้อีกครั้ง ในระยะเวลาเพียงไม่นาน

“ถ้าโลกยังไม่ปรังปรุงตน ปีศาจจะมีอำนาจเหนือพระศาสนจักรของพระเจ้าเป็นระยะสิบปี”

ตรัสเช่นนี้แล้ว บัดดลก็ปรากฏปีศาจตนหนึ่งขึ้นทางซ้ายของพระมารดา มันทั้งหัวเราะและพูดเยาะเย้ยพระนาง ส่วนพระมารดาทรงได้แต่กรรแสงอย่างเศร้าพระทัย ทอมเล่าว่าเวลานี้เขารู้สึกเจ็บเหมือนโดนเข็มแทงที่ในหูของเขา ส่วนแบร์รี่ก็รู้สึกเหมือนมีก้อนเนื้อซึ่งสร้างความเจ็บปวดอยู่ในลำคอของเขา

ทั้งสองบรรยายถึงลักษณะของเจ้าปีศาจตนนั้นว่ามันมีใบหน้าเหมือนคนที่เคยป่วยเป็นโรคฝีดาษ(เป็นหลุมเป็นบ่อ) ดวงตาของมันปูดโปน ฟันของมันใหญ่ยักษ์ จมูกและขากรรไกรของมันแหลม มันมีตอเขาเล็กๆและหูขนาดใหญ่ มันถือสามง่ามด้วยมือที่มีกรงเล็บยาว เท้าของมันเป็นกีบ และตัวของมันเป็นสีน้ำตาลแดง (ฝั่งฝูงชนเมื่อทราบถึงสิ่งที่ทั้งสองเห็นก็พากันหวั่นวิตกไปทั่ว)

ค่ำคืนนี้พระนางทรงจบการประจักษ์ด้วยการขอให้สวดและร้องเพลงศักดิ์สิทธิ์มากยิ่งขึ้น (ซึ่งพระนางมักขอให้ร้องเพลงสันติสุขหลั่งไหลดั่งสายธาร)

ทั้งสองเล่าว่าพระนางมีความสุข และทรงกำลังสวดต่อพระเจ้าร่วมกับฝูงชน แล้วพระนางจึงกลับไปเป็นรูปปั้นดังเดิม

++ในวันนี้หลายคนกล่าวในภายหลังว่ามีผู้คนอยู่ ณ สถานที่นี้มากที่สุด ไม่ว่าจะบริเวณหน้าถ้ำหรือบนถนน และก็มีคนบางคนที่ไม่ได้มาเพราะความเชื่อ แต่มาเพราะความอยากรู้
teyteybboy
โพสต์: 413
ลงทะเบียนเมื่อ: พฤหัสฯ. ธ.ค. 22, 2011 8:16 pm

อังคาร ต.ค. 11, 2016 9:39 pm

เหตุการณ์วันที่ 8 วันเสาร์ที่ 23 สิงหาคม ค.ศ.1985

คืนนี้พระมารดาทรงตรัสผ่านทอมและแบร์ร์ว่า ให้สวดภาวนาและสวดภาวนามากยิ่งขึ้น และทรงตรัสถึงอุบัติเหตุที่เกิดขึ้นบนถนนเมื่อวานว่า “ฝากบอก……ว่าฉันขอโทษสำหรับ…..ความทุกข์ยาก” และทรงตรัสอีกว่า “ฉันปรารถนาให้เธอสวดภาวนาอย่างแข็งขัน” ก่อนไม่นานจะทรงตรัส “ฉันปรารถนาให้เธอสวดอย่างแข็งขันและแข็งขัน” และ “ด้วยความเชื่อศรัทธาและคำภาวนาของเธอ เธอสามารเอาชนะปีศาจได้”
รูปภาพ
ดังนั้นคืนนี้จึงมีการจัดภาวนามากเป็นพิเศษ จนถึง ณ เวลาหนึ่ง พระมารดาททรงตรัสกับทั้งสองว่า “ฉันจะแสดงตัวของฉันให้ผู้คนจำนวนมากในสถานที่ต่างๆจำนวนมาก” ก่อนจะทรงค่อยๆอันตรธานหายไปจากการมองเห็นของทั้งสอง
teyteybboy
โพสต์: 413
ลงทะเบียนเมื่อ: พฤหัสฯ. ธ.ค. 22, 2011 8:16 pm

อังคาร ต.ค. 11, 2016 9:43 pm

เหตุการณ์วันที่ 9 วันเสาร์ที่ 24 สิงหาคม ค.ศ.1985

เวลา 15.00 น. ด.ช.ทอมก็ได้มาถึงถ้ำพร้อมกับบิดามารดา ซึ่งเมื่อสวดภาวนาไปสองสามบท ด.ช.ทอมก็เห็นพระรูปแม่พระเคลื่อนไหวไปมา เขาจึงทูลถามพระนางตามคำถามที่ซิสเตอร์พื้นถิ่นฝากมาว่า “ท่านคือพระมารดาพระเยซูคริสตเจ้าใช่ไหมครับ” ฝั่งพระมารดาก็ตรัสตอบว่า “ใช่จ๊ะ” และมิได้ตรัสอะไรกับเด็กๆอีกเลยนับจากนั้นมา ทำให้การประจักษ์ ณ เมลเลเรย์ จบลงแต่เพียงเท่านั้น..

หมายเหตุ : วันเดียวกันมีพยานหลายคนรายงานว่าได้เห็นนิมิตระหว่างสวดภาวนาที่หน้าถ้ำอีกด้วย
รูปภาพ
teyteybboy
โพสต์: 413
ลงทะเบียนเมื่อ: พฤหัสฯ. ธ.ค. 22, 2011 8:16 pm

อังคาร ต.ค. 11, 2016 10:02 pm

เพลงที่พระมารดาทรงร้อง
รูปภาพ
ในการประจักษ์ที่เมาต์ เมลเลเรย์ ประเทศไอร์แลนด์ เด็กชายสองคนที่ได้รับการประจักษ์ นอกจากจะได้เห็นแม่พระทรงสวดสายประคำแล้ว ทั้งสองยังต่างได้ยินพระมารดาทรงร้องบทเพลงหนึ่ง แต่ทั้งสองก็ไม่รู้จักเพลงนี้ จึงได้แต่ท่องตาม และเมื่อคนอื่นๆได้ฟังก็ต่างพากันยืนยันว่าเพลงนี้คือเพลง “สันตสุขหลั่งไหลดั่งสายธาร” และในการประจักษ์ครั้งถัดๆมา พระนางก็ทรงขอให้ผู้คนร้องเพลงนี้ ซึ่งเนื้อเพลงมีเนื้อหาตรงกับจุดประสงค์ในการประจักษ์ครั้งนี้คือ “สาส์นของฉันคือสันติภาพและการสวดภาวนาและการไม่มีการต่อสู้มากไปกว่านี้ในโลก”

ความจริงแล้วผู้เขียนก็ไม่ทราบแน่ว่า พระนางทรงร้องแบบไหน เพราะบทเพลงนี้มีหลายฉบับ ซึ่งแตกต่างกันเพียงคำขึ้นต้นบทเท่านั้น เช่นบางอันเป็นความยินดีหลั่งไหลดั่งสายธาร แต่บางก็เป็น อัลเลลูยา อัลเลลูยา หลั่งไหลดั่งสายธาร แต่กระนั้นโดยรวมก็มีเนือหาเหมือนกันหมด ดังนั้นเองผู้ขเียนจึงยึดเอาฉบับแปลไทย ที่แปลโดย ธ ประมงค์ ดังนี้
เพลงสันติสุขหลั่งไหลดังสายธาร by ธ ประมงค์
เนื้อเพลงสันติสุขหลั่งไหลดังสายธาร

1.สันติสุขหลั่งไหลดั่งสายธาร
ดลบันดาลผ่านเธอและฉัน
สายธารหลั่งสู่ถิ่นในแดนกันดาร
พันธนาการหลุดพ้นเสรี

2.ความรักพระเจ้าหลั่งไหลดั่งสายธาร
ดลบันดาลผ่านเธอและฉัน
สายธารหลั่งสู่ถิ่นในแดนกันดาร
พันธนาการหลุดพ้นเสรี

3.ความชื่นชมหลั่งไหลดั่งสายธาร
ดลบันดาลผ่านเธอและฉัน
สายธารหลั่งสู่ถิ่นในแดนกันดาร
พันธนาการหลุดพ้นเสรี

4.ความหวังในองค์หลั่งไหลดั่งสายธาร
ดลบันดาลผ่านเธอและฉัน
สายธารหลั่งสู่ถิ่นในแดนกันดาร
พันธนาการหลุดพ้นเสรี
teyteybboy
โพสต์: 413
ลงทะเบียนเมื่อ: พฤหัสฯ. ธ.ค. 22, 2011 8:16 pm

อังคาร ต.ค. 11, 2016 11:43 pm

บทสัมภาษณ์เออร์สุลาหลังเหตุการณ์พระมารดาเจ้าเสด็จเยือนเมนุษย์ ณ เมลเลเรย์
รูปภาพ
จากบทความ Devout woman who claims Our Lady appeared to her 30 years ago slams doubters ของนิตยสารเดอะ ซันเดย์ มิร์เรอร์ ในเดือนสิงหาคม ค.ศ.2015

สตรีใจศรัทธาผู้อ้างว่าตนได้เห็นแม่พระเมื่อ 30 ปีที่แล้วได้ผ่านข้อสงสัยจำนวนมากและได้ยืนยันว่า
“ฉันรู้ดีว่าสิ่งที่ฉันเห็นเป็นเรื่องจริง”

เออร์สุลา โฟเลย์ -หรือขณะนั้นเออร์สุลา โอร็อร์ค – คือหนึ่งหลายคนที่ได้เห็นการประจักษ์ของพระนางมารีย์ที่ถ้ำแม่พระเมลเลเรย์ ในเทศมณฑลวอเตอร์ฟอร์ด ในช่วงเดือนสิงหาคม ปี ค.ศ.1985

ซึ่งแม้ว่าพระแม่มารีย์จะไม่ได้ตรัสอะไรกับเออร์สุลา พระนางก็ทรงตรัสกับญาติของเธอนั่นคือ ด.ช.ทอม คลีฟฟ์ วัย 12 ปี และ ด.ชแบร์รี่ บักค์เลย์ วัย 11 ปี เมื่อพระนางทรงประจักษ์มาหาพวกเขาที่ถ้ำแม่พระในเทือกเขาน็อคมิวล์ดาวน์ในวันต่อๆมา และทรงตรัสถึงเออร์สุลา

ในการให้สัมภาษณ์กับเดอะ ซันเดย์ มิร์เรอร์เป็นกรณีพิเศษ เออร์สุลาได้ยอมรับว่า มันเป็นเรื่อง ‘ลำบาก’ ตลอดหลายปีเพราะผู้คนไม่สนใจสิ่งที่พวกเขาเห็นประหนึ่งว่ามันเป็นภาพจินตนาการของเด็กๆ

เออร์สุลา ซึ่งขณะนั้นอายุ 16 ปี ต้องเผชิญกับความเครียดจากสิ่งที่เกิดขึ้นกับเธอ และในที่สุดการเป็นผู้ได้รับการประจักษ์ก็เปลี่ยนชีวิตของเธอไปตลอด

แต่กระนั้นตาม แม้ตอนนี้เธอจะเป็นคุณแม่ลูกสองจากแค็ปโปกวีน ใน วอเตอร์ฟอร์ด เธอก็กล่าวว่าสิ่งที่เกิดขึ้นในเย็นวันนั้นในปี 1985 ยังคง ‘ใหม่’ อยู่เสมอ

เออร์สุลาในวัย 46 กล่าว “ฉันรู้อยู่แก่ใจและวิญญาณของฉันดีถึงสิ่งที่ฉันเห็น และไม่มีอะไรจะเปลี่ยนแปลงมันได้”

“คำวิพากษ์วิจารณ์และคำครหาเคยถูกใช้เพื่อทำร้าย แต่มันก็ไม่มีผลอีกต่อไปแล้ว เพราะเมื่อคุณรู้อยู่แก่ใจและวิญญาณถึงสิ่งที่คุณเห็น และสิ่งที่เกิดขึ้น ก็ไม่ใครจะลบมันออกไปได้”

“มันผ่านมาสามสิบปีแล้ว และฉันก็กล้าบอกกับคุณได้เลยว่า เย็นวันนั้นยังคงใหม่ในความคิดของฉันในวันนี้ ว่ามันเกิดอะไรขึ้น และไม่มีเศษเสี่ยวของความทรงจำไหนเปลี่ยนไป”

“ฉันมาจากครอบครัวที่มีความเชื่อที่ยิ่งใหญ่ และฉันเองก็ชอบเรื่องตำบลฟาติมาและแม่พระ นี่แหละมั้งเหตุผลที่พระนางทรงเลือกฉัน”

“ฉันเคยได้ยินทุกคำครหาและคำถาม แต่ฉันก็รู้ดีถึงสิ่งที่ฉันเห็น และไม่มีใครหน้าไหนจะมาเปลี่ยนใจฉันได้”
รูปภาพ
เออร์สุลาหน้าถ้ำแม่พระเมลเลเรย์
แม้ว่าจะมีความเชื่อ เออร์สุลาก็ยอมรับว่ามันเรื่องหินทีเดียวที่จะรับมือ เมื่อทอมและแบร์รี่บอกเธอว่าแม่พระตรัสถึงเธอ และจะช่วยในการเผยแพร่สาส์นของพระเจ้า

เธอเผยว่า “ทีแรกไม่ใครสนใจเรื่องของพวกเรา ราวกับเป็นเรื่องเด็กแต่งขึ้น”

“ฉันต้องกลับไปเรียนต่อในไม่กี่สัปดาห์ถัดมาเพื่อลาออก และมันก็เป็นเรื่องยาก ที่จะบอกมันเป็นอื่นไป”

“ทุกคนรู้จักฉัน และมันทำให้ฉันเป็นที่รู้จักขึ้นไปอีก”

“อาทิตย์แรกเต็มไปด้วยการประเดประดังเข้ามาและความสนใจจนทำให้ฉันหวาดกลัว และเมื่อทั้งสองมาบอกกับฉันว่าแม่พระตรัสถึงฉัน ฉันก็รู้สึกหนักอึ้งไปทั้งตัว และรู้สึกถึงความรับผิดชอบจำนวนมากทั้งๆที่ฉันยังเป็นเพียงวัยรุ่น”

“แต่ถึงแม้จะเป็นเช่นนั้น ถ้าฉันย้อนเวลาไปได้ ฉันก็จะไม่เปลี่ยนแปลงมัน”

เออร์สุลาเล่าว่าขณะที่ทอมและแบร์รี่พูดคุยกับแม่พระ และรับคำแนะนำจากพระนาง การประจักษ์ส่วนตัวของเธอเองก็ ‘ไม่แน่ชัด’ ว่าแม่พระมิได้ตรัสอะไรกับเธอ

กระนั้นเธอก็ยังคงไม่ลืมแม้เศษเสี้ยวเล็กๆของเย็นวันนั้น แม้จะผ่านมากว่าสามทศวรรษแล้วก็ตาม
เธอยังคงเป็นเพื่อนกับทอม แต่แบร์รี่เสียชีวิตไปแล้วเมื่อเก้าปีก่อนจากอุบัติเหตุรถจักรยานยนต์


เธอเสริมว่า “ฉันยังคงไปที่ถ้ำอยู่บ่อยๆ และพวกเราจะมีการสวดภาวนาในอาทิตย์นี้เพื่อระลึกถึงการครบรอบสามสิบปี”

“ความเชื่อของฉันยังคงหนักแน่น และรู้สึกถึงความสุขใจที่ยิ่งใหญ่ คุณพ่อคุณแม่ของพวกเรา ปลูกมันฝังมันในพวกเราทั้งสิบคน และฉันก็ส่งต่อให้ลูกๆของฉันเช่นกัน”

“มันเป็นเรื่องน่าเศร้าที่เห็นความเชื่อของผู้คนลดลง แต่ก็ยังมีความดีอันยิ่งใหญ่ในผู้คน และเวลาเดียวกัน ฉันรู้ดีว่าความชั่วร้ายมีจำนวนมากมายบนโลก แต่ฉันก็มักมองหาความดีในผู้คน”
teyteybboy
โพสต์: 413
ลงทะเบียนเมื่อ: พฤหัสฯ. ธ.ค. 22, 2011 8:16 pm

อังคาร ต.ค. 11, 2016 11:47 pm

รูปภาพ
ข้าแต่พระมารดาผู้ประจักษ์มา ณ ถ้ำแม่พระ เมลเลเรย์ ช่วยวิงวอนเทอญ
คนเขียนจดหมายแปลและเรียบเรียง
ตอบกลับโพส