มายาคติ และความเข้าใจผิดคิดไปเอง

ถาม-ตอบพระคัมภีร์ เรื่องเสริมศรัทธา ความรู้ และสาระ บทความ ในคริสตศาสนา
ตอบกลับโพส
Arttise
โพสต์: 860
ลงทะเบียนเมื่อ: อาทิตย์ ก.พ. 19, 2017 3:45 pm

เสาร์ เม.ย. 25, 2020 11:05 pm

+ มายาคติ และความเข้าใจผิดคิดไปเอง +
ในเรื่องที่มีคนอ้างว่าฝันเห็นพระเยซูไปอยู่สวรรค์พุทธแบบไทยๆ

มีบทความทั้งในยูทูป และเวบศาสนาพุทธบางแห่ง อ้างว่า มีฤาษีคนหนึ่ง ฝันว่าตัวเองไปเจอพระเยซูอยู่ในสวรรค์ชั้นดุสิต ซึ่งเป็นสวรรค์ของพระโพธิสัตว์ในศาสนาพุทธ

ซึ่งคนที่ไม่มีความรู้ลึกซึ้งในศาสนาพุทธ และไม่มีความรู้ในศาสนาคริสต์ ก็พากัน สาธุๆ

หากแต่ผู้ที่ได้ศึกษาเล่าเรียนในเชิงลึกศาสนาพุทธ และศาสนาคริสต์ จะพบว่าเรื่องราวนี้ เต็มไปด้วยมายาคติ คืออคติที่คิดไปเองของคนพุทธที่มีต่อศาสนาคริสต์ และยังมีการการขาดความรู้ทางประวัติศาสตร์ศิลปะศาสนาพุทธเองอีกด้วย

1. เครื่องแต่งกายของพระเยซูในฝันนั้น ไม่ใช่เครื่องแต่งกายของศาสนาพุทธ ไม่ใช่ชุดแบบยุคพระพุทธเจ้า แต่คือเครื่องแต่งกายแบบภาพจิตรกรรมและเครื่องทรงพระพุทธรูปยุครัตนโกสินทร์

ทุกคนสามารถดูภาพตัวอย่างที่อยู่ในโพสนี้ซึ่งผมได้นำมารวมไว้ จะพบว่าเบื้องต้น พระพุทธรูปยุคแรกในอินเดีย และเครื่องศีรษะของเทวดาอินเดียนั้น ไม่แหลม ความแหลมค่อยๆทวีขึ้นเมื่อศาสนาพุทธและพราหมณ์เริ่มเข้ามาสู่ภูมิภาคนี้ โดยไล่จากศิลปะเขมร มาถึง สุโขทัย อยุธยา และทุกคนจะเห็นได้ว่า เริ่มมา "ชฏาแหลมเปี๊ยบ" เอายุครัตนโกสินทร์ ซึ่งทางฤาษีผู้ฝันก็คงตั้งใจให้พระเยซูมาเป็นเทวดาทางพุทธ แต่อาจลืมไปว่าพระเยซูคือคนสมัยใกล้พระพุทธเจ้าไม่ใช่ยุคกรุงเทพทุกวันนี้ ดังนั้นผู้ฝันจึงเอาภาพจำที่ตัวเองเคยชินกับพระพุทธรูปสมัยหลังกับเทวดาในจิตรกรรมฝาผนังมาเข้าใจผิดคิดไปเองว่า คือ "เครื่องแบบสวรรค์" ตั้งแต่ดั้งเดิม

จึงเกิดคำถามง่ายๆว่า ถ้าพระเยซูไปเกิดเป็นเทวดาตั้งแต่ 2000 ปีที่แล้วดังที่ฤาษีอ้าง ทำไมแต่งแฟชั่นไทย ประเทศที่ตอนนั้นยังไม่มี

พระเยซูป็นชาวยิว ถ้าสมมุติไปเป็นเทวดาตอน 2000ปีที่แล้ว จะแต่งกายก็น่าจะแต่งแบบยิว หรือประเทศใดๆที่มีอยู่ในสมัยนั้น มาแต่งกายตามแฟชั่นของประเทศเล็กๆที่ตอนนั้นยังไม่มีตัวตนในแผนที่โลกด้วยซ้ำได้ยังไง และยิ่งไปกว่านั้นทำไมมาแต่งตัวแบบกลางเก่ากลางใหม่ คือ ไม่เก่าเป็นยุค 2000 ปีที่แล้ว ขณะเดียวกันก็ดันไม่ใหม่เป็นปัจจุบัน แต่ดันเก่าไม่มากแค่ยุครัตนโกสินทร์ประมาณ 200 ปีเอง

ซึ่งในแง่เป็นสิ่งคุ้นตาที่ฤาษีเห็นทุกวันบนผนังวัดและในโบสถ์จะเก็บไปฝันคงไม่แปลก แต่แปลกที่ไม่ตรงข้อเท็จจริง และยังสะท้อนความคิดแปลกๆ ที่เห่อกันเองในเมืองไทยเท่านั้นคือ เรื่อง ประเทศไทยเป็นเจ้าของศาสนาพุทธโลกอย่างชัดเจน

2.ความเข้าใจผิดและมายาคติต่อเรื่องการสารภาพบาปและการอภัยบาปในคริสตศาสนา

ในฝันนั้น ฤาษีต่อว่าพระเยซู ว่าสอนผิดว่ายกบาปได้ พระเยซู(เทวดาไทยกรุงเทพ)แก้ตัวว่า เปล่าไม่ได้สอนแบบนั้น สอนให้สารภาพแบบพระสงฆ์ปลงอาบัติเฉยๆ

สิ่งนี้สะท้อนมายาคติและความเข้าใจผิดในเรื่องการสารภาพบาปและการยกโทษบาปที่คนต่างศาสนามักเข้าใจผิดเกี่ยวกับคริสตศาสนามาตลอดเช่นที่เราได้ยินการค่อนแคะบ่อยๆทำนองว่า "คนคริสต์นี่ดีจังนะ ทำบาปยังไงก็ได้ ก็แค่ไปสารภาพบาป ก็ทำบาปได้สบายเลย" เลยมีบทพูดให้พระเยซูเทวดาไทยกรุงเทพตอบอะไรแบบนั้นกับฤาษี อันแสดงว่า พระเยซูเทวดาไทยกรุงเทพคนนี้ ไม่มีความรู้ในเรื่องการไถ่บาปของศาสนาคริสต์เลย

การไถ่บาปของพระเยซูนั้นไม่ใช่การไถ่เพื่อให้คนไปทำบาปเล่นได้ตามสบายแต่เป็นการไถ่จากบาปกำเนิด นำกลับสู่การคืนดีกับพระเจ้าผู้สร้างโลกจักรวาลและกฎความดีทั้งหลาย

การยกบาปของพระเยซูยังมีเงื่อนไขสำคัญที่ นอกจากจะสำนึกผิดและต้องการกลับใจอย่างแท้จริง ยังมีเงื่อนไขสำคัญคือ ต้องให้อภัยแก่ผู้อื่นด้วย

(มัทธิว บทที่ 7ข้อ 1-2)“อย่าตัดสินเขา และท่านจะไม่ถูกพระเจ้าตัดสินa ท่านตัดสินเขาอย่างไร พระเจ้าจะทรงตัดสินท่านอย่างนั้น ท่านใช้ทะนานใดตวงให้เขา พระเจ้าจะทรงใช้ทะนานนั้นตวงให้ท่าน"

(มัทธิว บทที่ 6 ข้อ 12)โปรดให้อภัยความผิดของข้าพเจ้า เหมือนที่ข้าพเจ้าให้อภัยแก่ผู้ทำผิดต่อข้าพเจ้า

ดังนั้นแม้จะไปสารภาพบาป แต่ถ้าคุณเป็นคนอาฆาต ไม่ยกโทษคนอื่นเลย คุณก็จะถูกตัดสินแบบเดียวกันกับที่คุณทำกับคนอื่นอยู่ดี พระเจ้านั้นยุติธรรมเสมอ ถ้าการยกโทษหรือให้อภัยเป็นกรรมดี แล้วทำไมคนทำกรรมดีนี้จะได้รับผลกรรมเดียวกันนี้ตอบแทนแบบเดียวกันไม่ได้ และสิทธิ์อำนาจที่พระเยซูใช้ในการยกบาปนั้น เป็นสิทธิ์อำนาจในฐานะพระเจ้าผู้ตั้งกฎของจักรวาลและธรรมชาติ เปรียบให้เข้าใจง่าย เหมือนในหลวงลงพระปรมาภิไธยตรากฏหมาย เมื่อมีประชาชนที่มีความผิดตามกฎหมายยื่นฎีกาขอพระราชทานอภัยโทษ ในหลวงก็สมารถนิรโทษกรรม หรือปล่อยจากที่คุมขังก่อนได้

การที่พระเยซูสมมุตินี้ ตอบแบบอ้างเรื่องพระปลงอาบัติ ถึงถูกในบางส่วน ซึ่งฤาษีอาจเห็นการสารภาพบาปแบบศีลอภัยบาปจากในหนังซึ่งอาจมีส่วนคล้ายการปลงอาบัติของสงฆ์ ซึ่งเน้นให้ผู้ละเมิดพระวินัยได้สามารถตั้งใจกลับตัวกลับไปปฏิบัติพระวินัยต่อได้ แต่ันั่นคล้ายกันในวิธีปฏิบัติ แต่ไม่เหมือนกันในสาระสำคัญของศาสนศาสตร์และเทววิทยา

3.ฤาษีผู้ฝันคงไม่เคยทราบว่า พระเยซูปรากฎกายมาหานักบุญและคริสตชนจำนวนมากมายทั่วโลกตลอดประวัติศาสตร์ และไม่เคยแต่งกายตลกหรือพูดจางงๆแบบนี้

ตลอด2000ปีของประวัติศาสตร์คริสตศาสนา โดยเฉพาะใน คาทอลิก และ ออธอดกซ์ มีปรากฎการณ์ที่ พระเยซู พระแม่มารีย์ และทูตสวรรค์ มาพบผู้คนตลอดเวลาเป็นระยะ ศาสนาคริสต์คือศาสนาที่มีผู้คนนับถือมากที่สุดในโลก และนักบุญหลายๆท่านก็ทำสิ่งอัศจรรย์ได้ยิ่งใหญ่ไม่น้อยไปว่าฤาษีท่านนี้ และหลายท่านก็เคยสัมผัสพูดคุยกับผู้มาจากสวรรค์ และบางคนถึงกับเห็นด้วยตาเปล่าๆตอนตื่นไม่ใช่แค่ฝันไป

พระเยซูประจักษ์แก่นักบุญและผู้คนมากมายในประวัติศาสตร์คริสตศาสนาเองไม่มีสักครั้งที่ใครจะเคยเห็นพระเยซูแต่งตัวเป็นแฟชั่นพุทธไทยกรุงเทพฯแบบนี้ และไม่เคยมีใครบันทึกว่าได้ยินพระเยซูพูดจาเป็นพุทธจ๋าแบบฤาษีคนนี้อ้าง และการประจักษ์ต่างๆทั้งหมดที่พระศาสนจักรรับรอง ล้วนสอดคล้องกับพระคัมภีร์ และธรรมประเพณีในคริสตศาสนาเองทั้งสิ้น

ยิ่งไปกว่านั้นภาพเยซูที่คนทำคลิปเอาขึ้นหัวคลิปเรื่องฝันนี้ในยูทูป ก็คงไม่รู้ว่า ภาพนี้วาดมาจากเหตุการปรากฎกายของพระเยซูต่อซิสเตอร์ท่านหนึ่งชื่อ ซิสเตอร์ มาการิต้า ในฝรั่งเศสเมื่อปี คศ.1673 (ก่อนฤาษีคนนี้เกิดหลายร้อยปีั ซึ่งตอนนี้วาติกันแต่งตั้งซิสเตอร์เป็นนักบุญและศพของท่านก็ไม่เน่าเปื่อยอีกด้วย) พระเยซูบอกกับซิสเตอร์ว่า หัวใจของพระองค์นั้นรักมนุษย์อย่างมากมายเพียงไร และทรงเผยภาพนิมิต ให้ซิสเตอร์เห็นหัวใจที่อกของพระองค์ เป็นหัวใจที่รุ่งโรจน์โชติช่วงด้วยไฟแห่งความรักมวลมนุษย์ พระองค์ยังทรงสัญญาว่า ผู้ที่ศรัทธาต่อดวงใจที่รักมวลมนุษย์ของพระองค์ จะได้รับพระพรยิ่งใหญ่ พระองค์จะประทานพรให้เขาสำนึกบาปทุกอย่างในวาระสุดท้ายเพื่อรับการอภัย และจะปกป้องเขาไว้ไม่ให้ตกนรก

กล่าวง่ายๆคือ พระเยซูที่มาหาซิสเตอร์ พูดสอนตรงตามศาสนศาสตร์ และเทววิทยาศาสนาคริสต์ ไม่มีอะไรขัดกับไบเบิ้ล และไม่มีอะไรที่เหมือนพระเยซูแฟชั่นไทยกรุงเทพ(ปลอม)ที่มีความรู้ศาสนาคริสต์แบบผิวเผิน(เปลือก)แบบที่ฤาษีฝันเห็นเลย

(กาลาเทีย บทที่ 1:6-10 คำเตือน)
ข้าพเจ้าประหลาดใจที่ท่านทั้งหลายหันเหอย่างรวดเร็วจากพระบิดาผู้ทรงเรียกท่านด้วยพระหรรษทานของพระคริสตเจ้า ไปเชื่อข่าวดีอื่น อันที่จริงแล้ว ข่าวดีอื่นนั้นไม่มี แต่มีบางคนก่อความวุ่นวายในหมู่ท่านทั้งหลาย และประสงค์จะบิดเบือนข่าวดีของพระคริสตเจ้า แต่ถ้าเรา หรือทูตสวรรค์ประกาศข่าวดีขัดแย้งกับที่เราเคยประกาศแก่ท่าน ขอให้ผู้นั้นถูกสาปแช่งเถิด บัดนี้ ข้าพเจ้าขอพูดย้ำสิ่งที่ข้าพเจ้าเคยพูดไว้ก่อนอีกครั้งหนึ่งว่า ถ้าใครประกาศข่าวดีแก่ท่านขัดแย้งกับข่าวดีที่ท่านเคยรับไว้ ก็ขอให้ผู้นั้นถูกสาปแช่งเถิด บัดนี้ ข้าพเจ้ากำลังเอาใจมนุษย์หรือพระเจ้า ข้าพเจ้าพยายามเอาใจมนุษย์กระนั้นหรือ หากข้าพเจ้ายังเอาใจมนุษย์ ข้าพเจ้าก็คงไม่เป็นผู้รับใช้ของพระคริสตเจ้า

รูปภาพ

cr. facebook.com/holysmn

CR. : จิต ศรัทธา
https://www.facebook.com/10000053473643 ... 31192/?d=n
:s002: :s005: :s004:
ตอบกลับโพส