วันสมโภชพระนางมารีย์ผู้ปฏิสนธินิรมล 8 ธันวาคม

ถาม-ตอบพระคัมภีร์ เรื่องเสริมศรัทธา ความรู้ และสาระ บทความ ในคริสตศาสนา
ตอบกลับโพส
Yan Agape
โพสต์: 1238
ลงทะเบียนเมื่อ: อังคาร พ.ค. 17, 2005 10:57 am

อังคาร ธ.ค. 08, 2020 8:29 am

สวัสดีครับ วันนี้เป็นวันสมโภชพระนางมารีย์ผู้ปฏิสนธินิรมล 8 ธันวาคม ผมขอเสนอบทความ "มารู้จ้กพระแม่มารีย์กันเถอะครับ" อีกครั้งนะครับ

อย่าลืมคิดถึงแม่ แสดงความยินดีกับแม่ กราบขอบพระคุณพ่อ (พระเป็นเจ้า พระบิดา พระบุตร พระจิตเจ้า) ที่ทรงประทานแม่ของพระองค์ให้เป็นแม่ของพวกเราทุกคน ถ้ามีกุศลจิตทำความดีเพื่อเป็นการแสดงความรัก ความกตัญญู เทิดพระเกียรติแม่ ด้านความคิด วาจา กิจการ จะทำให้แม่ปลื้มใจที่ลูกๆ ของแม่ไม่ลืมแม่ ผู้รักพวกเราปานดวงใจเท่าเทียมกัน เหมือนที่พ่อรักพวกเราปานดวงใจเท่าเทียมกันทุกคน ไม่ว่าจะเป็นโรมันคาทอลิก คริสตชน หรือผู้นับถือศาสนาอื่น

ผมขอเสนอเรื่องราวหลักความเชื่อ ธรรมประเพณี อันน่าสนใจ ที่โรมันคาทอลิกพวกเราทั่วโลกทุกยุคทุกสมัย มีใจผูกพันรักและเคารพต่อพระแม่มารีย์มาตลอด ซึ่งคริสตชนต่างนิกาย และผู้คนทั่วไป อาจจะฉงน สงสัย และเป็นข้อบาดหมางใจ ผมขออธิบายให้หายข้องใจ เป็นเสาหลัก เป็นกำลังใจ ไม่ให้ไหวหวั่นพรั่นพรึงกับคำติคำวิจารณ์เกี่ยวกับพระแม่มารีย์ พระมารดาของเรา

โรมันคาทอลิกไม่กราบนมัสการพระแม่มารีย์เหมือนกับว่าพระแม่เป็นพระเป็นเจ้า พระแม่เป็นแม่ของพระเป็นเจ้า พระเยซูคริสตเจ้า พระผู้ไถ่ของมวลมนุษยชาติ ผู้ทรงรับพระกาย เลือดเนื้อ น้ำนม อาหารเลี้ยงดูจากพระแม่ด้วยพระฤทธานุภาพของพระจิตเจ้า ในสภาวะของมนุษย์ ความผูกพันของแม่ลูกนี้ เป็นความผูกพันที่แม่ลูกทุกคน ทุกเชื้อชาติ ทุกศาสนา สามารถสัมผัสรับรู้ได้ เมื่อพระเยซูเจ้าทรงบอกกับแม่พระว่า “แม่นี่คือลูกของแม่” และบอกกับนักบุญยอห์นว่า “นี่แน่ะ แม่ของท่าน” ขณะที่ทรงรับทรมานบนกางเขนด้วยความสมัครใจ ไถ่บาปให้พวกเรามวลมนุษยชาติ ถวายพระกาย พระโลหิต พระวิญญาณ และพระเทวภาพ เป็นเครื่องสักการบูชาแด่พระบิดา พวกเราโรมันคาทอลิกก็มีความรักผูกพันกับแม่มาตลอดทุกยุคทุกสมัย

พระเป็นเจ้าไม่เคยขัดใจแม่ แม่ทรงบอกให้พระองค์ทรงทำอัศจรรย์เปลี่ยนน้ำเป็นหล้าองุ่น ในงานแต่งงานที่เมืองคานา (Cana, Israel) พระองค์ทรงตอบแม่ว่า ยังไม่ถึงเวลาของพระองค์ แต่พระแม่วางใจในพระเป็นเจ้า บอกคนงานให้ปฏิบัติตามที่พระองค์สั่ง แล้วพระเป็นเจ้าก็ทรงทำอัศจรรย์ในที่สาธารณะเป็นครั้งแรก เพราะแม่ขอร้อง พระแม่เป็นมารดาของพระศาสนจักร (Mother of the Church) พระแม่ปฏิสนธินิรมล (Immaculate Conception) เมื่อพระแม่ทรงบังเกิดในครรภ์ของนักบุญแอน (Saint Ann) ที่พวกเราเรียกว่า “ท่านยาย” เป็นพรหมจารีตลอดนิรันดร (Never-ending Virginity)

พระแม่ทรงเสด็จขึ้นสวรรค์ทั้งร่างกายและวิญญาณ พระแม่ทรงเป็นอัครสาวกคนแรกของพระเยซูเจ้า พระเป็นเจ้า พระผู้ไถ่ของมวลมนุษยชาติ เมื่อทรงรับคำเชิญให้เป็นพระมารดาของพระองค์ ร่วมไถ่บาปของมวลมนุษย์ แสดงออกถึงความรัก ความเชื่อ ความวางใจ แบบสิ้นสุดชีวิตวิญญาณ หาญกล้าไม่กลัวความอับอาย ความเสียหายของชื่อเสียง และความตายที่อาจจะเป็นโทษตามมา เมื่อตั้งครรภ์ก่อนจะแต่งงานกับพระภัสดา นักบุญยอแซฟ ผู้จงรักภักดีและนบนอบเชื่อฟังพระเป็นเจ้า ไม่มีความสัมพันธ์แบบสามีภรรยากับพระแม่จนสิ้นลมขึ้นสวรรค์รับรางวัลจากพระเป็นเจ้า

พระแม่ไม่มีลูกคนอื่น เพราะถ้ามีทำไมพระวรสารไม่เคยกล่าวอ้างว่า ไปอยู่กับแม่พระใต้กางเขนตอนที่พระเยซูเจ้าทรงรับทรมานไถ่บาปพวกเรา ถ้าพระเยซูเจ้ามีพี่น้อง ทำไมพระองค์จึงยกพระแม่ให้เป็นแม่ของนักบุญยอห์น และถ้ามี ทำไมพระเยซูเจ้าจึงไม่บอกให้พี่ให้น้องเป็นผู้นำสืบต่อพระศาสนจักรของพระองค์ แทนที่จะเป็นอัครสาวกนักบุญเปโตร และคำกล่าวที่ว่า “พี่น้อง/Adelphoi” ของพระองค์ เป็นคำศัพท์ของภาษากรีก (ใช้เขียนพระธรรมเก่า พระธรรมใหม่ ไบเบิ้ล เมื่อ 721 ปีก่อนคริสตศักราช ชาวยิวโดนเนรเทศจากอิสราเอล กระจัดกระจายทั่วโลก อ่านเขียนภาษายิวไม่ออก เลยต้องใช้ภาษากรีก (Greek) แปลจากภาษายิว (Hebrew) เริ่มแปลเมื่อ 250 ปีก่อนคริสตศักราชครับ) ซึ่งได้ใช้ 3 ครั้ง แปลได้ 3 ความหมาย “พี่น้อง” “ลูกพี่ลูกน้อง” และ “หลาน/ญาติ” ตัวอย่าง: ปฐมกาล 11:27 (Genesis 11:27) ท่านอับราฮัมเป็นลูกชายของท่านเทราห์ (Terah) ที่เป็นพี่ชายของท่านเฮราน (Heran) พ่อของลอท (Lot) ซึ่งมีศักดิ์เป็นหลานชายของท่านอับราฮัม พอถึงปฐมกาล 14:14 และ 14:16 (Genesis 14:14 and 14:16) ของฉบับคิงเจมส์ (King James Version) กล่าวว่า ลอทเป็นน้องชายของท่านอับราฮัม ถ้าพูดผิดเขียนผิดตั้งแต่พระธรรมเก่า ความผิดพลาดย่อมเกิดขึ้นได้ในพระธรรมใหม่เช่นกัน

ทุกครั้งที่พระแม่ทรงประจักษ์มาในที่สาธารณะ ทุกยุค ทุกสมัย ทุกมุมโลก พระแม่ไม่เคยบอกให้กราบไหว้นมัสการพระแม่เหมือนกับทรงเป็นพระเป็นเจ้า ไม่เคยเรียกร้องขอความรัก เกียรติ ชื่อเสียง มีแต่มาเตือน มาบอก ให้รักพระเป็นเจ้าแบบสิ้นสุดชีวิตวิญญาณ ดำเนินตามรอยพระบาทพระเยซูเจ้า พระเป็นเจ้า พระผู้ไถ่ของมวลมนุษยชาติ สวดภาวนา ทำพลีกรรม ชดเชยบาปของตัวเองและผู้อื่น ทรงย้ำอยู่เสมอว่า พระแม่เป็นผู้รับใช้ของพระเป็นเจ้าตลอดนิรันดร ตั้งแต่เมื่อรับคำเชิญร่วมไถ่บาปให้มวลมนุษย์กับพระองค์

เพราะความเป็นแม่ของพระเป็นเจ้า พระเป็นเจ้าสถิตกับแม่ พระหรรษทาน พระพรของพระเป็นเจ้าอยู่กับแม่เปี่ยมล้น แม่จึงเป็นผู้แจกจ่ายพระหรรษทาน พระพร ให้กับพวกเรา เหมือนกับคำสรรเสริญยกย่องให้เกียรติของอัครเทวดาคาเบรียล ที่กล่าวว่า “วันทามารีอา เปี่ยมด้วยพระหรรษทาน พระเป็นเจ้าสถิตกับท่าน ผู้มีบุญกว่าหญิงใด ๆ” ซึ่งได้กลายเป็นบทภาวนาวันทามารีที่โรมันคาทอลิกทุกคนสวดขึ้นในสมอง ในวิญญาณ มาตลอดทุกยุคทุกสมัย

การประจักษ์ของพระแม่มารีย์ต่อสาธารณชนนี้มีมาหลายร้อยปีแล้วครับ ผมจะยกตัวอย่างให้อ่านสัก 4 แห่ง

พระแม่มารีย์แห่งกัวดาลูป ประเทศเม็กซิโก
(OUR LADY OF GUADALUPE, MEXICO)
12 ธันวาคม 1531 (489 ปีที่ผ่านมา)

พระแม่มารีย์ทรงประจักษ์ในรูปลักษณ์ของหญิงพื้นเมืองทรงครรภ์ ให้ชาวนายากจน ชื่อฮวน ดิเอโก (JUAN DIEGO) เห็นที่เนินทิพิยัค (TEPEYAC) ใกล้เมืองเม็กซิโก ทรงบอกให้ท่านไปบอกพระสังฆราชเชื้อสายผู้ดีจากสเปนว่า พระแม่ต้องการให้ท่านสร้างวัดที่เนินนี้ จะได้เป็นจุดรวมศรัทธาที่พึ่งทางใจแก่ฝูงชน

พระสังฆราชข้องใจ ขอแก้ข้อสงสัยด้วยการขออัศจรรย์ยืนยัน พระแม่ทรงบอกให้ฮวน ขึ้นเขาเก็บดอกกุหลาบในเนินนั้นทั้งๆ ที่เป็นฤดูหนาว แล้วทรงบอกให้ฮวนห่อดอกกุหลาบด้วยผ้าคลุมตัว เอาไปฝากพระสังฆราช พอฮวนเปิดผ้าคลุมเอาดอกกุหลาบให้พระสังฆราช พระสังฆราชตกตะลึง เพราะเป็นกุหลาบสเปนละแวกบ้านท่าน ไม่ใช่กุหลาบพื้นเมือง แล้วก็เซซังแทบสลบ เพราะเห็นภาพของพระแม่มารีสลักบนผ้าคลุม ก้มกราบแล้วเร่งสร้างวัดอาสนวิหาร

พระรูปนี้ถูกตรวจสอบด้วยนักวิทยาศาสตร์มาเป็นระยะๆ แต่ละชุดไม่สามารถอธิบายได้ว่าเป็นมายังไง วัตถุสีไม่ใช่ของโลกนี้ ปัจจุบันพระรูปนี้ประดิษฐานในอาสนวิหารแห่งเมืองเม็กซิโก ฝูงชนทั่วโลกโดยเฉพาะอเมริกากลาง อเมริกาใต้ หลั่งไหลไปจาริกแสวงบุญ อัศจรรย์บังเกิดตลอดเวลาครับ
พระสันตะปาปาจอห์นปอลที่ 2 ทรงสถาปนาฮวนเป็นนักบุญเมื่อวันที่ 31 กรกฎาคม 2002 (18 ปีที่ผ่านมาครับ)

พระแม่มารีย์แห่งลูร์ด ประเทศฝรั่งเศส
(OUR LADY OF LOURDES, FRANCE)
11 ธันวาคม 1858 (172 ปีที่ผ่านมา)

พระแม่ทรงปรากฏพระองค์ให้เด็กหญิงชาวนายากจนชื่อ เบอร์ดาเนต ชอบิโรส (BERDANETT SOUBIROUS) อายุ 14 ปีได้เห็น แล้วบอกให้ขุดพื้นถํ้าดื่มนํ้า เบอร์ดาเนต ขุดพื้นลงนิดเดียว พุนํ้าก็พลันปรากฏ พระแม่ทรงบอกให้เบอร์ดาเนตไปบอกพ่อเจ้าวัดให้สร้างวัดในถํ้านี้ และให้ผู้คนเจ็บป่วยมาดื่มนํ้าขออัศจรรย์บำบัดโรคภัย

เจ้าอาวาสบอกขอแก้ข้อสงสัยให้หายข้องใจ ฝากถามว่าสตรีผู้นั้นชื่ออะไร พอเบอร์ดาเนตบอกว่า “เราคือผู้ปฏิสนธินิรมล” พ่อเจ้าอาวาสขนลุกซู่เข่าอ่อนเพราะพระศาสนจักรประกาศยืนยันว่า พระแม่คือผู้ปฏิสนธินิรมล (THE IMMACULATE CONCEPTION) เมื่อปี ค.ศ. 1854 ไม่มีทางที่เด็กชาวนาไร้การศึกษาจะได้ยินหรือปั้นแต่งขึ้นมาเองได้

พระศาสนจักรรับรองว่าทรงประจักษ์จริงเมื่อปี ค.ศ. 1862 (158 ปีที่ผ่านมา)

พระสันตะปาปา ปีโอที่ 11 (POPE PIUS XI) สถาปนาซิสเตอร์เบอร์ดาเนตเป็นนักบุญเมื่อวันที่ 8 ธันวาคม 1933 (87 ปีที่ผ่านมา) พระสันตะปาปาหลายองค์เสด็จไปแสวง
บุญที่นี่ครับ เริ่มจากปีโอที่ 11 (POPE PIUS XI) จอห์น ที่ 23 (JOHN XXIII) จอห์นปอลที่ 2 (JOHN PAUL II) (3 ครั้ง) และเบเนดิกที่ 16 (BENEDICT XVI)

พระแม่มารีย์แห่งฟาติมา ประเทศโปรตุเกส
(OUR LADY OF FATIMA, PORTUGAL)
13 พฤษภาคม 1917 (103 ปีที่ผ่านมา)

พระแม่ทรงทรงปรากฏองค์ให้เด็กเลี้ยงแกะยากจน 3 คนได้เห็น ยาชินทา (ชาย) และฟรังซิสโก มาร์ทา (หญิง) (JACINTA AND FRANCISCO MARTA) สองพี่น้อง และลูเซีย ซานโตส (LUCIA SANTOS) ที่เป็นญาติผู้หญิงได้เห็นแล้วบอกว่าให้ทำพลีกรรมอุทิศแก่คนบาป สวดสายประคำทุกวันเพื่อความต้องการส่วนตัวและสันติสุขในโลก พระแม่ทรงบอกความลับ 3 ประการให้ลูเซีย ผู้ต่อมาก็คือ ซิสเตอร์ลูเซีย (สิ้นลมขึ้นสวรรค์วันที่ 13 กุมภาพันธ์ 2005, 15 ปีที่ผ่านมา) ผู้นำสารมอบให้ผู้นำของพระศาสนจักรของเรา

ผู้คนหลั่งไหลเดินทางไปแสวงบุญตำแหน่งที่พระแม่ทรงปรากฏองค์ให้เด็ก 3 คนได้เห็น แถมยังมีอัศจรรย์เกิดขึ้นเป็นระยะๆ

อัศจรรย์ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดก็คืออัศจรรย์ในดวงอาทิตย์ (THE MIRACLE IN THE SUN) เมื่อวันที่ 13 ตุลาคม 1917 ที่มีผู้ร่วมในเหตุการณ์กว่า 70,000 คน เป็นข่าวใหญ่ลงหนังสือพิมพ์เป็นพยานหลักฐานดังสนั่นโลก คนบาป นักบุญ ผู้แสวงบุญ ผู้แสวงหาความจริง ผู้จ้องจับผิด ยืนตากฝน แล้วฝนก็พลันหยุดตกเห็นดวงอาทิตย์ที่มีม่านสีเงินคลุม สามารถมองได้ด้วยดวงตาเปล่า แล้วดวงอาทิตย์ก็เปลี่ยนสี เต้นระริกไปมาหมุนติ้วเป็นวง ฝูงชนฮือฮามองอ้าปากหวอ แล้วภาพของครอบครัวศักดิ์สิทธิ์ก็ปรากฏให้เห็นเป็นขวัญตา พระเยซูเจ้า พระแม่มารีย์ ท่านนักบุญยอแซฟ อวยพรให้ทุกคนก่อนจะสลายหายไปจากสายตา

พระสันตะปาปาจอห์นปอลที่ 2 ทรงสถาปนา ยาชินทา (1910 -1920, 10 ขวบ) และ ฟรังซิสโก (1908 – 1919, 11 ขวบ) ให้เป็นบุญราศีเมื่อวันที่ 13 พฤษภาคม 1989, 31 ปีที่ผ่านมา ยาชินทามีอายุน้อยสุดในทำเนียบบุญราศีที่ไม่ใช่มรณสักขีครับ

ความลับ 3 ประการของฟาติมา มีดังนี้ครับ

1. ภาพนรก ที่มีคนบาป ปีศาจ อสูรกายน่าเกลียด ทุเรศนัยน์ตา ถูกแผดเผาทุกข์ทรมานด้วยไฟอัคคีร้อนแรง ระเบิดโชติช่วง ไม่มีอ่อนแสง อ่อนแรง ผ่อนคลาย ร้องไห้โหยหวนทุบตีตัวเอง ทุบตีกันจ้าละหวั่น น่าสยดสยองเป็นที่สุด นรกมีจริง

2. สงครามโลกครั้งที่ 1 จะสิ้นสุดลง แล้วสงครามโลกครั้งที่ 2 จะตามมา พร้อมกับการแผ่อำนาจของประเทศรัสเซีย ที่จะสร้างความเดือดร้อนให้ชาวโลก ต้องถวายรัสเซียให้พระหฤทัยศักดิ์สิทธิ์ของพระแม่ (พระสันตะปาปาปีโอที่ 12 POPE PIUS XII) ถวายรัสเซียให้พระแม่เมื่อวันที่ 7 กรกฎาคม 1952 และ จอห์นปอลที่ 2 ถวายซํ้า (ไม่เอ่ยชื่อแต่บอกถวายโลกให้พระแม่มารีย์อีกครั้งเมื่อปี 1984, 36 ปีมาแล้ว)

3. การลอบปลงพระชนม์ ลอบฆ่าผู้นำของพระศาสนจักรคาทอลิก และการเบียดเบียนข่มเหงทำร้ายคริสตชน จอห์นปอลที่ 2 ถูกลอบปลงพระชนม์เมื่อวันที่ 13 พฤษภาคม 1981 (39 ปีที่ผ่านมา) พระองค์ทรงบอกว่าพระแม่ช่วยกระสุนเฉียดหัวใจ ไม่ตาย แล้วไปขอบคุณพระแม่ที่ฟาติมา เอากระสุนสอดในมงกุฎของพระแม่ด้วยครับ ผู้นำของพระศาสนจักรบอกว่าความลับประการที่ 3 นี้ยังไม่สิ้นสุด ต้องรอดู สวดภาวนากันต่อไปครับ

พระแม่ผู้เห็นอกเห็นใจเพื่อความยุติธรรมแด่ผู้น่าสงสาร ประเทศไทย
(THE COMPASSIONATE MOTHER, THAILAND)
12 เมษายน 1988 (32 ปีที่ผ่านมา)

การประจักษ์ให้กับสาธารณะชนของพระแม่มารีย์ที่ประเทศไทย (ยังไม่มีการรับรองอย่างเป็นทางการ) พระแม่มารีย์ทรงบอก อดีเลีย เบอร์นาร์ด (ADELIA BERNARD) สุภาพสตรีชาวออสเตรเลีย ผู้ทำงานด้านช่วยเหลือผู้อพยพพลัดถิ่นในเอเชียให้บอกคุณพ่อวิจิตร ลิขิตธรรม เจ้าอาวาสวัดพระวิสุทธิวงส์ (ในขณะนั้น) ลำไทร ปทุมธานี ว่าวันที่ 12 เมษายน 1988 (32 ปีที่ผ่านมา) พระแม่จะประจักษ์ที่ถํ้าน้อยของพระแม่ ให้พาผู้คนไปสวดภาวนาที่ถํ้านะ สวดสายประคำด้วย พระแม่จะทรงประทับที่นั่น คุณพ่อติดธุระกลับมาสัมภาษณ์หลายคนว่าเห็นอัศจรรย์หรือเปล่า บางคนบอกไม่เห็น บางคนบอกเห็นเป็นรูปกางเขน รูปแม่พระ รูปนกพิราบกําลังจะกางปีก รูปสายประคำรอบกางเขน รูปพระแม่ในชุดสีขาว

คุณพ่อวิจิตรถามอดีเลียว่าแม่พระประจักษ์มาทำไม อดีเลียเลยเขียนบอกเป็นลายลักษณ์อักษร เมื่อวันที่ 25 พฤษภาคม 1988 ว่าดังนี้ครับ (รวบรัดตัดตอน)
1. เพื่อสอนเราให้รักพระเยซูเจ้าเสมอ ไม่มีใครรักพระองค์ได้ดีเท่าแม่ และติดตามแบบอย่างอันสุภาพของแม่
2. เพื่อเปลี่ยนวิถีชีวิตของเรา หากเราไม่ละทิ้งสิ่งเลวร้าย
3. เพื่อช่วยวิญญาณเราและวิญญาณในไฟชำระ
4. เพื่อให้เรานบนอบต่อพระศาสนจักร และผู้ที่มีหน้าที่อภิบาลสัตบุรุษทุกคน
5. เพื่อแสดงให้เห็นถึงพระอาณาจักรสวรรค์ และให้ความหวังแก่เรา
พระแม่ทรงบอกต่อว่าให้เรียกพระแม่ว่า “พระแม่ผู้เห็นอกเห็นใจเพื่อความยุติธรรมแด่ผู้น่าสงสาร (THE COMPASSIONATE MOTHER)”

แล้วอัศจรรย์ก็บังเกิดขึ้นมากมาย เป็นข่าวใหญ่โตทั่วประเทศไทย คริสตชนและผู้มีใจศรัทธาหวังขอหวังพึ่งพระแม่ คนต่างศาสนาก็หลั่งไหลไปที่วัดวิสุทธิวงศ์ มีการบันทึกเป็นหลักฐานประวัติศาสตร์ เพื่อพระศาสนจักรในอนาคตข้างหน้า

เวลาผ่านไปผู้คนก็ลดน้อยทยอยหายหน้า เหลือแต่ลูกหม้อ รักแม่จริงไม่ทิ้งไม่ขว้าง แก่เฒ่าชรา หอบสังขารไปหาแม่ด้วยรักแท้ ล้มหายตายจากกันไป ลูกหลานบางคนก็รับช่วงต่อไม่มีข่าวฟู่ฟ่า จนถึงวันที่ 31 ตุลาคม 2004 (16 ปีที่ผ่านมา) ก็มีสุภาพบุรุษผู้หนึ่งแจ้งให้คุณพ่อวิจิตรว่า ตัวเขาได้รับสารจากพระแม่ และพระแม่ทรงประจักษ์ให้เขาเห็น เมื่อเขาไปสวดที่ถํ้าน้อยของพระแม่ เป็นลูกหลานของคุณยายลูกหม้อที่รักแม่จริง

สารพระแม่จากลำไทรและอัศจรรย์ต่างๆ ยังไม่เป็นที่รับรองของพระศาสนจักรอย่างเป็นทางการ สุภาพบุรุษผู้นั้นได้ให้ความสว่างเปิดเผยให้ผู้นำพระศาสนจักรในประเทศตรวจพิสูจน์ได้ตลอดเวลา ปัจจุบันมีคุณพ่อวิญญาณรักษ์ 2-3 องค์คอยดูแล และเก็บข้อมูลบันทึกเป็นหลักฐานอยู่ครับ


Reference: Catholicism for Dummies (Published by Wiley Publishing Inc.) by Rev. John Trigilion Jr. PhD, ThD & Rev. Kenneth Brighenti, PhD

“สายัณห์ทัวร์” จากหนังสืออิสระรายเดือน คณะพระมหาไถ่
“เยี่ยมคารวะสถานที่ศักดิ์สิทธิ์แห่งพระเมตตา ณ อาเภอลิกินิกิ เมืองแครเคา ประเทศโปแลนด์”
(SANCTUARY OF THE DIVINE MERCY, LAGIENIKI, KRAKOW, POLAND)
โดย อาสายัณห์

ขอบใจ: น้องตุ๊ก (ตรวจสำนวน การสะกด ไวยากรณ์ พิมพ์)
ตอบกลับโพส