วันฮาโลวีน มีที่มา อย่างไรหรอคะ

ถาม-ตอบพระคัมภีร์ เรื่องเสริมศรัทธา ความรู้ และสาระ บทความ ในคริสตศาสนา
ตอบกลับโพส
ภาพประจำตัวสมาชิก
KaL 's Z
โพสต์: 149
ลงทะเบียนเมื่อ: พุธ มิ.ย. 01, 2005 5:30 pm

พุธ พ.ย. 02, 2005 8:07 pm

คือว่า เฟื่อง อ่าน ในเว็บ มันเป็น ภาษาEng แล้วแปลออก พอ ผ่านๆ ไม่ค่อยเข้าใจค่ะ

มีใคร พอจะทราบไหมคะว่า วันฮาโลวีน เกี่ยวกับคริสต์ยังไง มีที่มา เช่นไร
Jeab Agape
~@
โพสต์: 8259
ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ ม.ค. 17, 2005 9:56 pm
ที่อยู่: Bangkok

พุธ พ.ย. 02, 2005 8:31 pm

ลองอ่านดูเกี่ยวกับคริสต์ไหม ( สักวัน สองวัน พี่ ดีเฟ้นด์ คงลบ ฮะ )


เกร็ดความรู้ : วันฮาโลวีน

'วันฮาโลวีน' หรือ 'วันก่อนวันศักดิ์สิทธิ์' ของชาวคริสต์ หรือวันสุกดิบหนึ่งวัน ก่อนหน้าวันที่ 1 พฤศจิกายน ซึ่งคริสต์ศาสนา นิกายโรมันคาทอลิก กำหนดให้ 'วันออล เซนต์ส เดย์' หรือ 'วันศักดิ์สิทธิ์' เป็น วันฉลองของบรรดานักบุญ ต่าง ๆ มีมาตั้งแต่คริสต์ศตวรรษที่ 9 ดังนั้นเมื่อถึงเทศกาลฮาโลวีน ชาวคาทอลิกจึงพากันเข้าโบสถ์ไปทำพิธีสวดมนต์

ย้อนหลังไปสมัยก่อนคริสต์ศาสนาจะแพร่ขยายเป็นที่นับถือกันไปทั่วยุโรปนั้น ชาวเผ่าเซลท์ที่อาศัยอยู่ในยุโรปตอนเหนือ และยุโรปตะวันตก ซึ่งนับถือดวงอาทิตย์เป็นพระเจ้าได้ถือเอาวันที่ 31 ตุลาคมเป็นวันสิ้นปีเก่าของพวกตน ที่ต้องมีพิธีส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ด้วยการละเล่นรอบกองไฟ

เมื่อย่างเข้าหน้าหนาวในช่วงปลายเดือนตุลาคม นักบวชชาวดรูอิสของชาวเซลท์จะเริ่มทำพิธีบนบวงพระอาทิตย์ พร้อม ๆ ไปกับการจัดงานรื่นเริง

ในยามนี้ บรรดาแกะและสัตว์เลี้ยงทั้งหลายที่เจ้าของปล่อยทิ้งให้เล็มหญ้าหากินตามท้องทุ่งถูกต้อนกลับเข้าคอก ชาวเซลท์ก็จะเริ่มปรับปรุงกฎหมายของตน และมีการต่อสัญญาเช่ากันในโอกาสนี้ด้วยและเนื่องจากพฤศจิกายนเป็นเดือนที่กลางคืนยาวนานกว่ากลางวัน ความมืดที่อ้อยอิ่งมาช้านานหลายรอบเดือนในแถบยุโรปเหนือ ทำให้คติของความเชื่อและการฉลองปรากฎออกมาในรูปของภูตผีปีศาจ เรื่องพ่อมดหมอผี เทพธิดา ที่จะปรากฎออกมากันชุกชุมอยู่บนโลกตามบรรยากาศแห่งความมืดมัว

ความเชื่อดังกล่าวนี้ ยังมีอยู่แต่ดั้งเดิมด้วยว่า วันฮาโลวีนคือวันบรรดาวิญญาณผู้ที่สิ้นลมไปในรอบปีที่ผ่านมานั้นจะได้รับการตัดสินความดีความชั่วที่กระทำไปแล้วเมื่อยังมีชีวิตอยู่ และชดใช้บาปกรรมของตนโดยพระเจ้าแห่งความตาย

เพราะเหตุนี้เอง วันฮาโลวีนจึงเป็นวันที่มีภูตผีปีศาจเพ่นพ่านอยู่ทั่วไป บรรยากาศของการจัดงานจึงเต็มไปด้วยเรื่องผี ๆ

สมัยโบราณ ชาวอังกฤษเป็นพวกที่รับประเพณีจัดงานวันฮาโลวีนไปจากเผ่าเซลท์มากกว่าชนเผ่าอื่น ๆ และนำเอาวันนี้มาใช้ในโอกาสพิเศษต่าง ๆ ที่มักจะเกี่ยวข้องกับ การแต่งงาน การทำนายโชค สุขภาพ แม้กระทั่งความตาย ที่ถือกันว่า มีเพียงวันนี้วันเดียวที่วิญญาณภูตผีทั้งหลายจะช่วยบันดาลให้ตนสมใจปรารถนา

สาว ๆ อังกฤษสมัยโน้นจึงนิยมออกไปหว่านและไถกลบเมล็ดป่านชนิดหนึ่งในยามเที่ยงคืนของวันฮาโลวีน พร้อมกับเสี่ยงสัตย์อธิษฐานด้วยการท่องคาถาว่า 'เจ้าเมล็ดป่านที่ข้าหวาน จงบันดาลให้ผู้ที่จะมาเป็นคู่ชีวิตของข้าจงปรากฎตัวให้เห็น' หลังจากนั้นจึงค่อยเหลียวมองผ่านบ่าด้านซ้ายของตัวเอง ก็จะเห็นถึงนิมิตเรือนร่างของผู้ที่จะมาเป็นสามีในอนาคตของตน

เคล็ดอีกอย่าง คือการเอาผลแอปเปิ้ลกับเหรียญชนิดหกเพนซ์ ใส่ลงไปในอ่างน้ำ และหากใครสามารถแยกแยะของสองอย่างนี้ออกจากันได้ด้วยปาก คาบเหรียญขึ้นมา และใช้ช้อนจิ้มแอปเปิ้ลให้ติดเพียงครั้งเดียวจะถือว่า ผู้นั้นจะมีโชคดีไปตลอดปีใหม่ที่กำลังมาถึง

http://www.dailynews.co.th/col/col.asp?columnid=14220
Jeab Agape
~@
โพสต์: 8259
ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ ม.ค. 17, 2005 9:56 pm
ที่อยู่: Bangkok

พุธ พ.ย. 02, 2005 8:35 pm

วันฮาโลวีนนั้น"ถ้าจะแปลเอาความกันก็ได้แก่ "วันก่อนวันศักดิ์สิทธิ์" ของชาวคริสต์หรือวันสุกดิบหนึ่งวันก่อนหน้าวันที่ 1 พฤศจิกายน ซึ่งคริสต์ศาสนานิกายโรมันคาทอลิกกำหนดให้ "วันออล เซนต์ส เดย์" หรือวันศักดิ์สิทธิ์ อันเป็นวันฉลองบรรดานักบุญต่าง ๆ ที่เริ่มกันมาตั้งแต่คริสต์ศตวรรษที่ 9 ดังนั้น เทศกาลฮาโลวีนนี้ชาวคาทอลิกจึงพากันเข้าโบสถ์ไปทำพิธีสวดกันเหนื่อยนานกว่าปกติสักหน่อย และในเวลาเดียวกันก็มีการร่วมฉลองแก้เหนื่อย หรือทำให้มันเหนื่อยหนักขึ้นพร้อม ๆ กันไปด้วย
คติเดิมในการจัดวันฮาโลวีนนี้มีย้อนหลังไปก่อนคริสต์กาล สมัยก่อนที่คริสต์ศาสนาจะแพร่ขยายเป็นที่นับถือกันไปทั่วยุโรปนั้น ชาวเผ่าเซลท์ที่อาศัยอยู่ในยุโรปตอนเหนือ และยุโรปตะวันตก ซึ่งนับถือดวงอาทิตย์เป็นพระเจ้าได้ถือเอาวันที่ 31 ตุลาคมเป็นวันสิ้นปีเก่าของพวกตน ที่ต้องมีพิธีส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ด้วยการละเล่นรอบกองไฟ
ช่วงปลายเดือนตุลาคมนั้น ก็ยังเป็นระยะสิ้นสุดการเก็บเกี่ยวของชาวเผ่าเซลท์ครั้งกระโน้น ใบไม้ตามไพรพฤกษ์ก็ปลิดตัวจากขั้วร่วงหล่นลงกองกับพื้นดิน แสดงสัญญาณว่า ฤดูหนาวกำลังย่างใกล้าเช้ามาแล้ว และราตรีก็กำลังสยายปีกแผ่คลุมโลกยาวนานกว่าช่วงเวลาอื่น ๆ ของปี จึงเป็นช่วงที่นักบวชดรูอิสของชาวเซลท์จะเริ่มทำพิธีบนบวงพระอาทิตย์ผู้เป็นเจ้าที่กำลังจะมาเยือนโลกสั้นลง พร้อมกันไปกับงานรื่นเริงปลอบใจผู้คนส่งท้าย
เวลาเดียวกันนี้ ก็เป็นยามที่บรรดาแกะและสัตว์เลี้ยงทั้งหลายที่ปล่อยทิ้งให้เล็มหญ้าหากินตามท้องทุ่งถูกต้อนกลับเข้าคอก ชาวเซลท์ก็จะเริ่มปรับปรุงกฎหมายของตน และมีการต่อสัญญาเช่ากันในโอกาสนี้ด้วยและเนื่องจากพฤศจิกายนเป็นเดือนที่กลางคืนยาวนานกว่ากลางวัน ความมืดที่อ้อยอิ่งมาช้านานหลายเดือนในแถบยุโรปเหนือ ทำให้คติของความเชื่อและการฉลองปรากฏออกมาในรูปของภูตผีปิศาจ เรื่องของพ่อมดหมอผีเทพธิดาที่จะปรากฎออกมากันชุกชุมอยู่บนโลกตามบรรยากาศแห่งความมืดมัว
ความเชื่อดังกล่าวนี้ยังมีอยู่แต่ดั้งเดิมด้วยว่าวันฮาโลวีนคือวันที่บรรดาวิญญาณผู้ทีสิ้นลมวายปราณไปในรอบปีที่ผ่านมานั้นจะได้รับการตัดสินความดีความชั่วที่ตนกระทำไปแล้วเมื่อยังมีชีวิตอยู่ และชดใช้บาปกรรมของตนโดยพระเจ้าแห่งความตาย
และเพราะเหตุนี้จึงถือกันว่า วันฮาโลวีนเป็นวันที่มีภูตผีปิศาจเพ่นพ่านอยู่ทั่วไป บรรยากาศของการจัดงานจึงเต็มไปด้วยเรื่องของภูตผีปิศาจ
ในอเมริกานั้น ยังมีความเชื่อกันอยู่ว่า แม้แต่ในทำเนียบขาวอันเป็นที่พักประจำตำแหน่งของประธานาธิบดี ยังมีอดีตประธานาธิบดีหลายท่านที่ล่วงลับไปแล้วมักชอบมาปรากฎตัวในวันฮาโลวีนนี้ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ประธานาธิบดีจอห์น อดัมส์ ซึ่งเป็นประธานาธิบดีคนแรกที่เริ่มพำนักในทำเนียบขาว หรือแม้แต่อับราฮัม ลินคอร์น ประธานาธิบดีผู้ยิ่งใหญ่ของชาวอเมริกันที่ดำรงตำแหน่งผู้นำประเทศ และอาศัยในทำเนียบขาวในยุคสงครามกลางเมือง ก็ยังมีผู้เคยเห็นร่างอันสูงโย่งของท่าน ยืนปรากฏให้เห็นหลังบานหน้าต่างบานเดียวกันกับที่ท่านชอบยืนเมื่อมีท่านผู้นี้ยังมีชีวิตอยู่ในระหว่างสงครามกลางเมือง
สมัยโบราณ ชาวอังกฤษเป็นพวกที่รับประเพณีจัดงานวันฮาโลวีนไปจากพวกเผ่าเซลท์มากกว่าคนอื่น ๆ และนำเอาวันนี้มาใช้มากมายในโอกาสเกี่ยวกับเรื่องของการแต่งงาน การทำนายโชค สุขภาพ แม้กระทั่งความตายที่ถือกันว่า มีเพียงวันนี้วันเดียวที่วิญญาณภูตผีทั้งหลายจะช่วยบันดาลให้ตนสมใจปรารถนา
สาว ๆ อังกฤษสมัยโน้นจะออกไปหว่านและไถกลบเมล็ดป่านชนิดหนึ่งในยามเที่ยงคืนของวันฮาโลวีนพร้อมกับเสี่ยงสัตย์อธิษฐานด้วยการท่องคาถาว่า "เจ้าเมล็ดป่านที่ข้าหว่าน จงช่วยบันดาลให้ผู้ที่จะมาเป็นคู่ชีวิตจองข้าปรากฏตัวให้เห็น " และเมื่อทำต่อไปตามเคล็ด คือเหลียวมองผ่านบ่าด้านซ้ายของเจ้าหล่อน สายรายนั้น ๆ ก็จะได้เห็นถึงนิมิตเรือนร่างของผู้ที่จะมาเป็นสามีในอนาคตของตน
เคล็ดอีกอย่างหนึ่งก็คือ การเอาแอปเปิลกับเหรียญชนิดหกเพนซ์ใส่ลงไปในอ่างน้ำ และหากใครสามารถแยกแยะของสองอย่างนี้ออกจากกันได้ด้วยปาก คาบเหรียญขึ้นมา และใช้ช้อนจิ้มแอปเปิลให้ติดเพียงครั้งเดียวจะถือว่า ผู้นั้นจะมีโชคดีไปตลอดปีใหม่ที่กำลังมาถึง
การฉลองเทศกาลวันฮาโลวีนในอเมรีกาที่มาเฟื่องฟูมากกว่าคนอื่น ๆ เขาในปัจจุบันนี้เริ่มมาแต่ช่วงคริสต์ทศวรรษที่ 1840 อันเป็นระยะที่ชาวไอริสเชื้อสายเซลท์ เดินทางอพยพเข้ามาอยู่ในอเมริกากันเป็นจำนวนมาก พวกเขาได้นำเอาประเพณีการฉลองวันฮาโลวีนติดมือมาด้วย
ตามเฉลียงหน้าบ้านเกือบทุกบ้าน จะมีลูกฝักทองที่คว้านไส้ออก และเจาะทำตาจมูก และปากที่แสยะยิ้ม วางไว้ต้อนรับโดยภายในฟักทองมีเทียนจุดตั้งอยู่ เราจะขึ้นไปที่หน้าประตูบ้านนั้น ๆ กดกริ่ง พอมีคนมาเปิดประตูให้ เราก็จะถามว่า "Take or Treat ? " หรือ "จะยอมให้ขนมเสียดี ๆ หรือจะต้องออกแรงแสดงอภินิหารกัน ? " แล้วเจ้าของบ้านก็จะเอาขนมมาแจกให้ หลังจากนั้นเราก็จะเดินทางต่อไปยังบ้านอื่น ๆ ขอขนมอย่างนี้จนกว่าจะอิ่ม หรือเมื่อย "
เคล็ดอีกอย่างหนึ่งก็คือ การเอาแอปเปิลกับเหรียญชนิดหกเพนซ์ใส่ลงไปในอ่างน้ำ และหากใครสามารถแยกแยะของสองอย่างนี้ออกจากกันได้ด้วยปาก คาบเหรียญขึ้นมา และใช้ช้อนจิ้มแอปเปิลให้ติดเพียงครั้งเดียวจะถือว่า ผู้นั้นจะมีโชคดีไปตลอดปีใหม่ที่กำลังมาถึง
คนไทยปัจจุบันรู้จัก เทศกาลฮัลโลวีน เหมือนกับที่รู้จักเทศกาลต่าง ๆ ตามประเพณีของชาวยุโรป เช่น อีสเตอร์ วันขอบคุณพระเจ้า และวันคริสต์มาส หรือวันวาเลนไทน์ ในคืนวันฮัลโลวีน สถานที่บันเทิงต่าง ๆ ในกรุงเทพมักจะจัดงานโดยเชิญชวนให้นักท่องเที่ยวยามราตรีแต่งกายด้วยชุดแฟนซีสวมหน้ากากเป็นปิศาจรูปร่างต่าง ๆ กัน ดังจะเห็นได้จากประกาศเชิญชวนให้มาร่วมงานในคืนวันที่ 31 ตุลาคม ของทุกปี



ประเพณีต่าง ๆ ที่ถือปฏิบัติว่าเป็นการฉลองเทศกาลฮัลโลวีน


Rick-or-Treating กิจกรรมนี้จัดเป็นกิจกรรมหลัก สำหรับเด็ก ๆ ในประเทศสหรัฐอเมริกา ในตอนกลางคืน เด็ก ๆ จะแต่งตัวด้วยหน้ากากผี และเดินไปเป็นกลุ่ม เพื่อเคาะประตูบ้านของเพื่อนบ้าน โดยกล่าวคำว่า trick or treat เพื่อนบ้านจะให้ขนม ลูกกวาด ผลไม้ หรือ เศษสตางค์ เด็กบางกลุ่มจะจัดกิจกรรม trick or treat นี้เพื่อองค์การยูนิเซพ (UNICEF) ซึ่งเป็นองค์การจัดหาเงินทุนเพื่อเด็กทั้งโลกที่ยากจนขององค์การสหประชาชาติ พวกเขาจะถือกล่องรับบริจาคเงินอย่างเป็นทางการขององค์การสหประชาชาติสีส้มดำ เพื่อนำเงินที่ได้จากการบริจาคไปจัดหาอาหาร ยารักษาโรค และการบริการด้านอื่น ๆ เพื่อเด็กที่ขาดเคลนทั้งโลก
เพื่อความปลอดภัยของเด็ก ๆ ที่ออกไปทำกิจกรรม trick or treat เด็ก ๆจะแต่งตัวด้วยเสื้อผ้าสีอ่อน หรือเสื้อผ้าที่มีสีสะท้อนแสง เพื่อให้ผู้ขับขี่ยานพาหนะมองเห็นได้ง่ายเป็นการป้องกันการเกิดอุบัติเหตุทางรถยนต์อีกทางหนึ่ง ผู้ปกครองบางคนเกรงว่า การใส่หน้ากาก จะทำให้เด็ก ๆ มองเห็นได้ไม่ชัดเจน จึงนิยมใช้เครื่องสำอางแต่งปน้าให้เด็ก ๆ นอกจากนี้ผู้ปกครองมักจะเตือนให้เด็กๆ รับประทานเฉพาะขนมหรือลูกกวาดที่บรรจุในหีบห่ออย่างดีเท่านั้น ชุมชนบางแห่งประกาศเวลาการทำกิจกรรม trick or treat อย่างเป็นทางการ เพื่อให้ประชาชนเตรียมตัวรับการมาเยือนของเด็ก ๆ และเป็นการเตือนให้ผู้ขับขี่ยานพาหนะได้ระมัดระวังการใช้รถใช้ถนนในช่วงเวลาดังกล่าวเป็นพิเศษด้วย


Jack-O'-Lanterns การทำ Jack-O'-Lanterns คือ การคว้านเมล็ดในของผลฝักทองออกให้หมดแล้วเจาะด้านหนึ่งของผลฝักทองให้เป็นรูปหน้าคนโดยมี ตา จมูก และปาก และใส่เทียนไข หรือโคมไฟประเภทอื่น ๆ ไว้ภายใน เพื่อใช้เป็นเครื่องประดับตกแต่งบ้าน ชาวอังกฤษและชาวไอริชในสมัยโบราณเคยใช้หัวผักกาด (beets) มันฝรั่งและหัวเทอร์นิบ (turnips) เป็นโคมไฟในวันฮัลโลวีน เมื่อเทศกาลฮัลโลวีนแพร่หลายมาสู่ประเทศสหรัฐอเมริกาจึงเปลี่ยนมาใช้ผลฝักทองแทน
เหตุที่ได้ชื่อว่า Jack-O'-Lantern เนื่องมาจากชายคนหนึ่งที่ชื่อ Jack ซึ่งเป็นคนขี้เหนี่ยวมาก เมื่อเสียชีวิตไปเขาไม่สามารถขึ้นสวรรค์ได้และไม่สามารถเข้าไปในนรกได้เช่นกัน เนื่องจากเขาชอบ ล้อเล่นกับปิศาจ เมื่อเสียชีวิตลงเขาจึงต้องเดินเตร็ดเตร่อยู่บนโลก เพื่อรอวันพิพากษา (Judgement Day)


การทำนายโชคชะตา (Fortunetelling) การทำนายโชคชะตา เริ่มขึ้นในยุโรปหลายร้อยปีมาแล้ว และกลายเป็นส่วนสำคัญในเทศกาลฮัลโลวีน การทำนายนี้ทำโดยการนำแหวนเงินเหรียญ หรือ ปลอกนิ้ว (สำหรับสตรีใส่เย็บผ้า) ไปซ่อนไว้ในขนมเค็กและอาหาร หากใครพบเหรียญจะเป็นผู้มีฐานะร่ำรวยในอนาคต ผู้ที่พบเหวนจะได้แต่งงาน ปัจจุบันนิยมทำนายโชคชะตาด้วยการอ่านจากไพ่หรือการอ่านลายมือมากกว่า

นอกเหนือจากกิจกรรมต่าง ๆ ดังได้กล่าวมาแล้ว ในประเทศอังกฤษมีการเล่นเกมส์คาบแอปเปิล เพื่อเป็นรางวัลแก่ผู้ชนะอีกด้วย
ในอดีตคนส่วนใหญ่เชื่อว่า ปิศาจจะออกมาท่องเที่ยวในโลกมนุษย์ในคืนวันที่ 31 ตุลาคมเพื่อทำพิธีบูชาปีศาจทั้งหลาย แม้ว่าในปัจจุบัน ไม่มีใครเชื่อในเรื่องพ่อมดแม่มดหรือภูติผีปิศาจ สัญลักษณ์ต่าง ๆ ในวันฮัลโลวีนก็ยังคงเป็นการแต่งกายเป็นปีศาจหรือพ่อมดแม่มดอยู่เช่นที่เคยปฏิบัติมา

http://www.tungsong.com/Impotant_day/Ha ... loween.asp
Jeab Agape
~@
โพสต์: 8259
ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ ม.ค. 17, 2005 9:56 pm
ที่อยู่: Bangkok

พุธ พ.ย. 02, 2005 8:39 pm

ดูอีกเวบหนึ่ง

วันฮาโลวีน

เดือนพฤศจิกายนในปี ค.ศ.731 พระสันตะปาปาเกรโกรี ที่ 3 ทรงเป็นผู้กำหนดให้บรรดา คริสตัง "ฉลองนักบุญทั้งหลาย" วันที่ 1 พฤศจิกายน ซึ่งพระองค์ทรงย้ายจากวันฉลองเดิมคือ 13 พฤษภาคม เพื่อจะอุทิศวันนี้แก่วัดนักบุญทั้งหลายอันเป็นวัดน้อยอยู่ในพระมหาวิหารนักบุญเปโตร, กรุงโรม และ "วันฉลองนักบุญทั้งหลาย" 1 พฤศจิกายน ก็แพร่หลายไปทั่วโลกตั้งแต่ปีนั้นเอง พอในปี ค.ศ.998 นักบุญโอดิโล, อธิการอารามแห่งคลุนนี่ ในประเทศฝรั่งเศส ก็ได้เพิ่มเอาวันที่ 2 พฤศจิกายน เป็นวันระลึกถึงบรรดาวิญญาณผู้ล่วงลับทั้งหลาย ดังนั้นพระศาสนจักรคาทอลิกซึ่งมีวันฉลอง "บรรดานักบุญทั้งหลาย" แล้ว ก็ยังมีวันฉลอง "บรรดาผู้ล่วงลับ" ไปแล้วทุกคนติดกัน คือวันที่ 1 และ 2 พฤศจิกายน ตามลำดับ

ธรรมเนียมชาวไอริช แต่บรรดาคริสตังชาวไอริชเป็นพวกแรกที่คิดว่ามีการคิดถึง "นักบุญ", "วิญญาณในไฟชำระ" แต่ไม่มีใครคิดถึงวิญญาณที่เหลือ ซึ่งอาจจะเป็นคนไม่ค่อยดำเนินชีวิตตามความเชื่อ, อาจจะอยู่ในนรก ดังนั้นพวกคริสตังชาวไอริชจึงเริ่มธรรมเนียมตีกระทะและหม้อในเย็นวันสุกดิบ ก่อนจะฉลอง "นักบุญทั้งหลาย" (All Hallow Eve) เพื่อให้ผู้ตายที่ไม่ได้รับความรอดเหล่านั้น รู้ว่า พวกเขาก็ยังมีคนระลึกถึงอยู่ แต่นี่ก็ยังไม่เหมือนงานวัน "ฮาโลวีน" ที่ปัจจุบันกระทำกันอยู่ มันยังรอผสมเข้ากับธรรมเนียมอีกสายหนึ่ง...

ธรรมเนียมชาวฝรั่งเศส ราวศตวรรษที่ 14 หรือ 15, ในประเทศฝรั่งเศส ช่วงเวลาที่เกิดโรคระบาด เป็นฝีตายกันเป็นจำนวนมาก ถึงขนาดประชากรในทวีปยุโรปหดหายไปครึ่งหนึ่ง บรรดาศิลปินก็จะบรรยายความน่ากลัวของ "ความตายสีดำ" ของโรคระบาดนี้ ด้วยการวาดภาพบนกำแพงสุสานเป็นภาพบรรดาปีศาจเดินนำฝูงชนที่ถูกล่ามโซ่ไว้เป็นแถวยาวเดินลงสู่หลุมฝังศพ ภาพเหล่านี้เรียกว่า "ระบำแห่งความตาย" (Dance of Death) หรือ (The Dance Macabre) บางทีการแสดงออกของระบำความตายก็แสดงได้ด้วยการแต่งชุดเหมือนผู้ตายในวัน "ฉลองนักบุญทั้งหลาย" (1 พฤศจิกายน) ดังนั้นเราจะเห็นว่าคริสตังชาวไอริชระลึกถึงผู้ล่วงลับที่ไม่ได้รับความรอด วันสุกดิบก่อนฉลองนักบุญทั้งหลาย (31 ตุลาคม) แต่ไม่ได้แต่งตัวอะไร และคริสตังชาวฝรั่งเศสระลึกถึงความตายอันเกิดจากโรคระบาดโดยการแต่งชุดเหมือนผู้ตายในวันฉลองนักบุญ ทั้งหลาย (1 พฤศจิกายน)

การรวมธรรมเนียมทั้งสอง ที่สุดราวศตวรรษที่ 18 เมื่อคริสตังไอริชและคริสตังฝรั่งเศสที่อพยพ มาอยู่ในประเทศสหรัฐอเมริกาเมื่อเริ่มสร้างชาติใหม่ๆ พวกเขาได้แต่งงานกัน และก็นำธรรมเนียมทั้งสองมาผสมกันด้วยการแต่งชุดต่างๆ ในวันสุกดิบก่อนฉลองนักบุญทั้งหลาย จึงเป็นที่มาของวัน "ฮาโลวีน" ในปัจจุบันคือ 31 ตุลาคม

การปฏิบัติในคืนวัน "ฮาโลวีน"

พวกเด็กๆ จะสนุกสนานมากในคืนวัน "ฮาโลวีน" เพราะพวกเขาจะได้แต่งตัวเลียนแบบคนตาย เช่น เป็นโจรสลัด, กัปตัน, โครงกระดูก, หญิงในสมัยโบราณ หรือสุดจะคิดค้นกันขึ้นมาอย่างในสมัยปัจจุบัน และก็เดินไปเคาะประตูตามบ้านต่างๆ เพื่อขอขนม, ลูกกวาด ฯลฯ โดยเฉพาะบ้านที่มีลูกฟักทองล้วงเนื้อออกเพื่อใส่เทียนเข้าวางไว้ และจะมีแสงสว่างออกมาจากรูจมูก, ลูกตาและปากที่เจาะไว้บนลูกฟักทอง ตั้งไว้หน้าบ้าน เด็กๆ จะเคาะประตูและเมื่อเจ้าของบ้านเปิดประตู พวกเขาก็จะร้องทักว่า "Trick or Treat" ซึ่งเด็กๆ ทั่วไปก็เป็นเพียงคำพูดไร้เดียงสา เพื่อพูดตามธรรมเนียมการขอขนม พวกเขาไม่เข้าใจความหมายแท้จริงของมัน เพราะว่าคำว่า "Trick or Treat" คำนี้ เป็นคำคล้ายคำพูดของพวกบูชาลัทธิปีศาจ ทำนองว่า ทำสนธิสัญญาตกลงกับมันหรือไม่ก็จะมีการล่อลวงเพราะพวกเด็กๆ จะแต่งตัว เป็นผู้ล่วงลับหรือผี ก็มาขู่เจ้าของบ้าน เด็กๆ ไม่เข้าใจความหมาย แท้จริง ก็เลยพูดกันมาตามธรรมเนียม และพวกเขาก็ไม่ได้รู้สึกไม่ดีอะไร เพียงแต่สนุกสนานเท่านั้น พวกเจ้าของบ้านเมื่อเอาขนม, ลูกกวาดออกมาให้แล้ว บางแห่งก็จะมีการร้องเพลงให้แก่บ้านนั้น ซึ่งบางแห่งดั้งเดิมก็จะสวดภาวนาให้แก่เจ้าของบ้าน หรืออุทิศแด่วิญญาณผู้ล่วงลับ เราไม่จำเป็นต้องทำให้เด็กเสียความรู้สึกกับคำว่า "Trick or Treat" แต่ควรสอนเด็กๆ ว่า ปีศาจซ่อนเร้นอยู่ในรูปภายนอกที่ดูสวยงามคอยหลอกลวงเรา คล้ายมันใส่หน้ากาก หลอกลวงผู้คนเพื่อปิดบังโฉมหน้าแท้จริงของมัน พระคัมภีร์กล่าวว่า "เราทั้งหลายรู้ว่า คนที่เกิดจากพระเจ้าไม่ทำบาป แต่พระบุตรของพระเจ้าได้ทรงคุ้มครองรักษาเขา และมารร้ายไม่แตะต้องเขา เราทั้งหลาย รู้ว่าเราเกิดจากพระเจ้า และโลกทั้งสิ้นอยู่ใต้อานุภาพของมารร้าย" (1ยน. 5:18-19)

ธรรมเนียมการขอขนมก็มาจากประเทศอังกฤษอีกธรรมเนียมหนึ่ง คือ ธรรมเนียมวัน "กี ฟอว์เก" อันเป็นวันฉลองต่อต้านพวกคาทอลิกในประเทศอังกฤษ "กี ฟอว์เก" เป็นคนไม่รอบคอบแต่มีหน้าที่ดูแลคลังดินปืน ที่วางแผนจะระเบิดรัฐสภาของอังกฤษ และกษัตริย์เจมส์ ที่ 1 ทรงรู้เข้าเมื่อวันที่ 5 พฤศจิกายน 1605, นาย "กี ฟอว์เก" ถูกตัดสินประหารชีวิตด้วยการแขวนคอ ช่วงนี้เองที่บรรดาพวกนึกสนุกก็จะสวมหน้ากากและไปเยี่ยมเยียน บ้านชาวคาทอลิกที่กำลังถูกเบียดเบียนตอนกลางคืนและขอขนมเค้กและเบียร์มาทานกัน วัน "กี ฟอว์เก" มาถึงประเทศสหรัฐอเมริกา พร้อมกับการตั้งนิคมใหม่ของชาวอังกฤษพวกแรกบนทวีปอเมริกา กษัตริย์เจมส์ก็ค่อยๆ เลือนหายไปจากวิถีชีวิต แต่ธรรมเนียม ปฏิบัติยังคงสนุกสนานเกินกว่าจะลืมเลือนได้ ที่สุดเพราะวัน "กี ฟอว์เก" ซึ่งตรงกับวันที่ 5 พฤศจิกายน ใกล้กับวันฉลองนักบุญทั้งหลาย ก็เลื่อนเอาธรรมเนียมขอขนมตามบ้านตอนกลางคืนมาไว้กับวัน "ฮาโลวีน" พร้อมกับการแต่งตัวแปลกๆ ด้วยเลย

แม้ว่า การจัดงาน วัน "ฮาโลวีน" ในปัจจุบันจะไม่บ่งถึงต้นตอของที่มาทางความคิด เรื่อง "นักบุญ", และ "ผู้ล่วงลับ" อีกทั้งกลายเป็นงาน "ปาร์ตี้" ทางโลกเต็มตัวไปแล้ว แต่ผมเชื่อว่าหากความสนุกสนานจะมีควบคู่ไปกับชีวิตเราแล้วล่ะก้อ, วัน "ฮาโลวีน" ในฐานะเป็นงานสังสรรค์และเพิ่มสีสันให้กับชีวิตก็ไม่น่ารังเกียจอะไร โดยยังมีความหมายว่า "นรก" มีจริง และ "เราควรจะหลีกเลี่ยงให้ได้", วัน "ฮาโลวีน" น่าจะเตรียมเราให้ระลึกถึงผู้ที่จากเราไปก่อนล่วงหน้าในความเชื่อ, พวกเขาได้อยู่บนสวรรค์ และพวกที่ยังต้องชดใช้โทษบาปในไฟชำระ หากใครบางคนหลีกเลี่ยงงาน "ฮาโลวีน" ไม่ได้จริงๆ หรือมีคนมาทักว่างานนี้จะทำให้เด็กๆ กลับไปบูชาปีศาจ ผมก็แนะนำให้บอกต้นตอการเกิดวัน "ฮาโลวีน" ที่แท้จริงแก่พวกเขา และให้พวกเขาได้รู้จัก รากความเชื่อแท้จริงของคาทอลิกอันเกี่ยวกับความตาย, นักบุญผู้ศักดิ์สิทธิ์ และวิญญาณในไฟชำระอันเป็นความเชื่อสำคัญอันหนึ่งของเรา

หากเราคริสตังจะจัดงานวันฮาโลวีนการรับวัฒนธรรมจากประเทศทางตะวันตก โดยเฉพาะประเทศสหรัฐอเมริกา ไม่ว่าจะแผ่มาทางภาพยนตร์, ข่าวสารทางอินเตอร์เน็ต หนังสือและบทเพลง จนกระทั่งลูกหลานรับกระแสงานวัน "ฮาโลวีน" เราผู้เป็นคริสตังและผู้ใหญ่อาจจะถือว่าเป็นการสนุกรื่นเริงในบ้าน, เพื่อนบ้าน, เพื่อนๆ ของลูกๆ ใกล้หูใกล้ตาเราภายในครอบครัว ก็อาจทำได้ ซึ่งไม่ควรปล่อยลูกหลานไปจัดกันเอง หรือไปจัดกันตามสถานที่ต่างๆ เพราะเป็น เวลากลางคืนอีกทั้งเราควบคุมความปลอดภัยไม่ได้ ส่วนครอบครัวใดที่ไม่มีกระแสตะวันตก ในบ้านก็ไม่ต้องกังวลอะไรกับการจัดงานนี้อย่าลืมว่า ชาวต่างชาติที่เป็นคาทอลิก เมื่อเขาจัดงานวัน "ฮาโลวีน" (31 ตุลาคม) อันเป็นวันสุกดิบก่อนฉลองนักบุญทั้งหลายนั้น เป็นงานรื่นเริงทางสังคม มิใช่พิธีกรรมคาทอลิก แต่ควรแฝงความคิดเกี่ยวกับชีวิตหลังความตายอันเป็นความเชื่อแบบคริสตังเข้าไว้ด้วย และไม่จำเป็นที่เด็กๆ จะต้องแต่งตัวเป็นนักบุญเพียงอย่างเดียว, การแต่งตัวเป็นวิญญาณต่างๆ และตัวละครที่เกี่ยวข้องกับนรก ก็สื่อความหมายดั้งเดิม การระลึกถึงวิญญาณทุกดวงของคริสตังโบราณว่าเราไม่ลืมเขา


คำว่า "Halloween" มาจากคำของคริสตังคาทอลิกดั้งเดิม คือ เย็นวันสุกดิบก่อนฉลองนักบุญทั้งหลาย (All Hallow's Day หรือ All Saint's Day) เขาเขียนว่า "Hallow's Evening" (เย็นวันสุกดิบของวันฉลองนักบุญทั้งหลาย) และก็กลายเป็น "Hallow's e'en" จนกลายเป็น "Halloween" ในที่สุด แท้จริงในทางพิธีกรรมคาทอลิกของเรา คริสตังจะมีธรรมเนียมที่พระสงฆ์จะต้องถวายมิสซา 3 มิสซา ในวันระลึกถึงผู้ล่วงลับ นั่นคือ มิสซาเย็นก่อนวันที่ 2 พฤศจิกายน, มิสซารุ่งอรุณวันที่ 2 พฤศจิกายน และมิสซา เช้าหรือสายของวันที่ 2 พฤศจิกายน พระสงฆ์จะถวายมิสซาทั้งสามในวันที่ 2 พฤศจิกายน ทั้ง 3 มิสซาเลยก็ได้ เพียงแต่มิสซาแรกของเย็นก่อนวันที่ 2 ทำให้มีความคล้ายคลึงกับธรรมเนียมโบราณของคริสตังไอริชที่จะคิดถึงผู้ล่วงลับอื่นๆ ก่อนวันฉลองนักบุญทั้งหลายส่วนในวันที่ 1 พฤศจิกายน เป็นวันสมโภชนักบุญทั้งหลาย (รวมทั้งบรรดาคริสตังผู้ล่วงลับผู้ที่ได้รับชัยชนะอยู่บนสวรรค์ทุกคน)

บทละครเล็กๆ น้อยๆ งานวัน "ฮาโลวีน" การแต่งกาย เด็กๆ แต่งตัวเลียนแบบคนอาชีพต่างๆ ที่ล่วงลับไปในอดีต เช่น ชาวตะวันตกก็มักจะแต่งเป็น พระ, ซิสเตอร์, นักบวชในอาราม, กษัตริย์, ราชินี, โจรสลัด, โครงกระดูก, ผี ฯลฯ หากจะแต่งตัว เป็นนักบุญต่างๆ ก็ทำได้แต่ต้องเน้นและสอนเด็กๆ ว่าวันฉลองนักบุญทั้งหลายตรงกับวันที่ 1 พฤศจิกายน และนี่เรากำลังร่วมงานปาร์ตี้วันฮาโลวีน, 31 ตุลาคม และควรจะจบงานด้วยการ สวดภาวนาเข้าสู่การฉลองนักบุญ ทั้งหลาย นำมาด้วยเทียน เดินไปยังฉากที่ทำคล้ายสุสาน และมีหินสลักเทียมบนหลุมศพ 4 ก้อน ก้อนแรกสำหรับคนในครอบครัวที่จากไป, ก้อนที่ 2 สำหรับเพื่อนที่จากไป, ก้อนที่ 3 สำหรับบรรดาสมณเพศที่จากไป และก่อนสุดท้ายสำหรับผู้ตายที่ไม่มีใครคิดถึง และวัน "ฮาโลวีน" เป็นวันสุดท้ายของเดือนแม่พระลูกประคำ เราจึงอาจเริ่มด้วยการสวดสายประคำภาคเศร้าโศกหรือกล่าวถึงข้อรำพึงภาคเศร้าโศกทั้ง 5 ข้อ อุทิศแด่ผู้ล่วงลับสั่นกระดิ่งให้ทุกคนคุกเข่า แล้วสวด บทสดุดี 130 หรือบท "จากเหวลึก... ข้าพเจ้าร้องหาพระองค์" (De Profundis)

จากเหวลึก ข้าพเจ้าร้องหาพระองค์ พระสวามี โปรดฟังคำข้าพเจ้า โปรดเอียงพระกรรณสดับฟัง คำอ้อนวอนของข้าพเจ้าหากทรงระลึกถึงความผิดแล้ว พระสวามีเจ้าข้า ใครหนอจะทนไหวแต่พระองค์มีความกรุณายกบาป ก็เพื่อมนุษย์จะได้ปรนนิบัติพระองค์ด้วยความเคารพข้าพเจ้าวางใจในพระสวามี วิญญาณข้าพเจ้าวางใจในวาจาของพระองค์วิญญาณข้าพเจ้าเฝ้าคอยพระ-สวามี ยิ่งเสียกว่าคนยามคอยแสงอรุณยิ่งกว่าคนยามคอยแสงอรุณอีก ขอให้อิสราเอลจงคอยพระสวามีเพราะว่า พระสวามีทรงเมตตากรุณา พระองค์จึงจะไถ่บาปอย่างอุดมสมบูรณ์แล้วพระองค์จะไถ่อิสราเอล ให้สูญสิ้นบาปนี้แล

ก่อ ประทานการพักผ่อน ตลอดนิรันดรแก่เขาเถิด พระสวามีเจ้า
รับ ขอให้ความสว่างตลอดนิรันดร์ทอแสงมาสู่เขาก่อ ขอให้เขาได้พักผ่อนในสันติภาพเทอญรับ อาแมน

จากนั้นมีผู้แต่งกายคล้ายวิญญาณ ที่น่าสงสารเดินมาจากไฟชำระ ปรากฏตัวอยู่ที่สุสาน (ฉากที่ทำขึ้น) ขณะนี้อาจจะมีการกล่าวถึงความผิดที่วิญญาณ ได้กระทำเพื่อเตือนใจเด็กๆ ให้เห็นผลของการสูญเสียพระหรรษทานศักดิ์สิทธิกร"จงระลึกว่า วิญญาณในนรกไม่มีพระหรรษทานและวิญญาณในไฟชำระยังไม่สูญเสียพระ-หรรษทานนั้น แต่กำลังชำระตนให้สะอาด อันเนื่องมาจากผลของบาปที่เขาได้กระทำ",บรรดาวิญญาณน่าสงสารอาจใส่ชุดสีเทา ขณะที่วิญญาณที่อยู่ในนรกแต่งชุดสีดำ ทั้งสองพวกปรากฏตัวในเครื่องพันธนาการ บางทีเด็กโตอาจแสดงบทเหล่านี้ หลังจากภาวนาให้ผู้ล่วงลับ, วิญญาณที่น่าสงสาร อาจกล่าวตอบด้วยบทละคร ดังนี้บรรดาวิญญาณพร้อมโซ่พันธนาการ อาจร้องโหยหวนในชุดดำ, เทาเดินออกมาช้าๆ, เจ็บปวด และพูดแบบพร่ำบ่น (เอาไฟฉายฉายไฟไว้ใต้คาง)

"เด็กๆ ของพระเจ้า, หนูน้อยของพระเจ้า และสมาชิกของพระศาสนจักร อันศักดิ์สิทธิ์ ข้าพเจ้ามาจากไฟชำระ เพื่อขอคำภาวนาจากพวกท่าน และขอเตือนให้พวกท่านเปลี่ยนแปลง, ปรับปรุงชีวิต ขณะที่ข้าพเจ้ามีชีวิตบนโลก ข้าพเจ้าได้หลงลืมบ้านแท้บนเมืองสวรรค์ บาปของข้าพเจ้าไม่หนักจนทำให้ตกนรกก็จริงแต่เพราะข้าพเจ้ายังมิได้รักพระเป็นเจ้าสุดจิตใจ, สุดวิญญาณและกำลัง ดังนั้นข้าพเจ้ายังต้องรับทรมาน... (อาจร้องโหยหวน) โอ้...ทุกข์ทนที่ข้าพเจ้าต้องรับในไฟชำระนี้ เพื่อชำระล้างความรักและชำระบาป พี่น้องชาย-หญิงในพระกายทิพย์ของพระเยซูเจ้า วันนี้จงเปลี่ยนแปลงชีวิต! จงเชื่อฟังพ่อ แม่ และพระศาสนจักร จงสวดภาวนา, สวดให้มาก!! โดยเฉพาะไปวัดร่วมบูชามิสซา และรับศีลมหาสนิทให้บ่อยๆ, สวดสายประคำ และสวมสายจำพวก ไว้ จงชดใช้โทษบาปของตนและบาปของเพื่อนมนุษย์ ก่อนที่ท่านจะสิ้นใจ โดยทำพลีกรรมและดำเนินชีวิตทุกวันให้เป็นพลีถวาย จงจำไว้ว่าโดยทางไม้กางเขนเท่านั้นที่เราจะเป็นเช่นพระเยซู-เจ้า, พระผู้ไถ่ของเราและสุดท้าย จงรักผู้แทนของพระองค์บนโลกนี้คือสมเด็จพระสันตะปาปาและแม่พระ ข้าพเจ้าจะต้องจากไปเพื่อรับการจองจำชั่วคราวในการทรมาน โอ้...ข้าพเจ้าอยากไปสวรรค์เหลือเกิน (อาจร้องครวญครางอีกครั้งหนึ่ง, ปิดไฟ และหลบหายไปกับความมืด)

การตกแต่งฉากหากงานปาร์ตี้อยู่ในบ้าน ขอแนะนำให้ทำห้องหนึ่งเป็นฉาก "นรก" และมีป้ายติดไว้หน้าห้องนี้ว่า "จงละทิ้งความหวัง, ทุกคนที่เข้ามาในนี้" มีผ้าปิดประตูและทำเงามืดรูปปีศาจปรากฏบนผ้าผืนนี้ด้วยไฟฉายจากในห้อง ทำเงาให้เท่าขนาดคนจริงมีการเปิดเพลงทำนองลึกลับเป็นบรรยากาศ เพื่อให้เด็กเกรงกลัวนรก, หากจัดนอกบ้าน อาจแขวนรูปปีศาจหรือโครงกระดูกเพื่อให้เด็กๆ ระลึกถึงความตายที่ละทิ้งพระเจ้า

เครื่องดื่ม

โดยธรรมเนียมแล้ว วัน "ฮาโลวีน" เป็นวันถือศีล และไม่ดื่มสุราหรืออาหารฟุ่มเฟือย อาจมีโซลเค้ก (Soul Cake) ซึ่งเป็นขนมตามธรรมเนียมดั้งเดิมของงานวัน "ฮาโลวีน", หรืออาหารที่ไม่ใช่เนื้อ และเมื่อได้รับโซลเค้กให้สวดภาวนาแด่ผู้ล่วงลับเป็นการตอบแทน (อย่างไรก็ดี นี่เป็นละครในงานวัน "ฮาโลวีน" ไม่ใช่พิธีกรรม ดังนั้นการจัดงานเลี้ยงในบ้านเราคงจะต้องมีขนม, น้ำ และอาหารเป็นธรรมดา) ลูกฟักทองแกะสลักหน้าผี, แม่มด, แมว, ผีดิบ, ก่อกองไฟ เหล่านี้ไม่มีรากฐานความเชื่อคาทอลิกในงานวัน "ฮาโลวีน" คงเป็นสิ่งที่รับมาจากพิธีกรรมของพวกเซลติกเกี่ยวกับเทพแห่งความตายมารวบรวมวิญญาณคนชั่วช่วงฤดูใบไม้ร่วงหรือฤดูเก็บเกี่ยว (31 ตุลาคม) หรือไม่ก็นำมาใส่ไว้ในช่วงปีหลังๆ ยุคสมัยของเรา

http://www.yenta4.com/Gmail/halloween.php
New lamb
~@
โพสต์: 656
ลงทะเบียนเมื่อ: พุธ พ.ค. 04, 2005 7:21 am
ที่อยู่: Florida U.S.A

พุธ พ.ย. 02, 2005 10:32 pm

ขอบคุณค่ะเจี๊ยบ ข้อมูลมากจุใจจริงๆ *no1
ภาพประจำตัวสมาชิก
-Rei-
โพสต์: 1015
ลงทะเบียนเมื่อ: พฤหัสฯ. มิ.ย. 09, 2005 8:31 pm
ติดต่อ:

พุธ พ.ย. 02, 2005 11:56 pm

โห เจี๊ยบ สุดยอดมากค่ะ *no1
Joseph
โพสต์: 2182
ลงทะเบียนเมื่อ: พุธ เม.ย. 27, 2005 6:31 am

พฤหัสฯ. พ.ย. 03, 2005 8:40 am

เจี๊ยบโพสไม่แพ้พีพีเลยนะเนี้ย :)

รูปภาพรูปนายแจ๊กหัวฟักทอง :)
แก้ไขล่าสุดโดย Joseph เมื่อ พฤหัสฯ. พ.ย. 03, 2005 8:40 am, แก้ไขไปแล้ว 1 ครั้ง.
Maria Magdalena
โพสต์: 1946
ลงทะเบียนเมื่อ: พุธ มิ.ย. 01, 2005 8:23 pm
ที่อยู่: On this earth obviously

พฤหัสฯ. พ.ย. 03, 2005 10:19 am

โอโห เจี๊ยบยอดมาก

บูเพิ่งรู้นะเนี่ยว่ามันมีที่มาอย่างเนี่ย คิกๆ
Junior Boy
โพสต์: 659
ลงทะเบียนเมื่อ: เสาร์ ก.ย. 10, 2005 2:01 pm
ที่อยู่: I believe in God...

พฤหัสฯ. พ.ย. 03, 2005 1:19 pm

เพิ่งจารู้นะเนี่ย
ภาพประจำตัวสมาชิก
Deo Gratias
โพสต์: 1100
ลงทะเบียนเมื่อ: พฤหัสฯ. มี.ค. 16, 2006 11:53 pm

พฤหัสฯ. ต.ค. 29, 2009 10:54 pm

ขุดมาให้อ่านค่ะ เผื่อใครอยากรู้ที่มาของฮาโลวีน  : xemo017 :
~ฮีUโปฟัuxaoxน้ๅโJ™~
โพสต์: 1653
ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ ก.ย. 10, 2007 9:22 pm
ที่อยู่: ไม่ใกล้ไม่ใกล้จากวัดอัสสัม-0-

พฤหัสฯ. ต.ค. 29, 2009 10:55 pm

ปีนี้บอร์ดเรา นัดกันแต่งฮาโลวีนไปบ้านเฮียปอป๊อกัพี่จิงๆมะคับ*-*
sinner
โพสต์: 2246
ลงทะเบียนเมื่อ: อาทิตย์ มี.ค. 08, 2009 1:24 pm

พฤหัสฯ. ต.ค. 29, 2009 10:56 pm

Deo Gratias เขียน: ขุดมาให้อ่านค่ะ เผื่อใครอยากรู้ที่มาของฮาโลวีน  : xemo017 :
ขอบคุณอย่างยิ่งเจ้าค่ะ  ::050::
ตอบกลับโพส