แบ่งๆกันอ่าน
การไม่เอาคืน การไม่อาฆาตพยาบาท ไม่กระทำกลับคนที่ทำร้ายเรา
จะคุ้มค่ามาก ขอให้เราสร้างกุศโลบายดังนี้ (นำไปคิดให้ดี)
1.ทำให้เราได้ใช้กรรมเก่าที่เราทำไว้ ทุกอย่างที่เกิดขึ้นกับเรา ล้วนเป็นหนี้สินจากอดีตที่เราต้องชดใช้เค้า ให้เรามีมุทิตาจิตยินดีที่เค้ามากระทำเรา เพราะว่ามันเป็นเหตุสมควรแก่กรรมแล้ว เนื่องจากกฏแห่งกรรมเป็นกฏที่ยุติธรรมที่สุด ทำอะไรไว้ไม่ว่าจากชาติไหน ยังไงก็ต้องตามมาสนอง ดังนั้นเรื่องเลวร้ายทุกชนิดในชีวิตคุณอย่าได้ไปโทษใครเลย มันเกิดจากการกระทำในอดีตของเราทั้งสิ้น
2.การที่เราไปกระทำกลับเค้า ก็เหมือนกับคนที่ไปกู้หนี้ยืมสินเค้ามา พอใช้หนี้ให้เขาแล้ว ดันไปตบหัวเจ้าหนี้เค้าอีก อย่างนี้ก็ต้องตามชดใช้ให้เจ้าหนี้อีกเรื่อยๆ เมื่อไหร่จะหมดเวร จำไว้ว่า ชดใช้หนี้กรรมแล้ว ก็สร้างบุญด้วยอภัยทาน อย่าสร้างหนี้ต่อ
3.การที่เราไม่กระทำกลับเค้า ยิ่งคุ้มเหมือนได้ใช้หนี้แล้วยังได้กำไร คือ อภัยทาน ทานที่ทำได้ยาก แต่พอทำได้แล้ว จะช่วยยกระดับชีวิตและจิตวิญญาณคุณ แล้วใช้อิทธิบาท4 อดทนและข่มใจไว้ คิดต่อคนที่มากระทำผิดต่อเราอย่างบริสุทธิ์ใจ จงกัดฟันแรงๆ ๑ ที หยุดตัวเองจากความแค้นให้ได้ แล้วปล่อยเขาไป เพราะว่า
" กรรม ไม่เคยปรานีต่อผู้ประพฤติชั่ว กรรมมีความยุติธรรมเสมอ ในบางรายผลกรรมชั่วอาจมาช้าเพราะว่าเค้ามีส่วนผสมความดีอยู่มากอาจจะเป็นผลกรรมดีจากอดีตชาติมาช่วยหนุนเค้าไว้ แต่เชื่อเถอะกรรมชั่วไม่เคยหายไปไหน กรรมไม่เคยเบี้ยว กรรมตามติดจิตวิญญาณเค้าเหมือนเงา ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของกรรมจัดการกับเค้าคนนั้นเถอะ "
เชื่อเถิด เดี๋ยวเค้าต้องเจอเรื่องเลวร้ายของเค้าเอง รับรองไม่มีทางหนีพ้น ยิ่งคุณบริสุทธิ์ใจต่อเค้ามากเท่าไหร่ให้อภัยเค้าได้มากเท่าไหร่แผ่เมตตาให้เค้าได้มากเท่าไหร่
" สิ่งที่จะสนองตอบต่อเค้าจะยิ่งรุนแรงมากเท่านั้น และจงกัดฟันขอบคุณ ที่เค้าได้มอบประสบการณ์ชีวิตในด้านที่เลวร้ายให้คุณ "
หากฟุ้งซ่านมาก ให้ลองทำสมาธิ ให้ฝืนใจทำจริงจังแล้วจะชอบติดใจปฏิบัติจนเป็นนิสัย ให้ พิจารณาร่างกายและจิตใจของท่านดู ว่ามันมีสาระพอแค่ไหนที่มานั่งแค้นใครต่อใคร เค้ากระทำคุณให้เจ็บ คนๆนั้นเค้าเลิกคิดไปนานแล้ว แต่คุณกลับเอามาคิดให้เป็นการทำร้ายตัวเองเสียเปล่าๆ
ลองคิดดูว่า ตัวตนของเรามันยิ่งใหญ่สักแค่ไหน เราโกรธเราแค้นมากใช่ไหม ที่ตัวตนของเรามันเป็นของเรา เค้าจะมากระทำแบบนี้ เราโมโห เราแค้น มาทำได้อย่างไร
ตอบให้ก็ได้ว่า ก็เราไปทำเขามาก่อน เราก็ต้องตามใช้สิ จะเรียกร้องอะไร ก็กรรมของเราเองทั้งนั้น
ดังนั้น จงลองคิดเสียว่า หากเค้าไปกระทำคนอื่นใครไม่รู้ที่ไม่ใช่เรา เราจะแค้นเค้ามั้ย เราไม่แค้น เพราะว่า คนอื่นไม่ใช่เรา นั่นไง เรากำลังยึดตัวตนของเราว่า เราคือเรา เขามาทำไม่ได้ (คุณไม่มีสิทธิ์คิดว่าเค้าทำอะไรเราไม่ได้ เพราะคุณเคยไปทำเค้ามาแล้ว ต้องยอมรับกรรม)
ดังนั้น เชื่อในกรรม ซะ แล้วไม่ต้องคิดว่าตัวตนของเรายิ่งใหญ่เกินกว่าที่ใครจะมาทำอะไรได้ เพราะมันเป็นไปไม่ได้ ตัวเราคือที่อยู่อาศัยของดวงจิต ตายแล้วก็เริ่มต้นใหม่หมดในภพใหม่ ฉะนั้น อย่าจองเวร อย่าผูกโกรธ ผูกเวรใครเลย จะลำบากชาติหน้าเสียเปล่าๆ (สมัยนี้กรรมติดจรวด กรรมอาจตามสนองในชาติเดียวก็ได้ จงดำรงอยู่ในความไม่ประมาท มีสตินะ)
บทความนี้เขียนเผยแพร่ที่เอ็มไทยเป็นที่แรก ขอให้ช่วยก็อปปี้ส่งต่อกันด้วย เป็นธรรมทาน ช่วยให้หนี้กรรมของคุณเบาบางลง
จะคุ้มค่ามาก ขอให้เราสร้างกุศโลบายดังนี้ (นำไปคิดให้ดี)
1.ทำให้เราได้ใช้กรรมเก่าที่เราทำไว้ ทุกอย่างที่เกิดขึ้นกับเรา ล้วนเป็นหนี้สินจากอดีตที่เราต้องชดใช้เค้า ให้เรามีมุทิตาจิตยินดีที่เค้ามากระทำเรา เพราะว่ามันเป็นเหตุสมควรแก่กรรมแล้ว เนื่องจากกฏแห่งกรรมเป็นกฏที่ยุติธรรมที่สุด ทำอะไรไว้ไม่ว่าจากชาติไหน ยังไงก็ต้องตามมาสนอง ดังนั้นเรื่องเลวร้ายทุกชนิดในชีวิตคุณอย่าได้ไปโทษใครเลย มันเกิดจากการกระทำในอดีตของเราทั้งสิ้น
2.การที่เราไปกระทำกลับเค้า ก็เหมือนกับคนที่ไปกู้หนี้ยืมสินเค้ามา พอใช้หนี้ให้เขาแล้ว ดันไปตบหัวเจ้าหนี้เค้าอีก อย่างนี้ก็ต้องตามชดใช้ให้เจ้าหนี้อีกเรื่อยๆ เมื่อไหร่จะหมดเวร จำไว้ว่า ชดใช้หนี้กรรมแล้ว ก็สร้างบุญด้วยอภัยทาน อย่าสร้างหนี้ต่อ
3.การที่เราไม่กระทำกลับเค้า ยิ่งคุ้มเหมือนได้ใช้หนี้แล้วยังได้กำไร คือ อภัยทาน ทานที่ทำได้ยาก แต่พอทำได้แล้ว จะช่วยยกระดับชีวิตและจิตวิญญาณคุณ แล้วใช้อิทธิบาท4 อดทนและข่มใจไว้ คิดต่อคนที่มากระทำผิดต่อเราอย่างบริสุทธิ์ใจ จงกัดฟันแรงๆ ๑ ที หยุดตัวเองจากความแค้นให้ได้ แล้วปล่อยเขาไป เพราะว่า
" กรรม ไม่เคยปรานีต่อผู้ประพฤติชั่ว กรรมมีความยุติธรรมเสมอ ในบางรายผลกรรมชั่วอาจมาช้าเพราะว่าเค้ามีส่วนผสมความดีอยู่มากอาจจะเป็นผลกรรมดีจากอดีตชาติมาช่วยหนุนเค้าไว้ แต่เชื่อเถอะกรรมชั่วไม่เคยหายไปไหน กรรมไม่เคยเบี้ยว กรรมตามติดจิตวิญญาณเค้าเหมือนเงา ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของกรรมจัดการกับเค้าคนนั้นเถอะ "
เชื่อเถิด เดี๋ยวเค้าต้องเจอเรื่องเลวร้ายของเค้าเอง รับรองไม่มีทางหนีพ้น ยิ่งคุณบริสุทธิ์ใจต่อเค้ามากเท่าไหร่ให้อภัยเค้าได้มากเท่าไหร่แผ่เมตตาให้เค้าได้มากเท่าไหร่
" สิ่งที่จะสนองตอบต่อเค้าจะยิ่งรุนแรงมากเท่านั้น และจงกัดฟันขอบคุณ ที่เค้าได้มอบประสบการณ์ชีวิตในด้านที่เลวร้ายให้คุณ "
หากฟุ้งซ่านมาก ให้ลองทำสมาธิ ให้ฝืนใจทำจริงจังแล้วจะชอบติดใจปฏิบัติจนเป็นนิสัย ให้ พิจารณาร่างกายและจิตใจของท่านดู ว่ามันมีสาระพอแค่ไหนที่มานั่งแค้นใครต่อใคร เค้ากระทำคุณให้เจ็บ คนๆนั้นเค้าเลิกคิดไปนานแล้ว แต่คุณกลับเอามาคิดให้เป็นการทำร้ายตัวเองเสียเปล่าๆ
ลองคิดดูว่า ตัวตนของเรามันยิ่งใหญ่สักแค่ไหน เราโกรธเราแค้นมากใช่ไหม ที่ตัวตนของเรามันเป็นของเรา เค้าจะมากระทำแบบนี้ เราโมโห เราแค้น มาทำได้อย่างไร
ตอบให้ก็ได้ว่า ก็เราไปทำเขามาก่อน เราก็ต้องตามใช้สิ จะเรียกร้องอะไร ก็กรรมของเราเองทั้งนั้น
ดังนั้น จงลองคิดเสียว่า หากเค้าไปกระทำคนอื่นใครไม่รู้ที่ไม่ใช่เรา เราจะแค้นเค้ามั้ย เราไม่แค้น เพราะว่า คนอื่นไม่ใช่เรา นั่นไง เรากำลังยึดตัวตนของเราว่า เราคือเรา เขามาทำไม่ได้ (คุณไม่มีสิทธิ์คิดว่าเค้าทำอะไรเราไม่ได้ เพราะคุณเคยไปทำเค้ามาแล้ว ต้องยอมรับกรรม)
ดังนั้น เชื่อในกรรม ซะ แล้วไม่ต้องคิดว่าตัวตนของเรายิ่งใหญ่เกินกว่าที่ใครจะมาทำอะไรได้ เพราะมันเป็นไปไม่ได้ ตัวเราคือที่อยู่อาศัยของดวงจิต ตายแล้วก็เริ่มต้นใหม่หมดในภพใหม่ ฉะนั้น อย่าจองเวร อย่าผูกโกรธ ผูกเวรใครเลย จะลำบากชาติหน้าเสียเปล่าๆ (สมัยนี้กรรมติดจรวด กรรมอาจตามสนองในชาติเดียวก็ได้ จงดำรงอยู่ในความไม่ประมาท มีสตินะ)
บทความนี้เขียนเผยแพร่ที่เอ็มไทยเป็นที่แรก ขอให้ช่วยก็อปปี้ส่งต่อกันด้วย เป็นธรรมทาน ช่วยให้หนี้กรรมของคุณเบาบางลง
หลักนั้นใช้กับผมไม่ได้ผลครับ ต้องหลักนี้
ลก 7:36-50 หญิงคนบาป
ชาวฟาริสีคนหนึ่งทูลเชิญพระเยซูเจ้าไปเสวยพระกระยาหารกับเขา พระองค์เสด็จเข้าไปในบ้านของชาวฟาริสีนั้นและประทับที่โต๊ะ ในเมืองนั้นมีหญิงคนหนึ่งเป็นคนบาป เมื่อนางรู้ว่า พระเยซูเจ้ากำลังประทับร่วมโต๊ะอยู่ในบ้านของชาวฟาริสีผู้นั้น จึงถือขวดหินขาวบรรจุน้ำมันหอมเข้ามาด้วย นางมาอยู่ด้านหลังของพระองค์ใกล้ ๆ พระบาท ร้องไห้จนน้ำตาหยดลงเปียกพระบาท นางใช้ผมเช็ดพระบาทจูบพระบาทและใช้น้ำมันหอมชโลมพระบาทนั้น ชาวฟาริสีที่ทูลเชิญพระองค์มาเห็นดังนี้ก็คิดในใจว่า
ลก 7:36-50 หญิงคนบาป
ชาวฟาริสีคนหนึ่งทูลเชิญพระเยซูเจ้าไปเสวยพระกระยาหารกับเขา พระองค์เสด็จเข้าไปในบ้านของชาวฟาริสีนั้นและประทับที่โต๊ะ ในเมืองนั้นมีหญิงคนหนึ่งเป็นคนบาป เมื่อนางรู้ว่า พระเยซูเจ้ากำลังประทับร่วมโต๊ะอยู่ในบ้านของชาวฟาริสีผู้นั้น จึงถือขวดหินขาวบรรจุน้ำมันหอมเข้ามาด้วย นางมาอยู่ด้านหลังของพระองค์ใกล้ ๆ พระบาท ร้องไห้จนน้ำตาหยดลงเปียกพระบาท นางใช้ผมเช็ดพระบาทจูบพระบาทและใช้น้ำมันหอมชโลมพระบาทนั้น ชาวฟาริสีที่ทูลเชิญพระองค์มาเห็นดังนี้ก็คิดในใจว่า
ที่มันใช้ไม่ได้ผล เพราะผมไม่เชื่อเรื่องชาติที่แล้ว และที่สำคัญ เจ้าหนี้ที่ความจำเสื่อม พอๆกับลูกหนี้ที่ความจำเสื่อม ต่างมาทวงหนี้ที่ตัวเองจำไม่ได้ และต้องใช้หนี้ที่ตัวเองจำไม่ได้ มันเป็นกุศโลบายที่ไม่ได้ผลกับผมครับ
ถ้ากรรมมันเที่ยงตรงมาก อย่าลืมว่าพ่อของเราคือผู้คุมกฏทุกกฏในโลกนี้ และพระองค์ทรงปราณีปรานอมก่อนขึ้นศาลได้ครับ
ลก 12:57
ถ้ากรรมมันเที่ยงตรงมาก อย่าลืมว่าพ่อของเราคือผู้คุมกฏทุกกฏในโลกนี้ และพระองค์ทรงปราณีปรานอมก่อนขึ้นศาลได้ครับ
ลก 12:57
แก้ไขล่าสุดโดย Holy เมื่อ จันทร์ ม.ค. 30, 2006 2:16 pm, แก้ไขไปแล้ว 1 ครั้ง.
หลักที่คริสตชนเราควรยึดเพื่อการนี้ โดยไม่ต้องไขว้เขวไปในความเชื่ออื่น และยังมั่นคงเป็นความจริง ไม่ใช่กุศโลบาย แต่เป็นความรักคือข้อนี้ครับ
มธ 18:23-35 อุปมาเรื่องลูกหนี้ไร้เมตตา
มธ 18:23-35 อุปมาเรื่องลูกหนี้ไร้เมตตา
แก้ไขล่าสุดโดย Holy เมื่อ จันทร์ ม.ค. 30, 2006 2:27 pm, แก้ไขไปแล้ว 1 ครั้ง.
ผมอยากให้เราจำสิ่งนี้ไว้เสมอครับว่า นี่เป็นหลักที่ตรงข้ามกับคริสตศาสนา นี่คือหลักที่ไร้การอภัยboylife เขียน: " กรรม ไม่เคยปรานีต่อผู้ประพฤติชั่ว กรรมมีความยุติธรรมเสมอ ในบางรายผลกรรมชั่วอาจมาช้าเพราะว่าเค้ามีส่วนผสมความดีอยู่มากอาจจะเป็นผลกรรมดีจากอดีตชาติมาช่วยหนุนเค้าไว้ แต่เชื่อเถอะกรรมชั่วไม่เคยหายไปไหน กรรมไม่เคยเบี้ยว กรรมตามติดจิตวิญญาณเค้าเหมือนเงา ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของกรรมจัดการกับเค้าคนนั้นเถอะ "
พระเยซูเจ้า ไม่ใช่คนทำตัวเป็นตำรวจที่คอยแต่จับคนผิดและลากเข้าคุก แต่พระองค์มาเพื่อแสวงหาผู้หลงผิดและช่วยปลดปล่อยเขาออกจากความชั่วนั้น และทรงเปลี่ยนเขาให้เป็นคนดีแทนที่จะเอาแต่ลงโทษให้สาสม
ยน 13:46
เราเข้ามาในโลกเป็นแสงสว่าง
เพื่อให้ทุกคนที่เชื่อในเราไม่อยู่ในความมืด
ผู้ใดได้ยินวาจาของเรา แล้วไม่ปฏิบัติตาม
เราไม่ตัดสินลงโทษเขา
เพราะเราไม่ได้มาเพื่อตัดสินลงโทษโลก
แต่มาเพื่อช่วยโลกให้รอดพ้น
---และพระเยซูเจ้าของเรา เมื่อยกโทษแล้ว ยิ่งใหญ่กว่าเพียงการอโหสิกรรม ที่เราบอกว่ายกโทษให้ แต่ใจจริงหวังว่ากรรมจะตามสนองมันทีหลัง แต่เมื่อพระเยซูเจ้าทรงยกโทษสมบูรณ์
ลก 23:33-34 พระเยซูเจ้าทรงถูกตรึงบนไม้กางเขน
เมื่อมาถึงสถานที่ที่เรียกว่าเนินหัวกระโหลก บรรดาทหารตรึงพระองค์ที่นั่นพร้อมกับผู้ร้ายสองคน คนหนึ่งอยู่ข้างขวาและอีกคนหนึ่งอยู่ข้างซ้าย พระเยซูเจ้าตรัสว่า
แก้ไขล่าสุดโดย Holy เมื่อ จันทร์ ม.ค. 30, 2006 2:40 pm, แก้ไขไปแล้ว 1 ครั้ง.
-
- ~@
- โพสต์: 7624
- ลงทะเบียนเมื่อ: พุธ มี.ค. 23, 2005 9:49 pm
- ที่อยู่: Pattaya Chonburi
??? ??? ผิดหลักความเชื่อหรือเปล่าหล่ะ ช่วยให้หนี้กรรมของคุณเบาบางลง
แก้ไขล่าสุดโดย :+: seraphim :+: เมื่อ จันทร์ ม.ค. 30, 2006 3:27 pm, แก้ไขไปแล้ว 1 ครั้ง.
เป็นคำสอนที่ดีครับ แต่เป็นหลังความเชื่อของชาวพุธครับ แต่ผู้ที่เข้าใจในพระวาจาของพระเจ้าจะไม่เชื่อเช่นนั้น
1. การกระทำของเราบนโลกใบนี้ ไม่วางแผนชีวิตให้ดีก่อน เช่น อาจขี่เกียจเรียนหนังสือในวัยเด็กโตขึ้นจึงลำบาก ขี่เกียจทำงานเลยต้องยากจน หาแฟนผิดเลยถูกสามีนอกใจต้องช้ำ เรียนลูกตามใจเกินไปจึงเสียคน
2. เกิดจากการถูกแซ่งสาปจากพระเจ้า พระเจ้ากล่าวว่าพระองค์สาปแช่งผู้ทิ้งพระเจ้าไปกราบไหว้รูปเครพ หมิ่นประมาทบิดามารดา ย้ายเสาเขตของเพื่อนบ้าน ทำคนตาบอดให้หลงทาง ทำให้เสียความยุติธรรมแก่คนอื่น สมสู่กับภรรยาของบิดา สมสู่กับสัตว์เดียรัจฉาน สมสู่กับพี่สาวหรือน้องสาวตัวเอง สมสู่กับแม่ยายของตัวเอง ฆ่าเพื่อนบ้านแบบลับๆ รับสินบน บุคลทั้งหมดนี้จะต้องได้รับการสาปแช่งจากพระเจ้า(ฉธบ. 27 : 15 - 25)
คำสาปของพระเจ้าอยู่บนเรือนของคนชั่วร้าย แต่พระองค์ทรงอำนวยพระพรแก่ที่อาศัยของคนชอบธรรม(สภษ. 3 : 33)
คนชั่วร้ายจะถูกสาป จะทำมาหากินไม่ขึ้นจะเกิดภัยและสิ่งไม่ดีต่างๆ ในชีวิตเขา (ฉธบ28 ทั้งหมดอ่านดูครับ น่ากลัวมากๆ)
สาเหตุในข้อนี้เกิดจาก1.ทำให้เราได้ใช้กรรมเก่าที่เราทำไว้ ทุกอย่างที่เกิดขึ้นกับเรา ล้วนเป็นหนี้สินจากอดีตที่เราต้องชดใช้เค้า ให้เรามีมุทิตาจิตยินดีที่เค้ามากระทำเรา เพราะว่ามันเป็นเหตุสมควรแก่กรรมแล้ว เนื่องจากกฏแห่งกรรมเป็นกฏที่ยุติธรรมที่สุด ทำอะไรไว้ไม่ว่าจากชาติไหน ยังไงก็ต้องตามมาสนอง ดังนั้นเรื่องเลวร้ายทุกชนิดในชีวิตคุณอย่าได้ไปโทษใครเลย มันเกิดจากการกระทำในอดีตของเราทั้งสิ้น
1. การกระทำของเราบนโลกใบนี้ ไม่วางแผนชีวิตให้ดีก่อน เช่น อาจขี่เกียจเรียนหนังสือในวัยเด็กโตขึ้นจึงลำบาก ขี่เกียจทำงานเลยต้องยากจน หาแฟนผิดเลยถูกสามีนอกใจต้องช้ำ เรียนลูกตามใจเกินไปจึงเสียคน
2. เกิดจากการถูกแซ่งสาปจากพระเจ้า พระเจ้ากล่าวว่าพระองค์สาปแช่งผู้ทิ้งพระเจ้าไปกราบไหว้รูปเครพ หมิ่นประมาทบิดามารดา ย้ายเสาเขตของเพื่อนบ้าน ทำคนตาบอดให้หลงทาง ทำให้เสียความยุติธรรมแก่คนอื่น สมสู่กับภรรยาของบิดา สมสู่กับสัตว์เดียรัจฉาน สมสู่กับพี่สาวหรือน้องสาวตัวเอง สมสู่กับแม่ยายของตัวเอง ฆ่าเพื่อนบ้านแบบลับๆ รับสินบน บุคลทั้งหมดนี้จะต้องได้รับการสาปแช่งจากพระเจ้า(ฉธบ. 27 : 15 - 25)
คำสาปของพระเจ้าอยู่บนเรือนของคนชั่วร้าย แต่พระองค์ทรงอำนวยพระพรแก่ที่อาศัยของคนชอบธรรม(สภษ. 3 : 33)
คนชั่วร้ายจะถูกสาป จะทำมาหากินไม่ขึ้นจะเกิดภัยและสิ่งไม่ดีต่างๆ ในชีวิตเขา (ฉธบ28 ทั้งหมดอ่านดูครับ น่ากลัวมากๆ)
แก้ไขล่าสุดโดย Joseph เมื่อ จันทร์ ม.ค. 30, 2006 8:23 pm, แก้ไขไปแล้ว 1 ครั้ง.
3. คำสาปของพระเจ้าแด่บิดามารดาหรือปู่ย่าตายายตกถึงลูกหลาน(ปฐม. 3 : 17 - 19)
พันธุของตัวท่านเองจะรับคำสาปแช่ง ผลแห่งพื้นดินของท่าน ฝูงวัวของท่านที่เพิ่มขึ้น ฝูงแกะของท่านที่เพิ่มจะรับคำสาปแช่ง(ฉธบ. 28 : 18)
กษัตริย์ซาโลมอนกราบไหว้รุปเครพ แต่พระเจ้าไม่ทรงลงโทษเพราะเห็นแก่ความดีของกษัริย์ดาวิดผู้พ่อ แต่ไปลงโทษบุตรของซาโลมอนแทน
กระทำนั้นก็ดีเพราะเห็นแก่ดาวิดบิดาของเจ้า เราจะไม่กระทำในวันเวลาของเจ้า แต่เราจะฉีกออกจากมือบุตรของเจ้า(1พกษ 11 : 12)
โลกนี้ไม่มีกรรม มีแต่การสาปแช่ง และการอวยพรจากพระเจ้าครับ :)
พันธุของตัวท่านเองจะรับคำสาปแช่ง ผลแห่งพื้นดินของท่าน ฝูงวัวของท่านที่เพิ่มขึ้น ฝูงแกะของท่านที่เพิ่มจะรับคำสาปแช่ง(ฉธบ. 28 : 18)
กษัตริย์ซาโลมอนกราบไหว้รุปเครพ แต่พระเจ้าไม่ทรงลงโทษเพราะเห็นแก่ความดีของกษัริย์ดาวิดผู้พ่อ แต่ไปลงโทษบุตรของซาโลมอนแทน
กระทำนั้นก็ดีเพราะเห็นแก่ดาวิดบิดาของเจ้า เราจะไม่กระทำในวันเวลาของเจ้า แต่เราจะฉีกออกจากมือบุตรของเจ้า(1พกษ 11 : 12)
โลกนี้ไม่มีกรรม มีแต่การสาปแช่ง และการอวยพรจากพระเจ้าครับ :)
แก้ไขล่าสุดโดย Joseph เมื่อ จันทร์ ม.ค. 30, 2006 8:25 pm, แก้ไขไปแล้ว 1 ครั้ง.
ขอบคุณพี่โฮลี่ค่ะ เรจะได้เอาไปอธิบายคนอื่นๆต่อไป ^^
หลายคนคงคิดวาพระเจ้าอภัย อภัย เสมอไม่ลงโทษหรอก ถูกแล้วพระเจ้าพร้อมที่จะอภัยโทษให้แก่ทุกคนเสมอ เพราะพระองค์ใจดี เป็นผู้ที่ใจดี แต่พระองค์ก็ทรงเป็นพระเจ้าที่ยุติธรรมด้วยเช่นกัน (ฉธบ.32 : 4 ,โยบ 8 : 1-7, 37 : 23 - 24)
แก้ไขล่าสุดโดย Joseph เมื่อ อังคาร ม.ค. 31, 2006 5:34 am, แก้ไขไปแล้ว 1 ครั้ง.
รม 4:6
กษัตริย์ดาวิดก็ตรัสไว้เช่นเดียวกันนี้ พระองค์ทรงเรียกบางคนว่าเป็นผู้มีความสุข ถ้าพระเจ้าประทานความชอบธรรมให้ผู้นั้นโดยไม่คำนึงถึงสิ่งที่เขาได้กระทำ โดยตรัสว่า
เป็นความสุขของผู้ที่ได้รับการอภัยความผิด ผู้ซึ่งบาปของเขาถูกลบล้าง เป็นความสุขของผู้ที่พระเจ้าไม่ทรงถือโทษ
รม 5:9
บัดนี้ เมื่อเราได้รับความชอบธรรมโดยอาศัยพระโลหิตของพระองค์แล้ว เดชะพระองค์ เราก็ยิ่งจะได้รับความรอดพ้นจากการถูกพระเจ้าลงโทษ
กษัตริย์ดาวิดก็ตรัสไว้เช่นเดียวกันนี้ พระองค์ทรงเรียกบางคนว่าเป็นผู้มีความสุข ถ้าพระเจ้าประทานความชอบธรรมให้ผู้นั้นโดยไม่คำนึงถึงสิ่งที่เขาได้กระทำ โดยตรัสว่า
เป็นความสุขของผู้ที่ได้รับการอภัยความผิด ผู้ซึ่งบาปของเขาถูกลบล้าง เป็นความสุขของผู้ที่พระเจ้าไม่ทรงถือโทษ
รม 5:9
บัดนี้ เมื่อเราได้รับความชอบธรรมโดยอาศัยพระโลหิตของพระองค์แล้ว เดชะพระองค์ เราก็ยิ่งจะได้รับความรอดพ้นจากการถูกพระเจ้าลงโทษ