From Jesus to Christ (an article by Newsweek)

ถาม-ตอบพระคัมภีร์ เรื่องเสริมศรัทธา ความรู้ และสาระ บทความ ในคริสตศาสนา
ตอบกลับโพส
ภาพประจำตัวสมาชิก
P
.
.
โพสต์: 1383
ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ ม.ค. 17, 2005 10:10 pm
ที่อยู่: เมืองไทย

อังคาร มี.ค. 22, 2005 4:59 am

ภาพประจำตัวสมาชิก
P
.
.
โพสต์: 1383
ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ ม.ค. 17, 2005 10:10 pm
ที่อยู่: เมืองไทย

อังคาร มี.ค. 22, 2005 5:38 am

By the way, on the last page of the article you'll find:

"In the Christian world view, says the Roman Catholic theologian George Weigel, "we are not congealed stardust, an accidental byproduct of cosmic chemistry. We are not just something, we are someone." The promise at the heart of the faith: that God, as the fourth-century church father Athanasius said, "was made man that we might be made gods."

That's also especially true for the Mormons. We do believe strongly that everyone has a potential to become god someday. :)

(I'm putting this here to show that our Church are not the only one believing that men can be gods. In the past I came across many posts attacking our Faith saying that "The Mormons believe that they can become god" as if it was a bad thing.)

God bless.
Jeremy
โพสต์: 211
ลงทะเบียนเมื่อ: พฤหัสฯ. ม.ค. 20, 2005 9:49 am

อังคาร มี.ค. 22, 2005 9:38 am

Athanasius กล่าวไว้ตั้งแต่ศต.ที่4 ว่า มนุษย์ไม่ได้เปลี่ยนแปลงไปตามสภาพทางเคมี อย่างไม่มีจุดหมาย เราไม่ได้เป็นสิ่งใดๆ แต่เราเป็นผู้ที่ ถูกสร้างให้เหมือนgods อื่นๆ

คุณP ช่วยขยายความหมายของคำว่า เหมือนgods (g ตัวเล็ก) เหมือนแบบไหน โดยการพัฒนาสภาวะไปเรื่อยๆ ในชีวิตเดียว หรือหลังจากตาย ? จน เหมือน หรือว่า เกิด แล้วตาย หลายๆชาติ(เหมือนพุทธ) หมายถึงต้องพัฒนา ในสภาพมนุษย์อย่างเดียว สภาพทางวิญญาณ พัฒนาให้เหมือนไม่ใด้
ภาพประจำตัวสมาชิก
P
.
.
โพสต์: 1383
ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ ม.ค. 17, 2005 10:10 pm
ที่อยู่: เมืองไทย

อังคาร มี.ค. 22, 2005 9:52 am

Athanasius กล่าวไว้ว่า พระเจ้าลงมาเป็นมนุษย์ เพื่อให้มนุษย์สามารถเป็นดั่งพระเจ้าได้

ผมไม่ทราบเหมือนกันครับว่า ในทางคาทอลิกเห็นกระบวนการนี้ว่าเป็นไปได้อย่างไร แต่สำหรับทางมอร์มอนแล้ว เราทุกคนเป็นลูกๆ ที่แท้จริงของพระเจ้า คือ ไม่ใช่เป็นเพียงสิ่งที่พระองค์สร้างขึ้นมา แล้วมานับว่าเป็นลูกๆ แบบ ลูกเลี้ยง หรืออะไรทำนองนี้ แต่เราเป็นลูกอย่างจริงแท้แน่นอน เหมือนกับผมเป็นลูกของคุณพ่อคุณแม่ผมครับ

และในเมื่อเราเป็นลูกๆของพระองค์ อย่างแท้จริง เราก็มีศักยภาพที่จะเติบโตขึ้นไปเป็นอย่างพระองค์ได้ นั่นคือ เราสามารถที่จะพัฒนาไปเป็นพระเจ้าได้

พระเจ้า ในที่นี้ คือ god นะครับ (g ตัวเล็ก) นั่นคือ เรา แม้ว่าจะเป็นพระเจ้า แต่เราไม่ได้แทนที่พระเจ้า (ซึ่งสะกดด้วย G ตัวใหญ่) เรายังเคารพบูชาพระองค์ พระองค์ยังคงเป็นพระเจ้าของเราอยู่อย่างเดิม ไม่ใช่ว่าเราจะอยากเป็นพระเจ้าแล้วมายึดครองบัลลังก์ของพระองค์ หรือปฎิวัติ พยายามทำตัวเป็นพระเจ้า

เหมือนกับคนเรา ซึ่งตอนเด็กๆ ก็เป็นเด็ก แต่โตขึ้นก็เป็นผู้ใหญ่เหมือนกับพ่อแม่ของเรา แต่พ่อแม่ของเราก็ยังคงเป็นพ่อแม่ของเราอยู่ เราไม่ได้ไปแย่งตำแหน่งของท่านมาหรืออย่างไร เพียงแต่เราโตขึ้นมา และมีความสามารถที่จะเป็นได้อย่างท่านเท่านั้นเอง

มอร์มอนเชื่อในหลักที่เรียกว่า Law of Eternal Progression นั่นคือ การพัฒนาจะเป็นไปอย่างไม่มีที่สิ้นสุด และเราจะเข้าใกล้ความเป็นพระเจ้ามากขึ้นเรื่อยๆครับ แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นไม่ได้เป็นไปแบบเวียนว่ายตายเกิดแบบศาสนาพุทธ strictly (นั่นคือ ไม่ได้หมายความว่าเราไม่มีการเวียนว่ายตายเกิด เรามี แต่เป็นอีกแบบหนึ่ง)

มอร์มอนเชื่อใน pre mortal existence นั่นคือ เราทุกคนมีตัวตนก่อนมาเกิดเป็นคน (ซึ่งแตกต่างจากคริสต์สายหลักในปัจจุบัน) และการมาเกิด ก็เป็นการพัฒนาจากสถานะที่เราเคยเป็น ให้เป็นสถานะที่ใกล้เคียงกับพระเจ้ามากขึ้น และหลังจากเป็นคนแล้ว เราก็จะพัฒนาต่อไปตามลำดับ

ทั้งนี้ทั้งนั้นขึ้นอยู่ด้วยว่า เราทำตามพระประสงค์มากแค่ไหน หากเราดื้อ ไม่ยอมทำตามที่พระองค์แนะนำ เราก็จะหยุดการพัฒนาของเราไป และไม่สามารถเป็นได้ดั่งศักยภาพที่เรามี นะครับ (ไม่ใช่ว่าทุกคนจะสามารถพัฒนาไปได้เสมอไป บางคนก็ติดอยู่ที่ระดับใดระดับหนึ่ง)

เพียงแต่ประโยคที่ว่า พระเจ้า (God) ลงมาเป็นมนุษย์ เพื่อให้มนุษย์สามารถเป็นพระเจ้า (god) ได้ นั้น เป็นเหมือนดั่งความเชื่อของมอร์มอนเลยทีเดียวครับ

พระเจ้าอวยพรครับ :)
Jeremy
โพสต์: 211
ลงทะเบียนเมื่อ: พฤหัสฯ. ม.ค. 20, 2005 9:49 am

อังคาร มี.ค. 22, 2005 11:38 am

น่าสนใจที่ Athanasius ให้ความเห็นตั้งแต่ศต.ที่4 เป็นเรื่องของความเชื่อของการพัฒนาของมนุษย์ไปจนสมบูรณ์ จนเป็นgod ได้ (หมายถึงความสมบูรณ์ สูงสุด )

แม้เวลาผ่านไปยาวนาน ความเชื่อเช่นนี้เปลี่ยนแปลงไปมาก จนไม่คิดว่า จะมีความเชื่อเช่นนี้ปรากฏใน ศาสนาใดๆอีก แต่ไปปรากฎอย่างเป็นทางการในคำสอนของสิทธิชน
ภาพประจำตัวสมาชิก
Holy
Defender of lawS
Defender of lawS
โพสต์: 10011
ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ ม.ค. 17, 2005 3:06 pm

พุธ มี.ค. 23, 2005 12:26 am

2คร 3:17
องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงเป็นพระจิต และพระจิตขององค์พระผู้เป็นเจ้าสถิตอยู่ที่ใด เสรีภาพย่อมอยู่ที่นั่น เราทุกคนไม่มีผ้าคลุมใบหน้า จึงสะท้อน แสงสว่างรุ่งโรจน์ ขององค์พระผู้เป็นเจ้าเหมือนกระจกเงา เปลี่ยนเป็นภาพลักษณ์ เดียวกับพระองค์ ทวีความรุ่งโรจน์ยิ่ง ๆ ขึ้น เดชะองค์พระผู้เป็นเจ้าผู้ทรงเป็นพระจิต
ตอบกลับโพส