ความเป็นมาของเพลง amazing grace ถูกสร้างเป้นภาพยนตร์

ถาม-ตอบพระคัมภีร์ เรื่องเสริมศรัทธา ความรู้ และสาระ บทความ ในคริสตศาสนา
ตอบกลับโพส
ภาพประจำตัวสมาชิก
Holy
Defender of lawS
Defender of lawS
โพสต์: 10011
ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ ม.ค. 17, 2005 3:06 pm

พุธ พ.ค. 23, 2007 9:48 am

http://www.amazinggracemovie.com/

ฉายไปเมื่อ 23 กุมภาที่ผ่านมา แน่นอนว่าคงไม่มีใครเอาเข้าไทยเป็นหนังโรงให้ดูแล้ว

แต่กำลังลุ้นว่าจะมีใครทำเป้นดีวีดีลิขสิทธิ์ขายไหมหนอ

หนังตัวอย่างมีให้โหลดดูได้หลากหลาย และหนังสวยงามมากครับ
ภาพประจำตัวสมาชิก
~@Little lamb@~
Defender of lawS
Defender of lawS
โพสต์: 9396
ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ ม.ค. 17, 2005 3:00 pm
ติดต่อ:

พฤหัสฯ. พ.ค. 24, 2007 12:11 am

ยังดูง่ะ  ::008::
New lamb
~@
โพสต์: 656
ลงทะเบียนเมื่อ: พุธ พ.ค. 04, 2005 7:21 am
ที่อยู่: Florida U.S.A

พฤหัสฯ. พ.ค. 24, 2007 12:18 am

พี่ก็ยังไม่ได้ดูเหมือนกัน  แต่สอบถามไปที่ร้านแล้ว

หนังจะมีจำหน่ายในรูปแบบของดีวีดี  และเริ่มวางแผงในวันที่19มิถุนา  ถ้าหาที่เมืองไทยไม่ได้พี่จะส่งไปให้ค่ะ ::001::
ภาพประจำตัวสมาชิก
~@Little lamb@~
Defender of lawS
Defender of lawS
โพสต์: 9396
ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ ม.ค. 17, 2005 3:00 pm
ติดต่อ:

พฤหัสฯ. พ.ค. 24, 2007 12:58 am

อา  ขอบคุณค่ะพี่ติ๊ก  ::008::
holy holy holy
โพสต์: 548
ลงทะเบียนเมื่อ: พุธ มี.ค. 07, 2007 8:07 pm

พฤหัสฯ. พ.ค. 24, 2007 9:05 pm

Amazing grace! how sweet the sound,
that saved a wretch like me!
I once was lost but now am found,
was blind but now I see.

'Twas grace that taught my heart to fear,
and grace my fears relieved;
how precious did that grace appear
the hour I first believed!

The Lord has promised good to me,
his word my hope secures;
he will my shield and portion be
as long as life endures.

Through many dangers, toils, and snares,
I have already come;
'tis grace hath brought me safe thus far,
and grace will lead me home.

Yea, when this flesh and heart shall fail,
And mortal life shall cease,
I shall possess, within the veil,
A life of joy and peace.

The world shall soon dissolve like snow,
The sun refuse to shine;
But God, who called me here below,
Shall be forever mine.

When we've been there ten thousand years,
bright shining as the sun,
we've no less days to sing God's praise
than when we'd first begun.
taiyo
โพสต์: 658
ลงทะเบียนเมื่อ: เสาร์ เม.ย. 22, 2006 12:01 am

พฤหัสฯ. พ.ค. 24, 2007 10:11 pm

มันเป็นหนังเกี่ยวกับอะไรเหรอ ::010::
ภาพประจำตัวสมาชิก
Zion
~@
โพสต์: 3777
ลงทะเบียนเมื่อ: อังคาร ม.ค. 18, 2005 8:37 pm
ติดต่อ:

พฤหัสฯ. พ.ค. 24, 2007 11:12 pm

พระคุณพระเจ้านั้นแสนชื่นใจ ช่วยได้คนชั่วอย่างฉัน
ครั้งนั้นฉันหลงพระองค์ตามหา ตาบอดแต่ฉันเห็นแล้ว

บ่วงมารวางไว้ทุกข์ภัยหลายอย่าง ตามทางฉันพ้นมาแล้ว
แต่เพราะพระคุณฉันจึงคลาดแคล้ว พระองค์นำฉันกลับบ้าน

พระคุณสอนให้ใจฉันยำเกรง เร่งให้ความกลัวต้องหนี
พระคุณอันเลิศประเสริฐยิ่งใหญ่ ไม่มีหมู่มารได้ชัย

พระเจ้าประทานแต่สิ่งที่ดี พระธรรมให้มีความหวัง
พระองค์คุ้มครองป้องกันทุกที เมื่อมีสิ่งชั่วบีฑา

เมื่อเราได้ไปอยู่เมืองสวรรค์ ช้านานนับหลายพันปี
ยังมีเวลาร้องเพลงสรรเสริญ เท่ากันกับเมื่อเริ่มต้น

taiyo เขียน: มันเป็นหนังเกี่ยวกับอะไรเหรอ ::010::
รูปภาพ

จอห์น นิวตัน เคยเป็น พ่อค้าทาสมาก่อนครับ


แต่แล้วท่านก็ได้กลับใจเป็นคริสตชน

ท่านได้แต่งเพลงเพลง Amazing Grace  หรือ พระคุณพระเจ้า

เพลงที่ซึ้งจับใจ คนทั่วโลก : xemo023 :
taiyo
โพสต์: 658
ลงทะเบียนเมื่อ: เสาร์ เม.ย. 22, 2006 12:01 am

พฤหัสฯ. พ.ค. 24, 2007 11:16 pm

ถามเสร็จ ไปหาโหลดมาฟัง เสียงผู้หญิงเพราะดี
holy holy holy
โพสต์: 548
ลงทะเบียนเมื่อ: พุธ มี.ค. 07, 2007 8:07 pm

ศุกร์ พ.ค. 25, 2007 2:45 pm

จอห์น นิวตัน (John Newton) เกิดวันที่ 24 กรกฎาคม 1725 ที่กรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ บิดาของจอห์นมีอาชีพเป็นกัปตันเดินเรือ มารดาเป็นคริสเตียนที่รักพระเจ้ามาก เดิมนางตั้งใจให้จอห์นรับใช้พระเจ้า แต่นางก็ไม่ทันได้เห็น เพราะนางเสียชีวิตเมื่อจอห์นอายุเพียง 7 ขวบเท่านั้น หลังจากนั้นไม่นานบิดาของจอห์นก็ได้แต่งงานใหม่ ทำให้จอห็นต้องไปอยู่ที่โรงเรียนประจำ เนื่องจากจอห์นไม่ชอบระเบียบวินัยที่เคร่งครัด จึงทนอยู่ได้เพียง 3 ปี ก็ออกจากโรงเรียน
จอห์นเป็นเด็กที่เกเรมาก บิดาจึงต้องพาขึ้นเรือไปด้วย ตั้งแต่จอห์นอายุเพียง 11 ขวบเท่านั้น ต่อมาเมื่อจอห์นอายุ 18 ปี ก็ถูกเกณฑ์เป็นทหารเรือ จอห์นไม่ชอบชีวิตการเป็นทหารเรือ เพราะลำบาก และกฏระเบียบมาก จึงพยายามหลบหนีแต่ไม่พ้น ถูกจับได้ จึงถูกลงโทษโดยการโบยด้วยแส้อย่างโหดร้ายทารุณ จากสภาพชีวิตที่***มโหด ทารุณ ทำให้จอห์นค่อยๆ กลายเป็นคนที่มีความโหดร้าย ***มโหด และป่าเถื่อน


อยู่มาวันหนึ่ง จอห์นหลบหนีได้จากการเป็นทหารเรือ และได้ร่วมหุ้นในการทำธุรกิจการค้าทาส ที่นั่นเอง จอห์นได้ใช้ความรุนแรง ทารุณ โหดร้ายต่อทาสชาวผิวดำที่จับได้จากแอฟริกาอย่างมาก ซึ่งเป็นเรื่องปกติของการค้าทาสสมัยนั้น เพราะพูดต่างภาษากัน จึงต้องปกครองโดยการใช้กำลังและอำนาจในการดูแลปกครอง เช่นมีการทารุณแก่คนที่ไม่เชื่อฟัง บางครั้งเมื่อทาสป่วยและดูเหมือนจะไม่รอด ก็จะจับทาสนั้นทิ้งลงทะเลให้เป็นอาหารให้ปลา เพราะเปลืองอาหาร

จอห์นทำธุรกิจค้าทาสจนเจริญรุ่งเรือง จนวันหนึ่งได้ถูกหักหลังถูกทิ้งไว้ที่เกาะร้างตามลำพังเป็นเวลาหลายวัน จนกระทั่งมีเรือแล่นผ่านมา บังเอิญที่เรือนั้นเป็นเพื่อนของบิดาของจอห์น เขาจึงได้รับการดูแลเป็นอย่างดี เนื่องจากการเดินเรือในอดีตใช้เวลายาวนานมาก จอห์นจึงฆ่าเวลาโดยการอ่านหนังสือ จอห์นอ่านหนังสืออยู่ในเรือเรื่อยๆ จนได้มาอ่านหนังสือที่ชื่อ "เลียนแบบพระคริสต์" (Of The Imitation Of Christ) ของโธมัส อาเคมพิส (Thomas a' Kempis) และหนังสือเล่มนี้ได้มีอิทธิพลต่อชีวิตของจอห์นในเวลาต่อมา เมื่อจอห์นกลับสู่ลอนดอนได้ไม่นาน เขาก็กลับไปทำอาชีพค้าทาสอีกครั้ง

เมื่อวันที่ 10 มีนาคม คศ.1748 ขณะที่เรือของจอห์นเดินทางกลับสู่ประเทศอังกฤษ เรือของจอห์นก็เจอพายุใหญ่ จนเรือทำท่าว่าจะอัปปาง ทุกคนต่างช่วยกันวิดน้ำออก เสบียงอาหารทุกอย่างต้องทิ้งลงทะเลหมด เป็นเวลาตลอด 4 สัปดาห์ที่ทุกคนในเรือไม่มีอาหารกิน ได้แต่ตกปลาพอประทังความหิว ในสภาวะเฉียดความตายนี้เอง จอห์นคิดถึงพระเจ้าซึ่งเขาเคยได้ยิน และได้อ่านในหนังสือ ที่ได้กล่าวถึงความรัก การให้อภัยการช่วยกู้จากพระเจ้า การที่พระเยซูคริสต์ทรงตายที่ไม้กางเขนเพื่อทุกคน เวลานั้นเองจอห์นได้อธิษฐานรับองค์พระเยซูคริสต์เข้ามาในชีวิต และอธิษฐานของการทรงช่วยเหลือให้พ้นจากพายุ

ต่อมาจอห์นยังคงทำอาชีพค้าทาสอยู่ แต่เขาพยายามทำสิ่งที่คิดว่าถูกต้องโดยการจัดให้มีการนมัสการพระเจ้าทุกสัปดาห์กับเหล่าลูกเรือ อย่างไรก็ตามจอห์นก็รู้สึกถึงการกระทำของตัวเองที่ป่าเถื่อนรุนแรง รวมกับการต่อต้านที่รุนแรงขึ้นเรื่อยๆ ของเหล่าทาสผิวดำและประชาชนชาวอังกฤษ ดังนั้นเมื่อเขากลับไปถึงอังกฤษ เขาก็เลิกอาชีพค้าทาสนี้ และแต่งงานในวันที่ 12 กุมภาพันธ์ คศ.1750 กับ Mary Catlett ซึ่งเป็นผู้หญิงที่อธิษฐานเผื่อจอห์นเสมอ ที่นั่นเองจอห์นได้เปลี่ยนมาทำงานเป็นเสมียนที่เมือง Liverpool เป็นระยะเวลา 9 ปี ต่อมาจอห์นรู้สึกถึงการทรงเรียกจากพระเจ้าในการเป็นพยานและประกาศข่าวประเสริฐ ดังนั้นเขาจึงตัดสินใจเรียนพระคัมภีร์และจอห์นได้พบกับนักเทศน์ ชื่อ จอร์จ วิทฟิลด์ (George Whitefield) บุคคลผู้นี้เป็นผู้หนุนใจ และเป็นแรงผลักดันอย่างมากในการรับใช้ของจอห์น

ต่อมาเมื่อจอห์นอายุ 39 ปี จอห์นได้บวชเป็นนักบวชในนิกาย Anglican สำหรับงานแรกของจอห์นนั้นได้ไปรับใช้ที่โบสถ์เล็กๆ ที่หมู่บ้านแห่งหนึ่ง ชื่อ Olney ซึ่งอยู่ใกล้ๆ กับเมือง Cambridge เป็นเวลา 15 ปี และที่นี่เองจอห์นได้เทศนาสั่งสอน และได้เป็นพยานถึงชีวิตของท่านเองในอดีตที่โหด***ม และดุร้าย แต่โดยพระคุณและความรักของพระเจ้า จอห์นจึงได้รับการอภัยโทษบาป และเปลี่ยนแปลงเป็นคนใหม่

ที่คริสตจักรของท่าน พระเจ้าได้ทรงอวยพระพรอย่างมากมีผู้มาร่วมนมัสการมากจนต้องขยายโบสถ์ออกไปด้านข้าง และแทบทุกวันจะมีการเรียนพระคัมภีร์ และร้องเพลงสรรเสริญพระเจ้า
หลังจากนั้นท่านได้ย้ายเข้ามาประจำในกรุงลอนดอน และท่านได้ทำงานที่นี่เป็นเวลา 28 ปี และได้สิ้นชีวิตในปี คศ.1807 ซึ่งเป็นปีแห่งประวัติศาสตร์การเลิกทาสในอังกฤษซึ่งเป็นผลงานของ วิลเบอร์ ฟอร์ช ซึ่งเป็นลูกศิษย์ของจอห์นเอง โดยเป็นผู้นำกฏหมายเข้าสู่สภาผู้แทนราษฎร และตราเป็นกฏหมายห้ามการมีทาสทั่วประเทศอังกฤษ

ครั้งหนึ่งเมื่อจอห์นอายุ 82 ปี ท่านได้กล่าวว่า "แม้ความทรงจำจะเลอะเลือนเพียงไรก็ตาม แต่สิ่งที่ข้าพเจ้าจำได้ดีเสมอนั้นมี 2 ประการ คือ ข้าพเจ้าเป็นคนบาปที่สุด และพระคริสต์เป็นพระผู้ช่วยให้รอดที่ทรงฤทธิ์ที่สุด"

"จากคนค้าทาส เปลี่ยนแปลงมาเป็นผู้รับใช้ของพระเจ้า" ทุกสิ่งเป็นไปได้โดยพระคุณและความรักของพระเจ้า พระเจ้าทรงรักมนุษย์ทุกคนและให้โอกาสที่จะกลับมาหาพระองค์สู่อ้อมแขนแห่งความรักของพระองค์.....
holy holy holy
โพสต์: 548
ลงทะเบียนเมื่อ: พุธ มี.ค. 07, 2007 8:07 pm

เสาร์ พ.ค. 26, 2007 6:34 pm

Prod Pran
Defender of lawS
Defender of lawS
โพสต์: 3324
ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ ม.ค. 17, 2005 9:54 pm
ที่อยู่: Bangkok

อาทิตย์ พ.ค. 27, 2007 8:20 pm

มีหนังสือ อัตชีวประวัติ ที่แปลเป็นภาษาไทย "จอห์น นิวตัน" = ผู้ประพันธ์เพลงอมตะ "พระคุณพระเจ้า"

ใครอยากอ่าน หาซื้อได้ที่ร้านหนังสือคริสเตียน "กนกบรรณาสาร"จัดพิมพ์ ราคา 100 บาท ความหนา172 หน้า

บทส่งท้าย ที่เขาเขียนเป็นจดหมายฉบับหนึ่งว่า

ผมมีเจตจำนงให้เขียนคำจารึกสำหรับผมลงบนแผ่นหินอ่อนใกล้ๆประตูคริสตจักร ดังนี้

จอห์น  นิวตัน,เคลิร์ก
ชาตะ 1725  มรณะ (1807 )

ครั้งหนึ่งเคยเป็นคนนอกศาสนาไร้ศีลธรรม

เป็นลูกจ้างของทาสในแอฟริกา

โดยพระคุณอันอุดมของพระเยซูคริสต์ องค์พระผู้เป็นเจ้าและพระผู้ช่วยให้รอด

จึงได้รับการปกป้อง ฟื้นฟู และให้อภัย
และได้รับแต่งตั้งให้เทศนาความเชื่อซึ่งครั้งหนึ่งเคยคิดทำลาย เกือบ สิบหกปีที่โอลเนย์ และ(ยี่สิบเอ็ดปี) ที่เซนต์มารีย์แห่งวูลนอธ

วันที่ 1 กุมภาพันธ์ 1750 เข้าสู่พิธีสมรสกับมารีย์ ลูกสาวของจอร์จ แคทเลทท์แห่งเมืองแซทแทม
เขาได้ฝากเธอไว้กับองค์พระผู้เป็นเจ้าในวันที่ 15 ธันวาคม 1790


ผมปรารถนาที่จะไม่ให้มีอนุสาวรีย์ใดๆและข้อความเพิ่มเติมอื่นใด นอกเหนือจากที่ผมเขียนมาแล้วเท่านั้น
ตอบกลับโพส