สงสัยเรื่องกางเขนกลับหัว กับ "เนฟาลิม" ครับ
จริงหรือเปล่า??
-ผมเคยได้ยินว่า คนที่ห้อยกางเขนกลับหัวเพราะว่า ไม่อยากตีตนเสมอพระเยซูอ่ะครับ จึงห้อยกางเขนกลับหัว
-แล้วก็เรื่องราวของ เซนต์ปีเตอร์ ที่ว่าท่านตายโดยการถูกตรึงกางเขนกลับหัว
-จริงรึเปล่าครับ ที่ว่า "เนฟาลิม" คือผู้ตกสวรรค์ หรือว่าเป็นเพียงแค่เรื่องเล่า
-สุดท้าย อยากถามเกี่ยวกับ เทวัญ ชั้น เซราฟิม Seraphim(ที่ผมรู้มาตอนแรก คือเทวดา ที่มีสี่หน้า มนุษย์ อินทรี สิงโต กระทิง) แต่ได้มีโอกาศไปอ่านจากใน วิกิพีเดีย เค้าเขียนว่า เทวัญ ที่มีสี่หน้าดังที่กล่าว คือ ชั้นเครูบหรือ เชรูบ Cherubim เรื่องนี้พอมีใครทราบรึเปล่า
ปล. เคยมีคนว่า ในวิกิพีเดีย เชื่อได้ แต่อย่าเชื่อ 100% อ่ะครับ
-ผมเคยได้ยินว่า คนที่ห้อยกางเขนกลับหัวเพราะว่า ไม่อยากตีตนเสมอพระเยซูอ่ะครับ จึงห้อยกางเขนกลับหัว
-แล้วก็เรื่องราวของ เซนต์ปีเตอร์ ที่ว่าท่านตายโดยการถูกตรึงกางเขนกลับหัว
-จริงรึเปล่าครับ ที่ว่า "เนฟาลิม" คือผู้ตกสวรรค์ หรือว่าเป็นเพียงแค่เรื่องเล่า
-สุดท้าย อยากถามเกี่ยวกับ เทวัญ ชั้น เซราฟิม Seraphim(ที่ผมรู้มาตอนแรก คือเทวดา ที่มีสี่หน้า มนุษย์ อินทรี สิงโต กระทิง) แต่ได้มีโอกาศไปอ่านจากใน วิกิพีเดีย เค้าเขียนว่า เทวัญ ที่มีสี่หน้าดังที่กล่าว คือ ชั้นเครูบหรือ เชรูบ Cherubim เรื่องนี้พอมีใครทราบรึเปล่า
ปล. เคยมีคนว่า ในวิกิพีเดีย เชื่อได้ แต่อย่าเชื่อ 100% อ่ะครับ
-คนเค้าห้อยคิดยังไงก็เป้นเรื่องของเค้าครับ
-ใช่กางเขนกลับหัวที่จริงเป็นสัญลักษณ์ ของนักบุญเปโตร ที่ถูกตรึงกางเขนแบบกลับหัว
-เนฟิลิม จะเป็นเผ่ามนุษย์ยักษ์ครับ (อ่านได้ในปฐมกาล) มีความเชื่อปรัมปราว่า เกิดจากการที่เทวดาตกสวรรค์ มาสมสู่มนุษย์
เชื่อว่า โกลิอัท ที่ สู้กับ ดาวิด ก็สืบเชื้อมาจากเนฟิลิมเหมือนกัน
-เทวดาจะหน้าตายังไงก็ได้ เพราะเทวดาเป็นเพียงจิต
แต่การที่ เทวดา สำแดงเป็นรูปร่างต่างๆ ก็มีความหมาย
เช่น4หน้านั้น เพื่อ สรรเสริญ พระเจ้า ของสรรพสิ่ง (สัตว์กินเนื้อ กินพืช สัตว์บนท้องฟ้า และมนุษย์)
-ใช่กางเขนกลับหัวที่จริงเป็นสัญลักษณ์ ของนักบุญเปโตร ที่ถูกตรึงกางเขนแบบกลับหัว
-เนฟิลิม จะเป็นเผ่ามนุษย์ยักษ์ครับ (อ่านได้ในปฐมกาล) มีความเชื่อปรัมปราว่า เกิดจากการที่เทวดาตกสวรรค์ มาสมสู่มนุษย์
เชื่อว่า โกลิอัท ที่ สู้กับ ดาวิด ก็สืบเชื้อมาจากเนฟิลิมเหมือนกัน
-เทวดาจะหน้าตายังไงก็ได้ เพราะเทวดาเป็นเพียงจิต
แต่การที่ เทวดา สำแดงเป็นรูปร่างต่างๆ ก็มีความหมาย
เช่น4หน้านั้น เพื่อ สรรเสริญ พระเจ้า ของสรรพสิ่ง (สัตว์กินเนื้อ กินพืช สัตว์บนท้องฟ้า และมนุษย์)
แก้ไขล่าสุดโดย Anonymous เมื่อ อาทิตย์ พ.ค. 27, 2007 10:10 pm, แก้ไขไปแล้ว 1 ครั้ง.
ขอบคุณครับ
-ผมเคยได้ยินว่า คนที่ห้อยกางเขนกลับหัวเพราะว่า ไม่อยากตีตนเสมอพระเยซูอ่ะครับ จึงห้อยกางเขนกลับหัว
-แล้วก็เรื่องราวของ เซนต์ปีเตอร์ ที่ว่าท่านตายโดยการถูกตรึงกางเขนกลับหัว
นักบุญเปโตร ถูกตรึงกางเขนกลับหัว เพราะไม่อยากตีตนเสมอพระเยซูเจ้า ต่อมาในยุคกลางสมัยคุณไสยเฟื่องฟู ได้นำเอาสัญลักษณ์ทางคริสตศาสนาต่างๆมาบิดเบือน เพื่อลบหลู่ หรือเพื่อแสดงตนว่าอยู่ฝ่ายตรงข้าม ดังนั้นกางเขนจึงถูกนำไปกลับหัวเพื่อแสดงสัญลักษณ์ว่าอยู่ฝ่ายตรงข้ามกับพระคริสต์ โดยกลุ่มคุณไสย อาจไม่รู้หรือลืมไปว่า กางเขนกลับหัวเคยเป้นสัญลักษณ์ของนักบุญเปโตรมาก่อน(แต่ไม่ดังเท่าไก่กับกุญแจที่นิยมใช้แทนท่านมากกว่า) ไปๆมาๆ กางเขนกลับหัวจึงถูกเข้าใจในความหมายเชิงลบมากกว่าความหมายดั่งเดิม เหมือนสัญลักษณ์รูปดาว5แฉก เคยหมายถึงรอยแผลทั้ง5ของพระเยซู แต่พอโดนพวกคุณไสยเอาไปกลับหัวแล้วใส่หน้าแพะเข้าไป ก็เลยกลายเป็นเป้นที่รู้จักในแง่แม่มดหมอผีมากกว่า
-จริงรึเปล่าครับ ที่ว่า "เนฟาลิม" คือผู้ตกสวรรค์ หรือว่าเป็นเพียงแค่เรื่องเล่า
ปฐมกาล 6:11
มนุษย์เริ่มทวีมากขึ้นบนแผ่นดินและมีบุตรหญิง บุตรชายของพระเจ้า(ทูตสวรรค์)เห็นว่าบุตรหญิงของมนุษย์งามดี ก็เลือกและรับไว้เป็นภรรยา พระเจ้าจึงตรัสว่า
-แล้วก็เรื่องราวของ เซนต์ปีเตอร์ ที่ว่าท่านตายโดยการถูกตรึงกางเขนกลับหัว
นักบุญเปโตร ถูกตรึงกางเขนกลับหัว เพราะไม่อยากตีตนเสมอพระเยซูเจ้า ต่อมาในยุคกลางสมัยคุณไสยเฟื่องฟู ได้นำเอาสัญลักษณ์ทางคริสตศาสนาต่างๆมาบิดเบือน เพื่อลบหลู่ หรือเพื่อแสดงตนว่าอยู่ฝ่ายตรงข้าม ดังนั้นกางเขนจึงถูกนำไปกลับหัวเพื่อแสดงสัญลักษณ์ว่าอยู่ฝ่ายตรงข้ามกับพระคริสต์ โดยกลุ่มคุณไสย อาจไม่รู้หรือลืมไปว่า กางเขนกลับหัวเคยเป้นสัญลักษณ์ของนักบุญเปโตรมาก่อน(แต่ไม่ดังเท่าไก่กับกุญแจที่นิยมใช้แทนท่านมากกว่า) ไปๆมาๆ กางเขนกลับหัวจึงถูกเข้าใจในความหมายเชิงลบมากกว่าความหมายดั่งเดิม เหมือนสัญลักษณ์รูปดาว5แฉก เคยหมายถึงรอยแผลทั้ง5ของพระเยซู แต่พอโดนพวกคุณไสยเอาไปกลับหัวแล้วใส่หน้าแพะเข้าไป ก็เลยกลายเป็นเป้นที่รู้จักในแง่แม่มดหมอผีมากกว่า
-จริงรึเปล่าครับ ที่ว่า "เนฟาลิม" คือผู้ตกสวรรค์ หรือว่าเป็นเพียงแค่เรื่องเล่า
ปฐมกาล 6:11
มนุษย์เริ่มทวีมากขึ้นบนแผ่นดินและมีบุตรหญิง บุตรชายของพระเจ้า(ทูตสวรรค์)เห็นว่าบุตรหญิงของมนุษย์งามดี ก็เลือกและรับไว้เป็นภรรยา พระเจ้าจึงตรัสว่า
แก้ไขล่าสุดโดย Holy เมื่อ อาทิตย์ พ.ค. 27, 2007 10:48 pm, แก้ไขไปแล้ว 1 ครั้ง.
เซราฟิม (שׂרפים ) มาจากคำว่า เซราฟ (Seraph) ภาษาฮิบรูแปลว่า ลุกไหม้ (เติม -im เป็นพหูพจน์) เป็นเทวดาเก่าในศาสนาของชาวยิว และเป็นคณะเทวดาที่มีลำดับศักดิ์สูงที่สุดเพราะลำดับการเข้าเฝ้าในพระอาณาจักรสวรรค์นั้นได้อยู่ใกล้ชิดกับพระเป็นเจ้ามากที่สุด คืออยู่บริเวณรอบ พระราชบัลลังก์ และคอยร้องสรรเสริญพระเจ้า ตลอดเวลาว่า "ศักดิ์สิทธิ์ ศักดิ์สิทธิ์ ศักดิ์สิทธิ์ พระเจ้าจอมโยธา ...ฯลฯ"
เทวดาคณะนี้มีกล่าวไว้ในพระคัมภีร์ ( Isaiah 6:1-7) ตามที่ท่านประกาศกอิสสิยาห์เคยนิมิตเห็นว่าเทวดาคณะเซราฟิมนี้มีปีก 3 คู่ ปีกคู่หนึ่งไว้สำหรับปกคลุมร่างกายทั้งหมด ปีกอีกคู่หนึ่งไว้สำหรับ ปิดหน้าเพื่อบังแสงที่สว่างจ้าเกินไปอันเนื่องจากพระอานุภาพของพระเจ้า ปีกอีกคู่หนึ่งนั้นใช้สำหรับบิน หรือเป็นสัญลักษณ์ของความเป็นเทวะ
ปรากฏในพระคัมภีร์พันธสัญญาเดิมว่า
ในปีที่กษัตริย์อุสซียาห์สิ้นพระชนม์ข้าพเจ้าเห็นองค์พระผู้เป็นเจ้าประทับณพระที่นั่งสูงและเทิดทูนขึ้นและชายฉลองพระองค์ของพระองค์เต็มพระวิหาร เหนือพระองค์มีเสราฟิมยืนอยู่แต่ละตนมีปีกหกปีกใช้สองปีกบังหน้าและสองปีกคลุมเท้าและด้วยสองปีกบินไป.. อิสยาห์ 6:1-2
ในคัมภีร์พันธสัญญาใหม่ ปรากฏในวิวรณ์
"สัตว์ทั้งสี่นั้นมีปีกหกปีกและมีตาทั้งรอบนอกและข้างใน และสัตว์เหล่านั้นร้องตลอดวันตลอดคืนไม่ได้หยุดเลยว่า 'บริสุทธิ์ บริสุทธิ์ บริสุทธิ์ พระเจ้าผู้ทรงฤทธานุภาพสูงสุด ผู้ได้ทรงดำรงอยู่ในกาลก่อน ผู้ทรงดำรงอยู่ในปัจจุบัน และผู้ซึ่งจะเสด็จมา' " (วิวรณ์ 4:8)
เทวดาคณะนี้มีกล่าวไว้ในพระคัมภีร์ ( Isaiah 6:1-7) ตามที่ท่านประกาศกอิสสิยาห์เคยนิมิตเห็นว่าเทวดาคณะเซราฟิมนี้มีปีก 3 คู่ ปีกคู่หนึ่งไว้สำหรับปกคลุมร่างกายทั้งหมด ปีกอีกคู่หนึ่งไว้สำหรับ ปิดหน้าเพื่อบังแสงที่สว่างจ้าเกินไปอันเนื่องจากพระอานุภาพของพระเจ้า ปีกอีกคู่หนึ่งนั้นใช้สำหรับบิน หรือเป็นสัญลักษณ์ของความเป็นเทวะ
ปรากฏในพระคัมภีร์พันธสัญญาเดิมว่า
ในปีที่กษัตริย์อุสซียาห์สิ้นพระชนม์ข้าพเจ้าเห็นองค์พระผู้เป็นเจ้าประทับณพระที่นั่งสูงและเทิดทูนขึ้นและชายฉลองพระองค์ของพระองค์เต็มพระวิหาร เหนือพระองค์มีเสราฟิมยืนอยู่แต่ละตนมีปีกหกปีกใช้สองปีกบังหน้าและสองปีกคลุมเท้าและด้วยสองปีกบินไป.. อิสยาห์ 6:1-2
ในคัมภีร์พันธสัญญาใหม่ ปรากฏในวิวรณ์
"สัตว์ทั้งสี่นั้นมีปีกหกปีกและมีตาทั้งรอบนอกและข้างใน และสัตว์เหล่านั้นร้องตลอดวันตลอดคืนไม่ได้หยุดเลยว่า 'บริสุทธิ์ บริสุทธิ์ บริสุทธิ์ พระเจ้าผู้ทรงฤทธานุภาพสูงสุด ผู้ได้ทรงดำรงอยู่ในกาลก่อน ผู้ทรงดำรงอยู่ในปัจจุบัน และผู้ซึ่งจะเสด็จมา' " (วิวรณ์ 4:8)
เอิม วิกินั่นผมป็นคนเรียบเรียงจากที่อ่านมาอีกทีครับ
ยังไงพี่โฮลี่จะเป็นพระคุณอย่างมากถ้าช่วยไปแก้นู้น เพิ่มนี่ครับ
ตอนแรกไม่ได้คิดจะเขียนวิกิ แต่ว่าบอกก่อนนะครับวาวิกิพีเดียเนี่ย
นโยบายคือสรา้งบทความครับ โดยไม่ได้หมายถึงคนเขียนจะถูก ทุกอย่างสามารถแก้ไขให้ถูกที่สุดได้เสมอ แต่ต้องมีผู้เริ่ม
แล้วก้จริงครับ ตอนแรกไม่มีเรื่องเทวดาเลย ผมเพิ่มเป็นเทวดา
แล้วก็พูดถึงแต่คริสต์ ซักพักนึง มีพุทธมาเพิ่มแล้วครับ ตอนนี้ถ้าหาหน้า เทวดา จะกลายเป้นหน้าที่เปลี่ยนทางไปศาสนาอื่นนแล้วครับ
ผมแค่เริ่มนิดหน่อยยังมีคนเพิ่มเติมเยอะแยะ
สนับสนุปให้ไปเริ่มเขียนวิกิครับ ผิดถูกยังไงก็คอยมีคนแก้ ส่วนเราถ้าไปเจอวิกิที่มั่นใจว่าผิดก็แก้ไๆด้เลยครับ
เพราะยังไง ถ้าเขาพูดถูกแต่เราไปแ้เป้นผิด ก็สามารถกลับไปดูรุ่นก่อนหน้าได้ครับ
ตอนนี้เศร้าใจ ศาสนาคริสต์มีบทความน้อยมากกกก ครับ่
ยังไงพี่โฮลี่จะเป็นพระคุณอย่างมากถ้าช่วยไปแก้นู้น เพิ่มนี่ครับ
ตอนแรกไม่ได้คิดจะเขียนวิกิ แต่ว่าบอกก่อนนะครับวาวิกิพีเดียเนี่ย
นโยบายคือสรา้งบทความครับ โดยไม่ได้หมายถึงคนเขียนจะถูก ทุกอย่างสามารถแก้ไขให้ถูกที่สุดได้เสมอ แต่ต้องมีผู้เริ่ม
แล้วก้จริงครับ ตอนแรกไม่มีเรื่องเทวดาเลย ผมเพิ่มเป็นเทวดา
แล้วก็พูดถึงแต่คริสต์ ซักพักนึง มีพุทธมาเพิ่มแล้วครับ ตอนนี้ถ้าหาหน้า เทวดา จะกลายเป้นหน้าที่เปลี่ยนทางไปศาสนาอื่นนแล้วครับ
ผมแค่เริ่มนิดหน่อยยังมีคนเพิ่มเติมเยอะแยะ
สนับสนุปให้ไปเริ่มเขียนวิกิครับ ผิดถูกยังไงก็คอยมีคนแก้ ส่วนเราถ้าไปเจอวิกิที่มั่นใจว่าผิดก็แก้ไๆด้เลยครับ
เพราะยังไง ถ้าเขาพูดถูกแต่เราไปแ้เป้นผิด ก็สามารถกลับไปดูรุ่นก่อนหน้าได้ครับ
ตอนนี้เศร้าใจ ศาสนาคริสต์มีบทความน้อยมากกกก ครับ่
-
- ~@
- โพสต์: 12724
- ลงทะเบียนเมื่อ: อังคาร ม.ค. 18, 2005 2:28 pm
- ที่อยู่: Thailand
แบบไหนอ่ะครับ ที่เวปสังฆมณฑลก็เยอะนะครับiBONT เขียน: ตอนนี้เศร้าใจ ศาสนาคริสต์มีบทความน้อยมากกกก ครับ่
ไม่จริงหรอกครับ ยังตอบไม่ได้อยู่หลายเรื่อง และยังอ่อนด้อยในหลายแง่ สิ่งดีที่เห็นมาจากพระทั้งนั้นแหละครับMatthew เขียน:จริงครับ ไม่ต้องถ่อมตัวหรอก พี่น่าบวชนะครับHoly เขียน:ไม่ถึงขนาดนั้นครับแบกะดิน เขียน: พี่โฮลี่นี้เจ๋งสุดๆๆไปเลย
ไคถามไรตอบได้หมด
ในวิกิพีเดียไทยครับBatholomew เขียน:แบบไหนอ่ะครับ ที่เวปสังฆมณฑลก็เยอะนะครับiBONT เขียน: ตอนนี้เศร้าใจ ศาสนาคริสต์มีบทความน้อยมากกกก ครับ่
-
- โพสต์: 72
- ลงทะเบียนเมื่อ: เสาร์ ก.ค. 08, 2006 12:59 pm
- ที่อยู่: Khon Khen
ไม่เคยรู้มาก่อนเลยงับพวกพี่ๆเก่งกันจังอ่ะ ต้องพยายามมั่งละ
- ดานุ้งพุงระเบิด
- โพสต์: 518
- ลงทะเบียนเมื่อ: พฤหัสฯ. ส.ค. 31, 2006 3:57 pm
- ที่อยู่: อุบลราชธานี
อ่านของพี่โฮลี่แล้วกระจ่างชัดเลยครับ
-
- โพสต์: 548
- ลงทะเบียนเมื่อ: พุธ มี.ค. 07, 2007 8:07 pm
แล้วสวรรค์ของคริสตมีกี่ชั้นอ่ะ
-
- ~@
- โพสต์: 12724
- ลงทะเบียนเมื่อ: อังคาร ม.ค. 18, 2005 2:28 pm
- ที่อยู่: Thailand
ไม่มีชั้นหรอกครับ สวรรค์ก็คือสวรรค์ครับholy holy holy เขียน: แล้วสวรรค์ของคริสตมีกี่ชั้นอ่ะ
-
- โพสต์: 548
- ลงทะเบียนเมื่อ: พุธ มี.ค. 07, 2007 8:07 pm
แล้วอะไรคือ ชั้น เซราฟิม Seraphim
เป็น 1ใน9 ลำดับชั้นของทูตสวรรค์ครับholy holy holy เขียน: แล้วอะไรคือ ชั้น เซราฟิม Seraphim
-
- ~@
- โพสต์: 7624
- ลงทะเบียนเมื่อ: พุธ มี.ค. 23, 2005 9:49 pm
- ที่อยู่: Pattaya Chonburi
ที่นี่คะ http://newmana.com/Holy/friend04.htmholy holy holy เขียน: แล้วอะไรคือ ชั้น เซราฟิม Seraphim
-
- โพสต์: 548
- ลงทะเบียนเมื่อ: พุธ มี.ค. 07, 2007 8:07 pm
ชั้นบัลลังก์
ชั้นการปกครอง
ชั้นนาย
ชั้นอำนาจ ( อฟ . 1,21 ปต . 3,22)
ชั้นคุณงามความดี
ชั้นเครูบิม ( อสค . 10,1-10 ปฐก . 3.24)
ชั้นเซราฟิม อสย . 6,2-6)
แต่ละชั้นทำอะไรบ้าง.....
ชั้นการปกครอง
ชั้นนาย
ชั้นอำนาจ ( อฟ . 1,21 ปต . 3,22)
ชั้นคุณงามความดี
ชั้นเครูบิม ( อสค . 10,1-10 ปฐก . 3.24)
ชั้นเซราฟิม อสย . 6,2-6)
แต่ละชั้นทำอะไรบ้าง.....
http://www.issara.com/article/angelcath.htmlholy holy holy เขียน: ชั้นบัลลังก์
ชั้นการปกครอง
ชั้นนาย
ชั้นอำนาจ ( อฟ . 1,21 ปต . 3,22)
ชั้นคุณงามความดี
ชั้นเครูบิม ( อสค . 10,1-10 ปฐก . 3.24)
ชั้นเซราฟิม อสย . 6,2-6)
แต่ละชั้นทำอะไรบ้าง.....
-
- ~@
- โพสต์: 7624
- ลงทะเบียนเมื่อ: พุธ มี.ค. 23, 2005 9:49 pm
- ที่อยู่: Pattaya Chonburi
holy holy holy เขียน: อ่านไม่ออกเลย
คาทอลิกกับความเชื่อถือเรื่องเทวดา
คุณพ่อ ไพบูลย์ อุดมเดช C.Ss.R.
(บทความนี้เป็นคำนำของหนังสือ "เทวดาเพื่อนของเรา" ที่นิตยสารอิสระจัดพิมพ์เป็นฉบับพิเศษ(ประจำเดือนตุลาคม-พฤศจิกายน 2002) ปลายปี 2002 คุณพ่อไพบูลย์ อุดมเดช แนะนำ บก.ว่ามีบทความน่าสนใจเกี่ยวกับเรื่องเทวดาที่คุณ Little Angel กำลังพิมพ์ลงในเว็บบอร์ดของเรา บก.จึงติดต่อคุณ Lettle Angel และได้ทราบว่าเป็นเรื่องจากหนังสือ "เทวดาเพื่อนของเรา" ซึ่งจัดพิมพ์โดย อารามกาปูชิน "ราชินีแห่งสันติภาพ" ท่าแร่ สกลนคร หนังสือเล่มนี้คุณพ่ออังเยล เปญา เขียน และคุณพ่อนรินทร์ ศิริวิริยานันท์ เป็นผู้แปล บก.จึงติดต่อและได้รับอนุญาตจากคุณแม่อธิการิณีให้ตีพิมพ์ใหม่ได้ ทางสำนักพิมพ์คณะพระมหาไถ่ขอขอบคุณอารามกาปูชิน "ราชินีแห่งสันติภาพ" คุณพ่อนรินทร์ ศิริวิริยานันท์ คุณ Little Angel และคุณพ่อไพบูลย์ อุดมเดช มา ณ ที่นี้)
"ข้าแต่อารักขเทวดาพระเป็นเจ้าทรงกรุณามอบข้าพเจ้าไว้ในความอารักขาของท่านโปรดส่องสว่างพิทักษ์รักษาข้าพเจ้าไว้ในความคุ้มครองของท่านตลอด ณ คืนนี้ด้วยเถิดอาแมน"
บทภาวนานี้ข้าพเจ้าเคยสวดเกือบทุกคืนตอนเป็นเด็ก แต่ก็จำไม่ได้แล้วว่าตัวเองเริ่มห่างเหินบทภาวนานี้ตั้งแต่เมื่อไหร่และทำไม? ทุกวันนี้ข้าพเจ้ายังสวดบทนี้บ้างเป็นบางครั้งบางคราว ถ้าจะถามว่าเพราะอะไรถึงห่างเหิน คำตอบน่าจะเป็นเพราะรู้สึกว่าบทภาวนานี้เป็นบทภาวนาของเด็ก ตอนนี้ข้าพเจ้าเป็นผู้ใหญ่แล้ว ดูแลตัวเองได้ ไม่จำเป็นต้องไปรบกวนอารักขเทวดา ปล่อยให้ท่านทำหน้าที่ดูแลเด็กๆที่เกิดขึ้นมามากมายในแต่ละวันดีกว่า กระนั้นก็ตาม เมื่อพิจารณาให้ดีแล้ว คำแก้ตัวดังกล่าวก็ไม่ค่อยจะมีน้ำหนักเท่าไหร่นัก เพราะจริงๆแล้วในสายพระเนตรของพระเจ้าและในชีวิตจริงๆของตัวเองนั้น ข้าพเจ้ายังเป็นเด็กเสมอ และไม่ผิดอะไรกับเด็กทารกที่บ่อยครั้งมักจะถือตัวเป็นใหญ่ มองความชั่วร้ายรอบด้านด้วยสายตาแห่งความโง่เขลาและหัวใจที่เต็มไปด้วยความประมาทในชีวิต.....ถึงเวลาแล้วกระมังที่จะทบทวนบทบาทของเทวดาในชีวิตของตัวเองเสียใหม่
คาทอลิกกับความเชื่อถือเรื่องเทวดา
ตามคำสอนเรื่องเทวดาในธรรมเนียมคาทอลิกนั้นมีพื้นฐานมาจากพระคัมภีร์ และในธรรมเนียมคาทอลิกมองเทวดาตามบทบาทและหน้าที่มากกว่ามองในแง่อื่น ท่านเดนิสแห่งอาโรปาไกท์ ( Dionysius the Areopagite d.ca. 500) เป็นคนแรกที่ได้แบ่งฐานันดรของเหล่าเทวัญชาวสวรรค์ออกเป็น 3 ชั้นและ 9 คณะ ดังต่อไปนี้ (ผมใช้คำว่า เทวัญ หมายถึงสมาชิกชาวสวรรค์ทั้งปวงที่เป็นสิ่งสร้างรองจากพระเจ้า)
ชั้น เอก มี
1) คณะเซราฟิม( Seraphim) เทวัญคณะนี้มีหน้าที่ล้อมรอบพระบัลลังก์ของพระเจ้า ร้องสรรเสริญพระเจ้าว่า.ศักดิ์สิทธิ์.. ตามนิมิตที่ท่านประกาศกอิสยาห์เห็น (อสย.6.2-7) มี 6 ปีก สองปีคลุมหน้า สองปีกคลุมเท้า และอีกสองปีกสำหรับบิน จากนิมิตนี้เองบรรดาศิลปินยุคหลังจึงมักจะวาดภาพของเทวดาว่ามีปีกเสมอ (ทั้งๆที่ไม่จำเป็นว่าเทวดาต้องมีปีกเสมอไป)
2) คณะเครูบิม (Cherubim) บรรดาเทวัญเหล่านี้มีหน้าที่คอยปรนนิบัติรับใช้พระเจ้า รับพระบัญชาจากพระองค์โดยตรง พระคัมภีร์บอกว่าเทวัญเหล่านี้เองที่ทำหน้าที่ขับไล่อาดัมและเอวาให้ออกจากสวนสวรรค์หลังจากที่ทำผิด
3) คณะบัลลังก์ (Throne) ตามนิทานของชาวยิวเทวัญคณะนี้มี 70 ตำแหน่ง คอยปกป้องพระบัลลังก์ของพระเจ้า เทวัญเหล่านี้บางองค์ได้มีส่วนสมคบกัน ก่อกบฏต่อพระเจ้าและได้กลายเป็นปีศาจหรือเทวัญตกสวรรค์ไปก็มี จะเห็นได้ว่าแม้สมาชิกสวรรค์เองก็เห็นผิดเป็นชอบได้เหมือนกัน
ชั้น โท มี
1) คณะหัวหน้า (Dominations) เทวัญคณะนี้มีหน้าที่คอยจัดสรรและมอบหมายหน้าที่การทำงานให้แก่บรรดาเทวดาต่างๆให้เป็นไปตามพระประสงค์ของพระเจ้า สัญลักษณ์แห่งอำนาจของพวกเขาคือ คธาและลูกโลก
2) คณะคุณธรรม (Virtues) ตามนิทานของชาวยิว หน้าที่หลักของเทวัญคณะนี้คือการทำอัศจรรย์ต่างๆในโลก บทบาทนี้พบได้ในหนังสือกิจการอัครธรรมทูต 1.10
3) คณะอำนาจ (Powers) เทวัญหมวดนี้มีหน้าที่ดังทหารกล้าคอยต่อสู้กับปีศาจและคอยปกป้องโลกไม่ให้ตกอยู่ใต้อำนาจของปีศาจ แต่บางครั้งก็ พลาดท่าตกเป็นตัวร้ายเสียเองก็มี เช่นที่บันทึกไว้ใน จดหมายถึงชาวโรม 8.38-39 ดังนั้นเป็นเทวดาก็มีสิทธิ์พลาดได้เหมือนกันหากหลงตัวเอง
ชั้น ตรี มี
1) คณะปกครอง (Principalities) ชื่อของเทวัญหมวดนี้มาจากภาษากรีกเก่าซึ่งแปลได้ว่า ผู้ปกครอง (Rulers)ผมจึงแปลเทวัญคณะนี้ว่าคณะผู้ปกครอง หน้าที่ของพวกเขาคือคอยปกป้องศาสนา คอยดลใจบรรดาผู้นำประชาชนให้ตัดสินใจนำผู้อื่นไปในทางที่ถูกต้อง ในพระคัมภีร์กล่าวถึงเทวัญ กลุ่มนี้ว่าเกี่ยวข้องกับอำนาจทั้งทางดีและร้าย (อฟ 6.12: 2.22)
2) คณะอัครเทวดา (Archangels) เทวัญเหล่านี้ถ้าแปลตามตำแหน่งก็แปลได้ว่าหัวหน้าเทวดา แต่หน้าที่จริงๆนั้นไม่มีใครทราบ มีบันทึกถึงบทบาทและ ชื่อของอัครเทวดาเหล่านี้ว่ามี เทพมีคาเอล (ได้ปราบเทพกบฏอื่นๆ) เทพราฟาเอล (ในหนังสือโทบิต) เทพกาเบรียล (ช่วยดาเนียลเข้าใจนิมิตที่เห็น และเป็นผู้นำสาส์นมาแจ้งแก่พระนางมารีย์ถึงการรับเอากายของพระบุตร) หนังสือเอโน๊คบทที่ 1 ได้บอกว่าเทวัญคณะนี้มี 7 องค์คือ เทพ อูเรียล เทพรากูเอล เทพมีคาแอล เทพเซราเควล เทพกาเบรียล เทพฮาเนียล แลเทพราฟาแอล
3) คณะเทวดา (Angels) คำว่าเทวดาที่เราหมายถึงและพบทั่วไปในพระคัมภีร์ก็อยู่หมู่เทวัญคณะนี้ เทวัญคณะนี้มีมากมายและมีหน้าที่หลายอย่างเช่น คอยปกป้องดูแลมนุษย์ คอยทูลพระเจ้าแทนมนุษย์ อารักขเทวดาก็อยู่ในกลุ่มเทวัญคณะนี้เช่นกัน เทวัญคณะนี้มีตัวร้ายอยู่ด้วย(ตามที่พระคัมภีร์บอก)เทวัญที่ชื่อ ซาตาน ก็อยู่ในคณะนี้ เพราะฉะนั้นเทวดาก็มีสิทธิ์เป็นตัวร้ายได้เช่นกันให้ระวังเทวัญร้ายในคราบเทวัญดีให้มากไว้
เทวัญดีเรียก "เทวดา" เทวัญร้ายเรียก "ปีศาจ"
ถ้าหากจะเอาพระคัมภีร์เป็นข้ออ้างเราก็ต้องยอมรับว่าแม้แต่สมาชิกสวรรค์ก็มีสิทธิ์ทำผิดได้เช่นเดียวกันกับมนุษย์ สมาชิกสวรรค์ที่ดีเราเรียกว่า "เทวดา" สมาชิกสวรรค์ที่ร้ายเราเรียกว่า ผีหรือปีศาจ ธรรมเนียมที่สอนให้เราเรียกหาเทวดานั้นจึงหมายถึงให้เรียกหาเทวัญที่ดีมาช่วยปกป้องคุ้มครองเรา แต่ปัญหาคือเราจะรู้ได้อย่างไรว่าเทวัญองค์ไหนดีองค์ไหนร้าย? คำตอบคือยากมาก และเช่นนี้เองจึงลำบากและวุ่นวายยิ่งในธรรมเนียมการให้ความเคารพต่อสมาชิกชาวสวรรค์ดังกล่าว แต่ผู้รู้ก็ชี้แนะว่า เทวัญใดที่นำเราไปสู่พระเจ้านั่นคือเทวดา เทวัญไหนที่พาเราเข้าหาตัวเองและตกเป็นทาสของมันเทวัญนั้นคือ ปีศาจ มันจะครอบครองเจตจำนงเสรีของเราและไม่ให้เรามีอิสรภาพในการตัดสินใจเลือกตามใจได้ จากจุดนี้เองก็พอที่จะนำมาประยุกต์ใช้กับปัญหาที่เราพบทั่วไปในเมืองไทยคือ ปัญหาการเข้าทรง ที่มักจะมีคำถามว่า ไปเข้าทรงผิดหรือไม่ เป็นบาปหรือไม่?
เทพ กับ เจ้า รู้ได้อย่างไรว่าดีหรือร้าย?
ในเมืองไทยเรายังอยู่ในบรรยากาศของสิ่งลี้ลับอยู่มาก คาทอลิกหลายคนเมื่อมีปัญหาชีวิตก็มักไปหาทางระบายด้วยการไปถามเจ้าที่เข้าทรง หรือไปรับการประทับจากจิตวิญญาณที่เรียกตัวเองว่าเจ้านั้นเสียเอง มากเข้าก็กลายเป็นสานุศิษย์ของเจ้าหรือจิตนั้นไปโดยปริยาย เขากลายเป็นผู้ทำนายทายทักต่างๆนาๆ ลืมความเป็นลูกของพระเจ้าไปเสียสิ้น อย่างที่กล่าวแล้วว่า เหล่าสมาชิกสวรรค์นั้นหลงผิด หรือทำผิดได้เพราะเขามีเจตจำนงเสรีที่จะยอมรับหรือปฏิเสธพระเจ้าผู้ยิ่งใหญ่ได้ สงครามในสวรรค์จึงเกิดขึ้น (ดังที่หลายคนเชื่อว่าทุกวันนี้เราก็ยังอยู่ในระหว่างสงครามระหว่างความดีกับความชั่วนั่นเอง)
คาทอลิกเราห้ามไปยุ่งเกี่ยวกับจิตใดๆที่ไม่ใช่เทวดา ไม่ว่าจะเรียกตัวเองว่า เทพ หรือเจ้า หรือ พระ หรืออะไรก็แล้วแต่ ถ้าหากในระยะยาวมันทำให้เราหลงหันหนีหรือห่างจากพระเจ้าซึ่งเป็นพระผู้สูงสุดของเทพทั้งปวงแล้ว เราถือว่าเทวัญหรือเทพหรือจิตเหล่านั้นอยู่ในหมู่ของซาตานหรือปีศาจทั้งสิ้น วิธีการของมันคือจะช่วยเราให้สมใจในทุกสิ่ง ช่วยรักษา ช่วยบรรเทาปัญหาทุกอย่างแต่สุดท้ายเราต้องทิ้งเจตจำนงเสรีหรือทิ้งเสรีภาพแห่งการตัดสินใจของเราไป ตกอยู่ในอำนาจของมัน ทิ้งมันไม่ได้ นั่นล่ะธาตุแท้ของเทวดาปลอมที่ จะปรากฏออกมา ทางที่ดีที่สุดคืออย่าไปใกล้มันหรือให้โอกาสมันเลย
ธรรมเนียมที่ควรรื้อฟื้น
เมืองไทยเรามักจะให้น้ำหนักและความสำคัญกับคำว่า ผี มากเกินไปมากกว่าคำว่า เทวดา เสียอีก คำว่าผีนั้นมีนัยยะของอันตรายและความชั่วร้ายแฝงอยู่ ถึงเวลาหรือยังที่เราจะมองจิตทั้งหลายในทางที่ดี มองด้วยสายตาที่ว่าเราอยู่ร่วมโลกเดียวกัน (แม้จะคนละมิติ) นอกจากนั้นมนุษย์เราเองก็ไม่ได้ด้อยไปกว่าเทวดาเลย นักบุญโทมัสบอกว่า เทวดานั้นต่างกันที่ระดับความรักและเคารพต่อพระเจ้า โดยธรรมชาติเทวดาเป็นจิตเหมือนกัน แต่สูงต่ำอยู่ที่การรักพระเจ้ามากน้อยต่างกัน จากจุดนี้เองมนุษย์สามารถยกระดับตัวเองให้สูงกว่าเทวดาได้หากเราให้พระเจ้ามามีบทบาทในชีวิตมากกว่าสิ่งอื่นใด รักพระเจ้าด้วยสิ้นสุดจิตใจ ให้น้ำพระทัยของพระเจ้ามาก่อน แสวงหาสิริมงคลของพระองค์ในแต่ละวัน อุทิศชีวิตเพื่อความดีงามของพระเจ้า นำพาผู้อื่นมาสู่พระเจ้าผู้ทรงเป็นความดีงามและความจริง บทบาทเช่นนี้ถ้าหากเราทำได้ชัดเจนเราก็ยกระดับของตัวเองให้สูงส่งยิ่งกว่าเทวดาและเราจะใกล้ชิดพระเจ้ายิ่งกว่าเทวดาบางหมู่คณะด้วยซ้ำไป
ธรรมเนียมเช่นนี้เองที่เราสั่งสอนกันมาและน่าจะนำมารื้อฟื้นกันใหม่ การวอนขอเทวดาไม่ใช่สิ่งที่ไม่เสียหายอะไร ตรงข้ามควรส่งเสริม กระนั้นก็ตามแทนที่เราจะพึ่งเทวดาในทุกสิ่งทุกอย่าง หากเราเอาหน้าที่ของเทวดามาปฏิบัติเองก็จะยิ่งช่วยยกฐานะของเราให้สูงขึ้นเทวดาทั้งปวงคงไม่ริษยาหรอกแถมจะยำเกรงเราด้วยซ้ำไป แต่ก็ต้องตระหนักว่าหน้าที่นั้นต้องมีเป้าหมายอยู่ที่พระเจ้า ให้พระองค์เป็นใหญ่กว่าทุกสิ่ง เหนือทุกสิ่ง และเราต้องไม่ลืมว่าเราคือมนุษย์ เป็นสิ่งสร้าง เราไม่มีวันที่จะเป็นเหมือนพระเจ้าได้ เพราะถ้าเราหลงในความดีของตัวเองเราก็จะไม่ผิดอะไรกับซาตานหรือเทวัญตกสวรรค์นั่นเอง และถ้าเราเป็นเหมือนปีศาจในคราบมนุษย์เช่นนี้แล้ว เราจะอยู่ในหมวดใดของของสมาชิกอาณาจักรสวรรค์ที่พระเยซูเจ้าเสด็จมาประกาศเล่า?
สรุป
เทวดาไม่จำเป็นต้องมีปีก เพราะนั่นเป็นเพียงจินตนาการของศิลปินและนักวาดภาพ เทวดาดีๆในภาพของมนุษย์มีอยู่รอบตัวเรา ขอเพียงมองพี่น้องรอบข้างด้วยสายตาของการมองหาเทวดา มองทุกคนด้วยมิติของสวรรค์แล้วเราจะพบว่าเทวดาอยู่ใกล้ชิดเรายิ่งกว่าที่เรานึกเสียอีก........ ข้าแต่อารักขเทวดา พระเจ้าทรงกรุณามอบข้าพเจ้าไว้ในความอารักขาของท่านโปรดส่งสว่าง พิทักษ์รักษาและคุ้มครองข้าพเจ้าในวันนี้ด้วยเถิด อาแมน
(แหล่งอ้างอิง : Encyclopedia of Catholicism)
นำมาเสริฟถึงที่งับ จะได้อ่านออก
-
- ~@
- โพสต์: 7624
- ลงทะเบียนเมื่อ: พุธ มี.ค. 23, 2005 9:49 pm
- ที่อยู่: Pattaya Chonburi
holy holy holy เขียน: อืม
ขอบคุณที่ใช้บริการงับ