การสิ้นพระชนม์ของพระสันตะปาปายอห์น ปอลที่ 2 กระตุ้นให้เกิดความกระหายใคร่รู้ เกี่ยวกับเครื่องหมายแห่งกาลเวลาและคำพยากรณ์ ภารกิจของพระสันตะปาปามิได้เพียงแต่เปลี่ยนแปลงประวัติศาสตร์ของโลกเท่านั้น -- พระองค์ยังเป็นเครื่องหมายประการหนึ่งของกาลเวลาด้วย.
ในรัชสมัยของพระองค์ท่านมีเหตุการณ์สำคัญหลายอย่างเช่น การสถาปนาคุณพ่อปีโอ, ซิสเตอร์เฟาสตินาแห่งพระเมตตา, เป็นนักบุญ. พระรูปแม่พระได้หลั่งน้ำตา, มีการประจักษ์ในหลายแห่ง เช่น ที่กีเบโฮ - ราวันดา , คิวปา - นิคารากัว , และที่เบธาเนีย -เวเนซูเอลา.ฯลฯ และเป็นพระองค์เองโดยมีพระคาร์ดินัลรัทซิงเกอร์เป็นผู้ช่วย, พระองค์ทรงสั่งระงับความประสงค์ของพระสังฆราชของสังฆมณฑลที่ต้องการปฏิเสธความจริงเรื่องการประจักษ์ที่เมดจูกอเรจ์ (ใน Bosnia-Hercegovina).
นอกจากนั้น, การสิ้นพระชนม์ของพระองค์เกิดตามมาไม่นานหลังจากการเสียชีวิตของ ลูซีอา ดอส ซานโตส แห่งฟาติมา และ มาเรีย เอสเปรานซาแห่งเวเนซูเอลา ผู้ได้รับรอยแผลศักดิ์สิทธิ์ -- และการตายของ เทอรี่ เชโว ผู้ซึ่งเสียชีวิตโดยการุณยฆาต ตามคำร้องขอของสามี เป็นกรณีที่พระสันตะปาปาทรงต่อต้าน : ช่างเป็นการประจวบเหมาะที่น่าประหลาดใจ .
การสิ้นพระชนม์ของพระสันตะปาปายอห์น ปอลที่ 2 -- เครื่องหมายแห่งกาลเวลา
พระสันตะปาปาทรงมีความเกี่ยวข้องกับการประจักษ์ของแม่พระแห่งฟาติมาอย่างลึกซึ้ง พระองค์ทรงยืนยันว่าพระมารดาแห่งฟาติมาทรงช่วยปกป้องชีวิตของพระองค์จากการลอบสังหารในปี 1981 และทุกคนเชื่อว่า พระองค์คือ "พระสังฆราชในอาภรณ์ขาว" ตามที่ระบุใน"ความลับข้อที่ 3" ซึ่งได้รับการเปิดเผยในปี 2000 .
พระองค์ยังมีความเชื่อมโยงกับนักบุญเฟาสตินา โควาลสกา แห่งโปแลนด์ -- ผู้ที่พระเยซูเจ้าทรงประจักษ์ในฐานะองค์พระเมตตาและได้ตรัสแก่เธอว่า "เรามีความรักเป็นพิเศษต่อประเทศโปแลนด์ ถ้าหากประชาชนประเทศนี้เชื่อฟังและทำตามความปรารถนาของเรา , เราจะเชิดชูประเทศนี้ขึ้นสู่สง่าราศีและความศักดิ์สิทธิ์, จะมีแสงสว่างจะฉายส่องออกมาจากประเทศนี้ซึ่งจะเตรียมโลกสำหรับการเสด็จมาครั้งสุดท้ายของเรา" (Diary 1732).
หลายคนเชื่อว่า พระสันตะปาปายอห์น ปอลที่ 2 ทรงเป็น "แสงสว่าง" นั้น, นั่นเป็นสาเหตุที่ทำให้เกิด"เหตุการณ์ประจวบเหมาะ" คือพระองค์ทรงสิ้นพระชนม์ในวันเสาร์ -- วันสุดท้ายของนพวารพระเมตตา -- และเป็นช่วงเวลาแห่งวันฉลองพระเมตตาซึ่งพระองค์ทรงเป็นผู้สั่งให้ทำพิธีฉลองขึ้น. พิธีบูชามิสซาแรกที่เฉลิมฉลองให้แก่พระองค์ก็คือ บูชามิสซาแห่งพระเมตตา .
การสิ้นพระชนม์ขององค์พระสันตะปาปาของแม่พระมาบรรจบในวันเสาร์ต้นเดือน(วันที่มีมิซซาพิเศษถวายแม่พระ)อันเป็นฤดูที่มีลมกระโชกแรงในอิตาลี .
พระองค์ยังมีความเชื่อมโยงกับนักบุญเฟาสตินา โควาลสกา แห่งโปแลนด์ -- ผู้ที่พระเยซูเจ้าทรงประจักษ์ในฐานะองค์พระเมตตาและได้ตรัสแก่เธอว่า "เรามีความรักเป็นพิเศษต่อประเทศโปแลนด์ ถ้าหากประชาชนประเทศนี้เชื่อฟังและทำตามความปรารถนาของเรา , เราจะเชิดชูประเทศนี้ขึ้นสู่สง่าราศีและความศักดิ์สิทธิ์, จะมีแสงสว่างจะฉายส่องออกมาจากประเทศนี้ซึ่งจะเตรียมโลกสำหรับการเสด็จมาครั้งสุดท้ายของเรา" (Diary 1732).
หลายคนเชื่อว่า พระสันตะปาปายอห์น ปอลที่ 2 ทรงเป็น "แสงสว่าง" นั้น, นั่นเป็นสาเหตุที่ทำให้เกิด"เหตุการณ์ประจวบเหมาะ" คือพระองค์ทรงสิ้นพระชนม์ในวันเสาร์ -- วันสุดท้ายของนพวารพระเมตตา -- และเป็นช่วงเวลาแห่งวันฉลองพระเมตตาซึ่งพระองค์ทรงเป็นผู้สั่งให้ทำพิธีฉลองขึ้น. พิธีบูชามิสซาแรกที่เฉลิมฉลองให้แก่พระองค์ก็คือ บูชามิสซาแห่งพระเมตตา .
การสิ้นพระชนม์ขององค์พระสันตะปาปาของแม่พระมาบรรจบในวันเสาร์ต้นเดือน(วันที่มีมิซซาพิเศษถวายแม่พระ)อันเป็นฤดูที่มีลมกระโชกแรงในอิตาลี .
นักบุญมาลาคี (Malachy O'Morgair)-- สงฆ์ชาวไอรีช--เมื่อท่านอยู่ที่กรุงโรมในปี 1139 ท่านได้เห็นนิมิตของพระสันตะปาปาในอนาคต และได้เขียนรายชื่อของพระสันตะปาปาเหล่านั้นไว้ ท่านได้พรรณนาลักษณะของพระสันตะปาปาด้วยถ้อยคำเชิงเปรียบเทียบหรือเป็นสมญานามของพระสันตะปาปาแต่ละองค์ .
สำหรับยุคสมัยของเรา, พระสันตะปาปายอห์น ปอลที่ 2 ได้รับสมญาว่า De Labore Solis ("พลังแห่งดวงอาทิตย์"), เป็นสัญญลักษณ์เดียวกับที่กล่าวในวิวรณ์ 12:1-5 พูดถึงสตรีที่มีดวงอาทิตย์เป็นอาภรณ์ และการประจักษ์ของแม่พระแห่งฟาติมา ก็มีอัศจรรย์แห่งดวงอาทิตย์ เชื่อกันว่า พระสันตะปาปายอห์น ปอลที่ 2 คือผู้ที่แม่พระทรงจัดสรรไว้สำหรับยุคสมัยของเรา เพื่อต่อสู้ขับเคี่ยวกับมังกรใหญ่สีแดง (ตามพระวิวรณ์) --คือลัทธิคอมมิวนิสต์
สำหรับพระสันตะปาปาอีก 2 องค์ ที่จะสืบต่อจากพระสันตะปาปายอห์น ปอลที่ 2 -- องค์แรก มีสมญานามว่า De Gloria Olivae ("ราศีแห่งต้นมะกอก") ซึ่งอาจหมายถึงที่มาของพระองค์ท่านหรืออาจหมายถึงว่าพระองค์มาจากนักบวชคณะนักบุญเบเนดิกก็ได้ เพราะต้นมะกอกเป็นสัญญลักษณ์ของคณะนี้ และอาจหมายถึงยุครุ่งโรจน์แห่งสันติภาพ เพราะใบมะกอกก็เป็นสัญญลักษณ์ของสันติภาพหรือชัยชนะ
พระสันตะปาปาองค์สุดท้ายของคำทำนายมีสมญาว่า Petrus Romanus ("เปโตรชาวโรมัน")ซึ่งมีความหมายตรงตัว คือพระองค์เป็นชาวโรมันหรืออิตาลีนั่นเอง. นักบุญมาลาคีได้จบรายชื่อเพียงเท่านี้ แล้วสรุปว่า หลังจากพระสันตะปาปาองค์สุดท้ายแล้ว ก็จะถึงเวลาเสด็จมาครั้งที่ 2 ของพระเยซูเจ้า
สำหรับยุคสมัยของเรา, พระสันตะปาปายอห์น ปอลที่ 2 ได้รับสมญาว่า De Labore Solis ("พลังแห่งดวงอาทิตย์"), เป็นสัญญลักษณ์เดียวกับที่กล่าวในวิวรณ์ 12:1-5 พูดถึงสตรีที่มีดวงอาทิตย์เป็นอาภรณ์ และการประจักษ์ของแม่พระแห่งฟาติมา ก็มีอัศจรรย์แห่งดวงอาทิตย์ เชื่อกันว่า พระสันตะปาปายอห์น ปอลที่ 2 คือผู้ที่แม่พระทรงจัดสรรไว้สำหรับยุคสมัยของเรา เพื่อต่อสู้ขับเคี่ยวกับมังกรใหญ่สีแดง (ตามพระวิวรณ์) --คือลัทธิคอมมิวนิสต์
สำหรับพระสันตะปาปาอีก 2 องค์ ที่จะสืบต่อจากพระสันตะปาปายอห์น ปอลที่ 2 -- องค์แรก มีสมญานามว่า De Gloria Olivae ("ราศีแห่งต้นมะกอก") ซึ่งอาจหมายถึงที่มาของพระองค์ท่านหรืออาจหมายถึงว่าพระองค์มาจากนักบวชคณะนักบุญเบเนดิกก็ได้ เพราะต้นมะกอกเป็นสัญญลักษณ์ของคณะนี้ และอาจหมายถึงยุครุ่งโรจน์แห่งสันติภาพ เพราะใบมะกอกก็เป็นสัญญลักษณ์ของสันติภาพหรือชัยชนะ
พระสันตะปาปาองค์สุดท้ายของคำทำนายมีสมญาว่า Petrus Romanus ("เปโตรชาวโรมัน")ซึ่งมีความหมายตรงตัว คือพระองค์เป็นชาวโรมันหรืออิตาลีนั่นเอง. นักบุญมาลาคีได้จบรายชื่อเพียงเท่านี้ แล้วสรุปว่า หลังจากพระสันตะปาปาองค์สุดท้ายแล้ว ก็จะถึงเวลาเสด็จมาครั้งที่ 2 ของพระเยซูเจ้า
มีความแตกต่างอยู่บ้างในเรื่องจำนวนพระสันตะปาปาจากคำทำนายสองแหล่ง จากการาบันดัล , คอนชิตา กอนซาเลส ผู้เห็นนิมิตคนหนึ่งได้บอกว่า "แม่พระตรัสในปี 1962 ว่า จะมีพระสันตะปาปาอีกเพียงสององค์ต่อจากพระสันตะปาปาเปาโลที่ 6
ในนิมิตฝันของนักบุญยอห์น บอสโก, ท่านได้เห็นพระสันตะปาปาทรงยืนควบคุมนาวาแห่งพระศาสนาจักรฝ่ากระแสคลื่นปั่นป่วนในมหาสมุทรและทรงนำเรือเข้าเทียบระหว่างเสาสองต้นและทรงผูกโยงนาวาเข้ากับเสาทั้งสองต้นนั้น อันหมายถึงพระสันตะปาปาจะนำพระศาสนาจักรไปสู่ชัยชนะได้โดยอาศัยความศรัทธาต่อแม่พระและศีลมหาสนิท. พระสันตะปาปายอห์น ปอลที่ 2 ทรงเป็นพระสันตะปาปาพระองค์เดียวในประวัติศาสตร์ที่ประกาศปีแห่งแม่พระและปีแห่งศีลมหาสนิท
คุณพ่อ กอบบี พระสงฆ์ชาวอิตาลี ผู้ได้รับนิมิตภายในใจจากแม่พระได้บันทึกคำของแม่พระว่า "เมื่อพระสันตะปาปาพระองค์นี้เสร็จสิ้นพระภารกิจของพระองค์ซึ่งพระเยซูเจ้าทรงมอบหมายให้โดยสมบูรณ์แล้ว แม่จะลงมาจากสวรรค์เพื่อรับวิญญาณของพระองค์, ส่วนพวกลูกทั้งหลายจะเผชิญกับความมืดมิดแห่งความหลงผิด ,ซึ่งจะกลับกลายเป็นเรื่องธรรมดาไป " ท่านบันทึกต่อว่า "จะมีกลุ่มผู้มีความเชื่อเหลืออยู่เพียงเล็กน้อย ในระหว่างนั้น, พวกเขาจะยอมรับตามคำเชิญของแม่ และจะได้รับความคุ้มครองภายใต้ดวงพระทัยอันศักดิ์สิทธิ์ของแม่ . โดยกลุ่มผู้มีความเชื่อเพียงเล็กน้อยนี้ แม่จะจัดเตรียมพวกเขาไว้สำหรับภารกิจในการต้อนรับพระคริสตเจ้า, ซึ่งจะเสด็จกลับมาในสง่าราศีอันรุ่งโรจน์, โดยวิธีนี้แหละที่การเริ่มต้น"ยุคใหม่" กำลังคอยท่าพวกลูกอยู่ .
ในนิมิตฝันของนักบุญยอห์น บอสโก, ท่านได้เห็นพระสันตะปาปาทรงยืนควบคุมนาวาแห่งพระศาสนาจักรฝ่ากระแสคลื่นปั่นป่วนในมหาสมุทรและทรงนำเรือเข้าเทียบระหว่างเสาสองต้นและทรงผูกโยงนาวาเข้ากับเสาทั้งสองต้นนั้น อันหมายถึงพระสันตะปาปาจะนำพระศาสนาจักรไปสู่ชัยชนะได้โดยอาศัยความศรัทธาต่อแม่พระและศีลมหาสนิท. พระสันตะปาปายอห์น ปอลที่ 2 ทรงเป็นพระสันตะปาปาพระองค์เดียวในประวัติศาสตร์ที่ประกาศปีแห่งแม่พระและปีแห่งศีลมหาสนิท
คุณพ่อ กอบบี พระสงฆ์ชาวอิตาลี ผู้ได้รับนิมิตภายในใจจากแม่พระได้บันทึกคำของแม่พระว่า "เมื่อพระสันตะปาปาพระองค์นี้เสร็จสิ้นพระภารกิจของพระองค์ซึ่งพระเยซูเจ้าทรงมอบหมายให้โดยสมบูรณ์แล้ว แม่จะลงมาจากสวรรค์เพื่อรับวิญญาณของพระองค์, ส่วนพวกลูกทั้งหลายจะเผชิญกับความมืดมิดแห่งความหลงผิด ,ซึ่งจะกลับกลายเป็นเรื่องธรรมดาไป " ท่านบันทึกต่อว่า "จะมีกลุ่มผู้มีความเชื่อเหลืออยู่เพียงเล็กน้อย ในระหว่างนั้น, พวกเขาจะยอมรับตามคำเชิญของแม่ และจะได้รับความคุ้มครองภายใต้ดวงพระทัยอันศักดิ์สิทธิ์ของแม่ . โดยกลุ่มผู้มีความเชื่อเพียงเล็กน้อยนี้ แม่จะจัดเตรียมพวกเขาไว้สำหรับภารกิจในการต้อนรับพระคริสตเจ้า, ซึ่งจะเสด็จกลับมาในสง่าราศีอันรุ่งโรจน์, โดยวิธีนี้แหละที่การเริ่มต้น"ยุคใหม่" กำลังคอยท่าพวกลูกอยู่ .
มีรายงานว่า พระสันตะปาปายอห์น ปอลที่ 2 ทรงอ่านสาส์นของแม่พระจากเมดจูกอเรจ์ทุกเดือน , และบ่อยครั้งที่ทรงออกพระสมณสาส์นที่ใกล้เคียงกับสาส์นของแม่พระนั้น อันที่จริง, "วันเยาวชนโลก (Youth Day)" นั้นก็จัดขึ้นสืบเนื่องจากสาส์นจากเมดจูกอเรจ์นั่นเอง .
จดหมายของคุณพ่อที่โบสถ์เซนต์เจมส์ที่เมดจูกอเรจ์ได้บันทึกว่า แม่พระทรงตรัสถึงพระสันตะปาปาว่า "ขอให้พระองค์เป็นบิดา มิใช่แต่เพียงของคริสตชนเท่านั้น แต่เป็นของมนุษย์ทุกคน ขอให้พระองค์เผยแพร่สาส์นแห่งสันติภาพและความรักอย่างกล้าหาญให้แก่มนุษย์ทุกคนโดยไม่เหน็ดเหนื่อย." และยังทรงขอให้พระองค์รวบรวมคริสตชนนิกายต่างๆเข้าด้วยกัน.
พระสันตะปาปายอห์น ปอลที่ 2 ทรงปฏิบัติภารกิจนี้อย่างจริงจัง -- พระองค์ทรงเดินทางไปทั่วโลกในแต่ละปี , เหมือนกับพระองค์ทรงได้ยินพระดำรัสนี้ด้วยพระองค์เอง . การประจักษ์ที่เมดจูกอเรจ์เมื่อวันที่ 2 เมษายน หลังการสิ้นพระชนม์ , Ivan Dragicevic ผู้เห็นการประจักษ์ได้กล่าวว่า "พระสันตะปาปาประจักษ์มาพร้อมกับแม่พระ ยืนอยู่ทางเบื้องซ้ายของแม่พระ (พระองค์ทรงยิ้ม, ดูหนุ่มและมีความสุขมาก , ทรงฉลองพระองค์ในอาภรณ์ขาวมีเสื้อคลุมสีทอง แม่พระตรัสกับอีวานว่า "นี้คือลูกของแม่,พระองค์อยู่กับแม่ ." ข่าวนี้เราได้รับมาทางอินเตอร์เนต)
จดหมายของคุณพ่อที่โบสถ์เซนต์เจมส์ที่เมดจูกอเรจ์ได้บันทึกว่า แม่พระทรงตรัสถึงพระสันตะปาปาว่า "ขอให้พระองค์เป็นบิดา มิใช่แต่เพียงของคริสตชนเท่านั้น แต่เป็นของมนุษย์ทุกคน ขอให้พระองค์เผยแพร่สาส์นแห่งสันติภาพและความรักอย่างกล้าหาญให้แก่มนุษย์ทุกคนโดยไม่เหน็ดเหนื่อย." และยังทรงขอให้พระองค์รวบรวมคริสตชนนิกายต่างๆเข้าด้วยกัน.
พระสันตะปาปายอห์น ปอลที่ 2 ทรงปฏิบัติภารกิจนี้อย่างจริงจัง -- พระองค์ทรงเดินทางไปทั่วโลกในแต่ละปี , เหมือนกับพระองค์ทรงได้ยินพระดำรัสนี้ด้วยพระองค์เอง . การประจักษ์ที่เมดจูกอเรจ์เมื่อวันที่ 2 เมษายน หลังการสิ้นพระชนม์ , Ivan Dragicevic ผู้เห็นการประจักษ์ได้กล่าวว่า "พระสันตะปาปาประจักษ์มาพร้อมกับแม่พระ ยืนอยู่ทางเบื้องซ้ายของแม่พระ (พระองค์ทรงยิ้ม, ดูหนุ่มและมีความสุขมาก , ทรงฉลองพระองค์ในอาภรณ์ขาวมีเสื้อคลุมสีทอง แม่พระตรัสกับอีวานว่า "นี้คือลูกของแม่,พระองค์อยู่กับแม่ ." ข่าวนี้เราได้รับมาทางอินเตอร์เนต)
แก้ไขล่าสุดโดย Holy เมื่อ จันทร์ เม.ย. 11, 2005 2:19 pm, แก้ไขไปแล้ว 1 ครั้ง.
การประจักษ์ของแม่พระที่กีเบโฮในราวันดา --แม่พระตรัสว่าทรงมาครั้งนี้เพื่อเตรียมจิตใจมนุษย์สำหรับการเสด็จมาครั้งที่สองขององค์พระบุตร และพระเยซูเจ้าก็ทรงตรัสแก่ผู้เห็นนิมิตว่า "ลูกจะทราบว่าการเสด็จมาครั้งสุดท้ายของเราอยู่ใกล้เพียงใด โดยดูได้จากการสู้รบขั้นแตกหักของสงครามศาสนา" การประจักษ์ครั้งนี้แม่พระได้เตือนชาวราวันดาไว้ล่วงหน้าให้กลับใจ ทำพลีกรรม และสวดภาวนา เพื่อหลีกหนีพระพิโรธและความเศร้าแห่งโศกนาตกรรมครั้งใหญ่ และเหตุการณ์ก็เกิดขึ้นตามคำเตือนของแม่พระ เมื่อมีการฆ่าล้างเผ่าพันธ์ครั้งใหญ่
เราควรทำอย่างไรสำหรับคำทำนายเหล่านี้ ? เหตุการณ์หลายอย่างได้เกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว (พายุเฮอริเคน, คลื่นยักษ์สุนามิ, แผ่นดินไหว, การสิ้นพระชนม์ของสมเด็จพระสันตะปาปา ) เราได้เตรียมพร้อมหรือยัง? พระศาสนาจักรควรทำอย่างไรเกี่ยวกับเรื่องเหล่านี้ ? บรรดาพระคาร์ดินัลซึ่งจะทำการสรรหาพระสันตะปาปาองค์ใหม่ได้ตระหนักรับรู้หรือเปล่า ?
http://uk.geocities.com/palangjai2004/POPESign.html
เราควรทำอย่างไรสำหรับคำทำนายเหล่านี้ ? เหตุการณ์หลายอย่างได้เกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว (พายุเฮอริเคน, คลื่นยักษ์สุนามิ, แผ่นดินไหว, การสิ้นพระชนม์ของสมเด็จพระสันตะปาปา ) เราได้เตรียมพร้อมหรือยัง? พระศาสนาจักรควรทำอย่างไรเกี่ยวกับเรื่องเหล่านี้ ? บรรดาพระคาร์ดินัลซึ่งจะทำการสรรหาพระสันตะปาปาองค์ใหม่ได้ตระหนักรับรู้หรือเปล่า ?
http://uk.geocities.com/palangjai2004/POPESign.html
แก้ไขล่าสุดโดย Holy เมื่อ จันทร์ เม.ย. 11, 2005 2:27 pm, แก้ไขไปแล้ว 1 ครั้ง.
-
Batholomew
- ~@
- โพสต์: 12724
- ลงทะเบียนเมื่อ: อังคาร ม.ค. 18, 2005 2:28 pm
- ที่อยู่: Thailand
ขอบคุณครับพี่ปอ*thx
Pope ของเราทรงรักแม่พระมาก
ย้ำเตือนเสมอให้เราสวดสายประคำ
ขณะนี้ Pope ได้ไปอยู่เฝ้าพระเจ้ากับแม่พระแล้ว
ตื้นตันใจมากครับ
Pope ของเราทรงรักแม่พระมาก
ย้ำเตือนเสมอให้เราสวดสายประคำ
ขณะนี้ Pope ได้ไปอยู่เฝ้าพระเจ้ากับแม่พระแล้ว
ตื้นตันใจมากครับ
น่าอํศจรรย์กับเครื่องหมายหลายๆอย่างจริงๆครับ
ผมกลัวตรงนี้จัง :-\ส่วนพวกลูกทั้งหลายจะเผชิญกับความมืดมิดแห่งความหลงผิด ,ซึ่งจะกลับกลายเป็นเรื่องธรรมดาไป
แก้ไขล่าสุดโดย Holy เมื่อ อังคาร เม.ย. 12, 2005 9:59 pm, แก้ไขไปแล้ว 1 ครั้ง.
ช่วงเวลานี้เราก็ควรรักษาความเชื่อให้มั่นคง แต่การประจญย่อมมีมากกว่าปกติ เราจะต้องทำอย่างไรครับ
เราควรดำเนินชีวิตแต่ละวันให้อยู่ในพระหรรษทานของพระเจ้า ต้องขอพระองค์สำหรับวันนี้ ขอให้ลูกอย่าทำสิ่งใดเคืองพระทัยพระองค์เลย อย่าคิดถึงวันพรุ่งนี้ ถ้าวันนี้เราสามารถหลับตาลงพักผ่อนได้ด้วยใจที่สะอาดหมดจดก็ดีมากแล้วครับ
เราควรดำเนินชีวิตแต่ละวันให้อยู่ในพระหรรษทานของพระเจ้า ต้องขอพระองค์สำหรับวันนี้ ขอให้ลูกอย่าทำสิ่งใดเคืองพระทัยพระองค์เลย อย่าคิดถึงวันพรุ่งนี้ ถ้าวันนี้เราสามารถหลับตาลงพักผ่อนได้ด้วยใจที่สะอาดหมดจดก็ดีมากแล้วครับ
-
Immanuel (MichaelPaul)
- ~@
- โพสต์: 2887
- ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ ม.ค. 17, 2005 8:49 pm
- ที่อยู่: กรุงเทพมหานคร
แล้วเราควรจะทำอย่างไรไม่ให้ตกไปในความหลงของโลกอ่ะครับ
เชื่อถือ~ เชื่อถือ~
โดย คำภาวนาของพระแม่
และการติดสนิทพระคริสตเจ้าด้วยศีลมหาสนิท
เราจะชนะประตูนรก 8)
โดย คำภาวนาของพระแม่
และการติดสนิทพระคริสตเจ้าด้วยศีลมหาสนิท
เราจะชนะประตูนรก 8)
-
sdjakapong
- โพสต์: 164
- ลงทะเบียนเมื่อ: เสาร์ ก.ย. 24, 2011 2:17 pm
ถ้าตามนี้จริงหมายความว่า พระสันตะปาปาองค์ต่อไปถัดจากพระสันตะปาปาเบเนดิกส์ที่16 ก็คือ เปโตรชาวโรมัน ใช่ไหมครับเนี่ยHoly เขียน:นักบุญมาลาคี (Malachy O'Morgair)-- สงฆ์ชาวไอรีช--เมื่อท่านอยู่ที่กรุงโรมในปี 1139 ท่านได้เห็นนิมิตของพระสันตะปาปาในอนาคต และได้เขียนรายชื่อของพระสันตะปาปาเหล่านั้นไว้ ท่านได้พรรณนาลักษณะของพระสันตะปาปาด้วยถ้อยคำเชิงเปรียบเทียบหรือเป็นสมญานามของพระสันตะปาปาแต่ละองค์ .
สำหรับยุคสมัยของเรา, พระสันตะปาปายอห์น ปอลที่ 2 ได้รับสมญาว่า De Labore Solis ("พลังแห่งดวงอาทิตย์"), เป็นสัญญลักษณ์เดียวกับที่กล่าวในวิวรณ์ 12:1-5 พูดถึงสตรีที่มีดวงอาทิตย์เป็นอาภรณ์ และการประจักษ์ของแม่พระแห่งฟาติมา ก็มีอัศจรรย์แห่งดวงอาทิตย์ เชื่อกันว่า พระสันตะปาปายอห์น ปอลที่ 2 คือผู้ที่แม่พระทรงจัดสรรไว้สำหรับยุคสมัยของเรา เพื่อต่อสู้ขับเคี่ยวกับมังกรใหญ่สีแดง (ตามพระวิวรณ์) --คือลัทธิคอมมิวนิสต์
สำหรับพระสันตะปาปาอีก 2 องค์ ที่จะสืบต่อจากพระสันตะปาปายอห์น ปอลที่ 2 -- องค์แรก มีสมญานามว่า De Gloria Olivae ("ราศีแห่งต้นมะกอก") ซึ่งอาจหมายถึงที่มาของพระองค์ท่านหรืออาจหมายถึงว่าพระองค์มาจากนักบวชคณะนักบุญเบเนดิกก็ได้ เพราะต้นมะกอกเป็นสัญญลักษณ์ของคณะนี้ และอาจหมายถึงยุครุ่งโรจน์แห่งสันติภาพ เพราะใบมะกอกก็เป็นสัญญลักษณ์ของสันติภาพหรือชัยชนะ
พระสันตะปาปาองค์สุดท้ายของคำทำนายมีสมญาว่า Petrus Romanus ("เปโตรชาวโรมัน")ซึ่งมีความหมายตรงตัว คือพระองค์เป็นชาวโรมันหรืออิตาลีนั่นเอง. นักบุญมาลาคีได้จบรายชื่อเพียงเท่านี้ แล้วสรุปว่า หลังจากพระสันตะปาปาองค์สุดท้ายแล้ว ก็จะถึงเวลาเสด็จมาครั้งที่ 2 ของพระเยซูเจ้า
266 110 From the labour of the sun Bl. John Paul II (1978–2005) Karol Wojtyła Born (18 May 1920) on the day of a solar eclipse[68][69] and entombed (Friday April 8, 2005) on the day of a solar eclipse.[70][original research?] Writing before that second eclipse, Tony Allan had said that attempts to find a connection between 'from the labour of the sun' and John Paul II 'by pointing out that he came from Krakow, the birthplace of Copernicus, who first expounded the Earth's solar orbit, seem forced.' [4]
Gloria olivæ.
267 111 Glory of the olive. Benedict XVI (2005–present) Joseph Ratzinger Chose the regnal name Benedict after St Benedict of Nursia, founder of the Benedictine Order. The order's crest contains an olive branch.[citation needed] Since 1960, one of (currently) 20 congregations in the Benedictine Confederation has been the Olivetans (founded in 1313), whose name ultimately derives from the Mount of Olives in the New Testament. Notably, Pope Benedict XVI is personally unaffiliated with the Olivetan order.[original research?]
In ꝑſecutione extrema S.R.E. ſedebit.
In the extreme persecution of the Holy Roman Church, there will sit.[71]
Petrus Romanus, qui paſcet oues in multis tribulationibus: quibus tranſactis ciuitas ſepticollis diruetur, & Iudex tremẽdus iudicabit populum ſuum.[72] Finis.
268 112 Peter the Roman, who will nourish the sheep in many tribulations; when they are finished, the city of seven hills will be destroyed, and the dreadful judge will judge his people. The end. Unknown Unknown The Catholic Encyclopedia, an independent American research company, has said that, even if the prophecy is genuine, which it doubts, there may still be many Popes between Peter the Roman and his predecessor on this list.[73]
