ถ้าไม่คุมกำเนิด ประชากรจะล้นโลกหรือไม่
ตามหลักคำสอนของพระศาสนจักรคาทอลิกนั้น ห้ามการคุมกำเนิดทุกวิธีที่ไม่เป็นไปตามธรรมชาติ ดังนั้น ในฐานะคริสตชนเราจึงอาจถูกถามจากผู้ที่ไม่ได้เป็นคาทอลิกว่า ถ้าหากไม่มีการคุมกำเนิด แล้วไม่กลัวว่าประชากรจะล้นโลกหรือ? ลองดูในบางประเทศที่ไม่ค่อยมีการคุมกำเนิด ประเทศเหล่านั้นล้วนมีประชากรจำนวนมากและมีฐานะยากจน ประชากรมีคุณภาพต่ำกว่ามาตรฐาน เช่น ประเทศอินเดีย ประเทศในละตินอเมริกา ประเทศในแอฟริกา
เราคิดว่าคำสอนของพระศาสนจักรที่ห้ามคุมกำเนิดนั้น สามารถนำไปปฏิบัติได้จริงเพียงใด เพราะผมก็เห็นหลาย ๆ ครอบครัวที่เป็นคาทอลิก ก็ทำหมัน สมัยนี้ถ้าไม่ทำหมันก็คงมีลูกครอบครัวละโหลไปแล้ว ซึ่งถ้าหากทุก ๆ ครอบครัวในโลกไม่มีการคุมกำเนิด ประชากรของโลกนี้จะมีมากกว่าเวลามากเพียงใด แล้วทรัพยากรธรรมชาติจะมีเพียงพอเพื่อสนองความต้องการของมนุษย์หรือไม่
คุณคิดอย่างไรกับข้ออ้างเหล่านี้ ในฐานะที่เป็นคริสตชน
เราคิดว่าคำสอนของพระศาสนจักรที่ห้ามคุมกำเนิดนั้น สามารถนำไปปฏิบัติได้จริงเพียงใด เพราะผมก็เห็นหลาย ๆ ครอบครัวที่เป็นคาทอลิก ก็ทำหมัน สมัยนี้ถ้าไม่ทำหมันก็คงมีลูกครอบครัวละโหลไปแล้ว ซึ่งถ้าหากทุก ๆ ครอบครัวในโลกไม่มีการคุมกำเนิด ประชากรของโลกนี้จะมีมากกว่าเวลามากเพียงใด แล้วทรัพยากรธรรมชาติจะมีเพียงพอเพื่อสนองความต้องการของมนุษย์หรือไม่
คุณคิดอย่างไรกับข้ออ้างเหล่านี้ ในฐานะที่เป็นคริสตชน
การสืบพงศ์พันธุ์ของมนุษย์ เป็นพระพรที่พระเจ้าอวยพรให้แก่ อดัมกับเอวา เป็นต้นมา
แต่การที่ชายหญิงทำการปฎิสนธิอย่างไม่เหมาะสม (ทำไม่หยุดยั้ง/ขณะฐานะครอบครัวไม่พร้อม)
ผมมองว่า เป็นการกระทำที่ขาดความรับผิดชอบครับ
______
วิวรณ์เอง ได้กล่าวถึงในยุคสุดท้ายว่า
จะมีผู้คนเป็นอันมาก เมามายกับ "เหล้าองุ่นแห่งความกำหนัด" ของหญิงแพศยา (บทที่14ข้อ8 /บทที่18ข้อ3)
พระเยซูเจ้าก็บอกเองด้วยว่า ผู้ที่ใจคิดล่วงประเวณีก็บาปแล้ว(มัทธิว5:28)
การกระทำยิ่งไม่ต้องพูดถึงครับ
แต่การที่ชายหญิงทำการปฎิสนธิอย่างไม่เหมาะสม (ทำไม่หยุดยั้ง/ขณะฐานะครอบครัวไม่พร้อม)
ผมมองว่า เป็นการกระทำที่ขาดความรับผิดชอบครับ
______
วิวรณ์เอง ได้กล่าวถึงในยุคสุดท้ายว่า
จะมีผู้คนเป็นอันมาก เมามายกับ "เหล้าองุ่นแห่งความกำหนัด" ของหญิงแพศยา (บทที่14ข้อ8 /บทที่18ข้อ3)
พระเยซูเจ้าก็บอกเองด้วยว่า ผู้ที่ใจคิดล่วงประเวณีก็บาปแล้ว(มัทธิว5:28)
การกระทำยิ่งไม่ต้องพูดถึงครับ
แก้ไขล่าสุดโดย Anonymous เมื่อ พุธ ก.ค. 18, 2007 1:18 pm, แก้ไขไปแล้ว 1 ครั้ง.
ถามว่าคำว่าฐานะยากจน คุณภาพประชากรต่ำกว่ามาตรฐาน เราเอาอะไรไปวัด บางทีทุนนิยมยัดเยียดความต่ำกว่ามาตรฐานให้เขานะ อย่างเช่นเกาหลีมักพูดถึงคนไทยว่า "ขี้เกียจ" ตามมุมมองของนักลงทุน ทั้งๆที่จริงๆถ้าอยู่กันแบบดั้งเดิม (ไม่ใช่ดักดาน) มันก็โอเคนะ ถ้าเขาต่ำกว่ามาตรฐานมันก็คุมอัตราการเกิดไปในตัวอยู่แล้ว เช่นเกิดมากับหมอตำแย รอดกับไม่รอดครึ่งๆอยู่แล้ว แล้วถ้าเขามั่วจนเกิดเอดส์แล้วไม่มีใครยัดเยียดความเป็นทุนนิยมล้างผลาญชี้ให้เห็นว่ามันเป็นเพราะไม่มีการควบคุม คุณต้องใช้ถุงยาง คุณต้องกินยาคุม ฯลฯ แต่ไม่ได้บอกว่าก็อย่าไปผสมพันธุ์กันให้มั่วสิ (ทุนนิยมไม่ได้เลวร้ายเสมอไปถ้ามันไม่ถึงขั้นล้างผลาญ) ค่านิยมทางศาสนาก็ดี หลักการความเชือท้องถิ่นซึ่งกำกับพฤติกรรมคนในสังคมนั้นๆอยู่แล้วมันก็จะคุมความกระสันต์ผสมพันธุ์ของเขาไว้อีกต่อ แล้วถ้าทุนนิยมล้างผลาญไม่ไปเอาเปรียบเขาเพื่อจะขายยา เพื่อจะขายความทันสมัยได้มาตรฐาน ความได้ชื่อว่ามั่งคั่งร่ำรวย พลิกฟ้ามหาเศรษฐีอะไรเทือกนั้นแล้วละก็ ยังไงเสียพระก็จัดไว้อย่างพอเพียงอยู่แล้วละครับผมว่า นกบนฟ้าปลาในน้ำมันต้องคุมกำเนิดเหรอ พระเลี้ยงดูมันหมดไหม ถ้าแบ่งปันกันจริงๆพอครับ อดีตที่ผ่านมาเขาก็ไม่ได้คุมกำเนิดกัน ถามว่าแล้วเขาืสืบพันธุ์กันน้อยกว่าเราไหม เปล่านะ สังเกตุไหมว่าพวกยาโด๊ปยาเสริมสืบพันธุ์พวกนี้อาศัยสูตรโบราณกันเกือบทั้งนั้น ไอ้ที่วิจัยๆให้ปึ๋งปั๋งดึ๋งดั๋งอะไรนั่นมีไม่เท่าไหร่ แพงและเสี่ยง แสดงว่าเขาก็ทำการผัวเมียกันเท่าๆกับเราในปัจจุบัน เพียงแต่ว่าเขามีตัวควบคุมของเขาอยู่แล้ว วิทยาการที่ละเมิดพระเจ้าต่างหากละที่ทำให้ปัญหามันวุ่นวาย ดูเหมือนว่าคนพวกนั้นเป็นพวกด้อยมาตรฐาน ผมเคยดูหนังเรื่องแรบบิทดีเฟนซ์ พวกเด็กชาวอบอริจินถูกต้อนจากออกแม่ไปอยู่ในสถานเลี้ยงเด็กกำพร้าซิสเตอร์ตามนโยบายรัฐบาล ถามว่าเขากำพร้าหรือเขาถูกทำให้กำพร้า เขาด้อยโอกาสหรือเขาถูกทำให้ด้อยโอกาส ถ้าปล่อยเขาไปตามนั้นคุณคิดเหรอว่าเขาอบอริจินจะผสมพันธุ์กันจนล้นออสเตรเลีย ไม่หรอก มันมีการควบคุมกันอยู่แล้วโดยธรรมชาติ พระทรงพระปรีชาญาณนะครับ
ไม่รู้สิ ถ้าเรารู้ยึดพระบัญญัติของพระเป็นเจ้าจริงๆปัญหาแย่งชิงทรัพยากรก็ดี ปัญหาคนล้นโลกก็ดีไม่เกิดหรอก
ไม่รู้สิ ถ้าเรารู้ยึดพระบัญญัติของพระเป็นเจ้าจริงๆปัญหาแย่งชิงทรัพยากรก็ดี ปัญหาคนล้นโลกก็ดีไม่เกิดหรอก
แก้ไขล่าสุดโดย Anonymous เมื่อ พุธ ก.ค. 18, 2007 1:19 pm, แก้ไขไปแล้ว 1 ครั้ง.
บริบทไหนละครับZaliaus เขียน: ตกลงว่าทำหมันบาปมั้ยครับ
...ผมว่ามันแล้วแต่บริบทนะ
บาปนะ ถ้าไม่อยากให้เด็กเกิดก็อย่าทำอะไรกันเลย ถ้ากลัวว่าภรรยามีโรคประจำตัวเกิดทำการผัวเมียแล้วท้องเด็กจะอันตรายฉะนั้นจะต้องทำหมัน ก็แสดงว่าคุณรักจริงหวังฟัน ไม่ได้รักจริงหวังสร้างครอบครัว ก็เท่ากับกับรักความสนุกในการผัวเมียจนอาจจะเลยความรับผิดชอบในจุดประสงค์แท้ของการผัวเมีย เซ็กส์กับความรักที่แพร่หลายในอินเตอร์เนตบางทีมันเป็นความคิดเห็นของคนไม่มีพระนะครับ ทั้งจากฝรั่งและจากเอเซียเอง กรณีภรรยาไม่สมบูรณ์มีท้องแล้วอันตราย ถ้าคุณรักเขาจนกระทั่งว่าไม่อยากให้เขาอันตราย หรือคุณกลัวว่าจะโดนหมอถามว่าจะเลือกเอาแม่ไว้หรือลูกไว้ ก็อย่าไปทำมันสิ เรื่องการผัวเมีย หรือถ้าอดไม่ไหวก็นับวันดูให้มั่นเหมาะอย่าให้พลาดสิ แต่ถ้าจะทำหมันเพื่อว่าจะได้กระทำกันอย่างปลอดภัยไร้กังวลละก็ ระวังจะตกหลุมปีศาจน่อ
เล่าต่อนิดหนึ่ง มีอิสลามที่ใกล้ชิดกันคนหนึ่ง(แต่ไม่ใช่คนที่บ้าน)บอกว่าอยากคุมกำเนิดต้องคุมกำหนัดครับHoly เขียน: บรรดาประเทศมุสลิมก้ไม่ทำหมันกันนะครับ ก้ไม่เห็นจะจนอะไรกัน
แก้ไขล่าสุดโดย Anonymous เมื่อ พุธ ก.ค. 18, 2007 3:50 pm, แก้ไขไปแล้ว 1 ครั้ง.
-
- ~@
- โพสต์: 12724
- ลงทะเบียนเมื่อ: อังคาร ม.ค. 18, 2005 2:28 pm
- ที่อยู่: Thailand
ผมเห็นว่าทุกอย่างเป็นพระพรของพระองค์ครับ ดังนั้นการคุมกำเนิดถือว่าบาปครับ
แต่ผมเองไม่ค่อยกังวลอย่างพี่คิดนะครับ เพราะผมรู้สึกว่าเป็นพระพรของพระองค์แล้ว ไม่ว่าเกิดอะไรขึ้นครับ
แต่ผมเองไม่ค่อยกังวลอย่างพี่คิดนะครับ เพราะผมรู้สึกว่าเป็นพระพรของพระองค์แล้ว ไม่ว่าเกิดอะไรขึ้นครับ
คุมกำเนิดไม่บาปครับ ถ้า คุมแบบธรรมชาติ คือการนับวันเอา ก่อน 7 หลัง 7 แต่นับไม่เป็น อิอิ
ถ้าทำหมัน คิดว่าน่าจะบาป
ส่วนต่อไปถ้าไม่คุมการกำเนิดของประชากร อาจจะล้นโลกได้ครับ แต่ มนุษย์ ก็หาวิธีการดำรงอยู่ได้เองแหละ
เพราะ เรามีพระพร ของพระเจ้า
ถ้าทำหมัน คิดว่าน่าจะบาป
ส่วนต่อไปถ้าไม่คุมการกำเนิดของประชากร อาจจะล้นโลกได้ครับ แต่ มนุษย์ ก็หาวิธีการดำรงอยู่ได้เองแหละ
เพราะ เรามีพระพร ของพระเจ้า
- ~KaThaRoS~
- โพสต์: 792
- ลงทะเบียนเมื่อ: ศุกร์ ก.ค. 06, 2007 12:07 am
- ที่อยู่: Bkk
- ติดต่อ:
รี่ว่าไม่ล้นโลกหรอก พระเจ้ามีแผนการสำหรับมนุษย์อยู่แล้ว
ไม่เห็นต้องกลัวไรเลยยย
ไม่เห็นต้องกลัวไรเลยยย
-
- Arch Guardian
- โพสต์: 297
- ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ ต.ค. 09, 2006 8:19 pm
- ที่อยู่: ดินแดนอันไกลโพ้น
ไม่ล้นโลก หรอกครับ แต่ว่าจะมีปัญญาเลี้ยงมั้ยนั่นอีกเรื่อง
จริงๆแล้วเรื่องการทำหมั้นผมอยากให้มีการพิจารณาอีกสักครั้งนะครับ คนบ้านรวย น่ะไม่เท่าไหร่หรอก แต่คนฐานะ กลางๆ หรือ คนจน นี่ซิ จะเลี้ยงไม่ไหวเอาน่า สงสารนะครับ
จริงๆแล้วเรื่องการทำหมั้นผมอยากให้มีการพิจารณาอีกสักครั้งนะครับ คนบ้านรวย น่ะไม่เท่าไหร่หรอก แต่คนฐานะ กลางๆ หรือ คนจน นี่ซิ จะเลี้ยงไม่ไหวเอาน่า สงสารนะครับ
- ~@Little lamb@~
- Defender of lawS
- โพสต์: 9396
- ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ ม.ค. 17, 2005 3:00 pm
- ติดต่อ:
อันตน เขียน: เล่าต่อนิดหนึ่ง มีอิสลามที่ใกล้ชิดกันคนหนึ่ง(แต่ไม่ใช่คนที่บ้าน)บอกว่าอยากคุมกำเนิดต้องคุมกำหนัดครับ
เห็นด้วยค่ะ ว่าพวกเรามองเรื่องเซ็กซ์ไปทางไหนกัน
ถ้าด้านความสนุกสนาน แล้วไม่คุมกำเนิด ล้นโลกอยู่แล้ว ยิ่งคนมักมาก ยิ่งไปกันใหญ่
แต่พระศาสนาจักรประกาศว่า เรามีเพศสัมพันธ์ เพื่อการสืบพงศ์พันธุ์ และเป็นการแสดงความรัก
ถ้าเราตัดความมัน ความสนุกสนาน ที่หลาย ๆ คนแสวงหาจากการมีเพศสัมพันธ์ออกไป
รับรองว่า..คนไม่ล้นโลกหรอกค่ะ เรายังมีที่เหลืออีกเยอะเลย
แต่ทุกวันนี้ที่มันล้นน่ะ เพราะมนุษย์มีเซ็กซ์เพราะความ เง.... และ ความกระส... ต่างหาก
ที่ผู้หญิง + เด็กวัยรุ่น ท้องกันโครม ๆ หักคอเด็ก ทำแท้ง ทิ้งไว้ในถังขยะน่ะ
คุณคิดว่าเด็กเหล่านั้น มีเพศสัมพันธ์เพราะความรักกัน(แบบถูกต้อง)สักกี่คนค่ะ
ขอย้ำ.... ถ้ามีเพศสัมพันธ์ เพราะเพื่อการสืบพงศ์พันธุ์ และเป็นการแสดงความรัก (อย่างถูกต้องของคู่สมรส)
รับรองว่า คนไม่ล้นโลกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก
นับก่อน 7 หลัง 7 นับผิดนับถูกง่ายมาก เอาไว้ไปอบรมคู่แต่งงานเมื่อไหร่ค่อยถามผู้อบรมเอาแล้วกันนะครับ (ถ้าอบรมที่วัดอัสสัมนะ) อย่าเพิ่งรู้ตอนนี้เลย ถ้ายังไม่คิดแต่งก็อย่าเพิ่งคิดเรื่องพวกนี้เลย เชื่อเถอะครับtaiyo เขียน:ถ้านับเป็น บอกด้วยนะ จะได้รู้ไว้ประดับตัว เผื่อมีประโยชน์แก่ตัวเองและคนอื่นๆด้วยsurasak เขียน: คุมกำเนิดไม่บาปครับ ถ้า คุมแบบธรรมชาติ คือการนับวันเอา ก่อน 7 หลัง 7 แต่นับไม่เป็น อิอิ
ถ้าทำหมัน คิดว่าน่าจะบาป
หุหุ อุตส่าห์เลี่ยงไปใช้คำแบบบางเบาแล้วนะ แต่LLเล่นตรงๆจน อะจึ๋ย
แก้ไขล่าสุดโดย Anonymous เมื่อ พฤหัสฯ. ก.ค. 19, 2007 8:10 am, แก้ไขไปแล้ว 1 ครั้ง.
- ~@Little lamb@~
- Defender of lawS
- โพสต์: 9396
- ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ ม.ค. 17, 2005 3:00 pm
- ติดต่อ:
บางทีไม่พูดตรง ๆ ก็เข้าใจยากนิค่ะ
ซัดกันตรง ๆ เนื้อ ๆ นี่แหละ ชัดเจนดี
ซัดกันตรง ๆ เนื้อ ๆ นี่แหละ ชัดเจนดี
-
- โพสต์: 2
- ลงทะเบียนเมื่อ: พุธ ก.ค. 04, 2007 11:21 am
- ติดต่อ:
ถ้าทุกอย่างเป็นน้ำพระทัยของพระ ก็ปล่อยไป เพราะถ้าพระองค์เห็นสมควรแล้ว ใครจะห้ามได้หรือ แม้แต่คนทำหมันแล้ว โอกาสมี ก็ยังเป็นไปได้ ดูอย่างประเทศอาฟริกา สิครับ ก็มีปัญาเรื่องการเกิดมานานหลายสิบปี สุดท้าย ชนชาติของเค้าก็ไม่ได้ยิ่งใหญ่ เยอะแยะ เป็นมหาอำนาจ เพราะ เด็กที่เกิดมา ก็ตายเพราะโรคภัยไข้เจ็บ
อยากที่บอกกัน ว่า ที่ควรควบคุมคือ การกำหนัด มากกว่า เนอะ
อยากที่บอกกัน ว่า ที่ควรควบคุมคือ การกำหนัด มากกว่า เนอะ
-
- ~@
- โพสต์: 8259
- ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ ม.ค. 17, 2005 9:56 pm
- ที่อยู่: Bangkok
ไม่ล้นหรอก พระเจ้ามีวิธีจัดการกับมนุษย์ แหละ ซึ่งเกิดจากบาปของแผ่นดิน เช่นพวกโรค ภัยต่างๆ ลองเช็คไปศตวรรษก่อนๆ ตายด้วย
สงครามโลก โรคระบาด ปัจจุบัน ก็ล้างเผ่าพันธุ์กันเอง โรคระบาด ภัยพิบัติต่างๆ เป็นต้น :emotion_057:
สงครามโลก โรคระบาด ปัจจุบัน ก็ล้างเผ่าพันธุ์กันเอง โรคระบาด ภัยพิบัติต่างๆ เป็นต้น :emotion_057:
ในพระคัมภีร์พระเจ้าทรงอวยพรให้มนุษย์มีลูกหลานจนเต็มแผ่นดิน ตอนนี้ยังไม่เต็มเลยครับ ยังมีที่ดินว่างอีกมากมาย
- ~@Little lamb@~
- Defender of lawS
- โพสต์: 9396
- ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ ม.ค. 17, 2005 3:00 pm
- ติดต่อ:
นักวิทยาศาสตร์มันจะรู้ดีกว่าพระเจ้าได้ยังงัยจ๊ะ
ก็เห็นนักวิทยาศาสตร์ขยันทำวิจัยกันเหลือเกิน แต่เปลี่ยนทฤษฎีกันได้ทุกปี
แต่ก่อนบอกว่าห้ามกินปลาหมึก มีคอเรสเตอรอลสูง
เดี๋ยวนี้บอกกว่ากินได้แล้ว มีโอเมก้า 3 ที่หักล้างคอเรสตอรอลในตัวมันเองได้
หึ หึ
ก็เห็นนักวิทยาศาสตร์ขยันทำวิจัยกันเหลือเกิน แต่เปลี่ยนทฤษฎีกันได้ทุกปี
แต่ก่อนบอกว่าห้ามกินปลาหมึก มีคอเรสเตอรอลสูง
เดี๋ยวนี้บอกกว่ากินได้แล้ว มีโอเมก้า 3 ที่หักล้างคอเรสตอรอลในตัวมันเองได้
หึ หึ
เคยได้ยินเปล่า กินกุ้งก็มีคอเรสเตอรอลสูง ถ้าคิดจะกินให้กินทั้งเปลือก กินแล้วมันจะไปล้างคอเรสเตอรอล ตกลงเอาไงหว่า~@Little lamb@~ เขียน: นักวิทยาศาสตร์มันจะรู้ดีกว่าพระเจ้าได้ยังงัยจ๊ะ
ก็เห็นนักวิทยาศาสตร์ขยันทำวิจัยกันเหลือเกิน แต่เปลี่ยนทฤษฎีกันได้ทุกปี
แต่ก่อนบอกว่าห้ามกินปลาหมึก มีคอเรสเตอรอลสูง
เดี๋ยวนี้บอกกว่ากินได้แล้ว มีโอเมก้า 3 ที่หักล้างคอเรสตอรอลในตัวมันเองได้
หึ หึ
นักวิทยาแสดดดดดเนี่ย บางทีมันไม่ได้มององค์รวมอย่างพระมองละมัง ผลวิจัยจึงออกมาคนละทีสองที ให้เราตื่นเต้นร้าวจายกันเป็นยกๆเหมือนดูมวยไทย
- ~@Little lamb@~
- Defender of lawS
- โพสต์: 9396
- ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ ม.ค. 17, 2005 3:00 pm
- ติดต่อ:
ตอนนี้ก็เลย....มีอะไรก็กินไปเหอะ...ตายเหมือนกันหมด เหอ เหอ
ทุกวันนี้คนแก่มีจำนวนมากขึ้น ส่วนเด็กมีจำนวนน้อยลง เนื้อจากอดีตครอบครัวหนึ่งมีลูกถึง 12 - 13 คน บางครอบครัวน้อยหน่อยก็มี 7 - 8 คน แต่ทุกวันนี้ครอบครัวหนึ่งมีลูกแค่ 2 คน ถ้ามากกว่านี้ก็เลี้ยงไม่ไหวกันแล้ว จะเห็นว่าสังคมมันเปลี่ยนไป คนทั่วๆ ไปเขาก็ควบคุมกันเองอยู่แล้ว
แต่ถ้าเราไม่ควบคุมพระเจ้าก็จะควบคุมเอง เพราะโลกนี้พระเจ้าเป็นคนสร้างดูอย่าไดโนเสาร์สิ พระเจ้าไม่ต้องการให้มันอยู่มันก็ไม่อยู่เพราะพระเจ้าเป็นผู้ควบคุม
แต่ถ้าเราไม่ควบคุมพระเจ้าก็จะควบคุมเอง เพราะโลกนี้พระเจ้าเป็นคนสร้างดูอย่าไดโนเสาร์สิ พระเจ้าไม่ต้องการให้มันอยู่มันก็ไม่อยู่เพราะพระเจ้าเป็นผู้ควบคุม
แก้ไขล่าสุดโดย Joseph เมื่อ ศุกร์ ก.ค. 20, 2007 7:13 pm, แก้ไขไปแล้ว 1 ครั้ง.
-
- โพสต์: 548
- ลงทะเบียนเมื่อ: พุธ มี.ค. 07, 2007 8:07 pm
อาดัมกับเอวาอยู่กับไดโนเสาร์ไหม
เราต้องรีบควมคุมเองอ่ะ ก่อนที่ถึงมือพระเจ้า เพราะพระเจ้าชอบใช้วิธีการแบบแปลก(ในสายตาเรา) อย่างเช่น อาจจะมีน้ำท่วมโลก หรือไม่ก็โรคระบาดอย่างรุนแรง (วิธีของพระเจ้าแอบโหดนะผมว่า) เพราะฉาน้าน เราตกควบคุมกันเองก่อน เดี๋ยวพระเจ้าออกโรงแล้วเราจะ หนาวๆ ไป ตามๆ กัน อิอิJoseph เขียน: ทุกวันนี้คนแก่มีจำนวนมากขึ้น ส่วนเด็กมีจำนวนน้อยลง เนื้อจากอดีตครอบครัวหนึ่งมีลูกถึง 12 - 13 คน บางครอบครัวน้อยหน่อยก็มี 7 - 8 คน แต่ทุกวันนี้ครอบครัวหนึ่งมีลูกแค่ 2 คน ถ้ามากกว่านี้ก็เลี้ยงไม่ไหวกันแล้ว จะเห็นว่าสังคมมันเปลี่ยนไป คนทั่วๆ ไปเขาก็ควบคุมกันเองอยู่แล้ว
แต่ถ้าเราไม่ควบคุมพระเจ้าก็จะควบคุมเอง เพราะโลกนี้พระเจ้าเป็นคนสร้างดูอย่าไดโนเสาร์สิ พระเจ้าไม่ต้องการให้มันอยู่มันก็ไม่อยู่เพราะพระเจ้าเป็นผู้ควบคุม