โป๊ปองค์ใหม่มาจากประเทศโลกที่ 3?

ถาม-ตอบพระคัมภีร์ เรื่องเสริมศรัทธา ความรู้ และสาระ บทความ ในคริสตศาสนา
ตอบกลับโพส
christ

เสาร์ เม.ย. 16, 2005 6:29 pm

โป๊ปองค์ใหม่มาจากประเทศโลกที่ 3?
รูปภาพ
การสิ้นพระชนม์ของสมเด็จ พระสันตะปาปาจอห์น ปอล ที่ 2 เมื่อ 2 เม.ย. ที่ผ่านมา กำลังนำไปสู่การเคลื่อนไหวอย่างคึกคัก ในสำนักวาติกันในการสรรหาผู้ที่จะขึ้นเป็น "ประมุขแห่งคริสตจักรนิกายโรมันคาทอลิก" องค์ใหม่

มีเสียงลือเสียงเล่าอ้างถึงความเป็นไปได้ ที่สันตะปาปาองค์ใหม่อาจเป็นพระคาร์ดินัล ที่มาจากประเทศกำลังพัฒนาในละตินอเมริกา แอฟริกา หรือเอเชีย หลังจากที่ถูกสันตะปาปาจากยุโรป โดยเฉพาะอิตาลีผูกขาดมาช้านาน

นอกจากนั้น ยังมีเหตุผลมากมายที่ทำให้เกิดการสนับสนุนให้มีสันตะปาปาจากประเทศโลกที่ 3 อาทิ ครึ่งหนึ่งของผู้ที่นับถือคริสต์นิกายโรมันคาทอลิกจำนวน 1,000 ล้านคนทั่วโลก อาศัยอยู่ในละตินอเมริกา ขณะที่ในแอฟริกาและเอเชีย คาทอลิกก็กำลังแผ่ขยายอย่างรวดเร็ว การได้บุคคลจากภูมิภาคเหล่านี้ขึ้นเป็นสันตะปาปาอาจทำให้ ประมุขคริสตจักรเข้าใจดีขึ้นถึงปัญหาที่ประชาชนในภูมิภาคดังกล่าวเผชิญอยู่ การเลือกสันตะปาปาจากประเทศโลกที่ 3 ยังทำให้ภาพลักษณ์ของคริสตจักรแลดูทันสมัย สอดคล้องกับสภาพความเป็นสากลในปัจจุบัน ขณะเดียวกันก็ช่วยส่งเสริมการนับถือศาสนาคริสต์ของประชาชนในภูมิภาคเหล่านี้

สำหรับตัวเต็งที่อาจได้รับเลือกเป็นสันตะปาปาองค์ใหม่นั้น ยากนักที่จะคาดเดา แต่ถ้าเป็นพระคาร์ดินัลจากประเทศกำลังพัฒนาที่โดดเด่นและถูกพูดถึงอยู่บ่อยๆ ประกอบด้วย พระคาร์ดินัล ฟรานซิส อารินเซ วัย 72 ปี จากไนจีเรีย พระคาร์ดินัลจอร์จ แบร์โกกลิโอ วัย 68 ปี จากอาร์เจนตินา พระคาร์ดินัลเคลาดิโอ ฮัมเมส วัย 70 ปี จากบราซิล พระคาร์ดินัลนอร์แบร์โต ริเวรา คาร์เรรา วัย 62 ปี จากเม็กซิโก และพระคาร์ดินัล ออสการ์ แอนเดรส โรดริเกซ มาราเดียกา วัย 62 ปี จากฮอนดูรัส

อย่างไรก็ตาม ยังไม่มีความแน่ชัดว่าโอกาสที่ผู้นำจากประเทศโลกที่ 3 จะได้ขึ้นเป็นสันตะปาปานั้นมีมากน้อยเพียง ใด บรรดาชาวคาทอลิกในประเทศกำลังพัฒนากลุ่มหนึ่งมองว่าแม้จะศรัทธาในคริสตจักรแค่ ไหน แต่ความเชื่อที่ว่ามีปัญหาเกี่ยวกับการแบ่ง แยกเชื้อชาติแอบแฝงอยู่ ทำให้พวกเขาไม่คิดว่าจะมีการแต่งตั้งสันตะปาปาที่ไม่ใช่ชาวยุโรปขึ้นมา คาดว่าอาจต้องใช้เวลายาวนานมาก

เกิดอะไรขึ้นเมื่อโป๊ปสิ้น

ย้อนกลับมาที่สมเด็จพระสันตะปาปาจอห์น ปอล ที่ 2 มาไล่เรียงดูว่าหลังจากพระองค์สิ้นพระชนม์ กระบวนการต่างๆนั้นเป็นเช่นไร เริ่มที่ "แชมเบอร์เลน" ซึ่งเปรียบเสมือนเลขานุการผู้ถวายการรับใช้พระสันตะปาปาอย่างใกล้ชิด เป็นผู้ยืนยันการสิ้นพระชนม์อย่างเป็นทางการ จากนั้นที่ประทับ ส่วนพระองค์ถูกปิด และมีการตระเตรียมพิธีศพ รวม ถึงการประชุมลับเพื่อคัดเลือกผู้สืบทอดตำแหน่ง แชมเบอร์เลนและผู้ช่วยพระคาร์ดินัล 3 คนเป็นผู้ตัดสินว่าจะนำพระศพของพระองค์ไปตั้งที่จัตุรัสเซนต์ ปีเตอร์ เพื่อให้ประชาชนได้คารวะเมื่อใด ขณะเดียวกัน ก็มีการทำลายสัญลักษณ์ประจำพระองค์ ของพระสันตะปาปา เพื่อไม่ให้บุคคลอื่นนำไปใช้

ส่วนพระศพของพระองค์ จะไม่ถูกชันสูตรโดยเด็ด ขาดไม่ว่ากรณีใด การไว้ อาลัยและการจัดพิธีศพกินระยะเวลา 9 วัน โดยพระศพของพระองค์จะถูกนำไปฝังที่ห้องใต้ดินของ โบสถ์ช่วงระยะเวลาของการปลอดประมุข แชมเบอร์เลน (ผู้ดำรงตำแหน่งนี้ ปัจจุบันคือพระคาร์ดินัลเอดูอาร์โด มาร์ติเนซ โซมาโล) และสภาคาร์ดินัลจะเป็นผู้ดูแลกิจการของสำนักวาติกัน แต่อำนาจส่วนใหญ่จะถูกจำกัด พระคาร์ดินัลนั้นมีความสำคัญ หากสำนักวาติกันเป็นรัฐบาลหนึ่ง มีพระสันตะปาปาเป็นผู้นำ บรรดาคาร์ดินัลก็มีสถานะไม่ต่างจาก "คณะรัฐมนตรี" พระ คาร์ดินัลหรือที่มักยกย่องให้เป็น "เจ้าชายแห่งคริสตจักร" เป็นที่ปรึกษาที่พระสันตะปาปาทรงแต่งตั้งด้วยพระองค์เอง ปัจจุบันมีพระคาร์ดินัล 183 รูปทั่วโลก นอกเหนือจากการรับใช้ราชาคณะสงฆ์ ภารกิจที่สำคัญที่สุดของพระคาร์ดินัลคือ การลงคะแนนเลือกผู้สืบทอดตำแหน่งพระสันตะปาปา

การคัดเลือกสันตะปาปา

คราวนี้ก็มาถึงกระบวนการสรรหาพระสันตะปาปาองค์ใหม่ ผู้จะขึ้นเป็นประมุขของคริสตจักรนิกายโรมันคาทอลิก 2 สัปดาห์ของการสิ้นพระชนม์ พระคาร์ดินัล 117 รูปจาก 53 ประเทศที่มีอายุต่ำกว่า 80 ปี (จากยุโรป 58 รูป (เฉพาะอิตาลี 20 รูป) ละตินอเมริกา 21 รูป อเมริกาเหนือ 14 รูป แอฟริกา 11 รูป เอเชีย 11 รูป และโอเชียเนีย 2 รูป) จะประชุมลับที่ห้องสวดมนต์ของโบสถ์ซิสติน ในสำนักวาติกัน โดยประตูทุกบานจะถูกปิดตายจนกว่ากระบวนการคัดเลือกพระสันตะปาปาองค์ใหม่จะสิ้นสุด

พระคาร์ดินัลจะลงคะแนนเลือกพระสันตะปาปา โดยมีกฎว่าห้ามพระคาร์ดินัลหาเสียงและ ลงคะแนนให้ตัวเอง ผู้จะขึ้นเป็นสันตะปาปาจะต้องได้คะแนนไม่ต่ำกว่า 2 ใน 3 บวกอีก 1 เสียง ซึ่งหากไม่มีพระคาร์ดินัลรูปใดได้คะแนนตามที่กำหนด การประชุมก็จะดำเนินต่อไปโดยไม่จำกัดกรอบเวลา ระเบียบดังกล่าวได้รับการปฏิบัติมาช้านาน กระทั่งเมื่อปี 2539 สมเด็จพระสันตะปาปาจอห์น ปอล ที่ 2 ได้ทรงปรับเปลี่ยนกฎการคัดเลือกใหม่เพื่อให้การเลือกพระสันตะปาปาเป็นไปง่ายขึ้น ตามกฎระบุพระคาร์ดินัลจะต้องประชุมลงคะแนนวันละ 4 ครั้ง หากในช่วง 3 วันแรกยังไม่มีใครถูกคัดเลือก พระคาร์ดินัลจะหยุดพัก 1 วัน เพื่อสวดมนต์ ก่อนเริ่มประชุมเพื่อลงคะแนนอีก 7 ครั้ง

ภายใน 12 วัน หากไม่มีพระคาร์ดินัลรูปไหนได้รับคะแนน 2 ใน 3 การโหวตครั้งต่อไป จะเป็นเลือกจากผู้ที่ได้คะแนนมากที่สุดเพียง 2 รูป และมีการโหวตอีกครั้งเพื่อให้ได้ผู้ที่มีคะแนนมากที่สุด เมื่อที่ประชุมคัดเลือกสันตะปาปาได้แล้ว ผู้นั้นจะถูกถามว่ายอมรับหรือไม่และประสงค์จะใช้พระฉายาใด

เจ้าหน้าที่จะแจ้งข่าวการคัดเลือกพระสันตะปาปา ให้ชาวโลกทราบโดยการเผาบัตร ลงคะแนนและ สารเคมีพิเศษเพื่อทำให้เกิดควันสีขาวลอยออกจากปล่องไฟของวิหาร นั่นแสดงว่าคัดเลือกพระสันตะปาปาได้แล้ว ซึ่งต่างจากกรณีที่การลงคะแนนเสียงยังไม่มีข้อสรุป เจ้าหน้าที่จะเผาสารเคมีที่ให้ควันสีดำเป็นสัญลักษณ์แทน

หลังจากคัดเลือกเสร็จสิ้นลง หัวหน้าราชา คณะจะออกไปที่ระเบียงโบสถ์เพื่อประกาศต่อ ฝูงชนว่า "เราได้สันตะปาปาแล้ว" จากนั้นสันตะปาปาองค์ใหม่จะปรากฏพระองค์ด้วยฉลอง พระองค์เต็มยศ และให้พรแก่ประชาชน

อีกไม่นานเกินรอ ชาวโลกก็จะได้รู้แล้วว่าพระสันตะปาปาองค์ที่ 265 ของคริสตจักรนิกาย โรมันคาทอลิกเป็นใคร มาจากไหน จะใช่พระคาร์ดินัลจากประเทศโลกที่ 3 หรือไม่ โปรดติดตาม...
ภาพประจำตัวสมาชิก
~@Little lamb@~
Defender of lawS
Defender of lawS
โพสต์: 9396
ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ ม.ค. 17, 2005 3:00 pm
ติดต่อ:

เสาร์ เม.ย. 16, 2005 9:50 pm

ถ้าเอาบทความมาจากที่อื่น
ให้ลงที่มาด้วยนะคะ
ตอบกลับโพส