การคืนชีพของเนื้อหนังและนักบุญ

ถาม-ตอบพระคัมภีร์ เรื่องเสริมศรัทธา ความรู้ และสาระ บทความ ในคริสตศาสนา
sakda88
โพสต์: 317
ลงทะเบียนเมื่อ: พฤหัสฯ. มิ.ย. 30, 2005 11:52 am
ที่อยู่: Bangkok

จันทร์ ต.ค. 22, 2007 8:46 am

นักบุญในสวรรค์มีเนื้อหนังหรือไม่ ?
การคืนชีพของเนื้อหนังเป็นอย่างไร ?
Batholomew
~@
โพสต์: 12724
ลงทะเบียนเมื่อ: อังคาร ม.ค. 18, 2005 2:28 pm
ที่อยู่: Thailand

จันทร์ ต.ค. 22, 2007 5:48 pm

ตอบตามความเข้าใจนะครับ
sakda88 เขียน: นักบุญในสวรรค์มีเนื้อหนังหรือไม่ ?
มีสิครับ เพราะนักบุญก็คือมนุษย์ที่ตายจากโลกนี้ไปแล้ว ดังนั้นเนื้อหนังก็กลับคืนชีพในวันสุดท้าย
sakda88 เขียน: การคืนชีพของเนื้อหนังเป็นอย่างไร ?
เมื่อถึงวันพิพากษา วันสุดท้ายของโลก วิญญาณทุกดวงจะกลับมีเนื้อหนังอีกครั้ง เพื่อรับการพิพากษาทั้งผู้เป็นและผู้ตายครับ
ภาพประจำตัวสมาชิก
Holy
Defender of lawS
Defender of lawS
โพสต์: 10011
ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ ม.ค. 17, 2005 3:06 pm

จันทร์ ต.ค. 22, 2007 6:39 pm

คุณศักดาลองไปอ่านโครินทรืบทที่15ครับ
sakda88
โพสต์: 317
ลงทะเบียนเมื่อ: พฤหัสฯ. มิ.ย. 30, 2005 11:52 am
ที่อยู่: Bangkok

จันทร์ ต.ค. 22, 2007 7:39 pm

Holy เขียน: คุณศักดาลองไปอ่านโครินทรืบทที่15ครับ
เนื้อหนังที่กลับคืนช๊พไม่ใช่เนื้อหนังที่จะเปื่อยเน่าไป ?
ไม่ใช่เนื้อหนังในแบบที่เรามีกันอยู่ในปัจจุบัน ?
เป็นเนื้อหนังแบบใหม่ ?
ร่างกายที่ตายไปแล้วไม่ใช่ร่างกายที่จะนำมาใช้ใหม่ ?
Jeab Agape
~@
โพสต์: 8259
ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ ม.ค. 17, 2005 9:56 pm
ที่อยู่: Bangkok

จันทร์ ต.ค. 22, 2007 8:30 pm

35แต่บางคนจะถามว่า 
Jeab Agape
~@
โพสต์: 8259
ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ ม.ค. 17, 2005 9:56 pm
ที่อยู่: Bangkok

จันทร์ ต.ค. 22, 2007 8:33 pm

กายสวรรค์ จะไม่ติดกับสถานที่ เช่นกรณีพี่น้องคริสตัง ที่แม่พระประจักษ์ที่โน่น ที่นี่ และคริสตชน/ผู้เชื่อได้เห็นพระนางและจำได้ว่าทรงเป็นใครเป็นต้น
ภาพประจำตัวสมาชิก
Zaliaus
โพสต์: 640
ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ พ.ค. 07, 2007 1:03 am
ที่อยู่: ...

จันทร์ ต.ค. 22, 2007 10:52 pm

เนื้อหนังที่ว่านี้ ไม่ใช่เป็นแบบบนโลกใช่มั้ยครับ?
ภาพประจำตัวสมาชิก
Holy
Defender of lawS
Defender of lawS
โพสต์: 10011
ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ ม.ค. 17, 2005 3:06 pm

อังคาร ต.ค. 23, 2007 1:18 am

Zaliaus เขียน: เนื้อหนังที่ว่านี้ ไม่ใช่เป็นแบบบนโลกใช่มั้ยครับ?
ไม่ใช่ครับ
sakda88
โพสต์: 317
ลงทะเบียนเมื่อ: พฤหัสฯ. มิ.ย. 30, 2005 11:52 am
ที่อยู่: Bangkok

อังคาร ต.ค. 23, 2007 8:11 pm

การกลับคืนพระชนม์ชีพของพระเยซู
เป็นร่างกายเนื้อของพระองค์ได้กลายเป็น
กายสวรรค์
ส่วนในกรณีของเหล่านักบุญได้กายสวรรค์
ซึ่งไม่ได้เกี่ยวข้องกับกายเนื้อเลย  ใช่หรือไม่ ?

และคนที่อยู่ในนรก  ไฟชำระ  ต้องมีกายเป็นของตนเช่นเดียวกัน ใช่หรือไม่ ?

 
แก้ไขล่าสุดโดย sakda88 เมื่อ อังคาร ต.ค. 23, 2007 8:17 pm, แก้ไขไปแล้ว 1 ครั้ง.
Jeab Agape
~@
โพสต์: 8259
ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ ม.ค. 17, 2005 9:56 pm
ที่อยู่: Bangkok

อังคาร ต.ค. 23, 2007 8:36 pm

sakda88 เขียน:
ส่วนในกรณีของเหล่านักบุญได้กายสวรรค์
ซึ่งไม่ได้เกี่ยวข้องกับกายเนื้อเลย  ใช่หรือไม่ ?

และคนที่อยู่ในนรก  ไฟชำระ  ต้องมีกายเป็นของตนเช่นเดียวกัน ใช่หรือไม่ ?
เชื่อว่าทุกคน ที่ได้เข้าพระอาณาจักร ของพระเจ้า ก็มีกายสวรรค์ ครับ

ส่วนคนที่อยู่ในบึงไฟ หรือนรก ก็มีกายนรก (ในที่นี่ไม่ได้หมายถึง กายที่อยู่ในโลกนี้ น่ะ )

อันที่จริง สิ่งที่สำคัญที่สุด ของมนุษย์ คือ วิญญาณจิต (soul ) ที่จะนำไปสู่การพิพากษา

โปรฯเรายืนยันว่า ไปหาพระเจ้า โดยทางพระเยซูคริสต์ ฮะ

เมื่อถึงวันพิพากษา ก็คือ แยกระหว่าง ผู้เชื่อและไม่เชื่อ ออกจาก กัน คร้าบ
ภาพประจำตัวสมาชิก
Ministry Of Men
โพสต์: 3972
ลงทะเบียนเมื่อ: พุธ เม.ย. 18, 2007 3:09 pm

อังคาร ต.ค. 23, 2007 8:39 pm

หน้าตาจะหล่อเหมือนเดิมป่าวน้า
Jeab Agape
~@
โพสต์: 8259
ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ ม.ค. 17, 2005 9:56 pm
ที่อยู่: Bangkok

อังคาร ต.ค. 23, 2007 8:49 pm

BOYZ เขียน: หน้าตาจะหล่อเหมือนเดิมป่าวน้า
เมื่อได้อยู่บนสวรรค์ คงหมด กิเลส และตัณหา แล้วคร้าบ ดังนั้นหน้าตาจะเป็นอย่างไร ก็เป็นพระฉายาของพระเจ้าฮะ :grin:
ภาพประจำตัวสมาชิก
Ministry Of Men
โพสต์: 3972
ลงทะเบียนเมื่อ: พุธ เม.ย. 18, 2007 3:09 pm

อังคาร ต.ค. 23, 2007 8:54 pm

Jeab Agape เขียน:
BOYZ เขียน: หน้าตาจะหล่อเหมือนเดิมป่าวน้า
เมื่อได้อยู่บนสวรรค์ คงหมด กิเลส และตัณหา แล้วคร้าบ ดังนั้นหน้าตาจะเป็นอย่างไร ก็เป็นพระฉายาของพระเจ้าฮะ :grin:
อู๊ย กิหล่ง กิเลส อารายก๊านน
หมายถึง หน้าตาแต่ละคนจะเหมือนเดิมรึป่าวก็แค่นั้น

แม๊ฯ ตอบแนวใจสาฯ  อีกแล้ว น้องเจี๊ยบ  :rolleyes:
Jeab Agape
~@
โพสต์: 8259
ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ ม.ค. 17, 2005 9:56 pm
ที่อยู่: Bangkok

อังคาร ต.ค. 23, 2007 9:27 pm

BOYZ เขียน:
อู๊ย กิหล่ง กิเลส อารายก๊านน
หมายถึง หน้าตาแต่ละคนจะเหมือนเดิมรึป่าวก็แค่นั้น

แม๊ฯ ตอบแนวใจสาฯ  อีกแล้ว น้องเจี๊ยบ  :rolleyes:
ก็ยังจำได้ว่าเป็นใครน่ะ คิดว่าตัวเองคงหล่อดิ :huh: ความจริงลูกของพระ หน้าตา หล่อสวย ทุกๆคนเพราะเป็นพระฉายาของพระองค์ ฮะ :cool:
ภาพประจำตัวสมาชิก
Ministry Of Men
โพสต์: 3972
ลงทะเบียนเมื่อ: พุธ เม.ย. 18, 2007 3:09 pm

อังคาร ต.ค. 23, 2007 9:37 pm

Jeab Agape เขียน:
BOYZ เขียน:
อู๊ย กิหล่ง กิเลส อารายก๊านน
หมายถึง หน้าตาแต่ละคนจะเหมือนเดิมรึป่าวก็แค่นั้น

แม๊ฯ ตอบแนวใจสาฯ  อีกแล้ว น้องเจี๊ยบ  :rolleyes:
ก็ยังจำได้ว่าเป็นใครน่ะ คิดว่าตัวเองคงหล่อดิ :huh: ความจริงลูกของพระ หน้าตา หล่อสวย ทุกๆคนเพราะเป็นพระฉายาของพระองค์ ฮะ :cool:
มีคนหลับตา แล้วบอกว่า หล่อจังเลยคะ  ::003:: อิอิ

ที่เคยเรียน ศาสนศาสตร์มา  กายจะเป็นกายแบบเดียวกับกายของพระเยซูหลังความตายนะ ไม่แน่ใจว่ากายนั้น คือกายสวรรค์หรือป่าว
sakda88
โพสต์: 317
ลงทะเบียนเมื่อ: พฤหัสฯ. มิ.ย. 30, 2005 11:52 am
ที่อยู่: Bangkok

พุธ ต.ค. 24, 2007 10:31 am

ตัวอย่างของท่านนักบุญทำให้นึกถึงการเวียนว่ายตายเกิด
กายเนื้อนี้เป็นเมล็ดพันธ์ที่เน่าเปื่อยไปและหลังความตายจะได้กายใหม่
ตามความพอพระทัยของพระเจ้าโดยเริ่มจากผู้เชื่อในพระคริสต์ก่อน

ถ้าตัดพระเจ้าและพระคริสต์ออกบวกตามการกระทำลงไป
เป็นคำอธิบายเรื่องการเวียนว่ายตายเกิดที่ค่อนข้างชัดเจนวิธีหนึ่ง
อันตน
~@
โพสต์: 4164
ลงทะเบียนเมื่อ: พุธ ก.ค. 06, 2005 6:50 pm
ที่อยู่: ภูเก็ต

พุธ ต.ค. 24, 2007 10:35 am

ถ้าตัดพระเจ้าและพระคริสต์ออกบวกตามการกระทำลงไป
เป็นคำอธิบายเรื่องการเวียนว่ายตายเกิดที่ค่อนข้างชัดเจนวิธีหนึ่ง
เวียนว่ายตายเกิดมันไม่รู้จักจบนะครับจนกว่าจะปรินิพพานซึ่งไม่รู้เมื่อไหร่และจะมีกี่คนที่ทำได้ เอาเป็นว่าโดยทั่วไปแทบไม่มีหวังตรงนั้นแล้วกัน
แต่ของเรานี่ตายแล้วตายเลยนะ ไม่ต้องกลับมาเกิดใหม่บนโลกอีก

อย่างงครับ อย่างงง จะเอาพุทธหรือเอาคริสต์ก็เอาไปสักอย่าง โบราณท่านว่าอย่าเหยียบเรือสองแคม
ภาพประจำตัวสมาชิก
Holy
Defender of lawS
Defender of lawS
โพสต์: 10011
ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ ม.ค. 17, 2005 3:06 pm

พุธ ต.ค. 24, 2007 10:54 am

อันตน เขียน:
ถ้าตัดพระเจ้าและพระคริสต์ออกบวกตามการกระทำลงไป
เป็นคำอธิบายเรื่องการเวียนว่ายตายเกิดที่ค่อนข้างชัดเจนวิธีหนึ่ง
เวียนว่ายตายเกิดมันไม่รู้จักจบนะครับจนกว่าจะปรินิพพานซึ่งไม่รู้เมื่อไหร่และจะมีกี่คนที่ทำได้ เอาเป็นว่าโดยทั่วไปแทบไม่มีหวังตรงนั้นแล้วกัน
แต่ของเรานี่ตายแล้วตายเลยนะ ไม่ต้องกลับมาเกิดใหม่บนโลกอีก

อย่างงครับ อย่างงง จะเอาพุทธหรือเอาคริสต์ก็เอาไปสักอย่าง โบราณท่านว่าอย่าเหยียบเรือสองแคม
การพยายามทำจับฉ่ายของคุณศักดา จะทำให้หลงทางจากความจริงได้นะครับ เมื่อไหร่ก็ตามที่คุณตัดพระเจ้าและพระคริสต์ออก นั่นก็คือไม่ใช่ความรอด และไม่ใช่ความจริงครับ
sakda88
โพสต์: 317
ลงทะเบียนเมื่อ: พฤหัสฯ. มิ.ย. 30, 2005 11:52 am
ที่อยู่: Bangkok

พฤหัสฯ. ต.ค. 25, 2007 8:26 am

ผมเห็นจุดร่วมหลาย ๆ อย่างในพุทธและคริสต์

ชีวิตแต่ละชีวิตคือโลกโลกหนึ่งซึ่งหลากหลายไม่มีวันทำให้เหมือนกันได้
ในโลกของผมทุกคนคือภาพสะท้อนของกันและกัน

เป็นไปได้หรือที่พระผู้เป็นเจ้าผู้ทรงเปี่ยมด้วยความเมตตา
จะลงโทษใครสักคนชั่วนิรันดร์ ? ผมไม่รู้

เป็นไปได้หรือที่หลัง1000ปีของการปกครองของพระเยซูคริสต์แล้ว
คนที่เหลือจากการทำลายล้างหลังจากนั้นจะไม่มีผู้กบฏต่อพระเจ้าอีก ? ผมไม่รู้

สิ่งที่เรารู้กันจริง ๆ คือเราไม่รู้อะไรเลย
และเราฆ่าฟันกันก็ด้วยความไม่รู้ของเรานี่แหละ
ภาพประจำตัวสมาชิก
Holy
Defender of lawS
Defender of lawS
โพสต์: 10011
ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ ม.ค. 17, 2005 3:06 pm

พฤหัสฯ. ต.ค. 25, 2007 11:06 pm

บางอย่างมันร่วมกันก็จริง แต่บางอย่างมันไม่ได้ร่วมกัน เราก็ไม่จำเป็นต้องเบือนมันให้เข้าไปร่วมกันนะครับ

เรียนรู้พระองค์อย่างที่พระองค์ทรงเป็น ดีกว่าพยายามบังคับให้พระองค์เป็นอย่างที่เรอยากให้เป็นนะครับ
Joseph
โพสต์: 2182
ลงทะเบียนเมื่อ: พุธ เม.ย. 27, 2005 6:31 am

ศุกร์ ต.ค. 26, 2007 12:03 am

BOYZ เขียน: หน้าตาจะหล่อเหมือนเดิมป่าวน้า
กลัวจังเลย กลัวจะไม่หล่อเท่าเดิม หุหุ พูดเล่นนะ ที่จริงก็ไม่รู้นะว่าจะหล่อเท่าเดิมเปล่า หุหุ ดูอย่างลูชีเฟอร์หล่อๆ ยังกลายเป็นน่าเกียจน่ากลัวได้เปลี่ยนรูปกันได้ด้วย จากที่งดงามสูงสุดเป็นน่าเกียจที่สุด ดังนั้นคนทำไม่ดีหรือมีจิตใจไม่ดีก็ไม่น่าจะหล่อได้นะ มีคนเขาบอกว่านะในแดนสวรรค์มีแต่คนรูปร่างหน้าตาสวยๆ งามๆ ขี่เหร่ไม่มีเลย คงไม่มีหรอกครับเข้าประตูสวรรค์แล้วเจอคนหน้าตายังกะผีมายืนอยู่หน้าประตูเขาจะได้รับการใหม่ที่งดงามกว่านั้น ส่วนในนรกมีแต่คนหน้าตาน่าเกียจน่ากลัวทั้งนั้นไปที่ไหนก็มีแต่คนน่ากลัวน่าสยองอยู่เต็มไปหมด
แก้ไขล่าสุดโดย Joseph เมื่อ ศุกร์ ต.ค. 26, 2007 12:15 am, แก้ไขไปแล้ว 1 ครั้ง.
sakda88
โพสต์: 317
ลงทะเบียนเมื่อ: พฤหัสฯ. มิ.ย. 30, 2005 11:52 am
ที่อยู่: Bangkok

ศุกร์ ต.ค. 26, 2007 12:43 pm

Holy เขียน: บางอย่างมันร่วมกันก็จริง แต่บางอย่างมันไม่ได้ร่วมกัน เราก็ไม่จำเป็นต้องเบือนมันให้เข้าไปร่วมกันนะครับ

เรียนรู้พระองค์อย่างที่พระองค์ทรงเป็น ดีกว่าพยายามบังคับให้พระองค์เป็นอย่างที่เรอยากให้เป็นนะครับ
เรียนรู้พระองค์อย่างที่พระองค์ทรงเป็น
ความรัก ความเมตตา และ การให้อภัย
ภาพประจำตัวสมาชิก
Holy
Defender of lawS
Defender of lawS
โพสต์: 10011
ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ ม.ค. 17, 2005 3:06 pm

ศุกร์ ต.ค. 26, 2007 10:09 pm

sakda88 เขียน:
Holy เขียน: บางอย่างมันร่วมกันก็จริง แต่บางอย่างมันไม่ได้ร่วมกัน เราก็ไม่จำเป็นต้องเบือนมันให้เข้าไปร่วมกันนะครับ

เรียนรู้พระองค์อย่างที่พระองค์ทรงเป็น ดีกว่าพยายามบังคับให้พระองค์เป็นอย่างที่เรอยากให้เป็นนะครับ
เรียนรู้พระองค์อย่างที่พระองค์ทรงเป็น
ความรัก ความเมตตา และ การให้อภัย
และพระยุติธรรมด้วย
ภาพประจำตัวสมาชิก
Edwardius
โพสต์: 1392
ลงทะเบียนเมื่อ: พฤหัสฯ. ต.ค. 12, 2006 3:02 pm
ที่อยู่: Lamphun, Thailand

เสาร์ ต.ค. 27, 2007 12:06 pm

nvnc avtem manet fides spes caritas tria haec maior avtem his est caritas

ขณะนี้ยังมีความเชื่อ ความหวังและความรักอยู่ทั้งสามประการ แต่ที่ยิ่งใหญ่กว่าสิ่งใดทั้งหมดคือ ความรัก

1 โครินธ์ 13:13
sakda88
โพสต์: 317
ลงทะเบียนเมื่อ: พฤหัสฯ. มิ.ย. 30, 2005 11:52 am
ที่อยู่: Bangkok

อังคาร ต.ค. 30, 2007 9:56 am

Holy เขียน:
sakda88 เขียน:
Holy เขียน: บางอย่างมันร่วมกันก็จริง แต่บางอย่างมันไม่ได้ร่วมกัน เราก็ไม่จำเป็นต้องเบือนมันให้เข้าไปร่วมกันนะครับ

เรียนรู้พระองค์อย่างที่พระองค์ทรงเป็น ดีกว่าพยายามบังคับให้พระองค์เป็นอย่างที่เรอยากให้เป็นนะครับ
เรียนรู้พระองค์อย่างที่พระองค์ทรงเป็น
ความรัก ความเมตตา และ การให้อภัย
และพระยุติธรรมด้วย
เรื่องพระยุติธรรมผมใช้แนวคิดแบบพุทธ และ เวอเนอร์ เออหาร์ท
แก้ไขล่าสุดโดย sakda88 เมื่อ อังคาร ต.ค. 30, 2007 9:58 am, แก้ไขไปแล้ว 1 ครั้ง.
Alphonse
โพสต์: 1792
ลงทะเบียนเมื่อ: พุธ ส.ค. 23, 2006 10:45 pm
ที่อยู่: Thailand

อังคาร ต.ค. 30, 2007 11:17 am

ที่แน่ๆ หลักคำสอน และจุดมุ่งหมายของทั้งสองความเชื่อ
มันต่างกันคนละฟากโลกเลยล่ะครับ

แม้จะมีจุดหมายที่ว่าให้ทุกคนเป็นคนดีเหมือนกัน
แต่คิดดูนะครับ ระหว่างขับรถยนต์ กับขี่เรือ
ถ้าคุณมัวแต่ขึ้นๆ ลงๆ ระหว่างรถกับเรือ เมื่อไหร่จะไปถึงจุดหมาย
ไม่ใช่รถไฟเหาะในสวนสนุกจะได้ขึ้นๆ ลงๆ

แต่นี่คือชีวิต และหลักคำสอนของพระพุทธศาสนาก็สอนไม่ให้เชื่อพระเจ้า

เราชาวคริสต์มีหน้าที่ทำให้พระบิดาเจ้าพอพระทัย ไม่ได้มีหน้าที่ทำให้ตัวเองพอใจนะครับ
ภาพประจำตัวสมาชิก
Ministry Of Men
โพสต์: 3972
ลงทะเบียนเมื่อ: พุธ เม.ย. 18, 2007 3:09 pm

อังคาร ต.ค. 30, 2007 2:17 pm

necromancer เขียน: ที่แน่ๆ หลักคำสอน และจุดมุ่งหมายของทั้งสองความเชื่อ
มันต่างกันคนละฟากโลกเลยล่ะครับ

แม้จะมีจุดหมายที่ว่าให้ทุกคนเป็นคนดีเหมือนกัน
แต่คิดดูนะครับ ระหว่างขับรถยนต์ กับขี่เรือ
ถ้าคุณมัวแต่ขึ้นๆ ลงๆ ระหว่างรถกับเรือ เมื่อไหร่จะไปถึงจุดหมาย
ไม่ใช่รถไฟเหาะในสวนสนุกจะได้ขึ้นๆ ลงๆ

แต่นี่คือชีวิต และหลักคำสอนของพระพุทธศาสนาก็สอนไม่ให้เชื่อพระเจ้า

เราชาวคริสต์มีหน้าที่ทำให้พระบิดาเจ้าพอพระทัย ไม่ได้มีหน้าที่ทำให้ตัวเองพอใจนะครับ
เห็นด้วย จะไปรถไฟถีบ หรือสามล้อปั่น ต้องเลือกให้ดี
ภาพประจำตัวสมาชิก
Holy
Defender of lawS
Defender of lawS
โพสต์: 10011
ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ ม.ค. 17, 2005 3:06 pm

อังคาร ต.ค. 30, 2007 3:21 pm

sakda88 เขียน:
Holy เขียน:
sakda88 เขียน: เรียนรู้พระองค์อย่างที่พระองค์ทรงเป็น
ความรัก ความเมตตา และ การให้อภัย
และพระยุติธรรมด้วย
เรื่องพระยุติธรรมผมใช้แนวคิดแบบพุทธ และ เวอเนอร์ เออหาร์ท
เรื่องการทำส้มตำ ใช้แนวคิดเดียวกับการทำซาลาเปา

เราเรียกใหม่ว่า ส้มนึ่ง และมันไม่ใช่ส้มตำอีกต่อไป
Phulasso
โพสต์: 1236
ลงทะเบียนเมื่อ: ศุกร์ ก.พ. 24, 2006 10:18 am
ที่อยู่: Thailand

อังคาร ต.ค. 30, 2007 9:19 pm

อยากร่วมวงด้วย
แต่กลัวไม่จบ
เพราะ............
แนวคิดนี้ เกิดขึ้นมาเสมอ
ไม่ใช่ครั้งแรก
แต่คุณ Holy มาคุมเองแล้ว
ตามอ่านง่ายกว่า  :cry:
Alphonse
โพสต์: 1792
ลงทะเบียนเมื่อ: พุธ ส.ค. 23, 2006 10:45 pm
ที่อยู่: Thailand

อังคาร ต.ค. 30, 2007 10:04 pm

BOYZ เขียน:
necromancer เขียน: ที่แน่ๆ หลักคำสอน และจุดมุ่งหมายของทั้งสองความเชื่อ
มันต่างกันคนละฟากโลกเลยล่ะครับ

แม้จะมีจุดหมายที่ว่าให้ทุกคนเป็นคนดีเหมือนกัน
แต่คิดดูนะครับ ระหว่างขับรถยนต์ กับขี่เรือ
ถ้าคุณมัวแต่ขึ้นๆ ลงๆ ระหว่างรถกับเรือ เมื่อไหร่จะไปถึงจุดหมาย
ไม่ใช่รถไฟเหาะในสวนสนุกจะได้ขึ้นๆ ลงๆ

แต่นี่คือชีวิต และหลักคำสอนของพระพุทธศาสนาก็สอนไม่ให้เชื่อพระเจ้า

เราชาวคริสต์มีหน้าที่ทำให้พระบิดาเจ้าพอพระทัย ไม่ได้มีหน้าที่ทำให้ตัวเองพอใจนะครับ
เห็นด้วย จะไปรถไฟถีบ หรือสามล้อปั่น ต้องเลือกให้ดี
เอ่อ....เอาที่มันเร็วกว่านั้นได้ป่ะ
คิดสภาพแล้วคงเหนื่อยน่าดู....ฮ่าๆๆๆ กว่าจะถีบกว่าจะปั่นถึง
ถ้า ตจว. ก็ว่าไปอย่าง ใน กทม. เนี่ยคงเหม็นควันพิลึก
เหอๆ
Holy เขียน: เรื่องการทำส้มตำ ใช้แนวคิดเดียวกับการทำซาลาเปา

เราเรียกใหม่ว่า ส้มนึ่ง และมันไม่ใช่ส้มตำอีกต่อไป
เอ่อ...พี่ Holy เปรียบเทียบซะ....กร๊ากๆๆๆๆ
ตอบกลับโพส