เล่าเรื่องไปทัวร์แสวงบุญที่ยุโรป Part 4: Fatima - Salamanca - Burgos

ถาม-ตอบพระคัมภีร์ เรื่องเสริมศรัทธา ความรู้ และสาระ บทความ ในคริสตศาสนา
ตอบกลับโพส
ภาพประจำตัวสมาชิก
kk-chan
โพสต์: 45
ลงทะเบียนเมื่อ: อาทิตย์ ม.ค. 30, 2005 3:38 pm

อาทิตย์ ม.ค. 06, 2008 3:55 pm

Hola Amigos~~!

และแล้วการเดินทางของเราก็มาถึงวันที่ 4 วันนี้เราจะเดินทางกลับเข้าสเปนกันโดยจะเดินทางผ่านเมือง Salamanca แล้วก็มุ่งขึ้นเหนือไปที่เมือง Burgos ตามที่เกริ่นไว้ในกระทู้ที่แล้ว (ถ้ายังไม่ลืมซะก่อนนะ) ลืมบอกไปว่าเวลาในโปรตุเกสจะช้ากว่าในสเปน 1 ชั่วโมง เวลาเข้าไปนี่เราจะคุ้มมากเพราะจะได้เวลาเพิ่มขึ้น แต่ถ้ากลับออกมาก็ต้องเพิ่มหนึ่งชั่วโมงเหมือนเดิม

June 2, 2007

4.45 น. วันนี้ได้นอนเยอะกว่าเดิมหน่อยนึง ประมาณ 4 ชั่วโมง (มันเยอะกว่าเดิมตรงไหนเนี่ย?!) เช้านี้ก็หนาวมากอีกแล้ว และก็เหมือนเดิม มอร์นิ่งคอลที่บอกว่าควรจะมีตอนตีห้าก็หายเงียบไปเหมือนเดิม แต่งตัวกันเสร็จเรียบร้อยลงมาข้างล่างก็ไฟปิดมืดอีกละ Reception ยังไม่ตื่นเช่นเคย พวกเราก็ทยอยกันเดินไปร่วมมิสซาที่วัดน้อยแม่พระประจักษ์ แต่วันนี้เราเตรียมพร้อม ขนผ้าห่มไปด้วยเลย ซื้อมาแล้วต้องใช้ให้คุ้ม อุ่นมากค่ะ ไม่ต้องนั่งสั่นเหมือนเมื่อวานแล้ว

6.00 น. ยังพอมีเวลานิดหน่อยก่อนมิสซาจะเริ่ม ท้องฟ้าเช้านี้แสงสวยได้ใจมาก เลยถ่ายเล่นไปหลายรูปเลย พอเดินไปถึง Chapel of Apparition มองไปที่จุดแม่พระประจักษ์ถึงได้สังเกตว่า แม่พระไม่อยู่! จนกระทั่งได้เห็นเจ้าหน้าที่อุ้มรูปปั้นแม่พระเข้ามาวางไว้ที่เดิมถึงได้เข้าใจว่ากลางคืนเค้าต้องเก็บพระรูปเข้าไปข้างในเพื่อความปลอดภัย เพราะว่ามงกุฏแม่พระนั้นประดับด้วยเพชรพลอยมากมาย เค้าจะมีกระจกครอบตรงแม่พระไว้อีกที และยังมีหัวกระสุนที่ใช้ลอบปลงพระชนม์พระสันตะปาปาจอห์น ปอล ที่ 2 ด้านองค์พระสันตะปาปาเองก็ได้บอกหลังจากถูกยิงไม่นานว่า พระองค์เชื่อว่า พระแม่มารีย์ได้โบกพระหัตถ์ปัดป้องกระสุนของมือปืนให้พ้นจุดตายไป พระองค์จึงรอดชีวิตมาได้ ลูกกระสุนนั้นโป๊ปเองก็เป็นผู้นำมาเก็บไว้บนมงกุฏแม่พระด้วย

มิสซาเช้าวันนี้คุณพ่อศักดิ์ชัยเป็นประธาน คุณธเรศอ่านบทอ่าน พอมิสซาจบพระอาทิตย์ก็ขึ้นพอดี เมฆบนท้องฟ้าด้านหลังวิหารหลักกำลังเป็นสายได้ที่เลย คือที่นี่จะมีเครื่องบินเจทเยอะมาก เวลามันบินผ่านก็จะเห็นเมฆเป็นสาย พอทิ้งไว้มันก็จะกระจายออกมาเรื่อยๆ สวยมากๆเลย ไม่ลืมเก็บภาพอีกมากมาย (แต่เอาขึ้นให้ดูนิดเดียว ^^)

7.30 น. ข้าวเช้ากินที่เดิม แต่ปรับเวลากินให้เร็วขึ้น เพราะว่าวันนี้เราจะเดินทางไกลข้ามประเทศกันอีกแล้ว ต้องทำเวลากันหน่อย อาหารแบบ continental เหมือนเดิมเด๊ะ ปริมาณการกินก็....ไม่ต้องอธิบาย อิอิ

8.30 น. บ๊ายบายฟาติมา เราจะไปกันแล้วนะ แล้วจะกลับมาเยี่ยมใหม่... ก่อนออกจากเมืองก็แวะไปโรงงานอีกหนึ่งรอบเผื่อมันจะเปิด แต่ก็คว้าน้ำเหลวเหมือนเดิมเพราะว่าโรงงานเปิด 9 โมง สรุปก็ต้องให้เค้าส่งของที่ลืมไว้ไปรอที่ฝรั่งเศสนั่นแหละ และในที่สุดพวกเราก็เดินทางข้ามแดนมาถึงเมือง Salamanca แล้วก็หยุดพักกินข้าวกลางวันกันที่นี่ พอกลับเข้าสเปนก็ต้องปรับเวลาให้เร็วขึ้นอีก 1 ชั่วโมง

14.00 น. ข้าวกลางวันวันนี้ก็อาหารจีนอีกแล้ว ร้านชื่อ Hong Kong Restaurant คราวนี้นั่งเป็นโต๊ะยาว ประมาณ 7-8 คนต่อหนึ่งโต๊ะ อาหารก็...กินได้แหละ แต่ที่แย่คือพวกฝรั่งมันสูบบุหรี่ในร้าน หายใจไม่ค่อยออก ห้องน้ำก็มีแค่ห้องเดียวอยู่ใต้ดิน ต้องไปต่อคิวใช้กัน พอคนน้อยๆก็แบ่งๆไปเข้าห้องผู้ชายมั่ง เพราะเดี๋ยวต้องไปอีกไกล Salamanca เนี่ยอยู่ฝั่งตะวันตก แต่ Burgos น่ะอยู่ตอนเหนือของสเปนเลย

15.15 น. ขึ้นรถกันเรียบร้อย เตรียมตัวนอนต่อ กินอิ่มนอนหลับ เด็กอนามัยดีมะ แต่ยังค่ะ ยังหลับไม่ได้ เค้าเปิดปังคุงกะเจมส์บนรถด้วย!!! ใครจะไปหลับลง ฮาดีอะ ชอบๆ ก็ดูไปซักพักเผลอหลับไปตอนไหนไม่รู้ รู้แต่ว่าตื่นมาอยู่ที่ Rest Area แล้ว วิวแถวนี้เป็นทุ่งกว้างเขียวขจี มีดอกหญ้าสีสันสดใสแซมเป็นระยะๆ อากาศดีมาก ลมก็เย็นสบาย (ออกจะหนาวเลยแหละ) ก็ลงไปเข้าห้องน้ำ ซื้อเสบียงกันเสร็จ รอคุณ Mariano คนขับรถสูบบุหรี่เรียบร้อยก็ขึ้นรถ เดินทางต่อ (เวลาคนไทยมาเร็ว ไม่ครบ 20 นาทีก็ไม่ไปนะนี่ ตาคนนี้ ทีเงี้ยทำเป็นตรงเวลา)

พอกลับขึ้นมาบนรถก็เริ่มตาสว่างละ นอนไปเยอะแล้ววันนี้ คุณโจ้ ไกด์ของเรา (ในที่สุดก็นึกชื่อออกซะที) ก็เริ่มบรรยายเกี่ยวกับเมืองบูโกสที่เราจะไปกัน พร้อมกับประวัติของ El Cid วีรบุรุษชาวสเปน แล้วก็เปิด vcd หนังเรื่อง El Cid ให้ดู หนังเก่ามาก แต่ก็สนุกดี สร้างจากเรื่องจริงนะจ๊ะ เป็นตำนานเลย

เรื่องราวมีอยู่ว่า เอล ซิด เป็นผู้ดีมีตระกูลจากแคว้นคาสติล รับราชการเป็นทหาร ภายใต้การปกครองของกษัตริย์ Sancho II  ต่อมาหลังจากกษัตริย์องค์นี้ได้สิน้พระชนม์ กษัตริย์ Alfonso IV ผู้เป็นน้องชายซึ่งไม่ชอบหน้าเอล ซิดเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว จึงยกเรื่องราวของสงครามและสาเหตุอื่นๆมาเนรเทศเอล ซิดออกจากแคว้นคาสติล

เอล ซิด จึงกลายมาเป็นทหารรับจ้างทำงานให้กษัตริย์ของแขกมัวร์ที่เมืองซาราโกซ่า ระหว่างนั้น เอล ซิด ก็ได้สร้างกองกำลังที่แข็งแกร่งไว้ที่เมือง Valencia และมีอำนาจมากขึ้นเรื่อยๆเนื่องจากกองทัพของเขามีทั้งแขกมัวร์และคริสเตียนร่วมมือกัน และด้วยความสามารถก็ได้มาเป็นแม่ทัพผู้ปกครองเมืองวาเลนเซีย 

ต่อมาภายหลังพวกแขกมัวร์ได้ยกทัพไปตีกองทัพของกษัตริย์อัลฟองโซ่จนแพ้ยับเยิน กษัตริย์เห็นท่าไม่ดีจึงรีบเรียกตัวนักรบที่เก่งกาจที่สุดกลับมาทันที ซึ่งก็คือ เอล ซิด นั่นเอง 

ตามตำนานเล่าว่า เอล ซิด นั้นได้รับบาดเจ็บสาหัสในระหว่างที่รบกับพวกแขกมัวร์ และในที่สุดก็ทนพิษบาดแผลไม่ไหวและได้เสียชีวิตลง ทำให้บรรดาศัตรูเกิดความฮึกเหิม และเตรียมจะยกทัพเข้าทลายกองทัพที่เหลืออยู่ แต่ภรรยาของเอล ซิดได้ให้สัญญาไว้กับเขาก่อนตายว่า เธอจะทำให้เขาได้ร่วมรบเป็นขวัญและกำลังใจให้กับทหารจนถึงที่สุด จึงทำทีเป็นว่า เอล ซิด นั้นปลอดภัย พอวันรุ่งขึ้น เธอได้นำร่างของเขาใส่ชุดเกราะแล้วนำไปผูกไว้บนหลังม้าให้อยู่ในท่านั่ง แล้วปล่อยให้ม้าวิ่งลงไปบนสนามรบ เหล่าทหารจึงได้ขวัญและกำลังใจกลับมาในขณะที่ทหารแขกมัวร์ต่างพากันแตกตื่นกับนักรบอมตะผู้นี้ จึงกล่าวได้ว่า เอล ซิด นั้นได้ขับไล่พวกแขกมัวร์ออกไปจนหมดแม้กระทั่งสิ้นลมหายใจไปแล้ว เจ๋งมะ ปัจจุบันร่างของท่านถูกฝังไว้บริเวณใจกลางของ Cathedral de Burgos  วิหารที่สวยงามที่สุดของเมืองบูโกส
 

ในที่สุดเราก็เข้าเขตเมือง Burgos แล้ว วันนี้โชคดีมากๆเลยเพราะว่าวันนี้ที่เมืองบูโกสมีงานคาร์นิวัลหรืองานเทศกาลประจำปีพอดีเลย เฮงสุดๆ ^-^ พอเข้าเมืองไปปุ๊ปก็เจอขบวนพาเหรดในชุดประจำชาติสเปนเดินกันเต็มเมืองเลย ชุดเค้าจะสีสันสดใสมาก แล้วผ้าก็จะพองๆพริ้วๆ แปลกดี ได้เห็นเป็นบุญตา ตื่นเต้นๆ แล้วก็มีพวกวงโยฯถือเครื่องดนตรีเล่นกันมาบนถนนเลย เห็นแล้วคิดถึงสมัยเรียนจังเลย เสียดายที่ตา Mariano แกของขึ้นอะไรไม่รู้ ขับเร็วชะมัด ถ่ายรูปไม่ทันอะ

ในขณะที่กำลังดูหนังกันเพลินๆอยู่นั้น คุณ Mariano คนขับศักดินาของเราก็ดันเกิดหลงทางซะนี่ พี่แกคงหงุดหงิดจัดเลยปิดหนังมันซะงั้น จะจบอยู่แล้วเชียว รถทัวร์ของเราหลงเข้าไปในเขตชุมชนซึ่งถนนแคบมาก แล้วก็มีรถจอดตลอดแนว แถมถ้าจะกลับออกมาทางก็ดันเป็นโค้งหักศอก (จะบอกว่าโค้งแทบจะวกกลับเลยก็ว่าได้) ก็ยึกยักอยู่นานพอสมควรจนรถแถวนั้นติดยาวเพราะว่ารถของเราขวางอยู่ ในที่สุดด้วยความพยายาม+เทคนิคอย่างสูงของ Mariano ก็ทำให้รถเราเลี้ยวผ่านไปได้ในที่สุด ทุกคนพร้อมใจกันปรบมือให้ดังๆด้วยความโล่งอก เฮ้ออ~

18.30 น. เมื่อคนขับของเราสามารถนำรถกลับเข้าเส้นทางเดิมได้แล้ว เราก็มุ่งหน้าไปที่โรงแรมของเราทันที โรงแรมนี้ชื่อ Hotel Abba de Burgos เป็นโรงแรมสี่ดาวที่โมเดิ้ร์นมากกก ประทับใจสุดๆ แนะนำๆ ใครไปยุโรปกรุณาใช้บริการโรงแรมเครือ ABBA นะคะดีสุดๆ โรงแรมนี้ตกแต่งสวยมาก ห้องก็หรู กว้างขวาง เตียงใหญ่ แอร์เย็นฉ่ำ วิวสวยด้วย แล้วก็ที่ชอบสุดๆคือห้องน้ำ สุดยอดๆๆๆ ห้องน้ำในฝัน หรูหรามาก อยากได้แบบนี้อะ เป็นโรคจิตชอบห้องน้ำสวยๆ เค้าจะมี Collection กิ้ฟเซ็ทให้ด้วยทุกห้อง ไปดูรูปนะ ขี้เกียจบรรยาย

19.30 น. อากาศกำลังเย็นสบาย แต่เวลาลมพัดมาก็หนาวจนสั่นเลยล่ะ ท้องฟ้าเหมือนประมาณ 5 โมงเย็นบ้านเรา พวกเราก็พากันเดินออกจากโรงแรมเพื่อจะไปกินข้าวเย็นกันที่ร้านอาหาร Don Nuno Restaurant เนื่องจากโรงแรมของเราตั้งอยู่บนเนินเขา วิวจึงสวยมาก เห็นเมืองบูโกสเกือบทั้งเมือง ก็เดินกินอากาศกันไปเรื่อยๆ จนผ่านมาถึงซุ้มประตูเก่า (เมืองนี้่เป็นเมืองเก่าจึงยังมีปราสาทและสถาปัตยกรรมโกธิคมากมาย) มองขึ้นไปข้างบนก็เห็นรังนกกระสาล่ะ อยู่ทั้งคู่เลยด้วย ตัวเบ้อเริ่มเลย กะเหรี่ยงไทยตื่นเต้นกันใหญ่ ก็บ้านเราไม่ได้มีให้เห็นง่ายๆนี่นา พอเดินไปอีกหน่อยก็หยุดอึ้ง ตกตะลึงอีกแล้วค่ะ เราเห็นอะไรน่ะเหรอ นึกภาพตามนะ (นึกไม่ออกก็ไปดูรูปซะ) ระหว่างที่เดินไปตามถนน สองข้างทางเป็นตึกแถวที่อยู่อาศัย พอพ้นแนวตึกไปเราก็เห็นยอดวิหาร Cathedral de Burgos ใหญ่โตมโหฬารโผล่พ้นมุมตึกออกมา เหมือนกับว่าฟากนี้กับฟากโน้นมันคนละยุคกันเลย แต่ยิ่งพอเข้าไปมองดูใกล้ๆแล้วเข้ากันมากๆ นี่ขนาดเห็นแค่ยอดเองนะ

เดินไปเรื่อยๆก็เจอบรรดาฝรั่งท้องถิ่นแต่งชุดราตรีเดินกันมาบนถนน พอดีว่าวันนี้มีคนแต่งงานพอดี เค้าคงไปร่วมงานซะครึ่งเมือง ได้เจอเจ้าบ่าวเจ้าสาวด้วยล่ะ คุณพี่ชายก็ไปขอเค้าถ่ายรูปมาเรียบร้อย แหม วันนี้มันวันดีจริงๆนะ 

พอเดินต่อไปเราก็ไปเจอ Cathedral de Burgos แบบเต็มๆ ยิ่งใหญ่อลังการงานสร้างมาก ชอบมากๆเลย ยิ่งพวกงานแกะสลักด้านหน้าวิหารนี่สวยงามมากๆ จากจุดที่เรายืนอยู่จะมีบันไดวนลงไปด้านล่าง ซึ่งจะมีลานน้ำพุอยู่ข้างหน้าวิหาร ลานนี้มีชื่อว่า Plaza de Santa Maria เป็นจตุรัสเล็กๆที่มีน้ำพุอยู่ตรงกลาง ด้านหนึ่งเป็นวิหารใหญ่โต อีกสามด้านล้อมรอบด้วยกำแพงบ้านเรือนสูงขึ้นไป เหมือนมองลงไปในกล่องน่ะ มองจากตรงนี้ก็ยังไม่ถึงครึ่งของตัววิหารทั้งหมดเลย เราพยายามเก็บภาพวิหารแบบเต็มๆแล้วล่ะ แต่ทำยังไงก็ไม่ได้ เพราะที่มันแคบ แล้วก็วิหารนี้ก็สูงมาก!!! เลนส์หนูมันทำบ่ได้ค่า สรุปเลยได้รูปแบบแบ่งเป็นท่อนๆมาให้ทุกท่านได้ชมแทนนะคะ พอเอาคนลองไปยืนเทียบตรงประตูวิหารแล้วเหลือตัวนิดนึง 

พอเดินออกจาก"กล่อง"มาด้านล่าง ผ่านหน้าตัววิหาร เราก็จะเจอกับผู้คนมากมายทันที เพราะว่าวันนี้มีงานคาร์นิวัล มีม้าหมุนด้วยๆ ม้าหมุนฝรั่งเค้าสวยมากๆเลย แต่ละตัวนี่แข่งกันสวยสุดๆ เด็กๆตรึมอะ แถมเมืองนี้คนอายุรุ่นๆเดียวกับเรามีเพียบเลย เค้าออกมาเที่ยวงานกัน เสียงดังอึกทึกมาก

20.15 น. หลังจากมัวโอ้เอ้ถ่ายรูปกันอยู่นานมาก เราก็มาถึงร้านอาหารกันได้ซะที ร้านอาหารส่วนที่เรานั่งกินข้าวกันจะเป็นเหมือนเพิงกันลม นึกออกมั้ย เอาเสามาค้ำไว้แล้วก็มีผ้าพลาสติก หรือผ้าเต๊นท์นี่แหละ มาคลุมทับอีกที กันแดดกันลมเฉยๆ ข้างในก็มีฮีตเต้อร์ให้ พอร้านปิดก็พับเก็บ สะดวกมาก ที่เกาหลีก็มีร้านแบบนี้เยอะเลย 

อาหารจานแรกเป็นสลัดตามสูตร มีมะเขือ มะกอก ผักกาด แครอท และอื่นๆ ขนมปังกับไวน์ ขาดไม่ได้อีกเช่นเคย เครื่องปรุงของยุโรปจะมีอยู่แค่ไม่กี่อย่าง น้ำมันมะกอกสีเหลือง แดง เกลือ พริกไทย แล้วก็ซอสทาบาสโก้ พอจัดการกับสลัดเรียบร้อยแล้ว main course ก็มา โอ้วว น่ากินมากๆ เป็นไก่ย่างทั้งตัว เหลืองอร่ามน่ากินมากๆ เสริฟพร้อมกับเฟร้นช์ฟรายแบบพูนๆจาน อร่อยมากค่ะ แต่ร้านนี้เติมไม่ได้อะ หมดแล้วหมดเลย ก็เล่นให้ไก่ทั้งตัวนี่เนอะ จากนั้นก็ปิดท้ายด้วยไอติมสามสีแบบฉบับของสเปน อิ่มจัง


21.15 น. เมื่อกินเสร็จเราก็แยกย้ายกันไปเดินเล่นย่อยอาหาร ชมเมือง ดูงานเทศกาลของบูโกส คนเยอะจริงๆอะ ไปเดินเล่นตามตรอกซอกซอย ร้านค้าเปิดไฟกันสวยงามน่าซื้อน่าช้อปมาก แต่ขอโทษด้วย ตังค์อยู่ครบค่ะ เพราะมันเปิดแต่ไฟหน้าต่าง display แต่ล็อคประตู พูดง่ายๆคือร้านปิดแล้ว ก็มันสามทุ่มกว่าแล้วนี่ แต่พวกร้านอาหาร บาร์ต่างๆยังเปิดอยู่ คนนั่งกันตรึมเลย ตามบันไดก็จะมีพวกวัยรุ่นนั่งก๊งกันอยู่ เฮฮามาก

พระอาทิตย์เริ่มจะลับขอบฟ้าไปแล้ว แต่ก็ยังพอมีแสงอยู่บ้าง สามพี่น้องก็พากันเดินกลับโรงแรมสุดหรูของเรา เมืองนี้เค้าจะมีจุดขายอยู่เยอะมาก อย่างเวลาเย็นๆกลางคืนแบบนี้เค้าก็จะมี Route of Light เป็นเส้นทางชมเมืองที่เค้าจะเปิดไฟไว้ตามจุดสำคัญต่างๆ สวยๆ บรรยากาศดีมากๆเลย อยากจะถ่ายรูปมาให้ได้เยอะๆแต่แสงไม่พอ+ไม่มีขาตั้ง และกำลังกล้องมันได้แค่นี้อะนะ ต้องไปเองถึงจะรู้ค่ะ ^-^

พอเดินกลับมาถึง Plaza de Santa Maria ที่มีน้ำพุอยู่หน้าวิหารบูโกส เราก็ถ่ายรูปกันเล่นอยู่พักนึง ก็มีเสียงเอะอะมาจากด้านบน พอมองขึ้นไปดูก็เห็นว่าเค้ากำลังส่งตัวคู่บ่าวสาวพอดี บางคนนี่ขึ้นตะโกนแซวจากระเบียงโรงแรมแถวนั้นเลย ท่าทางเค้าจะรู้จักกันทั้งเมืองจริงๆนะ

22.30 น. เมื่อกลับมาถึงโรงแรมก็มืดเรียบร้อย กล้องเราก็เมมโมรี่เต็มพอดี ระหว่างรอห้องน้ำเราก็ไปย้ายรูปไปลงคอมคุณพี่ 2 GB หมดไปละ เดี๋ยวพรุ่งนี้เริ่มใหม่ อิอิ กลับห้องตัวเองก็ห้าทุ่มกว่าๆละ ในที่สุดก็จะได้ใช้ห้องน้ำในฝัน อิอิอิ

0.30 น. อาบน้ำ สระผมเสร็จปุ๊ป ออกมาก็มีเรื่องให้ระทึกอีกแล้ว หันไปดูน้องสาวบรรทมเรียบร้อย เราก็เดินไปตรงโต๊ะเครื่องแป้ง แล้วจู่ๆที่ตรงนั้นก็มีลมร้อนผ่าวพ่นออกมา!!! ตกใจมากอะ เกิดอะไรขึ้นเนี่ย  หันซ้ายหันขวาหาฮีตเต้อร์ใหญ่เลยนะ ไม่มี! ก็ไปยืนริมหน้าต่างแหวกผ้าม่านหาเลย ก็ไม่มี มองข้างบนก็ไม่มี ข้างกำแพงก็ไม่มี มันอยู่ไหนฟะ เดินไปหาดูข้างๆประตู ก็ยังไม่มี แล้วไอร้อนมันมาจากหนายยย ด้วยความฟุ้งซ่านบวกกับว่ามันดึกมากแล้ว สมองเริ่มไม่แล่น เราก็เริ่มคิดขึ้นมานิดๆ เอ... โรงแรมนี้เคยมีข่าวไฟไหม้ในอดีตปล่าวหว่า (เริ่มบ้า) แล้วก็คิดได้ แต่นี่มันโรงแรมใหม่นี่ คงไม่มีผีไฟไหม้มาหลอกเราเล่นหรอก ก็เดินวนๆอีกหนึ่งรอบ มาหยุดที่โต๊ะเครื่องแป้งอีกครั้งนึง ลองโบกไม้โบกมือดูซิ โป๊ะเชะ! ชั้นหาเจอแล้ว!!! มันก็คือ....มันมาจากแอร์นั่นเอง ให้เราหาตั้งนาน ไม่รู้ที่นี่เค้าตั้งระบบยังไง แต่สงสัยว่าพอตอนหลังเที่ยงคืนแอร์มันจะกลายเป็นฮีตเต้อร์แฮะ ลมงี้ร้อนผ่าวเชียว ให้เรางมอยู่ตั้งนาน ทีนี้พอเจอต้นตอปุ๊ปก็กลุ้มอีก ทำไงจะให้มันกลับไปเป็นแอร์ล่ะเนี่ย หลังจากทดลองกดนู่นกดนี่อยู่พักนึง  เปิดปิดประตูก็แล้ว มันก็ยังไม่หาย ตีหนึ่งกว่าแล้วอะ ช่างมัน นอนมันทั้งอย่างนี้ก็ได้ (แต่จริงๆแล้วเราคิดผิด เดี๋ยวจะมาเล่าต่อตอนหน้า)

เพราะฉะนั้นก็....ราตรีสวัสดิ์ค่ะ เจอกันตอนหน้านะคะทุกท่าน

 
ไปดูรูปที่ฟาติมาตอนเช้าได้ที่นี่จ้า
http://picasaweb.google.com/kazekay01/FatimaJune2Morning

ไปดูรูปจากเมืองบูโกสได้ที่นี่เลย ชอบเมืองนี้มากๆ บรรยากาศน่าอยู่สุดๆ
http://picasaweb.google.com/kazekay01/BurgosJune22007
ภาพประจำตัวสมาชิก
Holy
Defender of lawS
Defender of lawS
โพสต์: 10011
ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ ม.ค. 17, 2005 3:06 pm

อาทิตย์ ม.ค. 06, 2008 4:47 pm

ท้องฟ้าที่ฟาติมาสวยมาก ยังกับปีกทูตสวรรค์
ภาพประจำตัวสมาชิก
kk-chan
โพสต์: 45
ลงทะเบียนเมื่อ: อาทิตย์ ม.ค. 30, 2005 3:38 pm

พุธ มี.ค. 25, 2009 9:08 am

เหมือนเราจะทิ้งช่วงไปนานมาก ไม่ได้โพสตอนต่อเลย
ถ้าตอนนี้มาโพสตอนที่เหลือจะมีคนอ่านมั้ยนะ ^^'
Buddy
โพสต์: 3057
ลงทะเบียนเมื่อ: พุธ มี.ค. 09, 2005 10:48 am
ที่อยู่: USA

พุธ มี.ค. 25, 2009 9:14 am

kk-chan เขียน: เหมือนเราจะทิ้งช่วงไปนานมาก ไม่ได้โพสตอนต่อเลย
ถ้าตอนนี้มาโพสตอนที่เหลือจะมีคนอ่านมั้ยนะ ^^'

1 ปีผ่านไป  ::011::

มาโพสต์ต่อเถอะค่ะ เขียนสารคดีท่องเที่ยวได้น่าอ่านใช้ได้ค่ะ  ::004::
ตอบกลับโพส