ขอถามปัญหาค่ะ ทำไมพระเยซูเจ้า พระแม่มารีย์ถึงมีความรักแจกจ่ายให้ทุกคนได้หมดค่ะ
ขอถามปัญหาค่ะ ทำไมพระเยซูเจ้า พระแม่มารีย์ถึงมีความรักแจกจ่ายให้ทุกคนได้หมดค่ะ
ในขณะที่เราหรือเพื่อนๆๆพี่ๆๆน้องๆๆนึกถึงพระองค์ แม่พระ
ท่านก็ประทานความรักให้เรา
ท่านทำได้อย่างไรค่ะ
ทำไมท่านมีความรักให้ม๊ากกมายขนาดนี้
เราจะเดินตามทางของท่านได้มะค่ะ
แจกจ่ายความรักให้เพื่อนๆๆทุกคนค่ะ
ขอโทษค่ะที่ถามปัญหาแบบนี้อาจไม่ถูกต้องอะไร
ขออภัยด้วยค่ะ
เรียนคำสอนอยู่ค่ะ
ขอบพระคุณค่ะ
ในขณะที่เราหรือเพื่อนๆๆพี่ๆๆน้องๆๆนึกถึงพระองค์ แม่พระ
ท่านก็ประทานความรักให้เรา
ท่านทำได้อย่างไรค่ะ
ทำไมท่านมีความรักให้ม๊ากกมายขนาดนี้
เราจะเดินตามทางของท่านได้มะค่ะ
แจกจ่ายความรักให้เพื่อนๆๆทุกคนค่ะ
ขอโทษค่ะที่ถามปัญหาแบบนี้อาจไม่ถูกต้องอะไร
ขออภัยด้วยค่ะ
เรียนคำสอนอยู่ค่ะ
ขอบพระคุณค่ะ
God is the infinite source of LOVE.... :) Jesus is God, so He can infiniely love us.... Mother Mary has got the special heart from God. She is full of GRACE... That's why she can love us so much.
We are trying to LOVE like God... but it's quite impossible.. sometimes we are selfish.. sometimes self-centered... sometimes insecured... That's why we can't... But with the grace from God, we'll be transformed to have the heart like God... the heart that can love infinitely... the heart that can love like God.. :)
So, we need to pray for these grace -- the grace that can make our hearts like God.. so that we can love like God.. :)
Have you learned about GRACE? .. sometimes called SANCTIFYING GRACE.. (Pra Khun .. or Pra Hun Sa Tan)
We are trying to LOVE like God... but it's quite impossible.. sometimes we are selfish.. sometimes self-centered... sometimes insecured... That's why we can't... But with the grace from God, we'll be transformed to have the heart like God... the heart that can love infinitely... the heart that can love like God.. :)
So, we need to pray for these grace -- the grace that can make our hearts like God.. so that we can love like God.. :)
Have you learned about GRACE? .. sometimes called SANCTIFYING GRACE.. (Pra Khun .. or Pra Hun Sa Tan)
แก้ไขล่าสุดโดย Buddy เมื่อ ศุกร์ เม.ย. 29, 2005 8:58 am, แก้ไขไปแล้ว 1 ครั้ง.
ใครเล่า...ที่สอน ให้มนุษย์รัก
พระยาเวห์ มิใช่หรือ ???
หากเป็นเช่นนั้น เหตุใดเล่า
พระคริสต์ ผุ้เป็นพระเจ้า จึงจะมอบรักนั้นอีกมิได้ ::)
แม่พระเอง คือผุ้ได้รับมอบ รักนั้น
เช่นดั่งเราทุกคนครับ :-*
พระยาเวห์ มิใช่หรือ ???
หากเป็นเช่นนั้น เหตุใดเล่า
พระคริสต์ ผุ้เป็นพระเจ้า จึงจะมอบรักนั้นอีกมิได้ ::)
แม่พระเอง คือผุ้ได้รับมอบ รักนั้น
เช่นดั่งเราทุกคนครับ :-*
-
- ~@
- โพสต์: 12724
- ลงทะเบียนเมื่อ: อังคาร ม.ค. 18, 2005 2:28 pm
- ที่อยู่: Thailand
ตามความเห็นของผมนะครับ
พระเป็นเจ้าและแม่พระรักมนุษย์มากครับ เพราะ "ความรัก" เป็นสิ่งที่พระองค์ทรงย้ำเตือนกับเราเสมอ ว่า "จงรักซื่งกันและกัน ดังที่เรารักท่าน" แสดงให้เห็นว่า พระองค์ทรงเป็นแบบอย่างให้เราแล้ว อยู่ที่ว่าเราสามารถที่จะทำตามแบบอย่างของพระองค์ได้หรือไม่ครับ
แม่พระก็เช่นเดียวกันครับ แม่พระก็รักมนุษย์ทุกคนบนโลกใบนี้เหมือนลูกของแม่พระเองครับ แม่พระเป็นมารดาพระเจ้า ดังนั้น ด้วยเรื่องความรักและการให้อภัยเป็นเรื่องที่เป็นแบอย่างเราได้เช่นเดียวกันครับ นอกจากนั้น แม่พระเป็นหญิงที่เต็มเปี่ยมไปด้วยความเชื่อในพระเป็นเจ้ามากครับ
คุณ minnie สามารถที่จะแจกจ่ายความรักให้กับเพื่อนทุกคนได้ครับ เพราะนั่นก็เป็นเรื่องที่พระองค์ทรงอยากให้มนุษย์ทุกคนทำให้ได้ครับ
พระเป็นเจ้าและแม่พระรักมนุษย์มากครับ เพราะ "ความรัก" เป็นสิ่งที่พระองค์ทรงย้ำเตือนกับเราเสมอ ว่า "จงรักซื่งกันและกัน ดังที่เรารักท่าน" แสดงให้เห็นว่า พระองค์ทรงเป็นแบบอย่างให้เราแล้ว อยู่ที่ว่าเราสามารถที่จะทำตามแบบอย่างของพระองค์ได้หรือไม่ครับ
แม่พระก็เช่นเดียวกันครับ แม่พระก็รักมนุษย์ทุกคนบนโลกใบนี้เหมือนลูกของแม่พระเองครับ แม่พระเป็นมารดาพระเจ้า ดังนั้น ด้วยเรื่องความรักและการให้อภัยเป็นเรื่องที่เป็นแบอย่างเราได้เช่นเดียวกันครับ นอกจากนั้น แม่พระเป็นหญิงที่เต็มเปี่ยมไปด้วยความเชื่อในพระเป็นเจ้ามากครับ
คุณ minnie สามารถที่จะแจกจ่ายความรักให้กับเพื่อนทุกคนได้ครับ เพราะนั่นก็เป็นเรื่องที่พระองค์ทรงอยากให้มนุษย์ทุกคนทำให้ได้ครับ
- ~@Little lamb@~
- Defender of lawS
- โพสต์: 9396
- ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ ม.ค. 17, 2005 3:00 pm
- ติดต่อ:
ตัวอย่างความรักของพระเยซูที่เห็นได้ในโลกนี้
คือ แม่ชีเทเรซาแห่งกัลกัตตางัยคะ *no1
หนูให้การบ้านพี่มินนี่ 1 ข้อคะ *kis
พี่มินนี่ลองกลับไปอ่าน พระคัมภีร์ 1โครินธ์ 13:1-13 ดูนะคะ
แล้วพี่จะเข้าใจความรักมากขึ้น
คือ แม่ชีเทเรซาแห่งกัลกัตตางัยคะ *no1
หนูให้การบ้านพี่มินนี่ 1 ข้อคะ *kis
พี่มินนี่ลองกลับไปอ่าน พระคัมภีร์ 1โครินธ์ 13:1-13 ดูนะคะ
แล้วพี่จะเข้าใจความรักมากขึ้น
หนูให้การบ้านพี่มินนี่ 1 ข้อคะ
พี่มินนี่ลองกลับไปอ่าน พระคัมภีร์ 1โครินธ์ 13:1-13 ดูนะคะ
แล้วพี่จะเข้าใจความรักมากขึ้น
รบกวนสอนอ่านพระคัมภีร์ด้วยค่ะ
ไม่รู้จริงๆๆค่ะ
พระคัมภีร์ 1โครินธ์ 13:1-13
หมายความว่ายังไงค่ะ
ที่มีอ่านคือ พระวารสาร เล่มสีเทาๆๆอะค่ะ
ขอโทษด้วยค่ะ เพราะไม่รู้จริงๆๆเลยถามค่ะ
ขอบพระคุณค่ะ :D
พี่มินนี่ลองกลับไปอ่าน พระคัมภีร์ 1โครินธ์ 13:1-13 ดูนะคะ
แล้วพี่จะเข้าใจความรักมากขึ้น
รบกวนสอนอ่านพระคัมภีร์ด้วยค่ะ
ไม่รู้จริงๆๆค่ะ
พระคัมภีร์ 1โครินธ์ 13:1-13
หมายความว่ายังไงค่ะ
ที่มีอ่านคือ พระวารสาร เล่มสีเทาๆๆอะค่ะ
ขอโทษด้วยค่ะ เพราะไม่รู้จริงๆๆเลยถามค่ะ
ขอบพระคุณค่ะ :D
-
- ~@
- โพสต์: 12724
- ลงทะเบียนเมื่อ: อังคาร ม.ค. 18, 2005 2:28 pm
- ที่อยู่: Thailand
หมายความว่าminnie เขียน: พระคัมภีร์ 1โครินธ์ 13:1-13
"จดหมายถึงชาวโครินทร์ ฉบับที่ 1 บทที่ 13 ข้อที่ 1 - 13" ครับ
แก้ไขล่าสุดโดย Batholomew เมื่อ ศุกร์ เม.ย. 29, 2005 1:46 pm, แก้ไขไปแล้ว 1 ครั้ง.
- ~@Little lamb@~
- Defender of lawS
- โพสต์: 9396
- ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ ม.ค. 17, 2005 3:00 pm
- ติดต่อ:
รู้จ๊ะ
พี่หมายถึง อ่านพระคัมภีร์
ใน โครินธ์ 1 บทที่ 1-13
ไม่ได้บอกว่าจดหมายข่าวเป็นพระวรสาร
พี่หมายถึง อ่านพระคัมภีร์
ใน โครินธ์ 1 บทที่ 1-13
ไม่ได้บอกว่าจดหมายข่าวเป็นพระวรสาร
เล่มสีเทาไม่มีบทจดหมายครับ :Dminnie เขียน: หนูให้การบ้านพี่มินนี่ 1 ข้อคะ
พี่มินนี่ลองกลับไปอ่าน พระคัมภีร์ 1โครินธ์ 13:1-13 ดูนะคะ
แล้วพี่จะเข้าใจความรักมากขึ้น
รบกวนสอนอ่านพระคัมภีร์ด้วยค่ะ
ไม่รู้จริงๆๆค่ะ
พระคัมภีร์ 1โครินธ์ 13:1-13
หมายความว่ายังไงค่ะ
ที่มีอ่านคือ พระวารสาร เล่มสีเทาๆๆอะค่ะ
ขอโทษด้วยค่ะ เพราะไม่รู้จริงๆๆเลยถามค่ะ
ขอบพระคุณค่ะ :D
เพราะ พระบิดา ,พระเยซูเจ้า และพระแม่มารีย์ มีความรักไร้ขอบเขต มีความรักนิรันดร์ ไม่มีวันหมดครับ เลยแจกจ่ายได้เรื่อยๆ และได้ครบทุกคนครับ อิๆ เพียงแต่คนนั้นๆ จะยอมรับความรักนั้นหรือไม่ทำไมพระเยซูเจ้า พระแม่มารีย์ถึงมีความรักแจกจ่ายให้ทุกคนได้หมดค่ะ
แก้ไขล่าสุดโดย Cho เมื่อ ศุกร์ เม.ย. 29, 2005 5:05 pm, แก้ไขไปแล้ว 1 ครั้ง.
ขอตอบอย่างนี้ครับ พระบิดา พระบุตร พระจิตนั้น คือ พระเจ้า และ พระเจ้าคือองค์ความรัก
ทรงเป็นความรักเองเลย ไม่ได้เป็นแค่ผู้ที่มีความรัก
เหมือนเป็นแสงสว่างเองเลย ไม่ใช่แค่มีแสงสว่าง ซึ่งแปลว่าอาจมีบางช่วงที่ "ไม่มี" ก็ได้
ดังนั้น ตัวแสงสว่างเอง ย่อม "สว่าง" เสมอตลอดเวลา ไม่สามารถ "ไม่มีความสว่าง" แม้จะเพียงชั่วขณะได้ ไม่งั้นก็ไม่ใช่ความสว่างอีกต่อไป
ดังนั้น มนุษย์นั้นเป็นแค่ผู้มีความรัก และให้ความรักและได้รับความรัก แต่ไม่ใช่ความรักเอง ย่อมมีบางเวลาที่เราจะมีความรักที่จางลงไปได้
แต่ในกรณีแม่พระ แม่พระคือสตรี ที่พระเจ้าทรงเลือกและ"โปรดปราน"เป็นพิเศษ ลองดูพระคัมภีร์บทนี้ครับ
2คร 3:7
ถ้าภารกิจที่ทำให้ตาย ซึ่งจารึกเป็นตัวอักษรบนแผ่นศิลา ได้มีความสว่างรุ่งโรจน์จนกระทั่งชาวอิสราเอลมองดูใบหน้าของโมเสสไม่ได้ เพราะใบหน้านั้นมีแสงสว่างรุ่งโรจน์แม้เพียงชั่วขณะ ภารกิจของพระจิตเจ้าจะมิความสว่างรุ่งโรจน์ยิ่งกว่านั้นอีกหรือ ถ้าภารกิจที่นำไปสู่การตัดสินลงโทษยังมีความสว่างรุ่งโรจน์แล้ว ภารกิจที่ให้ความชอบธรรมก็ยิ่งจะสว่างรุ่งโรจน์มากกว่านั้น อันที่จริง สิ่งที่เคยสว่างรุ่งโรจน์มาแล้ว หมดรัศมีเมื่อเทียบกับความสว่างรุ่งโรจน์ที่เหนือกว่า ถ้าสิ่งที่อยู่ชั่วขณะมีความสว่างรุ่งโรจน์แล้ว สิ่งที่ถาวรก็ยิ่งมีความสว่างรุ่งโรจน์มากกว่านั้น เรามีความหวังเช่นนี้ เราจึงพูดโดยไม่กลัวสิ่งใด ไม่เหมือนกับโมเสสซึ่งใช้ผ้าคลุมใบหน้าไว้ เพื่อมิให้ชาวอิสราเอลแลเห็นว่าแสงสว่างรุ่งโรจน์ชั่วขณะหนึ่งนั้นจางหายไปเมื่อใด แต่ปัญญาของพวกเขากลับมืดมัว จนกระทั่งทุกวันนี้เมื่อมีการอ่านพันธสัญญาเดิม ผ้าคลุมผืนนั้นยังคงอยู่ ยังไม่ถูกเปิด ผ้าคลุมนั้นจะถูกยกออกไปโดยพระคริสตเจ้าเท่านั้น จนกระทั่งทุกวันนี้ เมื่ออ่านหนังสือของโมเสสผ้าคลุมก็ยังปิดบังดวงใจของพวกเขาอยู่ แต่เมื่อเขาหันไปหาองค์พระผู้เป็นเจ้า ผ้าคลุมนั้นก็จะถูกยกออกไป องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงเป็นพระจิต และพระจิตขององค์พระผู้เป็นเจ้าสถิตอยู่ที่ใด เสรีภาพย่อมอยู่ที่นั่น เราทุกคนไม่มีผ้าคลุมใบหน้า จึงสะท้อน แสงสว่างรุ่งโรจน์ ขององค์พระผู้เป็นเจ้าเหมือนกระจกเงา เปลี่ยนเป็นภาพลักษณ์ เดียวกับพระองค์ ทวีความรุ่งโรจน์ยิ่ง ๆ ขึ้น เดชะองค์พระผู้เป็นเจ้าผู้ทรงเป็นพระจิต
-----------------------------------
โมเสสเอง เมื่ออยู่กับพระเจ้า40วันท่านก็มีแสงสว่างรุ่งโรจน์จากพระเจ้าติดตัวท่านมาชั่วขณะหนึ่งเลยทีเดียว
แต่แม่พระ สนิทเป็นเนื้อเดียวกายเดียวกับพระเป็นเจ้านาน9เดือน และยังสนิทใกล้ชิดอีกนาน33ปี ตลอดพระชนม์มายุ และยังสนิทต่อไปในองค์พระจิตเจ้า เมื่อพระแม่รับพระจิตเจ้าครั้งแรกพร้อมบรรดาสาวก ดังนั้นแม่พระคือมนุษย์ที่ซึมซับพระลักษณะของพระเจ้านานยิ่งกว่าโมเสสหลายเท่า ดังนั้นพระแม่จึงเป็นมนุษย์คนเดียวในโลกที่สามารถสะท้อนความรักของพระเจ้าให้กับเราได้มากที่สุดรองจากพระเยซูเจ้าเองเลยทีเดียว
อย่างที่LL1ได้พูดถึงแม่ชีเทเรซ่า แห่งกัลกัตตา ที่สะท้อนความรักพระเจ้าได้เห็นชัดมากเช่นกัน บรรดานักบุญทั้งหลายที่มีจิตใจชิดสนิทกับพระเจ้า ก็สามารถสะท้อนพระสิริของพระเจ้าได้ต่างๆกันตามลำดับ และรองๆลงมาจากแม่พระ เราทุกคนก็สามารถสะท้อนความรักของพระองค์ได้ ด้วยความเชื่อ และการติดสนิทในจิตวิญญาณกับพระองค์
ดังนั้นขอแบ่งปันว่า มนุษย์เราเปรียบเสมือนอัญมณีที่งดงามมีเหลี่ยมสะท้อนไม่เท่ากัน อย่างเพชร มันไม่ได้สวยเอง แต่ว่ามันสวยเพราะแสงมาส่อง และแสงสะท้อนเหลี่ยมมุมออกไปจนระยิบระยับสวยงาม แต่แสงสว่างส่องคลุมทั่วไปหมด จนเราอาจไม่รู้สึกมองเห็นอะไรนอกจากว่ามันสว่าง แต่อัญมณีช่วยสะท้อนแสงให้มองเห้นได้ แม่พระคืออัญมณีที่งดงามที่สุดที่พระเจ้าทรงมีตั้งแต่เนรมิตสร้างโลก แม่จึงสะท้อนแสงที่งดงามที่สุดของแสงสว่างออกมาได้ เหมือนพระบุตรที่สะท้อนพระบิดาออกมาได้เหมือนเป็นพระองค์เองเลยทีเดียวเมื่อทรงอยู่ในโลก
ยน 14:9
ผู้ที่เห็นเรา ก็เห็นพระบิดาด้วย
ส่วนมนุษย์คนอื่นๆ ก็อาจเป็นพลอย เป็นทับทิม เป็นทอง เป็นหิน หรือเป็นอะไรที่สะท้อนมากน้อยหลากหลายสีสัน แต่ถ้าเรายอมให้พระเจ้าเจียรนัยเรา เราก็จะงดงามและสะท้อนพระสิริได้มากขึ้นๆๆๆๆ
ดังนั้นในพระบิดาพระบุตรพระจิต ผู้เป็นพระเจ้า ทรงเป็นองค์ความรัก ที่ประทานความรักตลอดเวลา และแม่พระคือผู้รับใช้ของพระเจ้า ที่ทรงแจกจ่ายความรักนั้นให้เราด้วย
ทรงเป็นความรักเองเลย ไม่ได้เป็นแค่ผู้ที่มีความรัก
เหมือนเป็นแสงสว่างเองเลย ไม่ใช่แค่มีแสงสว่าง ซึ่งแปลว่าอาจมีบางช่วงที่ "ไม่มี" ก็ได้
ดังนั้น ตัวแสงสว่างเอง ย่อม "สว่าง" เสมอตลอดเวลา ไม่สามารถ "ไม่มีความสว่าง" แม้จะเพียงชั่วขณะได้ ไม่งั้นก็ไม่ใช่ความสว่างอีกต่อไป
ดังนั้น มนุษย์นั้นเป็นแค่ผู้มีความรัก และให้ความรักและได้รับความรัก แต่ไม่ใช่ความรักเอง ย่อมมีบางเวลาที่เราจะมีความรักที่จางลงไปได้
แต่ในกรณีแม่พระ แม่พระคือสตรี ที่พระเจ้าทรงเลือกและ"โปรดปราน"เป็นพิเศษ ลองดูพระคัมภีร์บทนี้ครับ
2คร 3:7
ถ้าภารกิจที่ทำให้ตาย ซึ่งจารึกเป็นตัวอักษรบนแผ่นศิลา ได้มีความสว่างรุ่งโรจน์จนกระทั่งชาวอิสราเอลมองดูใบหน้าของโมเสสไม่ได้ เพราะใบหน้านั้นมีแสงสว่างรุ่งโรจน์แม้เพียงชั่วขณะ ภารกิจของพระจิตเจ้าจะมิความสว่างรุ่งโรจน์ยิ่งกว่านั้นอีกหรือ ถ้าภารกิจที่นำไปสู่การตัดสินลงโทษยังมีความสว่างรุ่งโรจน์แล้ว ภารกิจที่ให้ความชอบธรรมก็ยิ่งจะสว่างรุ่งโรจน์มากกว่านั้น อันที่จริง สิ่งที่เคยสว่างรุ่งโรจน์มาแล้ว หมดรัศมีเมื่อเทียบกับความสว่างรุ่งโรจน์ที่เหนือกว่า ถ้าสิ่งที่อยู่ชั่วขณะมีความสว่างรุ่งโรจน์แล้ว สิ่งที่ถาวรก็ยิ่งมีความสว่างรุ่งโรจน์มากกว่านั้น เรามีความหวังเช่นนี้ เราจึงพูดโดยไม่กลัวสิ่งใด ไม่เหมือนกับโมเสสซึ่งใช้ผ้าคลุมใบหน้าไว้ เพื่อมิให้ชาวอิสราเอลแลเห็นว่าแสงสว่างรุ่งโรจน์ชั่วขณะหนึ่งนั้นจางหายไปเมื่อใด แต่ปัญญาของพวกเขากลับมืดมัว จนกระทั่งทุกวันนี้เมื่อมีการอ่านพันธสัญญาเดิม ผ้าคลุมผืนนั้นยังคงอยู่ ยังไม่ถูกเปิด ผ้าคลุมนั้นจะถูกยกออกไปโดยพระคริสตเจ้าเท่านั้น จนกระทั่งทุกวันนี้ เมื่ออ่านหนังสือของโมเสสผ้าคลุมก็ยังปิดบังดวงใจของพวกเขาอยู่ แต่เมื่อเขาหันไปหาองค์พระผู้เป็นเจ้า ผ้าคลุมนั้นก็จะถูกยกออกไป องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงเป็นพระจิต และพระจิตขององค์พระผู้เป็นเจ้าสถิตอยู่ที่ใด เสรีภาพย่อมอยู่ที่นั่น เราทุกคนไม่มีผ้าคลุมใบหน้า จึงสะท้อน แสงสว่างรุ่งโรจน์ ขององค์พระผู้เป็นเจ้าเหมือนกระจกเงา เปลี่ยนเป็นภาพลักษณ์ เดียวกับพระองค์ ทวีความรุ่งโรจน์ยิ่ง ๆ ขึ้น เดชะองค์พระผู้เป็นเจ้าผู้ทรงเป็นพระจิต
-----------------------------------
โมเสสเอง เมื่ออยู่กับพระเจ้า40วันท่านก็มีแสงสว่างรุ่งโรจน์จากพระเจ้าติดตัวท่านมาชั่วขณะหนึ่งเลยทีเดียว
แต่แม่พระ สนิทเป็นเนื้อเดียวกายเดียวกับพระเป็นเจ้านาน9เดือน และยังสนิทใกล้ชิดอีกนาน33ปี ตลอดพระชนม์มายุ และยังสนิทต่อไปในองค์พระจิตเจ้า เมื่อพระแม่รับพระจิตเจ้าครั้งแรกพร้อมบรรดาสาวก ดังนั้นแม่พระคือมนุษย์ที่ซึมซับพระลักษณะของพระเจ้านานยิ่งกว่าโมเสสหลายเท่า ดังนั้นพระแม่จึงเป็นมนุษย์คนเดียวในโลกที่สามารถสะท้อนความรักของพระเจ้าให้กับเราได้มากที่สุดรองจากพระเยซูเจ้าเองเลยทีเดียว
อย่างที่LL1ได้พูดถึงแม่ชีเทเรซ่า แห่งกัลกัตตา ที่สะท้อนความรักพระเจ้าได้เห็นชัดมากเช่นกัน บรรดานักบุญทั้งหลายที่มีจิตใจชิดสนิทกับพระเจ้า ก็สามารถสะท้อนพระสิริของพระเจ้าได้ต่างๆกันตามลำดับ และรองๆลงมาจากแม่พระ เราทุกคนก็สามารถสะท้อนความรักของพระองค์ได้ ด้วยความเชื่อ และการติดสนิทในจิตวิญญาณกับพระองค์
ดังนั้นขอแบ่งปันว่า มนุษย์เราเปรียบเสมือนอัญมณีที่งดงามมีเหลี่ยมสะท้อนไม่เท่ากัน อย่างเพชร มันไม่ได้สวยเอง แต่ว่ามันสวยเพราะแสงมาส่อง และแสงสะท้อนเหลี่ยมมุมออกไปจนระยิบระยับสวยงาม แต่แสงสว่างส่องคลุมทั่วไปหมด จนเราอาจไม่รู้สึกมองเห็นอะไรนอกจากว่ามันสว่าง แต่อัญมณีช่วยสะท้อนแสงให้มองเห้นได้ แม่พระคืออัญมณีที่งดงามที่สุดที่พระเจ้าทรงมีตั้งแต่เนรมิตสร้างโลก แม่จึงสะท้อนแสงที่งดงามที่สุดของแสงสว่างออกมาได้ เหมือนพระบุตรที่สะท้อนพระบิดาออกมาได้เหมือนเป็นพระองค์เองเลยทีเดียวเมื่อทรงอยู่ในโลก
ยน 14:9
ผู้ที่เห็นเรา ก็เห็นพระบิดาด้วย
ส่วนมนุษย์คนอื่นๆ ก็อาจเป็นพลอย เป็นทับทิม เป็นทอง เป็นหิน หรือเป็นอะไรที่สะท้อนมากน้อยหลากหลายสีสัน แต่ถ้าเรายอมให้พระเจ้าเจียรนัยเรา เราก็จะงดงามและสะท้อนพระสิริได้มากขึ้นๆๆๆๆ
ดังนั้นในพระบิดาพระบุตรพระจิต ผู้เป็นพระเจ้า ทรงเป็นองค์ความรัก ที่ประทานความรักตลอดเวลา และแม่พระคือผู้รับใช้ของพระเจ้า ที่ทรงแจกจ่ายความรักนั้นให้เราด้วย
แก้ไขล่าสุดโดย Holy เมื่อ ศุกร์ เม.ย. 29, 2005 5:43 pm, แก้ไขไปแล้ว 1 ครั้ง.
ขอบพระคุณที่ให้ความรู้ค่ะ
หนังสือหาได้ที่ใหนค่ะ
แล้วถ้าไปหาหนังสือบอกว่า ชื่อหนังสืออะไรค่ะ
จะได้รีบๆๆไปหามาอ่านค่ะ :D
หนังสือหาได้ที่ใหนค่ะ
แล้วถ้าไปหาหนังสือบอกว่า ชื่อหนังสืออะไรค่ะ
จะได้รีบๆๆไปหามาอ่านค่ะ :D
ก็พระคัมภีร์พันธสัญญาใหม่แหละครับ ถามเขาว่ามีรวมบทจดหมายไม๊ ถ้าสนใจฝากLL1ซื้อได้ครับ ตอนนี้มีฉบับที่มีเชิงอรรถอธิบายด้วยนะครับ อ่านแล้วเข้าใจพระคัมภีร์มากขึ้นมากทีเดียวminnie เขียน: ขอบพระคุณที่ให้ความรู้ค่ะ
หนังสือหาได้ที่ใหนค่ะ
แล้วถ้าไปหาหนังสือบอกว่า ชื่อหนังสืออะไรค่ะ
จะได้รีบๆๆไปหามาอ่านค่ะ :D
แก้ไขล่าสุดโดย Holy เมื่อ ศุกร์ เม.ย. 29, 2005 5:42 pm, แก้ไขไปแล้ว 1 ครั้ง.
- ~@Little lamb@~
- Defender of lawS
- โพสต์: 9396
- ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ ม.ค. 17, 2005 3:00 pm
- ติดต่อ:
เดี๋ยววันอังคารหน้าหนูพาพี่ไปซื้อก็ได้คะ
ที่เซนต์หลุยส์ก็มี :D
ที่เซนต์หลุยส์ก็มี :D
-
- ~@
- โพสต์: 2546
- ลงทะเบียนเมื่อ: อังคาร ม.ค. 18, 2005 10:54 pm
อ่านพระคำภีร์บ่อยๆทำให้จิตใจสงบนะครับ เป็นหนังสือที่อัศจรรย์มากๆเพราะเป็นหนังสือเล่มแรกที่เปี่ยนนิสัยผมให้กลายเป็นคนชอบอ่านได้ และเปลี่ยนผมที่ใจร้อนและเกลียดชังสิ่งต่างๆให้กลายเป็นคนมองโลกในแง่ดีได้ ;)
ขอบพระคุณม๊ากกค่ะ ที่แจกจ่ายความรู้ให้เราค่ะ
วันอังคารพี่ยุ่งแค่ใหน พี่ต้องไปค่ะ น้องเซ่เว่นอิเลเว่น
ดีใจจังเลย ได้ความรู้อีกแล้ว
ขอให้พระองค์อวยพรค่ะ :D
วันอังคารพี่ยุ่งแค่ใหน พี่ต้องไปค่ะ น้องเซ่เว่นอิเลเว่น
ดีใจจังเลย ได้ความรู้อีกแล้ว
ขอให้พระองค์อวยพรค่ะ :D