+ ขอเตือนสำหรับคนที่จะไปดู the Mist นะครับ ไม่ปลื้มเลย [Spoil] +

ถาม-ตอบพระคัมภีร์ เรื่องเสริมศรัทธา ความรู้ และสาระ บทความ ในคริสตศาสนา
Dis volentibus

อังคาร มี.ค. 04, 2008 5:06 pm

กลัวว่าหลายๆคน
โดยเฉพาะพี่น้องที่ไม่ใช่คริสตชน จะไม่มองอย่างนี้น่ะสิคะ
เพราะเค้าไม่ได้ทราบด้วยซํ้าว่านี่เป็นการตีความพระคัมภีร์เเบบผิดๆ
ในสายตาของคนอื่นคือ ไอ้นี่เป็นพวกคลั่งศาสนา
เเล้วอาจคิดมั่วๆต่อไปว่า พวกชาวคริสต์มันบ้าศาสนาจนน่ารำคาญ

หนังไม่ได้เเสดงให้เห็นถึงใครที่เป็นคริสตชนอย่างเเท้จริง
มีเเต่สุดโต่ง กับพวกที่ไม่เชื่อ

ศาสนาอื่นจะต้องมีอคติอย่างเเน่นอน

ป.ล. ไหนๆก็พูดถึงเรื่องดาวินชี่โค๊ต เป็นความจริงที่มันมีทั้งข้อดีเเละข้อเสีย
ที่ผ่านๆมา มีคนสนใจศาสนาคริสต์เพราะเรื่องนี้หลายคน ถึงเเม้บางคนเเรกๆมาด้วยความเชื่อผิดๆก็ตาม
เเต่ความจริง ก็คือความจริง จะมั่วหลักฐานขึ้นมาก็หาได้ไม่ ผู้ที่ไม่เชื่อเจอความจริงสุดท้ายก็ต้องกลับใจ

อีกมุมหนึ่ง ดาวินชี่โค๊ต ทำให้คนที่เป็นคริสตชนอยู่เเล้วเเต่จิตใจอ่อนเเอ ทิ้งวัด ทำให้พี่น้องศาสนาอื่นหัวเราะเยาะพระเยซู พระเจ้าของเรา
เป็นการดูถูกใส่ความพระศาสนจักรอันศักดิ์สิทธ์ ว่าโกหกทั้งเพ ดูหมิ่นนักบุญ เเละดูเหมือนมุมนี้จะมีอิทธิพลมากกว่า

ดังนั้นเมื่อชั่งนํ้าหนักเเล้ว ข้าพเจ้าจึง....เเบนมัน
แก้ไขล่าสุดโดย Dis volentibus เมื่อ อังคาร มี.ค. 04, 2008 5:27 pm, แก้ไขไปแล้ว 1 ครั้ง.
ภาพประจำตัวสมาชิก
Aion
โพสต์: 16
ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ ก.พ. 18, 2008 3:40 pm

อังคาร มี.ค. 04, 2008 7:42 pm

สรุปก็คือ ... มันเสี่ยงที่จะถูกเข้าใจผิด
มากกว่า ผลดี เสียอีกนะเนี่ย
Alphonse
โพสต์: 1792
ลงทะเบียนเมื่อ: พุธ ส.ค. 23, 2006 10:45 pm
ที่อยู่: Thailand

อังคาร มี.ค. 04, 2008 7:58 pm

ข้าพเจ้าไม่แบน...
เพราะข้าพเจ้าไม่คิดจะดูแต่แรก
ฮ่า ๆ ๆ ๆ
ภาพประจำตัวสมาชิก
Ma-Se
โพสต์: 7
ลงทะเบียนเมื่อ: อังคาร ม.ค. 01, 2008 9:12 pm
ที่อยู่: Somewhere Out there

อังคาร มี.ค. 04, 2008 8:30 pm

เรามีสิทธ์ไปตัดสินด้วยหรอครับ
ผมไม่อยากให้เกิดอคติ เพราะด้วยตัวหนังเองนั้นก็ดีในตัวมันจริงๆ
ไม่ดูก็คือไม่ดูครับ แต่ไม่อยากให้ไปบอกคนอื่นว่า "หนังไม่สนุก ไม่น่าดู"
แต่ถ้าเราบอกเขาให้เข้าใจ แนะนำเขาว่า แบบนี้มันไม่ใช่ มันไม่ดี ผมว่าคงจะดีกว่า

ในพันทิป มีคนโพสกระทู้เืรื่องนี้ด้วย พี่ยศ ส่งมาให้ผมอ่าน ลองเข้าไปดูกันครับ
http://www.pantip.com/cafe/chalermthai/ ... 87944.html
ภาพประจำตัวสมาชิก
Holy
Defender of lawS
Defender of lawS
โพสต์: 10011
ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ ม.ค. 17, 2005 3:06 pm

อังคาร มี.ค. 04, 2008 9:24 pm

คำเตือน บทสนทนาของเกรียน2คนนี้ ไม่ไพเราะเท่าไหร่


เสร็งเคร็ง-หิวจังเลยอยากกินอะไรอร่อยๆและดีๆมีประโยชน์
สังคัง-อ่ะ เอาแอปเปิ้ลนี่ไป

เสร็งเคร็งรับแอปเปิ้ลไปกิน สักพักชักดิ้นชักงอ อาเจียนออกมามากมาย  เส็งเคร็งไปให้หมอล้างท้อง และกลับมาหาสังคัง

เสร็งเคร็ง-เฮ๊ย ทำไมเอาแอปเปิ้ลเคลือบยาพิษให้ตูกิน
สังคัง-อ้าว ทำไมมองแต่ด้านที่มันมียาพิษล่ะ ถ้าตัดยาพิษออกมันมีวิตามินสูงมากนะ
เสร็งเคร็ง-ไอ้@#$@ ตรูเกือบตายแล้ว อย่ามาทำพูดดี
สังคัง-เฮ้ย นายว่าเราไม่ได้ เราหวังดี อยากให้นายเรียนรู้ จะได้แยกแยะสิ่งดีไม่ดี แล้วเลือกเอาแต่สิ่งที่ดี และระวังตัวในอนาคต

เสร็งเคร็ง----ตบกระบาลสังคังฉาดใหญ่

เสร็งเคร็ง-เอร็งจงใจใส่ยาพิษให้ตรูกิน แล้วถ้าตรูตายขึ้นมา จะรับผิดชอบยังไง
สังคัง-.............................
เสร็งเคร็ง-ถ้าหวังดีกะตรูจริง มันง่ายกว่าไหม ที่จะให้แอปเปิ้ลที่ไม่เคลือบยาพิษ เอาแค่แอปเปิ้ลเฉยๆน่ะ ไม่ได้หรือไง แล้วเรื่องแยกแยะยาพิษ สอนธรรมดา ตูไม่ได้โง่ ตูก็เข้าใจ ไม่ต้องหลอกตูให้กินลงไปจริงๆก็ได๊



ฮบ 12:15
จงระวังอย่าให้มีผู้ใดขาดพระหรรษทานของพระเจ้า และอย่าให้มีรากแห่งความขมขื่นใด ๆ งอกขึ้นมาก่อความวุ่นวายซึ่งอาจจะเป็นพิษแก่คนจำนวนมาก อย่าให้ผู้ใดทำผิดประเวณีหรือดูหมิ่นสิ่งศักดิ์สิทธิ์เหมือนกับเอซาว ซึ่งขายสิทธิการเป็นบุตรคนแรกของตนเพียงเพื่อแลกกับอาหารมื้อเดียว  ท่านทั้งหลายรู้อยู่แล้วว่า เมื่อเอซาวต้องการได้รับพรจากบิดา เขาก็ถูกปฏิเสธ และไม่อาจเปลี่ยนใจบิดาได้ แม้จะร่ำไห้วอนขอแล้วก็ตาม


มธ 7:9
ท่านใดที่ลูกขออาหาร จะให้ก้อนหินหรือ  ถ้าลูกขอปลา จะให้งูหรือ  แม้แต่ท่านทั้งหลายที่เป็นคนชั่ว ยังรู้จักให้ของดี ๆ แก่ลูก แล้วพระบิดาของท่านผู้สถิตในสวรรค์จะไม่ประทานของดี ๆ แก่ผู้ที่ทูลขอพระองค์มากกว่านั้นหรือ
Alphonse
โพสต์: 1792
ลงทะเบียนเมื่อ: พุธ ส.ค. 23, 2006 10:45 pm
ที่อยู่: Thailand

อังคาร มี.ค. 04, 2008 11:06 pm

การสนทนาแบบ...เห็นภาพเลย
::011::
ภาพประจำตัวสมาชิก
Zion
~@
โพสต์: 3777
ลงทะเบียนเมื่อ: อังคาร ม.ค. 18, 2005 8:37 pm
ติดต่อ:

พุธ มี.ค. 05, 2008 8:59 am

Ma-Se เขียน: ไม่ดูก็คือไม่ดูครับ แต่ไม่อยากให้ไปบอกคนอื่นว่า "หนังไม่สนุก ไม่น่าดู"
ก็บอกง่ายๆว่า

"ไม่ดู เพราะ ไม่อยากดู" :emotion_057:

บทความที่พี่ให้น้องอ่าน พี่ไม่ได้รู้สึกว่าเป็นการสนับสนุนแนวคิดหนังนะ
แต่เป็นการตีความแล้ว
เทียบกับโลกความเป็นจริงว่า เราควรจะนับถือศาสนาอย่างไร :rolleyes:

ปล.พี่ก็ยังไม่ดูหนังเรื่องนี้สักที ::020::
ภาพประจำตัวสมาชิก
~*Little`Child*~
~@
โพสต์: 202
ลงทะเบียนเมื่อ: พฤหัสฯ. มิ.ย. 21, 2007 11:52 pm

พุธ มี.ค. 05, 2008 12:18 pm

Ecclēsia เขียน: กลัวว่าหลายๆคน
โดยเฉพาะพี่น้องที่ไม่ใช่คริสตชน จะไม่มองอย่างนี้น่ะสิคะ
เพราะเค้าไม่ได้ทราบด้วยซํ้าว่านี่เป็นการตีความพระคัมภีร์เเบบผิดๆ
ในสายตาของคนอื่นคือ ไอ้นี่เป็นพวกคลั่งศาสนา
เเล้วอาจคิดมั่วๆต่อไปว่า พวกชาวคริสต์มันบ้าศาสนาจนน่ารำคาญ

หนังไม่ได้เเสดงให้เห็นถึงใครที่เป็นคริสตชนอย่างเเท้จริง
มีเเต่สุดโต่ง กับพวกที่ไม่เชื่อ

ศาสนาอื่นจะต้องมีอคติอย่างเเน่นอน

ป.ล. ไหนๆก็พูดถึงเรื่องดาวินชี่โค๊ต เป็นความจริงที่มันมีทั้งข้อดีเเละข้อเสีย
ที่ผ่านๆมา มีคนสนใจศาสนาคริสต์เพราะเรื่องนี้หลายคน ถึงเเม้บางคนเเรกๆมาด้วยความเชื่อผิดๆก็ตาม
เเต่ความจริง ก็คือความจริง จะมั่วหลักฐานขึ้นมาก็หาได้ไม่ ผู้ที่ไม่เชื่อเจอความจริงสุดท้ายก็ต้องกลับใจ

อีกมุมหนึ่ง ดาวินชี่โค๊ต ทำให้คนที่เป็นคริสตชนอยู่เเล้วเเต่จิตใจอ่อนเเอ ทิ้งวัด ทำให้พี่น้องศาสนาอื่นหัวเราะเยาะพระเยซู พระเจ้าของเรา
เป็นการดูถูกใส่ความพระศาสนจักรอันศักดิ์สิทธ์ ว่าโกหกทั้งเพ ดูหมิ่นนักบุญ เเละดูเหมือนมุมนี้จะมีอิทธิพลมากกว่า

ดังนั้นเมื่อชั่งนํ้าหนักเเล้ว ข้าพเจ้าจึง....เเบนมัน
เห็นด้วยอย่างมากคะ...ที่เป็นห่วงคือ จุดนี้มากกว่า
คนที่ไม่รู้เรื่องของคำสอนศาสนาคริสต์จริงๆ
จะมองเราอย่างไม่ถูกต้องตามสื่อที่แสดงออกมาได้ง่ายๆ

ยกตัวอย่างง่ายๆเลยนะคะ
เคยเห็นละครหลังข่าว หรือ ละครทุกๆคืนตามช่อง 3 5 7 ได้มั้ยคะ
รู้มั้ยว่า ดารา(นางร้าย) บางคนที่เล่นหนังเหล่านั้น
บางทีออกไปข้างนอก ก็โดนชาวบ้านด่าไล่หลัง นินทา
***บางที มีแม่ค้าปาทุเรียนใส่*** รู้มั้ยเพราะอะไร

ไม่ใช่ว่าเค้าเหล่านั้น จดจำเรื่องราวจากสื่อหรือคะ???
สภาพแวดล้อมและสังคมของเรา ไม่ได้มีคุณภาพพอที่จะแยกแยะอะไรออกจากสื่อได้เท่ากันทุกคนนะคะ
เพราะคนที่จะคิดได้จริงๆมีไม่มากขนาดคนที่คิดได้

เป็นข่าวบ่อยๆ สำหรับดาราโดนลอบทำร้าย...
แล้วคิดว่า พระเจ้า ของเราจะมีคนเข้าใจมั้ยคะ ว่านั้นเป็นการเข้าใจพระคัมภีร์ผิดๆของผู้หญิงคนนึง ???
โลกแห่งการแสดง และ โลกแห่งมายา
มันมาสะท้อนและบดบังโลกแห่งความจริงอยู่หลายอย่างนะคะ
จนบางครั้งคุณสังเกตุไม่ออกด้วยซ้ำ ว่าการแสดงมันอยู่ในตัวของเรา
เพราะการซึมซับของสื่อในโลกที่มีอยู่รอบตัวและตลอดเวลา

สำหรับคนที่ไม่กังวลก็เป็นการดีคะ  ::014::
เพราะคุณมีสันติในจิตใจ...
แต่อย่าลืม มนุษย์ทุกคน ไม่เหมือนกัน
ความอ่อนแอ มันทำร้ายเราอยู่เสมอ...
แต่ครั้งนี้ไม่เท่านั้น มันจะทำร้ายพระองค์ด้วย

จากจิตวิญญาณของผู้อื่น ผู้ที่ไม่รู้จักพระองค์

ไซน์เองก็ไม่ได้แบนคะ แล้วรู้ว่ามันเป็นศิลปะ เพราะไซน์เองก็เรียนในทางศิลปกรรมการแสดง
แต่แค่เป็นห่วงภาพลักษณ์ของพระองค์มากกว่า
พระองค์ถูกเข้าใจผิด ถูกว่าร้าย มาเป็นเวลานานแล้วนะคะ
หากเราช่วยพระองค์ได้บ้าง ก็น่าที่จะทำ...
รักษาความรักของพระองค์ไว้ในจิตวิญญาณผู้อื่นได้ก็เป็นสิ่งที่ดี

คนที่ไม่ใช่คริสตชน จะต้องเรียนคำสอนของทุกๆศาสนาอยู่แล้วจากวิชาสังคม
และศาสนาคริสต์จะสอนในเรื่องของ ความรัก
พระเจ้าของศาสนาคริสต์ สอนให้เรารักกัน รักผู้อื่นเหมือนรักตนเอง
พระเจ้าแห่งความรัก....
ถ้าเด็กที่เรียนมาแบบนี้ มาเจอเรื่องนี้ ดูแล้วไม่ค่อยเข้ากับบทเรียนนะคะ  ::002::
ภาพประจำตัวสมาชิก
ดานุ้งพุงระเบิด
โพสต์: 518
ลงทะเบียนเมื่อ: พฤหัสฯ. ส.ค. 31, 2006 3:57 pm
ที่อยู่: อุบลราชธานี

พุธ มี.ค. 05, 2008 12:30 pm

~*Little`Child*~ เขียน:
Ecclēsia เขียน: กลัวว่าหลายๆคน
โดยเฉพาะพี่น้องที่ไม่ใช่คริสตชน จะไม่มองอย่างนี้น่ะสิคะ
เพราะเค้าไม่ได้ทราบด้วยซํ้าว่านี่เป็นการตีความพระคัมภีร์เเบบผิดๆ
ในสายตาของคนอื่นคือ ไอ้นี่เป็นพวกคลั่งศาสนา
เเล้วอาจคิดมั่วๆต่อไปว่า พวกชาวคริสต์มันบ้าศาสนาจนน่ารำคาญ

หนังไม่ได้เเสดงให้เห็นถึงใครที่เป็นคริสตชนอย่างเเท้จริง
มีเเต่สุดโต่ง กับพวกที่ไม่เชื่อ

ศาสนาอื่นจะต้องมีอคติอย่างเเน่นอน

ป.ล. ไหนๆก็พูดถึงเรื่องดาวินชี่โค๊ต เป็นความจริงที่มันมีทั้งข้อดีเเละข้อเสีย
ที่ผ่านๆมา มีคนสนใจศาสนาคริสต์เพราะเรื่องนี้หลายคน ถึงเเม้บางคนเเรกๆมาด้วยความเชื่อผิดๆก็ตาม
เเต่ความจริง ก็คือความจริง จะมั่วหลักฐานขึ้นมาก็หาได้ไม่ ผู้ที่ไม่เชื่อเจอความจริงสุดท้ายก็ต้องกลับใจ

อีกมุมหนึ่ง ดาวินชี่โค๊ต ทำให้คนที่เป็นคริสตชนอยู่เเล้วเเต่จิตใจอ่อนเเอ ทิ้งวัด ทำให้พี่น้องศาสนาอื่นหัวเราะเยาะพระเยซู พระเจ้าของเรา
เป็นการดูถูกใส่ความพระศาสนจักรอันศักดิ์สิทธ์ ว่าโกหกทั้งเพ ดูหมิ่นนักบุญ เเละดูเหมือนมุมนี้จะมีอิทธิพลมากกว่า

ดังนั้นเมื่อชั่งนํ้าหนักเเล้ว ข้าพเจ้าจึง....เเบนมัน
เห็นด้วยอย่างมากคะ...ที่เป็นห่วงคือ จุดนี้มากกว่า
คนที่ไม่รู้เรื่องของคำสอนศาสนาคริสต์จริงๆ
จะมองเราอย่างไม่ถูกต้องตามสื่อที่แสดงออกมาได้ง่ายๆ

ยกตัวอย่างง่ายๆเลยนะคะ
เคยเห็นละครหลังข่าว หรือ ละครทุกๆคืนตามช่อง 3 5 7 ได้มั้ยคะ
รู้มั้ยว่า ดารา(นางร้าย) บางคนที่เล่นหนังเหล่านั้น
บางทีออกไปข้างนอก ก็โดนชาวบ้านด่าไล่หลัง นินทา
***บางที มีแม่ค้าปาทุเรียนใส่*** รู้มั้ยเพราะอะไร

ไม่ใช่ว่าเค้าเหล่านั้น จดจำเรื่องราวจากสื่อหรือคะ???
สภาพแวดล้อมและสังคมของเรา ไม่ได้มีคุณภาพพอที่จะแยกแยะอะไรออกจากสื่อได้เท่ากันทุกคนนะคะ
เพราะคนที่จะคิดได้จริงๆมีไม่มากขนาดคนที่คิดได้

เป็นข่าวบ่อยๆ สำหรับดาราโดนลอบทำร้าย...
แล้วคิดว่า พระเจ้า ของเราจะมีคนเข้าใจมั้ยคะ ว่านั้นเป็นการเข้าใจพระคัมภีร์ผิดๆของผู้หญิงคนนึง ???
โลกแห่งการแสดง และ โลกแห่งมายา
มันมาสะท้อนและบดบังโลกแห่งความจริงอยู่หลายอย่างนะคะ
จนบางครั้งคุณสังเกตุไม่ออกด้วยซ้ำ ว่าการแสดงมันอยู่ในตัวของเรา
เพราะการซึมซับของสื่อในโลกที่มีอยู่รอบตัวและตลอดเวลา

สำหรับคนที่ไม่กังวลก็เป็นการดีคะ  ::014::
เพราะคุณมีสันติในจิตใจ...
แต่อย่าลืม มนุษย์ทุกคน ไม่เหมือนกัน
ความอ่อนแอ มันทำร้ายเราอยู่เสมอ...
แต่ครั้งนี้ไม่เท่านั้น มันจะทำร้ายพระองค์ด้วย

จากจิตวิญญาณของผู้อื่น ผู้ที่ไม่รู้จักพระองค์

ไซน์เองก็ไม่ได้แบนคะ แล้วรู้ว่ามันเป็นศิลปะ เพราะไซน์เองก็เรียนในทางศิลปกรรมการแสดง
แต่แค่เป็นห่วงภาพลักษณ์ของพระองค์มากกว่า
พระองค์ถูกเข้าใจผิด ถูกว่าร้าย มาเป็นเวลานานแล้วนะคะ
หากเราช่วยพระองค์ได้บ้าง ก็น่าที่จะทำ...
รักษาความรักของพระองค์ไว้ในจิตวิญญาณผู้อื่นได้ก็เป็นสิ่งที่ดี

คนที่ไม่ใช่คริสตชน จะต้องเรียนคำสอนของทุกๆศาสนาอยู่แล้วจากวิชาสังคม
และศาสนาคริสต์จะสอนในเรื่องของ ความรัก
พระเจ้าของศาสนาคริสต์ สอนให้เรารักกัน รักผู้อื่นเหมือนรักตนเอง
พระเจ้าแห่งความรัก....
ถ้าเด็กที่เรียนมาแบบนี้ มาเจอเรื่องนี้ ดูแล้วไม่ค่อยเข้ากับบทเรียนนะคะ  ::002::
เห็นด้วยครับ ยิ่งสื่อสมัยนี้ มันเร็ว มันเยอะ มันเลอะเทอะปะปนกันมั่วไปหมด ใครๆ ก็อ้างกันว่า ฉันนี่แหล่ะของจริง อื้อฉาวเข้าไว้ เรียกคนมาดูมากๆ

แล้วคนสมัยนี้ (ไม่เว้นแต่เด็กหรือผู้ใหญ่) หลายคน เป็นเหมือนลูกโป่งครับ สื่อมันเป่าอะไรเข้าไปก็เชื่อหมด แถมเชื่อแบบไม่มีอะไรยึดเหนี่ยว ฉันเชื่อมันไว้ แต่ไม่ได้ตระหนักว่ามันจริงๆ แล้วคืออะไรแบบไหน เชื่อไม่ว่าแต่ดันทำด้วย ไม่คิดว่าตัวเองทำนั้นมันกระทบใครบ้าง อย่างดนตรีงี้ เด็กไทยหลายคนฟังดนตรี Metal ก็นับถือซาตานปีศาจด่าว่าพระเจ้าไปกับเขา ทั้งๆ ที่ถ้าถามแทบจะไม่รู้ด้วยซ้ำว่าพระเจ้าคือใคร ก็นักร้องมันพาไปแบบนี้ฉันก็เอามั่ง เป็นลูกโป่งที่โดนสื่อเป่าลมเข้ามากๆ รอวันแตกออกแค่นั้นครับ อย่างสังคมทุกวันนี้ก็เห็นได้บ่อย คนที่โดนสื่อเป่าลมใส่ โดนพวกมากลากไปจนใจแตกหลายคน

บนมากกลัวหัวหงอก
ภาพประจำตัวสมาชิก
~*Little`Child*~
~@
โพสต์: 202
ลงทะเบียนเมื่อ: พฤหัสฯ. มิ.ย. 21, 2007 11:52 pm

พุธ มี.ค. 05, 2008 12:33 pm

[quote="Holy"]
คำเตือน บทสนทนาของเกรียน2คนนี้ ไม่ไพเราะเท่าไหร่


เสร็งเคร็ง-หิวจังเลยอยากกินอะไรอร่อยๆและดีๆมีประโยชน์
สังคัง-อ่ะ เอาแอปเปิ้ลนี่ไป

เสร็งเคร็งรับแอปเปิ้ลไปกิน สักพักชักดิ้นชักงอ อาเจียนออกมามากมาย  เส็งเคร็งไปให้หมอล้างท้อง และกลับมาหาสังคัง

เสร็งเคร็ง-เฮ๊ย ทำไมเอาแอปเปิ้ลเคลือบยาพิษให้ตูกิน
สังคัง-อ้าว ทำไมมองแต่ด้านที่มันมียาพิษล่ะ ถ้าตัดยาพิษออกมันมีวิตามินสูงมากนะ
เสร็งเคร็ง-ไอ้@#$@ ตรูเกือบตายแล้ว อย่ามาทำพูดดี
สังคัง-เฮ้ย นายว่าเราไม่ได้ เราหวังดี อยากให้นายเรียนรู้ จะได้แยกแยะสิ่งดีไม่ดี แล้วเลือกเอาแต่สิ่งที่ดี และระวังตัวในอนาคต

เสร็งเคร็ง----ตบกระบาลสังคังฉาดใหญ่

เสร็งเคร็ง-เอร็งจงใจใส่ยาพิษให้ตรูกิน แล้วถ้าตรูตายขึ้นมา จะรับผิดชอบยังไง
สังคัง-.............................
เสร็งเคร็ง-ถ้าหวังดีกะตรูจริง มันง่ายกว่าไหม ที่จะให้แอปเปิ้ลที่ไม่เคลือบยาพิษ เอาแค่แอปเปิ้ลเฉยๆน่ะ ไม่ได้หรือไง แล้วเรื่องแยกแยะยาพิษ สอนธรรมดา ตูไม่ได้โง่ ตูก็เข้าใจ ไม่ต้องหลอกตูให้กินลงไปจริงๆก็ได๊



ฮบ 12:15
จงระวังอย่าให้มีผู้ใดขาดพระหรรษทานของพระเจ้า และอย่าให้มีรากแห่งความขมขื่นใด ๆ งอกขึ้นมาก่อความวุ่นวายซึ่งอาจจะเป็นพิษแก่คนจำนวนมาก อย่าให้ผู้ใดทำผิดประเวณีหรือดูหมิ่นสิ่งศักดิ์สิทธิ์เหมือนกับเอซาว ซึ่งขายสิทธิการเป็นบุตรคนแรกของตนเพียงเพื่อแลกกับอาหารมื้อเดียว  ท่านทั้งหลายรู้อยู่แล้วว่า เมื่อเอซาวต้องการได้รับพรจากบิดา เขาก็ถูกปฏิเสธ และไม่อาจเปลี่ยนใจบิดาได้ แม้จะร่ำไห้วอนขอแล้วก็ตาม


มธ 7:9
ท่านใดที่ลูกขออาหาร จะให้ก้อนหินหรือ  ถ้าลูกขอปลา จะให้งูหรือ  แม้แต่ท่านทั้งหลายที่เป็นคนชั่ว ยังรู้จักให้ของดี ๆ แก่ลูก แล้วพระบิดาของท่านผู้สถิตในสวรรค์จะไม่ประทานของดี ๆ แก่ผู้ที่ทูลขอพระองค์มากกว่านั้นหรือ
ภาพประจำตัวสมาชิก
BloodSweatAndTearz
โพสต์: 254
ลงทะเบียนเมื่อ: พฤหัสฯ. ธ.ค. 27, 2007 12:49 pm
ติดต่อ:

พฤหัสฯ. มี.ค. 06, 2008 10:24 pm

พูดยากครับ งานนี้ เพราะมัน เป็นเรื่องละเอียดอ่อน  เข็มทิศทองคำ นั้น ไม่ตีความโดยนัย ก้อดูผ่านๆได้ครับ แต่ถ้าไม่ผ่านๆละก้อ ปีศาจ ชัดๆ  ส่วน ตา สตีเฟ่น ผมว่า เออ... ไงดี อ่า... ลองไปดูไปอ่าน หนัง+หนังสือ แก  จะรู้เลยว่าแก่ ชอบเรื่องประมาณว่า ชีวิต นี้ เลว ร้าย สุดๆ  หนังเป็นศิลปะอย่างหนึ่งครับ มองภาพ แล้วตีความ ...มันก้อพูดยาก...ย๊ากก ย๋ากก  เหอะๆๆ บ้าไปแล้ว ทำไม๊หนังเด๋วนี่ชอบ แบบ พระเจ้าโน่น พระเจ้านี่ ชั้นว่าพระเจ้าคืออย่างโง่น ชั้นมาพระเจ้าคือย่างงี้  รอ ดู Paradise Lost กันดีกว่าครับพี่น้อง ทิ้ง The mist มันไปเถอะ ::010::
ภาพประจำตัวสมาชิก
P
.
.
โพสต์: 1383
ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ ม.ค. 17, 2005 10:10 pm
ที่อยู่: เมืองไทย

เสาร์ มี.ค. 08, 2008 1:22 am

########## SPOILER ALERT!!!!! #############

เพิ่งไปดูมาหมาดๆนี้เองครับ ขอบอกว่า เป็นหนังที่ดีที่สุดเท่าที่เคยดูมาเลยสำหรับปีนี้

สมัยผมเรียนวิชาจิตวิทยาตัวหนึ่ง ผมต้องเขียน term paper โดยดูหนัง 2 เรื่อง คือเรื่อง Tootsie กับเรื่อง 12 Angry Men (version ของ Henry Fonda) แล้วอธิบายเรื่องโดยอ้างอิงทางหลักจิตวิทยา

ผมบอกได้เลยว่า หากผมเป็นอาจารย์สอนจิตวิทยา ผมจะให้เรื่องนี้เป็น term paper สำหรับนักศึกษาของผมอย่างแน่นอนครับ

ผมไม่คิดว่าหนังเรื่องนี้โจมตีศาสนาคริสต์เลยแม้แต่น้อย เพียงแต่ใช้ศาสนาคริสต์เป็นตัวสื่อกับผู้ชมเท่านั้น แต่จริงๆแล้วจะเป็นศาสนาหรือลัทธิบ้าบอคอแตกอะไรก็ใช้แทนได้ทั้งสิ้น เพราะสิ่งที่เขาต้องการสื่อ ไม่ได้เกี่ยวกับศาสนาคริสต์ แต่เกี่ยวกับพฤติกรรมของคน

ไม่มีใครดูแล้วรู้สึกแย่กับศาสนาคริสต์หรอกครับ ผมเชื่อเช่นนั้น ถ้าคิดมาก ก็ถือซะว่า เป็นตัวแทนลัทธิเทียมเท็จ ที่เอาพระคัมภีร์ไปแปลแล้วก่อให้คนอื่นเข้าใจผิดๆ อะไรแบบนี้อาจจะสบายใจในการดูขึ้นก็ได้ หากจะสบายใจขึ้นบ้าง เราจะได้ปัดประเด็นตรงนี้ไป แล้วพูดถึงสิ่งที่ภาพยนตร์พยายามจะสื่อจริงๆ

หนังเรื่องนี้เป็นหนังที่ดีมากๆ ลองดูเรื่องนี้แล้วไม่ต้องสนใจ"ศาสนาคริสต์" คิดว่าเป็นลัทธิอะไรก็ได้ แล้วจะเห็นว่าภาพยนตร์เรื่องนี้สื่อความหมายโดย symbolism อย่างลึกซึ้ง เพียงแต่เป็นการพยายามอธิบายจิตวิทยาของคนเท่านั้น คล้ายๆกับเรื่องไซอิ๋ว ที่ใช้หงอคงมาแทนจิตที่วิ่งรวดเร็วของเรา โป๊ยก่ายแทนความติดในกามคุณ ฯลฯ อะไรทำนองนั้น

ผมเชื่อว่า The Mist ที่แท้ก็คือ "The mist in the mind" นั่นแหละครับ ผมดูจบแล้วอยากลุกขึ้นปรบมือดังๆว่า แต่งได้เยี่ยมยอดจริงๆ แสดงให้เห็นถึงสภาวะจิตใจของคนเรา เมื่อตกอยู่ใต้ "The Mist" การ react ต่อความกลัวในอนาคตที่มองไม่เห็น ในอันตรายที่แฝงตัวอยู่ ในสภาวะจิตใจอันเปราะบางที่อะไรก็ทะลวงแทงเข้ามาได้ ฯลฯ

แสดงให้เห็นถึงทางออกต่างๆในการแก้ปัญหา ไม่ว่าจะหลงงมงาย ไม่ว่าจะปฏิเสธตนเอง ไม่ว่าจะปฎิเสธคำแนะนำของคนอื่น ไม่ว่าจะอวดดีดื้อด้าน ไม่ว่าจะ ฯลฯ

หรือแม้แต่ แสดงให้เห็นว่า บางครั้งที่เราคิดว่าเป็นการกระทำที่ฉลาดและมีเหตุผล ก็ไม่ได้เป็นเช่นนั้นเสมอไป เมื่อถึงจุดท้ายที่สุดแล้ว

ส่วนหนึ่ง(ในหลายๆอย่างที่หนังเรื่องนี้แสดงออกมา) ที่น่าสนใจก็คือ.. บางทีดูเรื่องนี้แล้ว อาจจะพอเห็นภาพลางๆได้ว่า ทำไมบางครั้งคนเราจะฆ่าตัวตาย ทั้งๆที่ปัญหาทุกอย่างมันแก้ได้

ผมเองยังคิดว่าสิ่งที่พระเอกทำตอนจบนั้น justifiable เลย จนกระทั่งถึงตอน"จบจริงๆ" ถึงรู้ว่ามันไม่ใช่

ก็คนเราจมปลักอยู่กับปัญหารุมเร้าที่คุกคามอย่างรุนแรง มองไปทางไหนก็ไม่เห็นหนทาง มีแต่ความรู้สึกว่าเป็นอันตรายไปหมด สู้กันจนหมดแรง (หรือหมดน้ำมัน) และเจอปัญหายักษ์ใหญ่แบบที่คิดว่ายังไงก็พิชิตไม่ได้ .. 

เอากันแบบถึงขั้นว่า "ยอมตายดีกว่าอยู่ เพราะยังไงๆก็ทรมานน้อยกว่าเป็นแน่แท้"

เช่นนั้นแล้ว เสียงของความช่วยเหลือ ยังฟังเป็นเสียงแห่งอันตรายที่จะมาทำร้ายเราเลย...

ตอนจบ จึงเป็นอะไรที่สวยงาม และสอน เตือนใจ และให้กำลังใจกับคนหลายๆคน ที่กำลังอยู่ใน The Mist ณ เวลานี้

ผมเชื่อเช่นนั้นครับ
แก้ไขล่าสุดโดย Anonymous เมื่อ เสาร์ มี.ค. 08, 2008 1:25 am, แก้ไขไปแล้ว 1 ครั้ง.
พระเจ้าสถิตย์กับเราเสมอ
~@
โพสต์: 2546
ลงทะเบียนเมื่อ: อังคาร ม.ค. 18, 2005 10:54 pm

เสาร์ มี.ค. 08, 2008 3:27 am

ใช่ครับพี่ p มันเป็นหนังที่ดีในแง่ที่พี่ยกมานั้นผมเห็นด้วยในส่วนที่เป็นข้อดีของหนังเรื่องนี้    แต่ว่าลองไปอ่านบทสนทนาของนายเส็งเคร็ง กับ สังคัง ที่พี่ปอโพสนะครับ

แล้วพี่ p ลองอ่านที่ little child เขียนใว้อีกทีนะครับ
ภาพประจำตัวสมาชิก
Holy
Defender of lawS
Defender of lawS
โพสต์: 10011
ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ ม.ค. 17, 2005 3:06 pm

เสาร์ มี.ค. 08, 2008 4:54 am

P เขียน:

ไม่มีใครดูแล้วรู้สึกแย่กับศาสนาคริสต์หรอกครับ
คุณ P ยังไม่ได้อ่านอันนี้ใช่ไหมครับ

~*Little`Child*~ เขียน: ทำให้คนดูหนังที่นั่งข้างๆไซน์ หัวเราะดังออกมาบ่อยมาก
เมื่อผู้หญิงคนนั้นในหนังพูดเรื่องของพระ
แล้วเค้าก็เอ่ยว่า คริสต์มันบ้า....




คุณ P อย่าเอาตัวเองเป็นบรรทัดฐานสิครับ คุณไม่รู้ตัวเหรอ ว่าคุณเองมีมาตรฐานด้านดีบางประการที่แตกต่างจากคนทั่วไปค่อนข้างมาก เพราะฉะนั้น เวลามีเรื่องล่อแหลมต่อทัศนคติเชิงลบทางศาสนา ผมไม่เอาคุณ P เป็นกลุ่มตัวอย่างแน่นนอนครับ

อันนี้ชื่นชมนะครับ อย่าเข้าใจไปทางอื่น
แก้ไขล่าสุดโดย Holy เมื่อ เสาร์ มี.ค. 08, 2008 4:57 am, แก้ไขไปแล้ว 1 ครั้ง.
ภาพประจำตัวสมาชิก
P
.
.
โพสต์: 1383
ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ ม.ค. 17, 2005 10:10 pm
ที่อยู่: เมืองไทย

เสาร์ มี.ค. 08, 2008 9:37 am

อืม.. จริงครับ ไม่ได้อ่านคห. อื่นๆมากนัก

เมื่อคืนกลับมาก็ง่วงแล้ว แต่เห็นกระทู้นี้ 2-3 วันแล้ว ก็เลยเข้ามาแชร์ความรู้สึกหน่อย เพราะตื่นเต้นมากๆ คิดว่ามีคุณค่าทางวิชาการสูง โดยเฉพาะด้านจิตวิทยา และทำให้ผมเห็นภาพเลยว่า ทำไมคนเราถึงกลัวอะไรบางอย่างมากๆจนจะฆ่าตัวตาย เพราะผมเองคิดว่าตัวเองมีสติสัมปชัญญะดีๆ แท้ๆ ยังโดน"หลอก"โดยสมบูรณ์ เพราะขณะที่ดู The Mist ผมก็จมลงไปใน The Mist ไปด้วยโดยไม่รู้ตัว (เพราะหนังจงใจไม่แสดงให้เห็นว่าเกิดอะไรขึ้นในโลกภายนอกเลย ฝังเราไว้แต่ใน The Mist ร่วมกับตัวละคร) ดังนั้นพอตัวละครเอกตัดสินใจทำอะไร ผมเองก็"เห็นด้วย" และ "เห็นว่ามีเหตุผล" ตาม เลยโดนจูงเข้าไปถึงตอนจบ ซึ่งตรงนั้นผมเองรู้แล้วว่าเขาจะทำอะไร "ก่อน" ที่เขาจะเอาปืนมานับกระสุนเสียอีก โดยที่เพื่อนผม"ไม่รู้" ว่าเขาจะทำอะไรจนมันเกิดขึ้น..

สิ่งที่ bother ผมมากๆ (และเป็นคุณค่าที่สุดของหนังเรื่องนี้ สำหรับผม) ไม่ใช่เพียงแต่เนื้อหาด้านวิชาการ แต่เป็นการที่ผมเห็นว่าสิ่งที่พวกตัวละครเอกทำมีเหตุผลมาตลอด จนถึงตอนจบ ผมก็คิดว่ามีเหตุผล แต่เพื่อนผม"ไม่เห็น" และเดินออกมาหน้ายู่ยี่ว่า ทำไมต้องทำอย่างที่ทำด้วย .. มันสะท้อนให้เห็นสภาพของจิตใจของแต่ละคนว่ามันไม่เหมือนกัน ความแกร่งในจิตใจมันไม่เหมือนกัน ผมเองนึกว่าตัวเองมีสติสัมปชัญญะ มีเหตุผล ยังคิดว่าสิ่งที่"ไม่มีเหตุผล" เป็นสิ่งที่ "มีเหตุผล"เลย ยังคิดว่า สิ่งที่ "ไม่ชอบธรรมด้วยประการทั้งปวง" หากอยู่ในสถานการณ์ปกติ เป็นสิ่งที่ "ชอบธรรม" เลย

คือ ผมดูแล้วเข้าใจทันทีว่าพระเอกต้องทำในสิ่งที่เขาต้องทำ ผมเองไม่ได้สนับสนุนว่าควรทำ (ออกจะเสียดายและเสียใจ) แต่ผม"เข้าใจ"เขา ว่า อืม .. เขา "ต้อง" ทำ

นั่นคือสิ่งที่กวนใจผม ว่า ผมทำไมถึง "เข้าใจ" เขา แทนที่จะ "ไม่เห็นด้วยสุดๆ" แบบคนอื่น

ผมจึงขนลุกพร้อมๆกับพระเอก ในอีกสองนาทีต่อมา .. อึ้ง และเข้าใจในความอ่อนแอของตัวเอง และยิ่งเข้าใจในความอ่อนแอของคนอื่นบางคนขึ้นมาทันที ..

ที่แท้ คนเราเวลาอยู่ภายใน The Mist นานๆ ความคิดมันก็อาจจะเป็นเช่นนี้เอง ผมตกอยู่ในนั้นไม่ถึง 2 ชั่วโมงเลย ยังมีความคิดบ้าๆบอๆไปได้เช่นนี้ ไม่ดีเลย .. ไม่ดีเลย ..

ก็เลยตื่นเต้น อยากรีบมาบอกว่า หนังเรื่องนี้ดีจริงๆ ก็เท่านั้นเองครับ บังเอิญผมมองข้ามผลกระทบทางศาสนาไป เพราะคิดไม่ถึงว่า จะมีคน"เชื่อตาม" ว่า หญิงเคร่งศาสนาคนนั้น ทำในสิ่งที่ศาสนาสอนจริงๆ เพราะใครๆก็บอกว่าเธอคนนั้น "บ้า" อยู่แล้ว (ไม่ใช่ศาสนา แต่เป็นคนๆนั้น) ไม่ทันได้อ่านความเห็นของคุณ Little Child ครับ

บางทีผมอาจจะไม่ sensitive พอก็เป็นได้ .. โทษทีครับ

::001::
แก้ไขล่าสุดโดย Anonymous เมื่อ เสาร์ มี.ค. 08, 2008 9:41 am, แก้ไขไปแล้ว 1 ครั้ง.
ภาพประจำตัวสมาชิก
BloodSweatAndTearz
โพสต์: 254
ลงทะเบียนเมื่อ: พฤหัสฯ. ธ.ค. 27, 2007 12:49 pm
ติดต่อ:

เสาร์ มี.ค. 08, 2008 11:04 am

อืม ผมเห็นด้วยกับพี่ P เน้อแบบว่าลองไปดูหนังของ krzysztof Kieslowski สิครับพี่น้อง แบบว่าติดเรทกว่านี่อีกเน้อ แต่ก็อีกแหละ แบบว่าคนทั่วๆไปจะดูหนังแบบผ่านๆ ไม่ได้คิดลึกเหมือนคนบ้าหนัง  เหมือนเห็นดาบ 2 คม ครับ ผมคิดว่างั้น หนังปีนี้มีแต่ดีๆทั้งนั้นเลย ไปเก็บให้ครบกันพี่น้อง อิๆ

ป.ล.ไปดู 10,000 BC. มาเจ้าค่าแบบ งงตัวเองนิด ทำไม๊รู้สึกไม่ชอบเท่าไรไม่รู ออกมาจากโรงลืมหมดทันทีว่าเรืองมีอะไรบ้าง แต่จำได้คราวๆว่าสนุกอยู๋นิดๆ -*-
ภาพประจำตัวสมาชิก
ดานุ้งพุงระเบิด
โพสต์: 518
ลงทะเบียนเมื่อ: พฤหัสฯ. ส.ค. 31, 2006 3:57 pm
ที่อยู่: อุบลราชธานี

เสาร์ มี.ค. 08, 2008 6:32 pm

BloodSweatAndTearz เขียน: อืม ผมเห็นด้วยกับพี่ P เน้อแบบว่าลองไปดูหนังของ krzysztof Kieslowski สิครับพี่น้อง แบบว่าติดเรทกว่านี่อีกเน้อ แต่ก็อีกแหละ แบบว่าคนทั่วๆไปจะดูหนังแบบผ่านๆ ไม่ได้คิดลึกเหมือนคนบ้าหนัง  เหมือนเห็นดาบ 2 คม ครับ ผมคิดว่างั้น หนังปีนี้มีแต่ดีๆทั้งนั้นเลย ไปเก็บให้ครบกันพี่น้อง อิๆ

ป.ล.ไปดู 10,000 BC. มาเจ้าค่าแบบ งงตัวเองนิด ทำไม๊รู้สึกไม่ชอบเท่าไรไม่รู ออกมาจากโรงลืมหมดทันทีว่าเรืองมีอะไรบ้าง แต่จำได้คราวๆว่าสนุกอยู๋นิดๆ -*-
เรื่องอะไรของคีสโลวสกี้ติดเรทเหรอครับ เท่าที่ผมเคยดูมันจะเชิงปรัชญาซะมากกว่านะ
Alphonse
โพสต์: 1792
ลงทะเบียนเมื่อ: พุธ ส.ค. 23, 2006 10:45 pm
ที่อยู่: Thailand

เสาร์ มี.ค. 08, 2008 9:30 pm

ใครดู 10,000 B.C. แล้ว
ขอเตือนด้วยความหวังดีว่า..
ห้าม Spoil ! ! ! ! !

เพราะข้าพเจ้ายังติดภาระติดพันจากการสอบปลายภาคอยู่
ภาพประจำตัวสมาชิก
Holy
Defender of lawS
Defender of lawS
โพสต์: 10011
ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ ม.ค. 17, 2005 3:06 pm

อาทิตย์ มี.ค. 09, 2008 2:08 am

ถ้าชอบเรื่องทางจิตมาก แนะนำหนังสือ

"โลกจิต" (สำนักพิมพ์ a book) : ผู้เขียน แทนไท ประเสริฐกุล

ตัวอย่างบางตอนในหนังสือ-


ชิ้นแรกเป็นงานวิจัยชื่อ Standford Prison Experiment หรือ "คุกจำลอง" โดยดร.ฟิลลิป ซิมบาร์โด ที่จับคนมา 24 คน แบ่งเป็น 2 กลุ่ม กลุ่มหนึ่งเล่นเป็นนักโทษและอีกกลุ่มเล่นเป็นผู้คุมในสภาพที่ทุกอย่างนั้นเน้นความสมจริงสมจังมากที่สุด มีกล้องติดไว้ตามที่ต่างๆ เพื่อเฝ้าสังเกตพฤติกรรมตลอด 24 ชม.
     
        แรกๆ ทุกคนก็รู้สึกสนุกดี ทว่าไม่กี่วัน บรรดาคนที่เล่นเป็นผู้คุมก็เริ่มอินกับเครื่องแบบและตำแหน่ง สั่งลงโทษคนที่เล่นเป็นผู้ต้องหาทั้งให้แก้ผ้านอนกับพื้นคอนกรีตแข็งๆ เย็นๆ สั่งอดอาหาร บังคับให้ขัดโถส้มด้วยมือเปล่า พ่นที่ดับเพลงเข้าใส่ ทำเอาหลายคนทนไม่ไหว ร้องห่มร้องไห้ ทว่าอีกฝ่ายก็ไม่มีทีท่าว่าจะหยุด
     
        ซ้ำดูจะมีความรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ (ยังดีที่มีกฏห้ามทำร้ายร่างกายอยู่) ด้วยความคิดที่ว่ากล้องอาจจะจับภาพไม่ได้
     
        ขณะที่ผู้เป็นเจ้าของการทดลองก็เริ่มอิน กระทั่งแฟนสาวของเขาต้องออกปากขอให้พอ เจ้าตัวจึงได้สติ สั่งยกเลิกกลางคันเพราะเกรงจะเกิดเรื่องที่ควบคุมไม่ได้
     
        อีกชิ้นเป็นงานทดลองของ "สแตนลีย์ มิลแกรม" ที่ให้คนหนึ่งมาสวมบทอาจารย์อีกคนเป็นนักเรียน นั่งกันอยู่คนละห้อง จากนั้นให้อาจารย์ถามคำถาม หากนักเรียนตอบไม่ได้ทางอาจารย์จะกดปุ่มซึ่งจะส่งกระแสไฟฟ้าช็อตไปยังนักเรียน โดยระดับของกระแสไฟจะเริ่มที่ละดับอ่อนๆ และเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ จนถึง 450 โวลท์ หากตอบคำถามผิดบ่อยๆ
     
        (เรื่องจริงก็คือไม่มีการปล่อยกระแสไฟฟ้าไปจริงๆ แต่จะให้ทางฝ่ายที่เล่นเป็นนักเรียนแกล้งส่งเสียงร้องว่าเจ็บปวด)
     
        เบื้องต้นผู้ที่สวมบทเป็นอาจารย์ก็ลังเลที่จะทำโทษ ทว่าเมื่อคนคุมการทดลองที่นั่งอยู่ด้วยสั่งให้ทำ ทางอาจารย์จำเป็นก็ยังคงช็อตนักเรียนต่อไปเรื่อยๆ แม้ว่าอีกฝ่ายจะร้องด้วยความเจ็บปวดดังขึ้นๆ ถึงขนาดที่บางครั้งก็แกล้งทำเป็นหัวใจวาย ทว่าอีกฝ่ายก็ยังกดปุ่มต่อไปเรื่อยๆ เพียงเพราะคำสั่งของคนคุมที่ว่า "คุณไม่จำเป็นต้องรับผิดชอบผลที่เกิดขึ้นใดๆ ทั้งสิ้น" หรือ "คุณไม่มีทางเลือก คุณต้องทดลองต่อไปเรื่อยๆ"
     
        สุดท้ายก็คือ 65% ของผู้ทดลองยินยอมที่จะช็อตนักเรียนจนถึงระดับ 450 โวลท์ และไม่มีใครหยุดก่อนที่จะถึงระดับ 300 โวลท์เลยแม้แต่คนเดียว!
     
        ในหนังสือมีบทสรุปครับว่า ทำไมสำนึกชั่ว - ดีของมนุษย์เราถึงได้อ่อนแอลงไปถึงขนาดที่ยอมทำเรื่องที่สามารถทำร้าย ทำลายร่างกาย-ชีวิตเพื่อนมนุษย์ด้วยกันได้ดังเช่นผลการทดลองทั้งสองที่ออกมา ถ้าใครมีเวลาก็ขอให้ลองไปหาหนังสือมาอ่านกันดู
     

หรือจะเข้าไปอ่านฟรีบางหัวข้อได้ที่นี่ครับ  http://www.wit-view.com/lokjit/
ภาพประจำตัวสมาชิก
Holy
Defender of lawS
Defender of lawS
โพสต์: 10011
ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ ม.ค. 17, 2005 3:06 pm

อาทิตย์ มี.ค. 09, 2008 2:19 am

สุดท้าย ผมสรุปง่ายๆว่า ถ้าผู้ประพันธ์ ให้ประชาชนนับถือศาสนาอะไรสักอย่าง ที่มันไม่มีในโลกเช่น ศาสนานับถือเทพเกรียน เชื่อว่าเทพเกรียนสร้างโลกและลงโทษเขา คงไม่มีใครมาตั้งกระทู้ถกที่นี่หรอกครับ และเมื่อคุณP หรือบางท่านที่เชียร์หรือสนับสนุนให้ดูหนังเรื่องนี้ คงมีคนแห่ไปดูให้ไม่มีใครห้าม

สำหรับผมยังยืนยันเหมือนเดิมว่า ไม่ว่ารสชาติของแอปเปิ้ลลูกนี้ จะถูกยกย่องว่าหวานกรอบอร่อยเพียงไรก็ตาม ผมก็ไม่คิดกินและไม่คิดส่งเสริมให้ใครกิน ตราบเท่าที่ความจริงที่มันมี ยาพิษที่ถูกตั้งใจใส่ลงไปทั้งที่ไม่จำเป็น

ผมสนับสนุนว่ายังมีแอปเปิ้ลที่ดีอีกมากมายที่ รสชาติอาจจะยอดเยี่ยมกว่าด้วยซ้ำ ให้คุณเลือกรับประทานโดยที่ไม่มีใครแอบใส่ยาพิษไว้ในนั้น ดังนั้นแล้ว ทำไมผมต้องเลือกลูกนี้ล่ะ
ภาพประจำตัวสมาชิก
P
.
.
โพสต์: 1383
ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ ม.ค. 17, 2005 10:10 pm
ที่อยู่: เมืองไทย

อาทิตย์ มี.ค. 09, 2008 9:47 am

เอาเป็นว่า โดยด้านวิชาการ (ด้านจิตวิทยา) ผมคิดว่าผู้สนใจควรเอาเรื่องนี้ไปใช้เป็นสื่อการสอน

แต่โดยเจตนารมณ์ของบอร์ดนี้ ผมก็ต้องเห็นด้วยกับคุณโฮลี่ครับ ว่าถ้าไม่จำเป็นก็ไม่ต้องไปดูเรื่องนี้ก็แล้วกันครับ
ภาพประจำตัวสมาชิก
BloodSweatAndTearz
โพสต์: 254
ลงทะเบียนเมื่อ: พฤหัสฯ. ธ.ค. 27, 2007 12:49 pm
ติดต่อ:

อาทิตย์ มี.ค. 09, 2008 11:38 am

อ่าช่ายๆๆ  ของป๊ากี้หมายถึง แฝงสัญลักษณ์และปรัชญาจนคนดูบางคนไม่เข้าใจและตีความผิดๆ ติดเรท ที่ว่าคือ บางอย่างมันล่อแหลมไงครับ ภาพ คำพูดเสี่ยงต่อการตีความผิดๆ แต่ถ้าคนดูเป็นจะเป็ฯเรื่องสุดยอดของสุดยอดมากๆ ลองหาดูให้ครบทุกเรื่องนะครับแล้วมาแลกเปลี่ยนกันใหม่

ป.ล. 10,000B.C. ไม่spoil ละฮา แหมๆๆๆ จะทำได้ไงเมื่อข้าพเจ้าลืมเนื้อเรื่องแทบหมดหลังจากออกจากโรงมาแล้ว แบบว่า ไม่รู้สิใครเป็นเป็นแบบผมบอกกันมั่งน่ะครับ จำได้คราวๆเอง  ไม่รูช่วงนี้เครียดๆรึเปล่าเลยบ้าๆ -*-
Rakkypoko!
โพสต์: 960
ลงทะเบียนเมื่อ: ศุกร์ ส.ค. 31, 2007 2:35 pm

อาทิตย์ มี.ค. 09, 2008 12:36 pm

ว ส ว สฺ ต์ เขียน:
TheOffspring เขียน: แล้วอย่างเรื่อง จัมเปอร์ (Jumper) ล่ะครับ

ที่พาลาดินชอบพูดว่า "พลังวิเศษแบบนี้ พระเจ้าเท่านั้นที่สมควรมี"
แล้วก็ไล่ฆ่าพวกจัมเปอร์  ::010::

...อันนี้คิดว่าไงอ่ะครับ   :huh:
ชอบอ่ะ
ชอบ Jumper
แต่รู้สึกเสียเซลฟ์ตรง
อยู่ดีๆ มันก็ Pause ไปเฉยๆ
แบบ...ไม่ใช่จบภาคนะ ....หยุดไว้เฉยๆ เลยอ่ะแบบ...
"แกล้งกันชัดๆ"
ใช่แล้ว มีภาคต่อแน่ๆสำหรับ จัมเปอร์

ส่วนthe mist จาโทษคนสร้างก็ไม่ได้ เพราะสร้างมาจากนวนิยายนะเจ้า ภาพยนตร์เป็นศิลปแขนงนึง แล้วเราอย่าไปคิดแอนตี้มากนัก อธิษฐานกับพระเจ้าเยอะๆดีกว่า ลองมองตัวเราเองก่อนว่าเราทำดีที่สุดกันแล้วแค่ไหน กันดีกว่า
ปล หนังดีย่อมเป็นที่จดจำ แต่หนังระ....ย่อมไม่มีใคร สนใจ จ้า
ภาพประจำตัวสมาชิก
ดานุ้งพุงระเบิด
โพสต์: 518
ลงทะเบียนเมื่อ: พฤหัสฯ. ส.ค. 31, 2006 3:57 pm
ที่อยู่: อุบลราชธานี

อาทิตย์ มี.ค. 09, 2008 1:39 pm

BloodSweatAndTearz เขียน: อ่าช่ายๆๆ  ของป๊ากี้หมายถึง แฝงสัญลักษณ์และปรัชญาจนคนดูบางคนไม่เข้าใจและตีความผิดๆ ติดเรท ที่ว่าคือ บางอย่างมันล่อแหลมไงครับ ภาพ คำพูดเสี่ยงต่อการตีความผิดๆ แต่ถ้าคนดูเป็นจะเป็ฯเรื่องสุดยอดของสุดยอดมากๆ ลองหาดูให้ครบทุกเรื่องนะครับแล้วมาแลกเปลี่ยนกันใหม่

ป.ล. 10,000B.C. ไม่spoil ละฮา แหมๆๆๆ จะทำได้ไงเมื่อข้าพเจ้าลืมเนื้อเรื่องแทบหมดหลังจากออกจากโรงมาแล้ว แบบว่า ไม่รู้สิใครเป็นเป็นแบบผมบอกกันมั่งน่ะครับ จำได้คราวๆเอง  ไม่รูช่วงนี้เครียดๆรึเปล่าเลยบ้าๆ -*-
อยากตามหานังของคีสโลวกี้มาดูเหมือนกันครับ เพิ่งมีแค่ไตรภาคสามสีเก็บไว้ อยากได้ The Double life of veronique คุณ Bloodsweatandtearz พอรู้มั้ยครับว่าจะหาได้ที่ไหน
ภาพประจำตัวสมาชิก
Holy
Defender of lawS
Defender of lawS
โพสต์: 10011
ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ ม.ค. 17, 2005 3:06 pm

อาทิตย์ มี.ค. 09, 2008 5:06 pm

Rakkypoko! เขียน:
ว ส ว สฺ ต์ เขียน:
TheOffspring เขียน: แล้วอย่างเรื่อง จัมเปอร์ (Jumper) ล่ะครับ

ที่พาลาดินชอบพูดว่า "พลังวิเศษแบบนี้ พระเจ้าเท่านั้นที่สมควรมี"
แล้วก็ไล่ฆ่าพวกจัมเปอร์  ::010::

...อันนี้คิดว่าไงอ่ะครับ   :huh:
ชอบอ่ะ
ชอบ Jumper
แต่รู้สึกเสียเซลฟ์ตรง
อยู่ดีๆ มันก็ Pause ไปเฉยๆ
แบบ...ไม่ใช่จบภาคนะ ....หยุดไว้เฉยๆ เลยอ่ะแบบ...
"แกล้งกันชัดๆ"
ใช่แล้ว มีภาคต่อแน่ๆสำหรับ จัมเปอร์

ส่วนthe mist จาโทษคนสร้างก็ไม่ได้ เพราะสร้างมาจากนวนิยายนะเจ้า ภาพยนตร์เป็นศิลปแขนงนึง แล้วเราอย่าไปคิดแอนตี้มากนัก อธิษฐานกับพระเจ้าเยอะๆดีกว่า ลองมองตัวเราเองก่อนว่าเราทำดีที่สุดกันแล้วแค่ไหน กันดีกว่า
ปล หนังดีย่อมเป็นที่จดจำ แต่หนังระ....ย่อมไม่มีใคร สนใจ จ้า

ดูเหมือนรีพลายนี้จะขบประเด็นไม่แตก

นี่ไม่ใช่ประเด็นว่าโทษใคร หรือเพื่อด่าใคร

จุดประสงค์และการสนทนายังคงโฟกัสอยู่ที่ว่าหนังเรื่องนี้ ดี หรือ อันตราย สมควรดูหรือไม่

อย่าหลงประเด็น

ผมเองเรียนจบนิเทศ และเป็นคณะนิเทศศิลป์ด้วย ถ้าคุณคิดจะคุยเรื่องภาพยนตร์ หรือคิดจะคุยเรื่องศิลปะ ผมเลคเชอร์ให้ได้เป็นเล่มทั้งนั้นครับ

ดังนั้น ผมจะขอแนะนำข้อความจริงสั้นๆสักข้อนะครับ

หนังดีคือหนังที่คุณชอบดู หนังไม่ดี คือหนังที่คุณไม่ชอบดู นี่คือข้อเท้จจริงทางการปฏิบัติทางสังคม คนไม่ได้แห่ไปดูหนังได้รางวัล หรือหนังส่งเสริมศีลธรรมดีเด่น แต่คนแห่ไปดูหนังที่ตัวเองดุแล้วมีความสุขเท่านั้นเอง การมอบรางวัลของหนังดีมีคุณภาพ ก็ไม่ได้เน้นที่คุณค่าทางศีลธรรมของหนัง แต่เป็นคุณภาพทางการผลิต เขียนบท ในเชิงศิลปะ ดังนั้น หนังดีๆมากมาย เอาง่ายๆอนิเมชั่นพระพุทธเจ้าในไทยเอง ไม่ได้รางวัลอะไรกะใครเขา แถมไม่ได้เงินด้วย สรุปหนังเรื่องนี้เป็นหนังระ....หรือเปล่า ตรงกันข้าม มันจัดเป็นหนังที่ควรเกณท์เด็กไปดูด้วยซ้ำ สรุปว่าคำจำกัดความของคุณนั้นมันไม่ใช่

หนังดี อาจถูกลืมและอาจไม่มีใครสนใจดูก็ได้ หนังห่วยๆบางเรื่องถูกพูดถึงเสมอแถมมีคนดูเยอะกว่ามากๆ



คำว่าศิลปะ ไม่ควรอ้างพร่ำเพรื่อ ยิ่งหนังเรื่องนี้ ไม่ได้โดดเด่นด้านศิลปะการสร้างอะไร เด่นทางเร้าอารมณ์ซะมาก

            ศิลปะ    เป็นผลงานที่เกิดจากการสร้างสรรค์ จากภูมิปัญญาของมนุษย์ที่ถ่ายทอดออกมา โดยผ่านสื่อวัสดุ เทคนิควิธีการต่างๆ มีคุณค่า ทั้งเนื้อหา เรื่องราวและความหมาย เมื่อได้พบเห็นหรือสัมผัสแล้วก่อให้เกิดความพึงพอใจ ประทับใจมีความสุข เพลิดเพลินและปิติยินดี


ดังนั้น สิ่งใดที่ไม่จรรโลงใจเรา มันก็อาจไม่ใช่ศิลปะสำหรับเรา เป็นแค่สื่อประชาสัมพันธ์ทางธุรกิจเพื่อผลกำไรของผู้ผลิต ไม่จำเป็นต้องเกรงใจคำว่า "ศิลปะ" มากนัก มันแค่ชื่อเรียกไม่ได้มีพลังอำนาจสูงกว่าเรา เกรงใจและเกรงกลัวสิ่งที่ควรดีกว่าครับ

มธ 10:26-33 
ภาพประจำตัวสมาชิก
BloodSweatAndTearz
โพสต์: 254
ลงทะเบียนเมื่อ: พฤหัสฯ. ธ.ค. 27, 2007 12:49 pm
ติดต่อ:

อาทิตย์ มี.ค. 09, 2008 5:37 pm

ดานุ้งพุงระเบิด เขียน:
BloodSweatAndTearz เขียน: อ่าช่ายๆๆ  ของป๊ากี้หมายถึง แฝงสัญลักษณ์และปรัชญาจนคนดูบางคนไม่เข้าใจและตีความผิดๆ ติดเรท ที่ว่าคือ บางอย่างมันล่อแหลมไงครับ ภาพ คำพูดเสี่ยงต่อการตีความผิดๆ แต่ถ้าคนดูเป็นจะเป็ฯเรื่องสุดยอดของสุดยอดมากๆ ลองหาดูให้ครบทุกเรื่องนะครับแล้วมาแลกเปลี่ยนกันใหม่

ป.ล. 10,000B.C. ไม่spoil ละฮา แหมๆๆๆ จะทำได้ไงเมื่อข้าพเจ้าลืมเนื้อเรื่องแทบหมดหลังจากออกจากโรงมาแล้ว แบบว่า ไม่รู้สิใครเป็นเป็นแบบผมบอกกันมั่งน่ะครับ จำได้คราวๆเอง  ไม่รูช่วงนี้เครียดๆรึเปล่าเลยบ้าๆ -*-
อยากตามหานังของคีสโลวกี้มาดูเหมือนกันครับ เพิ่งมีแค่ไตรภาคสามสีเก็บไว้ อยากได้ The Double life of veronique คุณ Bloodsweatandtearz พอรู้มั้ยครับว่าจะหาได้ที่ไหน
พอทราบฮะอยากได้แบบ ของแท้แต่แพงมากหรือ แบบว่า0...0ต้องคุยที่PMครับ อิอิ
แก้ไขล่าสุดโดย BloodSweatAndTearz เมื่อ อาทิตย์ มี.ค. 09, 2008 5:40 pm, แก้ไขไปแล้ว 1 ครั้ง.
Dis volentibus

อาทิตย์ มี.ค. 09, 2008 7:11 pm

วันนี้พี่เเม่บ้านไปซื้อThe Mist มาดูเเล้ว เเผ่นผีตามฟอร์ม ::010::

เเล้วเขาก็เลยมาถามข้าพเจ้าว่า "หนังเรื่องนี้มันเป็นหนังของศาสนาคริสต์หรอ?"
ข้าพเจ้าเลยถามตอบไปว่า "ไม่ใช่นิ ดูเเล้วเป็นยังไงบ้างหรอ??"
เค้าก็ตอบมาว่า "หนังมันก็ดี..เเต่มันมีผู้หญิงคนนึง ที่เป็นพวกศาสนาคริสต์นี่เเหล่ะ อะไรก็พระเจ้าๆ ตาขวางๆเหมือนคนบ้าเลยนั่งในห้องนํ้าเเล้วก็พูดอยู่คนเดียวคนอื่นๆก็มองๆมัน น่ารำคาญ อะไรๆก็พระเจ้า"

หลังจากนั้นเลยคุยกันยาวเลย...เพราะเจ๊เเม่บ้านเข้าใจผิดว่านี่คือคำสอนของคริสต์  ::010::

เหอะ เหอะ เหอะ

อีกหนึ่งตัวอย่างจากคนใกล้ตัว....
ภาพประจำตัวสมาชิก
BloodSweatAndTearz
โพสต์: 254
ลงทะเบียนเมื่อ: พฤหัสฯ. ธ.ค. 27, 2007 12:49 pm
ติดต่อ:

จันทร์ มี.ค. 10, 2008 12:21 am

อ่า เป็นคำตามที่ตอบ อยากพอๆกับ Mac กับ PC อะไรดีกว่ากัน
Rakkypoko!
โพสต์: 960
ลงทะเบียนเมื่อ: ศุกร์ ส.ค. 31, 2007 2:35 pm

จันทร์ มี.ค. 10, 2008 2:30 pm

ไม่ได้ตั้งคำถามออกแนวหาเรื่อง แต่พอกลับไปอ่าน เออวะ เหมือนหาเรื่อง แค่จาบอกประเด็นว่า ยุคนี้มันเป็นแง่ของธุรกิจ บางคนไม่ได้เน้นความเป็นศิลป์
ผ่านมา

ศุกร์ พ.ค. 16, 2008 11:41 am

เมื่อวานเพิ่งอ่านหนังสือพิมพ์ เด็กเอ็นทรานซ์ ติดโควต้าวิศวต่างจังหวัดในจังหวัดที่เด็กเีรียนอยู่ และสอบ เอเน็ต โอเน็ตติดวิศวะเกษตร ซึ่งพ่อแม่เด็กบอกว่าเด็กอย่างเรียนวิศวเกษตรมาก (ของตายอยู่แล้ว วิศวเกษตร มีภาษีดีกว่าเห็นเห็น) ซึ่งเด็กสละสิทธิ์ โควต้าไปแล้ว แต่ตอนประกาศสัมภาษณ์ เด็ก ไม่มีชื่อสัมภาษณ์ของวิศวเกษตร เห็นพ่อแม่เด็กบอกว่า เด็กติดต่อทำเรื่องอะไรต่างๆแล้ว แต่ไม่คืบหน้าจึงตัดสินใจฆ่าตัวตาย ก่อนที่ม.เกษตรจะสัมภาษณ์ด้วยซ้ำ  ่ทางม.เกษตร บอกว่าได้รับเรื่องแล้ว ตรวจสอบแล้วเห็นว่าเด็กสละสิทธิ์ โคว้ต้าแ้ล้ว จึงโทรศัพท์บอกเด็กแล้ว ส่งจดหมายบอกเด็กให้มาสัมภาษณ์ด้วย ในวันสัมภาษณ์ยังติดต่อญาติเด็กที่ทำงานที่สาขากำแพงแสนด้วยซ้ำว่าทำไมเด็กจึงไม่มาสัมภาษณ์จึงทราบว่าเด็กฆ่าตัวตายไปแ้ล้ว เมื่อวานเราอ่านข่าว ก็ได้แต่คิดซ้ำๆซากๆในหัวสมองว่า ทำไมเด็กมันไม่รอจนถึงที่สุดน้า.......รอจนแน่ใจจริงๆว่าไม่ได้แน่ๆ    รอจนแน่ใจ 1000เปอร์เซ้นแน่ๆว่าไม่ได้จริงๆ แล้วค่อยฆ่าตัวตายก็ยังทัน  ซึ่งถ้าเด็กรอจริง เด็กก็ไม่ต้องฆ่าตัวตาย เพราะต้องรู้ผลว่าตัวเองได้  ก็ไม่ต้องฆ่าตัวตาย

เมื่อคืน หยิบ The Mist มาดู อารมณ์ค้างเลย............ได้แต่คิดซ้ำๆซากว่าทำไมไม่รอ  อีกนิดเดียวเอง  อีกนิดเดียวเท่านั้น หรือแม้กระทั่ง เดินออกมาเท่านั้น ไม่มีใครรู้หรอกว่าจะต้องเดินอีกนานแค่ไหนถึงจะออกจากหมอกได้ อาจจะต้องเดินทั้งชีวิต  หรือแค่ 2-3 ก้าว อาจจะอยู่ได้เป็นปีๆ หรืออาจแค่วินาทีเดียว แต่........ทำไมไม่ลอง มีตั้งหลายทางเลือก แต่อย่างว่า พระเอกติดกับคำสัญญาที่ให้ลูกไว้ด้วย  ถ้าคุณเป็นพระเอกคุณจะทำอย่างไรได้เล่า......... 

หนังเรื่องนี้ทำให้เราเข้าใจเด็กที่ฆ่่าตัวตายเลย  เราเป็นคนชอบรอ รอและก็รอจนวินาทีสุดท้าย เพื่อนๆจึงให้ฉายาว่า แม่น้ำยาเย็น...............


เพราะ The Mist  ทำให้อารมณ์ค้างเลย เลยต้องหาที่ใครๆวิจารณ์มานั่งอ่าน เลยทำให้เจอเวปนี้ ไม่เคยคิดว่าพวกเราชาวคริสต์มีเวปคุยเรื่อง หนังกันด้วย

โดยส่วนตัวคิดว่า เรื่องนี้ก็ดี เพราะทำให้เห็นสัญชาตญานดิบของคนเรา แต่เราคาดเดาอะไรไม่ได้หรอก เราไม่รู้ว่าคนที่เรารู้จักนั้นเมื่อต้องเผชิญกับความกลัวซึ่งส่งผลถึงความเป็นความตายใครจะเป็นไปได้ขนาดไหน แม้กระทั้งตัวเราเองก็เถอะถ้าต้องตกไปอยู่ในสถานะการณ์เช่นนั้น แ่น่ใจหรือว่าเราจะไม่สติแตกจนเป็นไปได้คล้ายๆกับผู้หญิงคลั่งศาสนาคนนั้น

อย่าอารมณ์เสียหรือแบนหนังเรื่องนี้กันเลยนะ เราว่ามาฟังความคิดเห็นของคนที่ไม่ใช่คริสกันดีกว่า ว่าเค้าคิดกับหนังเรื่องนี้ว่าอย่างไรบ้างและค่อยๆแก้ความคิดผิดๆที่เขาคิดกับพวกเราดีกว่า

โดยความจริงคิดเหมือนคุณ P ทุกประการเลยค่ะ  หนังทำให้คิดไปเลยว่าพระเอกตัดสินใจถูก เลยมานั่งกลุ้มใจกับตัวเองว่า  เอ.....เราบ้าไปแล้วแน่ๆที่คิดว่าเราถูกต้องแล้วที่ไปคิดว่าพระเอกมีความชอบธรรมที่ไปตัดสินใจทำแบบนั้นได้  แต่แล้วหนังก็ตัดฉับทำให้เราต้องมานั่งหาเหตุผลของอารมณ์ค้างของตัวเอง มาอ่านความคิดเห็นในเวปนี้ และเข้าใจพระเจ้าเลย

เราว่า สตีเฟ่น คิงส์ ก็ไม่ใช่คนเลวร้าย นอกศาสนาหรือ เกลียดคริสตชนมั้ง เพราะตอนจบพระเอกก็ได้รับการลงโทษอย่างสาสมเลย
ตอบกลับโพส