ทำไมการแต่งงานของรักร่วมเพศถึงถูกกีดกัน ??

ถาม-ตอบพระคัมภีร์ เรื่องเสริมศรัทธา ความรู้ และสาระ บทความ ในคริสตศาสนา
†PricELiFE†
โพสต์: 363
ลงทะเบียนเมื่อ: อังคาร ก.พ. 12, 2008 10:21 pm
ที่อยู่: World

เสาร์ พ.ค. 03, 2008 12:30 am

เพื่อนมันฝากถามมาอ่ะครับ พอดีไปนั่งพูดเรื่องศาสนาให้ฟังแล้วดันไปเลยเรื่องนี้ให้มันฟัง

คือว่า ในเมื่อ ชาย กับ หญิง แต่งกันได้ (คนปกติจะมองว่าเป็นเรื่องปกติเพียงเพราะสามารถมีลูกได้ ?)

และทำไม โฮโมเซ็กชวน ถึงแต่งงานไม่ได้อ่ะครับ ในเมื่อการเป็นโฮโมไม่ถือว่าเป็นบาป (เคยอ่านมา)

เพราะเพื่อนๆของผมที่เป็นโฮโม ก็ไม่ได้เป็นคนไม่ดีอะไร (เผลอๆดีกว่าคนที่คนส่วนใหญ่มองว่าปกติด้วยซ้ำ)

หรือเพราะว่า แค่ไม่สามารถมีลูกได้ ? เง้ออออออออ ~ งงคร้าบบบ

มันไร้สารอ๊ะเปล่า เนี่ย - -"  : xemo023 :
ภาพประจำตัวสมาชิก
Holy
Defender of lawS
Defender of lawS
โพสต์: 10011
ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ ม.ค. 17, 2005 3:06 pm

เสาร์ พ.ค. 03, 2008 1:50 am

ยังไม่เคยอ่านกระทู้นี้เลยสินะครับ

http://www.newmana.com/yabb/index.php?topic=7736.0

ลองอ่านดูนะครับจะเข้าใจทั้งหมด
In the name of father
โพสต์: 719
ลงทะเบียนเมื่อ: อังคาร ม.ค. 08, 2008 5:47 am
ที่อยู่: กาญจนบุรี

เสาร์ พ.ค. 03, 2008 6:18 am

ถ้าแค่เป็นโฮโมเฉยๆ(ควบคุมและอดทนตัณหาได้)ก็ไม่บาปหรอกครับ แต่ถ้าแต่งงานมันก็จะมีเรื่องเพศเข้ามาเกี่ยวอ่ะนะ ก็เลย(น่าจะ)บาป  ::010::
Jeab Agape
~@
โพสต์: 8259
ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ ม.ค. 17, 2005 9:56 pm
ที่อยู่: Bangkok

เสาร์ พ.ค. 03, 2008 12:57 pm

ก็มันไม่ใช่การแต่งงานกันตามปกติเพศ ที่พระเจ้าทรงสร้างไงล่ะ ที่ภาษาปัจจุบันใช้ว่าเบี่ยงเบน :wink:

พี่น้องคริสตัง ถ้าตามอ่านข่าวตอนที่สมเด็จพระสันตะปาปาเบนเนดิกต์ ที่ 16 เสด็จเยือนสหรัฐฯ พระองค์
ทรงให้สัมภาษณ์สื่อชัดเจน ว่าพระองค์ไม่เห็นด้วยกับรักร่วมเพศ และทรงตรัสสั่งให้เอาจริงเอาจัง
โดยเฉพาะ กลุ่ม บาทหลวง ซึ่งแต่ละปี พระศาสนจักรคาทอลิก ต้องเสียเงิน ค่าเสียหายในการขึ้นโรงขึ้นศาลกรณี child abuse เยอะมาก
สิ่งเหล่านี้ทำให้ พระศาสนจักรอ่อนแอลง

และเรื่องต่อมาก็คือทรงตอบคำถามเรื่องการให้โรงเรียนคาทอลิก ยืนยันสอนเรื่องพระเยซูเจ้า เพราะนั่นคือพระประสงค์ของพระเจ้าที่
ให้ ตั้งโรงเรียนคาทอลิกขึ้นในชุมชนของโลกนี้ เพื่อจะเป็นท่อพระพร นำลูกของพระที่หลงหาย(ไปจากพระเจ้า) กลับคืนอ้อมพระทรวง
ของพระองค์

ปล. พี่แซน อายุ 14 เพื่อน ก็น่าประมาณนั้น บอกให้เขาหันกลับไปรักสาวๆ เพื่อจะได้สร้างครอบครัวของพระเจ้าในอนาคตเถอะ
Isolation
โพสต์: 1042
ลงทะเบียนเมื่อ: เสาร์ มี.ค. 22, 2008 11:37 am
ที่อยู่: Ether23@hotmail.com

เสาร์ พ.ค. 03, 2008 3:23 pm

: emo073 :
ภาพประจำตัวสมาชิก
ดานุ้งพุงระเบิด
โพสต์: 518
ลงทะเบียนเมื่อ: พฤหัสฯ. ส.ค. 31, 2006 3:57 pm
ที่อยู่: อุบลราชธานี

เสาร์ พ.ค. 03, 2008 4:55 pm

ทำไมมันเป็นกันเยอะแยะจังสมัยนี้  : emo073 :
In the name of father
โพสต์: 719
ลงทะเบียนเมื่อ: อังคาร ม.ค. 08, 2008 5:47 am
ที่อยู่: กาญจนบุรี

เสาร์ พ.ค. 03, 2008 5:45 pm

เคยดูรายการทางทรูวิชั่น(จำชื่อไม่ได้ว่ารายการอะไร)  ::010::

เป็นเกย์ 5 คนที่เขาจะรับหน้าที่ไปช่วยจัดบ้าน ดูแบบเสื้อผ้าแล้วก็สอนอะไรต่างๆให้ "ชายแท้" ที่กำหนดให้(ไม่ได้สอนให้เป็นเกย์นะ!!!)

ดูแล้วรู้สึกว่า ถ้าไม่มีเรื่องเพศมาเกี่ยว คนพวกนี้ก็ดูเป็นคนดีออกนะครับ  ::014::


แต่ถ้าแต่งงาน ยังไงมันก็เกี่ยวกะเรื่องเพศอ่ะนะ  ::005::
Alphonse
โพสต์: 1792
ลงทะเบียนเมื่อ: พุธ ส.ค. 23, 2006 10:45 pm
ที่อยู่: Thailand

เสาร์ พ.ค. 03, 2008 7:14 pm

Jeab Agape เขียน:
ปล. พี่แซน อายุ 14 เพื่อน ก็น่าประมาณนั้น บอกให้เขาหันกลับไปรักสาวๆ เพื่อจะได้สร้างครอบครัวของพระเจ้าในอนาคตเถอะ
ไม่ได้อะไรหรอกนะครับ...
แต่ของแบบนี้มันเปลี่ยนกันได้หรือ...
ถ้าหลอกตัวเองไปวันๆ อนาคตลูกที่เกิดมาน่าเป็นห่วง
เพราะพ่อไม่ได้รักแม่ของเขาจริงๆ

ในกรณีของคุณพ่อบาทหลวง จุดนี้ข้าพเจ้าเห็นด้วยว่า
ไม่บังควรที่จะมีพฤติกรรมเช่นนั้น คุณพ่อไม่ควรปฏิบัติเรื่องเช่นนั้น
ไม่ใช่เฉพาะกับเด็กชาย แต่กับเด็กหญิง หรือผู้ใหญ่ก็เช่นกัน
ดังนั้นข้าพเจ้าเห็นว่าการที่คุณพ่อจะชอบผู้ชายมากกว่าผู้หญิงไม่ใช่เรื่องผิด
แต่คุณพ่อที่ล่วงละเมิดทางเพศ และทุราจารย์ศีลบวชต่างหากที่ผิดอย่างมหันต์

ส่วนตัว...ด้วยความเคารพในพระสันตบิดร
แต่ข้าพเจ้าไม่อาจเห็นด้วยได้...จะว่าทรยศหรือบังอาจก็น้อมรับ
การต่อต้านการรักร่วมเพศ เป็นอะไรที่.."เป็นไปได้"
ทุกอย่างขึ้นกับน้ำพระทัยของพระองค์
แต่การแสดงออกของพระสันตบิดร เป็นไปในทำนอง "anti" เสียมากกว่า "ไม่ยอมรับ"
จากการเรียนทฤษฎีการแสดงออกมา...มันเป็นไปไม่ได้ที่มนุษย์จะเปลี่ยนความสนใจทางเพศ
เราหันมาปลูกฝังส่งเสริมให้พวกเขาเหล่านั้น...รักและอยู่ร่วมกันโดยปราศจากเรื่องเพศ
มากกว่าตั้งแง่ว่าเขา "เบี่ยงเบน" "ผิดปกติ" "บาปหนา" ไม่ดีกว่าหรือ

ส่วนการแต่งงานนั้นข้าพเจ้าเข้าใจว่า...ท่านคงกลัว..เพราะการแต่งงานมักจะมาพร้อมกับเรื่องทางเพศอยู่แล้ว
ข้าพเจ้าไม่ทราบว่าพระสันตบิดรคิดเช่นไรกันแน่ พระองค์เพียงต่อต้านการแต่งงาน หรือต่อต้านพวกรักร่วมเพศเลย
แต่จากการติดตามข่าว การแสดงออกขององค์ท่าน ทำให้ข้าพเจ้าอนุมานได้ดังเช่นพิมพ์มานี้
ซึ่งข้าพเจ้าว่า..นั่นอาจเป็นสาเหตุที่พระศาสนจักรอ่อนแอเช่นกัน เพราะพระศาสนจักรกำลังละเมิดสิทธิมนุษยชน
ดูถูกความเป็นคน และสิ่งสร้างของพระ

ทั้งนี้ ข้าพเจ้าขอชื่นชมพระสันตบิดรที่ยังเป็นเสาหลักแห่งความเชื่อของชาวคริสตชน
ในยุคที่ศีลธรรม คำสอน และศาสนาถดถอยลงเช่นนี้
องค์ท่านไม่เคยไหวติงกับคลื่นกระแสนิยมที่ถั่งโถมจนน่ากลัว
ข้าพเจ้าขอสรรเสริญด้วยความบริสุทธิ์ใจ


ด้วยจิตคารวะ
ภาพประจำตัวสมาชิก
A G N E A U
โพสต์: 97
ลงทะเบียนเมื่อ: พฤหัสฯ. ธ.ค. 27, 2007 10:22 pm

เสาร์ พ.ค. 03, 2008 7:41 pm

Jeab Agape เขียน:
ปล. พี่แซน อายุ 14 เพื่อน ก็น่าประมาณนั้น บอกให้เขาหันกลับไปรักสาวๆ เพื่อจะได้สร้างครอบครัวของพระเจ้าในอนาคตเถอะ
เปลี่ยนกันไม่ได้หรอกนะ บอกตรงๆ คนที่ดูเหมือนเปลี่ยนอ่ะ หลอกตัวเอง เจอมาหลายคนล่ะ พ่อเพื่อนนี่แหละ สุดท้ายทำบาปหนักกว่าเดิมอีก
คนไม่ได้เป็นไม่รู้หรอกว่าเจ็บปวดที่เกิดมาเป็นแบบนี้ ทั้งๆที่ไม่ได้อยากจะเป็นเลยแม้แต่น้อย
ภาพประจำตัวสมาชิก
ดานุ้งพุงระเบิด
โพสต์: 518
ลงทะเบียนเมื่อ: พฤหัสฯ. ส.ค. 31, 2006 3:57 pm
ที่อยู่: อุบลราชธานี

เสาร์ พ.ค. 03, 2008 9:46 pm

ว ส ว สฺ ต์ เขียน:
Jeab Agape เขียน:
ปล. พี่แซน อายุ 14 เพื่อน ก็น่าประมาณนั้น บอกให้เขาหันกลับไปรักสาวๆ เพื่อจะได้สร้างครอบครัวของพระเจ้าในอนาคตเถอะ
ไม่ได้อะไรหรอกนะครับ...
แต่ของแบบนี้มันเปลี่ยนกันได้หรือ...
ถ้าหลอกตัวเองไปวันๆ อนาคตลูกที่เกิดมาน่าเป็นห่วง
เพราะพ่อไม่ได้รักแม่ของเขาจริงๆ

ในกรณีของคุณพ่อบาทหลวง จุดนี้ข้าพเจ้าเห็นด้วยว่า
ไม่บังควรที่จะมีพฤติกรรมเช่นนั้น คุณพ่อไม่ควรปฏิบัติเรื่องเช่นนั้น
ไม่ใช่เฉพาะกับเด็กชาย แต่กับเด็กหญิง หรือผู้ใหญ่ก็เช่นกัน
ดังนั้นข้าพเจ้าเห็นว่าการที่คุณพ่อจะชอบผู้ชายมากกว่าผู้หญิงไม่ใช่เรื่องผิด
แต่คุณพ่อที่ล่วงละเมิดทางเพศ และทุราจารย์ศีลบวชต่างหากที่ผิดอย่างมหันต์

ส่วนตัว...ด้วยความเคารพในพระสันตบิดร
แต่ข้าพเจ้าไม่อาจเห็นด้วยได้...จะว่าทรยศหรือบังอาจก็น้อมรับ
การต่อต้านการรักร่วมเพศ เป็นอะไรที่.."เป็นไปได้"
ทุกอย่างขึ้นกับน้ำพระทัยของพระองค์
แต่การแสดงออกของพระสันตบิดร เป็นไปในทำนอง "anti" เสียมากกว่า "ไม่ยอมรับ"
จากการเรียนทฤษฎีการแสดงออกมา...มันเป็นไปไม่ได้ที่มนุษย์จะเปลี่ยนความสนใจทางเพศ
เราหันมาปลูกฝังส่งเสริมให้พวกเขาเหล่านั้น...รักและอยู่ร่วมกันโดยปราศจากเรื่องเพศ
มากกว่าตั้งแง่ว่าเขา "เบี่ยงเบน" "ผิดปกติ" "บาปหนา" ไม่ดีกว่าหรือ

ส่วนการแต่งงานนั้นข้าพเจ้าเข้าใจว่า...ท่านคงกลัว..เพราะการแต่งงานมักจะมาพร้อมกับเรื่องทางเพศอยู่แล้ว
ข้าพเจ้าไม่ทราบว่าพระสันตบิดรคิดเช่นไรกันแน่ พระองค์เพียงต่อต้านการแต่งงาน หรือต่อต้านพวกรักร่วมเพศเลย
แต่จากการติดตามข่าว การแสดงออกขององค์ท่าน ทำให้ข้าพเจ้าอนุมานได้ดังเช่นพิมพ์มานี้
ซึ่งข้าพเจ้าว่า..นั่นอาจเป็นสาเหตุที่พระศาสนจักรอ่อนแอเช่นกัน เพราะพระศาสนจักรกำลังละเมิดสิทธิมนุษยชน
ดูถูกความเป็นคน และสิ่งสร้างของพระ

ทั้งนี้ ข้าพเจ้าขอชื่นชมพระสันตบิดรที่ยังเป็นเสาหลักแห่งความเชื่อของชาวคริสตชน
ในยุคที่ศีลธรรม คำสอน และศาสนาถดถอยลงเช่นนี้
องค์ท่านไม่เคยไหวติงกับคลื่นกระแสนิยมที่ถั่งโถมจนน่ากลัว
ข้าพเจ้าขอสรรเสริญด้วยความบริสุทธิ์ใจ


ด้วยจิตคารวะ

ลองค้นข้อมูลดูในอินเตอร์เนตนะครับ จะเห็นมีบทความเกี่ยวกับเกย์หลายคนที่กลับมารักหญิง แต่งงาน มีครอบครัว มีความสุข และหลายคนทีเดียวที่มีความสุขในด้านนี้เพราะในศีลในพรของพระเจ้า ผมจำได้ว่าเคยอ่านเจอเกย์รายหนึ่งกำลังเดินขบวนประท้วงศาสนจักร แล้วทันใดเขาได้ยินเสียงว่า "เจ้าไม่ควรมาเดินอยู่ในทางนี้" แล้วเขาก็ทิ้งป้าย เข้าหาพระเยซู และเปลี่ยนตนทันที

"อีกอันที่ทำให้ผมเชื่อว่าเกย์เปลี่ยนได้คือเรื่องความลับของวิญญาณในไฟชำระ

สำคัญมาก ! คุณเคยถูกเยี่ยมจากวิญญาณที่เมื่ออยู่ในโลกประพฤติไม่ดีไหม ? ฉันกำลังคิดถึงคนชอบทำบาปทางเพศ
ใช่ พวกเขาไม่ได้ตกนรกทุกคนหรอก แต่พวกเขาต้องทรมานเพื่อชำระตนมาก ตัวอย่างเช่น พวกทำบาปร่วมเพศเดียวกัน (Homosexual) นี่แน่นอน ปีศาจสอนเขาแน่

คุณจะแนะนำคนที่ชอบทำบาปอย่างนี้อย่างไรคะ?
จงสวดให้เขามีกำ ลังต่อต้านการประจญ สวดขอเทวดามีคาแอล ผู้เคยไล่ปีศาจลงนรก !"


ส่วนที่เรื่องพระสันตปาปาต่อต้านการแต่งงานของรักร่วมเพศ ง่ายๆ พระคัมภีร์ก็บอกไว้นิ่ครับ ว่าสามีจะแยกจากบิดามารดา ไปอยู่กับภรรยา ไม่ใช่สามีจะแยกจากบิดามารดาไปอยู่กับสามี

ผมไม่เห็นด้วยนะครับว่าความคิดของพระสันตปาปาทำให้พระศาสนจักรอ่อนแอ ถ้าเราไม่หนักแน่นในความเชื่อ และสิ่งที่พึงปฏิบัติสอนกันมา แล้วจะเหลืออะไร จะเปลี่ยนกันตามกาลเวลาไปเรื่อยๆ ? ดูอย่างสังคมสมัยนี้มันดีแล้วเหรอครับ? มีใครบ้างที่มาพึ่งพระ เพราะสุขสบายดีอยู่แล้ว ผมเชื่อว่าหลายคนทีเดียวที่ทนสังคมปัจจุบันไม่ได้เลยหันมาพึ่งพระ เพื่อให้พระยึดเหนี่ยวสิ่งดีงามต่างๆ ในวิญญาณตนไว้

ต่อไปมีเพศสัมพันธ์ก่อนแต่งงานก็คงไม่บาปถ้าเราไหลไปตามยุคสมัยเรื่อยๆ
แก้ไขล่าสุดโดย Anonymous เมื่อ เสาร์ พ.ค. 03, 2008 9:48 pm, แก้ไขไปแล้ว 1 ครั้ง.
Dis volentibus

เสาร์ พ.ค. 03, 2008 10:29 pm

ดานุ้งพุงระเบิด เขียน: ผมไม่เห็นด้วยนะครับว่าความคิดของพระสันตปาปาทำให้พระศาสนจักรอ่อนแอ ถ้าเราไม่หนักแน่นในความเชื่อ และสิ่งที่พึงปฏิบัติสอนกันมา แล้วจะเหลืออะไร จะเปลี่ยนกันตามกาลเวลาไปเรื่อยๆ ? ดูอย่างสังคมสมัยนี้มันดีแล้วเหรอครับ? มีใครบ้างที่มาพึ่งพระ เพราะสุขสบายดีอยู่แล้ว ผมเชื่อว่าหลายคนทีเดียวที่ทนสังคมปัจจุบันไม่ได้เลยหันมาพึ่งพระ เพื่อให้พระยึดเหนี่ยวสิ่งดีงามต่างๆ ในวิญญาณตนไว้

ต่อไปมีเพศสัมพันธ์ก่อนแต่งงานก็คงไม่บาปถ้าเราไหลไปตามยุคสมัยเรื่อยๆ
เห็นด้วยค่ะ
Alphonse
โพสต์: 1792
ลงทะเบียนเมื่อ: พุธ ส.ค. 23, 2006 10:45 pm
ที่อยู่: Thailand

เสาร์ พ.ค. 03, 2008 10:52 pm

ลองกลับไปอ่านช้าๆ และใจเย็นๆ นะครับ
แล้วจะทราบว่าข้าพเจ้าไม่ได้ต้องการให้พระสันตบิดรไหลตามกระแสเลย...
ข้าพเจ้าชื่นชมพระองค์ด้วยซ้ำกับที่ยืนหยัดในหลักความเชื่อเพื่อทำให้พระศาสนจักรเข้มแข็ง
ที่ข้าพเจ้าไม่เห็นด้วยอยู่ในประเด็นการที่พระองค์แสดงปฏิกิริยาต่่อต้านเพศที่สาม "แรง"
เหมือนคนเหล่านั้นไม่ใช่สิ่งสร้างของพระ

ส่วนตัวข้าพเจ้าไม่เห็นว่าการเบี่ยงเบนเป็นความผิดปกติ
ดังนั้นข้าพเจ้าจึงไม่คิดว่าจำเป็นจะต้องให้คนเหล่านั้นขอพระพรในเรื่องนี้
เพราะการดังกล่าวอาจเป็นพระพรอยู่แล้ว
คือให้เขาดำรงตนเป็นโสดไม่ต้องมีครอบครัว
เพราะเขาสามารถดำรงตนให้เป็นโสด เพื่อภาวนาและ ปฏิบัติกิจเพื่อรักษาโลกใบนี้ได้ด้วยซ่้ำ
ถ้าจะขอพระพร ก็เพื่อให้หน้าที่นี้สำเร็จลุล่วงไปด้วยดีเสียมากกว่า

เรื่องเพศสัมพันธ์นี่..ถ้ามันจะมั่ว เพศไหนก็มั่วเหมือนกันน่ะล่ะ

ด้วยจิตคารวะ
แก้ไขล่าสุดโดย Anonymous เมื่อ เสาร์ พ.ค. 03, 2008 10:55 pm, แก้ไขไปแล้ว 1 ครั้ง.
ภาพประจำตัวสมาชิก
P
.
.
โพสต์: 1383
ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ ม.ค. 17, 2005 10:10 pm
ที่อยู่: เมืองไทย

เสาร์ พ.ค. 03, 2008 11:20 pm

ทำไมการแต่งงานของรักร่วมเพศถึงถูกกีดกัน ??

ตอบ:
ความเห็นผมก็คือ เพราะฝรั่งส่วนใหญ่ถือการแต่งงานเป็นพิธีทางศาสนาอย่างหนึ่ง ดังนั้น หากอนุญาตให้แต่งได้ ก็แสดงว่าพระเจ้าอนุญาต เมื่อจะจัดพิธีในทำนองว่าพระเจ้าอนุญาต ก็ต้องถามตัวเองว่า พระเจ้าอนุญาตจริงหรือเราคิดไปเองว่าพระเจ้าอนุญาต

(แต่ทั้งนี้ต้องหมายเหตุไว้ว่า การแต่งงานไม่จำเป็นต้องทำโดยบาทหลวงหรือศาสนจารย์เสมอไปนะครับ สามารถทำโดยองค์กรของรัฐได้ ซึ่งในกรณีดังกล่าวอาจจะไม่เกี่ยวข้องกับศาสนาแต่อย่างใด เพียงแต่ผมคิดว่า ในทางศาสนาแล้ว ศาสนิกชนออกมากีดกันหรือต่อต้าน เพราะมันมีผลต่อความเชื่อทางศาสนาในเรื่องการแต่งงานครับ)
ภาพประจำตัวสมาชิก
Holy
Defender of lawS
Defender of lawS
โพสต์: 10011
ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ ม.ค. 17, 2005 3:06 pm

อาทิตย์ พ.ค. 04, 2008 1:12 am

ว ส ว สฺ ต์ เขียน: ลองกลับไปอ่านช้าๆ และใจเย็นๆ นะครับ
แล้วจะทราบว่าข้าพเจ้าไม่ได้ต้องการให้พระสันตบิดรไหลตามกระแสเลย...
ข้าพเจ้าชื่นชมพระองค์ด้วยซ้ำกับที่ยืนหยัดในหลักความเชื่อเพื่อทำให้พระศาสนจักรเข้มแข็ง
ที่ข้าพเจ้าไม่เห็นด้วยอยู่ในประเด็นการที่พระองค์แสดงปฏิกิริยาต่่อต้านเพศที่สาม "แรง"
เหมือนคนเหล่านั้นไม่ใช่สิ่งสร้างของพระ
พระองค์ไม่เคยแสดงออกหรือทำออกมาแบบนั้นเลย ถ้ามี ช่วยยกตัวอย่างที่ชัดๆ
Dis volentibus

อาทิตย์ พ.ค. 04, 2008 1:52 am

ปฐมกาล 2:23-35

อาดัมจึงว่า "บัดนี้ นี่เป็นกระดูกจากกระดูกของเรา และเนื้อจากเนื้อของเรา จะต้องเรียกเธอว่าหญิง
เพราะว่าหญิงนี้ออกมาจากชาย
เหตุฉะนั้นผู้ชายจะจากบิดามารดาของเขา จะไปผูกพันอยู่กับภรรยา
และเขาทั้งสองจะเป็นเนื้ออันเดียวกัน"
เขาทั้งสองยังเปลือยกายอยู่ ผู้ชายและภรรยาของเขายังไม่มีความอาย



สิ่งที่เขียนอยู่ในพระคัมภีร์ คือพระประสงค์ของพระเจ้าอย่างเเท้จริง...
ดังนั้น คนที่จะเป็นภรรยา ต้องเป็นหญิง ไม่ใช่ชาย...

ปฐมกาล 3:20-21

อาดัมเรียกชื่อภรรยาของเขาว่าเอวา
เพราะว่านางเป็นมารดาของบรรดาชนที่มีชีวิต  
พระเยโฮวาห์พระเจ้าทรงทำเสื้อคลุมด้วยหนังสัตว์แก่อาดัมและภรรยา และสวมใส่ให้เขาทั้งสอง

ยืนยันอีกครั้ง ภรรยาต้องเป็นหญิง ไม่ใช่ชาย
Prod Pran
Defender of lawS
Defender of lawS
โพสต์: 3324
ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ ม.ค. 17, 2005 9:54 pm
ที่อยู่: Bangkok

อาทิตย์ พ.ค. 04, 2008 7:03 am

^
^

ดีใจที่มีนักอ่านพระคัมภีร์เกิดขึ้นเยอะ :wink:
ภาพประจำตัวสมาชิก
ดานุ้งพุงระเบิด
โพสต์: 518
ลงทะเบียนเมื่อ: พฤหัสฯ. ส.ค. 31, 2006 3:57 pm
ที่อยู่: อุบลราชธานี

อาทิตย์ พ.ค. 04, 2008 7:11 am

ที่ข้าพเจ้าไม่เห็นด้วยอยู่ในประเด็นการที่พระองค์แสดงปฏิกิริยาต่่อต้านเพศที่สาม "แรง" เหมือนคนเหล่านั้นไม่ใช่สิ่งสร้างของพระ
ผมก็เห็นแต่ท่านต่อต้านการแต่งงานของเพศที่ 3 นี่ครับ

แล้วอีกอย่าง คนที่ทำให้ศาสนจักรอ่อนแอ ไม่ใช่การต่อต้านการแต่งงานของเพศที่ 3 ของพระสันตปาปา แต่เป็นเพศที่สาม ที่เข้ามาเป็นพระสงฆ์ แล้วควบคุมตัวเองไม่ได้ จนทำอนาจารเด็ก นี่ต่างหากที่ทำให้ศาสนจักรอ่อนแอ
ภาพประจำตัวสมาชิก
P
.
.
โพสต์: 1383
ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ ม.ค. 17, 2005 10:10 pm
ที่อยู่: เมืองไทย

อาทิตย์ พ.ค. 04, 2008 9:32 am

ดานุ้งพุงระเบิด เขียน: แล้วอีกอย่าง คนที่ทำให้ศาสนจักรอ่อนแอ ไม่ใช่การต่อต้านการแต่งงานของเพศที่ 3 ของพระสันตปาปา แต่เป็นเพศที่สาม ที่เข้ามาเป็นพระสงฆ์ แล้วควบคุมตัวเองไม่ได้ จนทำอนาจารเด็ก นี่ต่างหากที่ทำให้ศาสนจักรอ่อนแอ
ผมว่าคนที่ทำอนาจารเด็ก ไม่จำเป็นต้องเป็นเพศที่ 3 เสมอไปนะครับ ดีไม่ดีอาจจะไม่มีเพศที่ 3 เลยก็ได้

ผมว่ามันคนละ mindset กันโดยสิ้นเชิง ไม่ใช่ว่าชอบเพศเดียวกันแต่หาที่ลงไม่ได้เลยไปลงกับเด็ก ผมว่าเขาตั้งใจลงกับเด็กตรงๆเลยแหละครับ
Alphonse
โพสต์: 1792
ลงทะเบียนเมื่อ: พุธ ส.ค. 23, 2006 10:45 pm
ที่อยู่: Thailand

อาทิตย์ พ.ค. 04, 2008 11:45 am

Holy เขียน: พระองค์ไม่เคยแสดงออกหรือทำออกมาแบบนั้นเลย ถ้ามี ช่วยยกตัวอย่างที่ชัดๆ
ไม่ขอออกความคิดเห็นเพิ่มเติมในประเด็นนี้ครับ
เพราะออกตัวไปแล้ว...ดังเหตุผลที่ยกไปข้างต้น
M.L. Ecclēsia เขียน: ปฐมกาล 2:23-35

อาดัมจึงว่า "บัดนี้ นี่เป็นกระดูกจากกระดูกของเรา และเนื้อจากเนื้อของเรา จะต้องเรียกเธอว่าหญิง
เพราะว่าหญิงนี้ออกมาจากชาย
เหตุฉะนั้นผู้ชายจะจากบิดามารดาของเขา จะไปผูกพันอยู่กับภรรยา
และเขาทั้งสองจะเป็นเนื้ออันเดียวกัน"
เขาทั้งสองยังเปลือยกายอยู่ ผู้ชายและภรรยาของเขายังไม่มีความอาย



สิ่งที่เขียนอยู่ในพระคัมภีร์ คือพระประสงค์ของพระเจ้าอย่างเเท้จริง...
ดังนั้น คนที่จะเป็นภรรยา ต้องเป็นหญิง ไม่ใช่ชาย...

ปฐมกาล 3:20-21

อาดัมเรียกชื่อภรรยาของเขาว่าเอวา
เพราะว่านางเป็นมารดาของบรรดาชนที่มีชีวิต  
พระเยโฮวาห์พระเจ้าทรงทำเสื้อคลุมด้วยหนังสัตว์แก่อาดัมและภรรยา และสวมใส่ให้เขาทั้งสอง

ยืนยันอีกครั้ง ภรรยาต้องเป็นหญิง ไม่ใช่ชาย
ยืนยันความเชื่อ และเห็นชอบด้วยครับ
แต่รู้สึกว่าจะไม่มีใครค้านประเด็นนี้เลยนะครับ จึงไม่น่าจะต้องยกขึ้นมากล่าวอ้างแต่อย่างใด
P เขียน:
ผมว่าคนที่ทำอนาจารเด็ก ไม่จำเป็นต้องเป็นเพศที่ 3 เสมอไปนะครับ ดีไม่ดีอาจจะไม่มีเพศที่ 3 เลยก็ได้

ผมว่ามันคนละ mindset กันโดยสิ้นเชิง ไม่ใช่ว่าชอบเพศเดียวกันแต่หาที่ลงไม่ได้เลยไปลงกับเด็ก ผมว่าเขาตั้งใจลงกับเด็กตรงๆเลยแหละครับ

เห็นด้วยครับ

ด้วยจิตคารวะ


ปล. เนื่องจาก rep ที่แล้วและ rep นี้
ข้าพเจ้าจึงขอปิดการออกความคิดเห็นของตนเองใน tropic นี้ไว้เพียงเท่านี้
In the name of father
โพสต์: 719
ลงทะเบียนเมื่อ: อังคาร ม.ค. 08, 2008 5:47 am
ที่อยู่: กาญจนบุรี

อาทิตย์ พ.ค. 04, 2008 1:28 pm

ไม่สนับสนุนสาย Y นั่นเอง  ::006:: (แต่พวกผู้หญิงเขาชอบกันนะ  ::018:: )

ถ้าด้วยความเห็นส่วนตัวแล้ว (ไม่ขอออกความเห็นเรื่องศาสนจักรนะครับ เพราะผมเป็นโปรฯ ไม่ค่อยสันทัดเรื่องทางวาติกันเท่าไหร่  ::010:: )


ชาย-รักหญิง "ไม่บาป"
    -รักชาย "ไม่บาป" (ไม่งั้น 12 สาวก+นักบุญเปาโลก็ตกนรกก่อนเพื่อนล่ะครับ เพราะพวกเขารักพระเยซู)
หญิง-รักชาย "ไม่บาป"
    -รักหญิง "ไม่บาป" (อย่าบอกนะว่าลูกสาวรักแม่มันบาปน่ะ)


ชาย-สมสู่กับภรรยา "ไม่บาป"
    -สมสู่กับสามี(?) "บาป" (ถือว่าฝืนแรงผลักดันของธรรมชาติที่พระเจ้าสร้างมา)
    -ล่วงประเวณีชาย "บาป"
    -ล่วงประเวณีหญิง "บาป"
หญิง-สมสู่กับสามี "ไม่บาป"
    -สมสู่กับภรรยา(?) "บาป" (เช่นกันกับกรณีของผู้ชาย)
    -ล่วงประเวณีหญิง "บาป"
    -ล่วงประเวณีชาย(มันจะมีเรอะ!?) "บาป"

ก็ตามนี้มั้งครับ
ภาพประจำตัวสมาชิก
ดานุ้งพุงระเบิด
โพสต์: 518
ลงทะเบียนเมื่อ: พฤหัสฯ. ส.ค. 31, 2006 3:57 pm
ที่อยู่: อุบลราชธานี

อาทิตย์ พ.ค. 04, 2008 1:33 pm

P เขียน:
ดานุ้งพุงระเบิด เขียน: แล้วอีกอย่าง คนที่ทำให้ศาสนจักรอ่อนแอ ไม่ใช่การต่อต้านการแต่งงานของเพศที่ 3 ของพระสันตปาปา แต่เป็นเพศที่สาม ที่เข้ามาเป็นพระสงฆ์ แล้วควบคุมตัวเองไม่ได้ จนทำอนาจารเด็ก นี่ต่างหากที่ทำให้ศาสนจักรอ่อนแอ
ผมว่าคนที่ทำอนาจารเด็ก ไม่จำเป็นต้องเป็นเพศที่ 3 เสมอไปนะครับ ดีไม่ดีอาจจะไม่มีเพศที่ 3 เลยก็ได้

ผมว่ามันคนละ mindset กันโดยสิ้นเชิง ไม่ใช่ว่าชอบเพศเดียวกันแต่หาที่ลงไม่ได้เลยไปลงกับเด็ก ผมว่าเขาตั้งใจลงกับเด็กตรงๆเลยแหละครับ

ตรงนี้ผมอ้างคำของพระสันตปาปาที่ต้องการให้ตรวจสอบเรื่องนี้ในหมู่พระสงฆ์อ่ะครับ ผมก็เห็นด้วยกับคุณ P แต่บางทีที่พระสันตปาปาใช้อาจหมายถึงการล่วงละเมิดทางเพศเด็กผู้ชาย แต่ใช้คำว่าเพศที่สาม เพื่อไม่สื่อความหมายหยาบคาย หรืออะไรก็ได้ ตามความคิดของท่าน ซึ่งผมไม่รู้อ่ะครับ

ว่าแต่ถ้าลงกับเด็ก แต่เป็นเด็กเพศชาย :huh: ตรงนี้งง เอาเป็นว่าผมไม่รู้ว่าพวกนั้นเขาคิดยังไงแล้วกันอ่ะครับ
ภาพประจำตัวสมาชิก
ดานุ้งพุงระเบิด
โพสต์: 518
ลงทะเบียนเมื่อ: พฤหัสฯ. ส.ค. 31, 2006 3:57 pm
ที่อยู่: อุบลราชธานี

อาทิตย์ พ.ค. 04, 2008 1:45 pm

ทำไมอยู่ดีๆ กลายเป็นกระทู้ถกเถียงลัทธิการเมือง :huh:
แก้ไขล่าสุดโดย Anonymous เมื่อ อาทิตย์ พ.ค. 04, 2008 1:47 pm, แก้ไขไปแล้ว 1 ครั้ง.
ภาพประจำตัวสมาชิก
Holy
Defender of lawS
Defender of lawS
โพสต์: 10011
ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ ม.ค. 17, 2005 3:06 pm

อาทิตย์ พ.ค. 04, 2008 1:57 pm

ว ส ว สฺ ต์ เขียน:
Holy เขียน: พระองค์ไม่เคยแสดงออกหรือทำออกมาแบบนั้นเลย ถ้ามี ช่วยยกตัวอย่างที่ชัดๆ
ไม่ขอออกความคิดเห็นเพิ่มเติมในประเด็นนี้ครับ
เพราะออกตัวไปแล้ว...ดังเหตุผลที่ยกไปข้างต้น
ถ้าเช่นนั้นต้องถือว่าคุณได้กล่าวหาท่านรุนแรงเกินไป
ภาพประจำตัวสมาชิก
Little Servant
โพสต์: 24
ลงทะเบียนเมื่อ: อาทิตย์ เม.ย. 15, 2007 8:33 am

อาทิตย์ พ.ค. 04, 2008 1:58 pm

ตอนที่ผมเรียนคำสอนเรื่องศีลกล่าวกับคุณพ่อซาเลเซียนท่านหนึ่ง
ท่านเคยบอกผมไว้ว่าศีลกล่าว คือพระหรรษทานของพระที่จะมอบให้แก่คู่แต่งงาน
เพื่อที่เขาจะได้สามารถมีบุตรที่ดี และเติบโตมาเป็นคริสตังที่ดี
ถ้าคู่แต่งงานที่มีเพศเดียวกัน ก็ย่อมไม่สามารถที่จะมีบุตรได้
ดังนั้นจึงไม่มีความจำเป็นที่จะโปรดศีลกล่าวแก่คู่รักที่มีเพศเดียวกัน
แต่คู่รักชายหญิงธรรมดาที่ไม่ใช่คริสตังทั้งคู่ ยังสามารถรับศีลกล่าวได้
นี่คือข้อที่แสดงว่าพระหรรษทานของพระแตกต่างไปในแต่ละกรณีนะครับ
เมื่อคุณไม่สามารถใช้ได้ แล้วพระจะประทานให้คุณทำไม
Alphonse
โพสต์: 1792
ลงทะเบียนเมื่อ: พุธ ส.ค. 23, 2006 10:45 pm
ที่อยู่: Thailand

อาทิตย์ พ.ค. 04, 2008 2:04 pm

Holy เขียน:
ว ส ว สฺ ต์ เขียน:
Holy เขียน: พระองค์ไม่เคยแสดงออกหรือทำออกมาแบบนั้นเลย ถ้ามี ช่วยยกตัวอย่างที่ชัดๆ
ไม่ขอออกความคิดเห็นเพิ่มเติมในประเด็นนี้ครับ
เพราะออกตัวไปแล้ว...ดังเหตุผลที่ยกไปข้างต้น
ถ้าเช่นนั้นต้องถือว่าคุณได้กล่าวหาท่านรุนแรงเกินไป
กระแสมันส่งมาน่ะครับ
(อ้าวไหนบอกจะไม่มาตอบแล้วไงวสวสฺต์ แหะๆ)
Jeab Agape
~@
โพสต์: 8259
ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ ม.ค. 17, 2005 9:56 pm
ที่อยู่: Bangkok

อาทิตย์ พ.ค. 04, 2008 4:15 pm

กลับมาที่ Child Abuse ฮะ พี่ P จริงๆ แล้ว ตามหลักของ ยูนิเซฟ ที่ทำงานกับเด็กๆ บอกว่า เด็ก ทุกๆคน อยู่ในภาวะเสียง
ที่เรียกว่า Child@Risk ว่าด้วย Child@Risk นี่ (หลักของ Compassion )  เด็ก ทุกคนเสี่ยงต่อการตายไปโดยปราศจากพระเจ้า

เด็กยากจน ขาด พ่อ-แม่ หรือผู้ปกปอ้งเขา ขาดคนดูแลอุ้มชู ให้กิน ให้นอน ให้การศึกษา สั่งสอนให้มี จริยธรรม ศีลธรรม อบรม
ให้เติบโตเป็นมนุษย์ที่มีคุณค่าตามพระฉายาของพระเจ้า เมื่อไม่มีตามที่กล่าว พวกเขาต้องต่อสู้อย่างแร้นแค้น ปากกัดตีนถีบ
ไม่มีคนรัก เขาจึงไม่รักคนอื่น ยิ่งกว่านั้น เขาถูกเสี่ยงต่อการถูกละเมิด อาจจะต้องผู้ในวงจรค้ามนุษย์ ที่ทารุณกรรมเด็ก ฯลฯ


-การถูกล่วงละเมิดทางเพศ ซึ่งเป็นได้ทั้งเด็กหญิงเด็กชาย และพวกเด็กๆทำกันเอง ส่วนเรื่อง บาทหลวง ที่เบี่ยงเบนที่ล่วงละเมิดเด็กชายนั้น เป็นส่วนในน้อยนิดคร้าบ

ส่วนเด็กร่ำรวย เขาอยู่ในภาวะ Child@Risk  ด้วยฐานะของเขาฮะ คือมีกิน มีใช้ เข้าถึงเทคโนโลยี่ทุกอย่าง ไอ้เพราะการเข้าถึงนั้นได้ ดึงวิญญาณจิต
ออกจากทางของพระเจ้า จนบางคนไม่มีโอกาสหวนคืนมาหาพระองค์ อีกเลย
อันตน
~@
โพสต์: 4164
ลงทะเบียนเมื่อ: พุธ ก.ค. 06, 2005 6:50 pm
ที่อยู่: ภูเก็ต

อาทิตย์ พ.ค. 04, 2008 10:21 pm

Jeab Agape เขียน:
กลับมาที่ Child Abuse ฮะ พี่ P จริงๆ แล้ว ตามหลักของ ยูนิเซฟ ที่ทำงานกับเด็กๆ บอกว่า เด็ก ทุกๆคน อยู่ในภาวะเสียง
ที่เรียกว่า Child@Risk ว่าด้วย Child@Risk นี่ (หลักของ Compassion )  เด็ก ทุกคนเสี่ยงต่อการตายไปโดยปราศจากพระเจ้า

เด็กยากจน ขาด พ่อ-แม่ หรือผู้ปกปอ้งเขา ขาดคนดูแลอุ้มชู ให้กิน ให้นอน ให้การศึกษา สั่งสอนให้มี จริยธรรม ศีลธรรม อบรม
ให้เติบโตเป็นมนุษย์ที่มีคุณค่าตามพระฉายาของพระเจ้า เมื่อไม่มีตามที่กล่าว พวกเขาต้องต่อสู้อย่างแร้นแค้น ปากกัดตีนถีบ
ไม่มีคนรัก เขาจึงไม่รักคนอื่น ยิ่งกว่านั้น เขาถูกเสี่ยงต่อการถูกละเมิด อาจจะต้องผู้ในวงจรค้ามนุษย์ ที่ทารุณกรรมเด็ก ฯลฯ


-การถูกล่วงละเมิดทางเพศ ซึ่งเป็นได้ทั้งเด็กหญิงเด็กชาย และพวกเด็กๆทำกันเอง ส่วนเรื่อง บาทหลวง ที่เบี่ยงเบนที่ล่วงละเมิดเด็กชายนั้น เป็นส่วนในน้อยนิดคร้าบ

ส่วนเด็กร่ำรวย เขาอยู่ในภาวะ Child@Risk  ด้วยฐานะของเขาฮะ คือมีกิน มีใช้ เข้าถึงเทคโนโลยี่ทุกอย่าง ไอ้เพราะการเข้าถึงนั้นได้ ดึงวิญญาณจิต
ออกจากทางของพระเจ้า จนบางคนไม่มีโอกาสหวนคืนมาหาพระองค์ อีกเลย
น้องเจี๊ยบเคยเจอ Child@Ratไหมละครับ555
เฮ้อ ตอนนี้เรื่องศีลธรรมทางเพศมันจะฉุดจะรั้งกันไหวต่อไปไหมหนอ โทรทัศน์แต่ละวันๆก็มีแต่เรื่องตัวเมียดมตัวผู้ หรือไม่ก็ตัวผู้หลงความขาวตัวเมีย รายการโทรทัศน์เด็กนมไม่ทันแตกพานก็มาร้องเพลงประกวดแหกแข้งแหกขาร้องเพลงอกหักรักคุดกันแล้ว ครูผอมครูพีก็เป็นผู้เสนอแนะที่ดีแสนดี หนูต้องทำอย่างโน้นนะจ๊ะ อย่างนี้นะจ๊ะจะได้Ratได้อย่างมีศิลป์ เป็นการแสดงออก ฉอดๆๆๆๆ พิธีกรก็เพิ่งแก้ผ้าถ่ายรูปหย่าผัว
เฮ้อๆๆๆๆ ออกนอกเรื่องอีกจนได้
ภาพประจำตัวสมาชิก
ดานุ้งพุงระเบิด
โพสต์: 518
ลงทะเบียนเมื่อ: พฤหัสฯ. ส.ค. 31, 2006 3:57 pm
ที่อยู่: อุบลราชธานี

อาทิตย์ พ.ค. 04, 2008 11:36 pm

อันตน เขียน:
Jeab Agape เขียน:
กลับมาที่ Child Abuse ฮะ พี่ P จริงๆ แล้ว ตามหลักของ ยูนิเซฟ ที่ทำงานกับเด็กๆ บอกว่า เด็ก ทุกๆคน อยู่ในภาวะเสียง
ที่เรียกว่า Child@Risk ว่าด้วย Child@Risk นี่ (หลักของ Compassion )  เด็ก ทุกคนเสี่ยงต่อการตายไปโดยปราศจากพระเจ้า

เด็กยากจน ขาด พ่อ-แม่ หรือผู้ปกปอ้งเขา ขาดคนดูแลอุ้มชู ให้กิน ให้นอน ให้การศึกษา สั่งสอนให้มี จริยธรรม ศีลธรรม อบรม
ให้เติบโตเป็นมนุษย์ที่มีคุณค่าตามพระฉายาของพระเจ้า เมื่อไม่มีตามที่กล่าว พวกเขาต้องต่อสู้อย่างแร้นแค้น ปากกัดตีนถีบ
ไม่มีคนรัก เขาจึงไม่รักคนอื่น ยิ่งกว่านั้น เขาถูกเสี่ยงต่อการถูกละเมิด อาจจะต้องผู้ในวงจรค้ามนุษย์ ที่ทารุณกรรมเด็ก ฯลฯ


-การถูกล่วงละเมิดทางเพศ ซึ่งเป็นได้ทั้งเด็กหญิงเด็กชาย และพวกเด็กๆทำกันเอง ส่วนเรื่อง บาทหลวง ที่เบี่ยงเบนที่ล่วงละเมิดเด็กชายนั้น เป็นส่วนในน้อยนิดคร้าบ

ส่วนเด็กร่ำรวย เขาอยู่ในภาวะ Child@Risk  ด้วยฐานะของเขาฮะ คือมีกิน มีใช้ เข้าถึงเทคโนโลยี่ทุกอย่าง ไอ้เพราะการเข้าถึงนั้นได้ ดึงวิญญาณจิต
ออกจากทางของพระเจ้า จนบางคนไม่มีโอกาสหวนคืนมาหาพระองค์ อีกเลย
น้องเจี๊ยบเคยเจอ Child@Ratไหมละครับ555
เฮ้อ ตอนนี้เรื่องศีลธรรมทางเพศมันจะฉุดจะรั้งกันไหวต่อไปไหมหนอ โทรทัศน์แต่ละวันๆก็มีแต่เรื่องตัวเมียดมตัวผู้ หรือไม่ก็ตัวผู้หลงความขาวตัวเมีย รายการโทรทัศน์เด็กนมไม่ทันแตกพานก็มาร้องเพลงประกวดแหกแข้งแหกขาร้องเพลงอกหักรักคุดกันแล้ว ครูผอมครูพีก็เป็นผู้เสนอแนะที่ดีแสนดี หนูต้องทำอย่างโน้นนะจ๊ะ อย่างนี้นะจ๊ะจะได้Ratได้อย่างมีศิลป์ เป็นการแสดงออก ฉอดๆๆๆๆ พิธีกรก็เพิ่งแก้ผ้าถ่ายรูปหย่าผัว
เฮ้อๆๆๆๆ ออกนอกเรื่องอีกจนได้
ผมเคยได้ยินน้องมันเล่าให้ฟังว่า อาจารย์ที่โรงเรียนพูดว่า ถ้าผู้หญิง ไม่ Rat ก็หาสามีไม่ได้หรอก

แม่พิมพ์ของชาติ...
Dis volentibus

อาทิตย์ พ.ค. 04, 2008 11:41 pm

ว ส ว สฺ ต์ เขียน:
M.L. Ecclēsia เขียน: ปฐมกาล 2:23-35

อาดัมจึงว่า "บัดนี้ นี่เป็นกระดูกจากกระดูกของเรา และเนื้อจากเนื้อของเรา จะต้องเรียกเธอว่าหญิง
เพราะว่าหญิงนี้ออกมาจากชาย
เหตุฉะนั้นผู้ชายจะจากบิดามารดาของเขา จะไปผูกพันอยู่กับภรรยา
และเขาทั้งสองจะเป็นเนื้ออันเดียวกัน"
เขาทั้งสองยังเปลือยกายอยู่ ผู้ชายและภรรยาของเขายังไม่มีความอาย



สิ่งที่เขียนอยู่ในพระคัมภีร์ คือพระประสงค์ของพระเจ้าอย่างเเท้จริง...
ดังนั้น คนที่จะเป็นภรรยา ต้องเป็นหญิง ไม่ใช่ชาย...

ปฐมกาล 3:20-21

อาดัมเรียกชื่อภรรยาของเขาว่าเอวา
เพราะว่านางเป็นมารดาของบรรดาชนที่มีชีวิต  
พระเยโฮวาห์พระเจ้าทรงทำเสื้อคลุมด้วยหนังสัตว์แก่อาดัมและภรรยา และสวมใส่ให้เขาทั้งสอง

ยืนยันอีกครั้ง ภรรยาต้องเป็นหญิง ไม่ใช่ชาย
ยืนยันความเชื่อ และเห็นชอบด้วยครับ
แต่รู้สึกว่าจะไม่มีใครค้านประเด็นนี้เลยนะครับ จึงไม่น่าจะต้องยกขึ้นมากล่าวอ้างแต่อย่างใด
ตอบเจ้าของกระทู้ค่ะ ไม่ได้ตอบคนค้าน
ภาพประจำตัวสมาชิก
Zion
~@
โพสต์: 3777
ลงทะเบียนเมื่อ: อังคาร ม.ค. 18, 2005 8:37 pm
ติดต่อ:

จันทร์ พ.ค. 05, 2008 10:31 am

ขอเสริมด้วยบทพระวรสาร

การสมัครใจไม่แต่งงาน

บรรดาศิษย์ทูลพระองค์ว่า "ถ้าสภาพของสามีกับภรรยาเป็นเช่นนี้ ก็ไม่ควรแต่งงานเลย?"
พระองค์ตรัสตอบว่า "บางคนเท่านั้นที่เข้าใจคำสอนนี้ คือผู้ที่พระเจ้าประทานให้
เพราะว่า บางคนเป็นขันทีตั้งแต่ในครรภ์มารดา บางคนถูกมนุษย์ทำให้เป็นขันที
และบางคนทำตนเป็นขันทีเพราะเห็นแก่อาณาจักรสวรรค์ ผู้ที่สามารถเข้าใจได้ ก็จงเข้าใจเถิด"


มัทธิว 19:10-12
ตอบกลับโพส